คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 ความรู้สึกลึกๆ [100%]
ตอนที่ 6 ความรู้สึกลึกๆ
หลังจากที่เจเจพูดออกไปอย่างนั้น ก็เหมือนกับไปสะกิดอะไรบางอย่างในตัวของนายราติณท์ ร่างสูงยกยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้ เจเจที่กลั้นใจพูดออกไปขณะนี้กำลังกำมือแน่น หน้าแดงก่ำด้วยความอาย
“พูดอีกทีสิครับ”
“พะ..พูดอะไร”
“พูดแบบเมื่อกี้ไง”
ตินพูดขึ้นเสียงนุ่ม พร้อมกับก้าวขายาวๆ เข้ายืนอยู่ใกล้ๆร่างเล็ก ใบหน้าหล่อคมกำลังยกยิ้มอ่อนละมุน แล้วลูบหัวเพื่อนรักเบาๆ
“น่ารัก”
“งื้อออออ น่ารักบ้านมึงสิ! >////<”
เจเจหมันตัว หันหลังให้ติน แล้วพูดว่าออกมากลบกลื่นความเขิน โดยที่นายราติณท์ ก็ได้แต่มองอีกคนด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและหวงแหน
ก็มันน่ารักขนาดนี้...เราจะไปไหนรอดวะ
ตินพูดกับตัวเองก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ มองเลยไปนิดก็เห็นไอเพื่อนสองคนมันกำลังยืนมองยิ้มๆอยู่ไกลๆ แล้วเขาก็คิดว่ามันคงมองอยู่นานแล้ว พอทั้งสองเห็นว่าตินหันไปมอง อเล็กซ์ก็รีบหันหลังให้แล้วทำเป็นไม่สนใจ ส่วนแทนก็ยังคงยืนนิ่งๆ แล้วมองมายิ้มๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาระดับอก แล้วชูนิ้วโป้งให้
“หึหึ เจครับ ไปเรียนเถอะ”
“จะไปก็ไปสิ! กูจะรอไอเล็กไอแทน”
“แต่ถ้าพวกเรายังไม่ไป พวกมันก็คงจะไม่มาหรอกครับ”
ตินพูดขึ้นยิ้มๆ ทำให้เจเจต้องหันหน้ากลับมามองนิดๆ ก่อนที่คิ้วเรียวสวยจะขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ
“ทำไมล่ะ?”
“หึหึ ไปครับ”
ตินเลือกที่จะไม่ตอบถามแต่เดินเข้าไปจับแขนของอีกคนแล้วออกแรงดึงให้ไปพร้อมกัน
-------------------------------------------------------------------
“นี่ ไอเจ..วันนั้นมึงบอกจะให้กูไปกินข้าวที่บ้านมึง กูยังไม่ได้ไปเลยนะ”
“เออว่ะ...งั้นก็ไปสิ ไปพร้อมกันเลย”
เจเจพูดตอบเพื่อนเสียงใส พรางพยายามจะกระโดดกอดคอไอหนุ่มมาดเข้ม ทั้งๆที่น่าจะรู้ตัวว่าส่วนสูงมันต่างกันราวกับฟ้ากับดิน แต่ไอตัวเล็กมันก็พยายามกระโดดกอดจนได้แหละว่ะ!
“มึงเกาะขนาดนี้ ขี่คอกูเลยมั้ย หึหึ”
“ฮ่าๆ ได้เหรอ เอาๆ ย่อตัวดิๆ”
เจเจพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาอยย่างร่าเริง แล้วไม่ลืมที่จะยักคิ้วให้อีกคนอย่างท้าทาย จนนายธนินท์หรือไอ้แทน ได้แต่ยิ้มขำ แล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนที่จะเดินนำออกมา
“เจเจล่ะ”
ตินถามขึ้นทันที เมื่อเห็นแทนเดินมาคนเดียว คำถามที่ทำให้ไอหนุ่มแบดบอย พยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังเขา ที่มีร่างบางของใครบางคนกำลังยิ้มทักทายเพื่อนๆในคณะอย่างอารมณ์ดี
“นี่ไอติน วันนี้แทนมันไปกินข้าวบ้านกูนะ”
“หืม? วันนี้เหรอ”
“อือ ความจริงนัดมันไว้ตั้งแต่วันก่อนนั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปสักที”
เจเจพูดขึ้นแล้วหันไปมองเพื่อนอีกคนด้วยสายตาสำนึกผิด ก่อนที่จะหันมาสนใจกับคู่สนทนาอีกครั้ง ริมฝีปากบางยกยิ้มกว้างออกมา ดวงตาคู่โตส่งประกายวิบวับออกมาอย่างไม่รู้ตัว ภาพที่ไอเพื่อนตัวโตทั้งสามยอมรับว่าจะมองมุมไหนมันก็ดูน่ารักไปหมดนั่นแหละ แต่ก็ไม่วายที่จะทำให้นายราติณท์รู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดเมื่อนึกถึงคำที่ต้องพูดออกมาหลังจากนี้...
