คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : บทที่ ๖ เข้าใจผิด (2)
เสียงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีดังมาจากเด็กหนุ่มที่เพิ่งอ้างตัวเองว่าเป็นพ่อมด ในขณะที่จิณณ์ได้แต่กระพริบตาปริบ ๆ จ้องมองการกระทำของเด็กหนุ่มตรงหน้าด้วยความสงสัย
เจ้าเด็กนั่น หลังจากล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบแท่งชอล์คสีขาวออกมาแท่งหนึ่ง มันก็นั่งลงเริ่มวาดรูปประหลาดลงบนพื้นคอนกรีตแข็ง ๆ ของคุกด้วยท่าทางสบาย ๆ
คือว่า... มันใช่เวลามานั่งเรียนวิชาศิลปะมั้ยเนี่ย!
แถมรูปที่วาดยังหน้าตาประหลาดอีก เริ่มต้นจากวงกลมหลายวงซ้อนกัน ต่อมาในวงก็เริ่มมีรูปพระอาทิตย์ รูปพระจันทร์ รูปดาวอะไรก็ไม่รู้เต็มไปหมด
เอาเข้าไป...สงสัยมันเปลี่ยนมาเรียนวิชาดาราศาสตร์แทน...
“เฮ้ย!! นั่นเจ้ากำลังทำอะไรน่ะ?!” เสียงผู้คุมคนหนึ่งดังขึ้นจากหน้าห้องขัง สีหน้าของผู้คุมทั้งสองที่มองผ่านซี่กรงเหล็กสนิมเขรอะเข้ามานั้นดูตกใจจนซีดเผือด
จะว่าไป สองผู้คุมนั่นก็เริ่มหน้าซีดมาตั้งแต่ได้ยินเจ้าเด็กคนนี้บอกว่ามันเป็นพ่อมดแล้ว
“เนี่ยน่ะหรือขอรับ ข้าก็กำลังวาดวงเวทย์ไงขอรับ” พ่อมดหนุ่มตอบกลับไปพร้อมรอยยิ้มอารมณ์ดี
“วงเวทย์? วงเวทย์คืออะไร?” จิณณ์ที่ส่งสัยไม่แพ้ผู้คุ้มทั้งสองเป็นฝ่ายเอ่ยปากถาม
เด็กหนุ่มผู้นั้นหันมาส่งยิ้มที่ดูใสซื่อให้กับเขา
“วงเวทย์ก็คือสิ่งที่ข้าจะใช้เรียกสัตว์นรกออกมาช่วยพวกเราถล่มที่นี่ออกไปน่ะสิขอรับ”
“อะไรนะ?!” จิณณ์ร้องอุทานผสานเสียงกับผู้คุมทั้งสอง
“ก็ข้าบอกแล้วไม่ใช่หรือขอรับว่าข้าเป็นพ่อมด แค่เรียกสัตว์ประหลาดแค่นี้เรื่องหมู ๆ”
จิณณ์ไม่รู้ตัวว่าเขากำลังอ้าปากค้าง ขณะที่พ่อมดหนุ่มยังคงฮัมเพลงอย่างอารมณ์ดีและดำเนินการวาดวงเวทย์บนพื้นคุกต่อไป
“...จ...จ...เจ้า หยุดเดี๋ยวนี้เลยนะ! หยุด!”
เสียงห้ามของผู้คุมไม่ได้ทำให้มือที่กำลังวาดแผนผังระบบสุริยะตรงหน้าชะงักแต่อย่างใด ผู้คุมทั้งสองจึงรีบไขประตูกรงทันที ด้วยความรวดเร็วขนาดที่จิณณ์แทบจะก้าวถอยหลังหลบบานประตูที่ถูกผลักเข้ามาข้างในอย่างแรงเกือบจะไม่ทัน
“ข้าบอกให้เจ้าหยุดไม่ได้ยินเรอะ! ส่งชอล์คในมือเจ้ามาเดี๋ยวนี้!”
ผู้คุมทั้งสองเข้าประชิดตัวเด็กหนุ่มทันที ทว่าวินาทีนั้นเอง...
“โอ๊ะ!!”
