คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : ทะเลาะ (โอยอิวะ)
ปล. สิ่งนี้ทำขึ้นเพื่อความสุขของคนเขียน ใครที่ไม่สุขตามเราก็ขออภัยค่ะ
ในเมืองหลวงที่จราจรคับแน่นเต็มไปด้วยผู้คนที่เดินพลุกพล่านในห้างสรรพสินค้า วันหยุดก็แบบนี้ แต่ฮาจิเมะก็ยอมเสียสละความเงียบสงบในห้องพักออกมาเจอกับความวุ่นวายภายนอกที่ร้านกาแฟแห่งหนึ่ง เพราะไม่อยากเห็นหน้าคนร่วมห้อง
"..." เขาถอนหายใจอีกแล้ว อาหารเช้าของเขาวันนี้คือเบอร์เกอร์ที่ร้านฟาสฟู้ด หลังจากนั้นเขาก็มาปักหลักที่ร้านกาแฟ กาแฟดำหมดไปแก้วที่สอง มือหนาไถหน้าจอโทรศัพท์ไปเรื่อยเปื่อย
สำหรับครั้งนี้ก็ไม่เชิงว่าทะเลาะกัน ไม่มีการด่าว่า ไม่มีการลงไม้ลงมือ เพราะนี่ก็ไม่ใช่การทะเลาะครั้งแรกตั้งแต่อาศัยอยู่ร่วมกันมาราว ๆ ห้าปี มันเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นตอนมื้อเย็นของเมื่อวาน..
.
.
.
หนังสือในมือที่เพิ่งได้มานั้นเปียกชุ่ม มันไม่ได้เป็นเพราะน้ำฝน แต่มันเป็นเพราะอีกฝ่ายทำไวน์หกใส่โดยไม่ได้ตั้งใจ เขานิ่งค้างพูดอะไรไม่ออก ถ้ามันเป็นหนังสือแจกฟรีหรืออะไรเทือกนั้นเขาคงไม่ใส่ใจ แต่เพราะนั่นเป็นหนังสือที่มีลายเซ็นต์ของนักเขียนที่เขาติดตามมาตั้งแต่สมัยมหาลัยอยู่ที่ด้านในด้วย ราวกับคนที่เพิ่งได้แจกันราคาแพงมา แล้วไม่นานมันก็แตก เทียบเป็นมูลค่าความเสียหายไม่ได้
"อ..อิวะจัง.." เสียงเรียกของคนร่วมห้องนั้นขาดห้วง มันแผ่วเบาเสียจนเขาอยากจะทำเป็นไม่ได้ยิน "ฉันขอโทษนะอิวะจัง.." มือหนาเอื้อมมากุมมือของเขาเอาไว้แล้วออกแรงบีบเบา ๆ ฮาจิเมะนิ่ง เขาไม่ได้ตอบอะไร ไม่ได้สบตา มีเพียงเสียงผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ นั่นที่ทำลายความเงียบ
ฮาจิเมะไม่ได้ทุบตีหรือไล่กระทืบอีกฝ่ายเหมือนทุกครั้ง ไม่อยากรู้ด้วยซ้ำว่าอีกฝ่ายทำหน้าอย่างไรตอนที่เขาชักมือกลับแล้วโยนหนังสือนั่นไว้ตรงพื้นโต๊ะที่ว่างและไกลจากมื้อเย็นประมาณหนึ่ง เขาลงมือทานมื้อเย็นไปเงียบ ๆ แม้อีกฝ่ายจะยกเรื่องนั่นนี่มาพูดด้วยแต่เขาก็ไม่ได้สนใจ
พออาหารในจานหมด ฮาจิเมะก็หยิบจานชามไปกองไว้ในซิงค์แล้วเดินผ่านหน้าอีกฝ่ายไปหยิบผ้าขนหนูเข้าห้องน้ำ เสื้อเชิ้ตสีขาวถูกทอดแล้วโยนลงตะกร้า ตามด้วยชิ้นอื่น ๆ เขาพาร่างของตัวเองเข้าไปอยู่ใต้ฝักบัวที่เปิดน้ำลงมา ยืนปล่อยให้สายน้ำชโลมร่างกายไปจนทั่ว
