ตอนที่ 1 : หลั่งฮอร์โมนครั้งที่...1
...แมวหน้ามึน...
สายพันธุ์ใหม่ไม่กินปลา
แก้ไขครั้งที่ 1 : 15 กันยายน 2561
หลั่งฮอร์โมนครั้งที่...1
“เฮ้ย...อัณณ์วันนี้น้องปีสองนัดขอรุ่น ปีสามบอกว่าอยากให้พวกเราไปเป็นพยาน ว่างไปไหมวะ?” เสียงของเว...เพื่อนสนิทตะโกนบอกทั้งๆ ที่อยู่ใกล้ผมแค่เอื้อม มือมันก็ดึงเอาการบ้านไปนั่งลอกยิกๆ
นี่คือไม่รู้หรือไงว่าอาจารย์ให้ตัวเลขในการคำนวณไม่เหมือนกัน...ไอ้ฉลาด!!
“ไปได้...” ผมพยักหน้า “แต่ขอแวะดูแปลงผักที่เกาะเชจูก่อนจะตามไป”
“เออๆ 6 โมงเย็น ข้างบ่อพักน้ำอย่าสายล่ะ เดียวกูเอาการบ้านไปส่งให้” ว่าเสร็จมันก็ก้าวยาวๆ หายไปทันที ไม่ฟังผมสักคำเดียว...
คอยดูเถอะเดี๋ยวอาจารย์ตรวจขึ้นมาจะมีคนโดนประจานหน้าห้อง!!
ผมส่ายหน้าเก็บของและเดินออกจากตึกเรียน ตอนนี้เกือบสี่โมงกว่าแล้ว วันนี้อาจารย์ปล่อยก่อนเวลาแต่ก็ทิ้งการบ้านไว้ให้ทำ...แก้เบื่อ ท่านว่าอย่างนั้นครับ
ผมเดินทอดน่องจากตึกเรียนผ่านทางเดินอันแสนร่มรื่นที่เต็มไปด้วยต้นตีนเป็ด...อืม...เรียกให้ดูดีหน่อยก็คือต้นพญาสัตบรรณสินะครับ...ปลูกเรียงรายจนแทบจะกลายเป็นต้นไม้ประจำมหาวิทยาลัยไปแล้ว...ยิ่งใกล้ฤดูหนาวแบบนี้จะส่งกลิ่นหอมหวน(?) ไปทั่ว...ชนิดที่ทำร้ายจมูกกันดีๆ ทีเดียว ขนาดผมที่ชอบกลิ่นดอกไม้...ดมนานๆ ยังเวียนหัว
ผมเดินมายังแปลงผักที่อยู่ขอบรั้วกำแพงมหาลัย..ที่นี่เป็นแหล่งเรียนรู้เศรษฐกิจพอเพียงของสาขาสิ่งแวดล้อมที่ผมเรียนอยู่ มีการปลูกแปลงผัก การทำสวนขวด ผักไฮโดรโปนิกส์ การเลี้ยงปลา มีศาลาและสวนเล็กๆ สำหรับพักผ่อนหย่อนใจ แต่เนื่องจากอยู่ไกลตึกเรียนและขอบชายแดนรั้วของมหาวิทยาลัย...ทุกคนจึงขนานนามที่นี่ว่า...เกาะเชจู
ได้ยินครั้งแรกผมยังขำเลย...ไม่ใช่ที่กักขังนักโทษสักหน่อย
“พี่อัณณ์หวัดดีคร้าบบบบ” น้องๆ ที่รดน้ำแปลงผักอยู่ทักทายเสียงดัง ผมยิ้มกว้างให้ยกมือรับไหว้
“ช่วงนี้ฝนตก...ไม่ต้องมารดน้ำบ่อยก็ได้ครับ”
“ต้องทำบันทึกการเจริญเติบโตของต้นไม้ด้วยค่ะพี่อัณณ์ พวกหนูเลยต้องมาแทบทุกวัน”
“อ๋อ” ผมพยักหน้า “ยังไงก็อย่างลืมดูแลตัวเองนะ เดี๋ยวไม่สบาย...ส่วนต้นไม้ถ้ายุ่งกับกิจกรรมมาขอข้อมูลที่พี่ได้ พี่จดทุกวันอยู่แล้ว” ผมยิ้มบางอย่างที่มักทำ น้องๆ เองก็ยิ้มตามเมื่อผมขอตัวเดินออกมา เสียงชื่นชมก็ดังมาให้ได้ยิน...
