ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ชุลมุลวุ่นรัก ดูเอลอคาเดมี่ [YU-GI-OH! GX ]

    ลำดับตอนที่ #2 : ตอนที่ 1 ทดสอบความสามารถ

    • อัปเดตล่าสุด 11 ส.ค. 54


                ตอนนี้ผมเรียนอยู่ที่นี้ได้นานพอสมควรแล้วละครับ ที่นี้คือโรงเรียนสอนการดูเอลซึ่งที่ผมมาเรียนที่นี้ได้ก็เพราะว่าได้พี่สาวช่วยไว้ก็เลยได้ทำตามความฝัน และเมื่อไม่นานนี้มีจดหมายมาถึงผม มันเขียนไว้ว่า

                            ถึงจูไดน้องรัก

                ตอนนี้พี่กลับมาที่บ้านแล้วและได้ข่าวว่าจูได ได้เข้าเรียนที่ดูเอลอคาเดมี่ พี่ก็เลยคิดว่าอยากเจอหน้าน้องชาย สักหน่อยเลยจะไปหาในวันอาทิตย์ที่จะถึงนี้แหละ จะได้กอดให้เต็มอิ่มเลยจ๋า เพราะฉะนั้นเตรียมตัวไปรับด้วยน่ะ ถ้าพี่ไม่เห็นละก็ หึๆๆ คงรู้นะมันจะเป็นยังไง อ๋อ? แล้วพี่ก็อยากเจอเพื่อนๆของจูไดด้วยนะ แต่ว่าห้ามไปบอกพวกเขาก่อนละ เดี๋ยวพี่จะไปทักทายเอง จูไดรักษาสุขภาพด้วยน่ะ แล้วเจอกันจ๋า

                                                                                                    จากพี่สาวสุดเลิฟ

                มันก็เป็นแบบนี้ละครับเพราะถ้าผมไม่มาคอยรับพี่ ผมเองก็ไม่รู้ว่าจะโดนอะไรบ้างถ้าไม่มารอรับที่ท่าเรือ ตอนนี้ที่หอคงตามหาตัวผมกันให้วุ่นเพราะผมมาที่นี้โดยไม่บอกใครเลยแม้แต่ โช เคนซัง เรย์ อาสึกะ แล้วก็ โยฮัน บันดาผู้คนที่ชอบมารวมตัวกันอยู่ที่ หอเรด ทุกวันๆ ผมเองก็ไม่รู้ว่าทำไมพวกเข้าถึงชอบมารวมตัวกันอยู่ที่หอเรดกันนักนะ เฮอ~ ยิ่งคิดยิ่งงง (คงเพราะว่าพวกเขาหลงเสน่ห์นายไง : คนเขียน)

    ซ่าาาาาาา~

    และไม่นานนักที่ผมมายืนรออยู่ที่ท่าเรือ เรือก็แล่นมาจอดเทียบท่าและตามมาด้วยบันดาคนมากหน้าหลายตาที่พากันมาที่เกาะแห่งนี้ ก็พากันทยอยลงจากเรือและไม่นานนัก ผมก็รู้สึกถึงลางร้ายอะไรสักอย่างที่มันเตือนผมว่าให้ระวังข้างหลัง

    “เฮอ~ คิดไปเองมั้ง ว่าแต่ว่าอยู่ไหนละเนี่ยไมเห็นเลยแหะ ข้าวเช้าก็ยังไม่ได้กินซะด้วยสิ”  ผมบนพึมพำไปตามความเป็นจริง

     “ระวังเป็นโรคกระเพาะนะไม่กินข้าวเช้ามาแบบเนี้ย”  เสียงผู้หญิงที่ไหนก็ไม่รู้ดังขึ้นมาจากข้างหลังของผม

    “ห๋า?”  นั้นเลยทำให้ผมที่กำลังจะหันไปมองข้างหลังแต่ว่า...ก็มีมือคู่หนึ่งที่มาจากด้านหลังมาจับที่หน้าอกของผมและเปลี่ยนมาเป็นกอดและรัดผมแน่นขึ้น

     “จูไดคูงงงง”  ผู้หญิงคนนี้ที่กอดผมอยู่นั้นเธอดูจะร่าเริงสดใสมากแต่ผมไม่ในตอนนี้...

     “อ้ะ! หา...ย หาย...ใจ..ไม่ออก”  ผมพูดกะตุกกะตักเพราะว่าคนที่กอดผมอยู่นั้นกอดผมแน่นซะจนหายใจไม่ออก

    “ท่านไอสึค่ะ ท่านจูไดเขาหายใจไม่ออกแล้วนะค่ะ” เสียงของผู้หญิงอีกคนหนึ่งดังขึ้นมาจากข้างหลังของผม(อีกแล้ว-*- : คนเขียน)

    “โอ๊ะ! ขอโทษๆๆ ไม่ได้ตั้งใจเลยนะจ้ะ”  คนที่กอดผมอยู่นั้นรีบปล่อยผมออกทันที่และพูดขอโทษที่ทำอะไรแบบนี้อะน่ะ

    “แค่กๆๆ ค๊อก!” ผมไอ้ออกมาเพราะว่าคนที่รัดผมนั้นรัดผมแน่นซะจนหันใจไม่ออกกันเลยทีเดียวและนี้ถ้าไม่ได้ผู้หญิงที่ตามมาทีหลังช่วยไว้ละก็ผมคงจะขาดอากาศหายใจ และผู้หญิงคนนั้นมีผมสีน้ำเงินดวงตาสีฟ้าที่ชื่อว่า อะควอเรีย เธอคนนี้นั้นมีหน้าที่คอยดูแลบ้านตระกูลยูกิ และส่วนผู้หญิงที่แอบมากอดผมข้างหลังนั้นเธอคนนั้นมีผมสีน้ำตาลดวงตาสีน้ำเงินซึ่งก็คือ ไอสึ พี่สาวของผมเอง คนที่เขียนจดหมายมาถึงผม คงเพราะว่าไม่ได้เจอกันมานานตั้งแต่ตอนที่ไอสึไปอังกฤษเมื่อ 6 ปีที่แล้ว ด้วยอาการป่วยหนักที่รักษาไม่หายจึงทำให้ไอสึไปรักษาตัวที่อังกฤษ และก็อยู่เรียนต่อที่นั้นเลยทำให้ไอสึไม่ได้กลับมาที่บ้าน

     “ไอสึเนี่ยยังรุนแรงเหมือนเดิมเลยนะ” ^^ เสียงของชายคนหนึ่งดังมาจากข้างหลังของพวกผมที่ยืนจับกลุ่มกันอยู่ตรงทางขึ้นเรือและจะเป็นใครไปไม่ได้ที่พูดด้วยท่าทางขี้เล่นแบบนี้

     “คุณไอสะ!” ผมถึงกับร้องตกใจที่ไม่นึกเลยว่าคนแบบนี้จะมาที่แบบนี้ด้วย

    “อืม สบายดีรึเปล่าจูไดคุง?” คุณไอสะตอบกลับด้วยท่าทางที่ดูขี้เล่นแบบปกติ แต่ในมือทั้งสองข้างนั้นถือกระเป๋าเดินทางสองใบใหญ่ ผู้ชายที่มีสีผมและดวงตาสีน้ำตาล คนนี้นั้นเขาคือคู่หมั่นของไอสึ และดูท่าว่าจะเข้ากันกับไอสึได้ซะด้วยสิแต่ผมได้ยินว่าเค้ามีคนรักอยู่ด้วยแล้วไอสึเองก็รู้เรื่องนี้อยู่แล้วอีก ผมเองก็ยังไม่รู้แน่ชัดนักกับการที่สองคนนี้เขาหมั่นกัน รู้แต่เพียงว่ามันคือคำสาบานอะไรสักอย่างระหว่างตระกูลของเราสองคน

     “ทำไมคุณไอสะถึงมาอยู่ที่นี้ได้ละครับ?” ผมถามชายผู้ที่ถือกระเป๋าสำพาระมาเต็มมือทั้งสองข้างด้วยสีหน้าสงสัย

    “อ๋อ? นั้นก็เพราะว่ารู้ข่าวที่ไอสึจะมาหาจูไดคุงนะ ฉันก็เลยอยากมาเจอหน้าจูไดคุงด้วย เลยขอมากับเขาด้วยคนนะสิ หะๆๆๆ” และก็เหมือนเดิมกับทุกทีที่คุณไอสะจะยิ้มให้และตอบผมกลับ ด้วยอารมณ์ที่ดีและสดใส ชวนอบอุ่น

     “เอ๊ะ! แล้วนี้ใครมาบ้างละไอสึ?”  ผมหันไปตามไอสึที่ยืนอยู่ข้างๆผมไมไกลนัก

    “ก็มากันทุกคนนั้นแหละ ทั้ง อะควอเรีย อูเรีย ราเวียร์ ฮาม่อน โมนิคา คารอน เวโรนิคา คามิลลา ก็แค่นี้แหละ” ไอสึตอบกลับด้วยสีหน้าที่ปกติที่เคยทำที่มีรอยยิ้มประดับอยู่ ห๋า? มากันทุกคนแบบนี้แล้วที่พักอาศัยละจะว่ายังไง ไหนจะอย่างนู้น อย่างนี้อีกอะไรอีกตั้งหลายอย่าง มากันตั้ง 10 คน

     “แล้วเรื่องที่พักอาศัยละครับจะทำยังไง” ผมถามไอสึกลับก็มันจริงแหละที่พักอาศัยอะไรๆอีกตั้งหลายอย่าง

    “เรื่องนั้นนะพวกเราจัดการกันมาหมดแล้วละครับ ท่านจูได”เสียงที่ดังมาจากไกลของชายหนุ่มที่ใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนที่ไหนสักแห่งที่มีผมสีน้ำตาลและดวงตาสีแดงส้มซึ่งก็คือ อูเรีย เดินมาสมทบพร้อมกับผู้หญิงที่ใส่ชุดเครื่องแบบนักเรียนสีดำทั้งตัว ผูกริบบิ้นสีเหลืองไว้บนหัว ผมสีน้ำตาลอ่อนและดวงตาสีแดงเข้ม ซึ่งก็คือ ราเวียร์ และอีกคนที่เป็นเด็กอายุแค่ 15 ใส่ชุดคลุมสีดำที่สีขาวและเทาตัด มีที่คาดผมอยูบนหัว ผมสีทองและดวงตาสีเขียวเข้ม คือ โมนิคา

     “อ้าว? แล้วอีก 4 คนหายไปไหนกันนะ”  อะควอเรียทักคนที่กำลังเดินเข้ามาสมทบที่อยู่ไม่ไกลนักจากที่พวกเรายืนอยู่

    “ไม่รู้เหมือนกันค่ะตอนที่ลงจากเรือ ก็ยังอยู่ด้วยกันอยู่เลย...”  ราเวียร์ที่พูดขึ้นมาด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มที่สดใสประดับอยู่นิดหนึ่ง

    “...แต่ตอนนี้ไม่รู้ว่าไปอยู่ที่ไหนแล้ว” โมนิคาที่พูดต่อจากราเรียร์พูดจบเพียงนิดเดียวด้วยสีหน้านิ่งเฉยตามปกติ

    “คงจะไปเดินหลงที่ไหนอยู่ละมั้งเนี้ย?” อูเรียที่พูดพรางให้เข้าใจว่าคนที่เหลือนั้นคงจะอยู่ที่ไหนสักแห่งในตอนนี้ และเหล่าบันดาคนที่มารวมตัวกันครบแล้วต่างพากันรอให้อีก 4 คนที่เหลือรีบมาสมทบโดยเร็วด้วยการโทรศัพท์หาและก็ได้รู้ว่าอีกสีคนที่เหลือนั้นได้ไปที่อีกฝากของสะพานแล้วจึงทำให้พวกเราต้องรีบตามไปสมทบ

     “จูได ไหวรึเปล่า? ไม่ได้กินข้าวเช้าไม่ใช่เหรอ?” จู่ๆไอสึก็ถามถึงเรื่องข้าวเช้าที่ผมอุส่าลืมมันไปได้แล้ว

    “เอ๊ะ! อืม”มันเลยทำให้ผมหิวข้าวขึ้นมาอย่างกะทันหันทั้งๆที่กำลังเดินมาได้ครึ่งทางของสะพานแล้วน่ะเนี้ย

     “ท่านจูไดค่ะ ถ้าอย่างงั้นเข้าข้าวปั้นฝีมือฉันไปกินสิค่ะ จะได้ไม่หิว” ราเวียร์ที่เดินอยู่ข้างๆผมกับไอสึก็ได้ยื่นห่อข้าวที่มีข้าวปั้นอยู่ข้างในมาให้ผม

