คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #5 : บทที่ ๒ ที่นี่คือ (2) Rewrite!!
(Rewrite!)
“หมายความว่าไง ทำไมข้าไม่ต้องไปตลาดมืด?”
“ก็เพราะเจ้าจะไม่มีอะไรให้ไปขายที่นั่นแล้ว”
“หมายความว่าไง ทำไมข้าไม่ต้องไปตลาดมืด?”
“ก็เพราะเจ้าจะไม่มีอะไรให้ไปขายที่นั่นแล้ว”
พ่อค้ารู้สึกเย็นวาบยามจับจ้องนัยน์ตาสีเทาคู่นั้น
ทว่ากลับมีเหงื่อเม็ดใส ๆ ผุดขึ้นตามใบหน้า
“คงไม่ได้หมายความว่าจะเหมาซื้อทาสทั้งหมดตรงนี้หรอกใช่มั้ย...”
“ต้องให้พูดซ้ำ? บอกแล้วว่าพวกข้าไม่ได้มาซื้อ...”
ชายผู้มีผมสีน้ำตาลอ่อนกล่าวเสริมด้วยท่าทีสบาย ๆ ทว่าทำเอาพ่อค้าทาสลอบกลืนน้ำลาย
เขาไม่อยากยอมรับ ทว่าก็ไม่อาจปฏิเสธ
คนตรงหน้าพวกนี้... น่ากลัว!!
“ชอน!! เฮ้ย! ชอน!! ไปมุดหัวอยู่ที่ไหนวะ ชอนโว๊ย!
มาช่วยข้าจัดการตรงนี้หน่อย!!” พ่อค้าหัวฟูหันรีหันขวางตะโกนเรียกคู่หูของเขาที่หลบไปพักผ่อนที่ไหนสักแห่งแถวนั้น
“ถ้าเจ้ากำลังเรียกเจ้ายักษ์คู่หูตัวดำของเจ้าล่ะก็ นู่นแหนะ
นอนเล่นอยู่ใต้ต้นไม้ตรงนู้นนนนนนน”
เจ้าผมน้ำตาลกล่าวพลางชี้มือชี้ไม้ไปทางป่าด้านหลังของพ่อค้าทาส
“ว่าไงนะ!”
มันตวัดสายตากลับไปด้านหลังทันที
และพบขาคนคู่หนึ่งโผล่พ้นออกมาจากพุ่มไม้ใหญ่ใต้เงาไม้ไกลออกไป...
นั่นมันขาของเจ้าชอนแน่แล้ว!
ช่วยไม่ได้...
แบบนี้คงต้องลงมือเอง!
พ่อค้าทาสที่เหลืออยู่เพียงคนเดียวชักดาบใหญ่ที่เหน็บไว้ข้างเอวขึ้นมา
ก่อนพุ่งเข้าใส่ฝั่งตรงข้ามที่อยู่ใกล้ตัวที่สุดโดยไม่รีรอ
ทว่าชายหนุ่มเจ้าของเรือนผมสีดำสนิทกลับยกดาบเพรียวผอมขึ้นรับไว้ทั้งฝักด้วยมือข้างเดียวอย่างง่าย
ๆ
ด้วยสีหน้าเรียบเฉย...
และเพียงออกแรงกระแทกเล็กน้อย
ดาบใหญ่เล่มนั้นพร้อมกับคนถือก็ถึงกับกระเด็นเซถลาออกไป
“หนอย! แก!”
ร่างพ่อค้าทาสปราดเข้ามาอีกครั้งพร้อมดาบที่เงื้อสูง
ครั้งนี้ชายหนุ่มเพียงเบี่ยงตัวเล็กน้อย ดาบใหญ่นั้นก็วืดฟันอากาศ
ทำเอาร่างพ่อค้าเซถลาไปด้านหน้า ก่อนถูกกระแทกตามด้วยด้ามดาบเพรียวของชายหนุ่มแปลกหน้าเข้าที่กลางหลังจนล้มคว่ำลงไปไม่เป็นท่า
จิณณ์จ้องมองภาพเหตุการณ์เบื้องหน้าที่เกิดขึ้นอย่างรวดเร็วนั้นอย่างไม่อยากเชื่อสายตา
ตื่นตะลึงในความเก่งกาจของชายผู้นั้นก็เป็นส่วนหนึ่ง...