พ่อมดหนุ่มอุทานด้วยความตกใจ นัยน์ตาสีฟ้าใสที่จ้องมองออกไปด้านนอกห้องขังนั้นเบิกกว้าง
ด้วยอาการเช่นนั้นทำให้จิณณ์และผู้คุมทั้งสองรีบหันขวับกลับไปมองยังจุดที่พ่อมดหนุ่มมอง ด้วยคาดว่าจะมีสัตว์นรกสักตัวสองตัวโผล่ขึ้นมาตรงจุดที่เด็กหนุ่มชี้
ทว่า...
ผลั่ก!!!
รองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลโหล ๆ คู่เดิมกระโดดขาคู่ยันโครมเข้าให้ที่ก้นกบของผู้คุมข้างละคน จิณณ์ที่กำลังจะหันกลับมามองเหตุการณ์ที่เกิดขึ้นข้างหลัง กลับถูกมือพ่อมดหนุ่มกระชากลากออกไปจากคุกในวินาทีนั้น มารู้ตัวอีกทีจิณณ์ก็พบตัวเองออกมายืนอยู่หน้าห้องขังแล้ว พร้อมกับเด็กหนุ่มอีกคนซึ่งกำลังยิ้มอย่างอารมณ์ดีขณะไขกุญแจล็อคประตูห้องขังด้วยกุญแจที่คาอยู่กับรูกุญแจนั้น
ผู้คุมห้องขังที่กลับโดนขังเสียเองทั้งสอง เมื่อยันตัวลุกขึ้นจากพื้นได้ก็รีบวิ่งมาประชิดลูกกรงด้วยความโกรธ
“หนอย เจ้าบ้า!! มาหลอกกันอย่างนี้ได้ยังไง! ปล่อยพวกข้าออกไปเดี๋ยวนี้นะ!!!”
“ไปกันเถอะขอรับ”
เด็กหนุ่มหันมาเรียกจิณณ์ก่อนวางกุญแจเอาไว้บนโต๊ะของผู้คุมทั้งสองที่เต็มไปด้วยกองไพ่กระจัดกระจาย ไม่ลืมที่จะหยิบกระเป๋าย่ามผ้าสีดำของตนที่ถูกยึดเอาไว้ตั้งแต่ตอนถูกจับมาด้วย
“อ้าว เดี๋ยวสิ!”
จิณณ์เรียกเด็กหนุ่มไว้ พลางชี้ไปที่วงเวทย์ในคุกด้วยสีหน้าแสดงความความเสียดาย
“ไม่เรียกสัตว์ประหลาดแล้วเหรอ?”
***************************************
ฮาร์คินเดินนำคุโรและเซเล็นลัดเลาะไปตามตรอกซอกซอยและถนนเล็กต่าง ๆ เพื่อหลีกเลี่ยงการเป็นเป้าสายตา เดินมาได้พักใหญ่ถนนเส้นเล็กที่กำลังเดินอยู่นั้นก็นำพาพวกเขาเข้าสู่ลานกว้างแห่งหนึ่ง ซึ่งดูเหมือนจะเป็นตลาดที่เต็มไปด้วยร้านค้าแผงลอย ทว่าสินค้าที่นี่กลับแตกต่างไปจากร้านทั่ว ๆ ไปตามถนนเส้นหลัก...
หัวกะโหลกมนุษย์หลากหลายขนาด, โหลดองยาขนาดใหญ่ที่เต็มไปด้วยอวัยวะต่าง ๆ ของสัตว์น้อยใหญ่, สัตว์มีพิษและสมุนไพรหายากสำหรับสกัดยาพิษ หรือชนิดที่สกัดเรียบร้อยแล้วก็มีในรูปแบบต่าง ๆ ทั้งแบบน้ำ เม็ด ผง, อาวุธอาบยาพิษหลากหลายประเภท, และสินค้าผิดกฎหมายอีกนับไม่ถ้วน...
หากที่ดูจะเรียกความสนใจจากคุโร หาใช่สินค้าเหล่านั้นไม่
คิ้วสีดำได้รูปขมวดมุ่นยามนัยน์ตาสีเทาหมอกกวาดมองไปยังสินค้าอีกชนิดหนึ่ง ซึ่งก็มีขายอยู่เป็นจำนวนไม่น้อย...
ทาส!
ตั้งแต่เด็กเล็กยันคนแก่ คนหลากหลายประเภทถูกล่ามเอาไว้ด้วยโซ่ตรวนและถูกขายไม่ต่างจากสัตว์เดรัจฉาน แต่ละคนมีป้ายราคาที่แตกต่างกันไป หรือบ้างก็ถูกจับประมูลราคา ตามแต่ที่ลูกค้าจะนำเสนอเป็นกรณี ๆ ไป...