    “ขอบคุณน่ะ ราเวียร์ ไม่ได้กินข้าวฝีมือราเวียร์มานานแล้วสิ ไม่รู้จะพัฒนาไปถึงไหนแล้ว” ผมพูดชมราเวียร์ที่กำลังยื่นห่อข้าวมาให้ผมอยูในตอนนี้

    “ไม่ขนาดนั้นหรอกคะ ท่านจูได” ราเวียร์ตอบกลับด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มประดับเล็กน้อย ราเวียร์อยู่ที่บ้านในฐานะ คนทำอาหารและเวลาว่างเธอก็จะฝึกทำอาหารอย่างอื่น จึงทำให้ฝีมือในการทำอาหารที่เป็นเลิศที่สุดในบ้าน

     “นี้~ ทุกคนทางนี้เร็วๆหน่อยสิ” เสียงเรียกมาแต่ไกลใต้ร้มไม้ที่มีคน 4 คนยืนอยู่ คนที่เรียกนั้นคือ ผู้ชายผมสีครีม ดวงตาสีน้ำตาลซึ่งก็คือ ฮาม่อน ส่วนผู้หญิงที่ยืนอยู่ข้างๆ ที่มีผมสีขาวเทา ตาสีน้ำเงินเข้มและใส่หมวก คือ คารอน และผู้หญิงผมสีน้ำตาลอ่อน ตาสีฟ้าและมีดอกไม้อยู่รอบหัว คือ เวโรนิคา อีกคนหนึ่งมีผมสีม่วงอ่อน ตาสีม่วง และสวมหมวกสีม่วง คือ คามิลลา เมื่อพวกผมข้ามสะพานมาแล้ว พวกเราก็ได้นั่งพักเพื่อที่จะให้ผมได้กินข้าวเช้าก่อนที่จะไปหอเรด เพื่อเอาของไปเก็บที่ห้องของผมก่อนที่จะลงมารวมตัวกันที่ป่าหน้าหอเรด สงสัยจังทั้งที่ผมหายไปแบบนี้ แต่กลับไม่เจอใครเลยที่อยู่หอเรดหรืออาจจะเป็นเพราะว่าพวกเขาไปตามหาผมที่อื่นกันอยู่

     “เอาละ! จากตรงนี้เราแยกกันน่ะทุกคน ส่วนฉันกับจูไดจะไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่” ไอสึพูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ปกติตามเคย

    “นี้! ไอสึ แล้วไหนว่าจะไปทักทายเพื่อน ฉันไง” ผมถามไอสึด้วยความสงสัย ทั้งๆที่จะไปทักทายทุกคนด้วยตัวเองแต่ทำไมต้องไปที่ห้องอาจารย์ใหญ่ด้วยละเนี่ย แล้วนี้ต้องแยกย้ายกันอีก

     “เพราะว่าฉันต้องเอาเอกสารนี้ ไปให้ผอ.ของที่นี้ จัดการเรื่องที่พักของพวกเราให้แต่ว่าเรื่องที่จะไปทักทายเพื่อนๆนายนะ ฉันจัดการให้คนที่เหลือจับคู่กับคนที่เหมาะสมที่สุด เพื่อดูเอลวัดความสามารถก่อนนะ” ไอสึตอบกลับด้วยสีหน้าที่จริงจังแต่ยังคงรอยยี้มไว้บนหน้าอยู่

    “เหรอ แล้วใครคู่กับใครบ้างละเนี้ย?” ผมที่พอเข้าใจแล้วในตอนนี้ก็ได้ถามไอสึกลับอีกเช่นเคย

    “รอเดี๋ยวนะจูได” ไอสึก็ได้หยิบแผ่นกระดาษออกมาจากกระโปง แล้วยื่นมันมาให้ผม ผมก็ได้หยิบมันมาและเปิดมันดู ผมก็ต้องตกตะลึงกับการจับคู่ที่มันเหมือนจะเข้ากันอยู่บ้างแต่ว่า บางคู่มันก็เหมือน...แบบว่าไม่อธิบายได้มั้ยเนี้ย

     “งั้นพวกผมขอตัวก่อนน่ะครับ” อูเรียที่พูดขึ้นแล้วก็กำลังจะเดินออกไปบอกลาผมกับไอสึ

    “จะรีบทำให้มันจบเร็วๆ เลยละ” คุณไอสะพูดด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มที่ดูเหมือนสนุกสนานอยูในตอนนี้

    “แล้วเจอกันที่ห้องอาหารของหอเรดนะทุกคน อย่าลืมทำตามแผ่นด้วยละ” ไอสึที่สั่งคนอื่นๆที่มีงานที่จะต้องไปทำนั้น บอกย้ำถึงแผนการอะไรสักอย่าง

    “รับทราบค่ะ/ครับ” แล้วคนที่กำลังเดินเข้าป่าไปนั้นก็ร้องตอบกลับมาอย่างปกติ หลังจากที่ไอสึจัดการทุกอย่างเสร็จผมกับไอสึก็ได้มุ่งหน้าไปยังห้องของ ผอ. ซาเมะจิมา กันทันทีและในระหว่างทางผมก็หยิบแผ่นกระดาษที่ทำการจับคู่เอาไว้แล้วขึ้นมาดูอีกครั้ง
    (ตัวหนังสือในกระดาษ)
    ไอสะ vs โยฮัน
    อควอเรีย vs โช
    อูเรีย vs เรียว
    ฮาม่อน vs มันโจเมะ
    ราเวียร์ vs เอ็ด
    โมนิคา vs มิซาว่า
    คารอน vs ฟุบูกิ
    เวโรนิคา vs เคนซัน
    คามิลลา vs อาสึกะ

    “นี้! ไอสึ” ผมที่ตอนนี้สงสัยอยู่เรื่องหนึ่งได้เอ่ยถามไอสึระหว่างทางที่ผมกับไอสึกำลังเดินไปที่ห้อง ผอ.ซาเมะจิมะ ที่อยู่ข้างหน้านี้ไม่ไกลเท่าไรนัก

    “หือ อะไรเหรอจูได?” ไอสึที่ตอนนี้กำลังดูเอกสารเพื่อที่ว่าเรียบร้อยรึเปล่านั้นตอบผมกลับมาอย่างที่ไม่หันมาหาผมเลย

    “จับคู่แบบเนี่ย ไอสึใช่อะไรเป็นเกณฑ์ในการจัดเหรอ?” ผมถามไอสึกลับกับการที่ไอสึเลือกจับคู่ในการต่อสู้แบบนี้ที่จับคู่ออกมาได้แบบนี้

    “อืมก็~ เกณฑ์ของคามแข็งแกร่งแล้วก็ความฉลาดละมั้ง”   ไอสึที่ทำท่าทางเหมือนจะต้องคิดนานตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงที่ปกติในตอนนี้

    “เห้~? แล้วเพื่ออะไรเหรอที่ทำแบบนี้นะ” คำถามที่ผมจะถามไอสึในตอนนี้นั้นมันยังไม่หมดที่จะให้ผมหายสงสัยได้

    “คงเพราะว่า...อยากให้คนพวกนั้นมีงานทำมั้ง” ไอสึที่ตอบกลับเหมือนปกติที่ไม่อยากให้ใครว่างงานสักเท่าไรนักแบบปกติ

    “......” คำพูดที่ไอสึพูดมาเมื่อกี้นี้ทำเอาผมเงียบไปเลยที่เดียว

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดไปทางไอสะ

    ที่ไหนสักแห่งในป่าที่อยู่บนเกาะแห่งนี้ที่ไอสะกำลังเจอกับคู่ต่อสู้ซึ่งก็คือ โยฮัน แอนเดอร์สัน ที่กำลังวิ่งตามหาผมอยู่กับ จิมและอาม่อน

    “เออ~ ขอโทษนะครับ”  ไอสะที่เข้าไปทักเพื่อที่จะถามหาคนที่กำลังตามหาอยู่

    “มีอะไรเหรอครับ?” อาม่อนที่ตอบไอสะกลับมาด้วยสีหน้าที่ปกติของเจ้าตัว

    “มีคนที่ชื่อโยฮัน แอนเดอร์สัน อยู่ที่นี้รึเปล่าครับ” สิ่งที่ไอสะถามกับคนที่ตัวเองนั้นพบเจอก็คือชื่อของคนที่จะสู้ด้วยนั้นเอง

    “ครับ ผมเองแหละครับมีธุระอะไรกับผมเหรอครับ”โยฮันที่ได้ยินคนที่เข้ามาทักถามถึงชื่อของตนเองก็ออกปากถามกลับ ทำให้คนที่มาทักมีสีหน้าที่ดีใจไม่น้อย

     “มาดูเอลกัน!เถอะครับ โยฮัน แอนเดอร์สัน” ไม่ทันไรไอสะก็เปิดเรื่องที่มาหาโยฮันด้วยสาเหตุที่ว่าจะดูเอลกับเค้า

    “ห๋า? ดูเอลเหรอ” คำพูดนั้นทำเอาคนที่ฟังถึงกับงงไปตามๆกัน

    “ครับ” ไอสะตอบกลับด้วยสีหน้าที่มีร้อยยิ้มประดับอยู่บนใบหน้า

    “เออ~ แต่ว่าตอนนี้พวกผมไม่ว่าง”  โยฮันที่กำลังพูดให้อีกฝ่ายที่มาท้าสู้นั้นเข้าใจว่าตอนนี้ไม่ว่าง

    “กำลังยุ่งเรื่องตามหาคนอยู่เหรอครับ?” คนที่มาท้าสู้นั้นพูดกลับด้วยสีหน้าที่ยิ้มอยู่เหมือนเดิม

    YOU! รู้ได้ยังไง” จิมถามกลับด้วยความสงสัย ทั้งที่มาถามหาโยฮันแต่กลับรู้ได้ว่าพวกเค้ากำลังตามหาคนอยู่ และอีกครั้งที่อีกฝ่ายที่มาท้าสู้ยิ้มขึ้นมาอีกครั้ง

     “ก็เพราะว่าคนที่พวกคุณกำลังตามหานะ...อยู่กับพวกผมไงครับ”  ไอสะก็ยังตอบกลับด้วยรอยยิ้มเช่นเดิม

    “ว่าไงน่ะ!!!” ทำเอาคนที่ได้ยินคำตอบถึงกับตกใจ เมื่อรู้ว่าคนที่ตนเองตามหามาตั้งแต่เช้ากลับไปอยู่กับใครที่ไหนก็ไม่รู้

    “จูได อยู่กับแกงั้นเหรอ!!!” โยฮันที่เริ่มจะร้อนรนถามไอสะกลับด้วยเสียงที่ดูจะอยากเข้ามาถามไอสะโดยตรง

    “อืม~ ใช่แล้วครับแต่...พูดว่าแกเนี้ยมันไม่สุภาพเลยน่ะครับ ผมชื่อว่าโอมะอิน ไอสะ แล้วก็ดูเอลคร้งนี้มี ยูกิ จูได เป็นเดิมพันก็แล้วกันน่ะครับ” คำตอบที่ออกมาจากปากไอสะดูถ้าว่าจะทำให้อีกฝ่ายโมโหมากยิ่งขึ้น

    “ว่าไงน่ะ!! เดิมพันด้วยจูไดงั้นเรอะ หึ้ย!! งั้นฉันรับคำท้า มาดูเอลกัน!!!” คำตอบที่ได้ยินออกมาจากปากของไอสะทำเอาโยฮันเดือดขึ้นมาและก็ตอบรับคำท้าด้วยอารมณ์เพียงชั่ววูบ โดยไม่รู้เลยว่าตัวเองจะมีชะตาเช่นไร ในการดูเอลครั้งนี้

    “โยฮัน!!!” จิมและอาม่อนที่ร้องเรียกชื่อของคนที่กำลังทำตามอารมณ์ของตัวเองอยู่ในขณะนี้

     “ครับงั้น...ถ้าผมแพ้ยูกิ จูไดผมจะคืนให้แต่...ถ้าโยฮันคุงแพ้...ยูกิ จูไดคุงต้องอยู่กับพวกเรา” คำพูดที่อธิบายเรื่องเดิมพันในดูเอลครั้งนี้คือสิ่งที่ไอสึเตรียมเอาไว้แล้ว

    “อึก!! จูได!!” โยฮันที่เริ่มคิดแล้วว่าตอนนี้ต้องเอาชนะคนที่มาท้าสู้กับตัวเองเท่านั้นถึงจะได้ตัวจูไดกลับมา

    “เริ่มเลยละกันครับโยฮันคุง” ไอสะที่พูดอย่างยิ้มแย้มแจ่มใสอย่างปกติก็เริ่มมาเข้าเรื่องอีกครั้งจริงๆแล้วการดูเอลครั้งนี้ใครจะแพ้ใครจะชนะก็ไม่มีค่าอะไรเลยเพราะสิ่งที่เอามาเดิมพันมันก็เพียงแค่แผนที่จะทำให้อีกฝ่ายปั่นป่วนเท่านั้น

