ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #25 : ตอนที่ 22...อรัคเน สัตว์ร้ายแห่งทาทาร์รัส

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.88K
      21
      19 ก.ย. 56

    ทันทีที่พวกเขามาถึงโลกมนุษย์ ร่างโปร่งบางที่แสนจะเหนื่อยล้าของชานยอลก็กระวีกระวาดช่วยป้าของเขาพยุงร่างของคริสลงมาจากหลังม้าแล้วพาขึ้นไปยังชั้นสองของตัวบ้าน พวกเขายิ่งเร่งรีบและรีบร้อนมากขึ้นไปอีก เมื่อเห็นว่าอาการของคริสกำลังแย่มากแค่ไหน ตามเนื้อตัวของร่างสูงรอยแผลถูกสายน้ำทั้งห้าช่วยเยียวยาเอาไว้แล้ว แต่อาการที่ถูกพิษของไฮดราก็ดูจะไม่ดีขึ้นเลย  ผิวเนื้อที่ถูกพิษยังคงคล้ำและเน่าเปื่อยเหมือนเดิม ร่างกายซีดเซียว  และที่ร้านกว่านั้นคือพิษสีดำทมิฬของไฮดรายังแทรกซึมลงไปตามเส้นเลือดจนขึ้นเป็นเส้นสายสีดำชัดเจนตามผิวเนื้อ ราวกับรากไม้จากนรกที่กำลังแผ่ขยายไปตามร่างกาย และเกาะกินพลังชีวิตของร่างสูงเป็นอาหาร
     
     
    “เราต้องรีบแล้ว”ชานยอลพูดอย่างร้อนรนขณะที่ทั้งสองช่วยกันวางร่างของคริสลงบนเตียง ร่างทั้งร่างของคริสนอนแน่นิ่งอยู่ในปราการน้ำ พิษจากไฮดราค่อยๆคืบคลานและกลืนกินร่างของคริสมากขึ้นเรื่อยๆจนน่าหวั่นว่าเขาจะเหลือเวลาบนโลกนี่ไม่มาก
     
     
    “พิษจากไฮดรา ร้ายแรงมากจนไม่มีเทพที่ไหนรักษาได้ แล้วเราจะขอยาถอนพิษจากใครล่ะชานยอล!”ป้าของชานยอลพูดขึ้นอย่างกระวนกระวายเมื่อนึกถึงความจริงของพิษไฮดรา
     
     
    “เราต้องมีทางออกสิ”ชานยอลพึมพำอย่างใช้ความคิด แม้ว่าลึกๆจะรู้ว่าทางออกที่ว่ามันดูเรือนลางและห่างไกลจากความเป็นจริงมากแค่ไหน แต่เขาก็ยังจะหวัง เพราะเชื่อว่าทุกอย่างต้องมีทางออก ถ้ำที่มืดมิดยังมีแสงสว่างให้รอดผ่าน แล้วทำไมพิษของไฮดราจะไม่มีทางรักษาได้…
     
     
    “ทางออก…..”ป้าของเขาพึมพำเบาๆ ก่อนจะนิ่งใช้ความคิดแข่งกับเวลาของคริสที่เหลือน้อยลงเรื่อยๆ หากทางออกที่ว่านั้นมีจริง ต่อให้ต้องแลกด้วยชีวิตของเธอ เธอก็ยอม ขอเพียงแค่ได้ชีวิตคริสกลับมาก็พอ
     
     
    “ป้าครับ….ไฮดราเป็นสัตว์จากนรก….ใช่มั้ยครับ”เสียงของชานยอลขาดห้วงเป็นพักๆเพราะความเหนื่อยล้าจากร่างกาย แต่เขาก็ยังจะฝืนมัน เพียงเพราะต้องการช่วยคริส
     
     
    “ใช่”
     
     
    “แล้วพิษของมันก็ร้ายแรงจนไม่มีใครต้านทานได้ แต่แล้วทำไม……….พวกฟิวรี่ถึงไม่เป็นอะไร ทั้งๆที่ อยู่ใกล้พิษของไฮดรา”
     
     
    “พวกฟิวรี่อาจจะ…”
     
     
    “พวกนั้นต้องมีอะไรบางอย่างที่ต้านพิษได้ ผมจะไปหาพวกนั้น”
     
     
    “แต่ชานยอล…..สภาพของลูกตอนนี้…”ร่างโปร่งเม้มปากแน่น ก่อนจะพยุงตัวลุกขึ้นยืน แม้ว่าจะเหนื่อยล้าแค่ไหนก็ตาม
     
     
    “ผมต้องทำ…..”หญิงวัยกลางคนชะงักงันไปอย่างลังเล ชีวิตของลูกเธอสำคัญ แต่ชีวิตของชานยอลเองก็สำคัญมากเช่นกัน เธอไม่อาจปล่อยให้เด็กผู้ชายที่บอบบางคนนี้ลงไปในนรกตามลำพังได้
     
     
    “ชานยอล…”
     
     
     
