ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [END] จินตภพ (ฉบับที่ผมแต่งใหม่)

    ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๕ พล็อตแรก : เหตุการณ์ขโมยของ (2)

    • อัปเดตล่าสุด 28 มี.ค. 65




    “นี่! เจ้าจะมาใกล้อะไรข้ามากเนี่ย ถอยไปอีก!”

    “ถอยไม่ได้”

    “ทำไมจะถอยไม่ได้!”

    “จะถอยได้ไงล่ะ มันติดส้วม!”

    จิณณ์ตอบก่อนยกมือขึ้นมาบีบจมูกป้องกันกลิ่นอันรุนแรงของห้องส้วมขนาดเล็ก อันเป็นส่วนหนึ่งของห้องน้ำสาธารณะในเมืองทิศอาคเนย์ที่ฮาร์คินบังคับขืนใจลากเขาเข้ามาซ่อน   

    “อ้าว ก็เห็นยืนซะชิดขนาดนี้ คิดว่าเจ้าจะนึกพิศวาสข้าขึ้นมาน่ะสิ”

    หนอย ไอ้....!!!

    กำลังคิดจะอ้าปากด่าไอ้คนช่างคิดที่ยืนห่างออกไปไม่เกินสองนิ้วครึ่งเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้มันอยู่แล้ว หากแต่เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่ดังผ่านหน้าห้องน้ำด้านนอกอย่างกะทันหันนั้นทำให้จิณณ์ต้องกลืนคำอวยพรลงคอไปอย่างช่วยไม่ได้

    เสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนโหวกเหวกดังผ่านหน้าห้องน้ำไป ทว่าไม่มีเสียงผู้ใดย่างกรายเข้ามาในห้องน้ำ เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก ส่วนฮาร์คินเงียบฟังเสียงอยู่ชั่วอึดใจ ก่อนกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ

    “ข้าจะออกไปดูลาดเลา เจ้าซ่อนตัวอยู่ในนี้ไปก่อน”

    “เฮ้ย! ไม่เอาอ่ะ!! เกิดระหว่างนายไม่อยู่ พวกนั้นเข้ามาในห้องน้ำฉันจะทำยังไง?!”

    “ก็ไม่ต้องเปิดประตูออกมา” ฮาร์คินตอบหน้าตาย

    “แล้วถ้าเกิดพวกนั้นขู่จะพังประตูเข้ามาล่ะ?!”

    “ก็บอกเขาไปว่านั่งทำธุระอยู่ ใครที่ไหนจะพังประตูห้องน้ำเข้าไปตอนคนอื่นนั่งปลดทุกข์กันล่ะ สมองเจ้ามีไว้คั่นหูหรือไง หัดใช้ซะมั่ง!”

    สิ้นประโยค ฮาร์คินก็เอื้อมมือไปเปิดล็อคกลอนประตู ก่อนมองซ้ายมองขวาแล้วก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว

    จิณณ์ได้แต่ยืนอึ้ง

    ดูมัน... จะทิ้งกันไป ก็ไม่ได้ทิ้งเปล่า ๆ ก่อนไปยังแถมทิ้งท้ายด้วยการหลอกด่าไว้ให้ด้วยอีกแน่ะ!

    หนอย...ไอ้แดง!!!

    ตอนแรกจิณณ์กะว่าจะตั้งชื่อตัวละครของเขาด้วยชื่อไทย ๆ อย่าง ‘นายแดง’ แต่คิดไปคิดมา ตัวละครในนิยายแฟนตาซีมาชื่อ ‘นายแดง’ คงจะไม่ค่อยติดตลาดเท่าไหร่ สุดท้ายก็เลยต้องเปลี่ยนเป็น ‘ฮาร์คิน’ ภาษาไอริชที่แปลว่าสีแดงแทน ส่วน ‘นายดำ’ ก็เปิดเว็บกูเกิ้ลแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น ได้เป็นชื่อ ‘คุโร’

    นี่ชื่อแดงซะเปล่า ใจดำชะมัด!

    มันกลับมาเมื่อไหร่ เขาจะจับมันฆ่าหมกส้วมให้ไปผุดไปเกิดในดินแดนแห่งก้อนอุนจิ!

    ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าตัวที่ไม่อยู่ตรงนั้นได้อยู่ดี สุดท้ายจิณณ์จึงได้แต่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจ

    ทันใดนั้น เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น...

    จังหวะหัวใจของเขาเต้นระรัว ในขณะที่กลั้นลมหายใจลุ้นและเงี่ยหูตั้งใจฟัง

    เสียงน้ำไหลดังขึ้นเพียงชั่วครู่ ก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้าเดินออกจากห้องน้ำไป...