เป็นแบบนี้เสมอจนผมเคยชิน ไม่ได้ตั้งใจจะสร้างภาพหรืออะไรทั้งนั้น...
แต่เดิมนิสัยของผมก็เป็นแบบนี้อยู่แล้ว
ผมเดินตรวจสภาพแปลงผักของน้องๆ นี่เป็นการบูรณการในวิชาสังคมกับสิ่งแวดล้อม...หรือเด็กๆ มักเรียกว่าวิชาปลูกผัก สอนให้รู้จักการนำเศรษฐกิจพอเพียงมาประยุกต์ใช้ ได้ลงมือปฏิบัติ ผมว่ามันมีอะไรมากกว่าการปลูกผักนะ และผมก็ชอบที่จะทำด้วย
เดินตรวจไปเรื่อยๆ...มีทั้งแปลงที่อุดมสมบูรณ์เพราะเจ้าของเอาใจใส่ แปลงที่ยืนต้นตาย แปลงที่ไม่โต หรือรกยิ่งกว่าป่าดงดิบ เห็นแล้วก็อดขำไม่ได้ ให้คะแนนไปตามที่เห็น
“หืม?” ผมเลิกคิ้ว เมื่อมาถึงแปลงสุดท้ายที่อยู่ชิดริมบ่อปลา สตรอว์เบอร์รี? มีคนเอามาปลูกด้วยเหรอ? แถมทำแปลงยกร่องอย่างดีเลยด้วย ผมก้มลงอ่านป้ายชื่อสมาชิกกลุ่มก็ไม่มีอะไรติดอยู่ เห็นเป็นรูปวาดเรือลำใหญ่ลายเส้นสวยงามกับชื่อกลุ่ม ‘โจรสลัด’
อยากรู้จังว่าคนปลูกจะเลี้ยงมันรอดด้วยสภาพอากาศแบบนี้ได้ยังไง...
“น่าสนใจดี...หวังว่าจะโตเร็วๆ นะสตรอว์เบอร์รีน้อย”
“กินไม่ได้...นะ” เสียงทุ้มน่าฟังดังขึ้นมาด้านหลัง ผมรีบหันกลับไปมอง...เห็นร่างสูงกว่าผมที่สูงอยู่แล้วมาก ใบหน้าชวนมองชนิดที่เห็นแล้วต้องอึ้ง...ดวงตาคมสีดำสนิทนิ่งแฝงแววมึนๆ เขาอยู่ภายใต้หมวกและเสื้อแจ็คเก็ตสีเทามีตราสมออันเป็นสัญลักษณ์ของคณะเดียวในมหาวิทยาลัยผม...
พาณิชยนาวี
“แปลงนี้ของเราเหรอ?” ผมเลิกคิ้ว อีกฝ่ายไม่ตอบ เอียงหน้าเล็กน้อย นี่อึน...หรือไม่ได้นอน ผมรู้นะว่าคณะนี้เรียนหนัก...แต่ต้องขนาดนี้ไหม...
“สตรอว์เบอร์รีไม่ชอบน้ำเกินไป...ช่วงนี้ฝนตกระวังไว้ด้วยนะครับ” ผมยิ้มไม่ถือสาความเงียบแบบมึนๆ ของคนตรงหน้า
“อยากกิน...” เขาเอ่ยเหมือนคนงอแงด้วยน้ำเสียงนิ่งๆ
“ช่วงนี้ใกล้จะหน้าหนาวแล้วนะครับ...เดี๋ยวก็มีสตรอว์เบอร์รีให้กิน” อีกฝ่ายยังคงเอียงหน้ามองผม
ให้ตาย...ผมอดยิ้มออกมาไม่ได้จริงๆ เขาเหมือนแมวตัวโต...อึนๆ มึนๆ...แอบขี้อ้อน
“ถ้าอย่างนั้น...เก็บเป็นความลับนะครับ อย่าบอกใคร” ผมเช็คคะแนนให้กลุ่มของเขาก่อนจะเดินนำมาซึ่งเจ้าเหมียว...แฮ่มๆ น่าจะ...น้องนะ เพราะผมค่อนข้างจะคุ้นชินกับปีสี่พาณิชยนาวีแต่ไม่เคยเห็นหน้าคนนี้เลย น้องเดินตามมาเหมือนแมวเดินตามเจ้าของ...
