ตอนที่ 9 : 8
8
กว่าจะเลิกซ้อมบาสก็ใช้เวลาหลายชั่วโมง ต่างคนก็ต่างแยกย้ายกันเตรียมกลับ ร่างสูงของรุคาว่าเดินตรงมายังคนผมแดง เหงื่อที่ไหลหยดไปหน้าขาวและลมหายใจหอบแฮก เห็นแล้วก็ตัดสินใจส่งผ้าขนหนูสีขาวสะอาดไปให้อีกฝ่าย มือแกร่งรับไปโดยไม่พูดอะไร
“หิวยัง?”
“ถ้าบอกว่าไม่หิวนี่ก็โกหกสินะ...หิวมากๆตกลงว่านายจะเลี้ยงฉันใช่ไหมรุคาว่า?” มีหรือที่ซากุรางิจะปฎิเสธว่าไม่หิว การที่เขาไม่ต้องเสียเงินในกระเป๋าออกแม้แต่เยนเดียวนี่เป็นอะไรที่ปลื้มมากๆเชียวล่ะ
“ขี้งกจริง” ร่างสูงยิ้มน้อยๆให้ แววตาคมดุอ่อนลง จนหลายคนใจสั่น สาวน้อยร่างเล็กที่แอบมองอยู่มีสีหน้าและแววตาหงุดหงิดก่อน จะปรับเป็นยิ้มและตรงดิ่งมาทันที
“รุคาว่าคุง...ซ้อมเสร็จแล้วไปทานข้าวกันเถอะค่ะ อ้ะ...อากิเช็ดให้ไหมค่ะ?” มือเล็กเอื้อมคว้าผ้าสีขาวไปซับใบหน้าหล่อเหลาให้เอง
เธอมองรุคาว่าคุงมานาน...เป็นแฟนคลับของเขา ปลื้มเขา ดีใจที่สุดตอนที่รู้ว่าคุณพ่อได้เป็นโค้ชคุมทีมบาสเยาวชนที่มีรุคาว่าคุงอยู่ด้วย นั่นทำให้อากิสนิทกับเขา...ผู้ชายที่เป็นที่ใฝ่ฝันของเด็กสาว ม.ปลาย อยู่ใกล้เธอมากกว่าใครๆ...เพราะอย่างนั้น...จะไม่ยอมให้ดวงตาคมคู่นี้มองใครเด็ดขาด
แววตาอ่อนโยนนั้นต้องทอดมองมาที่เธอคนเดียวเท่านั้น!!
“ไปกันเลยไหมค่ะรุคาว่าคุง วันนี้อากิจะโชว์ฝีมือเองด้วยน้าา~”
“โทษทีอากิ...พาเพื่อนมาด้วย”
สาวน้อยเบ้ปาก มองคนผมแดงอย่างไม่เป็นมิตร ซากุรางิสะดุ้ง...เอ่อ...แม้ปกติเขาจะถูกพวกผู้หญิงหมั่นไส้บ่อยๆเพราะแก่นซ่าส์ และชอบทะเลาะกับจิ้งจอกสุดหล่อของพวกเธอ...แต่ก็ไม่มีใครมองเขาด้วยแววตาที่สื่อความหมายคำว่า ‘เกลียด’ ออกมาชัดขนาดนี้เลย แต่พอหันไปหารุคาว่าแม่คุณกลับยิ้มหวาน
อื้อหือ! สุดยอดความสองหน้าอ่า!! T_T
“พาเพื่อนรุคาว่าคุงไปด้วยก็ได้นี่ค่ะ นะๆ”
“เฮ้ย! รุคาว่า วันนี้ไปบ้านอากิจังกัน โค้ชโอดะจะเลี้ยงให้พวกเราแล้วให้พักสามวัน คนในทีมก็ไปกันหมด” เพื่อนนักบาสด้วยกันจะโกนบอก ร่างสูงเหลือบตามองคนผมแดงที่ยืนนิ่งไม่พูดจา
