คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #7 : บทที่ ๕ การล้มสลายของนครศักดิ์สิทธิ์
“Glast Heim”
“นครแห่งศาสนา และอารยธรรมโบราณ”
“ตั้งอยู่ ณ บริเวณทางฝั่งตะวันตกเฉียงได้ของเทือกเขา Mjolnir ถูกสร้างตั้งแต่ครั้งใดก็ไม่มีใครจดจำได้ เป็นนครเก่าแก่ที่มีความโดดเด่นทางด้านศิลปวัฒนธรรมครั้งแต่อดี ตกาล เป็นที่ตั้งของศูนย์กลางแห่งศาสนา และเวทมนตร์เก่าแก่ มีความสำคัญต่อ รูน-มิดการ์ด ในด้านความรู้ และเป็นปราการที่แข็งแกร่งที่สุดในการป้องกันรูน-มิดการ์ด”
ท่ามกลางนคร Glast Heim ที่กำลังล่มสลาย สายตาของทั้งเขา และวิซ ค้างแข็งปรากฏแววตาที่ทั้งตกใจ ทั้งเศร้าสร้อย ภาพของเมืองที่ถูกทำลายจนแทบจะกลายเป็นเมืองล้าง เมืองที่พวกเขาอาศัยมาตั้งแต่ครั้งที่ยังจำความไม่ได้ เมืองที่พวกเขาเรียกได้เต็มปากอย่างภาคภูมิว่าบ้าน บ้านที่กำลังถูกคลอกจนผุพัง เส้นทางสัญจรของเมืองที่คุ้นเคยถูกเปลี่ยนไปจากเดิมที่เคยเห็นจ นแปลกตา และทหารภายในเมืองกำลังรับมือกับกองทัพทหารชุดเกราะ Raydric ที่โถมเข้ามาอย่างไม่ขาดสาย ทหารหลายต่อหลายรายกำลังบาดเจ็บ และอ่อนแรงลงไปเรื่อย ๆ สภาพของเมืองก็เช่นกัน เมืองแห่งนี้เสื่อมลงไปอย่างไม่น่าเชื่อสายตา แต่ก็สมจริงเสียยิ่งกว่าความฝัน สิ่งที่ได้เห็นสิ่งที่ได้ยินมันส่งแรงพลักดันให้ในกายกำลังรุ่ม ร้อน แล้วพร้อมที่จะระเบิดได้ทุกเมื่อ
( http://www.ragnarok.in.th/ro_guide/chap5/chap5-r01.html )
ฉับพลับวิซพุ่งกายเข้าไปปะทะ ด้วยความบ้าคลั่ง ฟาดไม้คฑาในมือขวาเข้าใส่เป้าหมายแรก แล้วปลดปล่อยแสงศักดิ์สิทธ์จากมือซ้ายอย่างไม่หยุดเข้าใส่ทหารช ุดเกราะ ให้พินาศ น้ำตาเล็กๆ ที่ไม่เคยให้ใครได้เห็นของเขากำลังไหลพรากสุดที่จะหยุดได้
‘นี่ไม่ใช่เวลาของการมาเสียใจ แต่คือเวลาของหน้าที่ และจะมาแพ้ในตอนนี้ไม่ได้เด็ดขาด’
ความคิดที่พุ่งตรงเขาสู่สมองของโซลกระตุ้นให้ร่างกายเข้าทำหน้า ที่ผู้ตรวจการนครศักดิ์สิทธอย่างสมบูรณ์แบบ ในเวลานี้ไม่มีอะไรที่ต้องลังเลอีกต่อไปแล้ว โซลเข้าปะทะทหารชุดเกราะตัวแรกด้วยหมัดที่เปี่ยมล้นไปด้วยทั้งความโกรษ ทั้งความเศร้าอันรุนแรง ทะลายเกราะของศัตรูทุกตัวที่ขัดขวางแตกกระจายไปกองกับพื้นในครั ้งเดียว พลังของทั้งโซลและวิซเป็นพลังที่หาผู้ทัดเทียมได้ยากยิ่ง ของผู้ตรวจการแห่งนครศักดิ์สิทธ์ Glast Heim วิซใช้แสงศักดิ์สิทธ์จู่โจมอย่างรวดเร็วจนเป้าหมายไม่ทันตั้งตัว พร้อมด้วยหมัด และความเร็วในการเคลื่อนไหวที่ผิดมนุษย์ของโซล กองทัพทหารชุดเกราะ Raydric ทั้งหมดต่างก็ถูกกำจัดราบคาบ ภายในเวลาไม่ถึงสามนาทีเสียด้วยซ้ำ การมาของพวกเขาสร้างขวัญกำลังใจแก่เหล่าทหารที่ร่วมรบ ให้สัมผัสได้อย่างชัดเจน