    “ผมต้องไป….ที่คริสเป็นแบบนี้เพราะผม”ชานยอลพูดด้วยเสียงเบาหวิวแต่หนักแน่นในเจตนา ดวงตากลมโตที่ทอแสงสีฟ้าอ่อนแม้จะดูอับแสงแต่กลับมุ่งมั่นด้วยความตั้งใจจนคนมองอ่อนใจจนต้องถอนหายใจออกมา ณ เวลานี้ เธอจำเป็นต้องเลือก และต้องเลือกให้เร็วที่สุดเพื่อแข่งกับเวลาชีวิตของคนทั้งสอง ทั้งคริสและชานยอลต่างเหลือขีดจำกัดของร่างกายไม่มากนัก…
     
     
    “ถ้าจะไปจริงๆ….อย่างน้อยก็สวมสร้อยเส้นนี้ไปด้วย”เธอพูดพร้อมกับสวมสร้อยให้ชานยอล ก่อนจะสั่งกำชับ
     
     
    “รีบไปและรีบกลับมาให้เร็วที่สุด ถ้าไม่ไหวให้รีบกลับมาที่นี่ให้เร็วที่สุด ป้าไม่อยากเสียลูกทั้งสองของป้าไปพร้อมๆกัน”หยาดน้ำใสคลอหน่วงอยู่ที่ดวงตาลำพังจะเสียคริสไปก็แย่แล้ว แต่หากต้องเสียชานยอลไปด้วยอีกคน เธอคงจะทำใจไม่ได้แน่ๆ เพราะทั้งสองเปรียบเสมือนลูกที่เธอรักทั้งคู่
     
     
    “ผมสัญญาว่าผมจะกลับมา”ร่างโปร่งรับปากพร้อมกับมองคริสเป็นครั้งสุดท้ายก่อนที่เขาจะเปล่งวาจาสั่งสร้อยเส้นนั้น..
     
     
    “จงนำข้าไปยังนรกทาทาร์รัส”
     
     
     
               การเดินทางกลับมายังทาทาร์รัสไม่ใช่สิ่งที่ชานยอลนึกฝัน หรืออยากให้เกิดขึ้นในชีวิตเลยสักครั้ง เพราะไม่มีมนุษย์ที่สติดีคนไหนอยากกลับมาที่นี่อีกเป็นครั้งที่สอง หรือแม้แต่จะย่างกายเข้ามาที่นี่เป็นครั้งแรกก็ตาม แต่ชานยอลต้องไป เพราะต้องหายาถอนพิษให้คริส แม้ว่าลึกๆในใจจะถูกความกลัวเขย่าขวัญให้สั่นคลอนความกล้ามากแค่ไหนก็ตาม
            
     
     
             เสียงฝีเท้าของม้าที่ดังกระทบพื้นดินที่รกร้างและเต็มไปด้วยขวากหนามดังขึ้นเป็นจังหวะสม่ำเสมอ หากแต่ดูเรือนลางและบางเบาในการรับรู้ของชานยอล  ดวงตากลมโตของชานยอลหรี่ลงจนใกล้จะปิดเต็มที แต่เมื่อมันหลับลง ร่างโปร่งก็สะดุ้งฝืนตัวเองตื่นขึ้นมา และสั่งกับตัวเองว่าห้ามหลับ ห้ามพักเด็ดขาด เพราะหากเพลาใดที่เขาหมดสติ จะไม่มีใครควบคุมสายน้ำให้ไหลเวียนในปราการที่ห่อหุ้มคริสเอาไว้ และเมื่อถึงเวลานั้นร่างกายของคริสก็จะไร้การเยียวยาและการประครองวิญญาณของสายน้ำทั้งห้า…
            
     
     
     
            เขากำลังเยียวยาชีวิตคริสจากนรก กำลังควบคุมสายน้ำผ่านพิภพ และกำลังหายาถอนพิษอสูรกายในโลกันต์ ดังนั้นทุกวินาทีจึงเดิมพันด้วย……….ชีวิต 
     
     
     
    ถ้าเขาช้า คริสจะตาย และถ้าเขาตาย ความพยายามทั้งหมดก็จะเปล่าประโยชน์…
     
     
     
        ชานยอลกำมือตัวเองแน่น ก่อนจะหลับตา แล้วรวบรวมเอาแรงใจทั้งหมดกลับคืนมา พร้อมกับนึกถึงคำที่พ่อเคยสอนเขาเมื่อยังเป็นเด็ก 
     
     
     
        จำไว้นะ ชานยอล ว่าไม่มีอะไรที่เจ้าทำไม่ได้   เพราะมนุษย์อย่างเจ้าทำได้ทุกอย่าง ฝ่าฝืนได้ทุกกฎธรรมชาติ ฝ่าฟันได้ทุกอุปสรรค ขอแค่เพียงมีศรัทธาเท่านั้น ทุกอย่างก็จะสำเร็จดังที่หวัง 
     
     
     
     
       ที่ผ่านมาเขาไม่เคยเชื่อคำสอนนี่เลย เพราะเขามักจะตีตราว่ามนุษย์อ่อนแอและด้อยกว่าเทพเจ้า อะไรที่เทพเจ้าทำไม่ได้ มนุษย์ย่อมไม่มีทางจะทำได้เด็ดขาด แต่วันนี้เขาจะคิดใหม่ เขาจะเปลี่ยนให้ความพยายามของมนุษย์คนหนึ่งยิ่งใหญ่กว่าเทพเจ้าทั้งปวง…
     