...เขาไม่อยากปล่อยให้หมอนี่อยู่คนเดียวเลย...ยิ่งเห็นแววตาหงอยเหงานั้นก็รู้สึกอยากปกป้อง...ดูแล
แต่จะให้ปฏิเสธก็ไม่ได้เหมือนกัน
รุคาว่ายังเป็นเด็กใหม่ ถึงจะฝีมือดีแต่มารยาทนั้นก็จำเป็น ไม่อยากถูกนินทาว่าหยิ่งและไม่รับน้ำใจใคร...การที่จะก้าวไปให้ถึงจุดสูงสุด..จำเป็นที่ต้องใส่ใจ...และพึ่งพาคนรอบข้าง เขาเรียนรู้สิ่งเหล่านั้นมาจากชมรมบาสของโชโฮคุ
“นายไปกับเพื่อนนายเถอะ เดี๋ยวฉันกลับเองได้” ซากุรางิตัดสินใจบอกในที่สุด ไม่อยากให้เจ้าจิ้งจอกลำบาก แถมแม่สาวน้อยนั้นยังกดดันเขาอีก
“ไปด้วยกัน” รุคาว่าชวน
“ไม่เอา” ส่ายหน้าเร็วๆ “ฉันไม่สนิทกับใคร”
“นั่นสิค่ะรุคาว่าคุงนี่เป็นการเลี้ยงกันในทีม ‘คนนอก’ ไม่เกี่ยวนะค่ะ” เน้นคำว่าคนนอกเสียงซากุรางิสะดุ้ง
“นายสนิทกับคิทสึเนะ”
“ก็อย่างที่คุณผู้หญิงบอก...ฉันมันคนนอก พวกนายไปกันเถอะ เดี๋ยวกลับเองได้”
“แน่ใจนะ” ร่างสูงถามย้ำ
“อื้ม!!” รุคาว่ามองดวงตาเรียวนิ่งและนาน...เห็นเพียงความดื้อรั้นแทนที่ความหงอยเหงา ได้แต่ถอนหายใจเบาๆ
“อืม...”
“งั้นไปกันเถอะค่ะรุคาว่าคุง” มือเรียวคล้องแขนแกร่งอย่างถือสิทธิ์...ในใจอดขุ่นเคืองไม่ได้ ทำไมรุคาว่าคุงถึงเป็นห่วงหมอนี่ล่ะ!! ปกติเขาเป็นคนเย็นชาและไม่สนใจใครเท่าไหร่นัก แต่กับเจ้าหัวแดงนี่! ได้รับทั้งแววตาอบอุ่น และความห่วงใยมากกว่าคนอื่น!!
รุคาว่าใช้เวลาเปลี่ยนชุดครู่นึง แล้วเดินออกมาพร้อมเพื่อนๆในทีม เขาเห็นร่างโปร่งนั้นพูดคุยอะไรกับคิทสึเนะเล็กน้อย ก่อนจะเดินตรงเข้าไปหากระซิบเบาๆให้อีกฝ่ายได้ยิน
“รอนะ...เดี๋ยวกลับ”
“หืม?”
“จะพาไปเลี้ยงข้าว”
ซากุรางิคลี่รอยยิ้มน่ามองให้คนตัวสูง ไม่รู้สิ...แค่หมอนี่บอกว่าจะรักษาคำพูดที่ให้ไว้กับเขามันก็รู้สึก...ดีใจ เสียงใสเลยกระซิบกลับทำให้รุคาว่ายิ้มบางยกมือขึ้นขยี้หัวแดงๆนั้นอย่างเอ็นดู
“จะกินแต่ของแพง...เอาให้กระเป๋าฉีกเลยเจ้าจิ้งจอก...”
