ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [yaoi]want you:คุณเพื่อนครับ กูต้องการมึง

    ลำดับตอนที่ #7 : ตอนที่ 6 ความรู้สึกลึกๆ [100%]

    • อัปเดตล่าสุด 14 ก.พ. 58




    ตอนที่ 6 ความรู้สึกลึกๆ

     

     

     

     

     

     

    หลังจากที่เจเจพูดออกไปอย่างนั้น ก็เหมือนกับไปสะกิดอะไรบางอย่างในตัวของนายราติณท์ ร่างสูงยกยิ้มกว้างออกมาอย่างห้ามไม่ได้  เจเจที่กลั้นใจพูดออกไปขณะนี้กำลังกำมือแน่น หน้าแดงก่ำด้วยความอาย

     

     

        พูดอีกทีสิครับ

     

     

        “พะ..พูดอะไร

     

     

        “พูดแบบเมื่อกี้ไง

    ตินพูดขึ้นเสียงนุ่ม พร้อมกับก้าวขายาวๆ เข้ายืนอยู่ใกล้ๆร่างเล็ก ใบหน้าหล่อคมกำลังยกยิ้มอ่อนละมุน แล้วลูบหัวเพื่อนรักเบาๆ

     

     

        “น่ารัก

     

     

        “งื้อออออ น่ารักบ้านมึงสิ! >////<”

    เจเจหมันตัว หันหลังให้ติน แล้วพูดว่าออกมากลบกลื่นความเขิน โดยที่นายราติณท์ ก็ได้แต่มองอีกคนด้วยสายตาที่เต็มเปี่ยมไปด้วยความรักและหวงแหน

     

     

                                                 ก็มันน่ารักขนาดนี้...เราจะไปไหนรอดวะ

     

     

    ตินพูดกับตัวเองก่อนที่จะหัวเราะออกมาเบาๆ มองเลยไปนิดก็เห็นไอเพื่อนสองคนมันกำลังยืนมองยิ้มๆอยู่ไกลๆ แล้วเขาก็คิดว่ามันคงมองอยู่นานแล้ว พอทั้งสองเห็นว่าตินหันไปมอง อเล็กซ์ก็รีบหันหลังให้แล้วทำเป็นไม่สนใจ ส่วนแทนก็ยังคงยืนนิ่งๆ แล้วมองมายิ้มๆ ก่อนที่จะยกมือขึ้นมาระดับอก แล้วชูนิ้วโป้งให้

     

     

        “หึหึ เจครับ ไปเรียนเถอะ

     

     

        “จะไปก็ไปสิ! กูจะรอไอเล็กไอแทน

     

     

        แต่ถ้าพวกเรายังไม่ไป พวกมันก็คงจะไม่มาหรอกครับ

    ตินพูดขึ้นยิ้มๆ ทำให้เจเจต้องหันหน้ากลับมามองนิดๆ ก่อนที่คิ้วเรียวสวยจะขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ

     

     

        “ทำไมล่ะ?

     

     

        “หึหึ ไปครับ

    ตินเลือกที่จะไม่ตอบถามแต่เดินเข้าไปจับแขนของอีกคนแล้วออกแรงดึงให้ไปพร้อมกัน

     

     

     

     

    -------------------------------------------------------------------

     

     

     

        นี่ ไอเจ..วันนั้นมึงบอกจะให้กูไปกินข้าวที่บ้านมึง กูยังไม่ได้ไปเลยนะ

     

     

        “เออว่ะ...งั้นก็ไปสิ ไปพร้อมกันเลย

    เจเจพูดตอบเพื่อนเสียงใส พรางพยายามจะกระโดดกอดคอไอหนุ่มมาดเข้ม ทั้งๆที่น่าจะรู้ตัวว่าส่วนสูงมันต่างกันราวกับฟ้ากับดิน แต่ไอตัวเล็กมันก็พยายามกระโดดกอดจนได้แหละว่ะ!

     

     

        “มึงเกาะขนาดนี้ ขี่คอกูเลยมั้ย หึหึ

     

     

        “ฮ่าๆ ได้เหรอ เอาๆ ย่อตัวดิๆ

    เจเจพูดขึ้นพร้อมกับหัวเราะออกมาอยย่างร่าเริง แล้วไม่ลืมที่จะยักคิ้วให้อีกคนอย่างท้าทาย จนนายธนินท์หรือไอ้แทน ได้แต่ยิ้มขำ แล้วส่ายหัวน้อยๆ ก่อนที่จะเดินนำออกมา

     

     

        “เจเจล่ะ

    ตินถามขึ้นทันที เมื่อเห็นแทนเดินมาคนเดียว คำถามที่ทำให้ไอหนุ่มแบดบอย พยักเพยิดหน้าไปทางด้านหลังเขา ที่มีร่างบางของใครบางคนกำลังยิ้มทักทายเพื่อนๆในคณะอย่างอารมณ์ดี

     

     

        นี่ไอติน วันนี้แทนมันไปกินข้าวบ้านกูนะ

     

     

        “หืม? วันนี้เหรอ

     

     

        “อือ ความจริงนัดมันไว้ตั้งแต่วันก่อนนั้นแล้ว แต่ยังไม่ได้ไปสักที

    เจเจพูดขึ้นแล้วหันไปมองเพื่อนอีกคนด้วยสายตาสำนึกผิด ก่อนที่จะหันมาสนใจกับคู่สนทนาอีกครั้ง ริมฝีปากบางยกยิ้มกว้างออกมา ดวงตาคู่โตส่งประกายวิบวับออกมาอย่างไม่รู้ตัว ภาพที่ไอเพื่อนตัวโตทั้งสามยอมรับว่าจะมองมุมไหนมันก็ดูน่ารักไปหมดนั่นแหละ แต่ก็ไม่วายที่จะทำให้นายราติณท์รู้สึกอึดอัดขึ้นมานิดเมื่อนึกถึงคำที่ต้องพูดออกมาหลังจากนี้...

