คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ ๓ อาณาจักรจินตภพ (2) Rewrite!!
(Rewrite!!)
“ข้าหมายถึงว่า เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าชื่อ ‘ฮาร์คิน’
เห็นเรียกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”
คำถามที่ไม่คาดคิด
สกัดจิณณ์ที่กำลังพล่ามน้ำไหลไฟดับให้ชะงักทันทีจนน้ำลายแทบติดคอ
“เอ่อ...
ก็นายบอกฉันไม่ใช่เหรอ?”
“คิดว่าไม่
และค่อนข้างแน่ใจด้วย”
“ค่อนข้าง...แต่ก็ไม่ถึงกับแน่ใจเลยทีเดียวใช่มั้ยล่ะ?”
“แน่ใจร้อยเปอร์เซ็นต์!”
“ร้อยเปอร์เซ็นต์
แต่ก็ไม่ใช่ล้านเปอร์เซ็นต์?”
“พอเถอะ!”
คุโรห้ามทัพอย่างหมดความอดทน ก่อนหันไปหาเด็กสาวและดึงบทสนทนากลับมายังเรื่องเดิม
“ตกลงว่าเจ้า หลอกลวงเงินคนอื่นมาหรือเปล่า?”
“ไม่ใช่!” เซเล็นตอบเสียงแข็ง
“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไงว่าเจ้าไม่ได้โกหก?”
“ข้าสาบาน!”
“สาบานลอย ๆ งั้นรึ?
สาบานต่ออะไร?”
“สาบานต่อบรรพบุรุษของข้า!”
“บรรพบุรุษของเจ้า?
บรรพบุรุษที่เป็นสิบแปดมงกุฎด้วยหรือเปล่า?”
“นี่เจ้า!!”
“สรุปว่า
ถ้าอย่างนั้นก็เป็นอันตกลง! พวกข้าจะคอยทำหน้าที่ดูแลคุ้มกันเจ้าเป็นอย่างดี
ให้ถึงที่หมายโดยสวัสดิภาพปลอดภัย คุ้มกับราคาค่าจ้างที่เจ้าให้มานี้แน่นอน!”
ฮาร์คินรีบหันกลับมาชิงตอบรับนายจ้างหนุ่มน้อยก่อนจะเสียลูกค้าไป
“ว่าแต่เจ้าจะเดินทางไปไหนล่ะ?”
ฮาร์คินรีบถามต่อ เพื่อเป็นการปิดช่องว่างไม่ให้คุโรที่กำลังจะอ้าปากได้มีโอกาสพูด
“ข้ากำลังจะเดินทางไปยังเทือกเขาอาราซินด้า”
เด็กสาวตอบ
“เทือกเขาอาราซินด้า?
ส่วนไหนของเทือกเขาล่ะ มันไม่ใช่เขาลูกเล็ก ๆ นะ”
“ข้า...
ข้าให้คำตอบที่ชัดเจนขนาดนั้นไม่ได้หรอก”
“ถ้าเจ้าตอบไม่ได้แล้วพวกข้าจะทำงานยังไงล่ะ ผู้คุ้มกันต้องรู้สิว่าจะพาลูกค้าไปส่งที่ไหน
ไม่อย่างนั้นก็ไม่รู้ว่างานจะสิ้นสุดลงเมื่อไหร่”
เซเล็นก้มหน้านิ่งไปพักหนึ่งอย่างใช้ความคิด
หากไม่นานนักก็เงยกลับขึ้นมาพร้อมสายตาที่มุ่งมั่น
“ข้ากำลังเดินทางเพื่อออกตามหา...
ดาบแห่งแสง”
ทันทีที่คำสุดท้ายหลุดออกมา
นัยน์ตาสีเทาหมอกของคุโรก็เบิกกว้าง ในขณะที่ฮาร์คินอ้าปากค้างโดยไม่รู้ตัว
ส่วนเด็กหนุ่มที่เหลืออีกคน...
โดยไม่มีใครสังเกตเห็น... กลับมีร้อยยิ้มยกที่มุมปากน้อย ๆ
“ข้าได้เบาะแสมาว่า
‘พ่อมดโซเทปป์’ หลบซ่อนตัวอยู่ที่เทือกเขาอาราซินด้า พ่อมดเป็นผู้เดียวที่รู้ว่าดาบแห่งแสงอยู่ที่ไหน
เพราะฉะนั้นข้าจึงจะเดินทางไปที่นั่น แต่ข้าตอบไม่ได้หรอกว่าพ่อมดอยู่ส่วนไหนของเทือกเขา
ข้าได้เบาะแสมาเพียงเท่านี้...”