“คุณโซล คุณวิซ พวกเราดีใจที่พวกคุณเข้ามาช่วย ทางเรากำลังขาดกองหนุน เพราะพวกนักบวชกำลังอพยพชาวเมืองไปร่วมกันที่ Geffen จนไม่มีเวลาไปแจ้งให้พวกคุณได้ทราบ และศัตรูก็กำลังบุกเข้ามาเรื่อยๆ กองทัพจาก Geffen ก็ต้องรอเป็นเวลานานกว่าจะมาถึง ถ้าขืนเป็นแบบนี่ต่อไปทางเราจะต่อเสียเมืองแน่ครับ” หัวหน้ากองทหารวิ่งเข้ามาหาแล้วรายงานทันทีที่พบเขาทั้งสอง
“หลวงพ่อสตานด์ท่านอยู่ที่ไหน เราต้องการพบท่านโดยเร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ก่อนที่เมืองจะถูกทำลายราบไปมากกว่านี้” วิซพูดขึ้น พร้อมทั้งรักษาบาดแผลให้เหล่าทหารโดยการดึงพลังงานด้านบวกจากแส งมาเปลี่ยนเป็นคลื่นแห่งการรักษา
“องค์จักรพรรดิเข้าไปในสุดชั้นใต้ดินของวิหารศักดิ์สิทธิ์ พร้อมกับคุณสติร์น และคุณแวนเดอร์ได้นานพอสมควรแล้วครับ ท่านบอกเราไว้ว่าจะไปนำไม้คฑาศักดิ์สิทธ์ออกมา และสั่งให้พวกเราคอยป้องกันเมืองไว้ครับ ดังนั้นพวกเราคงไม่สามารถไปส่งพวกคุณถึงภายในวิหารได้”
“ขอบคุณมาก หวังว่าคงจะเราจะได้พบกันอีก” วิซพูดทิ้งท้ายก่อนที่พวกเขาจะรีบวิ่งหมายตรงไปยังวิหารทันที ปล่อยให้พวกทหารคอยรับมือกับนักรบชุดเกราะอยู่ชานเมืองด้านหลัง
เส้นทางของเมืองไม่ง่ายต่อการเดินทางเหมือนเคย ถนนหลายสายบิดเพี้ยนไปจากปกติ และอุณหภูมิค่อย ๆ ลดลง หมอกก็ลงจัดมากขึ้นเรื่อย ๆ จนแทบจะมองไม่เห็นทางข้างหน้าซึ่งอยู่**งออกไปไม่กี่เมตร พวกเขาจึงต้องหยุดวิ่งลงและค่อย ๆ เดินต่อไป
การวิ่งจากชานเมืองเข้ามาทำให้ทั้งสองเริ่มเหนื่อยอ่อนอยู่ไปน้ อย แต่ในเมื่อมีจุดหมายมั่น ความเมื่อยล้าก็ไม่สามารถทำให้พวกเขาหยุดไปต่อได้
“เราอยู่ที่ไหนกันแล้ว นายพอจะเดาออกบ้างไหม” วิซถามขึ้น ใบหน้าเริ่มซีด ๆ ร่างกายกำลังหนาวสั่น โซลสังเกตดูรอบด้าน แต่หมอกก็หนาเกินไปที่จะเห็นอะไรได้ถนัด พวกเขาจึงต้องเดินวนรอบ และหวังว่าคงจะไม่หลงทางเข้าให้แล้ว จนเท้าของโซลไปสะดุดเข้ากับพื้นที่เหมือนเนินเตี้ย ๆ เข้า ทำให้เขายิ้มกว้างได้ทันทีที่นึกออก
“วิซ เรามาถูกทางแล้ว สะพานอยู่ทางนี้ รีบไปต่อเร็วเข้า” คำพูดที่ไม่น่าจะมีให้ได้ยิน ของคนที่เฉื่อยชาเสมออย่างเขาในเวลานี้ แต่วิซก็หายตัวไปเรียบร้อยแล้ว และเขาก็ไม่มีเวลามากพอที่จะมาตามหาเพื่อนในยามนี้ด้วย ทำให้เขาต้องจุดเทียนทิ้งไว้เป็นระยะขณะที่เร่งรีบวิ่งรุดหน้าไ ปก่อน จนไปสุดอยู่หน้ามหาวิหารอันยิ่งใหญ่
แต่กลับแปลกยิ่งที่บริเวณโดยรอบวิหาร หมอกที่เคยหนาทึบกลับสลายไป อากาศที่เคยเหน็บหนาวก็กลับมาเป็นปกติ แต่จะเป็นเพราะอะไรตอนนี้ก็คงไม่สำคัญเท่าการที่จะรีบเข้าไปในว ิหารในเวลานี้ และรีบวิ่งลงไปชั้นล่างเรื่อย ๆ จนไปทางใต้ดินของวิหาร มุ่งตรงไปยังท้องพระโรงบัลลังจักรพรรดิ แห่งนครศักดิ์สิทธ์