     

     

        “แต่กูนัดน้องพีมไว้

    ใช่ เขามีนัดแล้ว ในเมื่อ เมื่อตอนเช้าทั้งเขาและทั้งเพื่อนของเขาทำกิริยาไม่ค่อยดีใส่น้องไว้นัก เลยต้องจำใจตกลงที่จะพาน้องไปกินข้าวหลังเลิกเรียน แต่ดูเหมือนการตัดสินใจครั้งนี้จะไม่เป็นที่พอใจเท่าไหร่นัก

     

     

        “นัดมันทำไม!”

    เจเจถามขึ้นอย่างฉุนๆ คิดว่าจะเลิกโวยวายใส่มันเรื่องเด็กบ้านั่นสักที เพราะเขาเองก็ไม่ได้รู้สึกดีเท่าไหร่นัก เวลาที่ไม่ได้คุยกับติน แต่ถ้ามันยังทำตัวเหมือนชอบเด็กนั่นมันก็คงทำให้ความอดทนเขาหมดได้ง่ายๆ

     

     

        “ก็เมื่อเช้า ทิ้งน้องเขามาซะดื้อๆ มันเสียมารยาทนะครับ

     

     

        “นี่มึงว่ากูเหรอ

    เจเจพูดขึ้นเสียงนิ่งจ้องตาอีกคนเขม็งราวกับว่านี่ไม่ใช่ประโยคคำถาม แต่กำลังบังคับให้มันบอกว่าเขาไม่ผิด เด็กนั่นต่างหากที่ผิด!

     

     

        “เฮ้อ...เปล่าครับ งั้นเราพาน้องเขาไปกินข้าวก่อนแล้วค่อยกลับบ้านได้มั้ย?

     

     

        “เหอะ! เราเหรอ? ใครจะไปกับมึงห๊ะ!!”

     

     

       “เจเจไม่เอาหน่า...อย่าเป็นแบบนี้สิครับ..อยากให้กูไปกับน้องเขาสองคนรึไง หื้ม?

    ตินพูดขึ้นเสียงนุ่ม ก่อนที่จะเดินเข้ามาใกล้แล้วโน้มตัวลงมาให้ใบหน้าอยู่ระดับเดียวกัน ขณะนี้ทั้งสองอยู่ที่ลานจอดรถของมหาลัย โดยที่ไอเพื่อนตัวดีทั้งสองตอนนี้มันก็ยังคงนั่งส่องสาวอยู่ใกล้ๆ โดยที่ไม่มีใครรีบร้อนจะกลับไปไหนเลยสักคน เจเจมองคนตรงหน้าด้วยสายตาขุ่นๆ แต่ก็อดใจสั่นไม่ได้เมื่อมันมาทำตัวอ่อนโยนด้วยแบบนี้

     

     

        ถ้ากูไปด้วย...มึงต้องสนใจกูมากกว่ามันนะ

     

     

        “หึหึ ครับ

     

     

        “มึงต้องเดินกับกู ห้ามไปเดินใกล้มันด้วย!”

     

     

        “รับทราบครับผม

    ตินตอบรับยิ้มๆ แล้วพูดอย่างเอาใจ พอที่จะทำให้ร่างเล็กอารมณ์ดีขึ้นมาได้บ้าง เจเจมองหน้าเพื่อนสนิท(คิดไม่ซื่อ) ก่อนที่จะหลุดยิ้มออกมาบางๆ แล้วเบือนหน้าหนีไปทางอื่น ภาพน่ารักๆ ที่ทำให้คนมองอดไม่ได้ที่จะพูดแซ่วออกมา

     

     

        เขินน่ารักดีนะครับ

     

     

     

        “อะ..อะไร..ใครเขิน! บ้าแล้วมึงเนี่ย

    เจเจพูดออกมาเสียงแข็ง โวยวายกลบกลื่นแล้วรีบขึ้นไปนั่งบนรถคันหรู อย่างรีบๆ นายราติณท์ก็ได้แต่หันไปมองเพื่อนทั้งสองที่ยังคงนั่งอยู่ที่เก้าอี้ไม้แล้วส่งสายตาที่แตกต่างกันออกไปให้สาวๆใจละลายเล่น คนนึงก็ส่งสายตาเจ้าชู้แสนกะล่อนไปบั่นทอนใจสาวๆ อีกคนก็ส่งสายตาที่คาดเดาไม่ได้เชิญชวนให้สาวๆเข้ามาค้นหา

     

     

        “นี่ พวกมึงอะ..เดี๋ยวกูกับไอเจพาน้องพีมไปกินข้าวก่อน แล้วเย็นๆพวกมึงค่อยไปกินข้าวบ้านไอเจมันแล้วกัน

     

     

        “เออ..แล้วพาไอเจกับน้องพีมไปเจอกันมันจะดีเหรอวะ

    อเล็กซ์หันมาหาตินแล้วพูดถามออกมาอย่างกังวล ไม่ใช่ว่ามันจะไม่ฮาเวลาที่เห็นไอเจเจมันทำท่าหึงหวงไอติน แต่มันก็คงไม่สนุกสักเท่าไหร่ ถ้านั่นต้องทำให้ไอเพื่อนตัวน้อยของเขาต้องเสียน้ำตาในตอนหลัง

     

     

        “แล้วถ้าไม่เอามันไปด้วยคิดว่ามันจะไม่แย่กว่าเดิมรึไง?

