ตอนที่ 6 : VI. 50%
VI.
.
.
พีพีรู้ว่าตัวเองน่ะมักตกเป้าสายตาคนอื่นเสมอ และยิ่งวันนี้เขาก็ยิ่งรู้สึกว่าทุกสายตาจับจ้องมาที่เขาตั้งแต่เปิดประตูรถของใครบางคนลงมาแล้วเดินตีคู่กันไปห้องเรียนสำหรับปรับพื้นฐาน เสียงซุบซิบเข้าหูเมื่อพวกเขาเดินผ่านไป แต่สำหรับคนหูดีอย่างพีพีและไชน์นั้นกลับได้ยินชัด หนุ่มรุ่นพี่ตาพราวระยับหัวเราะชอบใจในลำคอ ในขณะที่พีพีตีหน้าซื่อทำไม่รู้ไม่ชี้
“ตอนเย็นเดี๋ยวเฮลมันมารับนะ ห้ามกลับก่อนล่ะ เดี๋ยวมันแผ่ไอเย็นใส่อีก รำคาญมัน” ไชน์กระซิบบอกกับพีพี ทั้งคู่เลือกเดินขึ้นบันไดไปชั้นสี่ดีกว่ารอลิฟท์ที่คนต่อแถวรอเสียยาว
“ผมจะกลับก่อนได้ยังไงครับ? ไม่ได้เอารถมา” พีพียักไหล่ หัวเราะขำเมื่อคิดว่าคนบางคนชอบปล่อยไอเย็นจริงๆ อย่างที่ว่า บรรยากาศเยือกเย็นกดดันจนชวนให้รู้สึกหายใจไม่ออก
เป็นนักศึกษาที่มีอาชีพเสริมเป็นมาเฟีย หรือไม่ก็เป็นมาเฟียที่มีอาชีพเสริมเป็นนักศึกษานั่นล่ะ
ไชน์กับพีพีเดินถึงห้องเรียนสำหรับปรับพื้นฐาน รุ่นพี่เป็นคนเปิดประตูให้ ท่ามกลางสายตาของเพื่อนร่วมรุ่นที่มองมา พีพีคลี่ยิ้มหวานเมื่อเห็นสายตาของเพื่อนแต่ละคนมองมา โดยเฉพาะสายตาของมิวและวิทย์ คนหลังน่ะมองเขาอย่างไม่ชอบขี้หน้าแต่ก็ไม่กล้าหาเรื่อง ส่วนคนแรก...มองเขาอย่างเกลียดชังและริษยา ยิ่งเห็นร่างสูงวางมือลงบนหัวเขาแล้วขยี้เบาๆ ก็เรียกเสียงแววตาเกลียดชังจากมิวได้มากกว่าเดิม
หึ...แค่แววตาทำอะไรพีพีไม่ได้หรอก
อยากให้อีกฝ่ายกล้าทำมากกว่ามองอยู่เหมือนกัน
วันนี้เขาเลยจงใจมากับพี่ไชน์ไงล่ะ...เพราะรู้ดีว่าถ้าทำแบบนี้จะทำให้ใครบางคนโมโหแทบตาย แหม...เขาเห็นอาไวน์น่ะรับมือกับคนที่มาหาเรื่องบ่อยๆ แม้แต่ละปีเจอกันไม่กี่ครั้ง แต่คุณอาคนสวยก็สอนอะไรหลายๆ ให้พีพี
โดยเฉพาะ...เรื่องรังแกคน
“เที่ยงนี้สนใจเลี้ยงข้าวผมไหมครับ?” พีพีกะพริบตาฉีกยิ้มหวานราวอ้อน เห็นท่าทางแบบนั้นของกุหลาบดำแล้วไชน์ก็หัวเราะหึ อดยื่นมือไปยีหัวพีพีจนคนอายุน้อยกว่าต้องปัดมือออกเป็นพัลวัน
“เลี้ยงได้ ยังไงก็ไปเบิกกับเฮลมันทีหลัง” ไชน์ยักไหล่ มองตามพีพีที่เดินไปนั่งกับเพื่อนอย่างเกมและหมอน เห็นสองคนนั้นแล้วไชน์ก็กระตุกยิ้ม
คนคุ้นหน้าคุ้นตา...
