คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #8 : เจ้าน่ะเป็นอันเดดเหรอ?
คณะรถม้าเดินทางกลับเมืองหลวง จากที่ตอนแรกมากันเพียงแค่หยิบมือเดียว ตอนนี้กลับมีมากกว่าเดิมราวห้าเท่าเห็นจะได้ และจุดที่ถูกควบคุมแน่นหนาที่สุดคือรถคุมขังเนมเลส
ยูริเลิกสนใจรอบข้างหันกลับมามองน้องสาวที่ก้มหน้าครุ่นคิดบางอย่าง บรรยากาศระหว่างการเดินทางเป็นไปอย่างราบรื่น เนมเลสไม่ได้แสดงท่าทีต่อต้านแล้วก็ไม่ได้สร้างปัญหาอะไร
“ กำลังคิดอะไรอยู่เหรอ? ” เพราะทนความสงสัยไม่ได้เธอจึงตัดสินใจถามออกไป ยูลินเงยหน้าขึ้นสบตากับเธอ
“ …ตอนที่อยู่ในกิลด์ หนูมองตาเขาแล้วทุกอย่างก็มืดไปหมดแล้วความทรงจำบางอย่างก็ไหลเข้ามา ” น้ำเสียงราบเรียบส่งให้คนเป็นพี่สาวรู้สึกแปลกใจ แต่เธอมองข้ามเรื่องนั้นเพราะความสงสัย
“ แต่ว่าตาของน้องใช้กับมนุษย์ได้ด้วยเหรอ? ” เธอไม่เคยใช้มันกับมนุษย์มาก่อนปกติแล้วเธอใช้มันกับพวกสมุนของจอมมาร แต่ยูลินกลับส่ายหน้า
“ ไม่ได้ค่ะ ” ด้วยคำตอบนี้ยิ่งกระตุ้นยูริให้อยากรู้อยากเห็นมากกว่าเดิม
“ เขาไม่ใช่มนุษย์ แต่เป็นอันเดด ” ( อันเดด? ) มอนส์เตอร์ที่เกิดจากเวทย์สายมืดของพวกเนโครแมนเซอร์น่ะเหรอ? แล้วเอลฟ์คนนั้นเป็นเจ้านายรึเปล่า? ไม่น่าใช่ เธอดูไม่ใช่คนที่ใช้เวทย์สายนี้ได้เลย
“ ถึงความทรงจำจะไม่ต่อเนื่องแต่ก็พอเข้าใจอะไรบ้าง อันเดดต้องสาป…ตื่นขึ้นจากหลุมศพเพื่อนำเจ้าแห่งเถ้าถ่านกลับคืนบัลลังก์ไม่ว่าจะเป็นหรือตาย เขาดูดซับวิญญาณเพื่อนำมันไปสังเวยให้กองไฟที่มีดาบปัก ” เธอไม่เข้าใจเรื่องราวส่วนใหญ่ในความทรงจำ เขาเหมือนตายแต่ภาพก็ตัดไปตอนที่นั่งอยู่ตรงกองไฟที่มีดาบปัก มันคือยังไงกันแน่… ถ้าเขาเป็นอันเดดแล้วทำไมถึงผ่านม่านพลังศักดิ์สิทธิ์เข้ามาในเมืองได้? แล้วเรื่องดาร์คลอร์ดอะไรนั่นล่ะ? แบบเดียวกับจอมมารเหรอ?
