คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #12 : บทที่ ๖ เข้าใจผิด (1)
บทที่ ๖
โบราณว่าไว้...
ถ้าเจอหมีให้แกล้งตาย...
แต่ไม่มีใครเคยบอก...
ว่าถ้าเจอ รปภ. ร้านเครื่องประดับหน้าเหี้ยมสองคนต้องทำยังไง!!
สมองของจิณณ์ทำงานอย่างหนัก ในขณะที่ชายในชุดซาฟารีสีดำก้าวย่างสามขุมเข้ามาใกล้...
เขาจะทำยังไงดี! แล้วฮาร์คินก็ไม่รู้จักกลับมาซะที!
เอาวะ!
ก็ทำแบบเจอหมีนั่นแหละ!
คิดได้ดังนั้น ชายหนุ่มก็หลับตาพริ้มทิ้งตัวไปข้างหน้า ล้มใส่ชายชุดดำทั้งสองที่เดินเข้ามาใกล้ทันที!!
“เฮ้ย!! เจ้าโจร!! ตื่นเดี๋ยวนี้นะ!!”
ชายชุดซาฟารีทั้งสองที่ต้องรับน้ำหนักชายหนุ่มที่ตัวก็ไม่ได้เล็ก ๆ เอาไว้นั้น รีบวางจิณณ์ลงกับพื้นพลางเขย่าเรียก แต่ไม่ว่าพวกมันจะตะคอกเรียกเสียงดัง ๆ หรือจะเขย่าแรง ๆ จนตับไตไส้พุงเขามันจะกระฉอกออกมาหมดแล้ว แต่อาศัยความหน้าด้านหน้าทนของคนถนัดวิชาสำออย เขาจึงยังนอนหลับตาสนิทแน่นิ่งอยู่บนพื้นห้องน้ำอย่างนั้น...
ยังไงก็เถอะ จุดนี้ไม่ว่าใครก็ต้องยอมรับว่า หน้าไม่ด้านพอทำไม่ได้แน่ ๆ !
“ทำไงล่ะวะเนี่ย สงสัยมันสลบไปแล้ว!” เสียงคนหนึ่งกล่าวขึ้น
“พามันออกจากห้องน้ำก่อนมั้ย? มันคงทนดมกลิ่นห้องน้ำจนสลบไปเลยว่ะ!”
เสียงเปิดประตูออกมาจากห้องส้วมข้าง ๆ เรียกสายตาของสอง รปภ. ให้หันไปมอง เห็นเด็กหนุ่มแปลกหน้าซึ่งเพิ่งจะเสร็จธุระในห้องส้วมเดินออกมาหยุดยืนอยู่ตรงนั้น เด็กนั่นมองร่างของจิณณ์ที่นอนแผ่หราขวางทางระหว่างเขากับอ่างล้างมืออย่างงง ๆ
หัวใจของจิณณ์เต้นรัวด้วยความดีใจ จิณณ์หลับตาแน่น กลั้นใจภาวนา
ขอให้เจ้าเด็กนั่นช่วยเขาด้วยเถอะ! วิธีไหนก็ได้!!
“ขออภัยนะขอรับ”
จิณณ์ได้ยินเสียงเจ้านั่นกล่าว เขาหรี่ตาขึ้นน้อย ๆ มองลุ้นสุดตัว
เจ้านั่นก้าวข้ามร่างของเขาไป
แล้วก็เปิดน้ำล้างมือที่อ่างหน้าตาเฉย
ใช้สบู่ด้วย
เสร็จแล้วก็เช็ดมือกับเสื้อคลุมตัวเองสองสามที
ก่อนทำท่าจะเดินออกจากห้องน้ำไป
จิณณ์แทบจะหลุดเสียงอุทาน... แต่ติดว่าแกล้งสลบอยู่ จึงได้แต่ตะโกนกรีดร้องในใจ
เฮ้ยยยยยยยยยยยย!!! อย่าเพิ่งไป อยู่ช่วยกันก่อนเซ่!!!!!!!
“นี่ เดี๋ยวก่อน!”
เสียงนายซาฟารีดังขึ้นเรียกแทนราวกับจะได้ยินสิ่งที่จิณณ์คิด ทำให้เด็กหนุ่มแปลกหน้าชะงักเท้าที่กำลังก้าวออกจากห้องน้ำ ความหวังอันริบหรี่ของจิณณ์กลับมาทอแสงน้อย ๆ อีกครั้ง
“เรียกข้าหรือขอรับ?” เด็กหนุ่มหันกลับมาถาม
“เมื่อกี้เจ้าเดินออกมาจากห้องนั้นใช่มั้ย?”