“ทำไมมากับพี่ไชน์เขาได้อะนาย” หมอนทักขึ้นคนแรก ประโยคคำถามที่คนอื่นๆ ก็หูผึ่งอยากรู้ด้วย
พีพียักไหล่ ยิ้มกว้าง “พี่ไชน์เขาไปค้างคืนที่บ้านน่ะ เลยมาด้วยกัน”
“หาา!!”
“น้องๆ อย่าเสียงดังกันค่ะ!”
“ขอโทษคร้าบบบ!”
เพราะคำตอบของพีพีทำให้ปีหนึ่งทั้งหลายส่งเสียงดังลั่น มองเพื่อนคนดังอย่างตกตะลึง พีพียิ้มขำ หยิบเอาปากกาสีมาเรียงรายบนโต๊ะ พร้อมสมุดจดที่มีสีสันสวยงาม พีพีจดเป็นภาษาอังกฤษเพราะความเคยชินทางภาษา เขาเน้นวาดรูปเพื่อความเข้าใจมากกว่าเขียนยาวเป็นพรืด มือเรียวเท้าคางตัวเองมองเพื่อนๆ แต่ละคนขำๆ
“ยังไงเล่าสิ นี่กูอุตส่าห์เชียร์พี่เฮลไหงนายถึงได้ปิ๊งปั๊งกับพี่ไชน์ไปได้ล่ะเนี่ย” เกมทำสีหน้าจริงจัง ดูอยากรู้อยากเห็นสุดๆ จนพีพีได้แต่หัวเราะ
“จะให้เล่าอะไรอะ”
“พะ...พีพี พูดอย่างนี้มันจะ..จะดูไม่ดีนะ” เสียงสั่นๆ ของมิวดังแทรกขึ้นมา พีพียักไหล่ไม่สนใจประโยคคำถามที่คล้ายจะทำให้เขาเสียหายของมิว
เขาไม่ใช่คนที่สนใจคำคนจนนำมาทำให้ตัวเองต้องลำบากใจหรอก
ใครอยากจะพูดอะไรก็พูดไปเถอะ ตัวเราเป็นยังไงเรารู้ตัวดีที่สุด
พ่อกับแม่ของเขามักบอกเสมอ...คำพูดคนไม่สำคัญ...ไม่ต้องเอามาใส่ใจ
“ผมพูดเรื่องจริง ไม่มีอะไรไม่ดีนี่...เออ เกม หมอน เดี๋ยวตอนเที่ยงพี่ไชน์เขาชวนไปกินข้าวนะ ไปด้วยกัน”
“ไม่พลาดแน่ๆ”
“ฟังอย่างนี้แล้วอยากจะวาร์ปไปตอนเที่ยงเลยจริงๆ แล้วอย่ามาเฉไฉเรื่องพี่ไชน์กับพี่เฮลนะพีพี เล่าให้ฟังด้วย!”
“คร้าบๆ วันนี้ติวฟิฯ เหรอ? แค่เห็นสไลด์ก็ปวดหัวแล้ว เกมกับหมอนต้องช่วยผมด้วยล่ะ”
เกมกับหมอนหัวเราะ มองเจ้าคนตั้งใจเรียนจนดูน่าจะเป็นนักศึกษาดีเด่น บางครั้งที่ไม่เข้าใจหรือพี่ๆ พักให้ทำโจทย์อีกฝ่ายก็หันมาถามเกมกับหมอนอย่างใส่ใจ
ส่วนมิวกำหมัดแน่นจนเล็บจิกลงบนฝ่ามือ
เขาเกลียดมัน!
