ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    { 4033A } Lost ashes

    ลำดับตอนที่ #6 : ความมืด (2)

    • อัปเดตล่าสุด 25 ม.ค. 66


    “ ยืนยันภารกิจสำเร็จค่ะ ขอบคุณที่เหนื่อยนะคะคุณโซอี้ ” เสียงใสของพนักงานกิลด์เอ่ยอย่างขันแข็ง มือบางก็เขียนลงบันทึกไปพลางดวงตาก็ลอบมองบุรุษในชุดเกราะปริศนาที่เดินมากับเอลฟ์สาวไปพลาง

    “ อืม จริงสิ! เรื่องค่าจ้างช่วยหารสองให้ทีนะ …แล้วก็เอาอุปกรณ์ยืนยันตัวตนมาที ” ประโยคสุดท้ายโซอี้เอ่ยกระซิบบอก เธอเหลือบมองอัศวินข้างกายที่ยังทำท่าทีไม่สนใจสิ่งใดเหมือนเคย

    พนักงานพยักหน้ารับก่อนจะหายไปในห้องหนึ่ง สักพักก็เดินกลับมาพร้อมถุงบรรจุเหรียญเงินสองถุงและลูกแก้วสีใสบางอย่าง

    “ ใครวะที่เดินมากับโซอี้? ”

    “ จะไปรู้ได้ไงใส่ชุดเกราะแบบนั้นอยู่ ”

    “ แกเคยเห็นตราบนเกราะนั้นไหมวะ? ”

    “ ไม่รู้ว่ะ ไม่เคยเห็นตราแบบนั้นเลย ”

    เสียงพูดคุยไม่ดังไม่เบาของคนอื่นๆไม่ได้เข้าหูคนที่เป็นหัวข้อสนทนาเลย

     

    “ นี่ค่ะเงินรางวัลแล้วก็ลูกแก้วยืนยันตัวตน ” โซอี้เดินไปรับเงินถุงหนึ่งมาให้เขา

    “ รบกวนท่านผู้ชายช่วยวางมือลงบนลูกแก้วด้วยค่ะ ” เขาทำตามอย่างว่าง่าย ฝ่ามือสวมเกราะถูกวางทับลงบนลูกแก้วสีใส

    … ไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ เอ่อ… รบกวนช่วยถอดถุงมือด้วยนะคะ ” โชคยังดีที่ร่างกายเขายังไม่ย่ำแย่มากจึงสามารถถอดถุงมือได้ เขาสัมผัสลููกแก้วอีกครั้งแต่ก็ยังไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    “ เกรงว่ามันจะเสียนะคะเนี่ย ” โซอี้ยกมือเรียวบางขึ้นลูบคางขณะกำลังครุ่นคิด น่าสงสัยมาก

    การที่ลูกแก้วไม่ทำงานแสดงว่าอีกฝ่ายไม่เคยลงทะเบียนซึ่งไม่มีทางเป็นไปได้สำหรับคนเป็นอัศวิน จะมีที่ไหนในโลกอีกที่อัศวินไม่มีความจำเป็นต้องลงทะเบียน?

    “ ถ้างั้นช่วยเขียนข้อมูลส่วนตัวของท่านลงในนี้ด้วยนะคะ ” พนักงานสาวหันไปหยิบกระดาษแผ่นหนึ่งขึ้นมาพร้อมปากกาขนนกและหมึก

    บนกระดาษมีช่่องว่างสำหรับกรอกข้อมูลส่วนตัวทั้งชื่อ , อายุ , วันเกิด , เผ่าพันธุ์ , อาชีพ

    อัศวินหันขวับไปหาเอลฟ์สาว ข้อมูลพวกนี้เขาไม่รู้ทั้งนั้น!

    “ จะมองข้าทำไม เขียนข้อมูลของเจ้าไปสิ ” สุดท้ายเขาก็ต้องทำอะไรสักอย่าง เผ่าพันธุ์มนุษย์ อาชีพ…ถึงยังไงสภาพเขาตอนนี้ก็ต้องเขียนเป็นอัศวิน วันเกิดเหรอ? แล้ววันนี้วันที่เท่าไหร่!?

    อัศวินหันซ้ายแลขวาจนมาพบปฏิทินเข้า วันแรกของเดือน…อ่านว่าอะไรเนี่ย? เขียนตามไปก่อนแล้วกัน ส่วนปีก็ย้อนกลับไปสักยี่สิบปี!