ไม่ผิดแน่
ที่นี่คือตลาดมืดเมืองทิศอาคเนย์ แหล่งรวมสิ่งผิดกฎหมายที่มากที่สุดในอาณาจักรจินตภพ!
จังหวะการก้าวเท้าของคุโร ฉับพลันก็กลับกลายเป็นรวดเร็วจนฮาร์คินต้องก้าวยาว ๆ ตามไปด้วยความแปลกใจ ส่วนเซเล็นที่แทบจะต้องวิ่งเพื่อตามคุโรให้ทันนั้น กำลังอ้าปากจะต่อว่าคนขายาวกว่าด้วยความหงุดหงิดอยู่แล้ว หากเมื่อได้เห็นสีหน้าที่เคร่งเครียดผิดไปของชายหนุ่ม เธอก็ตัดสินใจหยุดตัวเองไว้และได้แต่กึ่งวิ่งกึ่งเดินตามไปเงียบ ๆ
ทว่าก่อนที่พวกเขาทั้งสามจะได้ก้าวพ้นออกมาจากตลาดมืด ทันใดนั้นเอง เสียงฝีเท้าที่ดังเป็นจังหวะเท่า ๆ กันก็ดังขึ้น ก่อนที่ภาพของนายทหารหลายสิบนายในชุดเครื่องแบบสีดำสนิทจะปรากฏเดินเรียงแถวตอนลึกสองแถวตรงเข้ามาจากทางออกอีกทางของตลาดที่พวกเขากำลังจะมุ่งหน้าไปพอดี พ่อค้าแม่ค้าและผู้คนซึ่งกำลังเดินเลือกซื้อของต่างหยุดมองเหล่านายทหารที่มายืนเรียงแถวหน้ากระดานอยู่เกือบเต็มพื้นที่ตลาดด้วยความตกใจ
ไม่ว่าทหารพวกนี้จะมาทำอะไร หากการมาหยุดยืนเป็นเป้าสายตาของพวกคนในเครื่องแบบดูจะไม่ใช่ความคิดที่ดีสำหรับผู้ถูกกล่าวหาว่าเป็นขโมยแน่ ๆ
นัยน์ตาสีอำพันเหลือบไปสบกับนัยน์ตาสีเทาหมอกในทันที...
คุโรพยักหน้าน้อย ๆ เพียงครั้งเดียวอย่างเข้าใจความหมาย ก่อนเอื้อมมือไปดึงเซเล็นให้ก้าวหลบไปพร้อม ๆ กัน
ฮาร์คินเองก็เตรียมพร้อมจะเดินตาม หากแต่เพียงแค่ขยับขาจะก้าวเท่านั้น เสียงของใครคนหนึ่งก็ดังขัดขึ้น
“ข้าเดินทางมาไกลจากเมืองหลวงเพื่อพวกเจ้าเลยนะ จะรีบไปไหนเสียล่ะ”
เสียงนั้นดังมาจากใครคนหนึ่งซึ่งเหล่านายทหารกำลังแหวกเป็นทางให้คนผู้นั้นเดินเข้ามา ผมสีแดงเข้มค่อนข้างหยาบถูกตัดเป็นทรงสั้นทว่ามีหางเปียยาวจากท้ายทอยไปถึงกลางหลัง เครื่องแบบสีดำที่ดูคล้ายทหารคนอื่น ๆ นั้นต่างออกไปตรงที่เต็มไปด้วยเครื่องหมายแสดงยศตำแหน่งที่สูงกว่า ตาชั้นเดียวสีแดงเข้มจับจ้องมาที่ฮาร์คินขณะที่สาวเท้าเข้ามาใกล้มากขึ้นเรื่อย ๆ
ฮาร์คินเหลือบซ้ายแลขวา ก่อนกลับมาสบนัยน์ตาสีแดงเข้มนั้นอย่างงุนงง
“ท่านกำลังพูดอยู่กับใคร? ข้าเรอะ?”
ประโยคคำถามของฮาร์คินนั้นเรียกเสียงหัวเราะเบา ๆ มาจากคนผู้นั้น
“ใช่ ข้ากำลังพูดกับเจ้า...และเพื่อนของเจ้าด้วย...”
คิ้วสีน้ำตาลขมวดมุ่นด้วยความไม่เข้าใจ หากวินาทีต่อมาฮาร์คินก็หันกลับไปพบคำตอบที่ด้านหลัง...