นายซาฟารีชี้ไปยังห้องส้วมที่เกิดเหตุ
“ใช่ขอรับ” เด็กหนุ่มตอบรับอย่างงง ๆ
“เจ้าหัวขโมยก็ออกมาจากห้องนั้น...”
ซาฟารีหนึ่งมองหน้านายซาฟารีสอง
“งั้นก็แปลว่าเมื่อกี้เจ้าสองคน...” ซาฟารีหนึ่งทำหน้าเหวอ
“เข้าไปอยู่ในห้องน้ำห้องเดียวกัน...” ซาฟารีสองต่อประโยค
“เจ้าสองคนเข้าไปอยู่ในห้องน้ำแคบ ๆ ด้วยกัน?”
สองซาฟารีสีดำสบตากันอยู่ชั่วอึดใจแต่เหมือนนานเป็นชั่วโมงสำหรับคนที่นอนกองอยู่กับพื้นห้องน้ำ จนในที่สุดจิณณ์ก็ทนไม่ไหวอีกต่อไป กระเด้งตัวพรวดขึ้นมาจากที่นอนแน่นิ่งอยู่ทันที
“อย่าเข้าใจผิดนะพี่! ผมกับเจ้านี่เข้าห้องน้ำไปด้วยกันก็จริง แต่ว่าผมกับมันไม่ได้เข้าไป...ไปทำอะไรไม่ดี...คือ คือ ไม่ใช่อย่างนั้นนะ เรื่องไม่ดีผมหมายถึง เราไม่ได้เข้าไปสูบบุหรี่ พี้ยา หาเห็บ...”
ประโยคที่กำลังแก้ตัวอยู่อย่างลนลานชะงักหยุดในทันทีที่นึกขึ้นได้...
ชายในชุดเครื่องแบบซาฟารีทั้งสองแยกยิ้มยิงฟันสวยงามจนน่าขนลุก
“ฟื้นแล้วเหรอจ๊ะ?”
จิณณ์อยากจะทึ้งหัวตัวเองแรง ๆ แล้วเอาไปโขกกับผนังห้องน้ำต่ออีกซักร้อยที...
นอนอยู่เฉย ๆ แกล้งสลบก็ดีอยู่แล้ว นี่เขาจะลุกขึ้นมานั่งแก้ตัวทำไมเนี่ย?!!!
***************************************
“คิงข้าวหลามตัด!”
“เฮอะ! แค่นี้มันเด็ก ๆ ต้องเจอนี่...สองโพธิ์แดง!”
จิณณ์นั่งเท้าคางด้วยสีหน้าซังกะตาย จ้องมองสองทหารในชุดเครื่องแบบสีดำนั่งเล่นไพ่สลาฟกันอย่างเมามันผ่านซี่กรงเหล็กขึ้นสนิมของห้องขัง
หลังจากความพยายามอันไร้ความหมายที่จะอธิบายให้พี่ ๆ ชุดซาฟารีทั้งสองฟังว่าเขาไม่ใช่โจร คนทั้งสองก็กึ่งลากกึ่งถูเขามาส่งขังไว้กับนายทหารที่ป้อมปราการแห่งนี้ ซึ่งเข้าใจว่าถ้าเป็นที่โลกความจริงก็คงจะเรียกเป็นสถานีตำรวจของเมือง แต่สถานีตำรวจที่นี่ดันมีแต่ห้องขัง แถมยังไม่มีเจ้าหน้าที่ทำการสืบสวนสอบสวนคดีอะไรเลย มีแต่นายทหารยามสองคนนี่!
“ยังหรอกโว้ย ข้ายังมีนี่...สองโพธิ์ดำ! เป็นไง ยอมหมอบราบคาบแล้วล่ะสิ”
“ในฝันเจ้าน่ะสิ! งั้นต้องเจอนี่เลยใหญ่สุดไม่มีใครเกิน สองดอกจิก!!”
“เย้ยยยยยย!!!! ทนไม่ไหวแล้วโว้ยยยยยยยยยยยยยยยยยย!!!!!!!!”