ประโยคที่กล่าวออกมาอย่างแสนจะธรรมดานั้น หากทำเอานัยน์ตาสีเทาหมอกและสีน้ำตาลอำพันต่างเพ่งมองผู้พูดอย่างตกตะลึงที่สุด!
นักคุ้มกันทั้งคู่หันสบตากันเองทันที เซเล็นไม่อาจเข้าใจความหมายที่ทั้งสองสื่อสารกันผ่านสายตาในความเงียบนั้น
แต่แน่นอน จิณณ์ย่อมรู้ดี...
การบอกว่าจะตามหา ‘พ่อมด’ ในจินตภพนั้นไม่ใช่เรื่องธรรมดาทั่วไป
ขนาดแค่ ‘ผู้ใช้เวทย์’ ที่สามารถใช้พลังเวทย์เฉพาะทางได้ยังหาจับตัวได้ยาก
เพราะเป็นบุคคลที่มีรางวัลค่านำจับมากที่สุดพวกหนึ่งในการจะไปขึ้นเงินกับเจ้าหลวงพระองค์ใหม่
ผู้ใช้เวทย์นับวันจึงค่อย ๆ หายไป นับประสาอะไรกับพ่อมดแม่มดที่นับว่าเป็น ‘ผู้ใช้เวทย์ระดับสูง’
ซึ่งมีพลังในระดับที่เรียกว่าเป็น ‘เวทย์มนต์’ ที่ทั้งมีพลังอำนาจสูง
และมีขอบเขตการใช้อันกว้างขวาง
แค่พ่อมดธรรมดาว่าหายากแสนยากแล้ว ยังไม่พอ ยังจะเพิ่มระดับความยากเย็นเข้าไปอีกเมื่อคนที่จะตามหาเป็นถึง
‘พ่อมดโซเทปป์’ อดีตพ่อมดหลวงที่เคยเป็นที่ปรึกษาให้กับเจ้าหลวงพระองค์ก่อน...
ที่ไม่เพียงหายสาบสูญไปตั้งแต่ครั้งเจ้าหลวงองค์ใหม่ขึ้นบัลลังก์...
แต่ยังเป็นพ่อมดที่มีค่าหัวแพงที่สุดแห่งอาณาจักรจินตภพ
เพราะเป็นผู้ที่ ‘นางแม่มด’ ผู้นั้นต้องการตัวมากที่สุด!
สาเหตุนั้นก็แน่นอน
เพราะพ่อมดโซเทปป์เป็นเพียงผู้เดียวที่รู้ว่าดาบแห่งแสงอยู่ที่ไหน!
หลังจากที่ใช้เวลาใคร่ครวญอยู่พักใหญ่
ในที่สุดฮาร์คินก็เป็นผู้ทำลายความเงียบอันน่าอึดอัดนั้น
“ดาบแห่งแสง มันเป็นของในตำนานที่ไม่รู้ว่ามีจริงหรือไม่
และมีข่าวว่าพ่อมดโซเทปป์ตายไปแล้วด้วย การที่เจ้าจ้างพวกข้าออกเดินทางตามหาสิ่งที่ไม่มีอยู่จริง
ก็เท่ากับว่างานของพวกข้าไม่มีที่สิ้นสุด...”
“ดาบแห่งแสงมีอยู่จริง!”
น้ำเสียงของเด็กสาวนั้นจริงจังจนเกือบแข็งกระด้าง
“เจ้ามีข้อพิสูจน์อะไร?” คิ้วของคุโรขมวดมุ่น
นัยน์ตาสีเทาคมแทบจะมองทะลุตัวเด็กสาวได้
“ข้า... ข้าบอกพวกเจ้าไม่ได้...”
คำตอบที่ได้รับนั้นทำให้นักคุ้มกันรับจ้างสบตากันเองอีกครั้ง
“ก็เอาอย่างนี้มั้ยล่ะ” จิณณ์กล่าวแทรกขึ้นมา
“พวกนายก็รับงานคุ้มกันเซเล็นไปจนถึงเทือกเขาอาราซินด้า
แค่ไปถึงเท่านั้นแหละเป็นอันจบงาน จะทิ้งฉันกับเซเล็นเอาไว้ส่วนไหนของเทือกเขาก็ช่าง
แล้วพวกนายจะไปไหนก็ไป แบบนี้โอเคมั้ย?”