คุโรและเซเล็นกำลังเดินตรงกลับมาหาเขา ที่เบื้องหลังนั้นมีนายทหารอีกห้าคนเดินคุมมาพร้อมกับดาบในมือ
แบบนี้...แปลว่าทางออกทั้งสองทางของตลาดมืดโดนปิดล้อมไว้หมดแล้วแน่นอน!
“แล้ว...” นัยน์ตาสีอำพันจ้องแถบเส้นสีทองซึ่งแสดงยศอยู่บนบ่าทั้งสองข้างของนายทหารตรงหน้าอย่างพิจารณา “ท่านผู้พันมีธุระอะไรกับพวกข้าไม่ทราบ?”
“บอกไว้ก่อนเลยนะ ถ้าเป็นเรื่องขโมยสร้อยไข่มุกจากร้านอะไรนั่นล่ะก็ ข้าขอบอกเป็นครั้งที่ล้านว่าข้าไม่ได้ทำ!” เซเล็นแทรกขึ้นมาก่อนที่อีกฝ่ายจะได้ตอบ
“อย่าโง่ไปหน่อยเลย ข้าไม่ได้มาด้วยเรื่องขยะพรรค์นั้น” นายทหารยศพันตรีคนนั้นกล่าวด้วยรอยยิ้มน้อย ๆ ทว่านัยน์ตาไม่ได้ยิ้มด้วย
“ถ้าอย่างนั้นมีธุระอะไรก็รีบบอกมา พวกข้ากำลังรีบ” น้ำเสียงที่เฉียบขาดนั้นดังขึ้นพร้อม ๆ กับที่คุโรก้าวออกมาด้านหน้าเพื่อน ๆ ทั้งสอง
“พวกเจ้ากำลังรีบ? จะรีบไปไหนกันล่ะ?” นายทหารกล่าวถามจริงจัง รอยยิ้มน้อย ๆ นั้นหายไป “คงไม่ใช่รีบไปตามหา ‘ใครบางคน’ หรือ ‘อะไรบางอย่าง’ หรอกใช่มั้ย...”
“ไม่ใช่ธุระของท่าน” คุโรตอบ น้ำเสียงยังคงเฉียบขาด “ตกลงท่านจะไม่บอกว่าท่านต้องการอะไรกับพวกข้าใช่มั้ย? งั้นพวกข้าขอตัว”
สิ้นประโยคคุโรก็ก้าวเดินทันที
“ทหาร!”
ด้วยเสียงเรียกเพียงสั้น ๆ จากนายทหารยศพันตรี คุโรก็ถูกหยุดไว้ด้วยนายทหารชั้นผู้น้อยสองคนซึ่งก้าวออกมายืนขวางเขาไว้
“เจ้าจะยังไปไหนไม่ได้ทั้งนั้น จนกว่าจะตอบคำถามของข้า...”
ดาบเล่มใหญ่สีเงินมันปลาบถูกนายพันผู้นั้นชักออกมาจากปลอกซึ่งเหน็บไว้กับเข็มขัดเครื่องแบบ ก่อนปลายดาบคมกริบจะถูกยกขึ้นแตะที่ปลายคางของคุโรเบา ๆ
“พวกเจ้าเป็นใคร ต้องการตามหาพ่อมดโซเทปป์ไปทำไม?!”
ไม่เพียงไร้ความหวาดหวั่นในสายตาคู่สีเทานั้น หากความอึดอัดและกดดันยังถาโถมกลับเข้าใส่ผู้พันอย่างไม่ทันตั้งตัวทันทีที่สายตาคู่นั้นจับจ้องมา ดาบที่ว่าคมกริบที่สุดในแผ่นดิน อาจบางทียังคมไม่เท่ากับนัยน์ตาสีเทาเยือกเย็นคู่นี้!
“เดี๋ยวนะ”
ฮาร์คินก้าวขึ้นมายืนหน้าคุโรพลางปัดดาบเล่มใหญ่ของทหารยศพันตรีออกไปให้พ้นทาง นัยน์ตาสีอำพันสบนัยน์ตาสีแดงเข้มของนายทหารตรง ๆ
“งั้นข้าขอเดาว่า เจ้าอีกานั่นคงคาบข่าวไปบอกสินะ?”