“แต่กูนัดน้องพีมไว้”
ใช่ เขามีนัดแล้ว ในเมื่อ เมื่อตอนเช้าทั้งเขาและทั้งเพื่อนของเขาทำกิริยาไม่ค่อยดีใส่น้องไว้นัก เลยต้องจำใจตกลงที่จะพาน้องไปกินข้าวหลังเลิกเรียน แต่ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนี้จะไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่นัก
“นัดมันทำไม!”
เจเจถามขึ้นอย่างฉุนๆ คิดว่าจะเลิกโวยวายใส่มันเรื่องเด็กบ้านั่นสักที เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่นัก เวลาที่ไม่ได้คุยกับติน แต่ถ้ามันยังทำตัวเหมือนชอบเด็กนั่นมันก็คงทำให้ความอดทนเขาหมดได้ง่ายๆ
“ก็เมื่อเช้า ทิ้งน้องเขามาซะดื้อๆ มันเสียมารยาทนะครับ”
“นี่มึงว่ากูเหรอ”
เจเจพูดขึ้นเสียงนิ่งจ้องตาอีกคนเขม็งราวกับว่านี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่กำลังบังคับให้มันบอกว่าเขาไม่ผิด เด็กนั่นต่างหากที่ผิด!
“เฮ้อ...เปล่าครับ งั้นเราพาน้องเขาไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับบ้านได้มั้ย?”
“เหอะ! เราเหรอ? ใครจะไปกับมึงห๊ะ!!”
“เจเจไม่เอาหน่า...อย่าเป็นแบบนี้สิครับ..อยากให้กูไปกับน้องเขาสองคนรึไง หื้ม?”
ตินพูดขึ้นเสียงนุ่ม ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน ขณะนี้ทั้งสองอยู่ที่ลานจอดรถของมหาลัย โดยที่ไอเพื่อนตัวดีทั้งสองตอนนี้มันก็ยังคงนั่งส่องสาวอยู่ใกล้ๆ โดยที่ไม่มีใครรีบร้อนจะกลับไปไหนเลยสักคน เจเจมองคนตรงหน้าด้วยสายตาขุ่นๆ แต่ก็อดใจสั่นไม่ได้เมื่อมันมาทำตัวอ่อนโยนด้วยแบบนี้
“ถ้ากูไปด้วย...มึงต้องสนใจกูมากกว่ามันนะ”
“หึหึ ครับ”
“มึงต้องเดินกับกู ห้ามไปเดินใกล้มันด้วย!”
“รับทราบครับผม”
ตินตอบรับยิ้มๆ แล้วพูดอย่างเอาใจ พอที่จะทำให้ร่างเล็กอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง เจเจมองหน้าเพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ) ก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมาบางๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ภาพน่ารักๆ ที่ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะพูดแซ่วออกมา
“เขินน่ารักดีนะครับ”
“อะ..อะไร..ใครเขิน! บ้าแล้วมึงเนี่ย”
เจเจพูดออกมาเสียงแข็ง โวยวายกลบกลื่นแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู อย่างรีบๆ นายราติณท์ก็ได้แต่หันไปมองเพื่อนทั้งสองที่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้แล้วส่งสายตาที่แตกต่างกันออกไปให้สาวๆใจละลายเล่น คนนึงก็ส่งสายตาเจ้าชู้แสนกะล่อนไปบั่นทอนใจสาวๆ อีกคนก็ส่งสายตาที่คาดเดาไม่ได้เชิญชวนให้สาวๆเข้ามาค้นหา
“นี่ พวกมึงอะ..เดี๋ยวกูกับไอเจพาน้องพีมไปกินข้าวก่อน แล้วเย็นๆพวกมึงค่อยไปกินข้าวบ้านไอเจมันแล้วกัน”
“เออ..แล้วพาไอเจกับน้องพีมไปเจอกันมันจะดีเหรอวะ”
อเล็กซ์หันมาหาตินแล้วพูดถามออกมาอย่างกังวล ไม่ใช่ว่ามันจะไม่ฮาเวลาที่เห็นไอเจเจมันทำท่าหึงหวงไอติน แต่มันก็คงไม่สนุกสักเท่าไหร่ ถ้านั่นต้องทำให้ไอเพื่อนตัวน้อยของเขาต้องเสียน้ำตาในตอนหลัง
“แล้วถ้าไม่เอามันไปด้วยคิดว่ามันจะไม่แย่กว่าเดิมรึไง?”