แต่อีกสาเหตุนั้น... เป็นเพราะไม่อยากจะเชื่อ...
สมัยนี้ยังจะมีคนใช้ดาบสู้กันอีก!
ทำไมไม่รู้จักซื้อปืนกันมาคนละกระบอก ยิงกันโป้ง ๆ ป่านนี้รู้ผลแล้ว!
พ่อค้าทาสหัวฟูใช้ดาบใหญ่ดันกายให้ลุกขึ้นมาอีกครั้ง
เสื้อผ้าของมันบัดนี้คลุกไปด้วยฝุ่นดินจนสกปรกมอมแมม
ทว่ามันยังคงตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาอีก
หากคราวนี้ไม่ทันจะได้ลงมือ
เสียงของเจ้าคนหน้าหล่อที่ไม่ได้ร่วมวงสู้ด้วยก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“พอเถอะ คุโร สู้ไปก็เสียเวลาเปล่า ๆ”
เจ้าของนัยน์ตาสีอำพันกล่าวกับสหาย
“ข้าก็หลงนึกว่าพวกที่จะค้าทาสได้จะต้องมีฝีมือเสียอีก นี่อะไร
แม้แต่ดาบเจ้าก็ไม่จำเป็นต้องชักออกจากฝักด้วยซ้ำ ผิดหวังจัง”
พ่อค้าทาสหันขวับกลับไปตามเสียง
ทว่าชายผู้นั้นกลับยืนพิงกรงเหล็กขึ้นสนิมด้วยท่าทีสบาย ๆ พร้อมกับรอยยิ้มน้อย ๆ
เท่านั้นพ่อค้าทาสก็คิดเปลี่ยนเป้าหมายโจมตี!
หากทว่าในวินาทีนั้นเอง
พรึ่บ!
ชายหนุ่มผู้มีเรือนผมสีน้ำตาลยังคงยืนที่เดิมเหมือนไม่ได้ขยับ
แต่สิ่งที่ทำให้พ่อค้าทาสหยุดชะงัก กลับเป็นความรู้สึกเย็นวาบที่เบื้องล่าง...
กางเกงของเขาที่เคยใส่ บัดนี้ลงไปกองอยู่กับเท้า!!
“ลายดอกซะด้วย... น่ารักดีนี่นา”
เจ้าหัวน้ำตาลกล่าวอย่างอารมณ์ดีขณะมองกางเกงบ๊อกเซอร์ลายดอกสีส้มแปร๊ดของพ่อค้าทาส
“แก!!”
มันรีบก้มลงไปดึงกางเกงของตัวเองขึ้นมาสวม
ทว่าเมื่อหันกลับมาจ้องคาดโทษคนต้นเรื่อง
มันกลับต้องเป็นฝ่ายกลืนน้ำลายเหนียวหนืดลงคอเสียเอง
แม้จะมีรอยยิ้มบนริมฝีปากของชายหนุ่ม
หากนัยน์ตาสีอำพันกลับฉายแววตรงกันข้ามโดยสิ้นเชิง!
“เมื่อกี้ข้าแค่ปลดตะขอกางเกง... แต่ครั้งต่อไป
อาจจะเป็นคอของเจ้าก็ได้ ใครจะรู้”
มันพูดถูก...
เขาไม่เห็นด้วยซ้ำว่ามันปลดตะขอกางเกงของเขาตั้งแต่เมื่อไหร่
ฝีมือระหว่างเขากับเจ้าพวกนี้มันห่างชั้นกันเกินไป!