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาอีกทางหนึ่งที่อะควอเรีย

    ก็อีกที่ไหนที่หนึ่งบนเกาะนี้อีกนั้นแหละ ที่ที่อะควอเรียเจอกับคนที่จะสู้ด้วย มารุฟูจิ โช นั้นเองแต่ดูท้าว่าจะคุยกันมาได้ไกลพอควรแล้ว

    “ว่าไงน่ะ!!!” โชร้องตกใจกับเรื่องบางอย่างที่ได้ยินมาจาคนที่เดินเข้ามาทักตัวเอง

    “ฉันบอกว่าคนที่คุณกำลังตามหานะ อยู่กับพวกเราค่ะ” อะควอเรียที่ทำหน้าเหมือนเรื่องที่กำลังทำอยู่ตอนนี้ไม่รู้ว่าจะทำไปทำไม(ง่ายๆก็ทำหน้าเซ็งนั้นแหละ : คนเขียน)

    “ลูกพี่อยู่กับคุณเหรอครับ ดีจังเลย”โชพูดด้วยน้ำเสียงที่ดีใจว่าลูกพี่ของตัวเองยังปลอดภัยอยู่ ทั้งๆที่ออกตามหามาตั้งแต่เช้าแล้วก็ยังไม่เจอเลยจนตอนนี้ที่มีผู้หญิงคนหนึ่งเดินเข้ามาทัก แล้วบอกว่า คนที่คุณกำลังตามหา ยูกิ จูได อยู่กับพวกเราแต่เขาก็ไม่ได้ไว้วางคนที่จู่ๆก็โผล่ออกมาแถมยังไม่เคยเห็นหน้าเลยแบบนี้

     “แต่ว่า...ถ้าอยากเจอกับยูกิ จูไดละก็ ต้องเอาชนะฉันให้ได้ก่อนนะค่ะ” อะควอเรียทีเริ่มพูดเข้าเรื่องที่ตัวเองได้รับภารกิจมา

    “เอาชนะเหรอ คุณมีเป้าหมายอะไรกันแน่!!!”โชตะโกนถามคนที่เข้ามาท้าสู้ด้วยอาการตกใจ เพราะไม่นึกว่าสิ่งที่ได้ยินมาจะเป็นการเดิมพันด้วยลูกพี่ของตนเอง

     “แต่ถ้านายปฏิเสธ....นายก็ไม่ได้เจอกับเขาเหมือนกัน หึๆๆๆจะทำยังไงละ? ต้องชนะฉันให้ได้เท่านั้นน่ะนายถึง จะได้เจอกับยูกิ จูได” คำพูดของอะควอเรียที่กีดกันทุกทางไว้ไม่ให้โชหนีหรือปฏิเสธได้เลย

    “งั้นก็ได้ในฐานะลูกน้องผมจะพาลูกพี่กลับมาเอง!!”สิ้นเสียงประกาศของโช ทำให้คนที่มาท้าสู้ถึงกับยิ้มออกมาอย่างดีใจ ที่อีกฝ่ายตัดสินใจสู้เพื่อคนที่ตัวเองนับถือว่าเป็นลูกพี่

     “งั้นเริ่มเลยละน่ะ มารุฟุจิ โชคุง”

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อีกด้านหนึ่งทางอูเรีย

    ที่มาเดินเล่นแถวๆ หอบลูของผู้ชายเพื่อที่จะมาคนที่ไอสึจับคู่ให้ที่เป็นถึง เฮลไคเซอร์เรียว ดูท่าว่าจะเก่งซะด้วยสิ และไม่นานนักอูเรียก็เดินมาเจอกับชายคนหนึ่งที่ยืนอยู่ข้างหลังของหอบลู

    “เอ่อ~ขอโทษนะครับ” อูเรียพูดทักคนที่ตัวเองเจออยู่ในตอนั้น

    “หือ?” คนที่ถูกทักก็ได้หันหน้ามาเพื่อที่จะได้ดูหน้าของคนที่เข้ามาทักตัวเอง

    “รู้จักคนที่ชื่อเฮลไคเซอร์เรียวรึเปล่าครับ” อูเรียเอ่ยปากถามคนที่ตัวเองเจอเพราะเขาเองก็ได้ยินมาแค่ชื่อ ยังไม่เคยได้เห็นหน้าของคนที่ตัวเองจะมาสู้ด้วยเลยเพราะงั้นถาม เขาเอาจะดีกว่า

     “ฉันเองแหละเฮลไคเซอร์” คนที่ถูกทักก็ได้บอกชื่อของตัวเองให้อีกฝ่ายรู้ว่าเค้าคือเฮลไคเซอร์เรียวที่อีกฝ่ายตามหาอยู่

    “เห้~ งั้นก็ดีเลยผมมีเรื่องอยากจะคุยกับคุณพอดีเลย” อูเรียเอ่ยขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีไม่น้อยในตอนนี้

    “เรื่องอะไร? แล้วนายเป็นใคร?” เรียวที่ตอนนี้เริ่มรู้แล้วว่าอีกฝ่ายนั้นมีเรื่องที่จะพูดกับเค้าจริงๆ

     “มาดูเอลกันน่ะครับ เฮลไคเซอร์เรียว แล้วก็ผมชื่อว่าอูเรียครับยินดีที่ได้รู้จัก”อูเรียยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยเพราะไม่นึกว่าจะได้เจอกับคนที่ตัวเองตามหาเร็วขนาดนี้ แต่มันก็ดีแล้วละจะได้ทำภาระกิจให้มันเสร็จเร็วๆ

    “ดูเอลเหรอ? นายต้องการอะไร?” เรียวที่ไม่แน่ใจสักเท่าไรนักกับคนที่จู่ๆก็เข้ามาถามหาเค้าแล้วจู่ๆก็บอกว่ามาดูเอลกัน ก็ได้ถามอีกฝ่ายกลับ

    “เปล่าครับผมแค่อยากดูเอลกับคนเก่งๆ อย่างคุณก็แค่นั้นเอง”ตอบคำถามพร้อมด้วยร้อยยิ้มที่ฝืนยิ้มให้กับฝ่ายตรงข้าม เพราะถ้าหากว่าอูเรียใจร้อนการดูเอลนี้อูเรียแพ้แน่นอน นั้นคือสิ่งที่ได้รับคำสั่งมาจากไอสึผู้เป็นนาย

     “เหรอ...งั้นก็ได้แค่ดูเอลกันก็พอแล้วสิน่ะ งั้นฉันรับคำท้านาย”  เรียวที่ไม่รู้แน่ชัดนักว่าอีกฝ่ายต้องการอะไรจากเค้า ก็ได้ตอบรับคำท้าสู้นั้นเสียแล้ว

    “แต่ว่าแค่ดูเอลอย่างเดียวมันจะไปสนุกอะไรละครับ เฮลไคเซอร์คุง” อูเรียที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าสนุกสนานมายิ่งขึ้นตอบกลับอีกฝ่ายอย่างปกติ

    “แล้วนายต้องการอะไร?” เรียวที่ตอนนี้เริ่มมีสีหน้าไม่พอใจมากขึ้นเมื่ออีกฝ่ายยังไม่เริ่มดูเอล

     “งั้นเดิมพันกับสิ่งที่นายรักละเป็นไง? หน้าสนใจไหม?” รอยยิ้มมีขึ้นบนหน้าอีกครั้ง แต่ครั้งนี้ภายใต้รอยยิ้มนั้นกลับมีสิ่งที่หน้ากลัวรอเรียวอยู่ แต่ว่าไม่รู้ว่ามันคืออะไรกันแน่

    “สิ่งที่ฉันรักเหรอ...หึพูดอะไรนะของแบบนั้นฉันไม่มีหรอก” เรียวที่ขำกับสิ่งเดิมพันที่อีกฝ่ายเสนอออกมา อย่างที่ไม่เคยเป็นมาก่อน

    “มันจะแน่เหรอ มันแลกกับคนที่นายรักเชียวนะ เฮลไคเซอร์” อูเรียที่พูดออกมาอย่างเศร้าๆ ที่อีกฝ่ายนั้นเหมือนจะไม่เชื่อว่าสิ่งเดิมพันนั้นตัวเองจะมี

    //กึก//คำพูดนั้นทำเอาคนฟังถึงกับชะงัก เพราะสิ่งสำคัญที่สุดในตอนนี้ที่เขามี มีแค่... หมอนั้นเท่านั้นในตอนนี้(ใครละ? : คนเขียน)

     “เป็นไงสิ่งเดิมพัน ถ้านายชนะนายจะได้ของที่นายรักแต่...ถ้านายแพ้นายจะไม่ได้เห็นของที่นายรักอีก”  อูเรียที่พูดย่ำเพื่อที่จะให้อีกฝ่ายเข้าใจอย่างแจ่มแจ้งมากยิ่งขึ้น

    “นี้สินะคือสิ่งที่นายต้องการจริงๆ ในการดูเอลครั้งนี้!” เรียวที่ตอนนี้เริ่มที่จะโมโหขึ้นมานิดหน่อยกับสิ่งเดิมพันที่อีกฝ่ายมีให้

    “มันก็ไม่เชิงหรอกครับ เพราะที่ผมทำแบบนี้ก็แค่ได้รับคำสั่งมาก็เท่านั้นเอง” อูเรียที่เริ่มจะรุดปากบ้างกับสิ่งที่ตัวเองได้รับคำสั่งมา

    “คำสั่ง!! จากใครนายรับคำสั่งนี้มาจากใคร!!!” เรียวแสดงสีหน้าไม่พอใจเป็นอย่างมาก เมื่อรู้ว่าสิ่งที่คนๆนี้กำลังทำมันคือคำสั่งที่อีกฝ่ายได้รับมาอีกทอดหนึ่ง มันต้องมีเบื่องหลังอะไรอีกแน่ ไอ้คนสั่งมันเป็นใคร(ว่ะ)

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดกลับไปทางไอสึกับจูได

    ที่ตอนนี้ไอสึกับจูไดเสร็จเรื่องที่ยื่นคำขอที่พักชั่วคราวกับ ผอ. ซาเมะจิมะ แล้วและตอนนี้ก็กำลังเดินกลับไปรออยู่ที่หอเรด หอที่ตอนนี้มีคนพักอาศัยอยู่เพียงคนเดียวคือ จูได

    “หั้ด~ชิ้ววว” ไอสึที่เดินมาดีๆกับจูไดจู่ๆก็จามออกมา(อย่างไม่ตั้งใจ)

    “ไม่สบายเหรอไอสึ?”  จูไดที่เดินอยู่ด้วยกันนั้นถามไอสึด้วยความเป็นห่วงเพราะว่าเป็นพี่สาว

    “เปล่าน่ะฉันสบายดี แต่ไม่รู้ว่ามำไมมันถึงได้จามออกมาหรือจะมีคน กำลังนินทาอยู่กันหนอ?” ไอสึที่พูดออกมาพางนึกว่าจะมีใครกันน่ะที่นินทาตัวเองอยู่ในตอนนี้

    “ฉันว่า...หัดดูแลตัวเองบ้างก็ดีน่ะไอสึ” จูไดที่พูดบอกไอสึในระหว่างที่เดินไปหอเรด

    “จ้าๆๆๆ” ตอบกลับด้วยสีหน้าที่ยุ่งยากแล้วพางเอามือลูบหัวของน้องชายตัวเอง

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดกลับมาที่อูเรีย

    ที่ตอนนี้กำลังเข้าขั้นไครแมกซ์ ที่เรียวเริ่มโมโหแล้วและดูท่าว่า...จะกำลังเดือดได้ที่แล้วด้วยมันก็เลยเข้าทางอูเรียพอดี

    “งั้นถ้าดูเอลชนะผมละก็ ผมจะบอกชื่อคนที่สั่งผมให้ก็แล้วกันน่ะครับ” อูเรียที่ยื่นเรื่องเสนอมาอีกข้อถ้าหากว่าอีกฝ่ายชนะเข้าได้

    “งั้นก็ได้มาเลย! มาดูเอลกัน” เรียวที่ตอนนี้เริ่มหวั่นไหวกับสิ่งที่มีเดิมพันในครั้งนี้และด้วยความที่อยากรู้ชื่อคนที่สั่งให้ ไอ้หมอนี้ทำแบบนี้ด้วย

    “ครับ” ตอบกลับด้วยเสียงที่เรียบและสงบนิ่ง

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    อีกด้านหนึ่งทางฮาม่อน

    ที่เรื่องไปไกลมากแล้ว เพราะว่าฮาม่อนเปิดฉากท้าสู้และ...ไม่นานนักนิสัยประจำก็ออกลายที่ชอบพูดให้คนอื่นวีดแตก