มันทำให้พี่ไชน์สนใจและทำดีกับมันแบบที่ไม่เคยทำให้ใครมาก่อน! พี่ไชน์เข้าข้างมัน ยิ้มให้มัน หัวเราะให้มัน!
รอให้เปิดเทอมก่อนเถอะ!
แกต้องเจอดีไอ้พีพี!!
......
หลังเลิกกิจกรรมปรับพื้นฐานพีพีก็เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องต่อ แต่วันนี้ไม่มีใครมาหาเรื่องเขาเหมือนทุกที คงเพราะมีพี่ไชน์นั่งมองอยู่ด้วย ตอนเที่ยงไชน์ก็เลี้ยงข้าวพวกพีพีจริงๆ แต่มิวไม่ได้มาด้วย ทั้งๆ ที่ทำท่าอาลัยอาวรณ์อยากมาเสียขนาดนั้น
ที่จริงพี่ไชน์เขาต่างจากแฝดอีกคนค่อนข้างมาก นิสัยเรียกได้ว่าคนละขั้วเลย ดังนั้นก็ยิ่งไม่แปลกใจถ้าหากใครๆ จะไม่สงสัยว่าสองคนนี้น่ะเป็นพี่น้องกัน...แฝดอีกคนชอบสร้างบรรยากาศเย็นชากดดันจนชวนให้ขนลุก ส่วนแฝดอีกคนก็มักยิ้มน้อยๆ และมีภาพลักษณ์เป็นสุภาพบุรุษแสนดี
ไชน์สามารถพูดคุยกับพวกพีพีได้อย่างกลมกลืน เป็นคนรอบรู้มากอีกคนหนึ่ง ไม่ว่าจะคุยเรื่องอะไรก็เข้าร่วมบทสนทนาได้ทุกอย่าง
เข้าร่วมกิจกรรมรับน้องตอนเย็นเสร็จเรียบร้อยพีพีก็หอบเอาโน้ตบุ๊คเครื่องโปรดของตัวเองไปห้องสมุดของมหาวิทยาลัย โดยไม่ลืมที่จะโทรไปบอกคนขับรถตอนเย็นให้มารับที่นี่ด้วย ในช่วงเวลาที่ยังไม่เปิดเทอมแบบนี้นักศึกษาบางตาจนแทบจะไม่มีเลย มีคนภายนอกไม่กี่คนเท่านั้นที่มาใช้บริการ พีพีที่ยังไม่มีบัตรนักศึกษาก็ต้องใช้บัตรประชาชนยืนกับเอกสารลงทะเบียนเรียนเข้ามาเหมือนกัน
ทำไมห้องสมุดต้องทำให้ยุ่งยากขนาดนี้ด้วยก็ไม่รู้...
เมื่อเลือกมุมได้พีพีก็จัดการเปิดโน้ตบุ๊คของตัวเองขึ้นมา เขากดลงบนแป้นคีย์อย่างรวดเร็ว เพื่อเช็คอีเมลรายละเอียดภารกิจของตัวเอง
ข้อมูลของคนตระกูลฟอร์โนยังไม่มีอะไรคืบหน้าจนน่าแปลกใจ
ข้อมูลของสองแฝดที่เขาส่งให้เฮอร์เมสไปสืบก็ไม่ได้อะไรมากจนน่าแปลกใจเหมือนกัน...เฮอร์เมสเป็นมือหนึ่งด้านการสืบค้นข้อมูลของอีเดน เป็นแฮคเกอร์มือหนึ่งที่ใครๆ ต่างก็ยอมรับและนับถือในฝีมือ แม้เจ้าตัวจะทำตัวเป็นวิญญาณติดห้องก็เถอะ
พีพีถอนหายใจเบาๆ เขากดสั่งงานที่ตัวเองต้องจัดการให้คนในหน่วย และส่งข้อมูลที่อยากได้ไปให้เฮอร์เมสหาให้เพิ่ม ความจริงการติดต่อกับอีเมลแบบนี้มีความเสี่ยงจะถูกแฮคสูง...แต่นั่นหมายถึงคนแฮคต้องมีความสามารถพอกับแฮคเกอร์มือหนึ่งของอีเดนด้วย! เพราะเซิร์ฟเวอร์ทุกอย่างของพวกเขานั้นมีระบบการป้องกันตัวสูงสุด!