ท้องฟ้าสีครามที่เคยสดใสเริ่มมืดครึ้ม สายลมบางเบาพัดพากลิ่นอายความชื้น ร่างโปร่งที่นั่งอยู่ท่ามกลางโรงยิมอันเงียบสงบปราศจากผู้คน บางทีดวงตาสีน้ำตาลสุกใสก็หันมองประตูโรงยิมบ่อยครั้ง...หวังว่าจะเห็นร่างของใครบางคน...
ใครที่สัญญาบางอย่างกับเขาเอาไว้
แต่นี่มันก็ผ่านมาหลายชั่วโมง...จนคิดว่าอีกฝ่ายคง...ลืม
“ฝนคงตก” พึมพำกับตัวเองเบาๆด้วยน้ำเสียงเศร้าๆ มือเรียวยกขึ้นขยี้หัวอย่างหงุดหงิด
“นี่พ่อหนุ่ม...ลุงจะปิดโรงยิมแล้วนะ รีบออกไปก่อนที่ฝนจะตกดีกว่า” คุณลุงที่ดูแลโรงยิมตะโกนบอก เด็กหนุ่มหัวแดงพยักหน้าคว้ากระเป๋าของตัวเองขึ้นมาสะพายก่อนจะเดินออกไป
“คงไม่มาแล้วล่ะ” ร่างโปร่งตัดสินใจเดินไปยังสถานีรถไฟใกล้ๆ ไม่อยากสัมผัสอากาศเย็นของฝนเท่าไหร่...เดี๋ยวจะไม่สบายเอา แม้จะบอกอย่างนั้นแต่ดวงตาเหม่อลอย หมอนั่นคงกำลังหัวเราะและยิ้มกับแม่สาวน้อยอากินั่น
คงจะสนุก...จนลืมเขา
จะไปโทษมันก็ไม่ได้...เขาไม่ได้สำคัญอะไรกับมันสักหน่อย...ก็แค่เพื่อนร่วมทีม และตัวก่อปัญหาในสายตาเท่านั้นนี่นา
เปาะๆๆ
หยดน้ำที่ร่วงหล่นลงมาแปะใบหน้าทำให้อดส่งเสียงสบถไม่ได้ “บ้าชิบ!! ไม่ทัน!!” ได้แต่รีบวิ่งหาที่หลบฝนก่อนที่จะเทลงมาที่ระลอกใหญ่ มือเรียวกอดกระเป๋าแน่น...ฟัดกัดกันกึกๆ ไม่ชอบอากาศเย็นจริงๆเลยให้ตายสิ! จะวิ่งฝ่าฝนไปก็กลัวตัวเองจะไม่สบาย จะอยู่รับละอองฝนก็หนาวจับใจ เกลียดตัวเองที่อ่อนแอแบบนี้จริงๆ!!
ปิ๊นๆ
เสียงแตรรถทำให้คนที่ก้มหน้าก้มตากอดตัวเองแน่นเงยหน้ามอง พอเห็นใบหน้าคุ้นตาที่โผล่ออกมาจากกระจกก็คลี่รอยยิ้มกว้าง
เซนโด...
“มายืนทำอะไรตรงนี้” คนตัวสูงที่วันนี้หัวไม่ตั้งเหมือนทุกที เส้นผมสีดำสนิทระใบหน้าหล่อเหลา ก่อนจะคว้าร่มและเปิดประตูรถออกมาหาแมวตัวสั่น
“ขึ้นรถไป...” สภาพเจ้าตัวป่วนโคตรจะน่าสงสาร คิดแล้วก็ส่ายหน้าเบาๆ ยิ้มบางให้
“ขะ...ขอบใจ” รับผ้าขนหนูมาเช็ดเส้นผมที่เปียกปอนไปด้วยละอองน้ำ
“แล้วก็...เอานี่” ซากุรางิอึ้งนิดๆเมื่อเห็นไอ้คนตัวสูงกว่าถอดเสื้อกันหนาวออกก่อนจะโยนแหมะบนหัวเขา
“อ่ะ...เอ่อ...แล้วนายไม่หนาว?”
