ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Fic ไฮคิว.

    ลำดับตอนที่ #1 : ทะเลาะ (โอยอิวะ)

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 63






                       ปล. สิ่งนี้ทำขึ้นเพื่อความสุขของคนเขียน   ใครที่ไม่สุขตามเราก็ขออภัยค่ะ






    ในเมืองหลวงที่จราจรคับแน่นเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินพลุกพล่านในห้างสรรพสินค้า  วันหยุดก็แบบนี้  แต่ฮาจิเมะก็ยอมเสียสละความเงียบสงบในห้องพักออกมาเจอกับความวุ่นวายภายนอกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง   เพราะไม่อยากเห็นหน้าคนร่วมห้อง


    "..." เขาถอนหายใจอีกแล้ว  อาหารเช้าของเขาวันนี้คือเบอร์เกอร์ที่ร้านฟาสฟู้ด   หลังจากนั้นเขาก็มาปักหลักที่ร้านกาแฟ    กาแฟดำหมดไปแก้วที่สอง   มือหนาไถหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย




    สำหรับครั้งนี้ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะกัน   ไม่มีการด่าว่า   ไม่มีการลงไม้ลงมือ   เพราะนี่ก็ไม่ใช่การทะเลาะครั้งแรกตั้งแต่อาศัยอยู่ร่วมกันมาราว ๆ ห้าปี    มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนมื้อเย็นของเมื่อวาน..





    .
    .
    .




    หนังสือในมือที่เพิ่งได้มานั้นเปียกชุ่ม   มันไม่ได้เป็นเพราะน้ำฝน   แต่มันเป็นเพราะอีกฝ่ายทำไวน์หกใส่โดยไม่ได้ตั้งใจ   เขานิ่งค้างพูดอะไรไม่ออก   ถ้ามันเป็นหนังสือแจกฟรีหรืออะไรเทือกนั้นเขาคงไม่ใส่ใจ   แต่เพราะนั่นเป็นหนังสือที่มีลายเซ็นต์ของนักเขียนที่เขาติดตามมาตั้งแต่สมัยมหาลัยอยู่ที่ด้านในด้วย   ราวกับคนที่เพิ่งได้แจกันราคาแพงมา   แล้วไม่นานมันก็แตก   เทียบเป็นมูลค่าความเสียหายไม่ได้


    "อ..อิวะจัง.."   เสียงเรียกของคนร่วมห้องนั้นขาดห้วง   มันแผ่วเบาเสียจนเขาอยากจะทำเป็นไม่ได้ยิน   "ฉันขอโทษนะอิวะจัง.."   มือหนาเอื้อมมากุมมือของเขาเอาไว้แล้วออกแรงบีบเบา ๆ   ฮาจิเมะนิ่ง   เขาไม่ได้ตอบอะไร   ไม่ได้สบตา   มีเพียงเสียงผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ นั่นที่ทำลายความเงียบ



    ฮาจิเมะไม่ได้ทุบตีหรือไล่กระทืบอีกฝ่ายเหมือนทุกครั้ง   ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรตอนที่เขาชักมือกลับแล้วโยนหนังสือนั่นไว้ตรงพื้นโต๊ะที่ว่างและไกลจากมื้อเย็นประมาณหนึ่ง   เขาลงมือทานมื้อเย็นไปเงียบ ๆ   แม้อีกฝ่ายจะยกเรื่องนั่นนี่มาพูดด้วยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ



    พออาหารในจานหมด   ฮาจิเมะก็หยิบจานชามไปกองไว้ในซิงค์แล้วเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ   เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกทอดแล้วโยนลงตะกร้า   ตามด้วยชิ้นอื่น ๆ   เขาพาร่างของตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ฝักบัวที่เปิดน้ำลงมา   ยืนปล่อยให้สายน้ำชโลมร่างกายไปจนทั่ว




    สูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางเงยหน้าขึ้น   หลับตาลงอย่างช้า ๆ   เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกไม่ได้ดึงความสนใจของเขาไป   ไม่มีการหันไปมองร่างสูงที่เดินมาโอบกอดจากด้านหลัง   ฮาจิเมะก้มหน้าลงมาดังเดิมเมื่ออีกฝ่ายปิดน้ำ   ใบหน้าคมคายคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ    กระซิบบอกคำขอโทษอย่างแผ่วเบา   ทั้งสองคนยืนนิ่ง   ร่างที่กอดเขาไว้ไม่ได้พูดอะไรอีก   แรงกดที่ช่วงไหล่ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายซุกหน้าลงมา