ทันทีที่พูดจบประโยค เซเล็นก็ปราดเข้ามากระตุกแขนเสื้อของจิณณ์พลางส่งสายตาสื่อความหมายบางอย่าง
ทว่าจิณณ์ตอบกลับดวงตาสีม่วงคู่นั้นด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ
ไม่มีความจำเป็นที่เซเล็นจะต้องกังวลอะไร
เพราะเขารู้ดีกว่าใครทั้งหมด...
ความจริงที่ทั้งสองคนนั่นกำลังตามหาพ่อมดอยู่! ไม่สิ...
ต้องบอกว่าตามหาดาบแห่งแสงอยู่เหมือนกัน!
ทั้งสองคนนั่นไม่อาจปฏิเสธงานนี้ได้แน่นอน!
นัยน์ตาสีอำพันและเทาหมอกจ้องมองกันเองเป็นรอบที่เท่าไหร่แล้วจิณณ์ก็ไม่ได้นับ
แต่อาการนั้นทำให้รอยยิ้มน้อย ๆ ของเขาฉีกกว้างมากขึ้น
ทว่าจู่ ๆ
ฮาร์คินก็หันขวับกลับมาหาจิณณ์อย่างเพิ่งนึกขึ้นได้
“แล้วเจ้า? เจ้าจะเดินทางไปด้วยทำไม ไหนบอกว่าจะหาทางกลับบ้าน
อย่าบอกนะว่าบ้านเจ้าอยู่บนเทือกเขาอาราซินด้าน่ะ!”
“สำหรับเรื่องนั้น...” จิณณ์กล่าวด้วยท่าทีสบาย ๆ “ฉันเองก็จะไปตามหาพ่อมดโซเทปป์เหมือนกัน
เพราะฉะนั้นสรุปให้ฟังง่าย ๆ ก็คือเซเล็นไปที่ไหน ฉันก็ไปที่นั่นน่ะแหละ!”
แม้จะยังไม่รู้ว่าจะหาทางกลับบ้านได้ยังไง
แต่อย่างน้อย
เขาก็ควรจะต้องเดินทาง “ติดตาม” ตัวละครของเขาเหล่านี้ไป...
นั่นเป็นสิ่งเดียวที่เขาคิดออกในตอนนี้...
และอีกอย่าง การที่เขาบอกออกไปว่าต้องการตามหาพ่อมดเหมือนกัน
น่าจะทำให้ทั้งสองคนอยากจะเก็บเขาเอาไว้ใกล้ตัวเพื่อดูท่าที
มากกว่าจะอยากผลักไสไล่ส่งไปให้พ้น ๆ เหมือนทีแรก...
แค่ได้เห็นสีหน้าอันเคร่งเครียดของคุโรและฮาร์คินในตอนนี้...
เขาก็รู้แล้วว่าตนเองคิดถูก!
“เจ้ายอมจ่ายเงินให้เจ้าเตี้ยนี่เดินทางไปด้วยแน่นะ?” ฮาร์คินหันไปหาเซเล็นด้วยความสงสัยสุด
ๆ
“ฉันชื่อ จิณณ์ เลิกเรื่องเจ้าเตี้ย ๆ ซะทีเถอะ!” จิณณ์แทรกขึ้นมาอย่างขัดใจ
“เออ ๆ ข้ารู้แล้ว” ฮาร์คินตอบรับส่ง ๆ ก่อนหันกลับไปหาเซเล็นอีกรอบ “เจ้ายอมให้มันไปด้วยได้ยังไง?”
“เรื่องนั้น...” เด็กสาวถอนหายใจ
“เอาเป็นว่าข้ามีเหตุผลแล้วกัน”
************************************
ก่อนหน้านี้
ในตอนที่คุโรและฮาร์คินเพิ่งจะเดินแยกไปหลังจากที่จัดการกับพ่อค้าทาสทั้งสองเรียบร้อยแล้ว
จิณณ์ยังคงจำได้ถึงสีหน้าของเด็กสาวในยามที่เขายื่นข้อเสนอบางอย่างออกไป
“เจ้าจะให้ข้าจ้างคนพวกนั้นเป็นผู้คุ้มกัน?” เด็กสาวในมาดหนุ่มน้อยนาม
‘เซเล็น’ ถามย้ำอย่างไม่แน่ใจในสิ่งที่ได้ยิน “และตัวเจ้า
ต้องการจะติดตามไปในการเดินทางด้วย?”