    จิณณ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก

    แค่ชาวบ้านเข้ามาล้างมือเท่านั้น...

    หากแต่โล่งใจอยู่ได้ไม่นาน เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง!

    เขาเงี่ยหูฟังอีก หลับตาภาวนาในใจขอให้ใครคนนั้นรีบ ๆ ทำธุระแล้วก็ไป ๆ เสีย

    หากทว่า...

    ก๊อก ๆ !!

    จิณณ์สะดุ้งโหยงแทบจะตกส้วมเมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่ จิตใจที่ร้อนรนอยู่แล้วยิ่งทวีความกระวนกระวายขึ้นเป็นสองเท่า แต่เขาก็พยายามนิ่งและเงียบที่สุด...

    ก๊อก ๆ !!

    จิณณ์หลับตาแน่น พยายามข่มใจท่องเตือนสติตัวเองว่าเขาเป็นคนมาเข้าห้องน้ำธรรมดา...กำลังนั่งทำธุระอยู่...กำลังนั่งทำธุระอยู่...กำลังนั่งทำ...

    ก๊อก ๆ  ก๊อก ๆ  ก๊อก ๆ  ก๊อก ๆ !!

    “โว้ย!!! เคาะหาญาติผู้ใหญ่ใครวะครับ?! คนกำลังนั่งปลดทุกข์อยู่!!!”

    จิณณ์ลืมตาตะโกนกลับออกไปอย่างหัวเสียเมื่อเสียงเคาะประตูดังถี่ยิบ แต่แล้วเมื่อมองผ่านช่องใต้ประตูออกไป เขาก็เห็นรองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลอ่อนของฮาร์คินที่คุ้นเคย จิณณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกหากก็ยังไม่หายหัวเสีย

    “โถ่เอ๊ย! นายเองทำไมไม่บอก!!” จิณณ์รีบเปิดประตูออกไปคว้าตัวคนตรงหน้าให้รีบเข้ามาหลบด้วยกัน ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าเสียก่อน

    “ทำไมไปนานนัก...!!”

    ประโยคของจิณณ์ที่กำลังจะสวดยาวเป็นชุดกลับต้องชะงักเพียงแค่เริ่มโหมโรงในวินาทีที่เขาได้จ้องมองคนที่ยืนอยู่ในระยะประชิดเต็ม ๆ ตา...

    เอ่อ...

    ไอ้เด็กหน้าตาดีคนนี้มันใครกันล่ะเนี่ยยยย!!!

    จิณณ์จ้องมองคนที่มีความสูงพอ ๆ กัน ซึ่งยืนห่างออกไปเพียงไม่ถึงนิ้วครึ่ง ด้วยดวงตาที่ยังคงเบิกกว้างและสติที่ยังไม่กลับเข้าตัว... เด็กหนุ่มตรงหน้าคงจะอายุน้อยกว่าเขาประมาณปีหนึ่งหรือสองปี เรือนผมนั้นเป็นสีทองทรงสั้นที่มีด้านบนค่อนข้างยาวและเป็นลอนอ่อน ๆ นัยน์ตาสีฟ้าอความารีนกระพริบปริบ ๆ มองเขาด้วยอารมณ์ที่ทั้งอึ้ง ทั้งงง ทั้งตกใจ เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินตัวโคร่งทับเสื้อสีขาว สะพายกระเป๋าย่ามสีดำขนาดใหญ่ที่ขะมุกขะมอมไปด้วยฝุ่นดิน กางเกงที่สวมเป็นกางสีน้ำตาลยาวเลยเข่าที่เน่าไม่แพ้เสื้อกับกระเป๋า ส่วนรองเท้านั้นแน่นอน...

    รองเท้าบู๊ตหนังกลับสีน้ำตาลอ่อนสูงถึงแข้งเหมือนของฮาร์คินไม่ผิดเพี้ยน!!

    โธ่...

    รองเท้าโหลนี่หว่า!!!

    “เอ่อ...ขออภัยขอรับ ไม่ทราบว่าท่านลากข้าเข้ามาในนี้ทำไมหรือขอรับ?”

    คนแปลกหน้ากล่าวถามอย่างสุภาพ จิณณ์ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยใบหน้าที่เริ่มซีด...

    ซวยสนิท! ดันลากเข้ามาผิดตัว!!

    นัยน์ตาสีฟ้าของคนตรงหน้ามองเขาปริบ ๆ อย่างไม่เข้าใจ

    “ข้าเห็นว่าห้องส้วมห้องอื่นมันไม่สะอาด เห็นห้องนี้เงียบอยู่เลยจะลองเคาะดูให้แน่ใจว่ามีคนหรือเปล่าน่ะขอรับ” เจ้าเด็กหน้าตาดีตรงหน้าอธิบาย

    จิณณ์ได้แต่นึกก่นด่าอยู่ในใจ...