    เขาเอื้อมมือไปกดสบู่ใส่มือ   ถูมันไปตามร่างกายของตัวเอง   ไม่ได้ผลักไสร่างสูงออกไป   อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่าโกรธ   บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่างอนก็ได้   ร่างสูงที่ยังวาดแขนกอดเขาไว้เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ เมื่อฮาจิเมะเริ่มถูสบู่ไปตามเรียวแขนของเขา


    รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ดังมาจากคนด้านหลังก่อนที่ร่างสูงจะเอื้อมมือไปกดสบู่มาช่วยถูตัวให้   ฝ่ามือซุกซนนั่นลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง   ขึ้นไปที่ลำคอและลาดไหล่   ก่อนจะเลยเถิดมาที่หน้าท้องด้านหน้าทำราวกับว่าตรงนั้นไม่ได้มีฟองสบู่อยู่ก่อน   แล้วคิดเอาเถอะ   คิดเอาว่าไอ้คนข้างหลังนี่มันถูตรงไหนต่อ..



    ฮาจิเมะผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ    พยายามทำตัวเป็นเด็กดีที่ยืนนิ่ง ๆ   แต่พอมันเริ่มจะมากไปเขาก็คว้าข้อมือหนาเอาไว้ให้หยุด   เสียงหัวเราะเล็ก ๆ น่าหมั่นไส้นั่นดังให้เขาได้ยินอีก   ตามมาด้วยจุมพิตที่ข้างขมับ   ฮาจิเมะตัดสินใจเอื้อมไปเปิดฝักบัวแล้วรีบล้างตัวทันที   เขาคิดว่าได้ยินเสียงงึมงำบ่นอะไรสักอย่าง   แต่ที่แน่ ๆ คือเขาฟังมันไม่ออก


    แถมไอ้คนข้างหลังนี่ก็คอยเอาสบู่มาป้ายใส่เขาอีก   ทำให้เขาต้องล้างตัวแล้วล้างตัวอีกอยู่หลายรอบ   จนสุดท้ายก็ได้ออกมาพร้อมมันในที่สุด







    พอเช็ดผมจนแห้ง   ฮาจิเมะก็เดินไปหยิบโลชั่นขึ้นมาทาตามใบหน้า   ลำคอ   และเรียวแขนเพื่อไม่ให้ผิวแห้งตามที่อีกฝ่ายพร่ำบอกจนเขาเกือบจะจำสรรพคุณโลชั่นขวดนั้นได้เกือบทุกข้อ   พออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะพูดอะไร   เขาก็รีบเดินหลบไปที่เตียง    สะบัดผ้าห่มออกมาคลุมให้ทั่วร่างแล้วล้มตัวลงนอน   ซุกหน้าลงไปกับหมอนสีเทาใบโตแล้วปิดเปลือกตาลง


    เขาได้ยินเสียงปิดสวิทช์ไฟตามมา   พอหรี่ตาขึ้นมาก็เจอกับความมืดที่ปกคลุมห้อง   พื้นเตียงที่ยุบลงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายขึ้นมาบนเตียงแล้ว   โออิคาวะสอดเรียวแขนของตัวเองเข้ามาเพื่อให้เขาได้หนุนเหมือนทุกคืน   และก็เหมือนทุกคืนเช่นกันที่เขาจะพลิกตัวหันไปหาอีกฝ่าย   ยกแขนขึ้นไปกอดตอบน้อย ๆ แล้วอิงซบหน้าไปที่อกกว้าง


    ความอุ่นชื้นถูกแตะมาที่กลางหน้าผาก   เรียกเสียงเล็ก ๆ ดังมาจากลำคอ   ตามมาด้วยการบอกฝันดีที่เป็นเหมือนคำสั่งทำให้เขาหลับ   "ฝันดีนะอิวะจัง...."