     
     
    ไม่มีอะไรที่ฉันทำไม่ได้ ไม่มีอะไรยากเกินความสามารถของฉัน ฉันจะช่วยนายให้ได้คริส ฉันขอสัญญา
     
     
     
    ท่านต้องการไปที่แห่งใดในทาทาร์รัส
    เสียงม้าโครงกระดูกเอ่ยถามเขาในจิตใต้สำนึกแทรกแซงความนึกคิดของเขา
     
     
    ชานยอลลืมตาขึ้นก่อนจะมองตรงไปยังเบื้องหน้าที่เต็มไปด้วยดวงวิญญาณ ภูผีปีศาจ และความชั่วร้ายอย่างแน่วแน่แม้ว่าดวงตาจะเริ่มพร่ามัวเล็กน้อยแล้วก็ตาม
     
     
    “รังของพวกฟิวรี่”
     
     
    อันตราย!
     
     
     
    ม้าโครงกระดูกส่งเสียงร้องอย่างรนรานและหวาดกลัว สองข้าหน้าของมันกระทืบกับพื้นแรงๆก่อนจะยกขึ้นเหนือพื้น แต่ก็ถูกชานยอลควบคุมไว้เสียก่อน
     
     
    “ฉันต้องทำ รีบไปเร็วเข้า ฉันเหลือ….เวลาไม่มาก”ชานยอลออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน ก่อนจะกลืนน้ำลายผ่านลำคอที่แห้งผาก แล้วกุมมือเอาไว้แน่น หากตอนนี้เขาได้สัมผัสสายน้ำสักหน่อยก็คงจะดี พลังของเขาคงจะกลับมาบ้าง ไม่ใช่ลดน้อยถอยลงเข้าสู่ขั้นวิกฤตไปเรื่อยๆเหมือนอย่างตอนนี้
     
     
     
     ม้าโครงกระดูกสะบัดหัวไปมาอย่างหงุดหงิด แต่ก็ยอมทำตามคำสั่งของร่างโปร่งแต่โดยดี มันควบไปตามเส้นทางที่ต่างออกไปจากครั้งแรกที่มา สี่เท้าเลี้ยวไปทางฝั่งตรงข้ามกับทางเข้าหอคอย สองข้างทางที่เคยรกร้างรกชัฏขึ้นเรื่อยๆด้วยขวากหนามและต้นไม้ที่มีแต่กิ่งก้านแห้งเหี่ยวจนดูเหมือนโครงกระดูกนิ้วมือที่โผล่พ้นออกมาจากพื้นดิน บรรยากาศรอบๆวิเวกวังเวง มีเพียงเสียงอะไรบางอย่างที่คล้ายเสียงข้อต่อกระดูกดังออกมาจากความมืดมิด กลิ่นไอแห่งความตายแผ่ปกคลุมไปทั่วบริเวณ อุณหภูมิโดยรอบลดต่ำลงจนสั่นสะท้าน  ชานยอลหันไปมองโดยรอบด้วยความตื่นกลัว แต่ไหนแต่ไรไม่เคยชอบความมืด เพราะมันน่ากลัวและไม่รู้ว่าเบื้องหลังความเงียบนั่นมีอะไรซ่อนอยู่แต่เขาก็ต้องพยายามข่อความกลัวเอาไว้ในจิตใจ
     
     
     
    กำสร้อยของท่านไว้ให้ดี
     
     
    เสียงของเจ้าม้าดังขึ้นในความคิด
     
     
    “ทำไม”
    พวกมันกำลังมา กำสร้อยไว้ให้ดี พวกมันภักดีต่อฮาเดสเท่านั้น
     
     
     
     ชานยอลไม่มีโอกาสได้ถามต่อ เพราะทันทีที่ม้าโครงกระดูกพูดจบรอบด้านก็เกิดเสียงดังจ็อกแจ๊กจอแจขึ้นเสียก่อน ร่างโปร่งบอกไม่ได้ว่ามันคือเสียงอะไร แต่เสียงของมันฟังเหมือนโครงกระดูกกระทบกัน
     
     
    พรึ่บ
     
     
     
    จู่ๆดวงไฟสีแดงแปดดวงก็สว่างวาบท่ามกลางความมืด โดยสองดวงหน้ามีขนาดใหญ่ แล้วลดลั่นไปตามด้านข้าง แม้ความเหนื่อยล้าจะเล่นงานประสาทการรับรู้ของชานยอลไปบางส่วนแต่เขาก็ยังรับรู้ได้ว่าลูกไฟทั้งสองจับจ้องมาที่เขาอยู่
     
     
     
    พรึ่บ พรึบ พรึบ
     
     
    ลูกไฟหลายร้อยดวงที่ขนาดเล็กกว่ากลุ่มแรกสว่างวาบพร้อมกัน ม้าของชานยอลหยุดชะงักพร้อมกับตระกรุยพื้นด้วยความกังวล ชานยอลมองยังภาพความกลัว แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้ตั้งตัว ดวงไฟหลายร้อยดวงก็ลุกคืบเข้ามาใกล้เขา
     