สูดหายใจเข้าลึก ๆ พลางเงยหน้าขึ้น หลับตาลงอย่างช้า ๆ เสียงประตูห้องน้ำที่เปิดออกไม่ได้ดึงความสนใจของเขาไป ไม่มีการหันไปมองร่างสูงที่เดินมาโอบกอดจากด้านหลัง ฮาจิเมะก้มหน้าลงมาดังเดิมเมื่ออีกฝ่ายปิดน้ำ ใบหน้าคมคายคลอเคลียอยู่ใกล้ ๆ กระซิบบอกคำขอโทษอย่างแผ่วเบา ทั้งสองคนยืนนิ่ง ร่างที่กอดเขาไว้ไม่ได้พูดอะไรอีก แรงกดที่ช่วงไหล่ทำให้เขารู้ว่าอีกฝ่ายซุกหน้าลงมา
เขาเอื้อมมือไปกดสบู่ใส่มือ ถูมันไปตามร่างกายของตัวเอง ไม่ได้ผลักไสร่างสูงออกไป อารมณ์ของเขาในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในระดับที่เรียกว่าโกรธ บางทีนี่อาจจะเป็นสิ่งที่เรียกว่างอนก็ได้ ร่างสูงที่ยังวาดแขนกอดเขาไว้เงยหน้าขึ้นมาช้า ๆ เมื่อฮาจิเมะเริ่มถูสบู่ไปตามเรียวแขนของเขา
รอยยิ้มและเสียงหัวเราะเล็ก ๆ ดังมาจากคนด้านหลังก่อนที่ร่างสูงจะเอื้อมมือไปกดสบู่มาช่วยถูตัวให้ ฝ่ามือซุกซนนั่นลูบไล้ไปตามแผ่นหลัง ขึ้นไปที่ลำคอและลาดไหล่ ก่อนจะเลยเถิดมาที่หน้าท้องด้านหน้าทำราวกับว่าตรงนั้นไม่ได้มีฟองสบู่อยู่ก่อน แล้วคิดเอาเถอะ คิดเอาว่าไอ้คนข้างหลังนี่มันถูตรงไหนต่อ..
ฮาจิเมะผ่อนลมหายใจออกมาช้า ๆ พยายามทำตัวเป็นเด็กดีที่ยืนนิ่ง ๆ แต่พอมันเริ่มจะมากไปเขาก็คว้าข้อมือหนาเอาไว้ให้หยุด เสียงหัวเราะเล็ก ๆ น่าหมั่นไส้นั่นดังให้เขาได้ยินอีก ตามมาด้วยจุมพิตที่ข้างขมับ ฮาจิเมะตัดสินใจเอื้อมไปเปิดฝักบัวแล้วรีบล้างตัวทันที เขาคิดว่าได้ยินเสียงงึมงำบ่นอะไรสักอย่าง แต่ที่แน่ ๆ คือเขาฟังมันไม่ออก
แถมไอ้คนข้างหลังนี่ก็คอยเอาสบู่มาป้ายใส่เขาอีก ทำให้เขาต้องล้างตัวแล้วล้างตัวอีกอยู่หลายรอบ จนสุดท้ายก็ได้ออกมาพร้อมมันในที่สุด
พอเช็ดผมจนแห้ง ฮาจิเมะก็เดินไปหยิบโลชั่นขึ้นมาทาตามใบหน้า ลำคอ และเรียวแขนเพื่อไม่ให้ผิวแห้งตามที่อีกฝ่ายพร่ำบอกจนเขาเกือบจะจำสรรพคุณโลชั่นขวดนั้นได้เกือบทุกข้อ พออีกฝ่ายทำท่าเหมือนจะพูดอะไร เขาก็รีบเดินหลบไปที่เตียง สะบัดผ้าห่มออกมาคลุมให้ทั่วร่างแล้วล้มตัวลงนอน ซุกหน้าลงไปกับหมอนสีเทาใบโตแล้วปิดเปลือกตาลง
เขาได้ยินเสียงปิดสวิทช์ไฟตามมา พอหรี่ตาขึ้นมาก็เจอกับความมืดที่ปกคลุมห้อง พื้นเตียงที่ยุบลงบ่งบอกว่าอีกฝ่ายขึ้นมาบนเตียงแล้ว โออิคาวะสอดเรียวแขนของตัวเองเข้ามาเพื่อให้เขาได้หนุนเหมือนทุกคืน และก็เหมือนทุกคืนเช่นกันที่เขาจะพลิกตัวหันไปหาอีกฝ่าย ยกแขนขึ้นไปกอดตอบน้อย ๆ แล้วอิงซบหน้าไปที่อกกว้าง
ความอุ่นชื้นถูกแตะมาที่กลางหน้าผาก เรียกเสียงเล็ก ๆ ดังมาจากลำคอ ตามมาด้วยการบอกฝันดีที่เป็นเหมือนคำสั่งทำให้เขาหลับ "ฝันดีนะอิวะจัง...."
