คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #11 : บทที่ ๕ พล็อตแรก : เหตุการณ์ขโมยของ (2)
“นี่!
เจ้าจะมาใกล้อะไรข้ามากเนี่ย ถอยไปอีก!”
“ถอยไม่ได้”
“ทำไมจะถอยไม่ได้!”
“จะถอยได้ไงล่ะ มันติดส้วม!”
จิณณ์ตอบก่อนยกมือขึ้นมาบีบจมูกป้องกันกลิ่นอันรุนแรงของห้องส้วมขนาดเล็ก
อันเป็นส่วนหนึ่งของห้องน้ำสาธารณะในเมืองทิศอาคเนย์ที่ฮาร์คินบังคับขืนใจลากเขาเข้ามาซ่อน
“อ้าว
ก็เห็นยืนซะชิดขนาดนี้ คิดว่าเจ้าจะนึกพิศวาสข้าขึ้นมาน่ะสิ”
หนอย
ไอ้....!!!
กำลังคิดจะอ้าปากด่าไอ้คนช่างคิดที่ยืนห่างออกไปไม่เกินสองนิ้วครึ่งเพื่อเสริมความเป็นสิริมงคลให้มันอยู่แล้ว
หากแต่เสียงฝีเท้าของกลุ่มคนที่ดังผ่านหน้าห้องน้ำด้านนอกอย่างกะทันหันนั้นทำให้จิณณ์ต้องกลืนคำอวยพรลงคอไปอย่างช่วยไม่ได้
เสียงฝีเท้าและเสียงตะโกนโหวกเหวกดังผ่านหน้าห้องน้ำไป
ทว่าไม่มีเสียงผู้ใดย่างกรายเข้ามาในห้องน้ำ เด็กหนุ่มถอนหายใจอย่างโล่งอก
ส่วนฮาร์คินเงียบฟังเสียงอยู่ชั่วอึดใจ
ก่อนกล่าวออกมาด้วยเสียงที่ไม่ดังไปกว่าเสียงกระซิบ
“ข้าจะออกไปดูลาดเลา
เจ้าซ่อนตัวอยู่ในนี้ไปก่อน”
“เฮ้ย!
ไม่เอาอ่ะ!! เกิดระหว่างนายไม่อยู่ พวกนั้นเข้ามาในห้องน้ำฉันจะทำยังไง?!”
“ก็ไม่ต้องเปิดประตูออกมา”
ฮาร์คินตอบหน้าตาย
“แล้วถ้าเกิดพวกนั้นขู่จะพังประตูเข้ามาล่ะ?!”
“ก็บอกเขาไปว่านั่งทำธุระอยู่
ใครที่ไหนจะพังประตูห้องน้ำเข้าไปตอนคนอื่นนั่งปลดทุกข์กันล่ะ
สมองเจ้ามีไว้คั่นหูหรือไง หัดใช้ซะมั่ง!”
สิ้นประโยค
ฮาร์คินก็เอื้อมมือไปเปิดล็อคกลอนประตู ก่อนมองซ้ายมองขวาแล้วก็ก้าวออกไปอย่างรวดเร็ว
จิณณ์ได้แต่ยืนอึ้ง
ดูมัน...
จะทิ้งกันไป ก็ไม่ได้ทิ้งเปล่า ๆ
ก่อนไปยังแถมทิ้งท้ายด้วยการหลอกด่าไว้ให้ด้วยอีกแน่ะ!
หนอย...ไอ้แดง!!!
ตอนแรกจิณณ์กะว่าจะตั้งชื่อตัวละครของเขาด้วยชื่อไทย
ๆ อย่าง ‘นายแดง’ แต่คิดไปคิดมา ตัวละครในนิยายแฟนตาซีมาชื่อ ‘นายแดง’
คงจะไม่ค่อยติดตลาดเท่าไหร่ สุดท้ายก็เลยต้องเปลี่ยนเป็น ‘ฮาร์คิน’
ภาษาไอริชที่แปลว่าสีแดงแทน ส่วน ‘นายดำ’ ก็เปิดเว็บกูเกิ้ลแปลเป็นภาษาญี่ปุ่น
ได้เป็นชื่อ ‘คุโร’
นี่ชื่อแดงซะเปล่า ใจดำชะมัด!