     
    สวบสาบ
     
     
    เสียงอะไรบางอย่างดังมาจากข้างในนั้นก่อนจะตามมาด้วยเสียงแหบแห้งเหมือนเสียงใบไม้แก้งถูกเหยียบ
     
     
     
    “อาหาร….พวกเรารออาหารมานานแล้ว”
     
     
    “อาหาร อาหาร อาหาร จะฉีกเป็นชิ้นๆ จะกินไม่ให้เหลือแม้แต่กระดูก อาหาร อาหาร”เสียงเล็กๆตามมาอีกเป็นหลายร้อยเสียงจนชานยอลตัวแข็งทื่อ แต่ก็ยังทำใจดีสู้เสือเมื่อคิดถึงว่าเขากำลังเสียเวลากับเรื่องไม่เป็นเรื่องอยู่….คริสกำลังรอเขา และเขาก็ต้องรีบไป
     
     
    “ไปซะ ฉันไม่ใช่อาหารของพวกเธอ”
     
     
    “อาหาร….ข้าและลูกจะกินเจ้าไม่ให้เหลือซาก!!!”
     
     
    พรึ่บ!
     
     
    ฉับพลันนั้นพวกมันก็ปรากฏกายท่ามกลางความมืด ก่อนแมงมุมสีดำหยิบหยี่ ขนปุย กลิ่นเหม็นหืนน่าสะอิดสะเอียนกรูกันเข้ามาหาชานยอล โดยมีแมงมุมตัวใหญ่ที่สุดขนาดเท่าสิงโตตัวเต็มวัย และแปลกประหลาดที่สุดอยู่ที่ท้ายแถว มันมีแปดขา แปดตาเช่นเดียวกับแมงมุมทั่วไป แต่ที่ต่างคือมันมีส่วนตัว….เป็นผู้หญิง  ปากกว้างยาวถึงหู ภายในเต็มไปด้วยฟันแหลมคม
     
     
    “อรัคเน…”ชานยอลพึมพำด้วยเสียงเบาหิวก่อนจะรีบยึดจับโครงกระดูกของม้าเอาไว้ให้มั่นเมื่อแมงมุมนับร้อยพุ่งตรงเข้ามาหาเขา ตากลมโตหลับตาปี๋ ปากอิ่มเม้มแน่น ยอมรับชะตากรรมที่จะเกิดขึ้นโดยไม่กล้าเสี่ยงเรียกสายน้ำเข้าสัดสาดพวกมัน เพราะกลัวว่าถ้าทำแบบนั้นจะทำให้เขาอาจไม่เหลือพลังในการควบคุมสายน้ำที่ห่อหุ้มคริสเอาไว้…
     
     
    ที่พึ่งเพียงอย่างเดียวของเขาตอนนี้ มีแต่สร้อยเส้นนี้เท่านั้น…
     
     
     
    “คิดว่าสร้อยแค่นั้นจะทรงพลังเท่าฮาเดสอย่างนั้นรึ โง่เง่าเสียจริง!!!”อรัคเนประกาศกร้าวอย่างเป็นต่อ ก่อนที่พวกลูกๆของนางจะรุมกระชากเขาให้หลุดจากม้าโครงกระดูกที่พยายามกระทืบแมงมุมเหล่านั้น แต่สุดท้ายก็พ่ายแพ้เมื่อมันมีมากเกินไป ชานยอลถูกพวกมันฉุดกระชากลากไปตามพื้น กิ่งไม้และหนามต่างๆทิ่มแทงจนเลือดออก บางแห่งปักคาไว้จนเจ็บปวด ขาที่มีหนามแหลมของพวกแมงมุมกรีดบาดลึกลงไปในเนื้อหนังให้บาดเจ็บและทรมานพร้อมกับดูดกินเลือดของเขา หากแต่มือเรียวก็ยังคงกุมสร้อยไว้แน่นและตั้งสติควบคุมสายน้ำในปราการของคริสไม่ให้หยุดไหล แล้วภาวนาถึงฮาเดส ผู้เป็นใหญ่ในนรกและพ่อแท้ๆของคริส
     
     
     
    อย่าเพิ่งให้ผมตายตอนนี้ ได้โปรด ลูกของท่านกำลังจะแย่ ได้โปรด อย่าเพิ่งให้ผมตาย
     
     
     
    “อาหาร อาหาร อาหาร ฉีกเป็นชิ้นๆ เป็นชิ้นๆ”ลูกของอรัคเนพูดซ้ำๆก่อนจะพยายามทึ้งร่างของชานยอลให้แยกออกจากกันจนแขนเขาตึงและเจ็บปวดจากการถูกดึง
     
     
    “อาหาร อาหารแสนอร่อยของข้า”อรัคเน่พูดอย่างคนเสียสติก่อนจะเดินเข้ามาหาเขา  ชานยอลหลับตาปี๋ หอบหายใจหนัก อย่างเหนื่อยอ่อน แต่ยังคงภาวนาขอให้ฮาเดสช่วย เพราะตอนนี้เขาแทบไม่เหลือแรงจะเดินแล้วด้วยซ้ำ เรี่ยวแรงน้อยนิดที่มีก็ทุ่มไปกับการควบคุมสายน้ำทางฝั่งคริสเพียงอย่างเดียว จนไม่มีกำลังจะปกป้องตัวเองแล้ว
     