ตินพูดขึ้นเสียงหน่ายๆ ก่อนจะมองผ่านกระจกรถเข้าไป เห็นร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตามองมือกดโทรศัพท์ยี่ห้อหรูยิกๆ แล้วยิ้มขำอยู่คนเดียว แต่ก่อนที่ร่างสูงจะเพลิดเพลินไปกับภาพแสนน่ารักนั้นก็ต้องสะดุดกับน้ำเสียงนิ่งๆของเพื่อนอีกคน
“แต่ถ้ามึงไม่ตกลงกับน้องเขาไว้แต่แรกก็คงไม่เป็นงี้”
นายธนินท์พูดขึ้นมาเสียงเย็นนิ่งมองหน้าอีกคนด้วยสายตาที่ไม่มีใครสามารถจะอ่านได้ โดยที่นายราติณท์เองก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดตอบออกมา
“กูไม่อยากเสียมารยาท”
“ระหว่างเสียมารยาทกับเสียไอเจมึงเลือกอะไรวะ”
กึก
ตินชงักกับคำพูดของอีกคน ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วกับคำถามที่เหมือนจะเป็นคำแช่งมากกว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องพูดเหมือนให้เลือกใครสักคน ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กหน้าใสคนนั้นอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเหมือนน้องคนนั้นเลวร้ายอะไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เวลาที่เขาอยู่กับเด็กคนนั้น เพื่อนๆทุกคนถึงต้องพากันอารมณ์เสียไปซะหมด..หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ทุกคน ไอเจคนเดียวนั้นแหละ แต่พอมันอารมณ์เสีย คนอื่นๆก็พลอยจะอารมณ์ขุ่นตามไปด้วย
“คุยอะไรกันวะ กูรอนานแล้วนะไอติน เมื่อไหร่จะไปเนี่ย เดี๋ยวเด็กมึงก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งหนีกลับบ้านไปก่อนหรอก จะกิ้นมั้ยห๊ะข้าวน่ะ กูหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้วนะ นี่มึงไม่เคยคุยกันรึไงห๊ะ! กลับไปคุยกันต่อที่บ้านเลยมั้ยพวกมึง..”
ร่างเล็กที่แง้มประตูรถออกมาแล้วพูดบ่นยาวไปถึงโคราชก็ยังคงพูดไม่หยุด คำพูดที่ตอนแรกๆก็ดูเหมือนจะกลัวอีกคนรอนานแต่พอมาประโยคท้ายๆนี่เหมือนจะโมโหหิวซะมากกว่า ตินหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพูดออกไปขำๆ
“นี่ตกลงกลัวน้องเขารอนานหรือโมโหหิวครับ?”
“เลิกพูดแล้วพากูไปกินข้าวจะขอบใจมาก!”
ปังง!!
เจเจพูดจบก็ผิดประตูรถดังปั่งแล้วไปนั่งกอดอกหน้าเชิ่ดอยู่ในรถ โดยที่ตินทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ แล้วตามขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่รถคันหรูจะออกตัวไปยังร้านอาหารไทยชื่อดังในระแวกนี้ ซึ่งเจ้าของร้านก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย
“ไง..คิดว่าชาตินี้จะไม่โผล่มาให้ฉันเห็นหน้าแล้วซะอีก”
เสียงทักทายแหลมชายของเด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดนักศึกษาต่างมหาลัย ใบหน้าขาวเนียนหวานๆ กับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับเส้นผม ที่ข้างก็มีชายหนุ่มร่างสูงอีกคนยืนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเด็กหนุ่มท่าทางขี้เล่นทะเล้นคนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารสุดหรูตรงหน้า..