“ แล้วเรื่องเงาสีดำที่เราเจอล่ะ? ” เงาดำที่สังหารคนของเธอไปหนึ่งคนนั่นคืออะไรกันแน่ เธอต้องรู้ให้เยอะที่สุดเพื่อให้รับมือดีที่สุด
“ เขาเรียกมันว่าความมืด… เป็นสิ่งชั่วร้ายที่กัดกินสิ่งมีชีวิตอื่น ดูเหมือนมันจะไม่ถูกกับไฟด้วย ” ยูลินเหมือนเป็นพจนานุกรมไปแล้ว แต่เธอชินแล้วล่ะ
“ แพ้ไฟ? ถ้างั้นดาบศักดิ์ศิทธิ์ก็คงใช้ได้เหมือนกันสินะ ” ในเมื่อพวกมันแพ้ของง่ายๆอย่างไฟ เวทย์ศักดิ์ศิทธิ์ก็คงได้ผลดีกว่าหลายเท่าเลย
“ แล้วพวกมันมาจากไหนเหรอ? ” ยูลินก้มหน้าเงียบไปครู่หนึ่ง
“ ไม่รู้ค่ะ… ” ไม่รู้ว่ายูริคิดไปเองหรืออย่างไรแต่ดวงตาของยูลินเปลี่ยนจากสีดำเป็นเทาเสียอย่างนั้น ท่าทีนิ่งสงบที่ทำให้เธอเห็นภาพซ้อนทับกับอัศวินที่กำลังถูกจับกุมในขณะนี้
⁂
“ แล้วตอนนั้นนะข้าก็ชักดาบออกมาชี้ไปที่มันแล้วพูดว่า (ถ้ากลับมาเหยียบที่นี่อีก ข้าจะตัดขาเจ้าเสีย) แล้วมันก็วิ่งหางจุกตูดไปเลย แล้วก็อีกเรื่องนะ… ” เอนิสบอกเล่าเรื่องราวของตนอย่างออกรสพร้อมแสดงท่าทีประกอบไปด้วย เพราะอีกฝ่ายคงไม่มีทางเอ่ยตอบเขาจึงพูดเรื่องใดก็ได้โดยไม่ต้องกังวลต่อให้จะไร้สาระแค่นั้นก็ตาม
“ นั่นใครเหรอ? ” ยูริที่ออกมาเดินดูแลกลุ่มอัศวินหลวงที่กำลังตั้งค่ายพักกลางทางหันมองอัศวินหนุ่มที่กำลังพูดคุยกับคนถูกจับราวกับเป็นเพื่อนสนิทกัน
“ ครับ? หมอนั่นชื่อเอนิส นับว่าฝีดาบดีไม่ต่างจากฝีปากเลยครับ บางครั้งขนาดอีกฝ่ายหลับแล้วยังพล่ามได้อยู่เลย ” การมีคนแบบนี้มาอยู่ด้วยก็ดีเหมือนกัน อย่างน้อยสถานการณ์ก็จะไม่ตึงเครียดมากเกิน
“ ไง สวัสดียามดึกนะ ” ยูริเดินเข้าไปทัก เนื่องจากตอนนี้มืดแล้วจึงเหลือคนที่ตื่นอยู่เพียงเล็กน้อย
นี่ขนาดถูกจับแล้วยังใส่เกราะเต็มยศอยู่เลย
“ จะไม่ทานหน่อยเหรอ ” อาหารที่นำมาให้เขาถูกปล่อยไว้จนเย็นชืด แต่อีกฝ่ายก็ทำเพียงยักไหล่เล็กน้อยก่อนจะหันไปสนใจทางอื่น เมื่อหันตามสายตานั้นไปก็พบกองไฟกองหนึ่งเท่านั้น
“ ในกองไฟนั่นมีอะไรเหรอ? ” … ไม่มีคำตอบ แน่ล่ะ
“ ทำไมถึงไม่ยอมหนีไปล่ะ กุญแจมือนั่นยื้อเจ้าไม่ได้เลยนี่ ” … เพียงแค่แรงดึงเบาๆกุญแจก็แตกหักเสียแล้ว แม้แต่แรงของเธอยังผ่านการป้องกันของเขาไม่ได้แล้วนับประสาอะไรกับกุญแจเหล็กกระจอกๆที่ไม่ได้เสริมเวทย์กัน
…
“ นี่ เจ้าน่ะเป็นอันเดดเหรอ? ” ไม่รู้ว่านี่เป็นแค่ความรู้สึกส่วนตัวหรือย่างไรแต่ความเย็นเยียบกลับไหลผ่านไปทั่วแผ่นหลังจนลืมอากาศอุ่นๆของกองไฟไปเลย