    โออิคาวะตื่นขึ้นมาพบกับที่นอนข้าง ๆ ที่ว่างเปล่า   มือหนาลูบไปตามที่นอนที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยอย่างเชื่องช้า   ไออุ่นจากคนที่นอนด้วยเมื่อคืนยังหลงเหลืออยู่บ้าง   เขายันตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องครัวซึ่งแยกออกมาจากห้องนั่งเล่น   ไร้ซึ่งคนที่เขาอยากจะเข้าไปกอด   มีแต่ความว่างเปล่า   จานชามในซิงค์ถูกล้างทำความสะอาดเรียบร้อย   ผ้ากันเปื้อนสีเข้มพาดอยู่ที่เก้าอี้   บนโต๊ะมีขนมปังปิ้งและกาแฟวางไว้หนึ่งที่สำหรับเขา


    รู้สึกว่าห้องห้องนี้กว้างขึ้นมาทันตา   การที่อีกฝ่ายไม่เอ่ยด่าว่าสาดเสียเทเสียใส่   มันทำให้เขารู้สึกกลัวยิ่งกว่าเวลาโดนด่าเป็นไหน ๆ    ความคิดที่เคยอยากให้อีกฝ่ายเลิกด่าเลิกทุบตีทำร้ายอะไรนั่นหายเป็นปริดทิ้ง   ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือให้อีกฝ่ายนั้นยังนอนอยู่ที่เตียงเมื่อเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอน



    แต่มันก็ว่างเปล่า...








    .
    .
    .



    "เติมกาแฟหน่อยไหมคะ?"   เสียงเรียกจากพนักงานในร้านเรียกให้จิตใจอันเลื่อนลอยกลับมาอีกครั้ง 
    "...ครับ   ขอบคุณครับ"   เขาพยักหน้าน้อย ๆ   "มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?"   พนักงานสาวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง   แสดงว่าสีหน้าเขาชัดมากสินะ   ฮาจิเมะพยักหน้าลงเบา ๆ   พนักงานคนนั้นพยายามยิ้มให้กำลังใจพร้อมกับอวยพรให้   ซึ่งนั่นก็ไม่รู้ว่ามันช่วยเขาได้มากหรือน้อย   พอพนักงานคนนั้นเดินกลับไป   เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเชือกของผ้ากันเปื้อนร้านนี้มีโลโก้ของร้านเป็นลายด้วย   ซึ่งส่วนตัวเขาก็ว่ามันสวยดี



    ผ้ากันเปื้อนหรอ..




    'อิวะจังง'   เสียงเจื้อยแจ้วนั่นเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารในมือ
    'อะไร?'   เขาถาม


    'ลุกมาลองหน่อย ๆ'   ร่างสูงพยายามที่จะดึงเขาให้ลุกขึ้น   แต่ตอนนั้นเขาน่าจะเมื่อยล้าจากการทำงานมาเลยมีอิดออดไปบ้าง   แต่สุดท้ายเขายอมมายืนเป็นหุ่นให้อีกฝ่าย   ฮาจิเมะคาดเดาว่าอีกฝ่ายคงจะซื้อเสื้อหรือกางเกงมา   แต่พอเห็นผ้าสีเข้มที่วางทาบมาที่ตัวเขาก็ขมวดคิ้ว


    'อะไร?' 
    'เห~ อิวะจังไม่รู้จักผ้ากันเปื้อนหรอ'
    'รู้จักเว้ย..!   แต่ไอ้ชายผ้าสีชมพูนี่มันอะไรวะ!'   เขาโวยวายพลางจับที่ชายผ้าสีเข้มขึ้นมา   ซึ่งอย่างที่เขาโวย   ตรงที่ชายผ้ามันมันถูกขริบเป็นสีชมพู



    'ทำไมหละ   มันน่ารักเข้ากับอิวะจังออกน้าาา'
    'ไม่โว้ย!!   หน้าฉันดูเหมือนคนชอบสีชมพูหรอฮะ!!!' 



    แน่นอนว่าเขาไม่ยอมใส่มันแน่ ๆ แต่เชื่อเถอะ..   ว่าเจ้าผ้ากันเปื้อนผืนนั้นคือผืนที่เขาใส่ทำอาหารเช้า   กลางวัน   เย็นให้อีกฝ่ายอยู่จนถึงทุกวันนี้





    เริ่มคิดถึงหมอนั่นแล้วหรอ?   ไหนเมื่อกี้ยังบอกตัวเองอยู่เลยว่าอย่าคิดอะไร


    เขาก้มหน้าลงมามองที่ถ้วยกาแฟตรงหน้า   ตั้งใจจะรอให้เย็นอีกนิดก่อนแล้วค่อยดื่ม




    'จ๊ากกก!!   ร้อน!!  ร้อน..!'
    'ก็สมควรอ่ะ   ควันฉุยขนาดนั้น'
    'ใจร้ายจริงอิวะจัง'



    เอาอีกแล้ว..