โออิคาวะตื่นขึ้นมาพบกับที่นอนข้าง ๆ ที่ว่างเปล่า มือหนาลูบไปตามที่นอนที่ยับยู่ยี่เล็กน้อยอย่างเชื่องช้า ไออุ่นจากคนที่นอนด้วยเมื่อคืนยังหลงเหลืออยู่บ้าง เขายันตัวลุกขึ้นแล้วเดินไปที่ห้องครัวซึ่งแยกออกมาจากห้องนั่งเล่น ไร้ซึ่งคนที่เขาอยากจะเข้าไปกอด มีแต่ความว่างเปล่า จานชามในซิงค์ถูกล้างทำความสะอาดเรียบร้อย ผ้ากันเปื้อนสีเข้มพาดอยู่ที่เก้าอี้ บนโต๊ะมีขนมปังปิ้งและกาแฟวางไว้หนึ่งที่สำหรับเขา
รู้สึกว่าห้องห้องนี้กว้างขึ้นมาทันตา การที่อีกฝ่ายไม่เอ่ยด่าว่าสาดเสียเทเสียใส่ มันทำให้เขารู้สึกกลัวยิ่งกว่าเวลาโดนด่าเป็นไหน ๆ ความคิดที่เคยอยากให้อีกฝ่ายเลิกด่าเลิกทุบตีทำร้ายอะไรนั่นหายเป็นปริดทิ้ง ตอนนี้สิ่งที่เขาต้องการคือให้อีกฝ่ายนั้นยังนอนอยู่ที่เตียงเมื่อเขาเดินกลับเข้าไปในห้องนอน
แต่มันก็ว่างเปล่า...
.
.
.
"เติมกาแฟหน่อยไหมคะ?" เสียงเรียกจากพนักงานในร้านเรียกให้จิตใจอันเลื่อนลอยกลับมาอีกครั้ง
"...ครับ ขอบคุณครับ" เขาพยักหน้าน้อย ๆ "มีปัญหาอะไรรึเปล่าคะ?" พนักงานสาวเอ่ยถามอย่างเป็นห่วง แสดงว่าสีหน้าเขาชัดมากสินะ ฮาจิเมะพยักหน้าลงเบา ๆ พนักงานคนนั้นพยายามยิ้มให้กำลังใจพร้อมกับอวยพรให้ ซึ่งนั่นก็ไม่รู้ว่ามันช่วยเขาได้มากหรือน้อย พอพนักงานคนนั้นเดินกลับไป เขาก็เพิ่งสังเกตเห็นว่าเชือกของผ้ากันเปื้อนร้านนี้มีโลโก้ของร้านเป็นลายด้วย ซึ่งส่วนตัวเขาก็ว่ามันสวยดี
ผ้ากันเปื้อนหรอ..