ดาบใหญ่ในมือของพ่อค้าทาสร่วงหล่นลงกระทบพื้นในตอนนั้น
ส่วนตัวมันยืนกุมกางเกงตัวสั่นงันงก!
ภาพนั้นเรียกรอยยิ้มของชายหนุ่มคนเดิมให้กลับมาฉีกกว้างอย่างอารมณ์ดี
“เอาล่ะ ทีนี้ อยากจะส่งกุญแจเปิดกรงมาดี ๆ มั้ย หรืออยากจะให้ข้าหาเองตอนที่เจ้าสลบ?”
สีหน้าพ่อค้าทาสหัวฟูซีดเผือด
ก่อนที่กุญแจเหล็กจะถูกส่งยื่นออกมาด้วยมืออันสั่นเทา
****************************************
“แล้วพวกเจ้าตามมาถูกได้ยังไง?”
จิณณ์ได้ยินเสียงเด็กสาวกล่าวกับชายแปลกหน้าทั้งสองแว่ว ๆ
กลุ่มคนที่โดนจับตัวมาทั้งหมดได้ทยอยกันมากล่าวขอบคุณชายหนุ่มทั้งสอง
แล้วพากันแยกย้ายเดินทางกลับเมืองบ้านเกิดหรือเดินทางไปยัง ‘เมืองทิศอาคเนย์’
ที่อยู่ใกล้ ๆ โดยอาศัยเดินเท้ากันไปบ้าง
หรือพวกที่อยู่ไกลออกไปก็เอารถเกวียนของพ่อค้าทาสนั่งกันไป
เหลือแต่เพียงคนหลงทางอย่างเขาที่ยังคิดไม่ตกว่าจะทำอะไรหรือไปที่ไหนต่อ
“พวกข้าตามรอยล้อเกวียนมา ตั้งแต่รู้ว่าเจ้าถูกจับตัวไป”
เจ้าของเรือนผมสีน้ำตาลยุ่งตอบเด็กสาวด้วยรอยยิ้ม
ดูท่าทางจะรู้จักกันมาก่อนแล้ว
เขาก็ไม่ได้ตั้งใจจะฟังเรื่องของสามคนนี้หรอกนะ
แค่หูมันดันได้ยินเอง! จริงจริ๊ง!
“ขอบคุณมากนะที่ตามมาช่วย” เด็กสาวกล่าวด้วยน้ำเสียงที่ฟังดูจริงใจ
และรอยยิ้มสดใสแบบที่เห็นแล้วจิณณ์รู้สึกตามันพร่ามัวไปหมด
“ไม่ต้องมาขอบคุณข้าหรอกเจ้าหนู ขอบคุณคุโรเถอะ!
มันบังคับให้ออกตามหาเจ้าตั้งแต่เมื่อคืนเพราะเป็นห่วง!”
คนผมสีน้ำตาลบุ้ยไปทางเพื่อนอีกคน ซึ่งยืนทำหน้าดุอยู่ไม่ห่าง
นัยน์ตาสีเทาคมของผู้ที่ถูกพาดพิง
ตวัดมองสหายด้วยแววอย่างหนึ่งที่ทำให้ผู้เป็นเพื่อนได้แต่หัวเราะเจื่อน ๆ
“โอเค ๆ ไม่มีใครห่วงใครทั้งนั้นแหละ พวกข้าแค่บังเอิญผ่านมา
เจ้าพอใจหรือยัง?” ประโยคหลังหันไปกล่าวถามกับเพื่อน
“ยังไงก็ขอบใจเจ้าด้วยแล้วกันที่ไม่ขัดใจเพื่อนน่ะ”
ผู้ถูกมองว่าเป็นเจ้าหนูน้อยกล่าวยิ้ม ๆ
“แล้วนี่จะยังจะเดินทางด้วยตัวคนเดียวต่อไปอีกงั้นเหรอ?” ชายหนุ่มผมน้ำตาลถามต่อ “ไม่ใช้บริการให้พวกข้าเป็น
‘ผู้คุ้มกัน’ จริง ๆ น่ะรึ?”