ฮาร์คินยังคงไม่ลืม นี่เป็นครั้งที่สองแล้วที่มีคนมาวุ่นวายตั้งตัวสอบสวนเพียงเพราะพวกเขาแค่เดินทางมาพบท่านเนฟฟิว เจ้าคนที่แปลงร่างเป็นอีกานั่นก็เคยประชิดตัวเขาเพื่อถามคำถามเดียวกันเมื่อคืนที่ผ่านมา
นายทหารลอบผ่อนลมหายใจออกเมื่อความอึดอัดเมื่อครู่เบาบางลงในตอนที่ชายคนนี้ก้าวขึ้นมายืนบังอีกคนไว้ นัยน์ตาสีแดงเหลือบมองดาบในมือของเขาที่ถูกปัดทิ้งอย่างง่าย ๆ ทีหนึ่ง ก่อนกลับมาหรี่ตามองพิจารณาชายสองคนตรงหน้า
คนหนึ่งแทบจะสังหารคนได้ด้วยการจ้องมอง ในขณะที่อีกคนสามารถปัดดาบของเขาออกไปได้ง่าย ๆ ทั้ง ๆ ที่เขาไม่ได้พลั้งเผลอ...
“อีกาที่ว่านั่น หรือเจ้าจะหมายถึง ท่านโครว์... หึ นั่นน่ะไม่ใช่แค่อีกา ‘ธรรมดา’ หรอกนะ”
“แล้วอีกาที่ ‘ไม่ธรรมดา’ ของท่านนั้น ไม่ได้บอกหรือไง ว่าพวกข้าแค่แวะไปขอนอนวัดประหยัดค่าใช้จ่ายน่ะ?”
“หึ”
เสียงหัวเราะในลำคอของนายทหารชั้นผู้ใหญ่ดูจะออกไปในทางเหยียดหยามมากกว่าขบขัน
“บอกแน่ล่ะ...” นายพันยิ้มเหยียด
“บอกว่าพวกเจ้าได้ ‘สิ่งนำทาง’ ของพ่อมดไปแล้ว!”
สิ้นเสียง ทหารยศนายพันก็สะบัดข้อมือน้อย ๆ เป็นสัญญาณ ส่งผลให้นายทหารชั้นผู้น้อยเริ่มขยับตีวงแคบเข้ามาล้อมรอบ พร้อมกับชักดาบออกมาเตรียมพร้อม!
“ใครไม่เกี่ยวข้อง ถ้าไม่อยากโดนลูกหลงก็จงรีบไสหัวไปซะ!”
สิ้นเสียงนายทหาร เสียงกรีดร้องของชาวบ้านในบริเวณนั้นทั้งหมดก็ดังระงมขึ้นทั่วทั้งบริเวณด้วยความตื่นตระหนก ผู้คนทั้งหลายทั้งที่มาจับจ่ายซื้อของและคนเป็นพ่อค้าแม่ค้า จากที่เคยหยุดมองเหตุการณ์ด้วยความอยากรู้ กลับเริ่มต้นวิ่งหนีอย่างไม่คิดชีวิตออกมาจากสถานที่ซึ่งกำลังจะเปลี่ยนจากตลาดมืดเป็นสมรภูมิรบ!
ความชุลมุนวุ่นวายก่อตัวเกิดขึ้นภายนอกวงล้อมของทหาร
หากภายในวงล้อมกลับนิ่งสนิท...
“ถ้าหากพวกเจ้ายังยืนยันที่จะไม่บอกว่าพวกเจ้าเป็นใคร ข้าก็จะไม่บังคับ... แต่จงส่ง ‘สิ่งนำทาง’ มาเดี๋ยวนี้!”
น้ำเสียงเฉียบขาดนั้นพาให้ขนในกายของนายทหารผู้เป็นลูกน้องทั้งหลายพากันขนลุกซู่
คุโรยื่นมือออกไปผลักไหล่ฮาร์คินเบา ๆ ให้พ้นทางออกจากการประจันหน้าของเขาและทหารผู้นั้น
“ถ้าเป้าหมายที่แท้จริงของท่านคือ ‘สิ่งนำทาง’ ของพ่อมด...” คุโรกล่าวเสียงเรียบ นิ้วเรียวเอื้อมไปกุมด้ามดาบที่เหน็บไว้ข้างกาย
“งั้นก็เสียใจด้วย...เพราะคงเดินทางไกลมาเสียเที่ยวแล้ว!”
***************************************
ความคิดเห็น