ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] จินตภพ (ฉบับที่ผมแต่งใหม่)

    ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ ๓ อาณาจักรจินตภพ (1) Rewrite!!

    • อัปเดตล่าสุด 5 เม.ย. 65




    บทที่ ๓ (Rewrite!!)

     

    "ที่นี่คืออาณาจักรจินตภพ?!"

    จิณณ์ทวนประโยคพร้อมนัยน์ตาสีดำที่เบิกกว้าง

    ชื่อเหมือนดินแดนที่เขาแต่งขึ้นมาในนิยายเลย!

    เด็กหนุ่มอึ้งไปพักใหญ่ แววตาสีดำคู่นั้นสั่นไหวและเลื่อนลอย สมองภายใต้ศีรษะที่ยังคงมึนระบม บัดนี้กำลังวิ่งวุ่นอย่างสับสน

    จู่ ๆ ก็เป็นอะไรไปเนี่ย?” ชายผมน้ำตาลถามขึ้นอย่างไม่แน่ใจเมื่อเห็นอาการนิ่งแปลก ๆ ของคนตรงหน้า

    ทว่าแทนคำตอบ จิณณ์กลับระเบิดเสียงหัวเราะดังลั่น ทำเอาทั้งสามที่ยืนอยู่ตรงนั้นชักเริ่มไม่ไว้ใจกับสติที่อาจจะไม่ค่อยเต็มของคนผู้นี้

    ฉัน? ฉันเป็นอะไร? ไม่เป๊นน! ฉันสบายมาก!” จิณณ์ตอบเสียงสูง ก่อนอุทานกับตัวเองต่ออย่างร่าเริง

    ในโลกนี้มีสถานที่ชื่อจินตภพจริง ๆ เหรอเนี่ย ไม่น่าเชื่อ!!!”

    ไม่มีเหตุผลอื่นใดจะสามารถอธิบายเรื่องนี้ได้ดีไปกว่า ความบังเอิญ!

    เพราะไม่เช่นนั้นแล้ว การจะบอกว่าเขากำลังอยู่ในดินแดนที่ตัวเองเป็นคนจินตนาการขึ้นมาน่ะเหรอ?! แค่คิดเขาก็อยากจะหัวเราะให้ฟันหัก!

    มันไม่มีทางเป็นไป...ได้...

    เสียงหัวเราะของคนบ้าหยุดชะงักลงอย่างฉับพลัน แววตาของเด็กหนุ่มสั่นระริกอีกครั้งในยามที่ความคิดบางอย่างโลดแล่นเข้ามาในศีรษะที่กำลังปวดตุบ ๆ ของเขา

    หญิงสาวที่ปลอมตัวเป็นเด็กหนุ่ม สองชายหนุ่มผู้คุ้มกันรับจ้าง พ่อค้าทาส...

    นัยน์ตาสีดำเบิกกว้าง!

    ไม่จริง! ไม่ใช่แล้ว! ไม่ใช่หรอก!” ความขัดแย้งในหัวของเขาทวีความรุนแรงขึ้นจนจิณณ์เผลอตะโกนสุดเสียงอย่างลืมตัว

    เป็นไปไม่ได้หรอกน่า!”

    อะไรเป็นไปไม่ได้?” น้ำเสียงเรียบของชายผมดำดังถามขึ้น

    ข้าว่าอย่าไปสนใจเลย ออกเดินทางกันเถอะ คุโร

    จิณณ์ที่เหมือนจะจมอยู่ในความคิดของตนเอง ทว่าทันทีที่ได้ยินชื่อ ‘คุโร’ กลับหันขวับมายังเจ้าของชื่อด้วยดวงตาที่เบิกโพลง

    ก่อนหน้านี้ทำไมเขาไม่เอะใจนะ!

    นี่มันชื่อตัวละครของเขา!

     

    วินาทีนั้น...

    ความจริงที่ได้รับ ถาโถมเข้าใส่เด็กหนุ่มดุจกระแสน้ำเชี่ยวกรากอันเย็นเยียบ

    ซัดกระหน่ำเข้าใส่อย่างไม่ปรานี จนไม่อาจทรงตัวไว้ได้

     

    ...ที่นี่คือ อาณาจักรจินตภพ...

    ไม่ใช่สถานที่ชื่อจินตภพที่บังเอิญเหมือน

    ที่นี่อาณาจักรจินตภพ จินตภพที่เขาสร้างขึ้น...ในจินตนาการ...

     

    เขาเข้ามาอยู่ในนิยายที่ตัวเองแต่ง!!

     

    ไม่สนใจสายตาคนอื่นที่กำลังมองมาอย่างไม่เข้าใจ จิณณ์รีบดึงสมุดนิยายปกเทาของเขาที่เหน็บเก็บเอาไว้ที่หลังขึ้นมาพลิกเปิดออกอ่านเพื่อยืนยันความคิด...