มันกลับมาเมื่อไหร่
เขาจะจับมันฆ่าหมกส้วมให้ไปผุดไปเกิดในดินแดนแห่งก้อนอุนจิ!
ถึงจะเจ็บใจแต่ก็ไม่สามารถทำอะไรเจ้าตัวที่ไม่อยู่ตรงนั้นได้อยู่ดี
สุดท้ายจิณณ์จึงได้แต่รออยู่อย่างกระวนกระวายใจ
ทันใดนั้น
เสียงฝีเท้าของใครคนหนึ่งก็ดังขึ้น...
จังหวะหัวใจของเขาเต้นระรัว
ในขณะที่กลั้นลมหายใจลุ้นและเงี่ยหูตั้งใจฟัง
เสียงน้ำไหลดังขึ้นเพียงชั่วครู่
ก่อนที่จะมีเสียงฝีเท้าเดินออกจากห้องน้ำไป...
จิณณ์ถอนหายใจอย่างโล่งอก
แค่ชาวบ้านเข้ามาล้างมือเท่านั้น...
หากแต่โล่งใจอยู่ได้ไม่นาน
เสียงฝีเท้าก็ดังขึ้นอีกครั้ง!
เขาเงี่ยหูฟังอีก
หลับตาภาวนาในใจขอให้ใครคนนั้นรีบ ๆ ทำธุระแล้วก็ไป ๆ เสีย
หากทว่า...
ก๊อก
ๆ !!
จิณณ์สะดุ้งโหยงแทบจะตกส้วมเมื่อมีเสียงเคาะประตูห้องที่เขากำลังซ่อนตัวอยู่
จิตใจที่ร้อนรนอยู่แล้วยิ่งทวีความกระวนกระวายขึ้นเป็นสองเท่า
แต่เขาก็พยายามนิ่งและเงียบที่สุด...
ก๊อก
ๆ !!
จิณณ์หลับตาแน่น
พยายามข่มใจท่องเตือนสติตัวเองว่าเขาเป็นคนมาเข้าห้องน้ำธรรมดา...กำลังนั่งทำธุระอยู่...กำลังนั่งทำธุระอยู่...กำลังนั่งทำ...
ก๊อก
ๆ ก๊อก ๆ
ก๊อก ๆ ก๊อก ๆ !!
“โว้ย!!!
เคาะหาญาติผู้ใหญ่ใครวะครับ?! คนกำลังนั่งปลดทุกข์อยู่!!!”
จิณณ์ลืมตาตะโกนกลับออกไปอย่างหัวเสียเมื่อเสียงเคาะประตูดังถี่ยิบ
แต่แล้วเมื่อมองผ่านช่องใต้ประตูออกไป
เขาก็เห็นรองเท้าบู๊ตสีน้ำตาลอ่อนของฮาร์คินที่คุ้นเคย
จิณณ์ถอนหายใจเฮือกใหญ่อย่างโล่งอกหากก็ยังไม่หายหัวเสีย
“โถ่เอ๊ย!
นายเองทำไมไม่บอก!!” จิณณ์รีบเปิดประตูออกไปคว้าตัวคนตรงหน้าให้รีบเข้ามาหลบด้วยกัน
ก่อนที่ใครจะมาเห็นเข้าเสียก่อน
“ทำไมไปนานนัก...!!”
ประโยคของจิณณ์ที่กำลังจะสวดยาวเป็นชุดกลับต้องชะงักเพียงแค่เริ่มโหมโรงในวินาทีที่เขาได้จ้องมองคนที่ยืนอยู่ในระยะประชิดเต็ม
ๆ ตา...
เอ่อ...
ไอ้เด็กหน้าตาดีคนนี้มันใครกันล่ะเนี่ยยยย!!!
จิณณ์จ้องมองคนที่มีความสูงพอ
ๆ กัน ซึ่งยืนห่างออกไปเพียงไม่ถึงนิ้วครึ่ง
ด้วยดวงตาที่ยังคงเบิกกว้างและสติที่ยังไม่กลับเข้าตัว...