จิณณ์พยักหน้าหงึกหงักอย่างกระตือรือร้น
“แล้วทำไมข้าต้องจ้างพวกนั้นด้วย ข้าดูแลตัวเองได้!”
“ไม่ได้หรอก... ยังไงก็ต้องจ้าง!”
ไม่อย่างนั้นเรื่องก็ไม่ดำเนินไปตามพล็อตที่วางไว้กันพอดีน่ะสิ!
“ฉันจะบอกความลับอะไรให้ฟัง
สองคนนั่นที่จริงแล้วก็กำลังตามหาพ่อมดโซเทปป์กับดาบแห่งแสงเหมือนกับเธอ
เพราะงั้นถ้าเธอจ้างสองคนนั่นไปด้วย การตามหามันก็จะง่ายขึ้นนะ เชื่อฉันเถอะ”
ดวงตาสีม่วงคู่สวยเบิกโพลงกว้างขึ้นด้วยความตระหนก
“เจ้ารู้ได้ยังไง ว่าข้ากำลังตามหาดาบแห่งแสง!!”
คำถามของเด็กสาวทำให้จิณณ์ถึงกับอึ้งไป
รู้ได้ยังไงน่ะเหรอ...
ถ้าตอบเหตุผลที่แท้จริงออกไป เขาจะไม่ถูกหาว่าเป็นคนบ้าหรือยังไงกัน!
“ฉันรู้ได้ยังไงไม่สำคัญ แต่เช่นเดียวกับที่ฉันรู้ว่าเธอกำลังตามหาดาบ
คือฉันรู้ว่าเธอยังจะต้องเจอกับอะไรอีกหลายอย่าง ซึ่งการเดินทางคนเดียวนั้นเป็นไปไม่ได้เลย...”
เด็กสาวหรี่ตาลงมองจิณณ์อย่างครุ่นคิด
“สมมุติ...สมมุติเท่านั้นนะ...สมมุติว่าข้าตกลงที่จะจ้างสองคนนั่น...แต่จะมีเหตุผลอะไรที่เจ้าจะต้องไปด้วย?”
เป็นคำถามที่ดีอีกข้อหนึ่ง...
แต่เขาเองก็อยากจะถามกลับใจจะขาด
ว่าถ้าไม่ให้ไปด้วย แล้วเขาจะไปไหนได้ล่ะ?!
จะให้เขาทำอะไรอย่างอื่นได้นอกจากเกาะติดคนเหล่านี้ไปเรื่อย ๆ
ในเมื่อเขาไม่รู้จักใครที่นี่นอกจากตัวละครของเขา!
แล้วระหว่างนั้นก็หาทางกลับบ้านไปด้วย
เขาอาจจะต้องตามหาประตูมิติ หรือตามหาผู้วิเศษที่จะส่งเขากลับไป
เหมือนที่ตัวละครในนิยายแฟนตาซีจำพวกหลุดเข้าไปอยู่อีกมิติหนึ่งมักจะต้องทำเพื่อหาทางกลับไปยังโลกของตัวเอง
ไม่แน่ว่า ผู้วิเศษผู้นั้น อาจจะเป็นพ่อมดโซเทปป์ก็เป็นได้!
...ล่ะมั้ง?
จิณณ์ถอนหายใจยาว
“คำถามของเธอฉันตอบไม่ได้ แต่เอาอย่างนี้นะ...
ฉันจะสรุปข้อเสนอของฉันให้ง่ายขึ้น...”
เขาหยุดเว้นจังหวะ เพื่อส่งรอยยิ้มน้อย ๆ
ให้กับเด็กสาวในมาดของหนุ่มน้อยตรงหน้า
“เธอให้ฉันไปด้วย แล้วฉันจะไม่บอกใคร เรื่องที่เธอเป็นผู้หญิง เซเลน่า!”
*******************************
ในขณะที่ผู้คุ้มกันหนุ่มทั้งสอง
หลบออกมาทำอะไรอย่างอื่น...