    ตินพูดขึ้นเสียงหน่ายๆ ก่อนจะมองผ่านกระจกรถเข้าไป เห็นร่างเล็กที่กำลังก้มหน้าก้มตามองมือกดโทรศัพท์ยี่ห้อหรูยิกๆ แล้วยิ้มขำอยู่คนเดียว แต่ก่อนที่ร่างสูงจะเพลิดเพลินไปกับภาพแสนน่ารักนั้นก็ต้องสะดุดกับน้ำเสียงนิ่งๆของเพื่อนอีกคน

     

     

        “แต่ถ้ามึงไม่ตกลงกับน้องเขาไว้แต่แรกก็คงไม่เป็นงี้

    นายธนินท์พูดขึ้นมาเสียงเย็นนิ่งมองหน้าอีกคนด้วยสายตาที่ไม่มีใครสามารถจะอ่านได้ โดยที่นายราติณท์เองก็ทำได้เพียงถอนหายใจออกมาเบาๆ แล้วพูดตอบออกมา

     

     

        กูไม่อยากเสียมารยาท

     

     

        “ระหว่างเสียมารยาทกับเสียไอเจมึงเลือกอะไรวะ

     

     

    กึก

     

     

    ตินชงักกับคำพูดของอีกคน ใบหน้าหล่อขมวดคิ้วกับคำถามที่เหมือนจะเป็นคำแช่งมากกว่า ไม่เข้าใจว่าทำไมมันต้องพูดเหมือนให้เลือกใครสักคน ทั้งๆที่เขาก็ไม่ได้คิดอะไรกับเด็กหน้าใสคนนั้นอยู่แล้ว ไม่เข้าใจว่าทำไมต้องทำเหมือนน้องคนนั้นเลวร้ายอะไรขนาดนั้น แล้วก็ไม่เข้าใจว่าทำไม เวลาที่เขาอยู่กับเด็กคนนั้น เพื่อนๆทุกคนถึงต้องพากันอารมณ์เสียไปซะหมด..หรือบางทีอาจจะไม่ใช่ทุกคน ไอเจคนเดียวนั้นแหละ แต่พอมันอารมณ์เสีย คนอื่นๆก็พลอยจะอารมณ์ขุ่นตามไปด้วย

     

     

        “คุยอะไรกันวะ กูรอนานแล้วนะไอติน เมื่อไหร่จะไปเนี่ย เดี๋ยวเด็กมึงก็ร้องไห้ขี้มูกโป่งหนีกลับบ้านไปก่อนหรอก จะกิ้นมั้ยห๊ะข้าวน่ะ กูหิวจนไส้จะขาดอยู่แล้วนะ นี่มึงไม่เคยคุยกันรึไงห๊ะ! กลับไปคุยกันต่อที่บ้านเลยมั้ยพวกมึง..

    ร่างเล็กที่แง้มประตูรถออกมาแล้วพูดบ่นยาวไปถึงโคราชก็ยังคงพูดไม่หยุด คำพูดที่ตอนแรกๆก็ดูเหมือนจะกลัวอีกคนรอนานแต่พอมาประโยคท้ายๆนี่เหมือนจะโมโหหิวซะมากกว่า ตินหัวเราะออกมาเบาๆแล้วพูดออกไปขำๆ

     

     

        “นี่ตกลงกลัวน้องเขารอนานหรือโมโหหิวครับ?

     

     

        “เลิกพูดแล้วพากูไปกินข้าวจะขอบใจมาก!”

     

     

    ปังง!!

     

     

    เจเจพูดจบก็ผิดประตูรถดังปั่งแล้วไปนั่งกอดอกหน้าเชิ่ดอยู่ในรถ โดยที่ตินทำได้เพียงส่ายหน้าเบาๆ แล้วตามขึ้นไปนั่งบนรถ ก่อนที่รถคันหรูจะออกตัวไปยังร้านอาหารไทยชื่อดังในระแวกนี้ ซึ่งเจ้าของร้านก็ไม่ใช่คนอื่นคนไกลที่ไหนเลย

     

     

        “ไง..คิดว่าชาตินี้จะไม่โผล่มาให้ฉันเห็นหน้าแล้วซะอีก

    เสียงทักทายแหลมชายของเด็กหนุ่มร่างเล็กในชุดนักศึกษาต่างมหาลัย ใบหน้าขาวเนียนหวานๆ กับดวงตาสีน้ำตาลอ่อนสีเดียวกับเส้นผม ที่ข้างก็มีชายหนุ่มร่างสูงอีกคนยืนอยู่ใกล้ๆ ถ้าไม่บอกก็คงไม่มีใครเชื่อว่าเด็กหนุ่มท่าทางขี้เล่นทะเล้นคนนี้เป็นเจ้าของร้านอาหารสุดหรูตรงหน้า..

