คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #9 : ตอนที่ 7 พี่รหัสครับ [100%]
ตอนที่ 7 พี่รหัสครับ
หลังจากที่นายอเล็กซ์วางหูจากเพื่อนรักไป ก็แอบรู้สึกผิดเล็กๆที่ปฏิเสธไปแบบนั้น แต่ในเมื่อโอกาสที่มันจะได้มาอยู่กับพี่รหัสสุดลึกลับคนนี้มันก็หายากเหลื๊อเกิน จนนายอเล็กซ์ที่เรียกได้ว่ารักเพื่อนยิ่งชีพ ต้องยอมเสียชื่อเพราะเขาเลยล่ะ ใบหน้าหล่อทะเล้นหม่นลงนิด จนทำให้เพื่อนพี่รหัสทักขึ้น
“เห้ย..น้องเป็นไรวะ”
รุ่นพี่มาดเข้มทักขึ้นเสียงนิ่งพร้อมกับทั้งตัวนั่งลงข้างๆ แบบที่ทำให้นายอเล็กซ์ได้แต่ส่ายหน้าเบาๆ แล้วพูดออกมาเสียงหน่าย
“ไม่มีไรหรอกพี่เบส..ผมแค่เป็นห่วงเพื่อน”
“ใครวะ”
“ไอเจเจน่ะ พี่น่าจะรู้จักนะ หึหึ”
“ไอน้องผู้ชายตัวเล็กๆ หน้าขาวๆนั่นอะเหรอ?...เหอะ มีใครไม่รู้จักบ้างวะ”
ชายหนุ่มพูดออกมาขำๆ แล้วพากันหัวเราะเอิ้กอ้ากกันไปสองคน ก่อนที่อเล็กซ์จะมองหาร่างบางของใครอีกคน
“แล้วพี่บัทล่ะพี่”
อเล็กซ์หันมาถามรุ่นพี่ข้างๆที่ตอนนี้กำลังนั่งยิ้มกริ่มมองสาวๆที่เดินผ่านไปผ่านมา
“ไอบัท...อืม...คงไปหาพี่ตั้มล่ะมั้ง เห็นมีปัญหาอะไรกันไม่รู้วะ”
เบสพูดตอบออกมาเสียงนิ่ง โดยที่ไม่รู้เลยว่าทำให้อีกคนชะงักนิ่งไปแล้ว คิ้วหนาค่อยขมวดกันที่ละนิด ดวงตาคู่คมเจ้าเล่ห์วาวขึ้นนิดเมื่อได้ยินชื่อบุคคลที่สาม
“ใครเหรอพี่..คนชื่อตั้มเนี่ย?”
อเล็กซ์ถามขึ้นอย่างอดไม่ได้ ถ้านึกถึงนิสัยเท่าที่เห็นของพี่รหัสสุดสวยของเขาแล้ว ก็คงไม่ใช่คนที่จะยอมเดินไปหาใครง่ายๆ ถ้าคนๆนั้น....ไม่สำคัญ
ขนาดเรียกเรามาหายังวิ่งหาแทบตาย..แล้วหมอนั่นเป็นใคร ทำไมพี่บัทคนสวยของกูต้องไปหาด้วยวะ!
“จริงสิ..แกคงไม่เคยเจอสินะ พี่ตั้มเขาเป็น...เอ่อ...เรียกว่าไงดีล่ะ”
“….?”
อเล็กซ์เริ่มตีหน้าเครียดเมื่อดูเหมือนว่ารุ่นพี่ข้างๆนี่จะทำท่าอึกอักเวลาต้องพูดถึงสถานะของเขาทั้งคู่ จนทำไอหัวใจด้านๆชาๆมันเริ่มจะร้อนรุ่มขึ้นมานิด สีหน้าติดกังวลที่ทำให้รุ่นพี่ขี้แกล้งยกยิ้มมุมปากขึ้นมาข้างนึง แล้วพูดออกมาเสียงเรียบ
“จะเรียกว่าเป็นคนสำคัญของไอบัทก็ได้นะ....”
กึก!
“คนสำคัญ!!”
อเล็กซ์ชะงักไปทันทีก่อนที่จะรู้สึกตัวแล้วทวนคำพูดขึ้นมาเสียงดังอย่างไม่รู้ตัวเมื่อได้ยินคำตอบจากพี่ชายข้างๆ และเหมือนนั่นจะทำให้เบสหลุดหัวเราะออกมาแล้วพูดต่อ..
“หึ..ยังพูดไม่จบเลย...หมายถึง ลูกน้องคนสำคัญน่ะ”
เบสพูดขึ้นเสียงกลั้วหัวเราะแบบที่กลั้นไม่อยู่จริงๆ อเล็กซ์มองหน้าพี่ชายข้างๆอย่างไม่เข้าใจแต่ก็ไม่ได้ถามอะไรต่อ จนกระทั่งสายตาสองคู่ไปเจอกับร่างบางในชุดนักศึกษาบัญชีที่ดูสะอาดเรียบร้อยไม่ได้หลุดลุ่ยเหมือนคนอื่นๆ ใบหน้าสวยคมเรียบนิ่งกับกำลังหันมาทางนี้ พร้อมกับสายตาที่ทั้งอเล็กซ์และเบสเองก็คิดเหมือนๆกันว่ามันดู...