เด็กหนุ่มตรงหน้าคงจะอายุน้อยกว่าเขาประมาณปีหนึ่งหรือสองปี
เรือนผมนั้นเป็นสีทองทรงสั้นที่มีด้านบนค่อนข้างยาวและเป็นลอนอ่อน ๆ
นัยน์ตาสีฟ้าอความารีนกระพริบปริบ ๆ มองเขาด้วยอารมณ์ที่ทั้งอึ้ง ทั้งงง ทั้งตกใจ
เขาสวมเสื้อคลุมสีน้ำเงินตัวโคร่งทับเสื้อสีขาว
สะพายกระเป๋าย่ามสีดำขนาดใหญ่ที่ขะมุกขะมอมไปด้วยฝุ่นดิน
กางเกงที่สวมเป็นกางสีน้ำตาลยาวเลยเข่าที่เน่าไม่แพ้เสื้อกับกระเป๋า
ส่วนรองเท้านั้นแน่นอน...
รองเท้าบู๊ตหนังกลับสีน้ำตาลอ่อนสูงถึงแข้งเหมือนของฮาร์คินไม่ผิดเพี้ยน!!
โธ่...
รองเท้าโหลนี่หว่า!!!
“เอ่อ...ขออภัยขอรับ
ไม่ทราบว่าท่านลากข้าเข้ามาในนี้ทำไมหรือขอรับ?”
คนแปลกหน้ากล่าวถามอย่างสุภาพ
จิณณ์ได้แต่ส่งยิ้มเจื่อน ๆ ด้วยใบหน้าที่เริ่มซีด...
ซวยสนิท!
ดันลากเข้ามาผิดตัว!!
นัยน์ตาสีฟ้าของคนตรงหน้ามองเขาปริบ
ๆ อย่างไม่เข้าใจ
“ข้าเห็นว่าห้องส้วมห้องอื่นมันไม่สะอาด
เห็นห้องนี้เงียบอยู่เลยจะลองเคาะดูให้แน่ใจว่ามีคนหรือเปล่าน่ะขอรับ”
เจ้าเด็กหน้าตาดีตรงหน้าอธิบาย
จิณณ์ได้แต่นึกก่นด่าอยู่ในใจ...
ไม่ต้องอธิบายก็รู้อยู่ว่ามันความผิดเขาเองที่ดันไปลากมันเข้ามาน่ะ!!
ฮือ...ไอ้เด็กอนามัยเอ๊ย!
แค่ส้วมไม่สะอาดแค่นี้ ทีหลังก็เข้า ๆ ไปเถ๊อะ~!
“เอ่อ...”
แล้วทีนี้จะแก้ตัวว่ายังไงดีล่ะ?!
“คือ...”
เขามองซ้ายขวา
ก่อนเหลือบเห็นอะไรบางอย่าง ทำให้ตัดสินใจตอบแก้ตัวไปเท่าที่จะคิดออกในตอนนั้น...
“คือพอดีส้วมมันตัน
เลยจะชวนมาช่วยกันน่ะ”
กลัวเด็กนั่นจะไม่เชื่อ
เขาเลยหยิบที่ดูดส้วมซึ่งพิงอยู่ข้างผนังส่งใส่มือให้เจ้านั่นด้วย
เด็กหนุ่มผู้ถูกลากเข้ามามีสีหน้าเหรอหรา
แต่จิณณ์ไม่คิดจะอยู่รอให้อีกฝ่ายได้ซักถามอะไรไปมากกว่านั้น
เขารีบเอื้อมมือไปเปิดล็อคกลอนประตู และพุ่งตัวหนีออกมาจากห้องส้วมด้วยความเร็วแสง
ก่อนถลาตัวเข้าไปพิงอยู่กับอ่างล้างหน้าพร้อมใบหน้าที่แตกยับเยิน
ลากผู้ชายแปลกหน้าเข้าไปด้วยกันในส้วม! รู้ถึงไหน
อายต่อจากนั่นไปอีกสามร้อยโยชน์!!!
