คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : เอลฟ์
ตึก ตึก ตึก*- ขี้เถ้าหนึ่งเดียวก้าวเดินไปตามถนนมืดที่รายล้อมด้วยป่า แถมเวลานี้ก็ค่ำมากแล้วจึงส่งบรรยากาศให้น่าวังเวงขึ้นอีก หนำซ้ำยังมีกลิ่นคาวเลือดจางๆในอากาศอีกด้วย
“ !@*$+%(! ” เสียงพูดจอแจฟังไม่ได้ศัพท์ดังอยู่ไกลๆ มองเห็นแสงไฟอยู่ทางทิศนั้น
ยิ่งเข้าใกล้กลิ่นของเลือดก็ยิ่งชัดเจน และเสียหนึ่งก็ดังมาให้ได้ยิน
ตับ ตับ*- เสียงเนื้อกระทบกันน่าสะอิดสะเอียนไม่ต่างจากต้นตอของเสียง กลุ่มชายฉกรรจ์รุุมโทรมกระทำชำเราเด็กหญิง ร่างเปลือยเปล่ามีเลือดติดอยู่เล็กน้อยแต่ไม่ใช่ของเธอ ที่อีกมุมมีร่างไร้ชีวิตของบุรุษสามคน
เขาก้มลงตรวจเช็คความพร้อม ขวดเอสทัสถูกจัดไว้ให้หยิบได้ง่าย อาวุธประจำกายเป็นเคลย์มอร์และโล่เล็ก ผงสายฟ้าเองก็ยังมีเหลือเฟือ
แซก*- เสียงพุ่มไม้ขยับดึงความสนใจจากเขาไป และผู้ที่เดินออกมาคือหญิงสาวร่างสูงโปร่งสวมใส่เชสเพลตทำจากหนังแต่มีพัลดรอนเป็นเหล็ก ส่วนอื่นๆของร่างกายเป็นชุดหนังทั่วไป เส้นผมสีบลอนด์ทองถูกรวบไว้เป็นหางม้าลู่ลงกลางหลัง ดวงตาสีฟ้าประกายดุดันเพ่งเล็งเหล่าโจรที่กำลังสนุกกับกิจกรรมน่ารังเกียจ หูแหลมยาวอันเป็นเอกลักษณ์นั้นก็แปลกตาไม่น้อยเลย
“ หืม? โอ้ แม่สาวเอลฟ์สุดสวยมาเล่นกับพวกพี่ไหมจ๊ะ? ” หนึ่งในกลุ่มโจรเอ่ยด้วยน้ำเสียงยียวน ส่ายเอวไปมาเหมือนอยากทำเรื่องอย่างว่าเสียเต็มที่
ฉึก!*- ไม่รอให้อีกฝ่ายพูดอะไรต่อให้ระคายหู เอลฟ์สาวยิงลูกธนูเข้าใส่เจ้าน้องชายที่โจรโชคไม่เข้าข้างส่ายโชว์ไปเมื่อครู่
“ น่ารังเกียจ! ” นับว่าเป็นคำพูดที่เหมาะสมแล้วกับการกระทำต่ำตมที่คนเหล่านั้นทำ เสียงกรีดร้องดังไปทั่วป่าและคนอื่นก็เริ่มหยิบคว้าอาวุธของตัวเองเพื่อตอบโต้แล้ว
“ สั*เอ้ย พูดดีๆไม่รู้เรื่องอีกแล้วว่ะ ” เธอก็ไม่ได้รอให้อีกฝ่ายเตรียมพร้อมเสียก่อน ธนูดอกถัดไปถูกยิงเข้าไส่ศรีษะของศัตรูอย่างแม่นยำ และดอกถัดๆไปก็เช่นกัน
พวกมันกระจายตัวโอบล้อมเอลฟ์สาวแล้วพุ่งเข้าจู่โจมพร้อมกันเธอจึงดีดตัวพุ่งขึ้นไปยืนอยู่บนต้นไม้ด้วยแรงเหนือมนุษย์
“ เฮ้ย ปามีดใส่แม่*เลย!! ” ก่อนที่จะมีใครได้ทำอะไรอัศวินในชุดเกราะก็เข้าสนามรบมาอีกคน ดาบเคลย์มอร์แทงทะลุร่างโจรคนนั้นจนสิ้นใจ ร่างสั่นกระตุกจากฤทธิ์ของผงสายฟ้า
“ เชี่*!! อะไรอีกวะ ” การปรากฏตัวของเขาสร้างความตกใจให้ทั้งกลุ่มโจรและเอลฟ์สาว ร่างไร้ชีวิตถูกผลักให้ล้มลงกับพื้น อัศวินสะบัดเคลน์มอร์เพื่อไล่เลือดที่ติดอยู่ออกแล้วอาศัยจังหวะที่ทุกคนตกใจเหวี่ยงดาบสังหารโจรไปได้อีกคนทั้งวงล้อมจึงได้สติกลับมา
จากการถูกโจมตีขนาบข้างทั้งหน้าและหลังทำให้เหล่าโจรตกตายไปอย่างรวดเร็ว ขี้เถ้าหนึ่งเดียวพุ่งตัวหวดฟาดดาบในมือสังหารคนไปนับสิบ สิ่งสุดท้ายที่พวกมันได้เห็นก่อนคมดาบจะฟาดลงมาคือเปลวเพลิงวาวโรจน์ในดวงตาใต้หมวกเกราะ