“อืม...ก็กะว่าจะมาชาติหน้าว่ะ แต่พอดีไอเจมันหิวเลยแวะมาชาตินี้”
“ปากหมาอย่างไงก็ปากหมาอย่างงั้นนะไอติน คิกคิก”
ร่างบางพูดขึ้นพร้อมกับมองมาที่เจเจยิ้มๆ ก่อนที่จะเอ่ยคำทักทายที่ต่างกับตอนที่พูดกับตินอย่างสิ้นเชิง
“ไม่เจอกันนานเลยนะเจเจ น่ารักเหมือนเดิมเลยว่ะ ฮ่าๆ ^^”
“เออ มึงก็ไม่ต่างกันไอไมค์”
เจเจพูดขึ้นพรางเดินเข้าไปหาอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม ตินมองตามแผ่นหลังบางยิ้มๆ ก่อนที่จะมองหาอีกคนที่เขานัดเอาไว้
“ไอติน..ไปรอข้างในเหอะ เดี๋ยวเด็กมึงก็ตามเข้ามาเองแหละ”
“แล้วน้องเขาจะหาโต๊ะที่เรานั่งเจอได้ไงครับ...แล้วอีกอย่างนะ น้องเขาไม่ใช่เด็กของกูซะหน่อย”
ตินพูดขึ้นเสียงนุ่มเหมือนจะกล่อมอีกคน เจเจเบ้ปากใส่เพื่อนอย่างเคืองๆ แต่ก็ยังยอมยืนรออยู่ด้วยโดยที่ไม่ได้ว่าอะไร ไม่นานนักรถแท็กซี่ก็มาจอดเทียบหน้าร้านพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าใสในชุดมัธยมปลายกำลังก้าวขาลงมา
“ขอโทษฮ่ะพี่ตินที่มาช้า...คือ..เอ่อ..คือพีมต้องทำรายงานน่ะฮะ”
“พ่อแม่ไม่เคยสอนรึไง? ว่าอย่าให้ผู้ใหญ่เขารอ”
ทันทีที่เด็กหนุ่มพูดจบเจเจพูดไม่ปล่อยช่องว่างให้สองคนนั้นได้คุยกัน รีบเข้ามาแทรกแล้วพูดออกไปอย่างหงุดหงิด
ไม่ได้หงุดหงิดที่มันมาช้าหรอกนะ แต่หงุดหงิดที่มันมาถึงก็พุ่งเข้าหาไอตินเลยนี่สิ! มันน่านัก!
“พี่เจเจ...มาด้วยเหรอฮะ”
เด็กหนุ่มพูดขึ้นเสียงเหมือนจะดีใจ แต่แววตากับฉายชัดถึงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็แน่นอนแหละ ว่าไอผู้ชายอีกคนมันไม่ทันจะมองเห็น
“เข้าไปข้างในเถอะครับเจเจ น้องพีม”
ตินพูดขึ้นมาเสียงนุ่มแล้วเดินมากอดคอเพื่อนตัวเล็กไว้ ก่อนจะเดินนำเข้ามาในร้านทิ้งให้พีมมองมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่ถูกทิ้งให้เดินตามคนเดียว
“เจครับ กินอะไรดี?”
ตินหันมาถามคนข้างตัวที่กำลังมองออกไปนอกร้านอย่างเหม่อๆ ให้ร่างเล็กหันมาสบตานิดๆ แล้วพูดเสียงเรียบ
“อะไรก็ได้ มึงสั่งเลย”
“’งั้นน้องพีมอย่างกินอะไรครับ”
พอเห็นว่าอีกคนบอกแบบนั้นไอหนุ่มที่เพิ่งจะมาซื่อเอาตอนนี้ก็ดันไม่รู้ว่ามันกำลังประชด แล้วหันไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงียบๆ
“งั้นพีมขอเป็นกุ้งชุบแป้งทอดแล้วกันฮะ”
เด็กหนุ่มยิ้มกว้างที่แสนหน้าเอ็นดูแล้วพูดตอบออกมาเสียงใส นึกดีใจที่พี่ชายตรงหน้าหันมาสนใจเขาบ้างแล้ว แต่ก็ยังแอบเหล่มองไอพี่ชายตัวเล็กที่เหมือนจะไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่นัก
“พี่เจไม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษเหรอฮะ?”
“เรื่องของกู!”