มัวแต่กลุ้มใจกับความขายหน้าของตัวเอง
หากเมื่อเงยหน้าขึ้นมาจากอ่างล้างหน้าอีกครั้งจิณณ์ก็ถึงกับใบหน้าซีดเผือดจนไร้สี...
ชายในชุดเครื่องแบบคนขับรถยืนกอดอกแสยะยิ้มให้เขาอยู่ที่นั่นถึงสองคน!!
โธ่...
ชีวิตเขาอะไรมันจะซวยได้ขนาดนี้!
************************************
“ค้นดูให้ทั่วบ้าน
อย่าให้หลุดรอดสายตาไปได้! พวกมันต้องจนมุมอยู่ที่นี่แหละ!!”
เสียงตะโกนสั่งของคนที่ดูเหมือนจะเป็นหัวหน้าดังเป็นระยะ
ชายเจ้าของบ้านผู้โชคดีที่นอกจากหลังคาบ้านจะพังไปเป็นแถบแล้ว
ยังได้รับการบุกรุกจากกลุ่มคนแปลกหน้าเข้ามารื้อค้นบ้านให้วุ่นวายอีก
หากเขาก็ได้แต่ยืนอึ้งอย่างทำอะไรไม่ถูก
ในขณะที่มองคณะคนในชุดซาฟารีสีดำตระเวนตามหาโจรสองคนทั่วทั้งบริเวณบ้านที่ใหญ่โต
“เฮ้ย!! ระวังหน่อยสิ
เดี๋ยวข้าวของข้าเสียหายหมด!!”
เจ้าของบ้านร้องบอกเมื่อชายคนหนึ่งเกือบจะทำกระถางต้นไม้ของเขาร่วงลงมาจากระเบียงข้างบ้าน
“นี่ เจ้า เรือนหลังนั้นมันอะไรน่ะ?”
หัวหน้าทีมตามจับโจรหันมาถามเจ้าของบ้าน
ชี้นิ้วไปยังโรงไม้รูปสี่เหลี่ยมหลังใหญ่ที่ดูเหมือนจะเป็นโกดังอะไรสักอย่าง
“นั่นน่ะเหรอ
โรงเก็บพวกของรก ๆ น่ะ”
สิ้นคำตอบของเจ้าของบ้าน
เขาก็หันไปสั่งลูกน้องทันที
“เฮ้ย!
พวกเจ้า เข้าไปดูในโรงเก็บของนั่นด้วย!!”
ลูกน้องสองคนรีบแยกตัวจากคนอื่น
ๆ เดินเข้าไปสำรวจโกดังไม้ตามคำสั่ง
ภายในโรงเก็บของแห่งนั้นค่อนข้างจะสลัว
เพราะแสงอาทิตย์ลอดผ่านเข้ามาทางช่องแคบ ๆ ระหว่างแผ่นไม้ที่ตีเรียงกันเป็นผนังเท่านั้น
หากกระนั้นก็พอจะมองเห็นชั้นวางของระเกะระกะมากมายที่มีฝุ่นจับจนเขรอะ
ชายทั้งสองเริ่มผลัดกันจามจากฝุ่นที่ฟุ้งกระจายในอากาศเมื่อพยายามที่จะรื้อค้น
ในมุมมืดที่ลึกที่สุดของโรงเก็บของ
คุโรโอบเซเล็นไว้โดยให้ร่างของเขาบังเด็กสาวจนมิด
ส่วนตัวเขาพิงหลบอยู่หลังลังไม้ขนาดใหญ่ที่ซ้อนกันสูงจนบังพวกเขาได้มิดชิด
นัยน์ตาสีเทาที่หันไปจับจ้องชายทั้งสองผ่านช่องแคบ ๆ
ระหว่างลังไม้นั้นดูเคร่งเครียด
ชายในชุดซาฟารีสีดำค้นหาใกล้เข้ามายังที่ที่พวกเขาหลบซ่อนมากขึ้นทุกที
หากคุโรก็ยังคงนิ่ง เซเล็นจึงได้แต่หลับตากลั้นใจนิ่งตามไปด้วย
“มันจะอยู่ในนี้แน่เหรอวะ?