เย็นยะเยือกซะจนน่าขนลุก...
“นายอเล็กซ์..มานานรึยัง”
บัทเตอร์ถามขึ้นเสียงนิ่งพร้อมกับค่อยๆนั่งลงที่เก้าอี้ฝั่งตรงข้าม ตอนนี้ทั้งอเล็กซ์ เบส และบัทเตอร์ กำลังนั่งอยู่ที่โต๊ะไม้เรียบหรูที่ร้านกาแฟชื่อดัง เมื่อเล็กซ์เห็นว่าคนที่นัดเขามาก็มาถึงแล้ว ก็เริ่มเปิดประเด็นทันที
“สวัสดีครับพี่บัท...ผมก็มานานแล้วเหมือนกันนะครับ แต่ก็ไม่เป็นไรจะนานแค่ไหนสำหรับพี่ผมก็รอได้..แล้วนี่พี่จะดื่มอะไรมั้ยครับ เดี๋ยวผมไปสั่งให้ พี่เรียกผมมาที่นี่มีอะไรรึเปล่าครับ หรือว่าอยากจะมาเจอหน้าน้องรหัสสุดหล่อคนนี้เฉยๆ ถ้าเป็นอย่างงั้นก็ไม่เป็นไรนะครับ ผมพร้อมจะให้พี่คนสวยของผมเจอหน้าได้ทุกเวลาที่ต้องการเลยล่ะครับ”
อเล็กซ์พูดออกมาไม่หยุดเมื่อเห็นว่าบัทเตอร์และเบสไม่มีใครขัด เขาก็พูดต่อไปเรื่อยๆจนเริ่มรู้สึกตัวว่าไม่มีใครตอบรับเขาสักคน ใบหน้าหล่อทะเล้น หันไปมองคนข้างตัวที่ตอนนี้กำลังกลั้นขำอย่างสุดชีวิต กับพี่รหัสตรงหน้าที่ใบหน้าเรียบนิ่งริมฝีปากเหยียดตรงแต่ดวงตาที่เปลี่ยนไปนิด...ถึงแม้ว่ามันจะเปลี่ยนไปแค่นิดเดียวแต่มันก็ทำให้อเล็กซ์รู้สึกเหมือน...
พี่บัททำหน้าเหมือน...กำลังอยากฆ่าคนอย่างงั้นแหละ
“เอ่อ...มีอะไรกันรึเปล่าพี่”
อเล็กซ์ถามออกมาอย่างไม่ค่อยมั่นใจนัก ยิ่งทำให้เบสที่พยายามกลั้นขำมานานหลุดขำพรืดออกมาอย่างช่วยไม่ได้
“ฮ่าๆๆๆ ไอเล็ก..แกไม่รอดแน่ว่ะ”
“……อะไรวะพี่? ผมงงนะเนี่ย”
อเล็กซ์เลิกคิ้วนิดๆอย่างงงๆ แอบชำเรืองมองพี่รหัสคนสวยตรงข้ามอย่างกล้าๆกลัวๆ ถึงแม้เขาจะเจอคนมาหลายรูปแบบ คนที่น่ากลัวมาเป็นสิบๆกันเขาก็เคยเจอมาแล้ว แต่ครั้งนี้อเล็กซ์เองก็ไม่รู้ทำไมเหมือนจะรู้สึกถึงพลังอำมหิตที่มันไม่เหมือนใครจากรุ่นพี่คนนี้
“เมื่อกี้นายเรียกฉันว่าอะไร”
“…เมื่อกี้?”
อเล็กซ์เลิกคิ้วให้บัทเตอร์นิดๆเป็นเชิงถาม แต่บัทเตอร์ก็ไม่ได้ตอบรับแต่อย่างใด ยังคงนั่งกอดอกด้วยสีหน้าเรียบนิ่งอยู่เหมือนเดิม และนั่นทำให้นายอเล็กซ์ต้องคิดหนัก
‘ผมพร้อมจะให้พี่คนสวยของผมเจอหน้าได้ทุกเวลาที่ต้องการเลยล่ะครับ’
------30%-------
“คนสวย?”
“ฮ่าๆ..ตาย..ตายแน่ๆไอน้อง..ฮ่าๆๆๆๆ”
หลังจากที่อเล็กซ์พูดตอบออกมาอย่างไม่ค่อยแน่ใจนัก เบสก็พูดขึ้นแล้วหัวเราะรวน โดยที่บัทเตอร์นั่งหน้านิ่งแต่ดวงตาวาววับด้วยความโกรธ
“นาย อยาก ตาย รึไง”
กึก..
อเล็กซ์ถึงกับชะงักขนลุกซู่ขึ้นมาทันที เมื่อน้ำเสียงเย็นยะเยือก(จากที่ปกติก็น่ากลัวอยู่แล้วตอนนี้ยิ่งทวีคูณความน่ากลัวเข้าไปอีก)ดังขึ้นมา เบสหยุดขำแล้วเลื่อนเก้าอี้ที่ตัวเองนั่งออกห่างจากโต๊ะนิดๆเหมือนกลัวว่าจะโดนลูกหลง จากยะระเวลาที่เขาเป็นเพื่อนกับบัทเตอร์มานานก็พอจะรู้ว่าไอผู้ชายน้ำแข็งนี่มันมีคำต้องห้ามอยู่คำนึง..