    ไม่ผิดแน่...

    เขาเพิ่งผ่านเหตุการณ์ที่ตัวละครจะต้องเผชิญในนิยายของตัวเอง!

    ไม่สิ...

    ต้องบอกว่า เผชิญเหตุการณ์ “ร่วมกัน” กับตัวละครของเขามากกว่า!

    นี่มันเป็นไปได้หรือ?!

    หรือที่ฉันล้มหัวฟาดพื้น อาจทำให้สมองโดนกระทบกระเทือนจนสติฟั่นเฟือน?” อีกครั้งที่จิณณ์เหมือนถามตัวเองมากกว่าจะต้องการคำตอบจากผู้อื่น

    หรือว่าทั้งหมดนี่จะเป็นแค่ความฝัน?”

    เพี๊ยะ!!!

    จิณณ์ตบหน้าตัวเองอย่างแรงท่ามกลางความตกใจของทุกคน ก่อนบ่นพึมพำ

    เจ็บขนาดนี้ แสดงว่าไม่ใช่ความฝันสินะ”

    หมับ!

    จู่ ๆ เขาก็หันไปยกมือทั้งสองข้างจับใบหน้าคนผมสีน้ำตาลที่อยู่สูงกว่าอย่างถือวิสาสะ ขณะที่ชายหนุ่มผู้นั้นยืนทื่อตัวแข็งด้วยความตกใจ!

    ท... ทำอะไรของเจ้า?!!”

    แทนคำตอบ มือคู่นั้นกลับจับหน้าคนตัวสูงกว่าหันบิดไปทางซ้าย บิดไปทางขวา แล้วก็บิดไปทางซ้าย

    สีตาใช่ สีผมถูก แต่ ฮาร์คิน นายมันต้องหน้าตาดีขนาดนี้เลยเหรอเนี่ย”

    ชายหนุ่มที่ถูกจับหน้าบิดไปมา อยู่ในอาการตกใจเกินกว่าจะขัดขืนการกระทำของคนตรงหน้า แต่พอมีสตินึกจะจับมือของเจ้านั่นเหวี่ยงทิ้ง เด็กหนุ่มผู้นั้นกลับชิงปล่อยมือเองเสียก่อน มิหนำซ้ำยังทิ้งเขาไว้แล้วเดินไปหยุดยืนจับจ้องเพื่อนของเขาอีกคนแทน

    ชายหนุ่มผมสีดำนาม ‘คุโร’ ไม่ได้หลบนัยน์ตาของเด็กหนุ่มแปลกหน้า ที่กำลังจ้องเขม็งมองเขาตรง ๆ อย่างพิจารณา

    ส่วนนาย คุโร ตรงกับที่คิดไว้ทุกอย่าง แต่หล่อเกินไปและวางมาดจนน่าหมั่นไส้”

    พูดจบจิณณ์ก็เดินผละออกมา ไม่สนใจดวงตาสีเทาคมที่หันมองตามด้วยร่องรอยแห่งความสงสัย

    คราวนี้จิณณ์มาหยุดยืนอยู่ด้านหน้าเด็กสาวคนสุดท้าย ก่อนคว้าไหล่บางให้เข้ามาหยุดยืนใกล้ ๆ

    เธอก็เหมือนกัน ทำไมฉันต้องให้เธอมาทำอะไรอย่างนี้ด้วยนะ พล็อตปลอมตัวนี่มันก็ทั้งโหลทั้งน้ำเน่า ไม่รู้ว่าฉันคิดอะไรอยู่ตอนที่เริ่มแต่งเหมือนกัน”

    ปลอมตัวอะไร... เจ้า...เจ้าพูดอะไร ข้าไม่เข้าใจ...” เด็กสาวเอ่ยกะท่อนกะแท่น แต่ดวงตาสีม่วงคู่นั้นเบิกกว้าง

    ไม่มีใครเข้าใจทั้งนั้นแหละเจ้าหนู มันเป็นบ้าไปแล้ว!” ฮาร์คินผู้มีผมสีน้ำตาลกล่าวพลางเข้ามาช่วยปัดมือของจิณณ์ออกจากไหล่บาง “ไม่ต้องไปสนใจมันหรอก”

    ใช่...ฉันมันเป็นบ้าไปแล้ว...” จิณณ์กระซิบกับตัวเอง

    เข้ามาอยู่ในนิยายที่ตัวเองเป็นคนแต่ง?! ไม่ต้องหาหมอก็รู้ว่าเป็นบ้าไปแล้วแน่ ๆ !!