----------50%---------
เจเจพูดตอบออกมาอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเห็นไอเด็กนี่มันมาเสแสร้งทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูทั้งๆที่สายตาที่มันมองเขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ไอบ้าที่มันนั่งอยู่ข้างๆเขาก็ตามืดตามัวมองไม่เห็นสักที
“ไม่เอาหน่า เจเจ...น้องเขาพูดดีๆนะ”
ตินพูดออกมาเสียงนุ่ม มองเพื่อนตัวเล็กด้วยสายตาเหนื่อยๆ ก่อนที่เหล่มองเด็กหนุ่มหน้าหวานฝั่งตรงข้าม ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตา...ถ้าจะเรียกว่า ‘อ่อย’ ก็คงไม่ผิด
“เหอะ ปกติกูว่ามึงเป็นคนฉลาดนะติน....แต่ทำครั้งนี้มึงโง่จังวะ? ”
“เฮ้อ...กูว่ามันจะไปกันใหญ่แล้วเจเจ ข้าวมาแล้ว..กินเถอะ”
ตินถอนหายใจออกมาแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้บรรยากาสบนโต๊ะอาหารมันต้องดูหน้าอึดอัดแบบนี้ รางสูงตักกับข้าวของโปรดของเจเจมาให้อย่างเอาใจ โดยที่ไอคนถูกเอาใจก็เอาแต่ทำหน้าเข้มทั้งๆที่ตอนนี้หิวจนแทบจะเขมือบหัวไอคนข้างๆได้อยู่แล้ว
แต่เด็กนั่นมันอยู่....ต้องเก๊กไว้ก่อน
“พี่ตินฮะ...ตักไอนั่นให้พีมหน่อยได้มั้ยฮะ พีมตักไม่ถึง”
ควับ!
“กูตักให้เอง!”
ทันทีที่เด็กหนุ่มพูดขึ้นร่างเล็กก็หันควับไปมองตาขวางแล้วพูดขึ้นเสียงแข็ง ก่อนที่จะตักผัดผักหน้าตาน่าทานที่อยู่อีกฝากของโต๊ะให้ โดยที่เด็กหนุ่มมองเจเจอย่างไม่พอใจ และเหมือนครั้งนี้เขาจะแสดงออกชัดไปหน่อย..
“หึ มองกูขนาดนั้น ลุกมาต่อยกูเลยมั้ย?”
เจเจพูดขึ้นอย่างยั่วๆ และเหมือนครั้งนี้จะทำให้อีกคนอารมณ์พุ่งขึ้นมาได้สำเร็จ เด็กหนุ่มมองเจเจด้วยสายตาที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังมองรู้ว่าเกลียดชังขนาดไหน ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ภาพที่ทำให้ไอหนุ่มที่ซื่อ(บื้อ)มองอย่างประหลาดใจ ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจทุกอย่างทีละนิด..
....หรือที่ผ่านมาเรามองอะไรผิดไปรึเปล่าวะ?
ตินถามตัวเองในใจ มองหน้าทั้งคู่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกก่อนที่ร่างสูงจะละสายตาออกมาแล้วหยิบช้อนส้อมที่วางอยู่ในจานมาถือไว้ แล้วตักข้าวสวยร้อนๆเขาปากเหมือนตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเหมือนนั่นจะทำให้สองบุรุษที่ร่วมโต๊ะอาหารหยุดสงครามทางสายตาไปชั่วขณะ
“มองอะไรกันครับ?”
ตินเงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหารแล้วมองทั้งคู่ด้วยสายตา(แอ๊บ)สงสัย ในหัวก็กำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะต้องเกิดขึ้นต่อจากนี้ ร่างเล็กมองคนข้างตัวด้วยสายตาไม่เข้าใจ(ที่ไม่เข้าใจจริงๆ)แล้วถามออกมาอย่างซื่อๆ
“…มึงทำอะไร?”
“อ่าว กินข้าวสิเจ มึงนี่ถามแปลกๆ ไม่กินกันรึไง หื้ม?”
ตินพูดเสียงนุ่ม แล้วมองหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งคู่สลับไปสลับมา ก่อนที่รอยยิ้มที่ดูไม่ค่อยอ่อนโยนสักเท่าไหร่จะผุดขึ้นมาบนใบหน้า ให้เด็กหนุ่มหน้าใสตีความหมายไปอีกอย่างพรางยิ้มกว้างแล้วพูดออกมาเสียงใส
“ทานฮะ ^^”
หึ..หล่อแต่โง่แบบนี้ก็ดี จะได้หลอกง่ายๆ!
“งั้นก็เชิญกินกันไปสองคนเถอะ! กูจะกลับไปกินกับไอเล็กไอแทน!”
พรึ่บบ!!
ร่างเล็กพูดจบก็ลุกพรวดขึ้นทันที ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะอาหารในบรรยากาสแปลกๆนี่ โดยที่ในใจก็หวังว่าอยากจะให้ไอคนที่พาเขามา ฉุดแขนเขาไว้สักนิดแล้วบอกให้นั่งต่อ แต่มันก็เป็นได้แค่ความหวัง....