ผมไขกุญแจโรงเรือนไฮโดรโปนิกส์ก่อนจะเดินอ้อมไปตรงริมหน้าต่าง “มานี่สิครับ...” นี่เชื่อคนง่ายไปนะเจ้าน้องเหมียว...น่ารักอย่างนี้เดี๋ยวถูกหลอกไปขายหรอก!
ไม่ต้องใครหรอก...ผมนี่ล่ะที่อยากเลี้ยง!!
“สตรอว์เบอร์รี!!” ทำหน้าเหมือนแมวได้ปลาทูกินเลยแน่ะ...
ร่างสูงมายืนพรวดตรงหน้าแปลงสตรอว์เบอร์รีไฮโดรโปนิกส์ที่ผมปลูกไว้ เจ้าผลไม้สีแดงสดน่ากินชวนให้น้ำลายสอ
“กินได้ไหม?” ถ้าหากอีกฝ่ายมีหางมีหู ผมคงเห็นมันกระดิกยิกๆ
“กินได้ครับ...แต่อย่าบอกใครนะ เก็บไว้เป็นความลับ” ผมยิ้มเด็ดสตรอว์เบอร์รีมาส่งให้เขา
“ชิมสิครับ...” ร่างสูงมองผมด้วยแววตาเป็นประกายโน้มใบหน้าลงมากินเจ้าผลไม้สีแดงในมือผม กลิ่นมิ้นท์อ่อนๆ หอมแตะจมูก
“หวาน...”
“แน่นอนครับ...ฝีมือพี่เสียอย่าง” ไม่ได้จะชมตัวเอง แต่ผมปลูกอะไรไม่เคยตาย...แถมยังเจริญงอกงามดีอีกด้วย
“เอาอีก...นะ” อ้อนจังเลยเจ้าน้องเหมียวตัวนี้...แล้วผมก็เป็นทาสแมวไงครับ...
ยอมใจ
เด็ดสตรอว์เบอร์รีใส่มือใหญ่ไปหลายลูก ความจริงผมเพิ่งลองปลูกสตรอว์เบอรี่แบบไฮโดรโปนิกส์...ยังไม่ได้จดบันทึกหรือบอกใครทั้งนั้น แค่ลองดู...ไม่นึกว่าจะมีแมวตัวโตได้มากินเป็นคนแรก...
“ใจดีจัง”
“ใครๆ ก็บอกอย่างนั้น” ผมหัวเราะ
“จะอร่อยไหม?” เขาเอียงคอ? ชี้ไปด้านนอก...แปลงสตรอว์เบอร์รีของเขาเอง
“ต้นไม้น่ะต้องการการดูแลเอาใจใส่...ถ้าดูแลด้วยใจเดี๋ยวก็ออกมาอร่อยน่ากินเองล่ะครับ”
“จริงนะ?”
“ครับ...พี่ไม่หลอกหรอก” ผมขำทำท่าทางอ้อนตาเป็นประกายแบบนั้นไม่เข้ากับใบหน้าหล่อเหลาโดดเด่นของเขาเลย ก่อนที่ผมจะได้พูดอะไรต่อเสียงโทรศัพท์มือถือผมก็แผดลั่นเสียก่อน ผมกดรับสายทันที
( ไอ้อัณณ์!! อยู่ไหนวะ...รีบมาได้แล้ว!! ) เสียงแสบแก้วหู...
“มีอะไรเว?”
“น้องปีหนึ่งมากันครบ รีบมาเลย!!”