“ไม่หรอก ใส่เถอะ” เหมือนลูกแมวเปียกน้ำแบบนั้นเขาก็สงสารนะ
“ขอบใจนะ”
“ไม่เป็นไร...ว่าแต่ทำไมนายมาแถวนี้ได้ล่ะ” เซนโดถามขณะที่เริ่มสตาร์ทรถและพาขับออกไป มือใหญ่ปรับอุณหภูมิของฮีทเตอร์ในรถ
“เอ่อ...ก็...เจ้าจิ้งจอก ไม่ใช่สิ...รุคาว่ามันพามา” คิ้วเข้มเลิกขึ้นอย่างแปลกใจ
“เหรอ”
“นายล่ะ...อย่าบอกนะว่าตกปลาอีก”
“เปล่า...พอดีแวะมาคุยเรื่องบาสนี่ล่ะ”
“อืม...งั้นไปส่งที่ทำงานด้วยนะเซนโด”
“นายเริ่มงานกี่โมง?”
“ก็...ประมาณสี่โมงเย็น” เซนโดเหลือบตามองนาฬิกาข้อมือจากนั้นก็หักรถเลี้ยวไปอีกเส้นทาง “งั้นไปหาอะไรกินกันก่อน นายหิวหรือยัง?”
หิวไหมเหรอ? เขาหิวมากๆเลยล่ะ แต่ที่ไม่กินอะไรเพราะใครบางคนบอกว่า...จะพาไปเลี้ยง แต่...คนๆนั้นก็...ไม่มา
“ทำไมหน้าเครียดๆ” เซนโดถาม...ปกติเขาไม่เห็นหมอนี่ทำหน้าจริงจังเท่าไหร่ ส่วนมากก็หัวเราะบ้าบอเฮฮาไปตามประสามัน เคยเห็นร้องไห้อยู่ครั้งเดียวตอนแพ้ไคนันนั่นล่ะ พอเห็นหมอนี่ทำหน้าเศร้าๆแล้วรู้สึกว่าไม่ใช่ตัวของมันเลย...ไม่รู้สิ มันก็ต้องมีล่ะนะคนที่เกิดมาแล้วเหมาะกับรอยยิ้มมากกว่า แล้วเขาก็คิดว่าหมอนี่มันยิ้มแล้วดูดี...ทำให้ยิ้มตามได้เสมอ
“นายเลี้ยงนะเซนโด” ซากุรางิยิ้ม อย่าไปกังวลกับเรื่องของเจ้าจิ้งจอกนั่นเลย...ไม่ได้เป็นอะไรกันสักหน่อย...แค่เดี๋ยวนี้หมอนั่นใจดีด้วยนิดหน่อยเขาก็คิดไกลไปเอง
“ถ้ากินจุคงต้องช่วยฉันล้างจาน” เซนโดว่าหัวเราะเบาๆ ทำให้ซากุรางิหัวเราะตาม การได้รับความช่วยเหลือจากเซนโดหลายๆครั้งทำให้รู้สึกสนิทและวางใจหมอนี่มากขึ้น...อย่างน้อยๆอยู่กับมันแล้วเขาสบายใจ อาจเพราะเซนโดมันเป็นคนไม่ค่อยคิดอะไร เหมือนพวกล่องลอยเรื่อยๆเอื่อยเฉื่อย แต่ก็รู้สึกว่าสามารถพึ่งพิงได้เสมอ...ก็นะสมแล้วล่ะที่เป็นผู้นำทีมเรียวนัน
ดวงตาสีน้ำตาลมองสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างแช่มช้า...เขาไม่ชอบฝน เพราะการที่ต้องอยู่คนเดียวมาตั้งแต่เด็กๆ ยามใดที่ฝนตก...มันเหงาและเดียวดายเสมอ ทำได้แค่หลับตา...รอให้ฝนหยุดลงเท่านั้นเอง
สุดท้าย...นายก็ไม่มาสินะ...รุคาว่า
“แฮกๆๆ แฮกๆ” เสียงหอบหายใจจากร่างสูงที่วิ่งหาใครบางคนเสียทั่วโรงยิม มือแกร่งเสยผมที่ปรกหน้าเพราะความเปียกชื้นของเหงื่อและหยาดน้ำฝนออก
บ๊าเอ๊ย!! นี่มันสามโมงแล้ว!! เขาปล่อยให้หมอนั่นรอตั้งเกือบห้าชั่วโมง!!