เด็กสาวไม่จำเป็นต้องใช้เวลาคิด ก็พยักหน้ารับโดยทันที
“ก็ยืนยันหนักแน่นตั้งแต่เมื่อคืนแล้วนี่ว่าดูแลตัวเองได้”
คราวนี้เป็นชายผู้มีเรือนผมสีดำสนิทกล่าวลอย ๆ ขึ้นมา น้ำเสียงเจือความประชดประชัน
ก่อนปลายตาสีเทาคมมองเด็กสาว “ขอให้โชคดีไม่ถูกจับขายอีกแล้วกัน”
พูดจบก็ทำท่าจะเดินผละออกมา หากทว่าไม่ทันได้ก้าวออกไปอย่างที่คิด
เสียงของสหายผมสีอ่อนก็ดังขัดขึ้นเสียก่อน
“เดี๋ยวก่อน แล้วเจ้าเตี้ยนี่ล่ะ?” นัยน์ตาสีอำพันตวัดกลับมามองเด็กหนุ่มในที่นั้นอีกคนหนึ่ง
จิณณ์ที่ไม่รู้ว่าตัวเองเผลอมาหยุดยืนจ้องมองคนทั้งสามคุยกันอย่างโจ่งแจ้งตั้งแต่เมื่อไหร่
ได้แต่ชี้ตัวเองอย่างเก้ ๆ กัง ๆ
“นายหมายถึง... ฉันเหรอ?”
“ก็นอกจากเจ้าหนูแล้วจะมีใครเตี้ยแถวนี้อีกล่ะ นอกจากเจ้า?”
เป็นความจริงที่จิณณ์แม้ว่าจะพยายามยืดตัวสุด ๆ แล้วยังสูงได้แค่หางคิ้วของคนแปลกหน้าทั้งสอง ความจริงข้อนี้ทำให้เด็กหนุ่มไม่สามารถโต้แย้งสรรพนามนั้นได้
แม้ว่าตั้งแต่เกิดมาเขาก็เพิ่งจะถูกเรียกเช่นนี้เป็นครั้งแรก
ก็แค่ “เตี้ยกว่า” แต่ไม่ใช่ “เตี้ย” ซะหน่อย!
ทว่าไม่ทันได้อ้าปากเถียง เจ้าหน้าหล่อคนเดิมก็ชิงถามตัดบท
“ทำไมยังไม่ไปไหนอีก? ยืนรออะไรล่ะ?”
“ไม่ได้รออะไร แต่กำลังคิดว่าจะหาทางกลับบ้านยังไงดี”
จิณณ์กล้ำกลืนความหงุดหงิดแล้วถามต่อ “แถวนี้มีรถอะไรผ่านบ้างล่ะ? จะเข้ากรุงเทพฯ ได้ยังไงเหรอ?”
ได้ยินคำถามนั้น
เจ้าหัวน้ำตาลถึงกับหันไปมองหน้าสหายผมดำด้วยสายตางุนงง ก่อนหันไปถามเด็กสาว
“นี่เจ้ารู้จักมันเหรอ?”
“ไม่รู้จักหรอก... ก็เจอเขาพร้อม ๆ กับคนอื่นในกรงนั่นแหละ”
เธอตอบพลางส่ายหน้ายิก
“เมื่อกี้เจ้าบอกว่าบ้านอยู่ไหนนะ?” นัยน์ตาสีอำพันหันกลับมาหาจิณณ์อีกรอบ
“อยู่กรุงเทพฯ”
“กรุงเทพฯ? ไม่เห็นเคยได้ยิน
ชื่อหมู่บ้านเรอะ”
คิ้วของจิณณ์เลิกขึ้นสูงด้วยความประหลาดใจเมื่อได้ยินคำถามนั้น...
