ตอนที่ 4 กูชอบมึง
ร่างเล็กนั่งหันซ้ายที่ขวาทีอยู่บนโซฟาตัวยาว มองเพื่อนรักสมัย ม.ปลาย ที่กำลังยืนรอสายจากโทรศัพท์หน้าเครียด กับพี่ชายชุดดำนามสูงส่ง(เมฆนี่สูงเหรอ?)ที่กำลังยืนกอดอกใช้ความคิดหน้าเครียด ก็ในเมื่อชั่วโมงก่อน มีลูกน้องมาเฟียที่ไหนไม่รู้โผล่มาจะลากไอเพื่อนตัวดีเขากลับไปบ้าน แต่ไอเพื่อนเขานี่ก็ใช่เล่นซะเมื่อไหร่ เอาชื่อพี่ชายบุญธรรมที่เขาว่าต่อๆกันมาว่าน่ากลัวอย่างกับไม่ใช่คนมาอ้าง
......แล้วมันก็ได้ผลซะงั้น
"ฮัลโหลบอส.....นิกไม่ได้โกหกซะหน่อย ก็วันนี้บอสจะเข้าบ้านใหญ่ไม่ใช่รึไง....โถ่บอส ช่วยนิกหน่อยนะครับ นะครับบบ.....เย้! คิคิ บอสน่ารักที่สุดในโลกเลย...ครับๆนิกรักบอสนะ...ครับ..บายครับ"
ตกลงพี่มันชื่อบัทหรือชื่อบอสกันแน่วะ..โอ๊ย ทำไมเพื่อนกูมันลึกลับแบบนี้วะเนี่ย!
"เจเจ มึงมีคำถามอยากจะถามกูสินะ"
เห็นมั้ย บอกแล้วไอนี่มันเป็นพ่อหมอแม่หมอได้ แม่ง ยังไม่ทันพูดอะไรมันรู้แล้วอะ
ความคิดของนายจิราวัตร์ที่นั่งเงียบรอดูผลอยู่เงียบๆ จนไอเพื่อนตัวดีมันคุยโทรศัพท์เสร็จ สีหน้าที่เป็นกังวลในตอนแรกหายเป็นปลิดทิ้ง แล้วพี่เมฆก็เช่นกัน
"มี..เยอะมากกกกกกกกกก"
เจเจลากเสียงยาวพยายามสื่อความหมายว่าตอนนี้กำลังอยากรู้อยากเห็นเต็มที่ ให้ไอเพื่อนสมัยเรียนมันส่ายหน้าเบาๆ
"ว่ามา"
ไอคนที่ไม่ชอบปิดบังไม่ชอบอะไรค้างคาในใจก็เปิดอกคุย นั่งลงที่ที่ว่างข้างๆโซฟา ส่วนพี่ชายชุดดำก็ยังยืนกอดอกมาดขรึมอยู่ที่เดิม
"พี่มึงชื่ออะไร?"
"พี่คนไหน? พี่เมฆ หรือไอพี่ผู้ชายเมื่อกี้ หรือพี่บุญธรรมกู?"
"พี่บุญธรรม"
"อ่อ ชื่อบัทเตอร์ฟาย เรียกสั่นๆว่าบัทเตอร์ หรือให้สั้นอีกหน่อยก็เรียกว่า บัท"
คำพูดที่จะกึ่งอธิบายกึ่งกวนบาทาก็ทำเอาเจเจเกาหัวแกรกๆพรางคิดในใจ..บัทเตอร์ฟาย มันชื่อผู้หญิงหรือผู้ชายวะแล้วไอที่คุยเมื่อกี้ไม่ใช่พี่มันหรอกเหรอ?
"ผู้หญิง?"
เจเจพูดเสียงสูงขึ้นนิดๆเป็นเชิงถาม แต่นิกกลับส่ายหัวไปมาช้าๆ แล้วว่าเสียงนิ่ง
"ผู้ชาย"
"หือ? ชื่อบัทเตอร์ฟาย ที่แปลว่าผีเสื้ออะนะ?"
"ก็คงงั้น"
นิกตอบเสียงนิ่งๆพรางยักไหล่นิดหน่อย ให้เจเจถามต่อ
"แล้วเมื่อกี้ไม่ได้คุยกับพี่บัทเตอร์ฟายเหรอ?"
"คุยสิ ก็เพิ่งวางไปมึงก็เห็น"
"....อ่าว แล้วทำไมมึงเรียกว่าบอสล่ะ"
"ก็...บอสที่แปลว่าเจ้านายน่ะ เรื่องมันยาว มึงรู้แค่นี้ก่อนแล้วกัน"
"เฮ้ย! ได้ไง กูยังไม่หายสงสัยเลยนะ"
เจเจได้แต่โวยวาย เมื่อไอคนที่ตอนแรกเปิดโอกาศให้เขาถามทุกอย่างตอนนี้กลับทำท่าเหมือนขี้เกียจจะเล่าซะงั้น นิกโบกมือขึ้นกลางอากาศเป็นสัญญานบอกว่า ถามให้ตายก็ไม่ตอบแล้ว
ก็ถ้าบอกมันไปตอนนี้มันก็คง งงกว่าเดิม แล้วคำถามมันก็คงเพิ่มขึ้นเรื่อยๆแน่ๆ
นิกคิดแล้วปรับสีหน้ากลับมายิ้มแย้มและร่าเริงอีกครั้ง ผิดกับท่าทางสุขุมเย็นยะเยือกเมื่อครู่สุดๆ นิกลุกขึ้นบิดขี้เกียจยาวๆ เหมือนเมื่อยมาสามชาติทั้งๆที่มันก็นั่งอยู่เฉยๆแบบนี้อย่างเดียว
"แล้วนี่มึงจะกลับตอนไหน"
นิกพูดขึ้นเสียงใส ทำเอาเจเจชะงักไปนิด แล้วเงยหน้ามองนาฬิกาที่ผนังคอนโดบอกเวลาทุ่มกว่าๆ ฟ้าด้านนอกที่เริ่มจะมืดลงเรื่อยๆ กับเสียงการจราจรที่กำลังแออัด
"กลับเลยก็ได้ มืดแล้วหนิ"
"แล้วมึงจะกลับไง?"
"เดี๋ยวกูโทรให้ไอเล็กมารับ"
เจเจพูดพรางลุกขึ้นยืนตัวตรง มือนึงล้วงกระเป๋ากางเกงหยิบโทรศัพท์คู่ใจขึ้นมากดดู แต่แล้วก็พบแต่หน้าจอที่ดำสนิท
"ซวยละ แบตเสือกหมดอีก!"
เจเจพึมพำอย่างหัวเสีย นึกถึงคนที่พยายามโทรหาเขาเมื่อตอนเย็น ป่านนี้คงวิ่งวุ่นตามหากันทั่ว
"งั้นเดี๋ยวพี่ไปส่งแล้วกัน"
"เออใช่ๆ ให้พี่เมฆไปส่งมึงเหอะ"
นิกพูดเสริมขึ้นอย่างเห็นด้วย เมฆยิ้มนิดๆ เลิกคิ้วเป็นเชิงถามคำตอบ
"เอ่อ..ไม่เป็นไรดีกว่า เกรงใจพี่เขา"
"เกรงใจอะไรล่ะครับ ถ้าพี่ไม่ไปส่งน้องนิกก็ต้องดื้อไปส่งเองอยู่ดี แล้วถ้าเป็นแบบนั้นพี่ก็ต้องตามไปด้วย มันไม่ต่างกันเลยนะ"
"แต่ว่า..."
