คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : คำขอแรก
ร่างของอัศวินในชุดเกราะฟูลเพลตยืนนิ่งอยู่กลางโถงที่ดูราวกับวิหาร
จู่ๆก็โผล่มาที่นี่อย่างไม่ทราบสาเหตุ เขาจำที่นี่ได้ สถานที่ที่ต้องต่อกรกับคมหอกแห่งพระวิหาร และถัดจากตรงนี้ไปคือทางขึ้นไปยังห้องขององค์หญิงฟิเลียนอร์
ทว่าสิ่งที่ไม่เหมือนกับที่เขาจำได้คือสตรีร่างสูงในชุดสีดำทั้งตัวที่ยืนอยู่สุดทาง
“ อย่าได้ระแวงนักเลย ฉันไม่ได้เป็นศัตรูหรอก ” เธอเอ่ยเสียงเรียบขณะก้าวเดินตรงมายังชายในชุดเกราะ ทั้งที่อยู่ไกลเพียงนั้นแต่กลับรู้สึกเหมือนมีเสียงดังขึ้นข้างหู เส้นผมหยักศกสีดำขลับยาวถึงกลางหลังและดวงตาสีแดงคมกริบเหลือบมองผู้ฟังอย่างหยิ่งผยอง
เขาไม่เคยเห็นเธอคนนี้มาก่อน ไม่ได้บุกรุกเข้ามาและไม่ได้ถูกอัญเชิญมาไม่เช่นนั้นเขาคงรู้ไปแล้ว
“ ฉันเห็นว่านายน่าสนใจเลยอยากยืมตัวมาสักหน่อย เรื่องในโลกนั้นถูกใจฉันมากทีเดียว ” รอยยิ้มเย็นปรากฏบนใบหน้างาม
“ ไปเถอะ ฉันหวังไว้สูงนะ ” นิ้วมือเรียวสัมผัสกับหมวกเกราะ อัศวินหนุ่มมองร้อยยิ้มแสยะของร่างสูงกว่าก่อนที่ภาพตรงหน้าจะกลายเป็นสีดำสนิท
กรึก* ฝาโลงไม้ถูกบางอย่างกระแทกจนเลื่อนเผยอออก เมื่อโลงไม้เปิดออกร่างของอัศวินคนเดิมก็ลุกขึ้นยืนแล้วก้าวออกจากโลง ไอควันสีดำลอยติดตามตัวมา
เขาหันหมวกเกราะมองรอบตัวด้วยความรู้สึกหลากหลาย แปลกใจ สับสน ปนเปกันไปแต่ทั้งหมดก็ล้วนเป็นความสงสัยใคร่รู้ทั้งสิ้น
สถานที่ที่เขายืนอยู่คือกลางพื้นโล่งของป่าสักแห่ง
ขี้เถ้าหนึ่งเดียวเค้นความทรงจำในหัวมาอธิบายสถานที่แสนแปลกตา จนกระทั่งนึกไปถึงสตรีชุดดำเมื่อครู่
เธอพูดว่า “ ยืมตัว ” เขามาแสดงว่าที่นี่คงไม่ใช่โลกของเขาแต่เป็นของเธอคนนั้น ด้วยไม่รู้จะทำยังไงต่อแถมเจ้าของโลกก็ยังทิ้งเขาไปไหนไม่รู้ อัศวินหนุ่มจึงบ่ายหน้าไปยังทิศตะวันตกแล้วเริ่มก้าวเดิน
…
เสียงรองเท้าบดกับพื้นหญ้าดังเป็นจังหวะสม่ำเสมอ เสียงเกราะเสียดสีตามการเคลื่อนไหวจนแสบหูแต่เขาก็ชินแล้ว
ในฐานะอันเดดการเดินทางอันยาวนานนี้ไม่ได้ทำให้เขาเหนื่อยเลยแม้แต่น้อย จากเวลายามสายตอนนี้พระอาทิตย์ใกล้จะลับฟ้าไปเสียแล้ว
เมื่อพ้นแนวป่ามาได้สิ่งปลูกสร้างของมนุษย์ก็ปรากฏสู่สายตา โบสถ์หลังใหญ่ที่ชวนให้นึกถึงวิหารแห่งไฟ สภาพตัวโบสถ์ทำจากหิน มีพืชพันธุ์เติบโตรอบกำแพง ดูภายนอกก็เหมือนจะไม่มีใครอยู่
สองขาก้าวเดินไปข้างหน้าพาร่างในชุดเกราะผ่านประตูไม้ที่ส่งเสียงลั่นก้องหูระหว่างดันมันให้เปิดออก
ภายในดูสะอาดกว่าด้านนอกเล็กน้อยแต่ก็เป็นเหมือนโบสถ์ทั่วไป มีเก้าอี้ยาวเรียงเป็นแถว และตรงสุดทางเดินคือรูปปั้นของ… ใครน่ะ?