ความจริงรุคาว่าตั้งใจว่าจะไปแล้วก็กลับอย่างน้อยๆจะไม่ถือว่าเป็นการเสียมารยาทแต่เพราะถูกรั้งตัวไว้ แล้วอากิก็ไม่สบายอีก!! แถมไม่รู้วิธีติดต่อเจ้าหัวแดงนั่นอีกด้วย
“อ้าว...รุคาว่าคุง ลืมของเหรอ?” คุณลุงที่กำลังตรวจตราความเรียบร้อยของโรงยิมทักขึ้น
“เปล่าครับ...คือ เห็นคนตัวสูงๆผมแดงๆ อยู่แถวนี้ไหมครับ” “อ้อ! พ่อหนุ่มคนนั้นเหรอ ลุงเห็นนั่งรอใครอยู่ไม่รู้นานมากเลย พอดีจะปิดยิมแล้วฝนก็จะตกด้วยเลยไล่ให้กลับบ้านไปเสียแล้วล่ะ เพิ่งออกไปไม่นานนี้เอง”
“ขอบคุณครับ!!” เขารีบวิ่งออกไปที่รถทันที...หมอนั่นบอกว่าจะไปทำงานพิเศษนี่นา...เดี๋ยวคงได้เจอ
เขาไม่ได้อยากผิด ‘สัญญา’ !!
( : ซากุรางิ : )
ผมชะเง้อคอมองร้านที่เซนโดพามาก่อนจะเลิกคิ้วๆนิดๆเมื่อไอ้หัวตั้ง...เอ่อ...ไม่สิวันนี้ไม่ตั้งนี่หว่า มันบอกให้ผมรออยู่ในรถนิ่งๆ ส่วนตัวเองก็กางร่มออกไปแล้เปิดประตูรถให้ผม...อื้อหือ! สุภาพบุรุษได้อีก...แต่ผมไม่ใช่สุภาพสตรีนี่สิ
“ไม่ต้องปฏิบัติกับฉันดีมากก็ได้นะเซนโด รู้สึกเหมือนนายกำลังว่าฉันอ้อมๆว่าฉันมันไร้มารยาทอ่ะ =_=” ผมบอก แต่มันกลับหัวเราะยกร่มคันโตให้สูงขึ้นอีกนิด ก่อนจะเอื้อมมือมาขยี้หัวผม
“คิดมากน่า ฝนตกนี่หว่า หรือจะให้นายมาเปิดประตูให้ฉันล่ะ ฉันไม่ใจร้ายขนาดให้คนที่กำลังจะป่วยมาลำบากหรอก แค่ถือร่มนี่ไม่หนักหนาอะไรสักหน่อย” ผมได้เบ้ปากใส่ไอ้คนชอบกวนประสาทเงียบๆ
ทำไมพวกที่มันเก่งๆนี่ต้องกวนประสาท? มันเป็นของคู่กันเหรอครับ ผมอยากรู้จริงๆ
เซนโดเดินเข้าไปในร้านอย่างคุ้นเคย ก่อนจะตะโกนเรียก “คุณอุโอสึมิสวัสดีครับ!!”