เจเจพูดท้วงด้วยความเกรงใจ เพราะทั้งคู่เพิ่งเจอกันวันแรก และเจเจก็ยังเกรงๆเมฆอยู่บ้าง
"เอาหน่า ไม่ต้องเกรงใจหรอก ใช่มั้ยนิก"
ชายหนุ่มพูดเสียงนุ่ม แล้วหันไปถามนิกที่นั่งกอดอกมองทั้งคู่ยิ้มๆ ดวงตาคู่คมหรี่ลฃยิดๆ เวลามองมาทางร่างสูง
"อ่าใช่ก็ใช่.. คิคิ นิกรู้นิกเห็นนะพี่เมฆ"
"หึหึ ไว้ค่อยคุยกันหน่า ไปครับน้องเจ"
เมฆหันไปพูดเสียงกลั้วหัวเราะกับร่างเล็ก แล้วพยักหน้าให้กับเจเจ ก่อนจะเดินไปหยิบกุญแจรถ โทรศัพท์และกระเป๋าตังค์แล้วเดินนำออกไป
-------------------------------------------------------------
"นี่น้องเจอยู่คนเดียวเหรอครับเนี่ย ไม่เหงาแย่เหรอ"
"ไม่หรอกครับ พวกเพื่อนๆก็มาเที่ยวค้างกันบ่อยๆ"
"ฮ่าๆ เก่งจัง ถ้าเป็นน้องนิกกับคุณบัทนี่คงร้องไห้ขี้มูกโป่งไปแล้ว"
"ไม่ขนาดนั้นมั้งครับ ฮ่าๆ เจ้านิกมันเก่งจะตาย พี่ชายมันก็คงจะเท่ห์น่าดูเลยนะครับ"
ทั้งสองคนพูดคุยกันอย่างเริงร่า ตลอดทางที่นั่งรถมา เมฆก็ชวนเจเจคุยมาตลอด คอยถามนู่นถามนี่ และยิงมุกตลกๆมาบ่อยๆ จนเจเจรู้สึกสบายใจ ไม่ได้เกรงกลัวเหมือนตอนแรก เจเจได้แต่คิดในใจว่า...
จริงๆแล้วก็ฮาดีนี่หว่า...ทำไมชอบตีหน้าขรึมจังวะ
"คุณบัทน่ะเหรอ...อืม..จะใช้คำว่าเท่ห์ก็คงไม่ได้หรอก ฮ่าๆ เข้าบ้านเถอะครับ เดี๋ยวพี่จะไปหาซื้อของกินฝากน้องนิกซะหน่อย"
"งั้นผมไปนะครับ ขอบคุณครับที่มาส่ง"
"ปิดบ้านดีๆล่ะ"
"ครับผม^^"
รถคันหรูแล่นออกไปจนลับตา เจเจก็หมุนตัวเพื่อที่จะเข้าไปในบ้านแต่ก็ต้องชะงัก เมื่อเห็นว่าประตูรั้วหน้าบ้านถูกไขออกแล้ว และก็เดาได้ไม่ยากว่าใคร..เพราะมีแค่คนเดียวที่มีกุญแจบ้านของเขาทุกประตู
ร่างเล็กเดินเข้าบ้านด้วยหัวใจเต้นระรัว ตอนนี้ยอมรับว่าความโกรธมันหายไปหมดแล้ว อาจจะมีความรู้สึกน้อยใจเหลืออยู่บ้านนิดหน่อย แต่สิ่งที่รู้สึกตอนนี้คงเป็นความกลัวมากกว่า อยากรู้มั้ยล่ะ ว่าทำไมต้องกลัว..
"เจเจ! หายไปไหนมา ทำไมเพิ่งกลับ!! แล้วปิดเครื่องทำไม! ใครมาส่งเมื่อกี้!!"
"....."
คำถามที่กึ่งตวาดกึ่งตะคอกยิงมาเป็นชุด จนเจเจได้แต่เงียบก้มหน้างุด มือสองข้างบีบกันแน่นไม่ต่างจากริมฝีปากที่เม้มเข้าหากัน
"ตอบกูสิเจ! มึงหายไปมา! มึงไปอยู่กับใครมา!!"
"กูจะไปไหนก็เรื่องของกู!!! ทีมึงยังไปกับเด็กนั่นได้เลย! ทำไมกูจะไปไม่ได้!!"
เจเจตวาดกลับอย่างเหลืออด เมื่อนึกถึงเหตุผลที่ตัองทำให้เขาหนีออกไป แต่แล้วสิ่งที่ได้รับกลับมากลับไม่ใช่คำดุด่าหรือการลงโทษใดๆ...
พรึ่บ~!
"อ๊ะ!"
ร่างเล็กถูกกระชากตัวเข้าไปกอดโดยที่เจเจยังไม่ทันตั้งตัวเลยซักนิด แต่แล้วไออุ่นที่แผ่มาจากอกเกร่งทำให้ใบหน้าเนียนซุกเข้าหาความอบอุ่นอย่างไม่รู้ตัว ต่างจากอีกคนที่ใจเต้นระรัว ความกังวลก่อนหน้านี้ถูกปัดทิ้งไปหมดแล้ว เมื่อสามชั่วโมงก่อนที่เข้าวุ่นกระวนกระวาย ห่วงไอเพื่อนตัวเล็กที่มันไม่ค่อยจะประสีประสาซักเท่าไหร่ แถมมันยังขึ้นรถไปกับใครก็ไม่รู้อีกน่ะ
"กูเป็นห่วงมากรู้มั้ย...อย่าทำแบบนี้อีกนะ..ขอร้อง..กูขอร้อง"
"....."
ร่างเล็กนิ่งเงียบทันทีที่นายราติณท์พูดขอร้องเสียงสั่นเครือเหมือนคนจะร้องไห้อยู่รอมล่อทำเอาเจเจใจกระตุกวูบ น้ำตารื้อขึ้นมาเต็มสองเบ้าตา ทั้งสองยืนกอดกันนิ่งมีเพียงน้ำตาที่ไหลออกมาช้าๆของทั้งคู่ โดยที่ไม่ทีเสียงสะอื้นใดๆ แต่แล้วความเงียบก็ถูกทำลาย..
"กะ..กูขอโทษ..."
"มึงไม่ผิด..กูผิดเอง..กูปล่อยให้มึงเดินลงไป..กูผิดเอง..กูขับรถตามมึงไม่ทัน..กูตามหามึงไม่เจอ..กูผิด..กูขอโทษ"
ตอนพูดบอกออกมาเสียงแผ่ว เพิ่มแรงกอดเองบางแน่นขึ้น ใบหน้าหล่อเข้มซบลงที่ไหล่บางอย่างอ่อนแรง จนเจเจรับรู้ถึงสัมผัสเปียกชื้นที่บ่าเพราะน้ำตาของตินที่ไหล่ออกมา ความอึดอัดในใจที่เจเจไม่รู้จะพูดออกมาด้วยคำใด ร่างสูงยังคงพูดขอโทษซ้ำๆ จนเจเจน้ำตาไหลพราก เมื่อความโกรธถูกพัดผ่านไป ความรู้สึกผิดกูแทรกเข้ามาเต็มอก
"ฮึกก.."