จิณณ์ตะโกนออกมาจากห้องขังด้วยความรู้สึกอัดอั้น ทำเอาทหารทั้งสองที่นั่งอยู่สะดุ้งมองมาด้วยความตกใจ
“เกมไพ่สลาฟบ้านไหนสองดอกจิกมันใหญ่กว่าสองโพธิ์ดำกันล่ะห๊า!!! แล้วทำไมฉันต้องมาติดคุกด้วยเนี่ยยยยยยยยยยย?!” จิณณ์ตะโกนอย่างไม่สนใจสายตาผู้คุมทั้งสองที่ได้แต่อึ้งมอง
“แล้วยังจะเรื่องนายอีก!!” จิณณ์หันขวับกลับไปมองนักโทษอีกคนหนึ่งในห้องขังเดียวกันตาขวางอย่างไม่สบอารมณ์สุด ๆ
เจ้าเด็กหน้าตาดีที่เจอกันในห้องน้ำ บัดนี้นั่งอย่างสงบเสงี่ยมเจียมกายอยู่ชิดติดผนังห้องขัง
เขายังจำบทสรุปที่มั่วที่สุดในสามโลกของ รปภ. ร้านจิวเวอรี่ได้
“มันเข้าไปซ่อนในห้องน้ำกันสองคน แสดงว่าเป็นผู้สมรู้ร่วมคิดกันทั้งสองคน!”
ทำไมครับพี่ การที่คนเรามันจะบังเอิญเจอกันในห้องสี่เหลี่ยมเล็ก ๆ ที่เรียกว่าห้องส้วมมันเป็นไปไม่ได้เลยเหรอคร้าบบบบบ?!
“ทำไมถึงไม่รู้จักช่วยกันพูด ช่วยกันอธิบาย! ดูซิ โดนจับมาใส่ห้องขังด้วยกันเลย!”
จิณณ์ต่อว่า หากเจ้าหล่อรุ่นเล็กกว่าที่นั่งอยู่กลับตอบมาหน้าตาย
“พูดหรืออธิบายอะไรไปก็เท่านั้นแหละขอรับ ถ้าเราไม่มียัดใต้โต๊ะก็อย่าหวังว่าพวกนี้จะฟังเลย” เจ้าหน้าหล่อตอบด้วยสีหน้าจริงจัง ก่อนวินาทีต่อมากลับเปลี่ยนเป็นสิ่งยิ้มกว้างให้กับเขา
“แต่ท่านไม่ต้องห่วงนะขอรับ ข้าจะพาท่านออกจากที่นี่เอง”
“จริงอ่ะ?” จิณณ์ตาโต “ยังไง?”
“สิ่งที่ข้ากำลังจะบอกท่านต่อไปนี้ หวังว่าท่านจะช่วยปิดเป็นความลับระหว่างเรานะขอรับ”
สำหรับคนที่ต้องการจะบอกความลับ เสียงของเจ้าหนุ่มน้อยแปลกหน้าดูออกจะดังเกินไปจนจิณณ์รู้สึกแปลกใจ
“ข้าน่ะ เป็นพ่อมดขอรับ”
************************************
“เมื่อกี้นี้มันอะไรกันน่ะ?”
เซเล็นกล่าวถามขณะพยายามกึ่งเดินกึ่งวิ่งให้ทันคุโร ที่ก้าวเดินฉับ ๆ นำหน้าเธอไปตามทางในซอยเล็ก ๆ แห่งหนึ่งอย่างรวดเร็ว
“เมื่อกี้? เมื่อกี้ไหน?”
คนตัวสูงถามกลับมาด้วยน้ำเสียงเรียบเฉยอย่างไม่สนใจ เท้ายังคงก้าวนำไปข้างหน้าอย่างไม่คิดจะชะลอความเร็ว
“ก็จะตอนไหนซะอีกล่ะ! ก็เมื่อกี้นี้น่ะ ตอนที่เราอยู่ในโรงเก็บของไง!”
“ก็ไม่เห็นมีอะไร”
คุโรยังคงทำท่าทีไม่สนใจ มิหนำซ้ำยังก้าวเร็วขึ้นกว่าเดิมเป็นสองเท่า ทำเอาเด็กสาวชักเริ่มฉุน
“มันจะไม่มีอะไรได้ยังไง ก็ข้าเห็นกับตา! ชั้นวางของนั่นอยู่ดี ๆ ก็หล่นตุ้บลงมาทั้งแถวอย่างนั้น!”
“ก็แค่ชั้นวางของล้ม เจ้าจะสนใจอะไรกับเรื่องไม่เป็นเรื่อง?”
เซเล็นไม่สนใจว่าเธอจะต้องวิ่งเพื่อจะตามคุโรให้ทัน ยังคงพยายามคาดคั้นเอาคำตอบ
“เรื่องไม่เป็นเรื่อง?! ชั้นวางของอันเบ้อเร่อ อยู่ดี ๆ ก็ล้มลงมาได้ แถมยังล้มได้จังหวะช่วยพวกเราเอาไว้พอดีอย่างกับโดนผีผลัก! แบบนี้จะไม่เป็นเรื่องได้ยังไง?!”