    “ว่าไงละครับมันโจเมะคุง จะมาดูเอลกับผมมั้ยครับ โอ๊ะ! หรือว่าจะกลัวผมซะแล้วละเนี้ย ฮะๆๆๆ” ด้วยความที่ว่ามันเป็นนิสัยส่วนตัวของฮาม่อนจึงทำให้เป็นแบบนี้ปกติเวลาที่จะดูเอลกับใครก็แล้วแต่

    “หน่อย! แนะแกคิดเหรอว่าคนอย่างฉันจะกลัวแกนะห๋า!!!” แล้วก็นี้ด้วยความที่มันเป็นนิสัยของมันโจเมะเช่นกันเลยทำให้หมอนี้โมโห

    “โอ๊ะ! งั้นเหรอถ้าอย่างงั้นมาดูเอลกันสิครับ ฮะๆๆๆๆ” คำพูดที่ฟังดูแล้วมันเหมือนกำลังยั่ว ฝ่ายตรงข้ามอยู่แล้วคิดเหรอว่า ท่าทางแบบนั้นมันจะไม่ทำให้คนอย่างมันโจเมะโมโห

     “มาดูเอลกัน!!” มันโจเมะตอบรับคำดูเอลด้วยความโมโหที่ตอนนี้นั้นมีมากพอ

    “แหม~ อย่าพึ่งใจร้อนสิครับมันโจเมะคุง ถ้าจะให้ดูเอลสนุกมันต้องเดิมพันกับสิ่งสำคัญของคุณสิครับ หะๆๆๆ” ฮาม่อนเองก็ยังเหมือนเดิมที่ยังหัวเราะไปได้เรื่อยๆ ในขณะที่กำลังดำเนินเรื่องเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ

    “สิ่งสำคัญเหรอ? นายต้องการอะไรกันแน่!!!” มันโจเมะเองตอนนี้ก็ยังไม่รู้เลยว่าคนที่มาท้าสู้กับตัวเองนั้นมีจุดมุ่งหมายอะไรกันแน่จนกระทั่งตอนนี้

     “เดิมพันกับคนที่คุณรักเป็นไง?” ฮาม่อนยังคงมีใบหน้าที่ยิ้มอยู่ และไม่นานนักรอยยิ้มนั้น....ก็ไม่ได้แปรเปลี่ยนอะไรเลย

    “คนรักเหรอ? นี้นาย...คิดจะทำอะไรเทนโจอินคุงน่ะ!!” และแล้วตอนนี้มันโจเมะถึงได้รู้ว่าอีกฝ่ายนั้นเดิมพันกับสิ่งสิ่งหนึ่งซึ่งก็คือคนที่เข้ารักนั้นเอง

    “หะๆๆๆ ก็แบบว่า...ถ้าหากมันโจเมะคุงแพ้คนที่คุณรักคุณจะไม่ได้เห็นหน้าอีก และถ้าหากผมแพ้คุณจะได้สิ่งที่คุณรักคืน เพราะว่าตอนนี้คนที่คุณรักอยู่กับพวกเรา” คำพูดนั้นที่พูดออกมาจากคนที่มีรอยยิ้มประดับอยู่บนหน้าที่เหมือนอย่างทุกที

    “หน่อยแนะแก!! งั้นฉันรับคำท้ามาดูเอลกัน!!!” มันโจเมะที่ตอนนี้โมโหกำลังได้ที่ตอบรับคำท้าการดูเอลนั้นอีกครั้ง

    “ได้เลย หะๆๆๆ” คำตอบที่มาจากคนที่ใบหน้าติดยิ้มอยู่

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่ราเวียร์

    ที่ตอนนี้กำลังเดินอยู่ในโรงเรียน บริเวณสนามดูเอลเพราะว่าได้ข้อมูลของคู่แข่งมาว่าเป็นถึงโปรดูเอลอัจฉริยะ แถมยังอายุน้อยซะด้วยสิ เหอ~ ต้องมาสู้กับคนที่อายุน้อยแบบเนี้ยนักใจยังไงก็ไม่รู้สิ

    “ครับ อ๋อ? ได้ครับๆเดียวผมจัดการให้ครับ” ระหว่างทางก็มาเจอกับคนที่กำลังยืนคุยโทรศัพท์อยู่ ดูๆแล้วน่าจะประมาณปี 3 และแล้วด้วยความที่ว่าไม่รู้จะไปหา เอ็ด ฟินิกซ์ ที่ไหนแวะถามคนเอาจะดีกว่า

     “ครับผมงั้นแค่นี้น่ะครับ ครับสวัสดีครับ” เด็กคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็ดูเหมือนว่าจะกำลังเดินจากไป

    “ขอโทษน่ะค่ะ คือว่า...” ราเวียร์รีบร้องเรียกคนที่กำลังจะเดินไปแต่ว่าช่วงท้ายของคำพูดกลับขาดหายไป

    “ครับมีอะไรรึเปล่าครับ” เด็กหนุ่มคนนั้นก็ได้หันหน้ามาที่ที่มีคนเรียกเค้าอยู่

    “คุณ! เอ็ด ฟินิกซ์ นี้หน่า!!” ไม่นึกเลยว่าคนที่ตัวเองทักจะเป็นคนที่ตัวเองกำลังตามหาอยู่ แต่มันก็ดีแล้วจะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหาเองด้วย มาให้เจอแบบนี้แหละดีแล้ว

     “ครับ มีธุระอะไรกับผมงั้นเหรอครับ” เอ็ดที่ตอบกลับมาอย่างสุภาพแล้วก็ทำหน้าปกติของมันแน่!! ก็หมอนี้เป็นพวกสองหน้า

    “เออ~ ไม่ทราบว่าคุณว่างอยู่รึเปล่าค่ะ?” ราเวียร์ถามกับคนที่ตัวเองตามหา

    “อ๋อ? ครับตอนนี้ยังว่างอยู่ครับมีอะไรเหรอครับ เออ~ แล้วคุณเป็นใครเหรอครับ?” เอ็ดที่ดูเป็นเด็กไร้เดียงสา (เหรอ~ : คนเขียน) ตอบคำถามของคนที่มาทักตัวเอง

     “ฉันชื่อว่าราเวียร์ คือว่าช่วยมา...ดูเอลกับฉันที่ได้มั้ยค่ะ? เอ็ด ฟินิกซ์คุง” ราเวียร์ที่ตอนนี้เองก็ยังมีใบหน้าที่ติยิ้มอยู่แต่ในใจกลับ... แหม~แทบจะไม่ได้สงสัยอะไรมากเลยน่ะใสสื่อจริงๆ เลยน่ะ เอ็ด ฟินิกซ์ แต่ก็น่ะก็ยังเด็กนี้ไม่ทันเหล่เหลี่ยมอะไรฉันหรอก แบบนี้สิเชือดสบาย

    “ดูเอลเหรอครับ? เอ๋? คุณราเวียร์ คุณต้องการอะไรกันแน่!” เอ็ดที่ตอนนี้เริ่มจะเข้าใจสถานการณ์ขึ้นมานิดหนึ่งที่ไม่นึกเลยว่าคนที่มาทักนั้นจะมาท้าดูเอลด้วยแบบนี้

    “ฉันก็แค่ต้องการ แค่ดูเอลกับคุณแค่นั้นเองค่ะ” ตอบกลับด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้ม อันแสนอบอุ่นและอ่อนโยน ที่ประดับอยู่บนหน้า

     “ได้ครับ งั้นผมจะดูเอลกับคุณก็ได้ครับ เพราะผมเองก็ว่างอยู่พอดี” คำตอบนั้นถึงกับทำให้อีกฝ่ายอมยิ้มขึ้นมานิดหนึ่ง

    “แหม~ ใจดีจังเลยคะ งั้นฉันจะขอเอาชนะเอ็ดคุงละน่ะค่ะ” คำพูดนั้นที่ราเวียร์พูดก่อนจะดูเอลมันมักจะเป็นจริงเสมอ

    “หะๆๆ มันจะจริงเหรอครับ ผมนะเป็นถึงแชมป์ เชี่ยวน่ะครับ” ตอบกลับด้วยสีหน้าที่มีรอยยิ้มประดับเล็กน้อย ตามภาษาคนต้องรักษาหน้าตาไว้

    “แหม~ ไม่ลองมันจะไปรู้อะไรละค่ะ” ราเวียร์เองก็ยังคงยิ้มแบบนั้นอยู่เสมอรอยยิ้มที่ไม่มีใครรู้ว่ามันมีอะไรอยู่เบื่องหลัง

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่โมนิคา

    ตอนนี้ที่มาแถวหอพักเยลโล คงจะมีแต่คนตกใจที่ไม่นึกว่าจะเจอกับคนที่ใส่ชุดเหมือนคุณหนูในคฤหาสน์มาเดินอยู่ที่แบบนี้ และก็แน่ละต้องมีคนกระสิบกระสาบกันเป็นธรรมดาก็ที่นี้มันโรงเรียนสอนดูเอลน่ะ

    “นี้! นายดูนั้นสิ นั้นเด็กผู้หญิงจากที่ไหนว่ะนะไม่เคยเห็นหน้าเลยแหะ” ผู้ชายคนั้นพูดขึ้นมาอย่างสงสัย

    “นั้นสิ ใครว่ะแล้วมาทำอะไรที่นี้” และมีชายอีกคนพูดด้วยอยู่ข้างๆ

    “คุยอะไรกันหนะพวกนาย ใครแปลกๆเหรอ?” มิซาว่าที่เดินผ่านมาได้ยินเข้าจึงทักถึงเรื่องที่สองคนนี้กำลังคุยกันอยู่

    “ก็นั้นไงมิซาว่า เด็กผู้หญิงคนนั้นน่ะมายืนดูหอเราตั้งนานแล้วน่ะ” คนนี้ที่ดูท่าว่าจะดูเด็กคนนี้มานานพอสมควรพูดขึ้น

    “นั้นสิไม่รู้ ว่าเป็นใครมาจากไหนด้วย” และอีกคนพูดขึ้นเสริมมาเพื่อให้มันสมบรูณ์

    “เห๋? งั้นเดียวฉันจัดการเอง!” ก็ไม่นานนักที่จะมีคนเดินเข้าไปทักคนที่ไม่รู้จักหน้าและชื่อ แล้วก็คนที่เข้าไปทักก็คือคนที่เดินผ่านมาแถวนั้น นั้นแหละ มิซาว่าไง

     “นี้หนู! ตรงนั้นนะ” มิซาว่าถามเด็กที่ไหนก็ไม่รู้ที่มายืนดูหอเยลโล่อย่างปกติ

    “หือ?” คนที่ถูกทักเองก็ตอบกลับแค่นั้น แล้วก็หันหน้ามาหาคนที่ทักตัวเอง

    “หนูมาทำอะไรแถวนี้เหรอ แล้วพ่อแม่หนูไปไหนเหรอ?” และเมื่อไม่ได้คำตอบจากคนที่ตัวเองถามมิซาว่าก็เลยถามซ้ำอีกครั้ง

    “ฉัน...มาหาคนที่ชื่อมิซาว่า ไดจิ ที่อยู่ที่นี้นะค่ะ” พูดตอบกับคนที่เข้ามาทักโดยไม่รู้เลยว่าคนที่ทักนั้นเป็นคนที่ตนเองตามหาอยู่ และก็ได้จองมองคนที่มาทักอย่างปกติ

     “พี่เองแหละ มิซาว่า ไดจิ ที่น้องกำลังตามหา แล้วมีธุระอะไรกับพี่งั้นเหรอ” มิซาว่าที่รู้เหตุผลแล้วว่าเด็กที่มายื่นดูหอเยลโลนั้นมีธุระกับตนก็เลยบอกชื่อไป

    “มิซาว่า ไดจิ คือนายเองเหรอ? งั้นก็ดีแล้วฉันมีธุระกับนายพอดี จะได้ไม่ต้องเสียเวลาตามหา” โมนิคาที่มาตามหาได้รู้จักชื่อของคนที่เข้ามาทักว่าเป็นคนที่ตัวเองกำลังตามหาจึงพูดตอบอีกฝ่าย

    “แล้วมีธุระอะไรกับพี่เหรอ?” มิซาว่าเองก็จับทางได้แค่ว่าเด็กคนนี้มีธุระกับเค้าก็ได้พูดตอบอีกฝ่ายไปเช่นกัน

    “มาดูเอลกัน มิซาว่า ไดจิ” โมนิคาที่มาเจอกับคนที่จะดูเอลด้วยแล้วนั้นก็ได้เปิดฉากท้าดูเอลกับอีกฝ่ายโดยตรง