"อย่าร้องครับ..กินข้าวมั้ย กูซื้อของชอบมึงมาเยอะเลย"
ตินผละตัวออกจากร่างเล็ก แล้วใช้ปลายนิ้วโป้งปาดน้ำตาออกจากใบหน้าเนียน ก่อนที่รอยยิ้มอบอุ่นจะผุดขึ้นที่ริมฝีปาก แต่ทว่า..ดวงตาคู่คมนั้นไม่ได้ยิ้มไปด้วยแม้แต่นิด
"ฮึก..ติน.."
"ขึ้นไปล้างหน้าล้างตาเร็ว เดี๋ยวอาหารเย็นหมด"
หมับ!
"กูขอโทษ..ฮึกก...ขอโทษ..ติน..อย่าโกรธเจนะ เจขอโทษ.."
ตินที่ทำท่าจะเดินเข้าไปในครัวต้องหยุดชะงักเพราะร่างเล็กที่กระโจนเข้ามากอดเขาจากด้านหลัง แล้วพูดขอโทษอย่างร้อนรน เจเจกอดตินแน่นขึ้นเรื่อยๆเหมือนต้องการจะระบายความอึดอัดในใจ
"เจครับ..อย่าร้องนะ..กูไม่ชอบน้ำตามึงเลย"
ตินหันหน้าเข้าหาเพื่อนรักแล้วพูดเสียงนุ่ม ร้อยยิ้มใจดีผุดขึ้นอีกครั้ง และครั้งนี้เป็รรอยยิ้มที่ยิ้มไปทั้งตาและปากจริงๆ ไม่ใช่รอยยิ้มฝืนๆเหมือนในตอนแรก ทำให้เจเจยิ้มขึ้นมาได้แล้วว่าตัวเสียงสั่น
"ตินไม่โกรธเจนะ..เจจะไม่ดื้ออีกแล้ว ฮึกก...เจสัญญา.."
"แน่ใจ?"
"อือ..แน่ แน่ที่สุดเลย!"
เจเจพยักหน้ารัวๆ แล้วพูดเสียงดังเพื่อยืนยันคำพูด ตินลูบหัวเพื่อนรักเบาๆก่อนจะพูดออกมอีก
"ไปล้างหน้าล้างตาไปครับ เดี๋ยวไปเตรียมของไว้ให้"
"ไม่ต้อง เดี๋ยวกูเตรียมเอง...มึงนั่งรอเถอะ"
"หืม...ไม่พูดแบบเมื่อกี้แล้วเหรอครับ เจเจของติน ฮ่าๆ"
"ไอบ้า! ไม่เอาแล้ว นั่งรอตรงนั้นแหละ เดี๋ยวกูจัดการเอง"
เจเจพูดเสียงแข็ง ใบหน้าเริ่มขึ้นสีระเรื่อ ตอนนี้แทบจะลืมเรื่องเด็กน้อยหน้าใสต้นเหตุของเรื่องทั้งหมดนี่ไปแล้วด้วยซ้ำ ร่างเล็กเดินเข้าไปในห้องน้ำก่อนจะออกมาจัดการเตรียมอาหารในครัว
-------------------------------------------------------------
"เอ่อ....ติน.."
เจเจเรียกขื่อคนข้างตัวขณะนั่งดูทีวีหลังอาหารบนโซฟาตัวยาว
"ครับ?"
"ถามไรหน่อยสิ"
"อะไรครับ"
"ไอเด็กนั่น.....มึงชอบเหรอ"
"......."
"......"
ความเงียบเข้าปกคลุมตัวบ้านทันทีที่เจเจถามออกไปเสียงแผ่ว ความรู้สึกแปลกๆในอกเกิดขึ้นกับทั้งสอง เจเจเม้มปากแน่น ดวงตาคู่กลมสั่นระริกมองหน้าอีกคนอย่างรอคอยคำตอบ โดยที่อีกฝ่ายเพียงนั่งนิ่งดวงตามองตรงไปด้านหน้าแต่หารู้ไม่ว่า ภายในใจทั้งคู่ก็เต้นแรงไม่แพ้กัน
ชอบพีมงั้นเหรอ....กูจะชอบใครได้นอกจากมึงวะ
ความคิดของนายราติณท์ที่ทั้งสับสนทั้งไม่เข้าใจไม่เข้าใจจริงๆว่าในเมื่อเขาแสดงท่าทางหึงหวงและคอยเอาอกเอาใจเจเจมาตลอดแต่ทำไมอีกฝ่ายไม่เคยรับรู้ความรู้สึกเลย ในขณะเดียวกัน นายจิราวัตร์ก็คิดไปต่างๆนาๆ
นิ่งแบบนี้หมายความว่าไงวะ ชอบจริงๆงั้นเหรอ..
เจเจคิดในใจมือเรียวกำหมอนอิงที่ตักแน่น รอคำตอบที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายจะตอบมาเมื่อไหร่ แต่แล้ว หัวใจดวงน้อยๆก็เต้นโครมครามราวกับจะหลุดออกมาข้างนอกเมื่ออีกคนหันมาสบตาแล้วพูดเสียงจริงจัง
"กูชอบมึง"
-------40%-------
"มะ..มึง..พูดบ้าอะไร"
เจเจใจเต้นรัวเร็วอย่างไม่น่าเชื่อ ดวงตาคู่โตเบิกกว้างยิ่งกว่าเดิม แต่ผู้พูดเพียงตีหน้านิ่งสายตาจับจ้องมาที่เจเจอย่างจริงจัง
"กูชอบมึงเจ..ชอบมึงมานานแล้ว..กูชอบมึงตั้งแต่วันแรกที่เจอกัน.."
"ตะ..แต่..เราเป็นเพื่อนกันนะ"
"กูรู้...มึงไม่เคยรู้สึกกับกูบ้างรึไง"
ตินพูดเสียงหม่น ร่างสูงขยับเข้ามาใกล้ร่างเล็กมากขึ้น ก่อนที่จะรั้งเอวบางเข้ามากอด ตินซุกใบหน้าไปที่ซอกคอขาวของอีกฝ่าย ลมหายใจร้อนๆที่แผ่กระทบทำเอาเจเจขนลุกซู่ไปทั้งตัว ปกติที่ได้ใกล้ชิดกับตินก็ใจเต้นแรงมากพออยู่แล้ว แต่พอตินมาพูดแบบนี้ยิ่งทำให้หัวใจดวงน้อยสูบฉีดแรงขึ้นไปอีก แต่แล้วก่อนที่ทั้งสองจะได้พูดอะไรออกมา...
"เจเจคร้าบบบ...อะ อ่าว เฮ้ย!"
ผลั่ก!