    รู้ตัวเองก็ดี! คุโร ไปเถอะ ปล่อยมันบ้าต่อไปคนเดียวเถอะ”

    ประโยคหลัง ฮาร์คินหันไปกล่าวกับเพื่อนผมดำ ก่อนเดินนำลิ่ว ๆ ออกไปจากที่ตรงนั้นโดยไม่หันกลับมามองอีก ทำให้คุโรจำต้องหันหลังเดินตามออกไปด้วย แม้นัยน์ตาสีเทาจะอดหันกลับมามองไม่ได้

    ทว่าสุดท้ายคนทั้งคู่ก็เดินจากไปจริง ๆ

    ทีนี้จะทำยังไงต่อล่ะ” จิณณ์บ่นกับตัวเองต่อเสียงอ่อย

    การหาทางกลับบ้าน มันคงไม่ง่ายอย่างที่เขาคิดเสียแล้ว...

    ถ้ายังอยู่ในประเทศไทย ยังหารถตู้ รถทัวร์ หรือรถไฟกลับได้ ถ้ายังอยู่บนโลก ยังพอหาเครื่องบินกลับได้ ถ้ายังอยู่ในระบบสุริยะจักรวาล อย่างน้อยก็ยังรู้ว่าจะต้องตามหายานอวกาศสักลำขอติดกลับมาที่ดาวโลก แต่นี่เขาอยู่ที่มิติไหน!

    จะกลับบ้านยังไง?!

    แต่แล้ววินาทีต่อมา นัยน์ตาสีดำของเด็กหนุ่มชาวไทยก็กลับตวัดมองหาเด็กสาวที่ยังยืนอยู่ที่นั่นอย่างเพิ่งนึกขึ้นได้

    ว่าแต่เธอ ทำไมยังอยู่ที่นี่อีกล่ะ?!”


    ****************************


    เฮ้อ~

    ฮาร์คินถอนหายใจ อากาศยามสายเช่นนั้นไม่หนาวพอจะทำให้ลมหายใจของเขากลายเป็นไอสีขาว เจ้าตัวเดินเอามือล้วงกระเป๋ากางเกงในท่าทางสบาย ๆ อย่างเป็นนิสัย แม้จะมองเห็นตัวเมืองอยู่ข้างหน้าแล้วก็ตาม หากระยะทางไปสู่เมืองทิศอาคเนย์จากจุดที่พวกเขาอยู่นั้นก็ไม่ใช่จะใกล้นัก เขาและเพื่อนก้าวเดินต่อไปอย่างไม่รีบร้อน

    เฮ้ออออออ~

    ผู้คุ้มกันรับจ้างหายใจยาวอีกครั้งอย่างไม่สบอารมณ์

    จะปล่อยให้พวกนั้นตามเราไปแบบนี้จริง ๆ เหรอ คุโร?”

    คิ้วได้รูปสีดำของสหายร่วมอาชีพเลิกขึ้นเล็กน้อย ก่อนที่เจ้าตัวจะหันกลับไปมองด้านหลัง

    ผลุบ!

    ร่างสองร่างไม่ห่างออกไปนัก เคลื่อนหลบหลังลำต้นไม้ใหญ่คนละต้นทันทีที่หันกลับไปมอง... เหมือนดังที่เป็นมาตลอดทาง ตั้งแต่ที่แยกจากกันก่อนหน้านี้...

    ปล่อยไปเถอะ พวกนั้นอาจจะแค่ไปเมืองทิศอาคเนย์เหมือนเรา”

    ความเห็นนั้นของคุโร ทำให้ฮาร์คินถอนหายใจออกมายาว ๆ อีกรอบ ก่อนหันไปตะโกนเสียงดัง

    จะหลบ ๆ ซ่อน ๆ กันอีกนานมั้ย! ถ้าจะไปทางเดียวกันก็ออกมาเดินดี ๆ !”

    เป็นดังที่เขาคาดไว้ เมื่อมีเสียงตะโกนตอบกลับมา

    ในเมื่อพวกนายรู้ตัวแล้ว งั้นก็ช่วยไม่ได้ล่ะนะ”

    ร่างเด็กหนุ่มแปลกหน้าที่ชักจะเริ่มคุ้นเคย ก้าวเดินพรวด ๆ เข้ามาพร้อมกับหนุ่มน้อยอีกคน จนในที่สุดก้าวตามขึ้นมาทันฮาร์คินและคุโร

    ตามมาทำไมล่ะ!” ฮาร์คินกล่าวห้วน ๆ ลอย ๆ ไม่ได้เจาะจงถามใครคนใด

    พวกข้าทั้งสองเปลี่ยนใจจะไปกับพวกเจ้าด้วยน่ะสิ!”

    คำตอบของเจ้าหนูผู้นั้น ทำให้คนถามถึงกับเลิกคิ้วขึ้นสูงอย่างคาดไม่ถึง

    พวกเจ้าจะไปด้วย?”