“เฮ้อ...งานนี้มันไม่คุ้มค่าเหนื่อยจริงๆ” พีพียืดแขนตัวเองพึมพำเบาๆ แอร์เย็นๆ ในห้องสมุดทำให้รู้สึกดีขึ้นเล็กน้อย เขาเป็นคนขี้ร้อนและอากาศที่อังกฤษก็ไม่ได้ร้อนแบบเมืองไทย ถึงได้บอกยังไงล่ะว่างานนี้มันไม่คุ้มเอาเสียเลย ถ้าเคลียร์เสร็จจะขอลาพักร้อนสักครึ่งปี! แล้วเกาะติดพ่อไปถ่ายภาพทั่วทุกมุมโลกดีกว่า
พีพีอ้าปากหาววอด ปิดโน้ตบุ๊คแล้วตั้งใจว่าจะไปยืมหนังสือเกี่ยวกับที่เรียนมาวันนี้มาสักเล่มสองเล่ม เอาไปให้อาเพชรสอน ยอมฟังอาเพชรอวยตัวเองสักหน่อยเดี๋ยวก็สอนให้ วิชาพื้นฐานพวกนี้น่าจะไม่ต่างกันมากหรอก
ไหนๆ ก็มาเป็นนักศึกษาแล้วก็ตั้งใจเรียนหน่อยแล้วกัน!
ก็เขาเป็นปีหนึ่งใสๆ !
พีพีถือโน้ตบุ๊คไว้มือหนึ่ง อีกมือไล้ไปตามสันหนังสือเพื่อหาหนังสือที่ต้องการ แต่ดวงตาที่เฉียบคมของพีพีเห็นภาพหนึ่งและคนคุ้นตาสองคนเข้าเสียก่อน
ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าใคร
มิวกับพี่วิทย์
ทั้งสองคนกำลังจูบกันอย่างดูดดื่มในห้องสมุดโดยที่หลบมุมของกล้องวงจรปิดและอาศัยที่ห้องสมุดคนน้อยในการพลอดรักกัน
อืม...ว่าที่ซอกตึกวันนั้นดูดดื่มแล้วห้องสมุดนี่หนักกว่าเยอะ
เส้นผมของมิวดูยุ่งเหยิงริมฝีปากบวมเจ่อ แว่นหนาถูกถอดออกไปเผยให้เห็นใบหน้าสวยเฉี่ยว ต่างกับเด็กเนิร์ดที่ชอบแสดงให้คนอื่นดู
แล้วเขาก็นะ...ต้องมาเห็นตอนสองคนนี้ทำอะไรแบบนี้กันทุกที
แต่ว่าเอิ่ม...ยังไงนี่มันก็ห้องสมุดนะ ไอ้มือที่กำลังจะเปลื้องผ้ากันกับเสียงครางน่ะหยุดกันก่อนก็ได้มั้ง...