ทันทีที่ได้ยินเสียงจอมทะเล้นของเพื่อนรักอีกคน เจเจผลักอกเกร่งออกจนตินผงะไปนิด นายอเล็กซ์ที่เดินเข้ามาถูกที่ผิดเวลามองทั้งคู่สลับไปสลับมาอย่างงงๆ ตอนแรกกะจะล้อมันสองคนว่าแอบมามุ้งมิ้งกันอยู่ตรงนี้หรอกนะ..แต่พอเห็นน้ำตาที่เปื้อนใบหน้าหวานกับสีหน้าหม่นๆของไอเพื่อนหน้าหล่อก็ทำเอาไอหนุ่มปากปีจอพูดอะไรไม่ถูก
อุส่าจะชวนทำสุกกี้กิน..เพื่อนกูสองคนแดกมาม่า(ดราม่า)กันซะแล้ว
ความคิดเพี้ยนๆของไอหนุ่มมาดทะเล้น ที่เอาแต่ทำท่าเก้งๆกังๆ ไม่รู้ว่าควรจะออกไปก่อนหรือจะเข้าไปเผือกเรื่องของไอสองคนนี่ดี แต่ในที่สุดก็ไม่ต้องคิดให้หนักใจเพราะไอหนุ่มน้อยน่ารักประจำกลุ่มตัดสินใจให้ทันที
"อะ..ไอเล็ก..มึงมาพอดีเลย..มึง..มึงคุยกันไปก่อนนะ..กูจะไปอาบน้ำวะ"
"เดี๋ยวเจ.."
"มึง..กินกันก่อนเลยก็ได้นะ..กู..กูปวดหัว"
เจเจพูดแค่นั้นก็รีบวิ่งขึ้นชั้นสองของบ้านไปด้วยหัวใจที่เต้นรัว ส่วนนายราติณท์ที่อยากจะวิ่งตามขึ้นไปก็ทำได้เพียงมองแผ่นหลังบางห่างออกไปช้าๆด้วยหัวใจที่อ่อนแรง ตลอดเวลาหลายปี เขาเฝ้าดูแล เจเจมาตั้งแต่สมัย ม.ปลาย ทำให้ไอตินคนนี้เปลี่ยนจากเด็กผู้ชายหัวรุนแรง ชอบมีเรื่องมีราวกับเด็กต่างโรงเรียน กลายเป็นเด็กหนุ่มแสนอบอุ่น ชอบปกป้องและช่วยเหลือคนอื่นๆไปโดยที่ตินเองก็ไม่รู้ตัว
และเมื่อความรู้สึกต่างๆที่ตินมีให้เจเจมันเริ่มชัดเจนขึ้นเรื่อยๆ จนตินแสดงท่าทีหึงหวงเจเจทุกครั้งที่มีคนเข้ามาวุ่นวายมากเกินไป และทุกๆครั้ง ดูเหมือนว่าเจเจก็พอใจที่จะให้อีกฝ่ายทำแบบนี้
แต่ทำไม...ทำไมมันไม่เคยรู้เลย ทำไมมันไม่เคยรับรู้ความรู้สึกในใจนี้เลย..
ตินหันไปมองกรอบรูปเล็กๆสามอันที่ตั้งเรียงกันอยู่บนตู้ไม้สีขาว รูปแรกเป็นรูปที่เจเจขี่หลังตินในงานเลี้ยงเมื่อตอนวันจบมัธยม รูปที่สองเป็นรูปที่เจเจหนุนตักตินนอนหลับที่บ้านหลังนี้ และรูปสุดท้าย เป็นรูปที่ทั้งสองยืนจับมือผสานกันยิ้มกว้างให้กับกล้อง..
"มึงมีอะไรอยากจะปรึกษากูรึเปล่า..."
เสียงทุ้มดังขึ้นด้านหลังทำให้ตินเอี้ยวตัวไปมอง เห็นไอเพื่อนจอมทะเล้นที่ตอนนี้สลัดคราบนั้นทิ้งไป เหลือเพียงมาดนิ่งที่ดูสุขุมเท่านั้น
"เฮ้อ..มึงรู้ใช่มั้ยว่ากูคิดยังไงกับมัน"
"มึงชอบมัน?"
"อืม..กูบอกมันไปแล้ว"
!!!!!!
อเล็กซ์เบิกตากว้างขึ้นนิด อ้าปากค้างพะงาบๆ ถึงจะพอรู้ว่าไอตัวเล็กนั่นมันก็น่าจะชอบไอตินอยู่บ้างแต่ถ้ามันบอกไปตรงๆแบบนั้นมันจะไม่ตรงไหนหน่อยรึไง อเล็กซ์คิดแล้วนึกถึงใบหน้ารอยยิ้มสดใสที่เปลี่ยนมาเป็นน้ำตากับเสียงสะอื้น พร้อมกับมองหน้าคู่สนทนาที่สายตายังคงเหม่อมองรูปคู่ของมันกับเจที่ติดกระจายไปทั่วบ้าน
"แล้วมึงจะทำไง"
อเล็กซ์ถามเสียงเครียด ถอยหลังไปพิงกับผนังแล้วใช้นิ้วโป้งกับนิ้วชี้นวดที่ขมับของตัวเองยามใช้ความคิด
ไอเจกำลังร้องไห้..ไอตินกำลังเสียใจ..แล้วกูควรทำไงวะเนี่ย!!
ความคิดของไอหนุ่มทะเล้นที่กำลังพึมพัมกับตัวเองว่าถ้าไม่เข้ามาขัดจังหวะที่มันกำลังกอดกัน หลังจากนั้นซักสามนาทีมันอาจจะจูบกันก็ได้!
..
..
..
"ฮึก..ฮึกก"
บนชั้นสองของตัวบ้าน ร่างเล็กของนายจิราวัตร์กำลังนั่งกอดเข่าร้องไห้อยู่ข้างๆเตียง ความรู้สึกสัยสนตีปนกันไปหมด ภาพวันวานที่เขาเคยมีร่วมกับติน ภาพที่ตินคอยปกป้อง คอยดูแลเขาผุดขึ้นมาได้อย่างง่ายดาย และภาพพวกนั้นมันก็แสดงให้เห็นว่า
..ไม่ใช่มันคนเดียวที่คิดแบบนั้น
ใช่ ไม่ใช่ตินคนเดียวที่รู้สึกดี ไม่ใช่แค่ตินที่คิดมากเกินกว่าเพื่อน แต่ไอคำว่าเพื่อนมันก็ตีติดอยู่ตรงหน้า แถมเขาทั้งคู่ยังเป็นผู้ชาย เพื่อนผู้ชายที่สนิทกันมาเกือบสิบปีมาชอบกันเอง...แล้วคนอื่นจะมองไอตินยังไง? คนอื่นจะหาว่ามันเป็นพวกผิดเพศรึเปล่า? แล้วพ่อแม่มันล่ะ พ่อแม่มันจะว่ายังไง..