     

     

        “อืม...ก็กะว่าจะมาชาติหน้าว่ะ แต่พอดีไอเจมันหิวเลยแวะมาชาตินี้

     

     

        “ปากหมาอย่างไงก็ปากหมาอย่างงั้นนะไอติน คิกคิก

    ร่างบางพูดขึ้นพร้อมกับมองมาที่เจเจยิ้มๆ ก่อนที่จะเอ่ยคำทักทายที่ต่างกับตอนที่พูดกับตินอย่างสิ้นเชิง

     

     

        “ไม่เจอกันนานเลยนะเจเจ น่ารักเหมือนเดิมเลยว่ะ ฮ่าๆ ^^”

     

     

        “เออ มึงก็ไม่ต่างกันไอไมค์

    เจเจพูดขึ้นพรางเดินเข้าไปหาอีกคนด้วยท่าทางสนิทสนม ตินมองตามแผ่นหลังบางยิ้มๆ ก่อนที่จะมองหาอีกคนที่เขานัดเอาไว้

     

     

        “ไอติน..ไปรอข้างในเหอะ เดี๋ยวเด็กมึงก็ตามเข้ามาเองแหละ

     


        “แล้วน้องเขาจะหาโต๊ะที่เรานั่งเจอได้ไงครับ...แล้วอีกอย่างนะ น้องเขาไม่ใช่เด็กของกูซะหน่อย

    ตินพูดขึ้นเสียงนุ่มเหมือนจะกล่อมอีกคน เจเจเบ้ปากใส่เพื่อนอย่างเคืองๆ แต่ก็ยังยอมยืนรออยู่ด้วยโดยที่ไม่ได้ว่าอะไร ไม่นานนักรถแท็กซี่ก็มาจอดเทียบหน้าร้านพร้อมกับเด็กหนุ่มหน้าใสในชุดมัธยมปลายกำลังก้าวขาลงมา

     

     

        ขอโทษฮ่ะพี่ตินที่มาช้า...คือ..เอ่อ..คือพีมต้องทำรายงานน่ะฮะ

     

     

        “พ่อแม่ไม่เคยสอนรึไง? ว่าอย่าให้ผู้ใหญ่เขารอ

    ทันทีที่เด็กหนุ่มพูดจบเจเจพูดไม่ปล่อยช่องว่างให้สองคนนั้นได้คุยกัน รีบเข้ามาแทรกแล้วพูดออกไปอย่างหงุดหงิด

     

     

                                      ไม่ได้หงุดหงิดที่มันมาช้าหรอกนะ แต่หงุดหงิดที่มันมาถึงก็พุ่งเข้าหาไอตินเลยนี่สิ! มันน่านัก!

     

     

     

        “พี่เจเจ...มาด้วยเหรอฮะ

    เด็กหนุ่มพูดขึ้นเสียงเหมือนจะดีใจ แต่แววตากับฉายชัดถึงความไม่พอใจออกมาอย่างชัดเจน แต่ก็แน่นอนแหละ ว่าไอผู้ชายอีกคนมันไม่ทันจะมองเห็น

     

     

        “เข้าไปข้างในเถอะครับเจเจ น้องพีม

    ตินพูดขึ้นมาเสียงนุ่มแล้วเดินมากอดคอเพื่อนตัวเล็กไว้ ก่อนจะเดินนำเข้ามาในร้านทิ้งให้พีมมองมาอย่างไม่ค่อยพอใจเท่าไหร่นักที่ถูกทิ้งให้เดินตามคนเดียว

     

     

        เจครับ กินอะไรดี?

    ตินหันมาถามคนข้างตัวที่กำลังมองออกไปนอกร้านอย่างเหม่อๆ ให้ร่างเล็กหันมาสบตานิดๆ แล้วพูดเสียงเรียบ

     

     

        “อะไรก็ได้ มึงสั่งเลย

     

     

        “’งั้นน้องพีมอย่างกินอะไรครับ

    พอเห็นว่าอีกคนบอกแบบนั้นไอหนุ่มที่เพิ่งจะมาซื่อเอาตอนนี้ก็ดันไม่รู้ว่ามันกำลังประชด แล้วหันไปถามเพื่อนร่วมโต๊ะอีกคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้ามเงียบๆ

     

     

        “งั้นพีมขอเป็นกุ้งชุบแป้งทอดแล้วกันฮะ

    เด็กหนุ่มยิ้มกว้างที่แสนหน้าเอ็นดูแล้วพูดตอบออกมาเสียงใส นึกดีใจที่พี่ชายตรงหน้าหันมาสนใจเขาบ้างแล้ว แต่ก็ยังแอบเหล่มองไอพี่ชายตัวเล็กที่เหมือนจะไม่ค่อยถูกชะตากันเท่าไหร่นัก

     

     

        “พี่เจไม่อยากกินอะไรเป็นพิเศษเหรอฮะ?

     

     

        “เรื่องของกู!”

     

     

     ----------50%---------

     

     

    เจเจพูดตอบออกมาอย่างอารมณ์เสีย เมื่อเห็นไอเด็กนี่มันมาเสแสร้งทำตัวน่ารักน่าเอ็นดูทั้งๆที่สายตาที่มันมองเขาแทบจะกินเลือดกินเนื้อ แต่ไอบ้าที่มันนั่งอยู่ข้างๆเขาก็ตามืดตามัวมองไม่เห็นสักที

     

     

        ไม่เอาหน่า เจเจ...น้องเขาพูดดีๆนะ

    ตินพูดออกมาเสียงนุ่ม มองเพื่อนตัวเล็กด้วยสายตาเหนื่อยๆ ก่อนที่เหล่มองเด็กหนุ่มหน้าหวานฝั่งตรงข้าม ที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตา...ถ้าจะเรียกว่า อ่อย ก็คงไม่ผิด

     

     

        “เหอะ ปกติกูว่ามึงเป็นคนฉลาดนะติน....แต่ทำครั้งนี้มึงโง่จังวะ?