“ซน...” เสียงทุ้มเย็นเยือกกระซิบข้างหู ไม่ได้ทำให้พีพีสะดุ้งแค่ยอมรับว่าตกใจ เพราะเขาพอจะรู้ว่ามีไม่กี่คนที่สามารถเข้ามาใกล้ได้ขนาดนี้โดยที่พีพีไม่รู้ตัว
“พี่...” พีพีหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับอีกฝ่ายก็พบว่าตัวเองถูกกักอยู่ในอ้อมแขนแกร่งจนไร้ทางหนี...อีกแล้ว! ส่วนสูงที่มากกว่าทำให้พีพีไม่ชอบใจนักเพราะมันเหมือนตนตกเป็นเหยื่อ
เขาชอบเป็นผู้ล่ามากกว่า
“ซนจริงๆ” เสียงทุ้มเอ่ยเบาๆ มองคนที่โทรบอกให้เขามารับที่ห้องสมุด พอมารับก็กำลังทำตัวเป็นเด็กถ้ำมองแบบนี้
“ผมซนตรงไหน?” พีพีย่นจมูกไม่ยอมรับคำกล่าวหา เฮลหัวเราะหึ เบนสายตาไปมองภาพคนสองคนที่เริ่มปลดเปลื้องเสื้อผ้าออกจากกันส่งเสียงครางจนได้ยินมาถึงนี่ด้วยสายตาเหยียดหยาม
ถ้าควบคุมสัญชาตญาณของตัวเองไม่ได้...ก็ไม่ต่างอะไรกับสัตว์หรอก
เซ็กซ์ไม่ใช่เรื่องผิด แต่อย่างน้อยต้องให้ถูกที่ถูกเวลา
“ยังต้องถาม?” เฮลกระซิบเบาๆ ข้างหูพีพี พวกเขาสองคนใช้เสียงที่เบามากจนแทบจะเป็นเพียงการขยับปากเฉยๆ คุยกัน
“ผมไม่ซนดังนั้นไม่ยอมรับข้อกล่าวหานะครับ” พีพีเชิดหน้าขึ้น เลิกสนใจมิวกับพี่วิทย์ก่อนจะรับมือร่างสูงตรงหน้า เพราะว่ารับมือพี่เฮลนั้นจะพลาดไม่ได้แม้แต่เสี้ยววินาที!
“หึๆ ...ตื่นเต้นเหรอ?” เห็นภาพคนกำลังมีเล่นเซ็กส์แบบ out door กันแล้วตื่นเต้นหรือเปล่า?
พีพีหัวเราะหึส่ายหน้า “แค่นี้ทำให้ผมเกิดอารมณ์ไม่ได้หรอกครับ...ธรรมดาเกินไป” พีพีเคยได้งานหนึ่งใน ที่ต้องไปจัดการศัตรูขององค์กรในเรือสำราญที่ล่องแม่น้ำเทมส์ ห้องของเป้าหมายนั้นทำการสวิงกิ้งหมู่กันร้อนแรงจนพีพียังต้องอึ้ง...
เทียบกับสองคนนี้แล้ว...
“แล้วแบบนี้...จะตื่นเต้นไหม?” เฮลเอ่ย เชยคางพีพีขึ้นจากนั้น...ริมฝีปากของเขาก็กดทับลงบนริมฝีปากของพีพีทันที!
แวบแรกพีพีเบิกตาโตอย่างไม่อยากเชื่อ เขาไม่ได้ดิ้นหนีเพราะรู้ว่ามันเปล่าประโยชน์ แค่พี่เฮลทักเขาเมื่อครู่พีพีก็เข้าไปสู่อาเขตผู้ล่าของอีกฝ่ายไม่มีทางหนีรอดได้เลย ความนุ่มอุ่นหยุ่นๆ นั่นบดเบียดลงบนริมฝีปากของเขาเบาๆ สองสามที จากนั้นฟันคมก็ขบกัดกลีบปากไม่หนักไม่เบา
แปลกใจเป็นความรู้สึกแรก
และเคลิบเคลิ้มหอมหวานเป็นความรู้สึกต่อมา
พีพีเผยอริมฝีปากขึ้นเล็กน้อย ปลายลิ้นร้อนผ่าวสอดเข้ามาในปากของพีพี กวาดชิมไปทั่วภายในโพรงปาก เฮลเลาะชิมความหอมหวานนั้นอยู่อีกสองสามนาทีอย่างเผลอไผล ก่อนจะผละออกมาช้าๆ ใบหน้าของทั้งคู่อยู่ใกล้กันมากจนสัมผัสได้ถึงลมหายใจของกันและกัน
อะไรบางอย่างในตัวพีพีสั่นไหว แต่เขาก็เลือกที่จะลืมมันไปก่อน ดวงตาเรียวคู่สวยฉ่ำวาวกะพริบตาปริบ จากนั้นก็เอ่ยประโยคที่ทำให้เฮลอึ้งบ้าง
“อยากจูบอีก...ได้ไหมครับ?”