ก๊อก ก๊อก ก๊อก
เจเจหลุดออกจากห้วงความคิดทันทีเมื่อเสียงเคาะประตูดังขึ้น เจเจปาดน้ำตาลวกๆ แล้วยืนขึ้นเต็มความสูง
แกร๊ก~
มือเล็กๆที่สั่นเทาบิดลูกบิดประตูอย่างหวั่นๆ ในหัวคิดไปต่างๆนาๆว่าจะพูดอะไรกับติน ควรจะทำตัวยังไง หรือจะแกล้งทำเป็นเหมือนเรื่องเมื่อกี้ไม่มีอะไรเกิดขึ้นดี
"เจครับ.."
ทันทีที่ประตูห้องเปิดออก ร่างสูงที่ยืนรออยู่ด้วยสีหน้าหม่นๆก็พูดขึ้นเสียงแผ่ว ดวงตาคู่คมจ้องเข้ามาในตาของเจเจอย่างต้องการสื่อความหมาย
"........"
"เจ...กู..กูขอคุยด้วยหน่อย"
ตินพูดแล้วแทรกตัวเข้ามาในห้อง โดยที่เจ้าของห้องได้แต่มองตามด้วยสายตาสั่นๆ อยากจะร้องไห้ออกมาซะดื้อๆ กับความรู้สึกอึดอัดแบบนี้
"......"
"กูรู้..มึงเองก็รักกูใช่มั้ย"
กึก
เจเจชะงักนิ่งกับคำถาม ใจเต้นระรัวจนทำตัวไม่ถูก ดวงตาที่วูบไหวอย่างเห็นได้ชัด ส่วนอีกคนก็มองมาอย่างคาดหวังกับคำตอบ ถึงแม้จะรู้ดีว่ามันอาจจะไม่ใช่คำตอบที่เขาต้องการก็ได้
"มะ..มึงพูดบ้าอะไร"
"เจครับ มึงไม่รู้จริงๆเหรอว่ากูรักมึงแค่ไหน"
"รักบ้าอะไร!..ระ..เราเป็นเพื่อนกันนะเว้ย!"
เจเจพูดขึ้นเสียงแข็ง ทั้งๆที่ในใจสั่นไหวจนแทบจะทรุดไปที่พื้น แต่คำว่าเพื่อนมันก็ยังดับก้องอยู่ในหัว คำสาบานที่พูดว่าจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปยังดังกึกก้องไปทั่ว
"มึงไม่ได้รักกูงั้นเหรอ.."
"กะ..กู......กูรักมึงแบบเพื่อน มึงเป็นเพื่อนกู..เราจะเป็นเพื่อนกันตลอดไปไง"
เจเจพูดออกมาเสียงสั่น แต่มันกลับเหมือนปลายมีดคมที่ปั่กเข้ามากลางใจ ตินสูดหายใจเข้าลึกๆ เขารู้ว่าจริงๆแล้วเจเจก็รู้สึกดีกับเขา แต่เขาก็เพียงต้องการให้เจเจแสดงออกมาบ้างเท่านั้น แต่คำตอบที่ได้รับ..มันโหดร้ายเกินไป
เพื่อนกันตลอดไปงั้นเหรอ..แค่เพื่อนเท่านั้น จริงๆเหรอ..
"โอเค..กูเข้าใจแล้ว.."
ตอนพูดตอบเสียงแผ่ว ยังไม่อยากคาดคั้นอะไรจากเจเจมากนัก เจเจไดัยินคำพูดนั้นก็รู้สึกเจ็บแปล๊บที่อกซ้าย โดยที่เจ้าตัวก็ไม่รู้ว่าความรู้สึกนี้มันหมายความว่ายังไง เขายังไม่รู้ด้วยซ้ำว่าความรู้สึกระหว่างเขากับตินมันคืออะไร เขารู้อยู่อย่างเดียว
กูไม่อยากให้มึงเป็นของใคร..
กูอยากให้มึงสนใจกูคนเดียว..
กูขาดมึงไม่ได้..
ทั้งชีวิตของกู เป็นของมึงไอติน
เจเจได้แต่ร้องบอกดังๆในใจ ทั้งสับสนทั้งไม่เข้าใจ สองมือกำหมัดแน่นอย่างที่ไม่รู้จะระบายมันออกมายังไง ตินเห็นท่าทางของร่างเล็กก็ไม่อยากจะทำให้มันอึดอัดไปมากกว่านี้
"ไปอาบน้ำเร็วครับ..ไอเล็กรอกินข้าวอยู่นะ"
นายราติณท์พูดขึ้นเสียงนุ่ม แล้วยกมือขึ้นลูบหัวเพื่อนตัวเล็กเบาๆอย่างอ่อนโยน ก่อนจะเดินออกไปทันที ไม่รอฟังคำพูดใดๆอีก
"กูควรทำยังไง...กูควรทำยังไงดีติน.."
เมื่อตินเดินออกไปเจเจก็ปิดประตูแล้วทรุดตัวลงเอนหลังพิงกับบานประตู แล้วพูดกับตัวเองเสียงสั่น โดยที่ไม่รู้เลยว่า อีกฝ่ายนึง ก็กำลังนั่งพิงประตูบานเดียวกันอยู่ด้านนอกด้วยความรู้สึกแตกต่างกันไป
-------------------------------------------------------
"กูกลับก่อนนะ..โคตรอิ่มเลยว่ะ ฮ่าๆ"
"แน่ดิ มึงเล่นกินคนเดียวไปครึ่งโต๊ะ"
"ฮ่าๆ โทษทีๆ ไอเจไอตินกูกลับแล้วนะ"
หลังจากที่นายอเล็กซ์บอกลาเพื่อนรักทั้งสองเรียบร้อยก็ขึ้นรถแล้วขับออกไปทันที บรรยากาศแสนอึดอัดก่อตัวขึ้นอีกครั้ง ร่างเล็กหมุนตัวเข้าไปในบ้านโดยที่ไม่พูดอะไร แต่แล้ว..เขาก็ต้องชะงัก..
"เจ..คืนนี้กูนอนด้วยได้มั้ย"
ตินถามขึ้นอย่างไม่มั่นใจ เขารู้วาาการเร่งรัดทำอะไรไปตอนนี้ก็จะยิ่งทำให้ทุกอย่างแย่ลง ตินยิ้มอ่อนๆเหมือนอย่างเคยโดยไม่รอฟังคำตอบของเจ้าของบ้าน
ตินบรรยาย..
ผมอาบน้ำเสร็จก็ขึ้นมานอนเล่นอยู่บนเตียงนุ่มๆของไอเจ ตอนนี้ไอเจเจมันเข้าไปอาบน้ำอยู่ โดยที่ผมคิดว่ามันจะเข้าไปอาบนานเกินไปหน่อยรึเปล่าก็ไม่รู้ ก็ตั้งแต่ตอนนที่ผมพูดคำๆนั้นออกไป เหมือนมันก็ไม่กล้ามองตา ไม่กล้ามองหน้าผมอีก เวลาคุยกับผมก็แทบจะไม่สบตาผมเลยซักนิด และผมไม่อยากให้มันเป็นแบบนั้น
แกร๊ก~
เสียงเปิดประตูห้องน้ำดังขึ้นทำให้ผมต้องหันไปมอง ไอเจมันเดินออกมาในสภาพเดิมๆ คือเปลือยท่อนบน ที่เอวมีแค่ผ้าเช็ดตัวสีขาวผืนเดียวพันอยู่ ซึ่งผมก็ไม่เคยจะชินกับภาพแบบนี้ซักที ผมเบือนหน้าหนีไปมองทางอื่นไม่อยากจะมองไปที่มันตรงๆ เพราะมันอาจจะทำให้ผมแย่ได้
"เอ่อ..ติน.."