'อิวะจังง' เสียงเจื้อยแจ้วนั่นเรียกให้เขาเงยหน้าขึ้นมาจากแฟ้มเอกสารในมือ
'อะไร?' เขาถาม
'ลุกมาลองหน่อย ๆ' ร่างสูงพยายามที่จะดึงเขาให้ลุกขึ้น แต่ตอนนั้นเขาน่าจะเมื่อยล้าจากการทำงานมาเลยมีอิดออดไปบ้าง แต่สุดท้ายเขายอมมายืนเป็นหุ่นให้อีกฝ่าย ฮาจิเมะคาดเดาว่าอีกฝ่ายคงจะซื้อเสื้อหรือกางเกงมา แต่พอเห็นผ้าสีเข้มที่วางทาบมาที่ตัวเขาก็ขมวดคิ้ว
'อะไร?'
'เห~ อิวะจังไม่รู้จักผ้ากันเปื้อนหรอ'
'รู้จักเว้ย..! แต่ไอ้ชายผ้าสีชมพูนี่มันอะไรวะ!' เขาโวยวายพลางจับที่ชายผ้าสีเข้มขึ้นมา ซึ่งอย่างที่เขาโวย ตรงที่ชายผ้ามันมันถูกขริบเป็นสีชมพู
'ทำไมหละ มันน่ารักเข้ากับอิวะจังออกน้าาา'
'ไม่โว้ย!! หน้าฉันดูเหมือนคนชอบสีชมพูหรอฮะ!!!'
แน่นอนว่าเขาไม่ยอมใส่มันแน่ ๆ แต่เชื่อเถอะ.. ว่าเจ้าผ้ากันเปื้อนผืนนั้นคือผืนที่เขาใส่ทำอาหารเช้า กลางวัน เย็นให้อีกฝ่ายอยู่จนถึงทุกวันนี้
เริ่มคิดถึงหมอนั่นแล้วหรอ? ไหนเมื่อกี้ยังบอกตัวเองอยู่เลยว่าอย่าคิดอะไร
เขาก้มหน้าลงมามองที่ถ้วยกาแฟตรงหน้า ตั้งใจจะรอให้เย็นอีกนิดก่อนแล้วค่อยดื่ม
'จ๊ากกก!! ร้อน!! ร้อน..!'
'ก็สมควรอ่ะ ควันฉุยขนาดนั้น'
'ใจร้ายจริงอิวะจัง'
เอาอีกแล้ว..
เขาหันมองออกไปนอกหน้าต่างของร้าน ฝั่งตรงข้ามของร้านกาแฟเป็นร้านไอศกรีม
'อ้ามม'
'อะไรของแก..'
'อิวะจังอ้าปากสิ นี่ฉันอุตส่าห์ป้อนให้เลยน้าาา'
'ไม่อ่ะ..'
'หน่าอิวะจัง อ้าปากนะ~ '
'...' และสุดท้ายก็ต้องยอมให้มันป้อน ถ้าจำไม่ผิด ตอนนั้นที่เขายอมไปกินด้วยเพราะสงสารที่มันโดนเพื่อนเทนัดหรืออะไรเนี่ยแหละ
อีกแล้วหรอ? .....คิดถึงมากไปแล้ว
กาแฟดำแก้วที่สามหมดลง เขาจ่ายเงินแล้วเดินออกไปจากร้าน ไม่รู้ว่าเลือกร้านผิดหรืออะไร แต่เขาเห็นทุกสิ่งอย่างแล้วก็นึกถึงอีกฝ่ายอย่างกับคนโดนของ
ตอนนี้เขาปล่อยให้ตัวเองเดินไปอย่างไร้จุดหมาย ปล่อยสองเท้าคู่นี้เดินไปเรื่อย ๆ จนออกจากห้าง ฯ เขามาถึงซอยเล็ก ๆ ที่ข้างทางเป็นสวนย่อม มีสุนัขขนฟูสีน้ำตาลเข้มที่อ้าปาก ลิ้นห้อย มองมาทางเขา เขาเดินผ่านมันไปพลางยกมือขึ้นมาโบกให้มันเหมือนทุกครั้ง