“อืม...เดี๋ยวไป” ผมกดวางสายทันที คิดว่าควรพาเพื่อนตัวเองไปวัดระดับเสียงแล้วล่ะครับ...อันตรายต่อคนอยู่ใกล้มากจริงๆ
“พี่ไปก่อนนะ...เจ้ามะ...” กำลังจะหลุดปากเรียกเจ้าเหมียวไปเสียแล้วสิ ผมเดินนำออกมาจากโรงเรือนไฮโดรโปนิกส์
“อย่าลืมมาดูแลแปลงผักนะครับ...” ผมยิ้ม
“เพชร...”
“ครับ?”
“เพชร” ว่าเสร็จก็เดินไปที่แปลงผักตัวเองทันที...ทิ้งให้ผมยืนยิ้มกับตัวเอง
เจ้าแมวเหมียวตัวโตน่ารัก...ที่หลงทางมาและมีชื่อเท่เหมาะกับตัว
แมวที่ชื่อเพชร
......
“เด็กปีหนึ่งปีนี้นี่น่ารักดีกันจริงจริ๊งงงงง” เสียงเวเพื่อนสนิทที่กำลังกอดคอผมอยู่ส่งเสียงแซวน้องๆ ที่กำลังเดินผ่านหน้าโต๊ะในโรงอาหาร น้องเขาก็น่ารักกันมากครับที่ไม่หันมาด่าไอ้เพื่อนปากเสียทำเพียงแค่ยิ้มกว้างและยกมือไหว้ทักทายอย่างมีมารยาท
“รีบๆ กินดีกว่ามีเรียน Hazardous Waste นะ”
“อย่าพูดถึงวิชาอันแสนโหดร้ายนี้” เวมันทำสีหน้าเหมือนคนกำลังจะตาย
พูดถึง Hazardous Waste หรือที่เด็กสิ่งแวดล้อมอย่างพวกผมเรียกกันอย่างสั้นๆ ว่า Hazardous (ฮาซาดาส) นั้นเป็นวิชาในตำนานของเด็กปีสี่สาขาสิ่งแวดล้อมตัวแรกที่ต้องลงทะเบียนเรียนให้ได้ วิชาเกี่ยวกับขยะอันตราย ชีทเรียนทั้งหมดเป็นภาษาอังกฤษ ข้อสอบเป็นเขียนทั้งหมดไม่มีสิ่งใดเจือปน อาจารย์จะบรรยายไปเรื่อยๆ ฟังก็จดไม่จดก็ตาย เพราะท้ายคาบเรียนจะต้องส่งสมุดเลคเชอร์ทุกครั้ง
“ข้าวมื้อเที่ยงของกูหมดความอร่อยเพราะมึงเลย”
“เวก็บ่นอยู่นั่นล่ะ”
“แหมๆ...กูไม่ใช่มึงนี่ครับคุณอัณณ์ เลคเชอร์ได้แปดดาวตลอด” มันแขวะ เป็นเรื่องจริงที่ผมจดเลคเชอร์ละเอียดจนเพื่อนๆ ชอบยืมไปซีร็อกซ์ก่อนสอบ
“คนตรวจก็นักศึกษาช่วยงานป่ะวะ? ไม่ใช่อาจารย์” ผมส่ายหน้าให้กับความขี้บ่นของเพื่อน
“เออๆ ไปกัน กูฝากตำลึงซีร็อกซ์ชีทเรียนวันนี้แล้ว” เราทั้งสองลุกขึ้นแล้วเดินเอาจานไปเก็บ
โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัยผมมีสองชั้น ชั้นล่างเป็นพื้นที่สำหรับร้านสะดวกซื้อ ส่วนชั้นสองเป็นพื้นที่สำหรับทานอาหาร ในเวลาใกล้เที่ยงแบบนี้คร่ำคราไปด้วยผู้คนมากมาย บางทีผมก็ไม่เข้าใจนะว่าจำนวนนักศึกษาเพิ่มขึ้นทุกปีแต่ทำไม่มีการขยับขยายโรงอาหาร
เดินออกมาบริเวณระเบียงด้านหน้าจะถูกนักเรียนคณะหนึ่งยึดไว้...พาณิชยนาวี นักเรียนหัวเกรียน...เอ่อ...ผมไม่ได้ตั้งใจว่านะแต่น้องปีหนึ่งนาวีจะต้องโกนผม ใส่เสื้อสีเทาประจำคณะ นั่งอย่างเป็นระเบียบเรียบร้อย ผมว่าก็เป็นภาพที่น่าดูนะครับ...