"คะ..ครับ?!"
ผมสะดุ้งนิดๆตอนมันเรียก ผมหันหน้าไปมองมันที่ทำท่าเหมือนหาอะไรซักอย่างไม่เจอ มันเป็นแบบนี้ประจำแหละครับ เพราะปกติผมก็จะเป็นคนจัดห้อง เก็บนู่นเก็บนี่ให้มัน ผมเลยจำได้แม่นว่าอะไรอยู่ตรงไหน
"เสื้อนอนกูหายไปไหนหมดล่ะ"
"ไม่อยู่ในตู้รึไง ดูดีๆครับ"
"ดูดีแล้วเนี่ย..มีแต่..ไอเนี่ย"
มันพูดแล้วหยิบเสื้อนอนแขนยาวลายหมีแพนด้าสีม่วงๆชมพูๆให้ผมดู ผมนี่ขำพรืดเลยครับ ฮ่าๆ เสื้อตัวนี้แม่ผมซื้อให้มัน สงสัยท่านจะลืมไปว่ามันเป็นเด็กผู้ชายไม่ใช่ผู้หญิง ฮ่าๆ
"ก็ใส่ตัวนี้ก็ได้หนิ..น่ารักดีออก ฮ่าๆๆ"
"น่ารักอีกแล้ว! บอกแล้วไงอย่าพูดแบบนี้"
"ฮ่าๆ ครับๆ รีบแต่งตัวเร็ว เดี๋ยวก็ไม่สบาย"
ผมพูดบอกไป เจมันทำหน้าบึ้งเลยครับ แต่ก็ยอมใส่ชุดนั้นจริงๆ ผมว่าตอนนี้มันคงคลายความอึดอัดบ้างแล้ว..ทำไมน่ะเหรอ
"ตินๆ กูว่านะ บางทีกูอาจจะเป็นญาติกับณเดชก็ได้นะเว้ย ดูสิๆ หน้าคล้ายๆกันเลย ฮ่าๆ"
ไอเจมันชูรูปดาราดังในไอแพดให้ผมดู แล้วเอาไปเทียบกับหน้าตาเอง ผมนี่แทบจะกลั้นหัวเราะไม่อยู่เลยครับ หน้ามันกับณเดชนี่ต่างกันคนละขั้วเลย
"ตินๆ กูอยากลองทำเค้กอะ มึงทำเป็นไม่ใช่เหรอ สอนกูทำบ้างสิ"
คราวนี้มันคลานเข้ามาเกาะแขนผมที่นั่งเอนหลังพิงอยู่บนเตียง แล้วพูดเสียงอ้อน แล้วมันก็สรรหาเรื่องนู้นเรื่องนี้มาพูดอ้อนผมอยู่เรื่อยๆไม่มีเหนื่อย จนเวลาผ่านไปสองสามชั่วโมง เข็มสั้นของนาฬิกาชี้ที่เลขสิบ เข็มยาวชี้ที่เลขสิบสอง บอกเวลาสี่ทุ่มตรง
เจเจมันปีนขึ้นมาบนเตียงนอน แล้วเอื้อมมือไปปิดไฟ ก่อนจะล้มตัวนอนที่หมอนใบใหญ่ข้างๆผม ดวงตากลมโตที่เปล่งกระกายวิบวับกำลังจ้องมองมาที่ผม ผมพลิกตัวหันหน้าเข้าหามัน กลายเป็นว่าตอนนี้เราสองคนหันหน้าเข้าหากันอยู่
"ไม่นอนเหรอครับ"
ผมพูดยิ้มๆ แล้วใช้ปลายนิ้วเขี่ยไรผมที่ปิดหน้าบ้านออกอย่างแผ่วเบา
"ฮื่ออ..อย่ามายุ่งหน่า"
เจเจเบี่ยงหน้าออกจากมือผมแล้วกลับมามองหน้าผมนิ่งๆเหมือนกำลังคิดอะไรอยู่ ผมไม่รู้ว่าตอนนี้มันจะคิดยังไงกับเรื่องที่ผมบอกมันไป แต่จากที่เห็นอาการตอนนี้ของมันเหมือนมันจะไม่ได้คิดอะไรแล้ว
"นอนเถอะครับ พรุ่งนี้มีเรียนเช้านะ"
"ยังไม่ง่วงเลย"
"จะให้เล่านิทานให้ฟังมั้ยล่ะ ฮ่าๆ"
ปึ่ก!
"ไอสัส! กูโตแล้วเหอะ"
มันทุบอกผมไม่แรงนักทีนึง แล้วปล่อยสัตว์มาเต็มหน้าผมเน้นๆเลยครับ
"พูดไม่เพราะเลยนะเจ"
"ก็มึงอะ!"
"หึหึ กูทำไมครับ"
หมับ!
พรึ่บ~
มันทำท่าจะทุบผมอีกรอบ แต่ผมไวกว่าเลยคว้าข้อมือมันไว้ทั้งสองข้างแล้วดึงเข้ามาประชิดตัว จนใบหน้าของเราห่างกันไม่ถึงคืบ ถึงแม้เเสงไฟจะมีแค่นิดเดียวแต่มันก็ทำให้ผมเห็นดวงตาโตที่เบิกกว้างขึ้นนิด แล้วจ้องมองผมด้วยสายตาสั่นๆ ลมหายใจของมันที่ผมสัมผัสได้ ผมรู้สึกเหมือนใบหน้าของเราทั้งคู่เคลื่อนเข้าหากันเรื่อยๆ และเรื่อยๆ..
จุ๊บ..
จนกระทั่งริมฝีปากของเราสัมผัสกันอย่างแผ่วเบาแล้วค้างไว้อย่างนั้น ใจของผมเต้นไม่เป็นจังหวะ จะบอกว่าผมตอนนี้แทบจะร้องลั่นออกมาในใจ แม้มันจะเป็นเพียงแค่ปากแตะปากไม่ได้มีการลุกล้ำแต่ผมเชื่อว่ามันทำให้ทั้งผมและมันใจเต้นรัวได้ไม่ยาก จูบแรกของมัน...ผมได้มาแล้ว..ผมเป็นจูบแรกของมัน..
ตึกตัก ตึกตัก ตึกตัก
ผมต้องการมากกว่านี้..
อยากสัมผัสมันให้มากกว่านี้..
หมั่บ!
"อื้อออ!! อื้ออ..."