    กึก*- เขาวางปากกาลง มองกระดาษที่เว้นว่างพื้นที่สำหรับชื่ออยู่ครู่เดียวก็ส่งมันคืนให้พนักงานสาว

    “ ช่วยเขียนชื่อมาด้วยนะคะ ” ทว่าอัศวินหนุ่มกลับส่ายหัว เขาเป็นเพียงอันเดดต้องสาปไร้นาม

    “ ถ้าไม่อยากเขียนชื่อก็ระบุเป็น เนมเลส(Nameless , ไร้นาม)ไปเลยก็ได้นี่ ” เพียงแค่คำพูดไม่ได้คิดของเอลฟ์สาวกลับทำให้อันเดดหนุ่มรู้สึกตื้นตันด้วยความยินดี นามที่ตัวเขาไม่เคยได้รับและไม่นึกว่าจะได้

    พรึบ!*- ขี้เถ้าหนึ่งเดียวคุกเข่าข้างเดียวลงต่อหน้าเอลฟ์สาว แขนซ้ายแนบชิดลำตัว แขนขวาขนานกับอก

    “ จ-จ เจ้าทำอะไรเนี่ย! มีคนมองอยู่นะ!! ” เพราะการกระทำของคนตรงหน้าทำให้โซอี้หน้าแดงปัดป่ายมือไปทั่วหวังให้อัศวินหนุ่มหยุดทำอะไรน่าอายเช่นนี้

     “ฉันไม่รู้ว่าอะไรแต่อยากได้ผู้ชายมาทำแบบนั้นให้บ้างจังเลย... ”

    “ แม่โซอี้...หน้าอิจฉา.... ”

    เสียงซุบซิบจากคนอื่นในตึกกิลด์ก็ทำเธออายกว่าเดิม กลุ่มแสงดวงเล็กลอยออกจากบริเวณอกของเธอไปยังร่างที่คุกเข่าอยู่

    “ อะ เมื่อกี้แสงอะไรน่ะ มาจากตัวข้าเหรอ? ” แต่เรื่องนั้นไม่สำคัญเท่าคนตรงหน้าที่ยังคุกเข่าอยู่หรอก

    “ ลุกขึ้นมาได้แล้ว คนเขามองกันหมดแล้ว ” เขาลุกขึ้นเขียนนามที่ได้รับลงในกระดาษ (เนมเลส)

    “ เอ่อ ถ้างั้นก็รอสักครู่นะคะ ” แล้วพนักงานสาวยิ้มแหยแล้วเดินหายไปอีกครั้ง

    “ …เจ้าเนี่ยนะ⁓ ปกติก็ทำอะไรเข้าใจยากอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งเข้าใจยากกว่าเดิมอีก ” โซอี้เกาหลังคอเอ่ยเสียงเบาแต่เพราะตัวเขาอยู่ใกล้จึงได้ยินชัดเจน ใบหูยาวขึ้นสีแดงจางๆ

    -

    “ หลีกทางๆ!!! ” เสียงทุ้มของใครคนหนึ่งดังตั้งแต่นอกประตูจนกระทั่งเจ้าของเสียงกระแทกประตูกิลด์เข้ามา ด้านหลังเป็นกลุ่มอัศวินไม่กี่คนและสตรีสองคนในชุดเกราะ ทั้งกิลด์จึงเกิดเหตุชุลมุนขึ้นชั่วคราว

    “ ผู้กล้า ” โซอี้พึมพำเบาๆ เธอได้อ่านหนังสือพิมพ์มาบ้างจึงรู้ข่าวคราวในเมืองหลวง

    “ !!!! ” ยูลินสะดุ้งตัวโยนเมื่อสายตาหันไปสบกับบุรุษในชุดเกราะ ร่างกายสั่นรัวอย่างไม่อาจห้ามได้ รู้สึกถึงความเย็นเยือกไหลผ่านไปถึงกระดูกสันหลัง ราวกับมีเงามืดที่แผ่ขยายมาล้อมรอบเธอจนไม่อาจมองเห็นสิ่งใดนอกจากความมืด

    “ ยูลินเป็นอะไรไป? ” ยูริเขย่าตัวน้องสาวจนเธอได้สติ มือสั่นเทาของเธอชี้ไปยังอัศวินที่ยืนอยู่ข้างเอลฟ์สาว

    “ พวกเจ้ามากับข้าที ” ทั้งสี่เดินตามกันมาจนกระทั่งมาถึงลานโล่งด้านหลังตึกกิลด์ ยูลินในอ้อมแขนของเธอยังสั่นไม่หยุด ร่างกายก็เย็นเฉียบ

    “ ขอรู้ชื่อพวกเจ้าหน่อยได้ไหม? ” ยูริเปิดบทสนทนาก่อน ความรู้สึกประหลาดเกิดขึ้นทุกครั้งที่เธอหันไปสบตากับอัศวินคนนั้น

    “ ข้าโซอี้ค่ะ ส่วนนี่- เอ่อ…เนมเลส เราเป็นสหายกันค่ะ ” ประโยคส่วนท้ายเบาลงเรื่อยๆเหมือนเธอไม่มั่นใจ

    “ เนมเลส? ชื่อประหลาดดีนะ ” เรื่องนี้ดูจะยิ่งเสริมความมั่นใจเรื่องความรู้สึกประหลาดของเธอขึ้นอีก