    ไม่ต้องอธิบายก็รู้อยู่ว่ามันความผิดเขาเองที่ดันไปลากมันเข้ามาน่ะ!!

    ฮือ...ไอ้เด็กอนามัยเอ๊ย! แค่ส้วมไม่สะอาดแค่นี้ ทีหลังก็เข้า ๆ ไปเถ๊อะ~!

     “เอ่อ...”

    แล้วทีนี้จะแก้ตัวว่ายังไงดีล่ะ?!

    “คือ...”

    เขามองซ้ายขวา ก่อนเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง ทำให้ตัดสินใจตอบแก้ตัวไปเท่าที่จะคิดออกในตอนนั้น...

    “คือพอดีส้วมมันตัน เลยจะชวนมาช่วยกันน่ะ”

    กลัวเด็กนั่นจะไม่เชื่อ เขาเลยหยิบที่ดูดส้วมซึ่งพิงอยู่ข้างผนังส่งใส่มือให้เจ้านั่นด้วย

    เด็กหนุ่มผู้ถูกลากเข้ามามีสีหน้าเหรอหรา แต่จิณณ์ไม่คิดจะอยู่รอให้อีกฝ่ายได้ซักถามอะไรไปมากกว่านั้น เขารีบเอื้อมมือไปเปิดล็อคกลอนประตู และพุ่งตัวหนีออกมาจากห้องส้วมด้วยความเร็วแสง ก่อนถลาตัวเข้าไปพิงอยู่กับอ่างล้างหน้าพร้อมใบหน้าที่แตกยับเยิน

    ลากผู้ชายแปลกหน้าเข้าไปด้วยกันในส้วม! รู้ถึงไหน อายต่อจากนั่นไปอีกสามร้อยโยชน์!!!

    มัวแต่กลุ้มใจกับความขายหน้าของตัวเอง หากเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างหน้าอีกครั้งจิณณ์ก็ถึงกับใบหน้าซีดเผือดจนไร้สี...

    ชายในชุดเครื่องแบบคนขับรถยืนกอดอกแสยะยิ้มให้เขาอยู่ที่นั่นถึงสองคน!!

    โธ่...

    ชีวิตเขาอะไรมันจะซวยได้ขนาดนี้!

     

    ************************************

     

    “ค้นดูให้ทั่วบ้าน อย่าให้หลุดรอดสายตาไปได้! พวกมันต้องจนมุมอยู่ที่นี่แหละ!!”

    เสียงตะโกนสั่งของคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าดังเป็นระยะ ชายเจ้าของบ้านผู้โชคดีที่นอกจากหลังคาบ้านจะพังไปเป็นแถบแล้ว ยังได้รับการบุกรุกจากกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามารื้อค้นบ้านให้วุ่นวายอีก หากเขาก็ได้แต่ยืนอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก ในขณะที่มองคณะคนในชุดซาฟารีสีดำตระเวนตามหาโจรสองคนทั่วทั้งบริเวณบ้านที่ใหญ่โต

    “เฮ้ย!! ระวังหน่อยสิ เดี๋ยวข้าวของข้าเสียหายหมด!!”

    เจ้าของบ้านร้องบอกเมื่อชายคนหนึ่งเกือบจะทำกระถางต้นไม้ของเขาร่วงลงมาจากระเบียงข้างบ้าน

    “นี่ เจ้า เรือนหลังนั้นมันอะไรน่ะ?”

    หัวหน้าทีมตามจับโจรหันมาถามเจ้าของบ้าน ชี้นิ้วไปยังโรงไม้รูปสี่เหลี่ยมหลังใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นโกดังอะไรสักอย่าง

    “นั่นน่ะเหรอ โรงเก็บพวกของรก ๆ น่ะ”

    สิ้นคำตอบของเจ้าของบ้าน เขาก็หันไปสั่งลูกน้องทันที

    “เฮ้ย! พวกเจ้า เข้าไปดูในโรงเก็บของนั่นด้วย!!”