    “ห๋า? ดูเอลกับน้องนะเหรอ”คนฟังถึงกลับจับทางไม่ถูก ที่จู่ๆก็ถูกเด็กที่ไหนก็ไม่รู้มาท้าสู้ด้วยแบบนี้ แล้วจะทำไงดีละเราอายุมากกว่าตั้งหลายปี แถมอีกฝ่ายยังเป็นเด็กอีกจะปฏิเสธดีรึเปล่าน่ะ

     “เห้ย มิซาว่า เป็นอะไรไปนะทำไมถึงนิ่งแบบนั้นว่ะ” คนที่พูดกับมิซาว่าก่อนที่จะได้ลงไปดูเด็กที่หน้าหอนั้นพูดขึ้น

    “นั้นสิ ไม่รู้ด้วยว่าคุยเรื่องอะไรกันอยู่” ชายอีกคนที่อยู่ใกล้กันพูดตอบ

    “จะมีเรื่องอะไรกันรึเปล่านะ” เสียงกระสิบกระสาบในหอเยลโล เริ่มเสียงดังขึ้นหลังจากที่มิซาว่าออกตัวจะไปคุยกับเด็กผู้หญิง ที่มายืนมองหอเยลโล แต่แล้วกับไม่กลับมาสักกะที

     “นี้น้อง พี่ว่าน้องหน้าจะ...” มิซาว่าที่จะพูดปฏิเสธนั้นพูดยังไม่ทันจบ

    “ฉันมาที่นี้...เพราะได้รับคำสั่งให้มาสู้กับนาย! มิซาว่า ไดจิ” โมนิคาที่พูดตัดก่อนที่มิซาว่าจะพูดจบ

    “คำสั่งเหรอ? เธอรับคำสั่งมาจากใคร?” มิซาว่าที่เริ่มจะเข้าใจแล้วว่าอีกฝ่ายไม่ได้แค่อยากดูเอลธรรมดา แต่อีกฝ่ายนั้นรับคำสั่งมาจากอีกคน

    “....ไม่จำเป็นต้องรู้...มาดูเอลกัน!” โมนิคาที่มักจะแน่วแน่ในการรับคำสั่งปฏิบัติตามอย่างไม่ปริปากสักคำเกี่ยวกับคนที่สั่งการมา

    “ถามไปคงไม่ได้คำตอบสิน่ะ งั้นก็ได้เรามาดูเอลกัน” มิซาว่าที่เห็นท่าว่าจะไม่มีทางอื่นแล้วในการท้าดูเอลครั้งนี้จึงได้ตอบตกลง

    “รออยู่แล้วมิซาว่า ไดจิ” โมนิคาก็ยิ้มขึ้นมาเล็กน้อยที่เป็นไปตามแผนที่วางไว้

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่คารอน

    หญิงสาวที่โชคร้ายที่สุดในการต่อสู้ครั้งนี้ เพราะไม่นึกเลยว่าเธอจะต้องมาเจอกับคนที่เป็นถึงเทพแห่งความรัก อย่างเทนโจอิน ฟุบูกิ ที่แสนจะพูดจาดีกับสาวๆ นักใจจริงเลย ให้สู้กับใครไม่สู้ต้องมาสู้กับคนแบบนั้น จะไหวไม่เนี้ยเราตอนนี้หญิงสาวผู้โชคร้ายก็ได้มาเดินในที่ๆน่าจะมีความเป็นไปได้ที่จะเจอกับคู่ต่อสู้นั้นก็คือ ชายหาด

    “กรี๊ดดดด ท่านฟุบูกิขาาาา” เสียงกรี๊ดที่มาจากหาดของผู้หญิงหลายคนดังอย่างไม่น่าเชื่อ(เชื่อดิ : คนเขียน)

    “เท่ที่สุดเลยค่า” เสียงหนึ่งในหญิงสาวหลายคนกะโกนขึ้น

    “โอ้~แม่เทพธิดาทั้งหลาย ฉันอยู่นี้แล้ว” และแล้วฟุบูกิก็เริ่มใช่ท้าไม้ตาย

    “กรี๊ดดดด ท่านฟุปุกิขาาาา” และแล้วไม่นานนักที่เหล่าผู้หญิงที่พากันรุมกรี๊ด เทนโจอิน ฟุบูกิ ก็พากันเป็นลม ดีแล้วเย็นดี ใช่ที่ไหนกันเล่า!!! เป็นลมที่หมดสติต่างหาก นี้ละคู่ต่อสู้ที่รับมืออยากที่สุดละ เฮอ~ ไม่รูว่าจะมีสมาธิสู้รึเปล่าน่ะ

     “อ้าวๆ สาวน้อยสุดสวยตรงนั้นนะที่ธุระอะไรรึเปล่าจ้ะ”ฟุบูกิ หันหน้ามาทางที่คารอนยืนอยู่ แล้วก็ชี้นิ้วมาทางเธอ ของมันแน่ละก็หมอนี้นะเป็นพวกหลงรักสาวๆง่ายไงละ

    “เอ๋?” คารอนก็ได้แต่ทำหน้าแปลกใจ แล้วยกนิ้วขึ้นชี้มาที่ตัวเอง

     “ไม่ทราบว่ามีอะไรให้ผมช่วยมั้ยครับคุณหนูสุดสวยที่อยู่ตรงนั้นน่ะ”  ฟุบูกิที่ตอนนี้กำลังเดินเข้ามาใกล้กับผู้หญิงที่เค้ามองเห็นได้พูดขึ้น

    “ปะ..เปล่ามีนิ..ค่ะ”  คารอนก็ตอบเสียงกะตุกกะตักกลับไป เพราะไม่นึกว่าจะถูกทัก

    “แหมไม่ต้องเกรงใจไปหรอกครับ แม่เทพธิดาน้อย” ฟุบูกิพูดจบก็ตามมาด้วยการ เข้าไปจับมือแล้วนั่งคุกเข่า

     “ถ้าอย่างงั้น...เออ” คารอนที่ตอนนี้นั้นก็ยังตกใจกับการกระทำของอีกฝ่ายได้พูดโดยเว้นช่วงไว้

    “มีอะไรเหรอครับสาวน้อย?” ฟุบูกิเองก็ยังไม่เป็นการกระทำในตอนนี้

    “ช่วยมา...ดูเอลกับฉันด้วยเถอะค่ะ” คารอนพูดขอร้อง(?)ให้อีกฝ่ายที่จับมือตัวเองอยู่ตอนนี้นั้นดูเอลกับตัวเอง

    “ดูเอลเหรอ?” คำขอที่ออกมาจากปากของคนที่ตัวเองเรียกว่าสาวน้อย กลับทำให้ตนเองต้องทวนคำนั้นอีกครั้ง คงเพราะไม่นึกว่าคนที่น่ารักๆแบบนี้จะมาขอดูเอลด้วยหรอกมั้ง

     “แหม~ สาวน้อยผู้นี้ช่างเลือดร้อนเหลือเกิน นี้ถึงขนาดต้องดูเอลเพื่อชิงใจกันเลยเหรอเนี้ย แหม~ แบบนี้ต้องตอบสนองเสียงหัวใจนั้นซะแล้วสิ” ตามภาษาของคนที่คิดแต่เรื่องความรักกับสาวๆก็พูดไปเรื่อยๆตามนั้นแหละ และตอนนี้นั้นก็ได้ลุกขึ้นและปล่อยมือของเด็กสาวออกแล้ว

    “เอ่อ~ คือว่า...มันไม่..ใช่แบบนั้นน่ะค่ะ” คารอนที่พยายามจะพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจแต่...ดูท่าว่าจะไม่ยอมฟังกันเลย

    “ได้สิฉันรับคำท้าเธอสาวน้อย ด้วยความรักฉันจะไม่ทำให้เธอผิดหวังเลย มาเลย” ก็อีกตามเคยที่ฟุบูกิจะพูดแบบนั้นออกไป

    “แสดงว่ารับคำท้าของฉันแล้วสิน่ะค่ะ งั้นก็ขอมีของเดิมพันด้วยได้มั้ยค่ะ คุณเทนโจอิน” คารอนเองก็ได้ตามน้ำไปแต่ว่าก็ยังไม่ลืมที่จะทำตามแผน

    “เดิมพันเหรอแล้ว แม่เทพธิดาน้อยต้องการอะไรเหรอ?จ๊ะ” ฟุบูกิพูดขึ้นพร้อมกับหันหน้ามาหาคารอน(หันไปทางอื่นตอนไหน? : คนเขียน)

    “อืม~” ความคิดที่กำลังทำงานหลังจากที่ถูกพูดจาในแบบที่ตัวเอง ไม่ชอบ โดยคนฝ่ายตรงข้าม

     “ว่าไงละแม่เทพธิดาน้อย?” ฟุบูกิเองก็ได้แต่เรียกชื่อของคนที่ตัวเองเจออยู่นั้นแหละโดยไม่รู้เลยว่าจะเกิดอะไรขึ้น

    “เอาเป็นว่าฉันขอ...สิ่งที่คุณรักที่สุดในต้อนนี้ไปเลยได้มั้ยถ้าหากฉันชนะนะค่ะ” คารอนพูดในสิ่งที่ตัวเองของเดิมพันไว้แล้วยิ้มตอบกลับอีกฝ่าย

    “สิ่งที่รัก...เหรอ? แม่เทพธิดาน้อยต้องการหัวใจดวงนี้สิน่ะ โอ้~ ช่างใจร้อนอะไรอย่างนี้!” ฟุบูกิเองก็ได้แต่เข้าใจแค่เรื่องของหัวใจโดยไม่รู้ความหมายที่แท้จริงว่ามันคืออะไร?

    “ไม่ใช่ค่ะ! ฉันไม่ได้ต้องการของแบบนั้นเลย แล้วก็อีกอย่างนะค่ะ ฉันชื่อว่าคารอนค่ะ” คารอนพูดปฏิเสธอีกฝ่ายแล้วพยายามพูดให้อีกฝ่ายเข้าใจในอีกความหมายหนึ่ง

    “เอ๋?” คำตอบนั้นถึงกับทำให้คนอย่างฟุบูกิ ต้องกลับมาคิดใหม่ถ้าหากไม่ได้ต้องการความรักแล้ว เธอคนนี้ต้องการอะไรจากเข้ากันแน่!

     “ที่ฉันว่าสิ่งที่คุณรักนะ ....มันก็คือคนที่คุณรักต่างหากละค่ะ” คารอนพูดขึ้นพร้อมกับส่งยิ้มให้อีกฝ่ายอีกครั้ง

    “ว่าไงนะ!!” คำตอบนั้นถึงกับทำให้คนอย่างฟุบูกิต้องตกใจ กับสิ่งเดิมพันที่มีไว้ในการดูเอลกับเธอคนนี้ที่เขาตอบตกลงไว้ว่าจะดูเอลด้วย

     “เดิมพันกับคนที่คุณรักที่สุดในตอนนี้ ถ้าฉันชนะมันก็จะเป็นของฉัน แต่ถ้าหากฉันแพ้มันก็จะยังเป็นของคุณอยู่แบบนั้นค่ะ” คำพูดของคารอนในตอนนี้นั้นจริงจังขึ้นมามากพอควรเพราะว่ามัวแต่เล่นอยู่เดี๋ยวจะไม่ทันการ

    “มันไม่ตลกเลยนะ! ที่จะมาเดิมพันด้วยเรื่องแบบนี้นะฉันขอ...” ส่วนฟุบูกิในตอนนี้นั้นก็กำลังจะพูดปฏิเสธแต่ว่า...