เอ๋? ตาลิงหัวโจกเหรอ
ผมชะเง้อคอเหนือเคาน์เตอร์ร้านเห็นร่างสูงใหญ่ในชุดสีขาวกำลังเตรียมอาหารอย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะเงยหน้าขึ้นมา
“อ้าว...เซนโด ไม่ใช่ว่าไปตกปลาแล้วหิวเลยแวะมาอีกนะ” ตาลิงนั่นว่า “แล้วนั่นมัน...ซากุรางิ? ทำไมมากับเซนโดล่ะ”
“โว๊ะ!! ตาลิงงงงงงงง~~” ผมยิ้มแป้นโผล่ไปเกาะเคาน์เตอร์ “ไม่เจอกันนานนนนนเลยอ่า~~”
“สองอาทิตย์นี่ไม่ถือว่านานนะ อย่าโหวกเหวกเสียงดังล่ะ เดี๋ยวลูกค้าฉันหนี แล้วจะให้จ่ายแทน”
“โหยยยย ใจร้ายอ่าาา ไม่เจอกันแป๊บเดียวทำไมใจร้ายกับผมอีกล่ะเนี่ยตาลิง!”
“ฉันไม่ใช่อาคางิกับมากิที่ตามใจนายนี่” ผมเบ้ปากทันที
อย่างสองคนนั้นนี่เรียกตามใจ? ทุบหัวผมราวกับตัวตุ่นนี่คือตามใจเหรอครับ? T_T
“พวกนั้นโหดจะตายอ่า =_=”
“หึๆ” ตาลิงหัวเราะก่อนไล่ผมไปนั่งเพราะบอกว่าเกะกะ เซนโดที่ยืนมองพร้อมกลั้นรอยยิ้มเป็นคนพาผมไปหาที่นั่ง
“นายนี่สนิทกับคุณอุโอสึมินะ”
“หืม? แล้วนายไม่สนิทเหรอ อยู่ทีมเดียวกัน” ผมจิบชาร้อนๆ...รู้สึกอุ่นสบายขึ้นมานิดหน่อย
“ก็สนิทนะ...แต่ไม่ค่อยเห็นคุณอุโอสึมิเอ็นดูใครแบบนี้มาก่อน”
“เซนโด...นั่นเรียกว่าโขกสับนะไม่ใช่เอ็นดู” ผมแก้ความเข้าใจผิดของมัน
“หึๆ งั้นเหรอ” ใบหน้าหล่อๆนั่นหัวเราะ ริมฝีปากยกยิ้มน่ามอง จนทำให้สาวน้อยทั้งหลายที่แอบมองอยู่หน้าแดงเป็นแถวๆ “ตกลงนายจะกินอะไร”
“เลี้ยงนะ...ใช่ไหม?” ผมส่งสายตาบังคับสุดๆ เซนโดยิ้มกว้างพยักหน้ารับคำ
“เอาข้าวแกงกะหรี่คงทัตสึ ทาโกะยากิหมึก ไข่ตุ๋น ซาชิมิ เทมปุระ เอ่อ...ปลาหิมะนึ่งซีอิ๋ว ไข่หวาน ซุปมิโสะ อยากกินไดฟุกุไส้ถั่ว” ผมร่ายยาวถึงรายการอาหาร...ไม่ได้หรอกครับ หิวมากเลยตอนนี้ มีคนเลี้ยงทั้งทีอย่าได้เกรงใจ ^_^
“นั่นกินหรือไงเจ้าบ้าเอ๊ย!!” มือใหญ่โขกหัวผมแรงๆพร้อมขนมไดฟุกุหน้าตาน่าทานยื่นมาวางข้างหน้าจนผมน้ำลายสอ รีบหยิบเข้าปากทันที “ช้าๆหน่อยซากุรางิ” ตาลิงที่ถอดผ้ากันเปื้อนออกเรียบร้อยว่า ร่างสูงใหญ่นั่นนั่งลงร่วมโต๊ะกับพวกผมด้วย
นี่ไม่ทำงานเหรอ? เสร็จแล้วเหรอ? ลูกค้ายังอยู่ในร้านเลยนะ อู้ล่ะสิ เชอะ!