    เด็กสาวล้วงเข้าไปในเสื้อคลุมของเธอที่มีช่องลับเป็นซิปกระเป๋าอันเล็ก ๆ ซ่อนไว้ใต้เนื้อผ้าหนา ก่อนหยิบอะไรบางอย่างออกมาโยนส่งให้คุโร คิ้วสีดำของชายหนุ่มขมวดมุ่นยามจ้องมองสิ่ง ๆ นั้น ทว่าฮาร์คินกลับไปคว้ามาถือไว้เองด้วยดวงตาที่เบิกกว้าง

    มันเป็นถุงผ้ากำมะหยี่สีม่วงเข้มขนาดเล็ก... ที่เต็มไปด้วยเหรียญทอง!

    ข้าเปลี่ยนใจแล้ว! จะขอจ้างพวกเจ้าให้มาเป็นผู้คุ้มกัน” เด็กสาวกล่าว

    ได้เลย!/ไม่ได้!”

    สองผู้คุ้มกันรับจ้างตอบพร้อมเพรียงกันโดยไม่ได้นัดหมาย ทว่าเป็นคนละคำตอบ

    ก็ไหนบอกว่าเอาตัวรอดได้?” คุโรกล่าวถามกลับเสียงเข้ม

    ฮาร์คินรีบยกมือข้างที่ถือถุงเงินชูโบกไปมาตรงหน้าสหาย

    คุโร เจ้าอย่าเพิ่งด่วนตัดรอนเจ้าหนู เอ๊ย! ข้าหมายถึง น้องชายผู้นี้สิ!”

    ข้าชื่อ เซเล็น เรียกข้าว่าเซเล็นก็ได้” เด็กสาวกล่าว เมื่อคำสรรพนามที่ถูกใช้เรียกตัวเองฟังดูยิ่งน่ากระอักกระอ่วนใจมากขึ้น “โชคดีที่พวกพ่อค้าทาสค้นไม่เจอกระเป๋าลับข้า ไม่อย่างนั้นเงินคงไม่เหลือแล้ว”

    เป็นตอนนั้นที่คุโรกล่าวขัดขึ้นด้วยน้ำเสียงเย็นชา

    เงินสกปรกที่ได้มาจากการหลอกลวงชาวบ้าน ข้าไม่รับ...”

    นัยน์ตาสีม่วงสวยตวัดมองคนพูดอย่างขุ่นเคือง ทว่าเขากลับไม่ได้มองเธออยู่ด้วยซ้ำ เด็กสาวจึงก้าวมาหยุดยืนต่อหน้าคนตัวโตกว่าอย่างท้าทาย

    จะต้องให้บอกอีกกี่ครั้งว่าข้าไม่ใช่พวกสิบแปดมงกุฎ!!”

    ข้าไม่เชื่อ”

    ฉันยืนยันให้อีกเสียงหนึ่งว่าเซเล็นไม่ใช่นักต้มตุ๋นหรอกน่า”

    ประโยคตัดบทที่ดังขึ้นด้วยน้ำเสียงกึ่งรำคาญ ดังมาจากเด็กหนุ่มที่ดูจะไม่เกี่ยวข้องกับเรื่องนี้มากที่สุด เรียกทุกสายตาให้เปลี่ยนไปจับจ้องที่จิณณ์เป็นตาเดียว

    แน่นอน จิณณ์ย่อมรู้ดีว่าทำไมคุโรถึงได้ไม่ไว้ใจเซเล็น

    เหตุการณ์แรกในบทที่หนึ่งซึ่งเขียนจบไปแล้ว เขาแต่งให้ทั้งสามเจอกันในสถานการณ์ที่ทำให้คุโรเข้าใจผิดว่าเซเล็นเป็นนักต้มตุ๋น ซึ่งที่จริงแล้วตอนนั้นเธอเพียงต้องการหลอกพวกพ่อค้าทาสเพื่อช่วยเหยื่อที่จะถูกขายต่างหาก!

    แล้วเจ้ารู้ได้ยังไงเจ้าเตี้ย?” ฮาร์คินหันไปถามจิณณ์ ด้วยสายตาที่ยังคงสื่อความหมายว่า ‘เจ้าเกี่ยวอะไรด้วย!’

    ก็นะ... เซเล็นเล่าให้ฟังหมดแล้ว ถึงแม้ที่ผ่านมาน้องเขาจะโกหกบ้างเล็ก ๆ น้อย ๆ และอาจจะเคยขโมยมานิด ๆ หน่อย ๆ แต่ก็ไม่ได้หมายความว่าเขาจะอยากทำซักหน่อย ความจำเป็นมันบังคับ พวกนายก็น่าจะ...”

    ข้าหมายถึงว่า เจ้ารู้ได้ยังไงว่าข้าชื่อ ‘ฮาร์คิน’ เห็นเรียกมาตั้งแต่ก่อนหน้านี้แล้ว”






    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×