     

     

        “เฮ้อ...กูว่ามันจะไปกันใหญ่แล้วเจเจ ข้าวมาแล้ว..กินเถอะ

    ตินถอนหายใจออกมาแล้วพยายามเปลี่ยนเรื่อง ไม่อยากให้บรรยากาสบนโต๊ะอาหารมันต้องดูหน้าอึดอัดแบบนี้ รางสูงตักกับข้าวของโปรดของเจเจมาให้อย่างเอาใจ  โดยที่ไอคนถูกเอาใจก็เอาแต่ทำหน้าเข้มทั้งๆที่ตอนนี้หิวจนแทบจะเขมือบหัวไอคนข้างๆได้อยู่แล้ว

     

     

                                       แต่เด็กนั่นมันอยู่....ต้องเก๊กไว้ก่อน

     

     

        “พี่ตินฮะ...ตักไอนั่นให้พีมหน่อยได้มั้ยฮะ พีมตักไม่ถึง

     

     

    ควับ!

     

     

        “กูตักให้เอง!”

    ทันทีที่เด็กหนุ่มพูดขึ้นร่างเล็กก็หันควับไปมองตาขวางแล้วพูดขึ้นเสียงแข็ง ก่อนที่จะตักผัดผักหน้าตาน่าทานที่อยู่อีกฝากของโต๊ะให้ โดยที่เด็กหนุ่มมองเจเจอย่างไม่พอใจ และเหมือนครั้งนี้เขาจะแสดงออกชัดไปหน่อย..

     

     

        “หึ มองกูขนาดนั้น ลุกมาต่อยกูเลยมั้ย?

    เจเจพูดขึ้นอย่างยั่วๆ และเหมือนครั้งนี้จะทำให้อีกคนอารมณ์พุ่งขึ้นมาได้สำเร็จ เด็กหนุ่มมองเจเจด้วยสายตาที่แม้แต่เด็กอนุบาลยังมองรู้ว่าเกลียดชังขนาดไหน ทั้งสองจ้องตากันอย่างไม่มีใครยอมใคร ภาพที่ทำให้ไอหนุ่มที่ซื่อ(บื้อ)มองอย่างประหลาดใจ ก่อนที่จะเริ่มเข้าใจทุกอย่างทีละนิด..

     

     

                                         ....หรือที่ผ่านมาเรามองอะไรผิดไปรึเปล่าวะ?

     

     

    ตินถามตัวเองในใจ มองหน้าทั้งคู่ด้วยสายตาที่อ่านไม่ออกก่อนที่ร่างสูงจะละสายตาออกมาแล้วหยิบช้อนส้อมที่วางอยู่ในจานมาถือไว้ แล้วตักข้าวสวยร้อนๆเขาปากเหมือนตอนนี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นและเหมือนนั่นจะทำให้สองบุรุษที่ร่วมโต๊ะอาหารหยุดสงครามทางสายตาไปชั่วขณะ

     

     

        มองอะไรกันครับ?

    ตินเงยหน้าขึ้นมาจากจานอาหารแล้วมองทั้งคู่ด้วยสายตา(แอ๊บ)สงสัย ในหัวก็กำลังคิดถึงเหตุการณ์ที่กำลังจะต้องเกิดขึ้นต่อจากนี้ ร่างเล็กมองคนข้างตัวด้วยสายตาไม่เข้าใจ(ที่ไม่เข้าใจจริงๆ)แล้วถามออกมาอย่างซื่อๆ

     

     

        “…มึงทำอะไร?

     

     

        “อ่าว กินข้าวสิเจ มึงนี่ถามแปลกๆ ไม่กินกันรึไง หื้ม?

    ตินพูดเสียงนุ่ม แล้วมองหน้าผู้ร่วมโต๊ะทั้งคู่สลับไปสลับมา ก่อนที่รอยยิ้มที่ดูไม่ค่อยอ่อนโยนสักเท่าไหร่จะผุดขึ้นมาบนใบหน้า ให้เด็กหนุ่มหน้าใสตีความหมายไปอีกอย่างพรางยิ้มกว้างแล้วพูดออกมาเสียงใส

     

     

        “ทานฮะ ^^”

     

     

                                              หึ..หล่อแต่โง่แบบนี้ก็ดี จะได้หลอกง่ายๆ!

     

     

        “งั้นก็เชิญกินกันไปสองคนเถอะ!  กูจะกลับไปกินกับไอเล็กไอแทน!”

     

     

    พรึ่บบ!!


    ร่างเล็กพูดจบก็ลุกพรวดขึ้นทันที ไม่อยากนั่งร่วมโต๊ะอาหารในบรรยากาสแปลกๆนี่ โดยที่ในใจก็หวังว่าอยากจะให้ไอคนที่พาเขามา ฉุดแขนเขาไว้สักนิดแล้วบอกให้นั่งต่อ แต่มันก็เป็นได้แค่ความหวัง....