    เขาหันมองออกไปนอกหน้าต่างของร้าน   ฝั่งตรงข้ามของร้านกาแฟเป็นร้านไอศกรีม



    'อ้ามม'
    'อะไรของแก..'
    'อิวะจังอ้าปากสิ   นี่ฉันอุตส่าห์ป้อนให้เลยน้าาา'
    'ไม่อ่ะ..'
    'หน่าอิวะจัง   อ้าปากนะ~ '
    '...'   และสุดท้ายก็ต้องยอมให้มันป้อน   ถ้าจำไม่ผิด   ตอนนั้นที่เขายอมไปกินด้วยเพราะสงสารที่มันโดนเพื่อนเทนัดหรืออะไรเนี่ยแหละ



    อีกแล้วหรอ?   .....คิดถึงมากไปแล้ว


    กาแฟดำแก้วที่สามหมดลง    เขาจ่ายเงินแล้วเดินออกไปจากร้าน   ไม่รู้ว่าเลือกร้านผิดหรืออะไร   แต่เขาเห็นทุกสิ่งอย่างแล้วก็นึกถึงอีกฝ่ายอย่างกับคนโดนของ






    ตอนนี้เขาปล่อยให้ตัวเองเดินไปอย่างไร้จุดหมาย   ปล่อยสองเท้าคู่นี้เดินไปเรื่อย ๆ จนออกจากห้าง ฯ    เขามาถึงซอยเล็ก ๆ ที่ข้างทางเป็นสวนย่อม   มีสุนัขขนฟูสีน้ำตาลเข้มที่อ้าปาก   ลิ้นห้อย   มองมาทางเขา   เขาเดินผ่านมันไปพลางยกมือขึ้นมาโบกให้มันเหมือนทุกครั้ง


    เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก   เจ้าเครื่องปิ้งขนมปังที่วางอยู่แถวหน้าสุดคือสิ่งที่เขาจ้อง 



    กลิ่นไหม้ลอยขึ้นมาเตะจมูกขณะที่เขากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง   พอเดินออกไปก็เจอหลักฐานและที่มาของกลิ่นพร้อมกับใบหน้างองำของอีกฝ่าย




    'แง~ ฉันทำมันไหม้อ่ะอิวะจัง~ ' T T
    'อืม.. ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำเอง'   เขาบอกพลางยกมือขึ้นมาปิดปากหาว

    'ทำไมไม่ปลุกฉัน'
    '..ก็อยากทำให้บ้าง'


    แล้วเหตุการณ์นั้นก็จบโดยที่เขาจัดการทำอาหารเช้าให้   อาหารเช้าสามที่ถูกวางลงบนโต๊ะ   และก็ตามมาด้วยการสอนเจ้านักเรียนคนพิเศษนั่นปิ้งขนมปังจนเป็น





    คิดถึง... อีกแล้ว...


    "ไม่ทราบว่าสนใจชิ้นไหนหรอครับ?"   คุณลุงเจ้าของร้านเดินมาถามเมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่นาน   เขารีบบอกปฏิเสธ   ก้มหัวขอโทษไปประมาณสองสามครั้งได้ก่อนรีบเดินออกไปจากตรงนั้น   โดยมีเสียงของคุณลุงดังแว่วมาจากด้านหลัง   "ไว้วันหลังมาดูใหม่นะครับ..!"








    .
    .
    .




    ฮาจิเมะกลับมาที่ห้องตอนประมาณหกโมงสี่สิบ   พร้อมกับน้ำผลไม้   นมกล่อง   และขนมขบเคี้ยว   "กลับมาแล้ว.."
    "อิวะจางงงงง"   เสียงที่พูดจนยืดเยื้อดังมาก่อนตัว   ฮาจิเมะแกล้งทำเป็นไม่เห็นอาการลื่นล้มจนเกือบหน้าทิ่มระหว่างที่วิ่งมาหาเขาที่เอาของมาวางที่เคาท์เตอร์   เจ้าร่างสูงนั่นส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้ก่อนจะตีเนียนมาช่วยเขาเก็บของ


    "อิวะจัง   ฉันมีอะไรจะให้ด้วยหละ"   โออิคาวะบอกยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแล้วกลับออกมาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่ง   ถุงนั่นถูกวางลงที่เคาท์เตอร์ ฮาจิเมะชะโง้กหน้าก้มไปดู   สันขอบสีเข้มกับกระดาษสีขาวตรงกลาง.. หนังสือ...?


    ฮาจิเมะเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้วใส่อีกฝ่ายเชิงถามว่าของข้างในคืออะไร   แต่โออิคาวะก็ไม่ตอบ   ร่างสูงที่ยืนฝั่งตรงข้ามโดยมีเคาท์เตอร์คั่นกลางก้มมองลงไปที่ถุงแล้วเงยขึ้นมาใหม่   เชิงบอกให้ดูเอาเอง   ฮาจิเมะจึงหยิบของในนั้นออกมาก่อนจะเบิกตากว้างแล้ววิ่งอ้อมไปโอบกอดร่างสูงอย่างรวดเร็ว



    "ว้าว~   อิวะจังวิ่งมากอดฉันก่อนด้วย..."   เสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูในลำคอดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่แขนเรียวของร่างสูงจะยกขึ้นกอดตอบคนตัวเล็กที่วิ่งเข้าใส่เขาไปเมื่อครู่   "หนังสือมันทำไมหรออิวะจัง.. มันทำให้ฉันอดข้าวเย็นได้ไหม?"


    "อืม   ตอนแรกก็กะไว้แบบนั้น.."   ฮาจิเมะเงยหน้ามาตอบแทบจะทันทีด้วยแววตาที่เป็นประกายนิด ๆ ในนั้นจนโออิคาวะรู้สึกหมั่นเขี้ยว
    "อะไรอ่าตัวเอง~   หนังสือนั่นสำคัญกว่าข้าวเย็นของเค้าอ่อ"   มือหนานั่นยกขึ้นไปจิ้มที่แก้มคนตัวเล็กเบา ๆ   การที่ได้รู้ตัวเองกำลังจะอดข้าวเย็นเพราะหนังสือนั่นทำเอาเขาคิ้วกระตุก   ดีนะเขาหาทางซื้อมาคืนให้อีกฝ่ายได้ทันก่อนมื้อเย็น


    "ก็ข้าวเย็นนายถูกกว่าหนังสือฉันอีก"   ฮาจิเมะในอ้อมกอดของเขาบอกเสียงนิ่ง
    "ชิ   ใจร้ายจัง"   พูดไปงั้นแหละ   อิวะจังของเขาใจดีสุดแล้ว



    "นี่.."
    "หือ? "
    "พวกคุณแม่ยังไม่ถึงอีกหรอ? "


    "อ่อ   แม่ฉันบอกว่าหลงนิดหน่อยน่ะ   แต่เดี๋ยวก็ถึง"   โออิคาวะบอกพลางเงยขึ้นไปมองนาฬิกาที่ฝาผนัง   แล้วหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู   ทั้งคู่เดินไปเปิดประตูด้วยกันเพราะคิดว่าเป็นแม่ของโออิคาวะ   แต่มันไม่ใช่






    "มีพัสดุถึงคุณ  'โออิคาวะ ฮาจิเมะ'  ครับ"   เป็นพนักงานส่งของที่มาเคาะประตู   ซึ่งพอได้ยินแบบนั้น   คำแรกที่โออิคาวะถามขึ้นก็คือ   "อิวะจังสั่งอะไรลับหลังฉันอีกแล้วหรอ? "   ซึ่งถ้าฮาจิเมะไม่ได้ตาฝาด   พนักงานส่งของนั่นพยายามกลั่นยิ้มอยู่   สงสัยเขาคงเผลอทำหน้าเหวอออกไปแน่ ๆ   หลังจากเซ็นต์รับพัสดุแล้วเอาของเข้าไปเก็บได้ไม่เท่าไหร่   ประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้ง



    "ฮายยย"   คราวนี้โออิคาวะเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตู   คุณแม่ของเขาเดินทางมาถึงจนได้   มาพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่ยืนเงยหน้ามองเขาก่อนจะวิ่งปรี่เข้ามาหา   "ปะป๊าผมกลับมาแย้วววววววว"   เสียงเจื้อยแจ้วนั่นพูดเสียงดังฟังชัด   เด็กน้อยวัยสามขวบกอดขาของคนเป็นพ่อแน่นเหมือนโคอาล่า