ใช่..แล้วไอรุ่นน้องจอมทะเล้นนี่มันพูดออกไปแล้วด้วยล่ะ..
พรึ่บ!!
“เฮ้ยพี่!...”
อเล็กซ์ร้องออกมาด้วยความตกใจเมื่อจู่ๆคนสวย(โหด)ของเขาลุกพรวดขึ้นจากเก้าอี้ใบหน้าที่เคยขาวจนซีด แต่นี้แดงก่ำจนน่าประหลาดใจ แต่ถึงจะอย่างนั้น..ไอ้หนุ่มจอมทะเล้นก็มั่นใจว่าหน้าแดงๆนี่เขาไม่ได้เขินหรอก พี่บัทกำลังโกระมากต่างหากล่ะ!!
ซวยแล้วกู..คราวที่แล้วไปหอมแก้มเขาจนโดนตบกลับมา คราวนี้กูจะโดนกระทืบกลับไปรึเปล่าวะเนี่ย T^T
อเล็กซ์ได้แต่คร่ำครวญในใจ มองหน้าพี่รหัสคนสวย(ยังกล้าเรียก)อย่างอ้อนวอน เอามือลูบแก้มตัวเองแล้วนึกถึงสัมผัสเจ็บแสบจากฝ่ามือเรียวสวยนี่ จนได้แต่ยกสองมือขึ้นกางไว้ระดับอกเหมือนจะบอกให้อีกคนใจเย็นๆ โดยที่ไม่รู้เลยว่า ... ไม่ทันแล้วแหละ
“ใจเย็นนะพี่นะ..คือผม..เอ่อ...ผมพูดผิดน่ะ..ความจริงพี่หล่อต่างหาก”
อเล็กซ์พูดออกมาเสียงนุ่ม ส่งสายตาอ้อนๆแบบที่ไอเจเจยังใจอ่อนมาแล้ว ปากก็พูดแก้ตัวไปเรื่อยๆ อย่างที่ไม่รู้จะพูดอะไร การกระทำที่ทำให้คนที่อ่านใจคนเก่งยิ่งกว่าหมอดูได้แต่หงุดหงิดในใจ..
ลูกผู้ชาย..กล้าพูด..ทำไมมันไม่กล้ารับ!
“นายคิดอย่างงั้นจริงๆ?”
บัทเตอร์ถามเสียงนิ่งเลิกคิ้วเป็นเชิงถาม คำพูดที่เหมือนจะเปิดโอกาสให้นายอเล็กซ์ได้แก้ตัวก็ทำให้อเล็กซ์รีบรับคำเสียงดัง
“จริงคร้าบจริง! ใช่มั้ยพี่เบส....อะ..อ่าว.....โถ่..แม่งหนีไปซะไกลเลย T^T”
อเล็กซ์เอี้ยวตัวไปมองรุ่นพี่ที่ตอนแรกยังนั่งอยู่ข้างๆเขา ตอนนี้ถอยออกห่างจนดูเหมือนจะแยกไปนั่งอีกโต๊ะซะแล้ว ไอ้หนุ่มจอมทะเล้น กันหน้าหล่อๆมามองพี่รหัสของตัวเองด้วยสายตาที่พยายามอ้อนแล้วอ้อนอีกแต่ดูเหมือนอีกคนจะรู้ทันไปซะทุกเรื่อง ใบหน้าสวยคมเรียบนิ่งซะจน คนที่ผ่านไปผ่านมามองยังไงก็คงดูไม่รู้ว่าตอนนี้บุคคลนี้โกรธขนาดไหน แต่นายอเล็กซ์ที่มองเข้าไปในดวงตาคู่คม เหมือนจะเห็นกองเพลิงในดวงตาที่ทำให้รู้ว่า
กูตายแน่...กูไม่รอดแน่..ตายแน่ๆไอเล็กเอ้ย ..
อเล็กซ์บอกตัวเองในใจ มองอีกคนที่กำลังทำหน้าตาน่ากลัวสุดขีด ภาพที่ทำให้นายอเล็กซ์ได้แต่ ยิ้มหล่อๆให้หวังจะทำให้คนสวยโหดตรงหน้าใจอ่อน แต่เหมือนมันจะใช้ไม่ได้ผล อยากรู้มั้ย ทำไม..
ผั๊วะ! ผั๊วะ! ผั๊วะ!!
“โอ๊ยพี่! .. เจ็บนะเฮ้ย...เอ่อ..หมายถึง..ผมเจ็บนะพี่”
“อย่าเรียกฉันแบบนั้นอีก!”
บัทเตอร์ไม่ได้สนใจคำโอดครวญของรุ่นน้องเลยสักนิด แถมยังพูดเสียงเข้มแบบน่ากลัวสุดๆ ให้นายอเล็กซ์ได้แต่โบกมือไปมาเหมือนจะบอกว่า..