     
     
    ท่านฮาเดส ได้โปรด ช่วยผมด้วย
     
     
     
    “ข้าจะกินส่วนไหนของเจ้าก่อนดี”ปีศาจพูดพร้อมกับแลบลิ้นยาวตะหวัดริมฝีปากน่าเกลียดของตัวเอง ชานยอลหันหน้าหนีจากภาพที่เห็น เพราะมันสะอิดสะเอียนจนเกินไป
     
     
    “เริ่มจากหัวใจ ปอด กระเพราะ แล้วก็ให้ลูกๆข้าช่วยกันกัดกินเจ้าน่าจะดีนะ เจ้ามนุษย์หน้าโง่”
     
     
    ท่านฮาเดส ได้โปรด อย่าเพิ่งให้ผมตาย ช่วยผมด้วย
     
     
    “ถ้างั้นข้าก็จะไม่รอช้า ……ได้เวลาอาหารของข้าเสียที เตรียมตัวตาย เจ้ามนุษย์หน้าโง่!!!”อรัคเน่พูดขึ้นก่อนจะยกขาคู่หน้าขึ้นเตรียมที่จะทิ่มแทงลงมาที่เขา 
     
     
    ท่านฮาเดส ได้โปรด ช่วยผมด้วย ได้โปรด
     
     
    ฉึ่บ!!!
     
     
     
    อะไรบางอย่างถูกของมีคมเสียบ ชานยอลหลับตาแน่น เบี่ยงหน้าไปทางอื่น นึกแน่ๆแล้วว่าตัวเองต้องตายแล้ว หากแต่ในครู่ต่อมา เขาก็รับรู้ได้ว่าเขายังมีชีวิตอยู่ คนที่ถูกแทงไม่ใช่เขา เพราะแมงมุมทั้งหลายสลายหายไปหมด…
     
     
     
    “กลับไปซะ บุตรแห่งโพไซดอน”เสียงทรงพลังและเย็นเยียบเปล่งขึ้น ก่อนที่ชานยอลจะลืมตาเห็นชายวัยกลางคนที่มีใบหน้างดงามแต่ดุดันและน่าเกรงขาม ท่าทางภูมิฐานสวมเสื้อคลุมสีดำสนิทและแหวนรูปหัวกระโหลก และมาลัยมอเรลที่ทำมาจากกระดูกสวมอยู่บนศีรษะ ในมือถือคฑาสองง่ามที่ปลายคฑาปักอยู่ที่ท้องของอรัคเน…
     
     
    “ท่าน…แฮ่ก แฮ่ก ฮา…เดส”ชานยอลพูดชื่อเทพเจ้าออกมาอย่างเหนื่อยอ่อนหากแต่กลีบปากอิ่มก็ยังระบายยิ้มอย่างโล่งใจ อย่างน้อยเขาก็ยังไม่ตาย เขายังช่วยคริสได้
     
     
    “เจ้าไม่ควรกลับมาที่นี่อีก กลับไปซะ”
     
     
    “มะ ไม่….ผมจะไม่…กลับ จน…จะได้….ถอนพิษ คริส”ชานยอลพูดเสียงขาดห้วงก่อนจะใช้เรี่ยวแรงอันน้อยนิดยันตัวขึ้นนั่งพิงกับต้นไม้
     
     
    “เจ้าดื้อด้าน จองหอง และหยิ่งผยองเหมือนโพไซดอนไม่มีผิด!!!!”ฮาเดสพูดอย่างฉุนเฉียว
     
     
    “ได้โปรด ให้ ยา….กับ…ผมที”
     
     
    “ไร้ประโยชน์ การที่ข้าปล่อยเขาไปแล้วถือเป็นการอภัยโทษสูงสุดแล้ว”
     
     
    “ขอร้อง”
     
     
    “ไม่มีวั….”ฮาเดสชะงักงัน เสียงหนึ่งดังก้องอยู่ในโสตประสาท
     
     
    ฮึก คริส! ลูกอย่าเป็นอะไรนะ คริส ชานยอล เมื่อไรจะกลับมา ฮึก คริสแย่แล้ว
     
     
    “ได้โปรด ชะ ช่วย….ด้วย”ชานยอลวอนขอ หยาดน้ำตาคลอหน่วงอยู่ขอบตา
     
     
    ท่านฮาเดส คริสกำลังแย่ ลูกเรากำลังจะตาย ท่านได้ยินมั้ย  ได้ยินฉันมั้ย ฮึก ได้โปรดเถอะ ได้โปรด ช่วยพวกเราด้วย เมตตาชานยอลด้วย
     
     
    “ผม….ขอร้อง”
     
     
    คริส อย่าเป็นอะไรนะลูก อยู่กับแม่ก่อนจะ อยู่กับแม่ ก่อน ฮึก ท่านฮาเดส ได้โปรด ฮึก ท่าน….ฮาเดส ขอร้อง ช่วย ช่วยพวกเราที
     
     
     