ความพร้อมเพรียงที่เกิดจากการบ่มเพาะ การฝึกฝนอย่างเข้มงวด
ปีสูงกว่าก็คอยควบคุมอยู่อีกที นักเรียนปีสามจะได้รับช็อปสีเทา ตราสมอ...อันเป็นสัญลักษณ์ของคณะนี้
“เด็กนาวีนี่หน้าตาดีจริงๆ มิน่าสาวๆ คณะเราถึงเพ้อหาทุกวัน” เวจิ๊ปาก ผมหัวเราะก็เพื่อนสนิททำตัวเหมือนเด็กขี้อิจฉาเลยนี่ครับ
“แต่ให้หล่อสุดต้องคนนั้น...กูนี่แบบได้ยินกิตติศัพท์มานาน ตอนปีหนึ่งประกวดเฟรชชี่ได้ทั้งเดือนมหาวิทยาลัย ได้ทั้งป๊อบปูล่าโหวต น้องมันชื่ออะไรนะ...อืม...กูนึกก่อน ชื่อเท่สมหน้าตาด้วย...อ้อ...เพชร น้องเพชรนาวีปีสาม” ไม่พูดเปล่ายังชี้ให้ผมดูอีก
ร่างสูงในเสื้อช็อปสีเทายืนเอามือไพล่หลัง ใช้ดวงตาคมดุแต่แฝงประกายง่วงงุนมองรุ่นน้อง ไม่รู้ว่าจะน่ากลัวหรือเปล่า เห็นน้องผู้หญิงมองกันตาปรอยทั้งคณะตัวเองและน้องๆ ที่เดินผ่านไปผ่านมา
แต่ยังไงผมก็ยังเห็นแต่ภาพเจ้าแมวตัวโตได้อยู่ดี...สิ่งมีชีวิตที่ชอบการกินและการนอนกลิ้ง
ดวงตาคมคู่สวยเหมือนรู้ว่าถูกมอง พอเห็นผมจ้องอยู่เขาก็กระพริบตาปริบๆ แล้วผละออกมาเสียเฉย ทำให้คนอื่นๆมองตามกัน ผมเลิกคิ้วเมื่อเห็นร่างสูงมาหยุดตรงหน้าตัวเอง ตาคมกริบคู่นั้นเหมือนลูกแมวเหมียวไม่ได้กินปลาของโปรดจนน่าสงสาร
“มีอะไรหรือเปล่าครับ?”
“อยากกินอีก...” เสียงทุ้มตอบกลับมา
“หมายถึงสตรอว์เบอร์รีเหรอครับ?”
“อื้อ...อยากกิน”
ทำไมชอบอ้อนจังเลยเจ้าเหมียวตัวนี้ ทาสแมวอย่างผมหวั่นไหวนะ!!
“ตอนเย็นมีเรียนหรือติดกิจกรรมไหมครับ?” เจ้าเหมียวส่ายหาง...เอ๊ย...ส่ายหน้า “ไปเจอพี่ที่เกาะเชจูนะครับ”
“อื้อ...อัณณ์” ผมเลิกคิ้ว ยกมือขึ้นลูบขน เอ๊ย...ผมของน้องเพชร เฮ้อ...ผมนี่ท่าทางจะถูกเจ้าน้องเหมียวเพชรหลอกล่อให้กลายเป็นทาสเสียแล้ว แค่อีกฝ่ายช้อนตา มองราวอ้อน ผมก็ใจอ่อนเสียแล้ว
“ทำไมเพชรถึงรู้ชื่อพี่ล่ะครับ?” ผมไม่เคยบอกน้องนะ
“แปลกเหรอ?” เจ้าตัวไม่ว่าที่ผมลูบหัวดูเหมือนว่าจะชอบใจมากด้วยซ้ำ “กับคนที่สนใจ...ก็ต้องรู้สิ” เจ้าเหมียวตอบช้าๆ ชัดๆ ผมนิ่งไปนิดก่อนจะ...