“คร้าบบ คร้าบไม่พูดแล้วว T^T”
อเล็กซ์พูดออกมาเอามือลูบแก้มตัวเองแล้วทำหน้าแหยๆ เลือดซิบๆที่มุมปากบ่งบอกได้ว่าตอนนี้ปากแตกไปเรียบร้อยแล้ว เบสที่หนีออกไปสุดโต๊ะพอเห็นว่าเหตุการณ์มันเริ่มปกติก็ขยับเข้ามา
“หึหึ ไอบัท..ยังแรงดีเหมือนเดิมเลยนี่หว่า”
“อยากจะลองอีกคนมั้ยล่ะ”
บัทเตอร์หันไปพูดเสียงเย็นกับเพื่อนรัก ก่อนที่จะตวัดสายตากลับมามองรุ่นน้องที่ตอนนี้ เอาโทรศัพท์ยี่ห้อนั่งขึ้นมาเปิดกล้องหน้าแล้วมองแผลตัวเอง
“เบส..โทรเรียกพี่ตั้มให้ฉันหน่อย”
บัทเตอร์พูดเสียงหน่ายๆ แล้วนั่งลงด้วยสีหน้านิ่งๆ เบสล้วงเข้าไปในกระเป๋ากางเกงยีนส์ตัวเก่ง แล้วกดโทรหาเป้าหมายตามที่เพื่อนรักบอกทันที ภาพที่ทำให้นายอเล็กซ์จ้องไม่วางตา
อีกแล้ว...หมอนั่นอีกแล้ว
“ฮัลโหลพี่...ครับ ผมเอง...ไอบัทมันให้โทรหาน่ะครับ....ครับ...อยู่ที่ร้านแหละครับ...ครับๆ แล้วเจอกัน”
เบสพูดกับปลายสายจบก็กดวางสายแล้วหันมามองหน้าเพื่อนรัก ที่ตอนนี้นั่งไขว่ห้างกอดอกอยู่บนเก้าอี้ไม้ สีหน้าเรียบนิ่งกับดวงตาที่ไร้ความรู้สึก ให้ชวนขนลุก แต่นั่นก็ยังไม่ทำให้ไอหนุ่มทะเล้น รู้สึกรู้สาอะไรเลย
“นี่พี่บัทครับ”
“อะไร?”
“ผมขอถามอะไรหน่อยสิ”
อเล็กซ์พูดออกไปเสียงจริงจัง แววตาซุกซนแสนทะเล้นตอนนี้หลายไปอย่างกับคนละคน ภาพที่ทำให้บัทเตอร์หรี่ตาลงนิด แล้วพูดเสียงนิ่ง
“ว่ามาสิ”
“..คือ....พี่....คือแบบ..”
“อะไรของนาย?”
บัทเตอร์ขมวดคิ้วกกับท่าทางกระอึกกระอักของรุ่นน้อง แล้วถามขึ้นเสียงเรียบจน ทำให้นายอเล็กซ์ที่จริงๆก็ถามคำถามแบบนี้กับสาวๆสวยๆมาเป็นนับร้อยครั้ง แต่ครั้งนี้เขากลับต้องสูดหายใจเข้าลึกๆ แล้วกลั้นใจพูดออกไป
....... ครั้งนี้กูคงไม่โดนตบหรอกมั้ง
“พี่..มีแฟนยังครับ?”
“หืม..นายว่าไงนะ”
“คะ คือ..ผม..ผมถามว่า..พี่มีแฟนยัง”
“แฟนเหรอ....เหอะ นี่นายจะถามแค่นี้จริงๆ?”
บัทเตอร์หัวเราะออกมานิดๆ กับคำถามที่ไอรุ่นน้องตรงหน้ามันถึงกับทำหน้าเครียดขนาดนี้ คิ้วเรียวสวยยกขึ้นนิดๆ พร้อมกับมุมปาก ภาพที่ดูผ่อนคลายของร่างบางทำให้นายอเล็กซ์ยิ่งสงสัยเข้าไปอีก
“ครับ..ตกลงพี่มีแฟนรึยัง..หรือว่า....”
“หรือว่าอะไร?”
บัทเตอร์ต่อคำเพื่อให้อีกคนพูดตอบ ก่อนที่จะเอนสายตามองไปยังเพื่อนรักที่ยืนกอดอก พิงโต๊ะข้างๆอยู่ยิ้มๆ จนต้องหันหน้ากลับมามองคนตรงข้ามที่กำลังทำท่าลังเล เหมือนไม่แน่ใจว่าควรพูดรึเปล่า
“..คนที่ชื่อตั้ม..”
“ทำไม?”
“พี่กับคนที่ชื่อตั้มเป็นอะไรกันครับ? แล้วถ้าผมจะขอบอกว่า ผมชอบพี่ได้รึเปล่า?”