“โอ๊ย!! เจ็บน้า~” ผมประท้วงดื่มน้ำชาตามอึกๆ โชคดีที่ไม่สำลัก!!
“หน้าตาบื้อๆอย่างนี้รู้น่าหาว่าฉันอู้ล่ะสิ”
“แหะๆ” ผมยิ้มแหยๆ
“หึๆ คุณอุโอสึมิสนิทกับซากุรางิดีนะครับ”
“มันป่วน” ตาลิงตอบเซนโดด้วยสีหน้าระอาสุดๆ “ยังดีที่เป็นฉันนี่ถ้าเป็นมากิกับอาคางิ ป่านนี้ลงไปนับดาวบนพื้นแล้ว”
“คุณอาคางิยังพอว่า...แต่คุณมากิปกติดูสุขุมใจเย็นนี่ครับ”
“ต่อให้เป็นมากิเจอเจ้าบ้านี่ไปก็ปวดประสาทได้เหมือนกันนั่นล่ะ”
“ผมก็ว่างั้น” เซนโดหัวเราะ วันนี้หมอนี่ยิ้มบ่อยไปแล้วนะ
“แล้วทำไมนายมากับไอ้บ้านี่ได้ล่ะเซนโด”
“เจอแถวๆสนามกีฬากลางน่ะครับ เหมือนลูกแมวถูกทิ้งผมเลยแวะเก็บมาด้วย”
“ใครเป็นลูกแมวถูกทิ้งว่ะเซนโด!! พูดอย่างนี้เดี๋ยวโดนต่อยหรอก!” ร่างสูงนั้นยักไหล่ แววตาคมซุกซนกวนโมโหในที
“หากนายต่อยฉันจะให้จ่ายค่าอาหารเองนะ ^^” มันยิ้มจนผมไปไม่ถูก...อย่าให้รวยบ้างก็แล้วกัน!!
“ไปชวนเซนโดทะเลาะทำไม เด็กจริงๆ” ตาลิงโยกหัวผมไปมา
“เอ๊าะ! ก็ฉันยังไม่แก่นี่หว่า”
“หึๆ ติดต่อไปหาอาคางิกับมากิบ้าง สองคนนั้นเป็นห่วงนายอยู่นะ”
“มือถือฉันมันเจ๊งไปหลายวันแล้วอ่า” ผมบอก ของมันเก่าครับ...ใช้มานานหลายปี
“คุณโกโตะไม่รู้ล่ะสิ” ชื่อโกโตะทำเอาผมสะดุ้ง ยิ้มอย่างสยอง...อ่า...นั่นสิ ผมไม่ได้ติดต่อไปหายัยปีศาจนั่นมาหลายวันแล้ว...ป่านนี้คงกำลังอาละวาดและกำลังทำตุ๊กตาสาปแช่งผมอยู่แน่ๆเลย T_T
“ซวยแล้วตาลิงงงงง~~~ ยัยปีศาจนั่นต้องหักคอฉันแน่ๆ ทำไงดีอ่า T_T” ผมเริ่มจะร้องไห้แล้วนะ!!
“เว่อร์จริง แต่ก็ไม่แน่หรอกนะ”
“อย่าขู่ดิ!! คนยิ่งวิตกอยู่”
“จะไปตรวจสุขภาพวันไหน?”
“อีกหนึ่งอาทิตย์ วันศุกร์หน้าโรงเรียนมีกิจกรรมฉันกะจะโดดไปตั้งแต่เช้าเลยอ่ะ ค้างที่นู่นแล้วค่อยกลับวันจันทร์”
“ฉันไม่ว่าง...ไปด้วยไม่ได้ ลองโทรถามอาคางิ มากิ หรือไม่ก็จินดูแล้วกัน”
ผมแบะปาก “ไม่ใช่เด็กสักหน่อยไปคนเดียวได้น่า” ตาลิงขึงตาดุๆใส่ผมทันที
“ขึ้นรถไฟผิดขบวน ไม่พกตังค์ติดกระเป๋า ไม่พกมือถือ คนปกติใช้เวลาแค่ชั่วโมงเดียวแต่นายใช้เวลาสามชั่วโมง!! มันไม่ต้องห่วงตรงไหน!!”