    “ถ้าหากปฏิเสธ!! คนที่คุณรักคุณก็จะไม่ได้คืนเหมือนกันนะค่ะ เพราะว่าต้อนนี้เขาอยู่กับพวกเราแล้วละค่ะ” คารอนพูดตัดเพื่อไม่ให้อีกฝ่ายนั้นพูดคำปฏิเสธออกมา

    “วะ...ว่าไงนะ!!” เล่นเอาช็อคเลยกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดออกมา แบบนี้มันมัดมือชกกันเลยนี้หว่า? ปฏิเสธก็ไม่ได้ดูถ้าว่าอีกฝ่ายจะไม่ได้ล้อเล่นเลยด้วยคงมีแต่ต้องตกลงกันเท่านั้นสินะ

     “ว่ายังไงละค่ะ คุณเทนโจอิน” คารอนพูดเร่งเพื่อให้อีกฝ่ายนั้นตอบเร็วๆ

    “อึก! งั้นก็ได้ฉันตกลงมาดูเอลกัน สาวน้อยคารอน” ฟุบูกิในตอนนี้จำใจที่จะต้องดูเอลกับคารอนที่มาท้าสู้ด้วยเหตุผลที่ว่าจะแพ้ไม่ได้

    “เป็นเกียรติอย่างยิ่งคะ” ตามมารยาทที่คารอนเป็นผู้หญิงก็เลยถูกฝึกมาให้มีมารยาทในการดูเอลพอควร

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่เวโรนิคา

    ที่แค่เดินออกมาตามทางจะได้เจอกับคนที่ตนเองตาม(แทบตาย) ที่ตอนนี้กำลังคุยกันมาได้ไกลพอสมควรแล้ว(เหมือนกัน)

    “ว่ายังไงค่ะ กับสิ่งเดิมพันที่ฉันมีให้ มันคือสิ่งที่คุณกำลังตามหาอยู่เลยนะค่ะ?” เวโรนิคาที่ตอนนี้นั้นยิ้มให้อีกฝ่ายอยู่ตามปกติ

    “นี้เธอจับตัวลูกพี่ไปเหรอ!!?” เคนซันที่เข้าใจว่าอีกฝ่ายนั้นที่วางเดิมพันไว้ด้วยลูกพี่ของตัวเองเป็นคนที่จับตัวไป

    “แหม~ จะพูดอย่างนั้นมันก็ไม่ถูก พูดว่าเขาตามเรามาจะดีกว่านะค่ะ” ตอนนี้แค่พูดอะไรออกไปนิดหน่อย ก็เหมือนกับใส่ฝืนเข้าไปในไฟเรื่อยๆ ที่มันจะยิ่งทำให้ไฟลุกแรงมากขึ้น ก็แค่นั้นถ้าไม่รู้จักควบคุมอารมณ์ของตนเองมันก็เหมือนวิ่งเข้ามาหากับดักนั้นแหละน่า

    “ฉันไม่เชื่อหรอก คนอย่างลูกพี่มีเหรอที่จะตามคนอย่างเธอไป!!” เคนซันพูดเสียงดังขึ้นมาเมื่ออีกฝ่ายพูดในสิ่งที่มันไม่หน้าจะเป็นไปได้

     “ก็แล้วแต่ที่คุณจะคิดค่ะ แต่ไม่ว่ายังไงตอนนี้เขาก็อยู่กับพวกเรา” เวโรนิคาที่ตอนนี้นั้นเริ่มสนุกกับการที่จะต้องยั่วโมโหคนที่ตัวเองจะสู้ด้วยพูดขึ้นอย่างสนุก

    “งั้นก็ได้!!! ถ้าเพื่อลูกพี่ฉันจะต้องชนะเธอ มาดูเอลกัน!” เคนซันตอบรับคำดูเอลที่อีกฝ่ายนั้นเสนอมาให้ที่มีสิ่งเดิมพันอยู่ด้วย

    “ค่ะ!” ตอบกลับอย่างปกติที่ทำเป็นประจำ

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่คามิลลา

    คู่นี้สิถึงจะหน้าดูที่ต่างฝ่ายต่างเป็นผู้หญิงเหมือนกัน สุดๆเลยประชันความสวยเจ้าข้าเอ่ย~ ไม่ใช่แล้วเว้ย!!! ที่นี้เองก็ไปได้ไกลเหมือนกันคามิลลาที่ต้องมาเจอกับผู้หญิงด้วยกันไม่รู้จะสู้เขาได้รึเปล่า คุณเธอก็รักความสงบซะด้วยสิ

    “คุณอาสึกะ คุณจะว่ายังไงค่ะ?” คามิลลาที่ตอนนี้นั้นพูดในสิ่งที่ได้รับมอบหมายมาตามแผนนั้นแล้ว เหมือนที่คนอื่นๆทำ

    “นี้เธอ! ถึงกับต้องทำอย่างนี้เพื่อเรื่องแค่นี้เลยเหรอ!!!” คนที่ถูกท้าสู้ถึงกับตกใจกับสิ่งที่อีกฝ่ายพูดขึ้นมา(ที่ผ่านไปแล้วน่ะ)

    “ก็มัน...ช่วยไม่ได้นี้ค่ะ ...ถ้าฉันไม่ทำอย่างนี้คุณเองก็อาจจะไม่ยอมสู้กับฉัน”  คามิลลาที่ตามปกติจะไม่ค่อยทำแบบนี้แต่ที่เธอทำแบบนี้นั้นเพราะคำสั่ง

    “นี้เธอ!!” อาสึกะที่ตอนนี้นั้นโดนร้อมกรอบกำลังตัดสินใจทำอะไรสักอย่าง

     “จะสู้หรือไม่สู้ก็เหมือนกันแล้วละค่ะ ตอนนี้” ตอนนี้! คามิลลากำลังล้อมกรอบเพื่อให้อาสึกะสู้กับตนเองเหมือนที่ทุกคนกำลังสู้กันอยู่ในตอนนี้ (เหมือนมันวกไปวนมาไงไม่รู้ : คนเขียน)

     “งั้นก็ได้!! มาสู้กัน”  อาสึอะตอบรับคำท้าสู้นั้นแต่โดยดีเพราะไม่ว่ายังไงก็เลี่ยงไม่ไดที่จะไม่สู้ด้วยกับอีกฝ่าย

    “หึ..” มีเพียงแค่เสียงสั่นๆ ที่ดังมาจากภายใต้รอยยิ้มเล็กๆของคามิลลา

    “ดูเอล!!/ดูเอล!!

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดกับมาที่หอเรด

    ณ ห้องอาหารของหอเรด ที่ตอนนี้มีสองชีวิตกำลังนั่งรอเหล่าสมาชิกที่ออกไปทำภารกิจ การรอคอยครั้งนี้ชั่งแสนยาวนานยิ่งนัก เพราะพวกเขาแยกกันตอน 9.00 น. และตอนนี้มันก็เป็นเวลา 11.25 น. ที่สองชีวิตนี้ต้องนั่งรอการกลับมาของเหล่าสมาชิกทั้ง 9 คน

    “เฮ่อ~ ทำไมพวกนั้นช้าอย่างนี้น่า~ ไม่ไหวแล้วนะนั่งรอเฉยๆแบบเนี้ย” ไอสึที่ตอนนี้นั้นได้แค่นั่งรอเฉยๆอยู่กับจูไดสองคนที่หอเรดบ่นขึ้น

    “เย็นไว้น่าไอสึ มันก็ธรรมดานี้น่าที่ดูเอลจะยาวบ้างนะ” ผมพูดขึ้นเพื่อให้ไอสึโล่งขึ้นบ้างแต่นั้นกลับไม่มีผลอะไรเลย

    “แต่ว่าพวกนั้นบอกเองนี้น่าว่าจะทำให้มันจบโดยเร็วนะ ไม่เอาแล้ว!!!” ไอสึในตอนนี้เข้าขั้นที่ว่าเบื่อมากกกกก พูด(ตะโกน)ออกมา

    “อะ...ไอสึ! งั้นเรามาหาอะไรทำกันมั้ย?” (ทำไรเหรอ? : คนเขียน) บนหนทางที่ตอนนี้กำลังจะมีคนคลั่งอยู่ในหอเรด เด็กหนุ่มก็ได้เสนอหนทางดับทุกข์นั้นให้แล้วว่าแต่ว่า...แล้วมันคืออะไรกันละ?

     “แล้วจูไดว่าเราควรทำอะไรละ? ในเวลาแบบนี้” ไอสึที่พูดถามกลับจูไดที่ว่าตอนนี้นั้นควรจะหาอะไรทำ

    “เวลานี้ก็ต้องไอ้นั้นสิ!” ผมพูดพอให้ไอสึพอจะเข้าใจแต่ว่านั้นก็ไม่ได้ทำให้ไอสึเข้าใจเลยว่ามันคืออะไร?

    “ไอ้นั้นเหรอ? อะไรละที่จะมาทำรอพวกที่กำลังจะมา” ไอสึตอบกลับมาอย่างหน้าเบื่ออีกเช่นเคย

    “น่าๆ เอาหูมานี้สิไอสึ”และแล้วเด็กหนุ่มผู้เป็นเคะ ก็ได้ออกความคิดเห็นให้กับคนที่กำลังว่างจัดในตอนนี้และสิ่งที่คนสองคนนี้กำลังจะทำเพื่อรอคอยเหล่าสมาชิกนั้นมันคือ....อะไรกันแน่!!

     “ได้เลย! ของถนัดอยู่แล้วแบบนี้ งั้นเตรียมของกันเถอะจูได”  ไอสึที่ตอนนี้นั้นได้ฟังความคิดของผมที่ว่าจะทำอะไรสักอย่างรอคนที่เหลือก็เริ่มกลับมายิ้มอีกครั้ง

    “โอ้~ ได้เลยชักตื่นเต้นซะแล้วสิ!!” และตอนนี้เองผมก็ตื่นเต้นเหมือนกันเลยร้องตะโกนออกไป

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดกลับมาที่ไอสะอีกครั้ง

    การต่อสู้ในครั้งนี้รู้ผลกันแล้ว! แต่ว่าโยฮันเป็นถึงแชมป์ของนอร์ท มีเหรอที่จะยอมแพ้ง่ายๆ แถมสิ่งเดิมพันก็ยังเป็นถึงคนที่เขาหลงรักตั้งแค่แรกเจออีกด้วย แบบนี้เขาก็ต้องทุ้มสุดฝีมืออยู่แล้วแต่ว่า...การต่อสู้ครั้งนี้เขากลับ....

    “หะๆๆๆ ว่ายังไงละโยฮันคุง สิ่งที่เดิมพันไว้ผมขอก็แล้วกันน่ะหะๆๆๆๆ” ไอสะที่ตอนนี้นั้นหัวเราะอย่างดีใจที่ตอนนี้ตัวเองประสบความสำเร็จในภารกิจ

    “อึก!! หน่อยแนะแก!!  โยฮันในตอนนี้ที่กำลังจะลุกขึ้นพูดอย่างโมโห

     “โยฮัน!!”เสียงของจิมและอาม่อนที่ร้องเรียกโยฮันที่กำลังจะลุกขึ้นเพื่อที่จะสู้ต่อ แต่กลับไม่มีแรงเลยแม้แต่นิด และแล้วการต่อสู้ก็จบลงด้วยความ...พ่ายแพ้

     “หะๆๆๆ หวังว่าครั้งหน้านายจะได้สู้กับผมอีกนะ โยฮันคุงลาก่อนพร้อมกับยูกิ จูได หะๆๆๆๆ”คำพูดที่พูดดูเมื่อกำลังดูถูกที่เขาอ่อนแอและไม่เข็มแข็งพอ มันตอกย้ำให้เขาถึงกับเห็นว่าตัวเองไร้ค่าที่ไม่สามารถปกป้องคนที่ตัวเองรักไว้ได้ และแล้วชายหนุ่มก็หายเข้าไปในป่า ทิ้งให้เด็กหนุ่มที่รู้สึกว่าตัวเองไร้ค่าที่ปกป้องคนที่ตัวเองรักเอาไว้ไม่ได้ ได้แต่เจ็บใจอยู่อย่างนั้น

     “โธ่!! เว้ยยยยยเจ็บบบใจนักกกก !!!!!” โยฮันที่พ่ายแพ้ให้กับอีกฝ่ายที่มาท้าสู้ด้วยตะโกนออกมาอย่างเจ็บใจ

     “เป็นไงบ้างโยฮัน!!”จิมและอาม่อนรีบวิ่งเข้ามาหาโยฮันทันทีที่การดูเอลจบลงด้วยความพ่ายแพ้ และเข้าไปประคองโยฮันให้ลุกขึ้น เพื่อที่จะกลับไปที่หอพักเพื่อดูอาการของเพื่อนของตนเองก่อน

     “ปก..ป้อง...ไว้...ไม่ได้..จู..ได..” ตอนนี้สติของโยฮันเริ่มเรือนรางลงสิ่งที่จะพูดออกมาเองก็แทบจะไม่ค่อยได้ยิน

    “โยฮันทำใจดีๆไว้”  จิมที่ร้องเรียกด้วยความเป็นห่วงที่จู่ๆ เพื่อนของตัวเองก็หมดสติไป

    “เฮ้!โยฮัน! โยฮัน! โยฮัน!” อาม่อนเองก็ร้องเรียกชื่อของเพื่อนอย่างตกใจ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดไปที่อะควอเรีย

    การดูเอลได้มาถึงจุดสินสุดแล้วหลังจากที่เริ่มดูเอลได้ไม่นาน จะแพ้หรือชนะมันก็มีค่าเท่ากัน หากแต่ว่าการสู้ในครั้งนี้สิ่งเดิมพันคือการได้มาซึ่งคนที่ตนเองนั้นรักและเคารพยิ่งกว่าอะไร

    “ดูเอลครั้งนี้...ฉันขอตัวก่อนไม่มีธุระอะไรกับคุณอีกแล้ว มารุฟุจิ โช”  อะควอเรียที่ตอนนี้รู้ผลของการดูเอลแล้วมันก็จริงที่ไม่จำเป็นต้องอยู่ตอบคำถามของใครเธอจึงเตรียมที่จะเดินจากไป

    “นี้เธอ!” โชที่ตอนนี้ต้องยอมรับว่าอีกฝ่ายแข็งแกร่งมากโจมตีแทบจะไม่ได้เลยด้วยซ้ำ สุดยอดเลยขนาดใช่แค่เด็คระดับนั้นเท่านั้นเอง

    “ลาละน่ะ” และก็ไม่ได้สนใจในเสียงเรียกของอีกฝ่ายจึงเดินจากไปอย่างไม่หันหลังกลับ

    “เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งไป!!!”คำห้ามนั้นไม่อาจที่จะหยุดรั้งคนที่ชนะตัวเองเอาไว้ได้เลย เธอ..ผู้หญิงคนนั้นแข็งแกร่งจริงๆ แต่..สิ่งที่หน้าเสียใจที่สุดในตอนนี้นั้นคือเรื่องของคนที่ตนเองนั้นนับถือเป็นลูกพี่ ที่มีในการเดิมพันครั้งนี้ที่สู้อย่างสุดความสามารถแต่เขากลับ....แพ้อย่างหมดท่า มันเจ็บใจจริงๆที่ตัวเขานั้นเป็นถึงลูกน้องของคนที่ตนเองจะชิงคืนในการดูเอลแต่เขากลับ....