ใช้เวลาเดินตามหาอยู่พักใหญ่
ในที่สุดพวกเขาก็มาถึงที่หมาย
แสงไฟสีส้มลอดผ่านบานหน้าต่างออกมาจากวัดนิกายเซนแห่งหนึ่ง
ซึ่งสร้างเป็นอาคารไม้ชั้นเดียวหลังเล็ก ๆ
และเรียบง่าย ฮาร์คินหันมองหน้าคุโร ก่อนตั้งคำถามด้วยเสียงกระซิบ
“จะดีเหรอที่ไม่พาพวกนั้นนั่นมา
ในเมื่อก็ตามหาสิ่งเดียวกัน?”
คุโรนิ่งอยู่ชั่วอึดใจต่อคำถามนั้น
ก่อนจะตอบออกมาในที่สุด
“ข้ามีลางสังหรณ์แปลก
ๆ เกี่ยวกับสองคนนั่น ถ้าพามาด้วยอาจจะเสี่ยงต่อการต้องเปิดเผยข้อมูลของพวกเรา
อย่างน้อยควรดูท่าทีไปก่อนซักระยะ แล้วค่อยว่ากันอีกที”
ฮาร์คินพยักหน้าเข้าใจ
เขาถอนหายใจยาวเป็นไอสีขาวก่อนเอื้อมมือไปเคาะประตู...
ไม่นานนักประตูไม้บานใหญ่ก็เปิดออก
นักบวชวัยกลางคนคนหนึ่งในชุดสีน้ำตาลเข้มที่ค่อนข้างเก่ายืนอยู่ที่นั่น
“นี่หมดเวลาเปิดให้คนนอกเข้าวัดแล้ว
มาใหม่พรุ่งนี้นะ” นักบวชผู้นั้นกล่าวรวดเร็ว ก่อนทำท่าจะปิดประตู
“พวกข้ากำลังตามหา
พ่อมดโซเทปป์” ฮาร์คินแทรกขึ้นมา ทำให้นักบวชผู้นั้นชะงัก
ก่อนถอนหายใจหนักและยาว
“ข้าเบื่อเหลือเกินที่จะต้องบอกซ้ำบอกซากกับคนอย่างพวกเจ้า
แต่ขอยืนยันอีกครั้งว่าอดีตพ่อมดหลวงผู้นั้นตายไปแล้ว
ตั้งแต่เกิดเหตุครั้งนั้นนั่นแหละ”
“ไม่ว่าพ่อมดจะยังมีชีวิตอยู่หรือไม่
พวกเราก็ไม่ได้คิดว่าจะได้พบท่านพ่อมดที่นี่อยู่แล้ว เพียงแต่...”
คิ้วสีน้ำตาลอ่อนของฮาร์คินขมวดมุ่น ยามที่เขาเว้นจังหวะเล็กน้อย “อย่างน้อย
ที่นี่อาจมีใครให้เบาะแสกับเราได้บ้าง”
นักบวชจ้องมองทั้งสองอย่างพิจารณาภายใต้แสงสีส้มของตะเกียงเจ้าพายุที่ถือติดตัวออกมาด้วย
“ข้าไม่เข้าใจสิ่งที่เจ้าพูด
ในเมื่อพ่อมดตายไปแล้ว เจ้าจะยังต้องการเบาะแสอะไรอีก...
ข้าคงบอกอะไรที่เจ้าต้องการไม่ได้หรอก”
ชายวัยกลางคนทำท่าจะปิดประตูอีกครั้ง
ทว่ามือแข็งแรงดันประตูเอาไว้ได้ทัน
“ช้าก่อน”
คุโรกล่าวเรียบ
ๆ หากกระแสจริงจังแต่นุ่มนวลในนัยน์ตาสีเทาหมอกคู่นั้น
ทำให้นักบวชวัยกลางคนผู้นั้นกลับต้องหยุดชะงัก...
เป็นนัยน์ตาสีเทาอ่อนที่ดูลึกลับและคุ้นตาอย่างน่าประหลาด...
ขนในกายของเขาพากันลุกซู่
และความหนาวเหน็บยะเยือกวิ่งปราดผ่านร่างกายของชายวัยกลางคนตั้งแต่ศีรษะจรดปลายเท้าเมื่อตะหนักถึงความจริงข้อหนึ่ง
เขาเพ่งสายตามองบุคคลทั้งสองตรงหน้าอย่างพินิจอีกครั้ง
“พวกเจ้าเป็นใคร
และต้องการอะไรกันแน่?”
“พวกเราเป็นใครนั้นไม่สำคัญ”
คุโรตอบ
“แต่พวกเราทราบมาว่า
‘สิ่งนำทาง’ อยู่ที่นี่!”
ความคิดเห็น