หลังศึกย่อยๆสงบไปเอลฟ์สาวก็ลงจากต้นไม้มาตามเก็บลูกธนูใส่ซองในขณะที่ชายหนุ่มหันไปหาเด็กสาวร่างเปลือยทีีเพิ่งจะฝืนกายขึ้นนั่งได้
“ ทำไมล่ะ… ถ้ามาเร็วกว่านี้ก็คง ” เด็กสาวกล่าวทั้งน้ำตา ดวงตาไร้แววเหม่อมองศพทั้งสามร่างก่อนจะหันมาสบกับอัศวิน
“ โอ ท่านอัศวินช่วยจบความทรมานของข้าที… ” เขายกดาบขึ้นเตรียมปลิดชีพเด็กสาว เธอหลับตาน้อมรับความตายที่จะปลดปล่อยเธอ
พรึ่บ*- ก่อนจะได้ลงมือเอลฟ์สาวก็โผล่มายืนกั้นระหว่างเขากับเด็กคนนั้นเสียก่อน
“ จะทำอะไรของเจ้าน่ะ!! ” เธอตะโกนเสียงดังจนอัศวินถึงกับชะงักและเรียกสติจากเด็กสาวได้
“ เจ้าจะไปทำไรก็ไปเถอะ เดี๋ยวข้าดูนางเอง ” เอลฟ์สาวเมินชายหนุุ่มหันไปปลอบประโลมเด็กสาวที่เพิ่งผ่านสถานการณ์เลวร้ายมา
คนถูกไล่ปลีกตัวมาจัดการศพมากมายที่เกลื่อนพื้น เขาลากร่างใช้ชีวิตทั้งหมดมากองรวมกันเพื่อจะได้เผาให้เสร็จทีเดียวรวมถึงศพทั้งสามที่ถูกโจรเหล่านี้สังหารไปด้วย สองในสามนั้นเป็นอัศวินส่วนอีกคนเป็นชายหนุ่มวัยใกล้เคียงกับเด็กสาว
เขาถอดเอาเสื้อคลุมของศพนั้นมาเพื่อจะนำมันไปมอบให้เธอ เขาคิดว่าอย่างน้อยควรมีของดูต่างหน้าอะไรบ้าง
ฟู่ม!*- ไฟแห่งความโกลาหลถูกใช้เพื่อเผาร่างทั้งหมด กองไฟลุกโชนราวกับเป็นดวงอาทิตย์ที่ส่องสว่างในเวลากลางคืน เป็นแสงที่โชติช่วง…แต่ไม่นานมันก็ดับไปตามวิถีของมัน ไม่ได้ต่างจากโลกของเขา
“ ข้าดีขึ้นแล้วล่ะค่ะท่านโซอี้ ข้าไม่เป็นไรแล้ว ” เด็กสาวเอ่ยกล่าวด้วยน้ำเสียงติดแหบพร่าให้กับเอลฟ์สาวนามโซอี้ ร่างกายเปลือยเปล่าตอนนี้ถูกปกปิดด้วยผ้าผืนหนึ่ง
ตึก ตึก*- เสียงฝีเท้าบดกับพื้นดึงความสนใจของทั้งสองไป อัศวินหนุ่มยื่นเสื้อคลุมที่เก็บมาให้เด็กสาว แววตาของเธอกระตุกวูบ มือบางสั่นเทิ่มเมื่อยามคว้าจับเสื้อคลุมนั้น
“ เกวียนของข้าอยู่ตรงโน้น ท่านจะเอาไปก็ได้นะคะ ” เสียงของเธอสั่นระเรื่อ แต่เพราะก้มหน้าอยู่จึงไม่มีใครรู้ว่าตอนนี้เธอกำลังทำหน้ายังไง
พรึ่บ*- อัศวินหนุ่มช้อนร่างของเด็กน้อยขึ้นอุ้มเดินตรงไปยังเกวียนดังกล่าวสร้างความตกใจให้สองสาวคนละเผ่า โซอี้สาวเท้าตามมา
“ เจ้าจะพานางไปไหน? ” … ไม่มีคำตอบกลับมา เธอพึ่งสังเกตว่าตราสัญลักษณ์บนชุดเกราะนั้นไม่ใช่สัญลักษณ์ใดในทวีปนี้เลย
“ เจ้าเป็นอัศวินต่างแดนเหรอ? มาจากทวีปอะไร? ” … ก็ยังไม่มีคำตอบ เขาวางร่างในอ้อมแขนลงบนเกวียนอย่างเบามือก่อนจะดึงเอาม้าแถวนั้นซึ่งน่าจะเป็นของพวกโจรผูกติดไว้แล้วขึ้นนั่งคุมบังเหียน โซอี้รีบโดดขึ้นไปตาม เธอยังไม่อยากโดนทิ้งไว้นี่นะ
ขี้เถ้าเหลือบตามองสิ่งแปลกใหม่อย่าเผ่าพันธุ์เอลฟ์ รูปร่างโดยรวมคล้ายมนุษย์ทว่าสูงโปร่งกว่าและมีหูยาวแหลมเป็นเอกลักษณ์ ช่างน่าสนใจยิ่งนัก
ความคิดเห็น