เจเจหันหน้ากลับไปมองอีกคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่มุมปากกลับยิ้มแปลกๆ ในแบบที่เขาไม่เคยกัน มันยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม ยิ้มแบบที่ดวงตาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิด และนั่นทำให้เจเจตัดสินใจหมุนตัวออกมานอกร้าน มืออีกข้างก็ล้วงหาโทรศัทพ์คู่ใจในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะกดเบอร์เดียวที่เขาพึ่งได้ทุกครั้งที่ทะเลาะกับหมอนั่น
“ไอเล็ก..มารับกูหน่อย”
ไม่นานนักปลายสายก็กดรับ ให้นายจิราวัตร์พูดออกไปเสียงเหวี่ยงๆด้วยความหงุดหงิด
“: ให้กูไปรับแบบนี้ ทะเลากับไอตินมาล่ะสิ”
“กูบอกให้มารับก็มารับเถอะ!!”
เจเจพูดเสียงดั่ง จนคนรอบข้างหันมามองนิดๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ ความร้อนรุ่มในใจเกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่เด็กนั่นเข้ามา การกระทำที่ทำให้ปลายสายอ้ำอึ้งไป จนเจเจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม
“: ตอนนี้เลยเหรอว่ะ...คือ..กู…”
“เออดิ มารับกูตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย!”
“: กูอยู่กับพี่บัทวะ”
อเล็กซ์พูดเสียงเบา เหมือนกลัวอีกคนจะโกรธ ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงไอเพื่อนคนนี้หลอกนะ แต่กว่าจะหาตัวพี่รหัสคนนี้เจอมันก็แสนยากแสนเย็นเหลือเกิน ได้โอกาสมาก็อยากจะใช้ให้มันเต็มที่ซะหน่อย
“มึงก็ออกมาหากูไม่ได้รึไงวะ! หรือพี่เขาจะขู่ฆ่ามึง”
เจเจพูดออกมาอย่างหัวเสีย สายตาก็มองไปที่โต๊ะอาหารที่ตัวเองลุกหนีออกมา ก็ยังคงเห็นชายหนุ่มสองคนที่นั่งทานข้าวกันโดยที่ไม่สนใจเขาเลยซักนิด แต่คนที่อารมณ์ขึ้นง่ายอยู่แล้ว ก็กำลังจะไฟท่วมตัวเมื่อเพื่อนรักอีกคนมันพูดตอบออกมา
“: ไม่ได้จริงๆว่ะ...กูขอโทษนะ..มึงลงโทรหาไอแทนสิ แค่นี้นะ..ขอโทษจริงๆว่ะ กูรักมึงนะ”
“เดี๋ยว! ไอละ...”
ตื๊ด!
ยังไม่ทันที่เจเจจะพูดอะไรออกมา ปลายสายก็ชิงตัดสายไปซะก่อน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมองโทรศัพท์อย่างไม่เข้าใจ ก็ในเมื่อไอเล็กมันไม่เคยปฏิเสธเขาเลยซักครั้ง และนี่มันเป็นครั้งแรก ที่มันเลือกที่จะอยู่กับคนอื่นๆนอกจากเพื่อนในกลุ่ม ขอเน้นเลยว่า ครั้งแรก!
“แม่ง!”
เจเจสถบออกมาอย่างหงุดหงิด กดเบอร์โทรหาเพื่อนอีกคน ให้มารับก่อนที่จะบอกสถานที่อยู่ไปเรียบร้อย แล้วครั้งนี้ก็ทำให้ร่างเล็กอารมณ์เย็นลงมาบ้าง เมื่อเพื่อนคนนี้ของมันกำลังว่าง อยากออกไปข้างนอกอยู่พอดี ไม่นานนัก รถคันหรูก็มาจอดเทียบตรงหน้า
“ยืนเป็นหมาถูกทิ้งเลยนะมึง”
เสียงพูดทักทายเรียบนิ่งดังขึ้น แต่คำพูดของมันช่างต่างกับน้ำเสียงสิ้นเชิง เจเจหันไปมองชายหนุ่มหน้าคมดุที่นั่งอยู่ในรถตาขวางก่อนที่จะพูดออกมาเสียงแข็ง
“กูไม่ได้ถูกทิ้ง!! กูออกมาของกูเอง!”