     

    เจเจหันหน้ากลับไปมองอีกคนที่กำลังมองมาที่เขาด้วยสายตาที่อ่านไม่ออก แต่มุมปากกลับยิ้มแปลกๆ ในแบบที่เขาไม่เคยกัน มันยิ้มเหมือนไม่ได้ยิ้ม ยิ้มแบบที่ดวงตาไม่ได้ยิ้มไปด้วยเลยสักนิด และนั่นทำให้เจเจตัดสินใจหมุนตัวออกมานอกร้าน มืออีกข้างก็ล้วงหาโทรศัทพ์คู่ใจในกระเป๋ากางเกง ก่อนที่จะกดเบอร์เดียวที่เขาพึ่งได้ทุกครั้งที่ทะเลาะกับหมอนั่น

     

     

        ไอเล็ก..มารับกูหน่อย

    ไม่นานนักปลายสายก็กดรับ ให้นายจิราวัตร์พูดออกไปเสียงเหวี่ยงๆด้วยความหงุดหงิด

     

     

        “: ให้กูไปรับแบบนี้ ทะเลากับไอตินมาล่ะสิ

     

     

        “กูบอกให้มารับก็มารับเถอะ!!”

    เจเจพูดเสียงดั่ง จนคนรอบข้างหันมามองนิดๆ แต่เจ้าตัวก็ไม่ได้สนใจ ความร้อนรุ่มในใจเกิดขึ้นเป็นครั้งที่เท่าไหร่ก็ไม่รู้ตั้งแต่ที่เด็กนั่นเข้ามา การกระทำที่ทำให้ปลายสายอ้ำอึ้งไป จนเจเจรู้สึกหงุดหงิดขึ้นมากกว่าเดิม

     

     

        “: ตอนนี้เลยเหรอว่ะ...คือ..กู…”

     

     

        “เออดิ มารับกูตอนนี้ เดี๋ยวนี้เลย!”

     

     

        “: กูอยู่กับพี่บัทวะ

    อเล็กซ์พูดเสียงเบา เหมือนกลัวอีกคนจะโกรธ ไม่ใช่ว่าไม่เป็นห่วงไอเพื่อนคนนี้หลอกนะ แต่กว่าจะหาตัวพี่รหัสคนนี้เจอมันก็แสนยากแสนเย็นเหลือเกิน ได้โอกาสมาก็อยากจะใช้ให้มันเต็มที่ซะหน่อย

     

     

        “มึงก็ออกมาหากูไม่ได้รึไงวะ! หรือพี่เขาจะขู่ฆ่ามึง

    เจเจพูดออกมาอย่างหัวเสีย สายตาก็มองไปที่โต๊ะอาหารที่ตัวเองลุกหนีออกมา ก็ยังคงเห็นชายหนุ่มสองคนที่นั่งทานข้าวกันโดยที่ไม่สนใจเขาเลยซักนิด แต่คนที่อารมณ์ขึ้นง่ายอยู่แล้ว ก็กำลังจะไฟท่วมตัวเมื่อเพื่อนรักอีกคนมันพูดตอบออกมา

     

     

        “: ไม่ได้จริงๆว่ะ...กูขอโทษนะ..มึงลงโทรหาไอแทนสิ แค่นี้นะ..ขอโทษจริงๆว่ะ กูรักมึงนะ

     

     

        “เดี๋ยว! ไอละ...

     

     

    ตื๊ด!

     

     

    ยังไม่ทันที่เจเจจะพูดอะไรออกมา ปลายสายก็ชิงตัดสายไปซะก่อน คิ้วเรียวขมวดเข้าหากันมองโทรศัพท์อย่างไม่เข้าใจ ก็ในเมื่อไอเล็กมันไม่เคยปฏิเสธเขาเลยซักครั้ง และนี่มันเป็นครั้งแรก ที่มันเลือกที่จะอยู่กับคนอื่นๆนอกจากเพื่อนในกลุ่ม  ขอเน้นเลยว่า ครั้งแรก!

     

     

        “แม่ง!”

    เจเจสถบออกมาอย่างหงุดหงิด กดเบอร์โทรหาเพื่อนอีกคน ให้มารับก่อนที่จะบอกสถานที่อยู่ไปเรียบร้อย แล้วครั้งนี้ก็ทำให้ร่างเล็กอารมณ์เย็นลงมาบ้าง เมื่อเพื่อนคนนี้ของมันกำลังว่าง อยากออกไปข้างนอกอยู่พอดี ไม่นานนัก รถคันหรูก็มาจอดเทียบตรงหน้า

     

     

        ยืนเป็นหมาถูกทิ้งเลยนะมึง

    เสียงพูดทักทายเรียบนิ่งดังขึ้น แต่คำพูดของมันช่างต่างกับน้ำเสียงสิ้นเชิง เจเจหันไปมองชายหนุ่มหน้าคมดุที่นั่งอยู่ในรถตาขวางก่อนที่จะพูดออกมาเสียงแข็ง

     

     

        “กูไม่ได้ถูกทิ้ง!! กูออกมาของกูเอง!”

     

     

        “ฮ่าๆ คร้าบๆ ขึ้นรถเว้ย

    สิ้นคำเชิญ ร่างเล็กก็เดินขึ้นรถมาอย่างว่าง่าย ก่อนที่รถจะออกตัวไปโดยที่ทั้งคู่ก็ไม่ได้รู้เลยว่าทุกการกระทำ อยู่ในสายตาของนายราติณท์ตลอดเวลา..