ข้าก็เห็นมีแต่ของฝุ่นเขรอะพวกนี้” หนึ่งในทีมค้นหาออกความเห็น
“ข้าก็ว่าอย่างงั้นแหละ
แต่หัวหน้าสั่งมาก็ต้องทำล่ะวะ หา ๆ ไปเหอะ”
ทั้งสองจึงยังคงเปิดนู่นค้นนี่ต่อไป
ทันใดนั้น
“ฮัดชิ่ว!”
ละอองฝุ่นที่ฟุ้งกระจายทำให้เด็กสาวเผลอจามออกมา
เสียงที่ดังขึ้นทำเอาชายชุดดำทั้งสองสะดุ้งพร้อม ๆ กัน!
คุโรรีบเอามือปิดปากเซเล็น
คิ้วสีดำได้รูปขมวดมุ่น นัยน์ตาสีเทาดูเคร่งเครียดยิ่งกว่าเดิม...
“ลูกแมวที่ไหนจามวะ?”
คนหนึ่งกระซิบถาม
ทั้งคู่หันมองหน้ากัน ก่อนเริ่มต้นหาต่ออย่างจริงจังขึ้น!
ทว่าคุโรก็ยังคงนิ่ง...
จนกระทั่งหนึ่งในนั้นเดินตรงเข้ามาใกล้ลังไม้
และทำท่าจะขยับลังไม้อันบนสุดออก เซเล็นไม่กล้าแม้แต่จะหายใจ วินาทีนั้นมีแต่เพียงเสียงหัวใจของเธอเท่านั้นที่เต้นรัวและแรงจนแทบจะระเบิดออกมา!
แต่แล้ววินาทีนั้นเอง....
ภายในเงามืด... เด็กสาวก็ได้เห็นในสิ่งที่ทำให้นัยน์ตาสีม่วงต้องเบิกกว้าง
นัยน์ตาสีเทาลึกลับพลันกลับส่องประกายสีทองสว่างวาบ!!
โครม!!!!
ชั้นวางของขนาดยักษ์ที่เต็มไปด้วยสิ่งของด้านหน้าใกล้ประตู
ล้มครืนลงมากระแทกกับพื้นโดยไม่ทราบสาเหตุ
ทำให้ฝุ่นฟุ้งกระจายตลบไปทั่วทั้งโรงเก็บของ!!
ชายชุดดำทั้งสองไอค่อกแค่กเสียงดังเพราะหายใจเอาฝุ่นเข้าไปเต็มปอด
พยายามที่จะเพ่งมองผ่านม่านฝุ่นไปยังชั้นวางของที่ล้มแน่นิ่งอยู่กับพื้นนั้น
“เฮ้ย!!!!
พวกเจ้าทำเสียงอะไรโครมครามในนี้!! ทำของของข้าเสียหายหรือเปล่า?!!”
เจ้าของบ้านเดินโบกฝุ่นที่ฟุ้งตลบนั้นเข้ามาในโกดังทันทีพร้อมกับเสียงโวยวาย
เมื่อฝุ่นที่ฟุ้งอยู่ค่อย ๆ
จางลงจนสามารถมองเห็นชายชุดซาฟารีทั้งสองกับชั้นวางของซึ่งตะแคงล้มอยู่กับพื้น
รวมถึงสิ่งของทั้งหลายที่ระเนระนาดกระจัดกระจายอยู่เต็มไปหมด
เจ้าของบ้านก็ถึงกับโทสะขาดสะบั้น
“นี่พวกแก! ไอ้พวกบ้า!!
ข้าวของข้าเสียหายหมด!! ใครจะชดใช้ให้ข้ากันเนี่ย หา?!!”
เสียงก่นด่าของเจ้าของบ้านยังคงดังยาวต่อไปอีกหลายชุด
ทว่าในตอนนั้น...
ภายในเงามืดที่ลึกที่สุดของโกดัง
เบื้องหลังลังไม้ที่ซ้อนกันขึ้นไปจนสูง...
กลับว่างเปล่าไร้ผู้ใด...
ความคิดเห็น