-----70%-----
ผมคว้าที่ท้ายทอยของมันแล้วบดขยี้ริมฝีปากลงไปแรงๆ ได้ยินเสียงร้องอื้ออึงในลำคอ กับกำปั้นเล็กๆที่ทุบอกผมรัวๆ แต่นั่นไม่สามารถทำให้ผมผละออกจากริมฝีปากของมันได้เลย ผมยังคงกดริมฝีปากลงไปเเรงๆ และล็อกคอมันเอาไว้แน่น จนมันเริ่มอ่อนลงเรื่อยๆ
"อื้ม อื้มมม~"
เสียงครางหวานแผ่วเบาดังออกมาเป็นระยะๆ เจเจมันเบียดตัวเข้าหาผมขึ้นเรื่อยๆ เช่นเดียวกับผมที่รวบเอวบางของมันเข้ามาแนบชิดกับตัวผม ก่อนที่ผมจะเลียที่ริมฝีปากเล็กของมันเบาๆ เพื่อเป็นเชิงให้มันเปิดปากรับสัมผัสที่มากกว่านี้ และเหมือนมันเองก็จะตอบสนองได้ดี..
ลิ้นของเราทั้งคู่พันเกี่ยวกันไปมา ผมก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่ากับอีแค่ลิ้นนิ่มๆของมันทำไมถึงทำให้ผมรู้สึกมากมายได้ขนาดนี้ แต่ก่อนที่เราทั้งสองจะเกินเลย เจมันก็เป็นฝ่ายรู้สึกตัว
"มะ..มึง...."
มือเล็กๆยกขึ้นมาดันอกผมออก แล้วมันก็พูดเสียงสั่น ดวงตาของมันสั่นระริกกับริมฝีปากที่แดงช้ำปากบทจูบเมื่อครู่ และภาพตรงหน้ามันก็ทำให้ความรู้สึกอะไรบางอย่างของผมก่อตัวขึ้นมาซะดื้อๆ
"เจครับ..กูรักมึง..กูรักมึง..อืมมมม~"
ผมพูดบอกออกไปแล้วเริ่มต้นบทจูบอีกครั้ง ซึ่งอีกคนก็ไม่ได้มีท่าทีคัดค้านอะไร จากที่มือของมันตอนแรกดันผมออกห่าง ตอนนี้กลับจับเสื้อบริเวณหน้าอกผมไว้แน่นเหมือนกลัวผมจะผละออก บทจูบของเรายังคงดำเนินไปเรื่อยๆอย่างเชื่องช้าและอ่อนโยน จนมันเริ่มหายใจไม่ทัน ผมจึงผละออกมาช้าๆ แล้วจ้องเข้าไปในดวงตาคู่สวย
"ยะ..อย่าบอกเรื่องนี้กับใครได้มั้ยติน"
"เรื่องอะไรครับ เรื่องที่กูจูบมึงหรือเรื่องที่กูชอบมึง"
"..ทุกเรื่องเลย..นะติน..นะ"
มันพูดออกมาเสียงแผ่วแล้วมองผมด้วยสายตาอ้อนวอน ซึ่งผมก็เข้าใจดี มันคงไม่อยากให้ใครรู้เพราะเป็นห่วงผม ถึงไอเจมันจะเป็นคนที่ไม่ชอบคิดอะไรมาก มองโลกในแง่ดี แต่ระยะเวลาเกือบสิบปีที่ผ่านมาทำให้ผมรู้ว่า ทุกเรื่องที่เกี่ยวกับผม มันมักจะกังวลและคิดมากเสมอ
"ทำไมล่ะ"
ผมถามมันกลับไป พร้อมกับลูบผมมันเบาๆ แต่มันก็ไม่ได้สนใจคำถามของผมเลย
"นะ..กูขอร้อง"
"ถ้ากูตกลง...มึงจะรับรักกูมั้ย?"
"...กะ..กูขอเวลา..หน่อยได้มั้ย"
มันพูดบอกออกมาเสียงสั่น ทำท่าเหมือนจะร้องไห้ออกมาอีก ผมรู้ว่ามันเป็นคนอารมณ์อ่อนไหวเอามากๆ ซึ่งน้ำตาของมันเป็นสิ่งที่ผมเกลียดที่สุด แต่ถึงอย่างนั้น..ผมก็ต้องการคำตอบที่ชัดเจน
"แล้วกูจะต้องรอนานแค่ไหน?"
".....ไม่รู้"
"เฮ้อ..ก็ได้ครับ นอนเถอะดึกแล้ว"
ผมถอนหายใจออกมาเบาๆอย่างเหนื่อยใจ แล้วพูดบอกมันเสียงนุ่ม แต่ดูเหมือนมันจะอึกอัก แล้วพยายามดันตัวออกจากอ้อมกอดของผม
"เอ่อ..มึง..ปล่อยกูได้แล้ว"
มันพูดบอกออกมา ซึ่งผมคงจะขอขัดใจมันซักครั้งนึง ผมอยากอยู่แบบนี้ อยากกอดมันตอนที่มันรู้สึกตัว ไม่ใช่แอบทำในตอนที่มันหลับ
"ขออยู่แบบนี้ไม่ได้เหรอ"
"....กะ..ก็ได้..คะ..แค่กอดนะ"
มันพูดบอกเสียงสั่น ถึงแม้ตอนนี้ในห้องจะมืดแค่ไหน แต่ผมก็ยังเห็นพวงแก้มใสที่แดงขึ้นๆ จนอดยิ้มออกมาไม่ได้
"ครับ..จุ๊บ~"
"อื้อออ..ไอติน! บอกว่าแค่กอดไง!!"
ไอเจเจโวยวายลั่น ทันทีที่ผมกดจูบลงไปที่ปากแดงๆนั้นอีกครั้งเน้นๆ แต่ผมคงจะกลัวกว่านี้ ถ้าหูมันไม่ได้ขึ้นสีแดงจัดแบบนี้
"หึหึ ครับๆ"
ผมหัวเราะในลำคอแล้วตอบรับมันไป มันมุดหน้าลงไปกับอกผมเพื่อปิดบังความเขิน ทำเอาผมอึ้งไปนิด ไม่คิดว่ามันจะทำแบบนี้ทั้งๆที่ไม่ได้ละเมอหรือว่าหลับไปแล้ว..ผมไม่รู้ว่ามันจะเป็นแบบผมรึเปล่า แต่ผมรู้สึกเหมือนหัวใจที่ห่อเหี่ยวในตอนแรกมีน้ำหล่อเลี้ยงอีกครั้ง..
.
.
.
----------------------------------------------------------
อีกมุมนึง เวลาที่ผู้คนส่วนใหญ่ควรจะพักผ่อนอยู่บนเตียงนุ่มๆในห้องแอร์เย็นๆ แต่นายอเล็กซ์กลับมานั่งอยู่คนเดียวในผับชื่อดังของเพื่อนรัก เหล่าผีเสื้อราตรีที่กำลังโยกย้ายส่ายสะโพกกันท่ามกลางเสียงเพลง แต่นั่นไม่ได้ทำให้อเล็กซ์สนใจได้เท่ากับ ชายหนุ่มใบหน้าสวยราวกับสุภาพสตรี ที่นั่งอยู่ที่โต๊ะ VIP ติดๆกับเขา
"เจอกันอีกแล้วแฮะ.."