เดินต่อไปอีกหน่อยก็ถึงร้านเครื่องใช้ไฟฟ้าขนาดเล็ก เจ้าเครื่องปิ้งขนมปังที่วางอยู่แถวหน้าสุดคือสิ่งที่เขาจ้อง
กลิ่นไหม้ลอยขึ้นมาเตะจมูกขณะที่เขากำลังนอนหลับอยู่บนเตียง พอเดินออกไปก็เจอหลักฐานและที่มาของกลิ่นพร้อมกับใบหน้างองำของอีกฝ่าย
'แง~ ฉันทำมันไหม้อ่ะอิวะจัง~ ' T T
'อืม.. ไม่เป็นไร เดี๋ยวฉันทำเอง' เขาบอกพลางยกมือขึ้นมาปิดปากหาว
'ทำไมไม่ปลุกฉัน'
'..ก็อยากทำให้บ้าง'
แล้วเหตุการณ์นั้นก็จบโดยที่เขาจัดการทำอาหารเช้าให้ อาหารเช้าสามที่ถูกวางลงบนโต๊ะ และก็ตามมาด้วยการสอนเจ้านักเรียนคนพิเศษนั่นปิ้งขนมปังจนเป็น
คิดถึง... อีกแล้ว...
"ไม่ทราบว่าสนใจชิ้นไหนหรอครับ?" คุณลุงเจ้าของร้านเดินมาถามเมื่อเห็นว่าเขายืนอยู่นาน เขารีบบอกปฏิเสธ ก้มหัวขอโทษไปประมาณสองสามครั้งได้ก่อนรีบเดินออกไปจากตรงนั้น โดยมีเสียงของคุณลุงดังแว่วมาจากด้านหลัง "ไว้วันหลังมาดูใหม่นะครับ..!"
.
.
.
ฮาจิเมะกลับมาที่ห้องตอนประมาณหกโมงสี่สิบ พร้อมกับน้ำผลไม้ นมกล่อง และขนมขบเคี้ยว "กลับมาแล้ว.."
"อิวะจางงงงง" เสียงที่พูดจนยืดเยื้อดังมาก่อนตัว ฮาจิเมะแกล้งทำเป็นไม่เห็นอาการลื่นล้มจนเกือบหน้าทิ่มระหว่างที่วิ่งมาหาเขาที่เอาของมาวางที่เคาท์เตอร์ เจ้าร่างสูงนั่นส่งยิ้มแห้ง ๆ มาให้ก่อนจะตีเนียนมาช่วยเขาเก็บของ
"อิวะจัง ฉันมีอะไรจะให้ด้วยหละ" โออิคาวะบอกยิ้ม ๆ ก่อนจะเดินหายเข้าไปในห้องแล้วกลับออกมาพร้อมกับถุงกระดาษใบหนึ่ง ถุงนั่นถูกวางลงที่เคาท์เตอร์ ฮาจิเมะชะโง้กหน้าก้มไปดู สันขอบสีเข้มกับกระดาษสีขาวตรงกลาง.. หนังสือ...?
ฮาจิเมะเงยหน้าขึ้นพลางขมวดคิ้วใส่อีกฝ่ายเชิงถามว่าของข้างในคืออะไร แต่โออิคาวะก็ไม่ตอบ ร่างสูงที่ยืนฝั่งตรงข้ามโดยมีเคาท์เตอร์คั่นกลางก้มมองลงไปที่ถุงแล้วเงยขึ้นมาใหม่ เชิงบอกให้ดูเอาเอง ฮาจิเมะจึงหยิบของในนั้นออกมาก่อนจะเบิกตากว้างแล้ววิ่งอ้อมไปโอบกอดร่างสูงอย่างรวดเร็ว
"ว้าว~ อิวะจังวิ่งมากอดฉันก่อนด้วย..." เสียงหัวเราะอย่างเอ็นดูในลำคอดังขึ้นเบา ๆ ก่อนที่แขนเรียวของร่างสูงจะยกขึ้นกอดตอบคนตัวเล็กที่วิ่งเข้าใส่เขาไปเมื่อครู่ "หนังสือมันทำไมหรออิวะจัง.. มันทำให้ฉันอดข้าวเย็นได้ไหม?"