--------50%-------
เจเจ
หลังจากที่ไอตินมันพูดประโยคนั้นออกมาก็เหมือนโลกของผมมันหยุดหมุน แบบจะเหมือนว่าหัวใจมันหยุดเต้นไปแล้ว
‘อย่าร้องนะครับ...กูจะชอบใครอีกได้ยังไง...ในเมื่อกูรักมึงไปแล้วเจเจ’
เสียงทุ้มนุ่มที่ทำให้ผมหยุดนิ่งอย่างน่าแปลกใจ ผมมองหน้ามันด้วยความไม่เข้าใจ นี่มันกำลังบอกรักผมอีกแล้วใช่มั้ย..มันกำลังพูดสิ่งๆนั้นออกมาอีกแล้ว.. มันจับหัวผมซุกลงกับอกอุ่นๆของมัน ผมมองผ่านม่านน้ำตาออกไป เห็นเหมือนลูกน้องของผมก็มองเข้ามาด้วยความสงสัย แล้วเห็นแบบนั้น ผมก็เลยรีบผลักมันออกห่างทันที
พรี่บ!!
“มะ..มึงพูดอะไรของมึงติน”
“เจครับ..นี่มึงยังไม่เข้าใจอีกรึไง..ความรู้สึกของกูน่ะ... มึงยังไม่เข้าใจอีกเหรอ”
“……..”
ผมถอยห่างมันออกมานิดๆ ก้มหน้ามองปลายเท้าของตัวเองอย่างที่ไม่รู้ว่าต้องทำยังไง มันพูดออกมาแบบนี้แล้วผมจะกล้ามองหน้ามันได้ยังไง! ทำไมนะ ทำไมมันต้องมาพูดเรื่องพวกนี้ด้วย!
“เจครับ กูขอโทษ..กูไม่ได้ตั้งใจให้มึงอึดอัด..”
“กะ..กูอยากกลับบ้าน..กลับบ้านนะ”
ผมพูดบอกออกไป ได้ยินเสียงไอตินมันถอนหายใจนิดๆ ไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะโล่งอกหรือว่าเหนื่อยใจกันแน่ แต่ถึงอย่างนั้นมันก็ยังพยักหน้ารับ แล้วเดินเข้ามากอดคอผม
“กะ...กอดคอทำไม”
“อ่าว..ทำไมล่ะ?”
ไอตินมันกันกลับมาตีหน้าซื่อถามผมกลับ โดยที่ผมก็คิดว่ามันเองก็น่าจะรู้อยู่แล้วว่าผมหมายความว่ายังไง
“…….”
“มึงอึดอัดเหรอ?”
“…….”
“เฮ้อ...กูขอโทษนะ...กูจะไม่พูดมันอีก ป่ะ กลับบ้านครับ^^”
มันพูดจบก็ยังไม่ได้ปล่อยตัวผมไปไหน แถมยังออกแรงดึงให้เดินออกไปด้วยกัน ลูกน้องของผมมองมาที่เราทั้งคู่เป็นตาเดียว ไม่ใช่อะไรหรอกครับ ก็ตาผมมันบวมเปล่งขนาดนี้ แถมก่อนออกมาผมยังโวยวายเสียงดังลั่น ถึงผมจะงอแงกับไอตินบ่อยแค่ไหนแต่ผมคิดว่าไอพวกนี้มันก็คงไม่ชินหรอกมั้งครับ เหอๆ
-------------------------------------------------
ติน
“เจครับ...วันนี้จะทำอะไรกิน?”
เรานั่งรถด้วยกันมาผมก็หาเรื่องชวนอีกคนคุยมาตลอดทาง ถึงจะรู้อยู่ว่ามันก็ยังคงอึดอัดอยู่บ้างกับสิ่งที่ผมพูดไป แต่ผมจะไม่รออีกแล้ว ไอเวลาเกือบ 10 ปี ที่ผ่านมานี่มันก็มากพอที่จะบอกได้ชัดเจนแล้วว่าผมรักมันมาก รักมากกว่าคำว่าเพื่อน ไม่ใช่ความรักแบบเด็กๆ เหมือนที่ผมเคยมีเมื่อก่อน
“แล้วมึงอยากกินอะไรล่ะ”
ไม่วายที่มันจะถามคำถามประจำตัว ทุกๆครั้งที่ผมหรือไอเล็กถามแบบนี้มันก็มักจะพูดว่า..
‘ไอตินมันอยากกินอะไร กูก็ทำอันนั้นแหละ’
หรือไม่ก็....
‘แล้วแต่ไอตินมัน..’
เห็นมั้ยครับว่ามันน่ารักขนาดนี้ คุณจะไม่ให้ผมหลงมันจนโงหัวไม่ขึ้นได้ยังไงกัน? ถึงแม้ว่าเราจะโกรธกันหรือทะเลาะกันยังไง มันก็ยังคงใส่ใจในรายละเอียดเล็กๆของผมอยู่เสมอ ..ก็นะ หน้าที่ภรรยาที่ดีไงล่ะ หึ
“ยิ้มอะไรของมึงติน...บ้าไปแล้วรึไง?”