ดวงตาใต้หมวกเกราะเพ่งมองรูปปั้นหญิงสาวที่ไม่คุ้นตา
“ ท่านเป็นใครกัน? ” เสียงพูดของหญิงสาวคนหนึ่งเอ่ยขึ้นดึงความสนใจของเขาไป หญิงสาวร่างผอมในชุดแม่ชีหยุดยืนไม่ใกล้ไม่ไกลนัก แม้น้ำเสียงจะดูปกติแต่ในแววตากลับสั่นไหว
“ ที่นี่ไม่มีอะไรให้ท่านหรอกค่ะ เชิญท่านกลับออกไปเถิด ” … ไร้เสียงตอบกลับ ดูเหมือนเขาจะไม่ได้สนใจคำพูดนั้นเท่าไหร่ ที่อีกมุมมีกลุ่มเด็กแอบมองอยู่
ความเงียบตรงนั้นดำเนินต่อไปนานจนแม่ชีสาวถึงกับเหงื่อตก เธอลอบกลืนน้ำลายขณะไล่สายตามองคนในชุดเกราะตรงหน้า
“ !? ” ร่างในชุดเกราะค้อมหัวให้เธอเล็กน้อยก่อนหันหลังจากไป ดวงตาของหญิงสาวมองตามแผ่นหลังนั้น
“ ด- เดี๋ยวก่อน! ท่านเป็นอัศวินหรือเปล่า? ” ไม่รู้อะไรดลใจเธอถึงรั้งเขาไว้ อัศวินหนุ่มหันสายตามามองช้้าๆ
เขาเป็นอัศวินหรือเปล่า? เป็นคำถามที่ตอบได้ยากนักเพราะแม้จะยังไม่ได้เป็นฮอลโลว์แต่ความทรงจำเมื่อตอนยังมีชีวิตก็เลือนรางจนจำไม่ได้
“ ข้าอยากขอร้องท่านให้ช่วยจัดการกลุ่มโจรแถบนี้ที ต้องขออภัยที่ข้าไม่มีสิ่งใดจะตอบแทน ” เธอก้มหน้า มือที่กุมอยู่สั่นจนสังเกตุได้ เธอเข้าใจว่าคำขอนี้เสี่ยงและไร้สาระแค่ไหนในสายตาคนเป็นอัศวิน หากถูกปฏิเสธเธอก็คงไม่แปลกใจ
เขาหันกลับมามองหน้าแม่ชีสาวครู่หนึ่ง
พรึบ*- อัศวินยกนิ้วโป้งเป็นคำตอบแทนคำพูด ร้อยยิ้มยินดีปรากฏบนใบหน้าผอม ท่าทางตื้นตันเล็กน้อยแค่นั้นกลับทำให้เขาอยากจะยิ้มตาม
หญิงสาวอธิบายให้เขาฟังคร่าวๆว่าพื้นระหว่างทางไปเมืองใกล้เคียงอย่างโลเวียน่ามีกลุ่มโจรกลุ่มใหญ่มาอาศัยดักปล้นผู้คน ช่วงนี้พวกมันก็เริ่มแผลงฤทธิ์ออกปล้นสะดมพื้นที่อื่นอีกด้วย
โลเวียน่า? เอาเถอะถึงจะไม่รู้จักตอนนี้แต่อีกไม่นานคงได้รู้
“ ขอองค์เทพีคุ้มครองค่ะท่านอัศวิน ” เขาชูกำปั้นตอบรับคำอวยพรก่อนจะก้าวเดินออกมาเพื่อมุ่งหน้าไปยังเป้าหมายใหม่
( กลุ่มโจร… ก็ขอให้คำขอแรกนี้เป็นไปด้วยดีละกัน )
ความคิดเห็น