    “ พวกเธอเจอกันตอนไหนล่ะ? ” หากเป็นช่วงนี้ละก็ทุกอย่างก็จะลงล็อคพอดี

    “ เมื่อวันก่อนที่ป่าทางใต้ค่ะ ” โซอี้ขมวดคิ้ว พวกเธอจะอยากรู้เรื่องพวกนี้ไปทำไม

    ยูริลอบยิ้มในใจ คนตรงหน้าต้องเป็นหนึ่งในสาเหตุความผิดปกติแน่ เธอเลื่อนมือกำด้ามจับดาบแน่น

    “ !! เนมเลส! ” โซอี้ที่สังเกตุเห็นก็ร้องเตือนขึ้นแต่ก็ช้าไป คมดาบสีเงินเตรียมสะบั้นคอของเขาแล้ว แต่ทว่า

     ตึง!*- (Parry) ดาบของยูริถูกปัดป้องออกไปอย่างง่ายดายด้วยมือเปล่า เขาเดินทิ้งระยะออกจากโซอี้เพื่อไม่ให้ยูริตวัดดาบไปโดนเธอเข้า

    ไม่ว่าจะฟันไปกี่ครั้งก็ถูกปัดป้องได้ทุกครั้ง เธอพุุ่่งเข้าไปหวังใช้ความเร็วกับพละกำลังจัดการแต่การโจมตีที่ไร้ชั้นเชิงนี้ไม่อาจฝ่าไปถึงตัวอันเดดหนุ่มได้

    ดาบตาตานะแห่งความโกลาหลปรากฏขึ้นในมือเขา พริบตาที่อีกฝ่ายกำลังจะฟาดดาบ

    ตึง!!"- เขาฟาดส่วนที่ไม่มีคมเข้าใส่ ด้วยสัญชาตญาณเหนือมนุษย์ทำให้ยูริสามารถเปลี่ยนเป็นตั้งรับได้ทันแต่ก็็ต้องแลกกับใบดาบและเชสเพลตที่แตกหักไม่มีชิ้นดีก่อนจะรีบล่าถอยไปพร้อมอาการจุกในอก

    “ พอเถอะค่ะ ” เพราะสู้ต่อไม่ได้ยูริจึงจำใจหยุดตามคำห้ามปรามของน้องสาวแต่เพียงเท่านี้

    “ มีเงามืดกำลังกลืนกินป่าอยู่ค่ะ ” ยูลินที่ตอนนี้สภาพดีขึ้นหลายส่วนเอ่ยบอก แม้ไม่รู้ว่าคนตรงหน้าจะเกี่ยวข้องกับสิ่งนั้นอย่างไรแต่การที่เขาไม่ฆ่าในทันทีทั้งที่ทำได้เธอก็อยากเสี่ยงเชื่อใจเขาดู

    “ พวกเราได้รับหน้าที่ให้มาตรวจสอบป่านั้น และฉันมั่นใจว่าหมอนั่นต้องเกี่ยวข้องด้วยแน่ ” ยูริเอ่ยเสียงแข็งตีหน้าเข้มพลางชี้นิ้วไปยังคนในชุดเกราะ

    “ เนมเลส? ” เอลฟ์สาวหันมองบุรุษข้างกายที่ยังคงท่าทีนิ่งเฉยไม่เปลี่ยนแปลง อีกฝ่ายเองก็หันมาสบตากับเธอเช่นกัน แม้จะคาดหวังให้อีกฝ่ายอธิบายอะไรบ้างแต่เขากลับทำเพียงแค่จับบ่าเพียงเท่านั้น

    เขาเดินหันหลังจากไป ที่ใดที่มีแสงไฟย่อมต้องมีเงา แต่เงาเหล่านั้นไม่ต้องการแสง

    เพราะโลกนี้ไร้ซึ่งดวงไฟ จึงไม่มีสิ่งใดสามารถปกป้องโลกนี้จากความมืดได้ นั่นจึงเป็นหน้าที่ของเขาแม้จะเป็นเพียงขี้เถ้าก็ตาม

     

    ณ ทางใต้ของป่า

    สิ่งที่ออกมาจากโลงนั้นไม่ได้มีแค่ความมืดที่คลุ้มคลั่งเพียงอย่างเดียว ภายในโลงนั้นรอยฉีกของมิติกำลังแยกแหวกออกกินบริเวณกว้าง รอยแยกที่ฉีกทั้งเวลาและมิติเปลี่ยนแปลงความเป็นจริง

    ร่างสูงโปร่งของกลุ่มบุคคลในชุดเกราะหยัดกายขึ้นจากรอยแยก ผ้าคลุมสีเลือดพลิ้วไหวตามสายลม หมวกแหลมสูงเป็นเอกลักษณ์

     

    ผู้ปฏิญาณตนจะปกป้องผู้คนจากความมืด

     

    ผู้ก้าวเดินตามเส้นทางของอัศวินผู้ยิ่งใหญ่

     

    กองทัพอันเดดแห่งฟารอน ผู้เฝ้ามองห้วงอเวจี ได้เข้ามายังโลกแห่งนี้แล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×