     “บ้าที่สุดดดดเลยยย เจ็บบบบใจนัก!!!” โชร้องตะโกนออกมาดังมากเพราะว่าตอนนี้นั้นเค้าเสียใจจริงๆ

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่อูเรีย

    จะแพ้หรือชนะมันก็เหมือนกันใครๆก็คิดแบบนั้น แต่ว่าสำหรับเฮลไคเซอร์เรียวในหัวของเขามีแต่คำว่าชนะเท่านั้น แต่ถึงจะเก่งมากแค่ไหนไม่ว่าใครก็ต้องมีจุดอ่อนด้วยกันทั้งนั้นแหละ

    “นี้นาย! เป็นใครกันแน่!!” เรียวร้องเรียกอีกฝ่ายที่ตอนนี้นั้นยืนยิ้มมาหาเค้าอยู่

    “ผมบอกไปแล้วไงครับว่าผมแค่ได้รับคำสั่งมาเท่านั้น แล้วก็อีกอย่างผมก็ชนะคุณนะครับ” อูเรียเองก็แค่ตอบกลับแบบเดิมที่เคยบอกไปแล้วก็เพราะว่าเค้าชนะ

    “อึก! นายมัน!!...” เรียวที่ตอนนี้กำลังจะร้องถ่วงแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะอะไรนะหรือ?

    “โอ๊ะ! ผมคงต้องขอตัวก่อนน่ะครับ หวังว่าโอกาสหน้าคุณคงจะชนะผมนะครับเฮลไคเซอ์คุง ลาก่อนพร้อมกับคนที่คุณรัก” ชายหนุ่มนามอูเรียได้เดินจากไปพร้อมกับร้อยยิ้มแห่งชัยชนะ ที่เข้าได้จากการดูเอลครั้งนี้

    “นายเดี๋ยว...เดี๋ยวก่อนอย่าพึ่งไป!!” เรียวที่ร้องบอกห้ามไม่ให้อีกฝ่ายไปแต่กลับไม่เป็นผลนั้นเลยทำให้เรียวสงสัยถึงคนที่สั่งการมา แต่เบื่องหลังใบหน้านั้นกลับเศร้าเสียใจถึงสิ่งที่ตนเองนั้นต้องการชิงกลับมา

     “บ้า...ที่สุด” เรียวบ่นพึมพำกับเรื่องดูเอลที่จบไปเมื่อกี้

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่ฮาม่อน

    คนที่ร่าเริงได้ตลอดเวลาแม้แต่ตอนนี้ ที่ตนเองนั้นชนะขาดลอยกับคนที่ตนเองนั้นท้าสู้ด้วย และแล้วคนที่จะต้องเสียใจนั้นในตอนนี้ก็ได้ตั้งคำถามมากมายกับการที่เขาว่าด้วยสิ่งเดิมพันที่มีในการดูเอลครั้งนี้

    “หะๆๆๆ ผมไม่จำเป็นต้องตอบคำถามของคุณหรอกครับ เพราะว่าคนที่แพ้ไม่มีสิทธ์ถามอะไรทั้งนั้น” ฮาม่อนที่พูดตามที่ตัวเองนั้นถูกสั่งสอนมาในตอนนี้

    “นี้นาย! อย่าพึ่งไปรอเดี๋ยวก่อน!!!” ฝ่ายแพ้มันโจเมะที่ร้องเรียกให้อีกฝ่ายที่กำลังเดินจากไปหยุดแต่ไม่เป็นผลเลย

    “ลาก่อนครับมันโจเมะคุง แล้วสิ่งเดิมพันนั้นผมขอละน่ะครับ หะๆๆๆๆ”คนชนะเดินจากไปพร้อมกับเสียงหัวเราะที่เริ่มห่างไกลไปเรื่อยๆ

    “เห้ย! เดี๋ยวก่อนสิอย่าพึ่งไป!!!”คนที่แพ้อย่างเขาอยากที่จะเดินตามไปแต่กลับทำไม่ได้...เพราะเขาในตอนนี้นั้นได้สูญเสียสิ่งที่ตนเองรักไปแล้ว

     “บ้าเอ้ยยยยย!!!” มันโจเมะพูดออกมาอย่างโมโหให้กับตัวเองในตอนนี้

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่ราเวียร์

    คนอย่างเอ็ด ฟินิกซ์ ที่เป็นถึงแชมป์ แถมยังเป็นถึงโปร อัจฉริยะอีก คนเก่งๆแบบนั้นไม่ว่าใครก็ต้องแพ้แต่ว่า....ในตอนนี้นั้นเขากลับไม่สามารถต่อสู้กับคนที่ตัวเขาเจอในตอนนี้ได้และคนนี้นั้นก็สามารถชนะเขาได้จริงอย่างที่อีกฝ่ายว่าที่จะมาเอาชนะเขา

    “นี้นะเหรอ? ฝีมือของโปรอัจฉริยะ เอ็ด ฟินิกซ์” ราเวียร์พูดอย่างดูถูกอีกฝ่ายที่ดูเอลกับตัวเองแพ้ในฝีมือที่ได้ลองสู้กันไปแล้ว

    “อึก! นี้เธอ...” เอ็ดที่จะตอบกลับแต่ว่ากลับพูดไม่ออก

    “ฉันขอรับชัยชนะในครั้งนี้ไปก็แล้วกัน เอ็ด ฟินิกซ์ ลาละน่ะ” ความพ่ายแพ้ในครั้งนี้ มันจะทำให้เอ็ด ฟินิกซ์ ที่เป็นถึงแชมป์ที่ไม่เคยพ่ายแพ้ให้แก่ใครยกเว้น ยูกิ จูได แต่ในตอนนี้เขาแพ้ให้กับคนที่พึ่งเจอกันได้ไม่นาน พ่ายแพ้อย่างที่ไม่สามารถตอบโต้กลับได้เลยแม้แต่นิดเดียว

     “หวังว่าครั้งหน้าเราจะได้...สู้กันอีกน่ะ”  ราเวียร์ที่พูดบอกลาอีกฝ่ายอย่างไม่หันหลังกลับแล้วเดินจากไป

    “บ้าที่สุด!!” เอ็ดเองก็ได้แค่พูดอย่างเจ็บไจออกมาเท่านั้น

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่โมนิคา

    ถึงมิซาว่า ไดจิ จะเป็นคนเก่งแล้วก็ฉลาด แต่ก็เก่งในเรื่องเรียนละน่ะถึงจะเก่งในการคำนวนเรื่องดูเอลไว้แล้วก็เถอะ แต่ต้องมาเจอกับโมนิคาที่ถึงจะเป็นเด็กแต่ก็ฉลาดแล้วก็รอบรู้เรื่องการ์ดแถมยังเคยชนะผู้ใหญ่หลายๆคนมาแล้ว แบบนี้มีสิทธิ์ที่จะแพ้ได้เหมือนกันตามที่ไอสึได้คำนวนเอาไว้แล้ว

    “ฉันขอยอมรับนะ ว่าคุณเก่งในเรื่องการคำนวณในการดูเอลแต่ว่า...” โมนิคาที่พูดขึ้นหลังดูเอลจบแต่ก็ต้องเว้นช่วงไว้

    “เธอ..เป็นใครกันแน่!!?” มิซาว่าที่ตอนนี้นั้นร้องถามอีกฝ่ายแต่แล้วกลับไม่ตอบมาอย่างที่ควรตอบคำถาม

    “ฉันชนะคุณแล้ว หมดธุระแล้วลาละน่ะ!”พูดจบแล้วก็เดินจากไป ทิ้งให้คู่ต่อสู้มองตามหลังตัวเองต่อไปจนคนๆนั้นหายลับสายตาไป แล้วก็กลับมาคิดถึงสิ่งที่คนนั้นได้พูดไว้ก่อนที่จะได้เริ่มดูเอลกัน นั้นก็คือคำสั่งที่ได้รับมาแล้วมันมาจากใครละ?

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่คารอน

    สาวน้อยแสนโชคร้ายแต่ว่าตอนนี้ที่ได้ดูเอลจบไปแล้วนั้น กลับกลายเป็นว่าเธอได้ฝึกสมาธิทรามกลางเสียงเชียร์ของสาวๆที่เชียร์ เทนโจอิน ฟุบูกิ กันดังแสนดังจนจบการดูเอลแล้วผลมันก็ออกมาแล้วว่าเธอ...

    “ตามที่สัญญากันเอาไว้ ฉันชนะคุณแล้ว” คารอนที่ชนะในการดูเอลแล้วนั้นไม่ได้ลืมเรื่องที่เคยพูดกันไว้ก่อนที่จะเริ่มดูเอล

    “นี้เธอ! จะไปไหนนะ!!!??” ฟุบูกิพูดถามขึ้นในขณะที่อีกฝ่ายกำลังหันหลังให้

    “ฉันไม่จำเป็นต้องอยู่ที่นี้แล้ว...อีกอย่างนะ! ฉันชื่อคารอนนะค่ะ ไม่ใช่แม่เทพธิดาน้อย ลาละน่ะ” หันมาพูดกับฟุบูกิแล้วยิ้มให้ตอนท้ายแล้วก็เดินจากไป

    “อึก!! โธ่!!เว้ย!!!” ฟุบูกิที่มองตามหลังอีกฝ่ายที่เดินจากไปแล้วนั้นได้ล้มลงกับพื้นก่อนที่จะเงยหน้ามองอีกฝ่ายที่เดินจากไปเป็นภาพสุดท้ายที่เห็น

    “กรี๊ดดด ท่านฟุบูกิค่ะ”

    “ทำใจดีๆ ไว้น่ะค่ะท่านฟุบูกิ!!

    ชัยชนะในครั้งนี้ที่ได้มาแสนยากลำบาก แต่มันก็คุ้มที่ลองดูเอลโดยมีเสียงที่ดังอยู่รอบข้างทำให้ได้ฝึกไปในตัวถึงคารอนจะไม่ค่อยชอบสักเท่าไรก็เถอะแต่เธอก็ได้ชัยชนะมา

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่เวโรนิคา

    สัตว์ป่าเขาว่ากันว่าได้วิวัฒนาการมาจากไดโนเสาร์บ้างแหละ เกิดมาจากสิ่งโน้นสิ่งนี้บ้างแหละ ถึงจะเป็นแบบนั้นถ้าหากนำสิ่งที่เคยยิ่งใหญ่ที่สุดในอดีตมาที่โลกนี้ได้คงดี แล้วถ้าหากว่านำสิ่งมีชีวิตที่คลายๆกันกับไดโนเสาร์มาละมันจะเป็นยังไง?