     

     

        “น้องพีมครับ

     

     

        “ฮะ? ^^”

     

     

        “พี่ขอพูดอะไรด้วยหน่อยได้มั้ย?

    ตินพูดขึ้นหลังจากมองรถคันหรูแล่นไปจนลับตา ให้เด็กหนุ่มตรงหน้าหันมาสบตา ดวงตาคู่คมมองหน้าคนตรงข้ามอย่างจริงจัง ทำเอาเด็กหนุ่มชงักไปนิด ก่อนจะถามออกมาเสียงเบา

     

     

        “มีอะไรเหรอฮะ?

     
     

     

    --------80%-------

     

     

    เด็กหนุ่มถามเสียงใสรอคำตอบจากพี่ชายตรงหน้า นายราติณท์มองหน้าเด็กหนุ่มตรงหน้าอย่างจริงจัง ก่อนที่จะพูดออกไปเสียงเข้ม...

     

     

     

    --------------------------------------------------------

     

     

        มึงจะหงุดหงิดอะไรนักหนาวะเจเจ

     

     

        “มึงไม่มาอยู่ในเหตุการณ์ตอนนั้นมึงไม่รู้หรอกไอแทน! ไอตินมันเข้าข้างเด็กนั่น! มันไม่เคยเป็นแบบนี้..มันเห็นเด็กนั่นดีกว่ากู..

    ประโยคสุดท้ายที่ร่างเล็กพูดออกมาเสียงแผ่ว ใบหน้าหวานหหม่นลงนิด แล้วทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมา ทำเอาอีกคนที่มาอยู่เป็นเพื่อนถึงกับทำตัวไม่ถูก

     

     

        “เห้ยๆ อย่าร้องนะมึง กูปลอบคนไม่เป็นนะเว้ย

    แทนพูดออกมาแบบไม่รู้จะพูดอะไร สองมือก็ดึงอีกคนเข้ามาซุกอกอย่างอัตโนมัต มองออกไปนอกกระจกก็เห็นชายหนุ่มตัวใหญ่ๆ สี่ห้าคนกำลังก้มหน้าก้มตาเช็ครถที่กำลังจะแข็งในอีกไม่กี่นาทีนี้ ใช่..ตอนนี้เขาทั้งสองคนไม่ได้กลับไปบ้านอย่างที่คิด นายจิราวัตร์กำลังอยู่ที่สนามแข่งรถที่เขาเป็นเจ้าของ และถ้าอยากรู้ว่าทำไมเขาถึงมาอยู่ที่นี่..

     

     

         มึงจะกลับบ้านเลยใช่มั้ย?

     

         ‘…ยัง..กูอยากไปสนาม

     

         ‘ไม่กลัวไอตินตามไปที่บ้านแล้วไม่เจอรึไง

     

         ‘ก็ดี! กูก็อยากรู้เหมือนกัน ว่ามันจะตามกูมาถึงที่นี่ได้รึเปล่า

        

     

    ตอนนี้ฟ้าเริ่มมืดลงแล้ว เป็นช่วงที่จะมีคนมาใช้บริการที่สนามแข่งของเขาค่อนข้างเยอะ เพราะคนส่วนใหญ่ไม่ค่อยจะมากันตอนกลางวันนัก เสียงรถที่เหยียบคันเร่งดังกระหึ่มไปทั่วทั้งสนาม เสียงดนตรีสไตล์ฝรั่งเศษดังคลอไปเบาๆ ให้พอได้ผ่อนคลาย แต่ดูเหมือนเจ้าของสนามจะรู้สึกไม่ค่อยดีกับเพลงพวกนั้นเท่าไหร่..

     

     

                                           ไม่อยากเจอหน้ามึง...แล้วทำไมกูต้องมานั่งฟังเพลงของมึงด้วยวะ!

     

     

    เจเจพูดกับตัวเองในใจทั้งๆที่ตอนนี้ทั้งร่างสั่นสะท้านไปหมด สองมึงจับชายเสื้อไอเพื่อนใจนักเลงเอาไว้แน่น ซุกหน้าลงกับพุงมันพยายามจะกลั้นน้ำตาไม่ให้ไหลแต่ดูเหมือนว่าตอนนี้เสื้อมันจะเปียกชุ่มไปแล้วล่ะ

     

     

    แกร๊ก..

     

     

        “เจครับ ทะ....

     

     

    กึก..

     

     

    เสียงประตูบานเลื่อนดังขึ้นพร้อมกับเสียงทุ่มนุ่มที่เหมือนยังไม่ทันจะพูดจบประโยคก็หยุดชงักไป ให้เจเจที่จำได้ดีว่าเป็นเสียงของใครอดไม่ได้ที่จะท้องเงยหน้าขึ้นไปมองแต่สองมือก็ยังไม่ยอมปล่อยจากชายเสื้อของแทน เช่นเดียวกับแทนที่ยังคงโอบไหล่เพื่อนรักไว้

     

     

        “เจครับ มานี่

    ร่างสูงพูดเสียงเข้ม สายตาคู่คมมองมาที่ร่างสูงที่กำลังกอดเจเจด้วยสายตาเรียบนิ่งอย่างน่ากลัว โดยที่นายธนินท์ก็ไม่ได้เกรงกลัวเลยสักนิด

     

     

        “เพิ่งจะมารึไง?...แล้วไอเด็กนั่นล่ะ

     

     

        “กูจะคุยกับเจเจ ไม่ใช่มึง

    ตินพูดขึ้นเสียงเย็น ให้อีกคนยิ้มอย่างพอใจแล้วค่อยๆ ปล่อยมือจากเพื่อนตัวเล็กที่ตอนนี้กำลังใช้สองมือปาดน้ำตาอย่างลวกๆ

     

     

        เจ..กูกลับก่อนแล้วกัน ไว้พรุ่งนี้ค่อยไปกินข้าวบ้านมึง

    แทนพูดจบก็ไม่รอให้เจเจรับคำ หมุนตัวเดินสองมือล้วงกระเป๋าออกไปยิ้มๆเหมือนจะพอใจที่ตินมาหาเจเจที่นี่ได้จริงๆ

     

     

        เจครับ..