ฟุ่ม!!*- สายลมหอบใหญ่พัดโถมเข้ามาอย่างกระทันหัน กองไฟดับวูบจนความมืดกลืนกินพื้นที่ ลมหนาวที่พัดผ่านทำให้เธออดขนลุกไม่ได้
“ ! ” ในตอนที่หันกลับมาให้ความสนใจกับอันเดดหนุ่มเธอก็เห็นดวงตาสีแดงวาวโรจน์ราวกับเปลวเพลิงซ่อนอยู่ใต้หมวกเกราะ นิ้วชี้ถูกยกขึ้นทาบบริเวณที่เป็นปากคล้ายว่าจะบอกให้เธอเก็บเรื่องนี้ไว้
พรึบ*- สายลมหายไปทำให้ไฟกลับมาสว่างอีกครั้ง บรรยากาศกลับมาเป็นปกติในพริบตา
…
“ ครอก⁓ ผมจาโปกป้องคุณเอง⁓ ” ต้องขอบคุณเอนิสที่ละเมอจนเธอได้สติ เหงื่อเย็นไหลอาบแก้ม
“ นายชอบโลกนี้ใหม? ” ไม่รู้อะไรดลใจให้เธอถามออกไปแบบนั้น
“ ตอนที่ฉันกับน้องถูกอัญเชิญมาที่นี่ตอนนั้นเรายังเด็กอยู่เลย ไม่ว่าจะตอนนั้นหรือตอนนี้ฉันก็ยังคิดถึงบ้านอยู่ตลอด ” น้ำตาไหลรื้นขึ้นมาอย่างไม่อาจห้ามได้ เธอใช้มือปาดมันออกไปอย่างลวกๆก่อนจะส่งรอยยิ้มไปให้อันเดดหนุ่ม
รุ่งเช้าของวันที่เจ็ดในการเดินทาง พวกเขามาถึงหน้าประตูเมืองอันเป็นศูนย์กลางของจักวรรดิ
เมืองไอโซเมีย หากโลเวียน่าคือเมืองแห่งจันทรา ที่นี่ก็คือเมืองแห่งสุริยา
เนมเลสถูกนำตัวส่งไปยังคุกใต้ดินเพื่อรอการไต่สวน ส่วนพวกเธอก็แยกย้ายกันพักผ่อน
เธอมั่นใจแล้วว่าไม่ได้คิดไปเอง ยูลินเงียบกว่าเดิมมากแถมยังดูสงบเสงี่ยมกว่าปกติ อาจเป็นเพราะได้เจอสิ่งที่ทำให้ช็อคมาเลยกำลังสับสนอยู่
“ โอ้ท่านผู้กล้า ยินดีต้อนรับกลับครับ ” อาจเพราะเธอมัวแต่คิดเรื่องโน้นนี้ทำให้มาถึงไวกว่าปกติ โรงตีเหล็กของวังหลวง
“ พระเจ้าช่วยเจ้าเอามันไปสู้กับภูเขามารึไง?!!!! ” ยูริได้แต่ก้มหน้ารับชะตากรรมของตัวเอง ก็คิดอยู่ว่าจะเป็นแบบนี้ รู้สึกร้อนหลังเลยแฮะ…
“ เปล่าค่ะ ข้าโดนฟัน ” ( ถึงจะเป็นด้านที่ไม่มีคมก็เถอะ )
คนแคระเฒ่าผู้รับหน้าที่ดูแลชุดเกราะและอาวุธของเธอถึงกับอ้าปากค้างไปต่อไม่ถูก
“ นี่แรงระดับไหนถึงสามารถทำได้ขนาดนี้กัน ” เขาจ้้องมองเศษชุดเกราะและอาวุธของตัวเองพลางนึกอยากเจอผู้ที่ตีอาวุธของฝั่งนั้นบ้าง
“ ไม่รู้สิ จอมมารละมั้ง ” ยูริเอ่ยทีเล่นทีจริง หากจะนำเนมเลสไปเทียบกับจอมมารเธอก็เชื่อว่าเหนือกว่าเห็นๆ
“ เจ้าเอามันไปสู้กับจอมมารเรอะ!!! ” แต่ดูเหมือนคู่สนทนาของเธอจะมองข้ามความขี้เล่นนั้นไป
“ เปล่า…ข้าแค่เปรียบเปรยเอง ”
ผมซื้อมาอีกแล้วครับ… ช่วยไม่ได้ เกมลดราคามันล่อตาล่อใจ
( *︾▽︾)
ดาร์คโซลราคาเต็ม เซคิโรลดครึ่งราคา
ความคิดเห็น