“ก็คนมันมีความสุขนี่ครับ”
“เหอะๆ กูว่ากูควรจะพามึงไปตรวจสุขภาพจิตสักหน่อยแล้วล่ะ”
เจเจมันหัวเราะแหย่ๆ แล้วมองออกนอกหน้าต่าง ผมขับรถอยู่อีกไม่นานก็คงถึงบ้านของมันแล้วล่ะครับ ผมขับรถไปเรื่อยๆอย่างไม่รีบร้อน ผมไม่ใช่คนชอบความเร็ว ไม่ได้ชอบการแข่งขันเหมือนเจเจมันหรอกครับ จะเรียกว่าผมกับมันต่างกันคนละขั้วเลยก็ว่าได้...แต่มันนั่นแหละ ที่ทำให้ผมอยากจะเป็นแบบนี้ อยากจะเป็นคนที่เติมเต็มในสิ่งที่มันไม่มีแบบนี้
“กูว่านี่ถ้ามึงไปแข็งรถที่สนามกู มึงคงแพ้ราบว่ะติน”
นั่นไงครับ เพิ่งจะบอกพวกคุณไปหยกๆ ว่าผมไม่ชอบความเร็ว แต่ไอคนที่มันเล่นเปิดสนามแข่งรถเป็นของตัวเอง มีหรือจะไปเข้าใจ ชีวิตมันผมก็เห็นวันๆมีแต่ เรียน สนามแข่ง แล้วก็ดนตรีเท่านั้นแหละครับที่สำคัญสำหรับมัน เอ่อ... อีกอย่างนึงก็ คงจะเป็นผมแหละมั้งครับ
“ก็ไม่เห็นต้องรีบเลยนี่ครับ..บ้านไม่หนีไปไหนซะหน่อย”
“เออๆ แล้วแต่มึงเถอะ”
“คร้าบบบ คุณหนู”
ผมตอบรับไปขำๆ เจเจมันก็ปรับเบาะเอนแล้วนอนไปอย่างสบายใจ ผมมองเสี้ยวหน้าหวานแล้วยกยิ้มนิดๆ ก่อนที่จะมาให้ความสนใจกับเส้นทางตรงหน้าต่อ และไม่นานเราก็มาถึงในเวลาสองทุ่มกว่าๆ..
“อื้ออออออ...เมื่อยจังติน”
“หึหึ ก็เล่นนอนหลับแบบนั้นในรถ ไม่เมื่อยก็แปลกครับ”
“ชิส์ ก็มึงขับอย่างกับเต่าคลาน กูก็ง่วงสิ”
“ครับๆ เข้าบ้านไป ยุงเยอะ”
ผมพูดแค่นั้นแล้วก็ดันหลังให้อีกคนเดินเข้าบ้านไป ส่วนตัวเองก็จัดการผิดบ้านและเช็คความเรียบร้อยนิดหน่อย ก่อนที่จะตามเข้าไปเช่นกัน และภาพน่ารักๆ ที่ผมเห็นก็ไม่ใช่อะไรเลย
ไอผู้ชายตัวเล็กๆ ผมสีน้ำตาลอ่อนๆของมันมัดจุกเอาไว้ที่กลางหน้าผาก เสื้อเชิ้ตนักศึกษาสีขาวปลดกระดุมสองเม็ดบนเอาไว้ ส่วนกางเกงยีนตอนนี้ถูกพาดไว้บนเก้าอี้หน้าคอมพิวเตอร์เรียบร้อย ส่วนที่มันใส่อยู่ตอนนี้น่ะเหรอ... บล็อกเซอร์ตัวจิ๋วสีม่วงที่ผมเป็นคนซื้อให้นั่นแหละครับ
นี่มันกะจะยั่วกันตั้งแต่หัวค่ำเลยรึไง?
--------------70%------------
ผมเดินเข้าไปหามัน แล้วมันก็หันมามองผมตาแป๋ว ก่อนที่จะหันกลับไปมองหน้าจอทีวีตรงหน้าอีกครั้ง ผมนั่งลงที่ที่ว่างข้างๆมัน แต่ดูเหมือนมันก็ไม่ได้หันมาสนใจผมเท่าไหร่นัก เพราะตอนนี้บนหน้าจอขนาด 16 นิ้ว กำลังฉายภาพนักฟุตบอลชื่อดัง
“เจเจกูหิวว่ะ”
ผมพูดออกมาจริงๆไม่ได้หิวหรอกครับ ก็จะหิวได้ยังไงในเมื่อไม่กี่ชั่วโมงที่ผ่านมาผมก็เพิ่งจะไปกินข้าวมา แต่ผมก็อยากจะให้มันหันมาสนใจผมสักนิด ผมมั้ยล่ะครับ
“อืม..แปบนะ”
!!!!!!
นี่คือสิ่งที่ทำเอาผมอึ้ง อ้าปากค้าง ยากนะครับที่จะได้ยินคำพูดแบบนี้ น้ำเสียงเหมือนพูดตอบไปส่งๆแบบนี้ ขนาดตอนนี้มันพูดกับผมมันยังไม่ยอมหันหน้ามามองผมเลยสักนิด!
“หล่อจัง คิคิ><”
ไอเจเจของผมมันพูดแล้วหัวเราะคิกคักอยู่คนเดียว หมอนอิงที่อยู่บนตักมัน มันเอาเล็บจิกแน่นเหมือนกำลังฟินสุดขั้ว.. ซึ่งนั่นทำให้ผมเริ่มจะหงุดหงิดขึ้นมาซะดื้อๆ
“เจครับ..”