    “ช่วย…เราที”ร่างโปร่งอ้อนวอนพร้อมกับก้มหัวจนหน้าผากสัมผัสพื้นดินบริเวณเท้าของฮาเดสอย่างไม่สนศักดิ์ศรีของตัวเอง เพราะหากต้องแลกระหว่างชีวิตของคริสกับศักดิ์ศรี เขายอมเสียศักดิ์ของศรีตัวเองมากกว่าจะยอมให้หนึ่งชีวิตจากเขาไป
     
     
     
             ฮาเดสกำมือแน่น ก่อนจะหลับตาข่มอารมณ์ภายใน เขาเป็นเจ้าแห่งนรก ผู้รักความยุติธรรมยิ่งกว่าสิ่งอื่น แม้แต่ลูกชายและคนที่รักหากทำผิดเขาก็ต้องว่าไปตามโทษทัณฑ์ที่ตราขึ้น เพราะเจ้าแห่งความตาย เจ้านายแห่งวิญญาณอย่างเขาจะผ่อนปรน ลำเอียงต่อคนสำคัญของตัวเองไม่ได้ มันจะทำให้เขาเสื่อมอำนาจและหมดความศรัทธา แต่ในวันนี้ วันที่หญิงอันเป็นที่รักกำลังร่ำไห้ ลูกกำลังจะตาย  มันกำลังทำให้หัวใจของเขาสั่นคลอน…
     
     
    หนึ่งคือกฎระเบียบที่ต้องมีแก่ส่วนรวม
     
    อีกหนึ่งคือความรักที่ต้องมีแก่ครอบครัว
     
    สองทางเลือกที่สวนทางกับการตัดสินใจเพียงครั้งเดียวของเทพเจ้า 
     
    มหาเทพจะเลือกสิ่งใด…
     
     
     
    “กลับไปซะ แล้วอย่ากลับมาที่นี่อีก”มหาเทพเปล่งวาจา ก่อนจะสลายหายไปทิ้งให้ชานยอลจมอยู่กับความมืดมิดและเศร้าสร้อยท่ามกลางป่ามรณะเพียงลำพัง
     
     
     
    “ท่าน….ฮึก ท่าน ท่านต้องช่วย….ฮึก ลูกท่าน…สิ  เขา….ฮือ เขาเป็นลูก….แค่ก แค่ก ของท่านนะ”ชานยอลร่ำไห้โวยวายออกมาอย่างหนักจนดวงตาแดงก่ำ และไอจนตัวโยนอย่างน่าสงสาร มือเรียวจิกลงไปบนพื้นดินจนถูกเศษไม้ทิ่มแทงแต่เขาก็ไม่สนใจ
     
     
     
    “ทำไม แค่ก แค่ก ….ไม่…..คริส เขาเป็นลูกท่าน! พ่อ….สา อะ แค่ก ไร”ร่างโปร่งตะโกนตัดพ้อและด่าทอจนเสียงแหบแห้งไปหมด ใบหน้านวลฝังลงกับพื้นดินอย่างหมดอาลัย ก่อนจะทุบมือเรียวกับพื้นอย่างโกรธแค้นหากแต่ดูเหนื่อยอ่อนเกินกว่าจะโมโห เฉียบพลันนั้นมือเรียวก็สัมผัสกับอะไรบางอย่างบนพื้น ชานยอลรีบหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะเห็นขวดแก้วที่ภายในบรรจุของเหลวสีแดงฉาน 
     
     
     
    รับมันไปซะ แล้วไปจากที่นี่ให้เร็วที่สุด
     
     
    เสียงของฮาเดสดังขึ้นในโสตประสาท รอยยิ้มโล่งออกถูกวาดขึ้นที่กลีบปากอิ่มก่อนที่เขาจะพึมพำขอบคุณเทพเจ้าที่แม้จะเย็นชาแต่ก็ยังห่วงใยครอบครัว
     
     
    “ขอบ….คุณ”ชานยอลพูดเพียงเท่านั้นก่อนจะค่อยๆคลานไปหาม้าโครงกระดูก แล้วปีนขึ้นขี่มันอย่างทุลักทุเลเพราะเรี่ยวแรงไม่เอื้ออำนวยแล้ว
     
     
    “แค่ก แค่ก กลับ…..”ร่างโปร่งออกคำสั่งด้วยน้ำเสียงเบาหวิว ก่อนจะฟุบลงบนหลังม้า ดวงตากลมโตหรี่ลงจนเกือบปิดสนิท มือเรียวสั่นระริกจนน่ากลัว ร่างกายซีดเซียวไร้สีเลือด  หยาดน้ำตาพรั่งพรูอาบแก้มเนียน ขีดจำกัดของเขากำลังถึงขีดสุดแล้ว เขากำลังจะหมดสติ….
     