    "คาจัง   ปล่อยปะป๊าแล้วเข้าบ้านกันก่อนเร๊วว   แม่เข้ามาก่อนสิ"   โออิคาวะบอกพลางลูบเส้นผมสีดำนุ่มของลูกชายโดยที่ไม่ลืมชวนผู้เป็นแม่ให้เข้ามานั่งพักข้างในก่อน   เขาจัดการยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมอก   ก่อนจะฝังจมูกหอมไปที่แก้มนิ่มทั้งสองข้างนั่นอย่างรักใคร่


    "หม่าม้า ๆ คาจังมาแย้ววว"   เสียงใสของเด็กน้อยดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างดีใจ   เจ้าตัวเล็กพยายามที่จะพุ่งทะยานจากอกของโออิคาวะเพื่อไปหาฮาจิเมะผู้เป็นแม่ที่เดินออกมา


    "คาสึมิ   เดี๋ยวก็ร่วงหลอก"   ฮาจิเมะเอ็ดลูกชายเบา ๆ พลางรับเจ้าตัวเล็กมาอุ้มต่อ   "คุณแม่เข้ามาก่อนสิครับ   เดี๋ยวผมชงชาให้"


    "แหม   ไม่ต้องหรอกฮาจิเมะ   เดี๋ยวแม่ต้องรีบไปทำธุระต่อน่ะ   คาจังก็อย่าดื้อนักนะรู้ไหม   ฮึ?"
    "คับ..! คาจังไม่ดื้อ!!"   เจ้าตัวเล็กที่ใบหน้าไปทางผู้เป็นแม่เอ่ยตอบพร้อมท่าทางอย่างกระฉับกระเฉง   "คาจังเป็นเด็กดี~ เนอะหม่าม้าา"


    "ไม่ต้องมาอ้อนเลย   สวัสดีคุณย่าก่อนเร็ว"   เป็นโออิคาวะที่พูด   ร่างสูงย่อตัวให้ใบหน้าลงมาเสมอกับเจ้าตัวเล็กพลางชี้ไปที่แม่ของตัวเอง
    "บ๊ายบายฮะ   อาโกะซัง"


    "แหม่~ เมื่อกี้อ่ะเสียงดัง   บ๊ายบายกันทีนี่เสียงแผ่ว.... เหมือนลูกไม่มีผิดเลยโทรุ.."   คนเป็นแม่มาก่อนอดเปรียบเทียบไม่ได้เพราะอุปนิสัยของหลานชายเธอนี่มันช่างเด่นหราเกินกว่าจะมองข้าม


    "อะไรเล่า~   โออิคาวะซังเปล่านะ   อิวะจังเป็นพยานให้ทีคับ..! " 
    "... เอาเข้าไป..   พ่อลูกเหมือนกันหมด..."   ฮาจิเมะทำเป็นหูทวนลมใส่ผู้เป็นสามีก่อนจะขอตัวเดินเข้าห้องไป 
    "อิวะจังรอฉันด้วย~   คุณย่าซังก็ขับรถดี ๆ นะครับ   บาย~ "










    "คาสึมิ   ทานผักให้หมด"
    "ม่ายเอา"
    "ไหนคนแถวนี้บอกว่าไม่ดื้อไง..."   โออิคาวะหรี่ตามอง   เล่นหูเล่นตาใส่เหมือนเยาะเย้ยแล้วกินผักในจานตัวเองโชว์เจ้าตัวเล็กประหนึ่งคนที่อยู่เหนือกว่า


    "คาจังไม่ดื้อ..! "



    งับ!



    "เคี้ยวให้ละเอียดนะคาสึมิ"   เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ รับคำ   กลืนของในปากลงคอไป   แล้วรีบอ้าปากกว้างงับข้าวที่ฮาจิเมะป้อนตามมาแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ
    "ป้อนฉันด้วยสิอิวะจัง"


    "มีมือก็กินเอง"
    "หงะ..."






    รู้สึกว่า..


    มื้อเย็นวันนี้ของครอบครัวโออิคาวะจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแล้วหละนะ 















    Fin. ♡

     

     

     

     

    ฮาย~  นี่ก็เป็น short  fic  อันนึงที่มาแล่นเข้าหัวเราตอนนอนอ่ะนะ  ส่วนมากจะไม่ค่อยพูดอะไรกันสักเท่าไหร่เลย  บางคนอาจจะไม่ชอบนะ  แต่ยังไงก็ติชมเราได้นะ  เราไม่กัดหรอกจ้าาา  บาย~


     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×