อยากคว้ามากอดหมับ ให้อารมณ์เหมือนแมวน้อยที่ทำความดีอะไรสักอย่างแล้วอวดอ้างกับเจ้าของอย่างไรอย่างนั้น
ชอบ!!...ทาสแมวอย่างผมนี่ระทวย!!
“ไปรู้จักกับน้องเพชรได้ยังไงวะไอ้อัณณ์?” เวมองอย่างตกใจสุดๆ เพราะผมยังคงเอามือวางไว้บนกลุ่มผมสีดำสนิทและลูบมันเล่นเบาๆ โดยที่เจ้าของก็ไม่ว่าอะไรและยังขยับตัวมาใกล้ผมอีก
“ก็เพิ่งรู้จักนะ” เวมันมองหน้าผมอย่างไม่อยากเชื่อ ก่อนบ่น
“เพิ่งรู้จักบ้านแกสิอัณณ์ น้องติดมึงเหมือน...” เพื่อนสนิทหยุดไปนิดก่อนจะกลอกตาไปมา แต่ผมที่รู้จักกับเวมานานรู้ดีว่าจะพูดอะไร
เหมือนแมวตามเจ้าของ...
เพราะเจ้าเหมียวตัวโตหน้าหล่อนี่ทำตัวแบบนั้นจริงๆ “เจอกันตอนเย็น...ตกลงไหมครับ?”
“อื้อ...” พยักหน้าก่อนจะยิ้มน้อยๆ ให้ผม รอยยิ้มที่ทำให้บรรยากาศรอบตัวดูผ่อนคลายขึ้น
เป็นน้องเหมียวหน้ามึนที่ไม่ค่อยยิ้ม...แต่เพียงรอยยิ้มเล็กๆ กลับทำให้รู้สึกเหมือน...โลกน่าอยู่ขึ้น
“พี่ไปเรียนก่อนนะครับ” ผมลูบเส้นผมสีดำสนิทอีกครั้งก่อนจะผละออกมา มองสบดวงตาคมที่เว้าวอนราวกับเหมียวถูกทิ้งตอนห่างจากเจ้าของ อดไม่ได้ที่จะยิ้มบางๆ ยกมือแตะแก้มของอีกฝ่าย
“ตั้งใจเรียนนะครับ...เพชร” พอผมเรียกชื่อตาคมก็เปล่งประกายพยักหน้าหนึ่งทีและยอมเดินไปรวมกลุ่มกับเพื่อนตัวเอง
“เอิ่ม...” เวเกาแก้ม ก่อนจะมองผมอย่างเอือมระอา “มึงนี่...สมเป็นมึงเลยไอ้อัณณ์”
“อะไร?” ผมเลิกคิ้ว อะไรคือสมกับเป็นผมงั้นเหรอ...นี่ก็งงเป็นนะ
“เออๆ...ไปเรียนฮาซาดาสกันได้แล้ว ไอ้นิสัยนี้ของมึงนี่สักวันต้องพาความเดือดร้อนมาให้มึงแน่ๆ” เวบ่นแล้วคว้าคอผมเดินลงไปจากโรงอาหาร
..........
เรื่องเก่าทั้งหลายยังค้างคา เรื่องใหม่ก็มา อยากเขียนนิยายฟีลกู๊ด ว่าจะนอนจู่ๆ พล็อตก็เข้ามาหัว พิมพ์กับโทรศัพท์เอา เจ้ามนุษย์ทาสแมว (?)
ฝากแมวเอาแต่ใจไว้ด้วยหนึ่งตัวนะคะเจ้าพวกมนุษย์ทั้งหลาย หุๆๆ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

พี่อัณณ์น่ารักกก มากค่ะ
อยากด้ายบ~~
สนุกดี น้องก็น่ารัก พี่ก็หลงแมว งื้อออออ