"อืม ตอนแรกก็กะไว้แบบนั้น.." ฮาจิเมะเงยหน้ามาตอบแทบจะทันทีด้วยแววตาที่เป็นประกายนิด ๆ ในนั้นจนโออิคาวะรู้สึกหมั่นเขี้ยว
"อะไรอ่าตัวเอง~ หนังสือนั่นสำคัญกว่าข้าวเย็นของเค้าอ่อ" มือหนานั่นยกขึ้นไปจิ้มที่แก้มคนตัวเล็กเบา ๆ การที่ได้รู้ตัวเองกำลังจะอดข้าวเย็นเพราะหนังสือนั่นทำเอาเขาคิ้วกระตุก ดีนะเขาหาทางซื้อมาคืนให้อีกฝ่ายได้ทันก่อนมื้อเย็น
"ก็ข้าวเย็นนายถูกกว่าหนังสือฉันอีก" ฮาจิเมะในอ้อมกอดของเขาบอกเสียงนิ่ง
"ชิ ใจร้ายจัง" พูดไปงั้นแหละ อิวะจังของเขาใจดีสุดแล้ว
"นี่.."
"หือ? "
"พวกคุณแม่ยังไม่ถึงอีกหรอ? "
"อ่อ แม่ฉันบอกว่าหลงนิดหน่อยน่ะ แต่เดี๋ยวก็ถึง" โออิคาวะบอกพลางเงยขึ้นไปมองนาฬิกาที่ฝาผนัง แล้วหลังจากนั้นก็ได้ยินเสียงเคาะประตู ทั้งคู่เดินไปเปิดประตูด้วยกันเพราะคิดว่าเป็นแม่ของโออิคาวะ แต่มันไม่ใช่
"มีพัสดุถึงคุณ 'โออิคาวะ ฮาจิเมะ' ครับ" เป็นพนักงานส่งของที่มาเคาะประตู ซึ่งพอได้ยินแบบนั้น คำแรกที่โออิคาวะถามขึ้นก็คือ "อิวะจังสั่งอะไรลับหลังฉันอีกแล้วหรอ? " ซึ่งถ้าฮาจิเมะไม่ได้ตาฝาด พนักงานส่งของนั่นพยายามกลั่นยิ้มอยู่ สงสัยเขาคงเผลอทำหน้าเหวอออกไปแน่ ๆ หลังจากเซ็นต์รับพัสดุแล้วเอาของเข้าไปเก็บได้ไม่เท่าไหร่ ประตูห้องก็ถูกเคาะอีกครั้ง
"ฮายยย" คราวนี้โออิคาวะเป็นฝ่ายเดินไปเปิดประตู คุณแม่ของเขาเดินทางมาถึงจนได้ มาพร้อมกับเจ้าตัวเล็กที่ยืนเงยหน้ามองเขาก่อนจะวิ่งปรี่เข้ามาหา "ปะป๊าผมกลับมาแย้วววววววว" เสียงเจื้อยแจ้วนั่นพูดเสียงดังฟังชัด เด็กน้อยวัยสามขวบกอดขาของคนเป็นพ่อแน่นเหมือนโคอาล่า
"คาจัง ปล่อยปะป๊าแล้วเข้าบ้านกันก่อนเร๊วว แม่เข้ามาก่อนสิ" โออิคาวะบอกพลางลูบเส้นผมสีดำนุ่มของลูกชายโดยที่ไม่ลืมชวนผู้เป็นแม่ให้เข้ามานั่งพักข้างในก่อน เขาจัดการยกเจ้าตัวเล็กขึ้นมาไว้ในอ้อมอก ก่อนจะฝังจมูกหอมไปที่แก้มนิ่มทั้งสองข้างนั่นอย่างรักใคร่
"หม่าม้า ๆ คาจังมาแย้ววว" เสียงใสของเด็กน้อยดังขึ้นมาอีกครั้งอย่างดีใจ เจ้าตัวเล็กพยายามที่จะพุ่งทะยานจากอกของโออิคาวะเพื่อไปหาฮาจิเมะผู้เป็นแม่ที่เดินออกมา
"คาสึมิ เดี๋ยวก็ร่วงหลอก" ฮาจิเมะเอ็ดลูกชายเบา ๆ พลางรับเจ้าตัวเล็กมาอุ้มต่อ "คุณแม่เข้ามาก่อนสิครับ เดี๋ยวผมชงชาให้"
"แหม ไม่ต้องหรอกฮาจิเมะ เดี๋ยวแม่ต้องรีบไปทำธุระต่อน่ะ คาจังก็อย่าดื้อนักนะรู้ไหม ฮึ?"