     
    ไม่มีอะไรที่ลูกทำไม่ได้ 
     
     
    ขอแค่มีศรัทธาเท่านั้น
     
     
    เสียงของโพไซดอนดังก้องในห้วงคำนึง เปลือกตาบางปิดลง มือเรียวกำเข้าหากันก่อนจะพึมพำกับตัวเองด้วยน้ำเสียงอ่อนล้าเต็มทน
     
     
    “ฉันทำได้….ต้องทำ….ให้ได้”ร่างโปร่งพูดย้ำบอกกับตัวเองอย่างนี้ไปตลอดทาง ราวกับสมองของเขาไม่รับรู้อะไรอีกแล้วนอกจากคำสั่งนี้ ม้าโครงกระดูกควบด้วยความเร็วที่มากกว่าขามาเป็นสองเท่า เมื่อเห็นว่าเจ้านายของมันใกล้ถึงขีดจำกัดเต็มที มือเรียวของชานยอลลู่ตกลงข้างตัวม้า หยาดน้ำตาพรั่งพรูออกมาเป็นสาย เขาไม่ได้ร้องเพราะโศกเศร้าแต่เป็นเพราะร่างกายของเขากำลังจะไม่ไหวแล้ว 
     
     
        ภายในร่างกายของร่างโปร่งบางเหมือนหัวใจเต้นช้าลงทุกที เลือดในกายเหมือนถูกสูบฉีดไปได้ไม่ทั่ว มือและเท้าชาจนไร้เรี่ยวแรง สมองเริ่มเบลอไปหมด ดวงตาพร่ามัวเริ่มมองไม่เห็น ทุกอย่างกลายเป็นภาพเหมือนจอทีวีที่ถูกสัญญาณอื่นแทรก ปากอิ่มแห้งผาก ร่างกายหนาวเหน็บสั่นสะท้านและชักกะตุกราวกับถูกแช่ในน้ำแข็ง สภาพอเนจอนาถอิดโรยเกินจะทานทน หากแต่สิ่งเดียวที่ยึดเหนี่ยวเขาไม่ให้สลบไปก็คืออีกหนึ่งชีวิตที่กำลังรอเขาอยู่ยังโลกมนุษย์
     
     
       เสียงฝีเท้าม้าควบต่อไปเรื่อยๆ ผ่านขวากหนาม และดวงวิญญาณมากมาย ก่อนที่มันจะทะยานกลับขึ้นสู่เบื้องบน และทันทีที่พวกเขาโผล่ขึ้นที่ห้องของคริส ป้าของชานยอลก็ร้องอุทานด้วยความตกใจ
     
     
    “ชานยอล!!!”เธอลุกพรวดเข้าไปพยุงร่างอิดโรยที่คลานลงมาจากหลังม้า หากแต่ไม่ได้รับความสนใจจากร่างโปร่ง ตอนนี้สิ่งเดียวที่ชานยอลกำลังสนใจคือร่างที่ถูกพิษของไฮดราแผ่กระจายจนเกือบทั้งร่างที่นอนแน่นิ่งอยู่บนเตียงโดยมีปราการน้ำของเขาไหลเวียนล่อเลี้ยงชีวิตอยู่
     
     
           ร่างโปร่งผละออกจากการพยุงของป้าของเขา ก่อนจะเดินโซซัดโซเซไปหาคริสอย่างยากลำบาก แต่ละก้าวย่างที่ก้าวไปดูบอบบาง อ่อนแอ และไร้ความมั่นคง เลือดจากบาดแผลที่ถูกหนามและขาของพวกแมงมุมแทงหยดเป็นทางยาว แต่เขาก็ไม่สนใจ ดวงตากลมโตสีฟ้าที่อ่อนแสงลงจนเกือบไร้แววจับจ้องไปที่ร่างของคริสด้วยแววตาเลื่อนลอยแต่ดูมุ่งมั่นสำหรับคนที่กำลังจะหมดสติ
     
     
    “ฉัน….มาแล้ว”ชานยอลเอ่ยบอกด้วยเสียงที่แหบแห้งจนน่าหวั่นว่าเส้นเสียงกำลังจะปริแตกและดับเสียงในอีกไม่กี่นาทีต่อจากนั้น มือหนาที่วางอยู่ข้างตัวกระดิกเล็กน้อยราวกับร่างกายนี่กำลังรอคอยการกลับมาของชานยอล
     
     
     
         ร่างโปร่งทรุดนั่งลงข้างขอบเตียง ก่อนจะควบคุมสายน้ำให้หยุดไหลแล้วทำให้มันระเหยกลายเป็นไอน้ำ จากนั้นก็เปิดฝาขวดยาถอนพิษออก ก่อนจะค่อยๆใช้มือเรียวที่สั่นระริกป้อนร่างสูง หากแต่ไร้การตอบสนองจากอีกฝ่ายจนสุดท้ายชานยอลต้องกรอกยาใส่ปากตัวเองแล้วทามทับลงบนริมฝีปากร่างสูง   ก่อนที่จะใช้ลิ้นของตัวเองเป็นทางผ่านเพื่อส่งมอบชีวิตให้กับร่างสูงภายในโพรงปาก มือเรียวกำมือของร่างสูงเอาไว้แน่น ร่างกายที่กำลังจะแตกดับเปล่งประกายสีฟ้าเรืองรอง แล้วทุ่มพลังแห่งสายน้ำทั้งหมดให้กับอีกคน จนเส้นสายพลังสีฟ้าและแดงจากยาถอนพิษค่อยๆแล่นไปตามเส้นเลือด เพื่อขจัดพิษสีดำของไฮดราออกไป โดยทุกที่ที่แสงเดินทางไปพิษของไฮดราก็จะค่อยๆถูกชะล้างออกอย่างช้าๆ จนจากร่างกายที่เคยเต็มไปด้วยรากพิษสีดำก็ค่อยๆกลับมาเป็นปกติ โดยเริ่มจากลำคอ ไล่ไปตามแขน ลำตัว และขา ก่อนที่แสงทั้งหมดจะวิ่งขึ้นไปรวมที่ดวงตาทั้งสองข้างของร่างสูง…..จุดที่รักษายากที่สุด
     