“หืม”
“เจเจครับ หันมานี่หน่อย”
“อะไรเล่า”
มันพูดตอบผมแต่ก็ยังไม่ยอมหันหน้ามามองผมสักที จนผมเริ่มจะฉุน คุณคงไม่รู้สินะ ว่าจริงๆแล้วผมมันเป็นพวกเลือดร้อน อารมณ์ร้อน แต่ผมแค่เลือกที่จะแสดงอีกด้านให้อีกคนเท่านั้น แต่ตอนนี้มันกำลังทำให้ผมแสดงด้านที่มันไม่ค่อยชอบเท่าไหร่นัก..
“เจเจ”
“จิ๊! ไอนี่ก็เรียกจัง!”
หมับ!
“อ๊ะ!”
ทันทีที่มันหันมาแล้วจิ๊ปากใส่ผม ผมก็ล็อกท้ายทอยมันไว้แน่น แบบที่จะไม่ให้มันหันหน้ากลับไปได้อีก ผมคิดว่า ผมก็หน้าตาดีนะ...แล้วทำไมล่ะ ทำไมไม่มองผม ไปมองไอหมอนั่นทำไม!
“ตะ..ติน...เป็นอะไร..เจ็บ..”
ไอเจมองหน้าผมด้วยสายตาสั่นๆ ดูหน้าสงสาร ดวงตาโตๆของมันมีเริ่มจะแดงขึ้นทีละนิด มือเล็กๆของมันก็ยกขึ้นมากุมมือผมที่บีบอยู่ที่ท้ายทอยมันเหมือนจะย้ำว่าตอนนี้ผมกำลังทำร้ายมันอยู่
ปกติผมคงจะอ่อนโยนกับมันมากไปสินะ..
“มองหน้ากูสิ”
“…..อะไร”
มันทำสีหน้าไม่เข้าใจ แล้วถามผมเสียงแผ่ว น่าสงสารนะ แต่ผมไม่คิดที่จะอ่อนข้อให้มันตอนนี้ .. ในเมื่อเวลาเกือบ 10 ปี มันยังไม่ทำให้มันยอมรับความรู้สึกของตัวเอง ผมก็จะใช้เวลาคืนนี้ทั้งคืนทำให้มันยอมรับหัวใจของมันให้ได้
“กูบอกให้มองหน้ากู”
“…ฮึก เจ็บ..”
นั่นไง กูว่าแล้ว..ร้องอีกแล้ว!
มันสะอื้นออกมาแล้วตัวสั่นไปทั้งตัว น้ำตาใสๆของมันค่อยๆไหลลงมาช้าๆ มือข้างที่ผมบีบท้ายทอยมันอยู่ก็จำต้องคลายออกนิดแต่ก็ยังไม่ปล่อยให้มันเป็นอิสระ ผมเคลื่อนตัวเข้าใกล้มันขึ้นอีกนิด ตรงข้ามกับมันที่พยายามถอยห่างผมจนหลังติดพนักวางแขนของโซฟาตัวใหญ่ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้สีหน้าผมเป็นยังไง แต่ผมคิดว่ามันคงดูหน้ากลัวมาก ที่อย่างงั้นไอเจมันคงไม่มีท่าทีตื่นกลัวได้ขนาดนี้หรอก
เจเจ
ผมไม่รู้ว่ามันเป็นอะไร แล้วผมก็ไม่รู้ว่าผมทำอะไรผิด ไอตินมันถึงได้ทำท่าทางเหมือนจะขย้ำผมให้แหลกไปซะตรงนี้ ผมสะอื้นออกมาอย่างช่วยไม่ได้ ก็ผมเคยบอกแล้ว ว่าผมมันเป็นพวกอ่อนไหวง่าย ขี้แง บ่อน้ำตาตื้นโคตรๆ ไอตินมันขยับเข้ามาใกล้ผมจน ตอนนี้แทบจะเหมือนมันนั่งคร่อมผมอยู่แล้วนะ!
“ติน..ปะ..ปล่อย”
ผมพูดออกไป พยายามคุมเสียงตัวเองไม่ให้สั่น แต่เหมือนมันจะช่วยไม่ได้สักเท่าไหร่นัก ไอบ้าตินมันก็ยังไม่ยอมลุก มันยังคงจ้องหน้าผมเหมือนอยากจะกินผมเข้าไปทั้งตัว
“เจเจ กูจะทนไม่ไหวแล้วนะ..กูทนมานานแล้ว..”
“อะ..อะไร...มึง..พูดเรื่องอะไร”
คำพูดกำกวมของผมทำเอาผมรู้สึกวาบหวามในอกแปลกๆ เหมือนมันซ่อนความหมายอะไรบางอย่างไว้ในนั้น ซึ่งผมไม่เข้าใจ นี่มันกำลังพูดถึงเรื่องอะไรกันแน่วะ!
“นี่มึงไม่รู้จริงๆเหรอเจ...มึงไม่รู้จริงๆเหรอ ความรู้สึกของกูน่ะ..”
“……..”
ผมนั่งเงียบตัวแข็งทื่อ กับสิ่งที่มันพูด แววตามันดูผิดหวัง ดูท้อกับสิ่งที่มันกำลังทำ แต่นั่นมันก็ยังทำให้ผมไม่เข้าใจ แต่เหมือนมันมีอะไรบางอย่าง...ที่ผมไม่อยากจะยอมรับมัน..และหวังว่ามันคงจะไม่ได้เป็นไปอย่างที่ผมคิด
มันคงจะไม่ได้จะพูดคำๆนั้นอีกใช่มั้ย..