"คับ..! คาจังไม่ดื้อ!!" เจ้าตัวเล็กที่ใบหน้าไปทางผู้เป็นแม่เอ่ยตอบพร้อมท่าทางอย่างกระฉับกระเฉง "คาจังเป็นเด็กดี~ เนอะหม่าม้าา"
"ไม่ต้องมาอ้อนเลย สวัสดีคุณย่าก่อนเร็ว" เป็นโออิคาวะที่พูด ร่างสูงย่อตัวให้ใบหน้าลงมาเสมอกับเจ้าตัวเล็กพลางชี้ไปที่แม่ของตัวเอง
"บ๊ายบายฮะ อาโกะซัง"
"แหม่~ เมื่อกี้อ่ะเสียงดัง บ๊ายบายกันทีนี่เสียงแผ่ว.... เหมือนลูกไม่มีผิดเลยโทรุ.." คนเป็นแม่มาก่อนอดเปรียบเทียบไม่ได้เพราะอุปนิสัยของหลานชายเธอนี่มันช่างเด่นหราเกินกว่าจะมองข้าม
"อะไรเล่า~ โออิคาวะซังเปล่านะ อิวะจังเป็นพยานให้ทีคับ..! "
"... เอาเข้าไป.. พ่อลูกเหมือนกันหมด..." ฮาจิเมะทำเป็นหูทวนลมใส่ผู้เป็นสามีก่อนจะขอตัวเดินเข้าห้องไป
"อิวะจังรอฉันด้วย~ คุณย่าซังก็ขับรถดี ๆ นะครับ บาย~ "
"คาสึมิ ทานผักให้หมด"
"ม่ายเอา"
"ไหนคนแถวนี้บอกว่าไม่ดื้อไง..." โออิคาวะหรี่ตามอง เล่นหูเล่นตาใส่เหมือนเยาะเย้ยแล้วกินผักในจานตัวเองโชว์เจ้าตัวเล็กประหนึ่งคนที่อยู่เหนือกว่า
"คาจังไม่ดื้อ..! "
งับ!
"เคี้ยวให้ละเอียดนะคาสึมิ" เจ้าตัวเล็กพยักหน้าหงึก ๆ รับคำ กลืนของในปากลงคอไป แล้วรีบอ้าปากกว้างงับข้าวที่ฮาจิเมะป้อนตามมาแล้วเคี้ยวตุ้ย ๆ
"ป้อนฉันด้วยสิอิวะจัง"
"มีมือก็กินเอง"
"หงะ..."
รู้สึกว่า..
มื้อเย็นวันนี้ของครอบครัวโออิคาวะจะเต็มไปด้วยเสียงหัวเราะแล้วหละนะ
Fin. ♡
ฮาย~ นี่ก็เป็น short fic อันนึงที่มาแล่นเข้าหัวเราตอนนอนอ่ะนะ ส่วนมากจะไม่ค่อยพูดอะไรกันสักเท่าไหร่เลย บางคนอาจจะไม่ชอบนะ แต่ยังไงก็ติชมเราได้นะ เราไม่กัดหรอกจ้าาา บาย~
ความคิดเห็น