     
     
      ชานยอลกุมมือคริสไว้แน่น ก่อนจะพูดย้ำซ้ำๆกับตัวเองว่าเขาทำได้ เขาต้องทำให้ได้ อีกแค่นิดเดียวเท่านั้น แค่นิดเดียวคริสก็จะกลับมาเป็นปกติ เขาต้องทำให้ได้ 
     
     
     ร่างโปร่งทุ่มพลังทั้งหมดที่เหลืออยู่และสมาธิเพ่งไปที่ดวงตาทั้งสองข้างของร่างสูงจนแสงสีฟ้าอ่อนค่อยๆเข้มขึ้นจนกลายเป็นสีน้ำเงินเข้มกลบประกายสีแดง  และเรืองรองขึ้นเรื่อยๆจนเจิดจ้ากลายเป็นสีขาวบริสุทธิ์ส่องสว่างวาบอาบไล้ไปทั่วทั้งห้อง
     
     
     
    “คริส….”ชานยอลเอ่ยเรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยเสียงที่อ่อนแรง ก่อนจะค่อยๆลืมตาขึ้น มองไปยังภาพเบื้องหน้าที่ค่อยๆชัดเจนขึ้นเรื่อยๆอย่างมีความหวัง…คริสยังคงนอนแน่นิ่งอยู่ตรงนั้น ก่อนจะค่อยๆขมวดคิ้ว แล้วลืมตาขึ้นช้าๆ ณ วินาทีนั้นหัวใจของชานยอลเหมือนหยุดเต้น ลมหายใจเหมือนขาดห้วงไป เหมือนร่างสูงตรงหน้ากำลังมองมาที่เขาด้วยดวงตาคมสีทองเจิดจ้าดังเช่นครั้งก่อน 
     
     
    “ทะ ทำ….ได้….แล้ว”เสียงสุดท้ายถูกเปล่งขึ้นด้วยความตื้นเต้นและดีใจเป็นที่สุด รอยยิ้มบางถูกวาดขึ้นที่กลีบปากก่อนที่ร่างของชานยอลจะล้มพับสลบคาอกแกร่งของคริส 
     
     
     
    “ชาน!//ชานยอล!!!”สองเสียงประสานขึ้นพร้อมกัน หนึ่งคือเสียงของป้าของชานยอล อีกหนึ่งคือเสียงของคริสที่เพิ่งฟื้นตัวจากพิษที่เรียกชื่ออีกฝ่ายด้วยน้ำเสียงแหบแห้ง ก่อนที่เขาจะพยุงร่างของชานยอลไว้ในอ้อมอก แม้ว่าแขนแกร่งนี้จะยังไม่ค่อยมีแรงก็ตาม แต่เฉียบพลันที่เขาสัมผัสร่างบอบบางนี้ไอร้อนจากตัวอีกฝ่ายก็แผ่ซ่านมาถึงตัวเขาทันที…..ชานยอลกำลังมีไข้สูง
     
     
    “ชานยอล ลูก ชานยอล!!!”ป้าของชานยอลถลาร่างเข้ามาเขย่าตัวร่างโปร่งที่นอนแน่นิ่งไม่ไหวติงอยู่อย่างนั้น
     
     
    “เช็ดตัว”คริสเอ่ยบอกด้วยน้ำเสียงร้อนรน ก่อนที่ป้าของชานยอลจะกระวีกระวาดรีบวิ่งไปที่ประตู หากแต่ยังไม่ทันจะก้าวพ้นจู่ๆสายลมหอบหนึ่งที่เต็มไปด้วยกลีบดอกไม้และใบหญ้าก็พัดปะทะร่างของเธอ เฉียบพลันนั้นเธอก็ตัวสั่นสะท้าน มือไม้สั่นระริก ได้แต่ยืนตัวแข็งทื่ออยู่ตรงกรอบประตู สายลมสายนี้ สายลมที่เธอไม่มีวันลืม…
     
     
    “จะรีบไปไหนรึ  มาธาร์ ไม่อยู่คุยกับข้าเสียก่อนเล่า”เสียงหนึ่งดังขึ้นพร้อมกับการปรากฏตัวของหญิงสาวในชุดสีเขียวที่ประดับประดาด้วยดอกไม้นานาพันธุ์ยืนประจันหน้ากับเธอที่กรอบประตู
     
     
    “เพอร์…..เพอร์….เพอร์เซโฟเน่”
     
     
    “ขอบคุณที่ยังจำข้าได้………………..นางเมียน้อยของฮาเดส”




     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×