อย่าเอาเรื่องน่าอายผมมาแฉได้ไหมเล่า...เซนโดมันหัวเราะแล้วนะ ฮึ่ม!!
“ไม่...ไม่...จริง...สักหน่อย” ผมอ้อมแอ้ม แต่ถูกเขกหัวดังโป๊ก
“หาใครไปเป็นเพื่อนสักคนซะ!!”
“ไปไหนล่ะครับคุณอุโอสึมิ?” เซนโดที่ถูกลืมไปชั่วคราวเอ่ยถามขึ้นมา
“เจ้าบ้านี่มันต้องตรวจสุขภาพทุกเดือน คุณโกโตะที่เป็นเทรนเนอร์บังคับมาน่ะ ร่างกายมันใช่จะแข็งแรงดีเหมือนชาวบ้านเขา ที่เมืองท่าโยโกซุกะ ”
“ให้ผมไปเป็นเพื่อนไหมล่ะครับ ผมว่างพอดี แถมช่วงนั้นยังงดซ้อมด้วย” เซนโดเสนอขึ้นมา แต่ผมส่ายหน้า
“อย่าเลย...ไม่อยากรบกวนอ่า เดี๋ยวฉันไปชวนพวกกอริเองได้ พาไปก็ไม่มีตังค์จ่ายค่ารถไฟ ไม่เลี้ยงข้าวด้วยนะ”
“ฮะๆ ฉันขับรถไปเองไง ไม่ไกลเท่าไหร่ สักสองชั่วโมงคงถึงล่ะ แถวนั้นอยู่ติดทะเลไม่ใช่เหรอ แวะไปตกปลาด้วยน่าจะดี”
“นี่คือหาเรื่องเที่ยว?” ผมขมวดคิ้ว “ส่วนฉันเป็นของแถมเหรอ?”
“ฮะๆๆ คิดอย่างนั้นก็ได้” เซนโดหัวเราะอย่างอารมณ์ดี เอื้อมมือมาขยี้หัวผมแรงๆ
ทำไมทุกคนชอบยีหัวผมอ่ะครับ!! ยุ่งหมดแล้วนะ =_=
“มีนายไปด้วยก็ดี ฝากด้วยนะเซนโด เดี๋ยวฉันไปทำอาหารให้ คุยกันไปก่อน” ตาลิงหันมาสั่งผมว่าห้ามกวนจากนั้นก็ลุกขึ้นไปในครัว ผมก็นั่งจ้อกับเซนโดยาวเลยครับ ความรู้สึกอึดอันและหนาวเย็นๆค่อยๆหายไป ท่ามกลางสายฝนที่โปรยปรายลงมาอย่างหนักนั้น...การที่มีใครสักคนอยู่ข้างๆมันรู้สึกดีมาก...ความเศร้าที่ถูกใครบางคนผิดสัญญาเริ่มจางหาย ผมยิ้มตามรอยยิ้มบนใบหน้าหล่อๆของอดีตคู่แข่ง
มาช้ามากกกกกกก ขอโทษนะค่ะ T_T
ป.ล. ขอให้มีความสุขในการอ่านนะค่ะ
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ

ลูกชายเรานี่เนื้อหอมจริงๆเลย แงงงงงง ใครก็เอ็นดูน้อง
ชั้นน่ะนะๆๆ เชียร์เซนโดสุดหัวใจเลย แงงง แพ้มาก ดีสุดๆฮานะจังน่ารักขนาดนี้ ใครจะไม่เอ็นดูล่ะเนอะ