“กูรักมึงไงเจ..กูรักมึง..กูรักมึ..กูรักมึง! มึงเข้าใจได้รึยัง!!”
“!!!!!”
ผมเบิกตากว้างหัวใจเต้นระรัว ใช่..มันเป็นสิ่งที่ผมคิด แต่ครั้งนี้มันไม่ได้เหมือนครั้งอื่นๆ มันไม่ได้อ่อนโยน ไม่ได้หอมหวานเหมือนที่มันเคยพูด แต่มันเหมือนว่ามันกำลังจะพยายามตอกย้ำว่ามันรัก.. มันกำลังพยายามทำให้ผม เข้าใจและยอมรับ ซึ่งมันเป็นสิ่งที่ยาก...ยากสำหรับผม
ตั้งแต่วันนั้นที่เราจูบกันบนเตียง..ความรู้สึกแปลกประหลาดมันก็เกิดขึ้นกับผมทุกๆครั้งที่ผมอยู่ใกล้มัน คำพูดของมันแต่ละคำเหมือนแฝงอะไรบางอย่างอยู่ในนั้น แต่เหมือนมันจะพยายามพูดสิ่งนี้มานานแล้ว นานก่อนที่มันจะบอกผมว่ามันรู้สึกยังไง แต่เป็นผมเอง .. เป็นผมที่พยายามที่จะไม่ยอมรับ และปิดหูปิดตาทำเหมือนว่าไม่รู้อะไร ทั้งๆที่หัวใจของผมมันก็เต้นจังหวะผิดเพี้ยนมาตั้งแต่วันแรกที่เราเจอกัน..
ย้อนเวลา..
‘ฮึก...ครูฮะ..ฮึกก..แม่ผม..พ่อผม..เขา..ฮึก เขาไปแล้ว..เขาไม่อยู่กับผมแล้ว’
‘ครูเสียใจด้วยนะ จิราวัตร์...อ่าวนี่..นายราติณท์..มาดูเพื่อนหน่อยสิ ครูต้องไปประชุม’
วันนั้นที่ผมเอาแต่ร้องไห้ฟูมฟายถึงพ่อแม่บังเกิดเกล้าที่จากผมไปด้วยอุบัติเหตุ ผมไม่มีใคร ผมไม่มีที่พึ่ง ญาติพี่น้องของผมก็พากันรังเกียจผม แล้ววันนั้น ก็ทำให้ผมได้เจอกับเด็กผู้ชายในชุดนักเรียนสภาพหลุดลุ่ย ที่มองยังไงก็ดูน่ากลัว ไม่น่าไว้ใจเลยสักนิด..แต่นั่น เพิ่งทำให้ผมรู้ ว่าผมไม่ควรมองใครจากภายนอก
‘นี่..เป็นอะไร?’
น้ำเสียงทุ้มๆอ่อนละมุนดังออกมาจากเด็กผู้ชายคนนั้น มันทำเอาหัวใจของผมเต้นแปลกๆ ใบหน้าหล่อใสที่กำลังมองผมด้วยแววตาสงสัย
‘ฮึก..ชื่ออะไร..’
ผมไม่ได้ตอบคำถามของเขา แต่ผมถามเขากลับไปพร้อมกับสะอื้น ซึ่งนั่นทำให้เขาคนนั้นเลิกคิ้วขึ้นนิด ก่อนจะนั่งลงข้างๆผม
‘กูเหรอ?..กูชื่อติน มึงล่ะ?’
ในเมื่อเขาเห็นว่าผมไม่ได้ตอบคำถาม เขาก็ไม่คิดที่จะซักไซ้อะไร เขาหันมามองผมแล้วเหมือนจะนิ่งค้างไปนิด
‘เจเจ..ชื่อเจเจ’
และตั้งแต่วันนั้น..ผมก็มีเด็กผู้ชายที่ดูท่าทางเกเรคนนี้คอยดูแลปกป้องผมอยู่ตลอดเวลา เขาเป็นคนเดียวที่ทำให้ผมรู้สึกอบอุ่น รู้สึกปลอดภัยเวลาอยู่ใก้ลๆ เขาเป็นคนที่เอาคำว่า ‘โดดเดี่ยว' ออกไปจากชีวิตผม แล้วหยิบยื่นคำว่า ‘เรา’ มาให้..
-อัศวินดาบชมพู-
100%---------------------------------------100%
-มาแล้วจ้า คราวที่แล้วบอกจะมี NC แต่ก็ไม่มี แหะๆ โทษทีน้า เอาไว้ตอนหน้ามีแน่นอนจ้า แต่ตอนหน้าจะขอแนะนำชีวิตครอบครัวของบัทเตอร์ของเราก่อนนะคะ แล้วเดี๋ยวจะรีบเอาจากสุดฟินของคู่หลักมาให้น้า
-ขนาดนานๆลงทีคอมเมนต์ยังไม่มี แบบนี้ลงเดือนเว้นเดือนดีมั้ยเนี่ย! หึหึ
**ขอบคุณที่ติดตามค่ะ**
ความคิดเห็น