กุหลาบดำยอมยั่ว!
มันน่าจริงๆ !
แววตาของเฮลเข้มขึ้น มองใบหน้าหล่อเหลาปนสวยที่ยามนี้เจ้าตัวคงไม่รู้ว่าทำสีหน้าแบบไหนอยู่...สีหน้าที่ยั่วยวนคนมองให้ขาดสติ
อยากดึงอีกฝ่ายมาบดขยี้! ย่ำยีให้ครวญครางอยู่ใต้ร่าง!
“เด็กไม่ดี” เฮลถอนหายใจ ดึงเอาโน้ตบุ๊คในมือพีพีมาถือแล้วก็ดึงมือพีพีให้เดินออกไปด้วยกัน คนอายุน้อยกว่าดึงมือแกร่งไว้ก่อน
“ผมจะยืมหนังสืออะครับ”
“เดี๋ยวติวให้” เฮลตบกลับจัดการลากมือคนดื้อให้เดินไปด้วยกัน ทิ้งภาพคนสองคนที่กำลังครวญครางอย่างเข้าด้ายเข้าเข็มอยู่เบื้องหลัง
คิดว่าหลบมุมต้องวงจรปิดได้หมดอย่างนั้นเหรอ...
ต้องดูด้วยว่าเล่นอยู่กับใคร!
เรื่องที่เกี่ยวกับพีพีมีหรือเฮลจะไม่รู้ แต่สำหรับเพื่อนร่วมคณะกับรุ่นพี่สองคนนี้แล้วดูเหมือนกุหลาบดำเขาจะอยากจัดการด้วยตัวเองมากกว่า
ปล่อยให้พีพีเล่นไปก่อนแล้วกัน
เฮลจูงมือพีพีมาที่รถเต่าคนละคันกับเมื่อวาน เห็นคอลเลคชั่นรถเต่าของแฝดคู่นี้แล้วพีพีก็ได้แต่กลอกตาระอา แต่พอทั้งคู่เข้ามานั่งในรถเรียบร้อยคนที่กลอกตาอยู่เมื่อครู่ก็จัดการปีนไปนั่งตักคนขับ ซึ่งเฮลก็ปล่อยให้อีกฝ่ายระรานตามใจ มือเรียวดึงคอเสื้อของเฮลลงมา ปลายจมูกของพวกเขาชนกันไปมา
“ผมอยากจูบพี่อีก” พีพีไม่เฉยจัดการงับริมฝีปากของเฮลแล้วกดจูบลงไปแรงๆ แม้จะไม่ค่อยประสีประสาเท่าไหร่นักแต่พีพีเป็นเด็กเรียนรู้เร็ว เลียนแบบจากที่อีกฝ่ายทำกับเขาเมื่อครู่แล้วก็นำมาใช้
บอกไม่ถูก...แต่จูบของพี่เฮลหวาน และทำให้หัวใจเต้นกระหน่ำอย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน
มันตื่นเต้นยิ่งกว่าตอนเขาทำภารกิจครั้งแรก หรือลุ้นของขวัญปีใหม่กับครอบครัวเสียอีก
ราวรอคอยจูบมานาน...ทั้งๆ ที่พวกเขาเพิ่งรู้จักกันแท้ๆ
“อีกนะครับ” พีพีเอ่ยเสียงพร่าข้างหู นั่นทำให้เฮลได้แต่หอบหายใจหนัก พยายามระงับสติอารมณ์ของตัวเองที่ถูกคนบางคนปั่นป่วนจนเริ่มควบคุมตัวเองไม่ได้
ดูคำพูดคำจา!