“เจ้าก็มีทฤษฎีที่น่าสนใจดีอยู่แล้ว”
“โดนผีผลักมันใช่ทฤษฎีซะที่ไหนเล่า!”
“แล้วข้าจะรู้ได้ยังไง?”
โดนคุโรถามกลับด้วยท่าทีเฉยเมยเหมือนเดิม ทำเอาเซเล็นรู้สึกเหมือนกับว่าควันร้อน ๆ กำลังพุ่งออกจากหูของเธอดังวี้ด ๆ และเส้นเลือดที่ขมับกำลังเต้นตุบ ๆ ด้วยความโมโห!
ทำไมจะไม่รู้ล่ะ!
ก็ตัวเองเป็นคนทำเองชัด ๆ ! เธอแค่อยากได้ยินจากปากเจ้าตัวว่าด้วยวิธีไหนเท่านั้นแหละ!!
“แล้วอีกอย่าง” จู่ ๆ คุโรก็หยุดเดิน ก่อนหันกลับมามองเธอ
“ข้ามีหน้าที่คอยดูแลคุ้มกันเจ้าเท่านั้น ไม่ได้มีหน้าที่จะต้องคอยตอบคำถาม เพราะฉะนั้น ถ้าหากเจ้ายังอยากจะให้ข้าคุ้มกันต่อไป จากนี้ไม่ว่าข้าสั่งอะไร เจ้าต้องทำตามทุกอย่างโดยไม่ต้องมีคำถามใด ๆ ทั้งสิ้น”
สิ้นประโยค นัยน์ตาสีเทาคมก็ตวัดกลับไปมองข้างหน้า และขายาว ๆ ก็เริ่มก้าวเดินต่ออย่างรวดเร็ว
เซเล็นอ้าปากค้าง ก่อนหลับตาลงและกำหมัดแน่น พยายามข่มอารมณ์ที่อยากกระโดดขาคู่เข้ากระแทกถีบใครบางคนด้วยความหมั่นไส้ ตอนนั้นเองที่จู่ ๆ ‘ผู้คุ้มกันที่ไม่ได้มีหน้าที่ตอบคำถาม’ ก็หยุดชะงักกึกเอาเสียดื้อ ๆ เด็กสาวที่ไม่ทันระวังจึงชนแผ่นหลังคนตัวสูงเข้าเต็ม ๆ !
“นี่! คิดจะก้าวก็ก้าวฉึบ ๆ ๆ ไม่สนใจใคร พอคิดจะหยุดก็หยุดเอาดื้อ ๆ อย่างนี้เนี่ยนะ! ช่วยบอกกันบ้างจะได้มั้ย! หรือมันไม่ใช่หน้าที่ของเจ้าอีก?!”
เซเล็นบ่นเป็นชุดพลางลูบหน้าผากของตัวเองป้อย ๆ ด้วยความเจ็บ แต่คนต้นเรื่องดูจะไม่ได้สนใจอาการของเธอแม้แต่น้อย นัยน์ตาสีเทาควันจับจ้องออกไปยังตรอกเล็ก ๆ ซอยหนึ่งด้วยท่าทีเคร่งเครียดระมัดระวัง
ตอนนั้นเองที่เด็กสาวรู้สึกเหมือนได้ยินเสียงฝีเท้าเบา ๆ มาจากตรอกเล็ก ๆ นั้น
ผ่านไปเพียงชั่วอึดใจ ทว่าเซเล็นก็เห็นคุโรมีท่าทีที่ผ่อนคลายขึ้น ก่อนจะทำสิ่งที่เธอไม่คาดคิด คือเป็นฝ่ายทำลายความเงียบกล่าวออกไปก่อน
“เจ้าเอง?”
เงาของใครคนหนึ่งค่อย ๆ เคลื่อนออกมาจากเงามืดภายในตรอกนั้น
“ตามหาแทบแย่ มาอยู่ที่นี่กันเอง”
น้ำเสียงที่คุ้นเคยดังขึ้นมาก่อนที่ร่างนั้นจะก้าวพ้นเงามืดของตรอกนั้นออกมา
“ฮาร์คิน!” เซเล็นเรียกเสียงดังด้วยความดีใจ “แล้วจิณณ์ล่ะ?”
“ข้าพาไปซ่อนไว้ ขี้เกียจลากมาด้วย ชอบทำเสียเรื่องตลอด”
“งั้นเจ้านำทางไป” คุโรกล่าว
ฮาร์คินพยักหน้า ก่อนเร่งเดินนำคนทั้งสองไป
ความคิดเห็น