ร่างสูงพูดกับตัวเองเสียงกรุ่มกริ่ม พรางยกแก้วที่บรรจุน้ำสีอำพันขึ้นดื่ม ดวงตาเปล่งประกายความเจ้าเล่ห์ออกมาอย่างเห็นได้ชัด
พรึ่บ~
อเล็กซ์ลุกขึ้นจากโต๊ะของตัวเองแล้วตรงไปที่เป้าหมายทันที โดยที่ไม่ได้สนใจ ชายร่างใหญ่ในชุดสูทสีดำ ที่ยืนอยู่รอบโต๊ะนั้นเลย
"ผมขอนั่งด้วยได้มั้ยครับ"
อเล็กซ์พูดเสียงนุ่ม แล้วโปรยยิ้มหวานที่เคยทำสาวๆละลายมาแล้วให้กับหนุ่มหน้าสวยร่างสูงโปร่งตรงหน้า
"คุณเป็นใคร"
กึก
นายอเล็กซ์ถึงกับชะงักแล้วขนลุกซู่ ทันทีที่ได้ยินเสียงเย็นยะเยือกของหนุ่มหน้าสวยตรงหน้า ดวงตาคู่คมที่แสนว่างเปล่ากำลังมองมาที่เขาอย่างสำรวจ
...นี่คนรึเปล่าวะเนี่ย?
อเล็กซ์คิดในใจแล้วทำใจดีสู้เสื้อยิ้มหวานไปให้เจ้าของโต๊ะ ชายชุดดำสองคนที่ยืนประกบข้างเก้าอี้เคลื่อนตัวมายืนหน้าเข้มอยู่ข้างหน้าเขา ทำเอาไอหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ที่เคยมีลูกไม้แพรวพราวตอนนี้ถึงกับทำตัวไม่ถูก
"พี่ตั้ม..เบส..ไม่เป็นไร ให้เขานั่งเถอะ"
แต่แล้วชายร่างยักษ์ทั้งสองก็ต้องชะงัก เมื่อคนที่นั่งอยู่บนโต๊ะ พูดห้ามแล้วหันมาสบตากับอเล็กซ์
"บอสครับ แต่ตอนนี้เราไม่ควรไว้ใจใครทั้งนั้น"
"แต่ผมว่า..ผมรู้จักเขา"
ร่างโปร่งพูดเสียงนิ่ง ดวงตาคู่คมมองใบหน้าหล่อทะเล้นของอเล็กซ์อย่างครุ่นคิด ก่อนจะผายมือเรียวสวยไปที่โซฟาสีแดงสดที่อยู่ติดกัน
"นั่งก่อนสิ..อเล็กซ์ใช่มั้ย?"
"รู้จักผมเหรอ?"
"เรียนบัญชีปีหนึ่งใช่รึเปล่า?"
ร่างโปร่งไม่สนใจจะตอบคำถามของอเล็กซ์ แต่เพียงถามต่อให้นายอเล็กซ์พยักหน้าเบาๆ แล้วคิดสงสัยว่าเขาเคยรู้จักกับคนๆนี้มาตอนไหนกัน
"ฉันชื่อบัทเตอร์"
"บัทเตอร์...อ้อ! เป็นพี่รหัสผมใช่รึเปล่าครับเนี่ย"
อเล็กซ์พูดออกมา เมื่อได้ยินชื่อของคนตรงหน้า ร่างโปร่งยิ้มให้เย็นๆ ก่อนที่จะพูดออกมาเสียงเรียบ
"แล้วเดินมานี่..มีอะไรรึเปล่า"
"จะว่าไปก็...มีนะครับ"
"งั้นก็ว่ามาสิ"
หนุ่มร่างโปร่งพูดพรางกวักมือเรียกชายชุดดำมาดดุที่ยืนอยู่ข้างโต๊ะให้เข้ามาหาคนนึง
"ครับบอส"
ชายชุดดำร่างสูงใหญ่เดินเข้ามาหาด้วยท่าทีนอบน้อม พร้อมก้มศรีษะลงแล้วพูดรับคำเสียงอ่อน
"สั่งเครื่องดื่มให้น้องรหัสผมหน่อยสิ"
"ได้ครับ..คุณครับ จะรับอะไรครับ"
ชายร่างใหญ่หันไปถามอเล็กซ์ที่ยังไงนั่งมองใบหน้าสวยคมของบัทเตอร์อยู่โดยที่ไม่ได้สนใจสิ่งรอบข้างเลย
"คุณครับ..คุณ"
"ห๊ะๆ..ว่าไงครับๆ"
อเล็กซ์สะดุ้งนิดๆ หลุดจากฝันหวานแล้วหันไปมองชายร่างสูงข้างตัว
"รับเครื่องดื่มอะไรดีครับ"
"เอ่อ..ไม่เป็นไรครับ"
อเล็กซ์พูดตอบส่งๆ แล้วหันกลับมาสนใจกับคนข้างตัวต่อ บัทเตอร์หันมามองหนุ่มรุ่นน้องนิดๆ แล้วเลิกคิ้วเป้นเชิงถาม
"มองอะไร?"
"มองคนสวยครับ"
"....."
บัทเตอร์นิ่งกับคำพูดหยอดของอีกคน ดวงตาคู่คมสวยจ้องมองใบหน้าทะเล้นด้วยสายตาว่างเปล่าอย่างน่าขนลุก..แต่ทว่า ไอหนุ่มปากหวานกลับไม่รู้สึก
"แล้วพี่บัทเตอร์คนสวยมางั้นเดียวหรอครับ?"
อเล็กซ์นั่งกอดอกมองพี่รหัสคนสวยยิ้มๆแล้วถามเสียงนุ่ม
"นายเห็นฉันมาคนเดียวงั้นเหรอ?"
"ผมหมายถึง..มานั่งคนเดียวน่ะครับ"
"ก็...ใช่"
คำตอบของอีกฝ่ายที่ทำให้นายอเล็กซ์ยิ้มกว้าง ตอนแรกก็คิดว่าคงจะมานั่งรอใคร หรือนัดใครไว้ แต่ถ้ามาคนเดียวแบบนี้..
"งั้นขอน้องรหัสนั่งดื่มด้วยได้มั้ยครับ"
อเล็กซ์พูดเสียงนุ่มมองบัทเตอร์จนตาเยิ้ม โดยที่อีกฝ่ายได้แต่มองมาด้วยสายตานิ่งๆ ก่อนที่มุมปากจะยกสูงขึ้นนิดๆ
"เชิญ"
-อัศวินดาบชมพู-
100%--------------------------------------------------100%
-ครบแล้วจ้าาา โอ๊ยย กว่าจะครบเนอะ ฮ่าๆๆ ตอนนี้นายหมาจิ้งจอกเจ้าเล่ห์ก็ออกโรงแล้ววว
ส่วนพ่อหนุ่มแสนอบอุ่นอย่างนายราติณท์จะทำยังไงต่อไป ก็รออ่านกันด้วยน้าาา ^^
-คิดไม่ถึงกันใช่มั้ยล่าา ว่าจิ้งจอกเจ้าเล่ห์อยากอเล็กซ์จะมาคู่กับบัทเตอร์แสนเย็นชาได้ ฮ่าๆ
ใครที่จิ้น แทนxอเล็กซ์ ก็อย่าเพิ่งเศร้ากันไปนะคะ เพราะรับรองว่าคู่แท้ของน้องแทนเด็ดจริงไรจริงจ้าา
**ขอบคุณที่ติดตามค้า**
ความคิดเห็น