“อย่าซน!” เฮลคำรามในลำคอ กัดปากพีพีแรงๆ จนคนอายุน้อยกว่าส่งเสียงร้องโวยวาย ฟาดไหล่เขาแรงๆ แล้วกลับไปนั่งเบาะข้างคนขับเหมือนเดิม ยังส่งสายตาเย็นชาใส่ให้เฮลอีกด้วย
ดื้อจริงๆ !
“ไม่ต้องมามองเลยครับ พี่นั่นแหละต้องรับผิดชอบ ผมไม่ใช่ปีศาจบ้าจูบนะ แต่ใครให้จูบของพี่ทำผมรู้สึกโคตรดีกันล่ะ...เหอะ” พีพีบ่นหน้าไม่แดงแม้แต่น้อย ทำเอาเฮลได้แต่ถอนหายใจอีกรอบ
“จูบแรก?”
พีพีหัวเราะ เลิกคิ้วขึ้น มองคนที่สตาร์ทรถออกไปแล้วถามเสียงร่าเริง “นี่ผมไร้เดียงสาขนาดนั้นเลย?” เห็นร่างสูงหรี่ตาลงอย่างเยือกเย็นพร้อมบรรยากาศกดดันแบบเดิมทำให้พีพีกระตุกยิ้มชอบใจ
เหมือนว่าพี่เฮลกำลังหวง...
“จูบแรกของผมเป็นของเมนคูนตาแป๋วชื่อมิงโก้ของน้องชายฝาแฝด แล้วก็สาวน้อยน่ารักที่ชื่อเวนิสครับ”
คำตอบของพีพีทำให้บรรยากาศกดดันรอบตัวเฮลหายวับไปทันที ใบหน้าหล่อเหลาที่นิ่งสนิทนั้นปรากฏรอยยิ้มจางที่พีพีอ่านไม่ออก เสียงทุ้มเบาๆ จงใจเอ่ยให้พีพีได้ยิน
“นั่น...อาจจะไม่ใช่จูบแรกของเธอก็ได้”
จากนั้นภาพของเด็กผู้ชายคนหนึ่งที่พีพีเห็นหน้าไม่ชัด ที่ดูเลือนรางในความทรงจำก็แวบเข้ามาในห้วงความคิด แต่ภาพเหล่านั้นมันพร่ามัวมากจนเขากะพริบตาดีเดียวมันก็หายวับไป
ทำไมถึงนึกไม่ออกกันนะ...
คนขับรถรูปหล่อเหลือบสายตามามองเจ้าตัวดื้อข้างตัวที่ขมวดคิ้วเหมือนกำลังครุ่นคิดอะไรอยู่อย่างสมใจ...บางอย่างก็ต้องรอให้หาคำตอบเอง แทนที่จะบอกออกไปตรงๆ เพราะเขาก็ไม่อาจผิดสัญญากับใครบางคนได้เหมือนกัน
แต่ว่านะ...ที่น้องยั่วผมขนาดนี้...ดื้อขนาดนี้
เป็นความตั้งใจของอาหรือเปล่าครับ
อาพระเพลิง
ให้แค่มอง ให้สัมผัสได้บ้าง แต่ไม่อาจแตะต้องไปได้มากกว่านั้น
ทรมานกันเป็นบ้า!
............
ร้ายกันทั้งคู่อะเนาะคู่นี้ คนน้องก็ไม่เขินเสียเลย ชอบจูบพี่เขาก็ขอจูบอีก สมกับเป็นลูกจอมมารพระเพลิงจริงๆ ค่ะ ถนัดทรมานพี่เขาแบบไม่รู้เนื้อรู้ตัว บางทีพี่เฮลก็น่าสงสาร...นิดนึง ^_^
ช่วงนี้ในตกบ่อย อากาศก็เปลี่ยนแปลงบ่อยด้วย อย่าลืมดูแลตัวเองและอย่าลืมรักษาสุขภาพกันด้วยนะคะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ไม่ว่าไรต์จะอัพเรื่องไหนก็ดีใจละตอนนี้ งือออออ แสบแบบน่ารักทั้งคูเลยค่าาาา