ไม่รู้จักกรุงเทพฯ?!!
“ก็กรุงเทพฯไง! อ่อ หรือนายอาจจะเคยได้ยินในชื่อ Bangkok”
“แบง...อะไรนะ?” คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่น
“ช่างเถอะ บ้านเจ้าคงจะอยู่อาณาจักรอื่นล่ะสิ มาจากอาณาจักรไหนล่ะ?”
“อาณาจักร? หมายความว่าไง?
ก็อาณาจักรไทย สยามประเทศ ประเทศไทย ไทยแลนด์”
จิณณ์ตอบรัวยาวไม่เว้นวรรคหายใจ
“อาณาจักรอะไรชื่อยาวจริง”
ได้ยินเช่นนั้น ปากของเด็กไทยตาดำ ๆ ถึงกับอ้าค้างโดยไม่รู้ตัว
“ถามจริง! ประเทศไทยก็ไม่รู้จักเหรอ?!”
บ้าน่า!
ใช้ภาษาไทยอยู่แท้ ๆ แต่ไม่รู้จักประเทศไทยได้ไง?!
แต่นี่... ก็แปลว่าที่นี่ไม่ใช่ประเทศไทยจริง ๆ สินะ
“งั้นพวกนายช่วยบอกหน่อยได้มั้ยว่าที่นี่มันที่ไหน?”
ในเมื่อไม่รู้จักกรุงเทพฯ หรือประเทศไทย แต่อย่างน้อยก็ต้องบอกได้ใช่มั้ยล่ะว่าที่นี่มันคือที่ไหน!
สีหน้าที่เปลี่ยนไปอยู่ในโหมดจริงจังของเด็กหนุ่ม ทำให้ชายทั้งสองถึงกับหยุดชะงักให้กับบรรยากาศที่เปลี่ยนไป
“ที่นี่ก็... เป็นชายป่าเล็ก ๆ ทางตอนเหนือของเมืองทิศอาคเนย์” คราวนี้เจ้าของนัยน์ตาสีเทาคมเป็นฝ่ายตอบคำถามนั้น
“ไม่ใช่ ๆ ฉันอยากรู้ว่าที่นี่ประเทศอะไร!”
“คำศัพท์ประหลาด ข้าเห็นพูดตั้งแต่เมื่อกี้แล้ว ประเทศคืออะไรกันล่ะ?” คราวนี้เด็กสาวในมาดหนุ่มน้อยเป็นผู้ถามกลับ
เป็นคำถามที่ทำให้จิณณ์ถึงกับอึ้งไปวินาทีหนึ่ง...
“ประเทศคืออะไรน่ะเหรอ...ประเทศก็คือ...เอ่อ... สิ่งที่ใหญ่กว่าเมือง
ที่ใช้เรียกเมืองที่มารวม ๆ กันน่ะ”
“อ้อ เจ้าคงหมายถึงอาณาจักร...”
คิ้วสีดำของเด็กนักศึกษาปีหนึ่งคณะวิทยาศาสตร์ขมวดมุ่น
อะไรบางอย่างกำลังสะกิดในหัวใจของเขา ทำให้มันเริ่มต้นเต้นเร็วและถี่ขึ้นอย่างไร้สาเหตุ
ความเงียบสงบปกคลุมทั่วบริเวณ
ไม่มีแม้กระทั่งสายลมพัดผ่าน
ประโยคคำตอบของเด็กสาวถูกกล่าวออกมาในวินาทีถัดไปด้วยน้ำเสียงธรรมดาที่สุด
ทว่าเมื่อได้ฟังแล้ว
ราวกับเป็นเสียงที่กรีดร้องใส่ทุกประสาทสัมผัสของเด็กหนุ่มให้ด้านชา
และทิ่มแทงเข้าไปในส่วนที่ลึกที่สุดของจิตใจราวเข็มนับร้อย
“ที่นี่คือ อาณาจักรจินตภพ”
ความคิดเห็น