     

     

        ไหนมึงบอกว่าชอบกูไง!! ไอคนโกหก ฮึก...โกหก..

    ทันทีที่ได้ยินอีกคนเรียกชื่อเจเจก็ตวาดออกมาในประโยคแรก ก่อนที่น้ำตาจะไหลออกมาอีกครั้งด้วยความน้อยใจ เขารู้ตัวว่าเขาเป็นพวกความรู้สึกอ่อนไหวเอามากๆ บ่อน้ำตาก็ตื้นซะจนดูเป็นคนขี้แง..แต่จริงๆแล้ว เขาก็อ่อนไหวเฉพาะเรื่องที่มันเกี่ยวกับไอตินเท่านั้นแหละ

     

     

        “โกหกอะไร..กูยังไม่ทันพูดอะไรเลยนะ

     

     

        “ก็มึง..ฮึก มึงทำเหมือนชอบมัน...ฮึกก มึงมันบ้า! ไอบ้า! ไอบ้าติน!”

    เมื่อตินที่ทำท่าเหมือนจะเดินมากอดปลอบแบบทุกครั้ง กำปั้นเล็กๆก็ทุบไปที่อกเกร่งของอีกคนอย่างแรงรัวๆเบื่อระบายความอึดอัดในใจแต่เหมือนมันจะช่วยไม่ได้เลยสักนิดเดียว.. การกระทำที่ทำให้นายราติณท์ไม่ได้ปัดป้องแต่อย่างใด ยังคงยืนนิ่งมองอีกคนที่อาละวาดไปทั้งน้ำตาก่อนที่วงแขนกว้างจะสวมกอดร่างเล็กไว้

     

     

        “เจครับ ใจเย็นๆสิ

    ตินพูดขึ้นเสียงนุ่ม นานพอสมควรที่เจเจจะหยุด ร่างเล็กที่ขณะนี้เริ่มหมดแรงก็ยืนให้อีกคนกอดนิ่งๆ ตัวยังคงสั่นอยู่นิดๆเพราะแรงสะอื้นเมื่อเห็นว่าตินเงียบไปก็ค่อยๆเงยหน้าขึ้นมา..

     

     

        “หยุดร้องนะครับคนดี

     

     

        “ฮึกก...ใจร้าย..คนใจร้าย..คนโกหก!”

    พอได้ยินเสียงนุ่มๆคำพูดหวานๆ ก็ทำเอาหัวใจดวงเล็กๆกระตุกวูบ นึกถึงไอเด็กหน้าใสที่มาทำให้เพื่อนรักเขาเปลี่ยนไป แต่เหมือนคำพูดว่านั้นจะไม่ได้ทำให้นายราติณท์รู้สึกอะไรเท่าไหร่ เพราะใบหน้าหล่อเหลากำลังเคลื่อนเข้าใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนทั้งคู่สำผัสได้ถึงลมหายใจร้อนๆของกันและกัน

     

     

    จุ๊บ..

     

     

    ริมฝีปากหน้าเคลื่อนเข้ามาประทับจูบแผ่วเบาที่กลับปากบางถึงแม้จะเป็นเพียงปากแตะปากแต่ก็สามารถทำให้ทั้งคู่อุ่นไปถึงขั้วหัวใจ ตินผละใบหน้าออกมานิดให้พอที่จะเห็นสีหน้าของอีกคน ริมฝีปากได้รูปค่อยๆระบายยิ้มอ่อนโยนออกมาก่อนที่จะพูดเสียงนุ่ม..

     

     

        “อย่าร้องนะครับ...กูจะชอบใครอีกได้ยังไง...ในเมื่อกูรักมึงไปแล้วเจเจ

     

     

     

     


     

    -อัศวินดาบชมพู-

    100%---------------------------------------100%

     

    -มาแล้วค้า เรื่องนี้คงจะไม่ได้มีตอนพิเศษวันวาเลนไทน์เนอะ เขียนไม่ทันแล้วฮ่าๆๆ  ตอนหน้าก็คงจะเป็นตอนของ อเล็กซ์xบัทเตอร์ นะคะ

    - อเล็กซ์xบัทเตอร์ เชื่อว่าหลายๆคนคงคิดว่าคู่นี้มันออกแนวน่าเบื่อใช่มั้ยล่ะ จะบอกว่าจริงๆแล้วคู่นี้มันฮามากกว่าค่ะ คึคึ ถึงบัทเตอร์จะเป็นพวกเย็นยะเยือก แต่อย่าลืมว่าเจ้าอเล็กซ์ยังอยู่ ไอหมอนี่มันทำให้หลายคนฮาแตกได้แน่ๆค่ะ เค้ามั่นใจ ><

     

    **ขอบคุณที่ติดตามค้า**


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×