    ลูกน้องสองคนรีบแยกตัวจากคนอื่น ๆ เดินเข้าไปสำรวจโกดังไม้ตามคำสั่ง

    ภายในโรงเก็บของแห่งนั้นค่อนข้างจะสลัว เพราะแสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาทางช่องแคบ ๆ ระหว่างแผ่นไม้ที่ตีเรียงกันเป็นผนังเท่านั้น หากกระนั้นก็พอจะมองเห็นชั้นวางของระเกะระกะมากมายที่มีฝุ่นจับจนเขรอะ ชายทั้งสองเริ่มผลัดกันจามจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจายในอากาศเมื่อพยายามที่จะรื้อค้น

    ในมุมมืดที่ลึกที่สุดของโรงเก็บของ คุโรโอบเซเล็นไว้โดยให้ร่างของเขาบังเด็กสาวจนมิด ส่วนตัวเขาพิงหลบอยู่หลังลังไม้ขนาดใหญ่ที่ซ้อนกันสูงจนบังพวกเขาได้มิดชิด นัยน์ตาสีเทาที่หันไปจับจ้องชายทั้งสองผ่านช่องแคบ ๆ ระหว่างลังไม้นั้นดูเคร่งเครียด

    ชายในชุดซาฟารีสีดำค้นหาใกล้เข้ามายังที่ที่พวกเขาหลบซ่อนมากขึ้นทุกที หากคุโรก็ยังคงนิ่ง เซเล็นจึงได้แต่หลับตากลั้นใจนิ่งตามไปด้วย

    “มันจะอยู่ในนี้แน่เหรอวะ? ข้าก็เห็นมีแต่ของฝุ่นเขรอะพวกนี้” หนึ่งในทีมค้นหาออกความเห็น

    “ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ แต่หัวหน้าสั่งมาก็ต้องทำล่ะวะ หา ๆ ไปเหอะ”

    ทั้งสองจึงยังคงเปิดนู่นค้นนี่ต่อไป

    ทันใดนั้น

    “ฮัดชิ่ว!”

    ละอองฝุ่นที่ฟุ้งกระจายทำให้เด็กสาวเผลอจามออกมา เสียงที่ดังขึ้นทำเอาชายชุดดำทั้งสองสะดุ้งพร้อม ๆ กัน!

    คุโรรีบเอามือปิดปากเซเล็น คิ้วสีดำได้รูปขมวดมุ่น นัยน์ตาสีเทาดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม...

    “ลูกแมวที่ไหนจามวะ?” คนหนึ่งกระซิบถาม

     ทั้งคู่หันมองหน้ากัน ก่อนเริ่มต้นหาต่ออย่างจริงจังขึ้น!

    ทว่าคุโรก็ยังคงนิ่ง...

    จนกระทั่งหนึ่งในนั้นเดินตรงเข้ามาใกล้ลังไม้ และทำท่าจะขยับลังไม้อันบนสุดออก เซเล็นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ วินาทีนั้นมีแต่เพียงเสียงหัวใจของเธอเท่านั้นที่เต้นรัวและแรงจนแทบจะระเบิดออกมา!

    แต่แล้ววินาทีนั้นเอง.... ภายในเงามืด... เด็กสาวก็ได้เห็นในสิ่งที่ทำให้นัยน์ตาสีม่วงต้องเบิกกว้าง

    นัยน์ตาสีเทาลึกลับพลันกลับส่องประกายสีทองสว่างวาบ!!

    โครม!!!!

    ชั้นวางของขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยสิ่งของด้านหน้าใกล้ประตู ล้มครืนลงมากระแทกกับพื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบไปทั่วทั้งโรงเก็บของ!!

    ชายชุดดำทั้งสองไอค่อกแค่กเสียงดังเพราะหายใจเอาฝุ่นเข้าไปเต็มปอด พยายามที่จะเพ่งมองผ่านม่านฝุ่นไปยังชั้นวางของที่ล้มแน่นิ่งอยู่กับพื้นนั้น

    “เฮ้ย!!!! พวกเจ้าทำเสียงอะไรโครมครามในนี้!! ทำของของข้าเสียหายหรือเปล่า?!!”

     เจ้าของบ้านเดินโบกฝุ่นที่ฟุ้งตลบนั้นเข้ามาในโกดังทันทีพร้อมกับเสียงโวยวาย เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งอยู่ค่อย ๆ จางลงจนสามารถมองเห็นชายชุดซาฟารีทั้งสองกับชั้นวางของซึ่งตะแคงล้มอยู่กับพื้น รวมถึงสิ่งของทั้งหลายที่ระเนระนาดกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด เจ้าของบ้านก็ถึงกับโทสะขาดสะบั้น

    “นี่พวกแก! ไอ้พวกบ้า!! ข้าวของข้าเสียหายหมด!! ใครจะชดใช้ให้ข้ากันเนี่ย หา?!!”

    เสียงก่นด่าของเจ้าของบ้านยังคงดังยาวต่อไปอีกหลายชุด

    ทว่าในตอนนั้น...

    ภายในเงามืดที่ลึกที่สุดของโกดัง เบื้องหลังลังไม้ที่ซ้อนกันขึ้นไปจนสูง...

    กลับว่างเปล่าไร้ผู้ใด...

     

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×