“ฮ่าๆ คร้าบๆ ขึ้นรถเว้ย”
สิ้นคำเชิญ ร่างเล็กก็เดินขึ้นรถมาอย่างว่าง่าย ก่อนที่รถจะออกตัวไปโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าทุกการกระทำ อยู่ในสายตาของนายราติณท์ตลอดเวลา..
“น้องพีมครับ”
“ฮะ? ^^”
“พี่ขอพูดอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย?”
ตินพูดขึ้นหลังจากมองรถคันหรูแล่นไปจนลับตา ให้เด็กหนุ่มตรงหน้าหันมาสบตา ดวงตาคู่คมมองหน้าคนตรงข้ามอย่างจริงจัง ทำเอาเด็กหนุ่มชงักไปนิด ก่อนจะถามออกมาเสียงเบา
“มีอะไรเหรอฮะ?”
--------80%-------
เด็กหนุ่มถามเสียงใสรอคำตอบจากพี่ชายตรงหน้า นายราติณท์มองหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจัง ก่อนที่จะพูดออกไปเสียงเข้ม...
--------------------------------------------------------
“มึงจะหงุดหงิดอะไรนักหนาวะเจเจ”
“มึงไม่มาอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นมึงไม่รู้หรอกไอแทน! ไอตินมันเข้าข้างเด็กนั่น! มันไม่เคยเป็นแบบนี้..มันเห็นเด็กนั่นดีกว่ากู..”
ประโยคสุดท้ายที่ร่างเล็กพูดออกมาเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานหหม่นลงนิด แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา ทำเอาอีกคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนถึงกับทำตัวไม่ถูก
“เห้ยๆ อย่าร้องนะมึง กูปลอบคนไม่เป็นนะเว้ย”
แทนพูดออกมาแบบไม่รู้จะพูดอะไร สองมือก็ดึงอีกคนเข้ามาซุกอกอย่างอัตโนมัต มองออกไปนอกกระจกก็เห็นชายหนุ่มตัวใหญ่ๆ สี่ห้าคนกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ครถที่กำลังจะแข็งในอีกไม่กี่นาทีนี้ ใช่..ตอนนี้เขาทั้งสองคนไม่ได้กลับไปบ้านอย่างที่คิด นายจิราวัตร์กำลังอยู่ที่สนามแข่งรถที่เขาเป็นเจ้าของ และถ้าอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่..
‘มึงจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย?’
‘…ยัง..กูอยากไปสนาม’
‘ไม่กลัวไอตินตามไปที่บ้านแล้วไม่เจอรึไง’
‘ก็ดี! กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามันจะตามกูมาถึงที่นี่ได้รึเปล่า’
ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เป็นช่วงที่จะมีคนมาใช้บริการที่สนามแข่งของเขาค่อนข้างเยอะ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมากันตอนกลางวันนัก เสียงรถที่เหยียบคันเร่งดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนาม เสียงดนตรีสไตล์ฝรั่งเศษดังคลอไปเบาๆ ให้พอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเจ้าของสนามจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับเพลงพวกนั้นเท่าไหร่..
ไม่อยากเจอหน้ามึง...แล้วทำไมกูต้องมานั่งฟังเพลงของมึงด้วยวะ!
เจเจพูดกับตัวเองในใจทั้งๆที่ตอนนี้ทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด สองมึงจับชายเสื้อไอเพื่อนใจนักเลงเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับพุงมันพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เสื้อมันจะเปียกชุ่มไปแล้วล่ะ
แกร๊ก..
“เจครับ ทะ....”
กึก..
เสียงประตูบานเลื่อนดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุ่มนุ่มที่เหมือนยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็หยุดชงักไป ให้เจเจที่จำได้ดีว่าเป็นเสียงของใครอดไม่ได้ที่จะท้องเงยหน้าขึ้นไปมองแต่สองมือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากชายเสื้อของแทน เช่นเดียวกับแทนที่ยังคงโอบไหล่เพื่อนรักไว้
“เจครับ มานี่”
ร่างสูงพูดเสียงเข้ม สายตาคู่คมมองมาที่ร่างสูงที่กำลังกอดเจเจด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างน่ากลัว โดยที่นายธนินท์ก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด
“เพิ่งจะมารึไง?...แล้วไอเด็กนั่นล่ะ”
“กูจะคุยกับเจเจ ไม่ใช่มึง”
ตินพูดขึ้นเสียงเย็น ให้อีกคนยิ้มอย่างพอใจแล้วค่อยๆ ปล่อยมือจากเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังใช้สองมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ
“เจ..กูกลับก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปกินข้าวบ้านมึง”
แทนพูดจบก็ไม่รอให้เจเจรับคำ หมุนตัวเดินสองมือล้วงกระเป๋าออกไปยิ้มๆเหมือนจะพอใจที่ตินมาหาเจเจที่นี่ได้จริงๆ
“เจครับ..”