    “อย่ามาดูถูกสัตว์ป่าอย่างฉันสิค่ะ ถึงมันจะเป็นสิ่งที่มีให้เห็นอยู่ทั่วไปก็เถอะ” เวโรนิคาพูดขึ้นพร้อมกับยิ้มเล็กน้อยให้อีกฝ่าย

    “โธ่! เว้ยแพ้ซะแล้ว..แบบนี้..แบบนี้ก็เอาตัวลูกพี่กลับมาไม่ได้น่ะสิ” เคนซังที่ตอนนี้ดูเอลแพ้อีกฝ่ายก็ยังเจ็บใจอยู่ แต่ว่าสิ่งที่เค้าต้องสูญเสียในการดูเอลมันมากกว่าความรู้สึกในตอนนี้

    “ฉันขอตัวก่อนน่ะค่ะ ลาละน่ะค่ะ” เวโรนิคาที่กล่าวบอกลาอีกฝ่ายที่พ่ายแพ้นั้นก็ได้เดินจากไป

    ชัยชนะที่ได้มาด้วยการต่อสู้ที่ตนเองนั้นถนัด ถึงมันจะไม่ได้เป็นสิ่งที่หน้าดีใจอะไรเลยและเธอเองก็ไม่ได้ต้องการที่จะทำแบบนี้เลยด้วย

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่คามิลลา

    หญิงสาวที่ไม่ได้ชอบการโกหกสักเท่าไร เพราะว่าเธอคนนี้ซื่อตรงมากนะสิแต่ที่ต้องทำแบบนี้เพราะว่ามันคือคำสั่งของคนที่คนเองนับถือเป็นนายนั้นเอง

    “ไม่ว่าผลจะเป็นเช่นไร....มันก็เหมือนกันคะ” คามิลลาพูดพึมพำขึ้นแล้วก็ก้มหน้าลงเล็กน้อย

    “หมายความว่ายังไง? เธอชนะก็เท่ากับสิ่งเดิมพันนั้นฉันไม่ได้กลับคืนมา!!” อาสึกะที่พอจะฟังสิ่งที่อีกฝ่ายบ้นออกมาได้ก็ได้ถามอีกฝ่าย

    “ก็...แล้วแต่คุณจะคิดสิค่ะ แต่ว่าตอนนี้นั้นฉันขอตัวก่อนน่ะค่ะ ลาก่อนค่ะ เทนโจอิน อาสึกะ” คำพูดบอกลาตามมารยาทที่ต้องมีในการดูแลพิธีศักดิ์สิทธิ์ ที่ติดเป็นนิสัยของเธอซะแล้วและดูท่าว่าจะเลิกยากซะด้วยสิ แต่ยังไงซะตอนนี้เธอก็ได้ชัยชนะมาในการต่อสู้ที่เธอเกลียด

    “เดี๋ยวสิ! อย่าพึ่งไป!!!” อาสึกะที่ยังไม่ได้คำตอบตามที่ตัวเองถามไปก็ได้แต่ร้องบอกให้อีกฝ่ายหยุด

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    ตัดมาที่ห้องอาหารของหอเรด

    ในขณะที่เหล่าสมาชิกกำลังทยอยกลับมาที่พัก สองคนที่รออยู่นั้นได้ทำการบ้างอย่างรอในเวลาขณะนี้และตอนนี้สิ่งที่ทั้งสองคนได้ลงมือทำมานั้นก็ได้มาถึงจุดสิ้นสุดแล้วเพราะว่าสิ่งที่ทำนั้นได้เสร็จสินลงในตอนนี้นั้นเอง

    “วู้วววว เสร็จแล้ว”  ไอสึที่พูดขึ้นด้วยสีหน้าที่ดีใจและเหนื่อยบ้างเล็กน้อย(ทำไรเคะเราป่าว? -_- : คนเขียน)

    “ฉันเองก็เสร็จแล้วเหมือนกันไอสึ”  ผมพูดบอกไอสึที่อยู่ข้างหลังที่กำลังทำเรื่องที่ผมออกความคิดให้ว่าให้ทำรอ

    “แหมๆ สองพี่น้องนี้ร่วมมือทำอะไรกันเนี้ยหอมจริงๆเลย”  คุณไอสะที่เดินมาจากนอกห้องอาหารของหอเรดพูดขึ้นเมื่อเดินเข้ามาแล้ว

    “ไอสะ! ทางนายเสร็จแล้วเหรอ?”  ไอสึที่จัดอาหารอยู่ได้หันไปพูดกับคนที่จู่ๆก็โพล่เข้ามา แล้วถามถึงเรื่องที่ให้ไปจัดการ

    “อืม~ ทางคนอื่นๆเองก็เสร็จแล้วเหมือนกันน่ะ มีอะไรให้ช่วยมั้ย?”  คุณไอสะเองก็ตอบไอสึ กลับแล้วหันมาถามไอสึแทน

    “มี งั้นคนอื่นๆเองก็กำลังมา” ไอสึเองก็ตอบไอสะกลับแล้วก็หันไปถามไอสะอีกครั้ง

    “ใช่ แล้วอะไรเหรอที่จะให้ช่วย?” คุณไอสะเองก็ตอบไอสึกลับแล้วถามไอสึเช่นกัน เป็นเรื่องปกติที่ไอสึกับไอสะจะพูดคุยสองเรื่องไปพร้อมๆกันอย่างตอนนี้ที่กำลังจัดเตรียมอาหารเที่ยงเพื่อรอให้คนอื่นๆกลับมา ที่จริงผมไม่อยากคุยหรอกน่ะเรื่องที่ผมทำอาหารเป็นนะเพราะผมไม่อยากแสดงฝีมือด้านนี้มากเท่าไร แต่ว่าที่ทำเป็นเพราะว่าตอนเด็กๆผมชอบเดินไปเล่นแถวๆห้องครัวแล้วทีนี้ก็เจอไอสึกำลังทำอาหารอยู่ ไอสึเลยสอนผมทำไว้บ้างถึงจะทำไม่ค่อยเก่งแต่ก็กินได้ละน่ะไม่รู้ด้วยว่าเข้าปากคนอื่นแล้วมันจะเป็นยังไง

     “ว้าวๆ หอมมาแต่ไกลเลย” อะควอเรียที่เดินเข้ามาพูดขึ้นและก็ตามด้วยคนอื่นๆที่ทยอยเข้ามาเช่นกัน

    “อ้าว? มาแล้วเหรอทุกคน” ไอสึพูดถามคนที่กำลังเข้ามาในห้องที่มีผมกับไอสึแล้วก็คุณไอสะอยู่

    “กลับมาแล้วค่ะ!/ครับ!” เหล่าคนที่กำลังเข้ามาพูดตอบกับไอสึที่พูดด้วย

    “พอดีเลยมากินข้าวกันเถอะ กำลังร้อนๆหน้าอร่อย” ทันทีที่คนอื่นๆมาไอสะก็เปิดเรื่องที่ผมกับไอสึแอบทำอาหารรอให้ทุกคนกลับมา ไม่ทันไรอูเรียกับฮาม่อนก็กระโดดเข้ากอดไอสึแล้วก็พูดว่า ท่านไอสึใจดีจริงๆเลย ผมรักท่านไอสึที่สุดเลยเป็นเรื่องธรรมดาที่สองคนนี้จะแสดงท่าทางแบบนี้ต่อไอสึถึงไอสึจะเด็กกว่าก็ยังเรียกไอสึว่า ท่านไอสึแน่นอนว่าเรื่องที่พวกเค้าจงรักภัคดีต่อไอสึมากขนาดนี้ผมเองก็ไม่รู้แน่ชัดว่าไอสึมีบุญคุณอะไรกับพวกเค้า

     “ว้าว~ สุดยอดเลยอะไรจะอร่อยขนาดนี้ตอนนี้ฉันหลงเสน่ห์ของกลิ่นแล้วก็รสชาติของมันซะแล้วสิสุยอดเลยคุณหนูเก่งจัง สุดยอดๆๆๆ” ราเวียร์ที่ชอบทำอาหารนั้นพูดชมอาหารที่ทำออกมาโดยไม่รู้เลยว่าคนที่ทำนะไม่ใช่ไอสึ

    “จริงด้วยสิขนาดราเวียร์ยังเป็นแบบนี้แล้ว...พวกเราจะเหลืออะไร ใช่มั้ยคามิลลา?” อะควอเรียพูดแล้วหันไปหาคามิลลาที่นั่งอยู่ใกล้ๆ

    “อร่อยมากๆเลยค่ะ” คามิลลาพูดบอกแต่ก็ยังคงมีหน้าที่นิ่งอยู่ปกติ

    “นี้เธอ! ไม่รู้ซะเลยน่ะว่าอาหารนี้น่ะกินแล้วอย่างกับได้ขึ้นสวรรค์เลย” อูเรียเองก็พูดกับคนที่ทำหน้านิ่งแล้วก็พูดชมอาหารแบบว่า...เว้อมากกกกก -_-

    “มองเห็นสวรรค์แล้วครับท่านไอสึ~” ฮาม่อนเองก็เป็นแบบเดียวกันกับอูเรียในตอนนี้...

    “อร่อยมากๆเลยคะท่านไอสึ” โมนิคาเองก็พูดชมด้วยสีหน้าที่เหมือนกับคามิลลา

    “สุดยอดเลยขนาดฉันทำยังไม่ได้เท่านี้เลยน่ะค่ะเนี้ย” เวโรนิคาพูดออกมาอย่างว่าที่ตัวเองไม่ใช้คนทำอาหารของบ้านแต่ก็ทำอาหารเป็น

    “อะ..อร่อยมากเลย...ค่ะท่านไอสึ...”  คารอนที่พูดออกมาแบบเว้นช่วงและเหมือนจะร้องไห้ออกมา

    “อืม~ ฝีมือใช่ได้เลยนิไอสึ” คุณไอสะเองก็พูดชมไอสึที่อยู่ข้างๆ แต่ในขณะที่ทุกคนกำลังชมรสชาติของอาหารที่กินอยู่นั้น ผมเองก็กำลังนั่งกินอยู่ใกล้ๆกับไอสึและมีความลับเกี่ยวกับอาหารที่ทำอยู่นี้และแน่นอนผมเองก็ไม่คิดที่จะพูดด้วยแต่ว่า....ไอสึกลับ

     “ฮะๆๆๆๆ เหรอๆอร่อยขนาดนั้นเชี่ยวแหม~ จูไดเนี้ยเก่งจังน่า~” ไอสึที่นั่งอยู่ข้างๆผมหันมาพูดกับผม แต่ว่าคำพูดนั้นแหละที่ผมไม่อยากให้ไอสึพูด เพราะที่จริงแล้วอาหารพวกนี้นะผมเป็นคนปรุงอาหารเองแล้วก็ใส่ส่วนผสมอาหารเองด้วย ส่วนไอสึก็ช่วยจัดการเรื่องจัดเตรียมส่วนผสม

     “เอ้!!!!!!!!!!!!!O[]O!!คนที่กินข้าวอยู่นั้นถึงกับพากันร้องตกยกเว้นไอสะที่ทำหน้านิ่งแต่ในปากมีช้อนค้างอยู่คงเพราะไม่นึกว่าคนที่ทำอาหารนี้ที่พวกเค้าพากันชมจะเป็นผมที่เป็นคนบ้าเรื่องดูเอล

    “มะ...ไม่ขนาดนั้นหรอกน่า” ผมนั้นก็ได้แค่ตอบกลับด้วยหน้าที่แสร้งยิ้มให้

     “จริงสิ! ไอสึได้บอกเรื่องนั้นให้จูไดรู้รึยัง?” จู่ๆ ไอสะก็พูดเรื่องบางอย่างเพื่อถามไอสึว่าได้ทำไปรึยังแถมเรื่องนั้นมันยังเกี่ยวกับผมอีกด้วยสิแล้วตกลงว่ามันเรื่องอะไรกันแน่เนี้ย!!!

    “อ้า!!!!! ยังไม่ได้บอกเลยอะ!” ไอสึที่ได้ยินที่ไอสะพูดบอกนั้นถึงกับร้องตกใจออกมา “จูได~ ฉันมีเรื่องจะบอก ขอร้องละน่ะถ้าฟังไปแล้วก็อย่าโกรธกันนะๆๆๆน้า~” ไอสึที่หันมาพูดกับผมแบบขอร้องหลังจากที่คุณไอสะได้บอกอะไรบางอย่างไป

     “ได้สิ แล้วมันเรื่องอะไรเหรอ?” ผมที่ไม่รู้ว่าไอสึจะพูดอะไรด้วยได้ตอบไปแบบไม่รู้อะไร

    --------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------

    เฮ้อ~ ในที่สุดตอนแรกก็ออกมาแล้วละค่า~ แต่ว่าที่ตัดตอนดูเอลออกไปนั้นก็เพราะว่ามันแข่งหลายคู่มากและประกอบกับการที่เรื่องนี้เป็นเรื่องที่สองที่แต่ง ยังไงก็ขอฝากผลงานเรื่องนี้และเรื่องอื่นด้วยน่ะค่า~ ถ้ามีอะไรยังไงละก็ติชมกันได้น่ะค่า~ แฟรชยินดีแก้ไขผลงานค่า~ ติดตามกันบ้างเน้อ~~~~


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×