มีบางอย่างเป็นไปตามที่เขาขาดไว้ล่วงหน้า เกิดการต่อสู้ที่รุนแรงระหว่างมนตราแห่งเงามืด และศาสตร์แห่งแสงสว่าง ภายในท้องพระโรง แม้แต่เขาที่อยู่ภายนอกยังสัมผัสถึงคลื่นการทำลายล้างได้ เขาจึงต้องเร่งฝีเท้าขึ้นอีก และรีบพลักประตูเข้าไปทันที เมื่อถึงประตูหน้าท้องพระโรง
สายตาเบิกโพรงเมื่อเห็นภาพอันน่าตื้นเต้น และสิ้นหวัง แม้ว่าเขาจะเตรียมใจไว้แล้วก็ตาม แต่ก็อดที่จะตกใจไม่ได้ ชายร่างสูงผมดำสนิท อายุราวสามสิบสามเศษ ในชุดบาทหลวง ในมือถือคฑามหาเวทย์ Wizardry Staff ไว้แน่น และที่สำคัญเหนืออื่นใดบนศรีษะของชายผู้นี้ได้ทรงมงกุฎโบราณอยู ่ ท่าทางของชายผู้นี้กำลังใกล้อ่อนแรง ปรากฏรอยบาดแผลใหญ่กลางแผ่นหลัง มีเลือดไหลออกมาไม่หยุด มีเสียงหอบตลอดเวลา เป็นหลักฐานที่แสดงให้เห็นถึงความเหนื่อยล้า เส้นเลือดปูดโปนเสียจนสังเกตได้ชัดกว่าทุกครั้งที่เห็น แต่นัยน์ตายังเปี่ยมด้วยแววกล้าไม่ถ้อถอย ปากยังคงพึมพำมนตรามหาเวทย์ไม่ยอมหยุด
( http://www.ragnarok.in.th/ro_guide/chap7/chap7_weapon_53.htm l )
ชายผู้กำลังต่อกร กับเจ้าอสูรที่ได้ชื่อว่าเป็นเจ้าแห่งเงามืด เจ้าอสูรผู้เข้าโจม**ครศักดิ์สิทธิ์ เจ้าอสูรผู้มีนามที่ทำให้ทั่วทั้ง ‘รูน มิดการ์ด’ ต้องหวั่นเกรง นามแห่งเงามรณะ Dark Lord เจ้าแห่งเงามืด
( http://www.ragnarok.in.th/ro_guide/chap5/chap5-bossmvp01.htm l )
วงนอกมีเด็กหนุ่มอัศวินคนหนึ่ง อายุไล่เรี่ยกับโซล กำลังพยายามพยุงตัวให้ร่างของเขาผิงเข้ากับกำแพง สภาพนั้นก็ไม่ต้องพูดถึง เพราะบาดเจ็บไม่ต่างอะไรกับชายผู้ทรงมงกุฎซะเท่าไหร่ และจอมเวทย์หญิง อายุพอ ๆ กับโซล อีกคนหนึ่ง ในมุมตรงข้ามของห้องก็ต่างอยู่ในสภาพย่ำแย่คล้ายๆกัน บาดที่ได้รับแม้อาจจะไม่เท่ากับอีกสองคน แต่ก็มากพอที่จะทำให้ตัวเธอเองคงไม่สามารถต่อสู้ได้อีกแล้วในเว ลานี้
ในเวลานั้นเองเจ้าแห่งเงามืดก็พร้อมจะรุกอีกครั้ง ลูกบอลสีดำขนาดมหึมาลอยขึ้นกลางอากาศพุ่งเข้าใส่ ราชันแห่งนครศักดิ์สิทธิ์ ด้วยความเร็ว และพลังทำลายมหาศาล ให้ขณะที่ฝ่ายของเขายังร่ายมนตราได้แต่ครึ่งทางอยู่เท่านั้น ทำให้โซลรีบพุ่งตัวเข้ารับการโจมตีของลูกบอลปิศาจลูกนั้นโดยหยั ่งคิด สร้างความตกใจแก่บุคคลทั้งท้องพระโรง แต่ก็ไม่มีใครที่จะหยุดได้ เมื่อลูกบอลปิศาจกระทบเข้ากับร่างเนื้อของโซลก็ดูดกลืนทำลายล้า งทุกสิ่งทุกอย่างที่อยู่รอบตัวมันเองเข้าไป เกิดลมกรรโชกแทบจะดูดทุกสิ่งทุกอย่างในห้องนั้นเข้าไป ส่งเสียงดังเซ็งแซ่สนั่นหวั่นไหว และร่างของโซลก็หายไปเหลือไว้แต่เพียงความว่างเปล่า
*Plan*
ความคิดเห็น