“ไหนมึงบอกว่าชอบกูไง!! ไอคนโกหก ฮึก...โกหก..”
ทันทีที่ได้ยินอีกคนเรียกชื่อเจเจก็ตวาดออกมาในประโยคแรก ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอีกครั้งด้วยความน้อยใจ เขารู้ตัวว่าเขาเป็นพวกความรู้สึกอ่อนไหวเอามากๆ บ่อน้ำตาก็ตื้นซะจนดูเป็นคนขี้แง..แต่จริงๆแล้ว เขาก็อ่อนไหวเฉพาะเรื่องที่มันเกี่ยวกับไอตินเท่านั้นแหละ
“โกหกอะไร..กูยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ”
“ก็มึง..ฮึก มึงทำเหมือนชอบมัน...ฮึกก มึงมันบ้า! ไอบ้า! ไอบ้าติน!”
เมื่อตินที่ทำท่าเหมือนจะเดินมากอดปลอบแบบทุกครั้ง กำปั้นเล็กๆก็ทุบไปที่อกเกร่งของอีกคนอย่างแรงรัวๆเบื่อระบายความอึดอัดในใจแต่เหมือนมันจะช่วยไม่ได้เลยสักนิดเดียว.. การกระทำที่ทำให้นายราติณท์ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ยังคงยืนนิ่งมองอีกคนที่อาละวาดไปทั้งน้ำตาก่อนที่วงแขนกว้างจะสวมกอดร่างเล็กไว้
“เจครับ ใจเย็นๆสิ”
ตินพูดขึ้นเสียงนุ่ม นานพอสมควรที่เจเจจะหยุด ร่างเล็กที่ขณะนี้เริ่มหมดแรงก็ยืนให้อีกคนกอดนิ่งๆ ตัวยังคงสั่นอยู่นิดๆเพราะแรงสะอื้นเมื่อเห็นว่าตินเงียบไปก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา..
“หยุดร้องนะครับคนดี”
“ฮึกก...ใจร้าย..คนใจร้าย..คนโกหก!”
พอได้ยินเสียงนุ่มๆคำพูดหวานๆ ก็ทำเอาหัวใจดวงเล็กๆกระตุกวูบ นึกถึงไอเด็กหน้าใสที่มาทำให้เพื่อนรักเขาเปลี่ยนไป แต่เหมือนคำพูดว่านั้นจะไม่ได้ทำให้นายราติณท์รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะใบหน้าหล่อเหลากำลังเคลื่อนเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่สำผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆของกันและกัน
จุ๊บ..
ริมฝีปากหน้าเคลื่อนเข้ามาประทับจูบแผ่วเบาที่กลับปากบางถึงแม้จะเป็นเพียงปากแตะปากแต่ก็สามารถทำให้ทั้งคู่อุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ตินผละใบหน้าออกมานิดให้พอที่จะเห็นสีหน้าของอีกคน ริมฝีปากได้รูปค่อยๆระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาก่อนที่จะพูดเสียงนุ่ม..
“อย่าร้องนะครับ...กูจะชอบใครอีกได้ยังไง...ในเมื่อกูรักมึงไปแล้วเจเจ”
-อัศวินดาบชมพู-
100%---------------------------------------100%
-มาแล้วค้า เรื่องนี้คงจะไม่ได้มีตอนพิเศษวันวาเลนไทน์เนอะ เขียนไม่ทันแล้วฮ่าๆๆ ตอนหน้าก็คงจะเป็นตอนของ อเล็กซ์xบัทเตอร์ นะคะ
- อเล็กซ์xบัทเตอร์ เชื่อว่าหลายๆคนคงคิดว่าคู่นี้มันออกแนวน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ จะบอกว่าจริงๆแล้วคู่นี้มันฮามากกว่าค่ะ คึคึ ถึงบัทเตอร์จะเป็นพวกเย็นยะเยือก แต่อย่าลืมว่าเจ้าอเล็กซ์ยังอยู่ ไอหมอนี่มันทำให้หลายคนฮาแตกได้แน่ๆค่ะ เค้ามั่นใจ ><
**ขอบคุณที่ติดตามค้า**
ความคิดเห็น