ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    The dark ocean [KrisYeol]

    ลำดับตอนที่ #15 : ตอนที่ 12...เรื่องเล่าของโพไซดอน

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.97K
      23
      30 มิ.ย. 56

    แฮ่ก แฮ่ก
        
     
           ชานยอลวิ่งกระหืดกระหอบตรงมายังห้องพักผู้ป่วยของป้าของเขาอย่างรีบร้อน  หัวใจดวงน้อยเต้นรัวและกังวลถึงคนที่พักอยู่ในห้องนั้นมากขึ้นตามฝีเท้าที่วิ่งไป การเดินเรื่องเอกสารทางราชการต่างๆกินเวลายาวนานกว่าที่เขาคิดไว้มาก และการปล่อยหญิงวัยกลางคนที่บาดเจ็บไร้ทางสู้ไว้กับคริสมันก็ไม่ใช่เรื่องดีนัก ร่างสูงไม่ใช่คนที่ควรจะไว้ใจ เมื่อการกระทำของเขาเป็นไปในทางที่บ้าบิ่นและยากจะคาดเดา…เขาสามารถทำได้ทุกอย่าง แม้แต่ชีวิตคนคนหนึ่งเขาก็สามารถฆ่าได้...
       
     
     
     
          ร่างโปร่งเร่งฝีเท้ามากขึ้นอีก เสียงหอบหนักดังถี่ขึ้นเรื่อยๆ ก่อนที่จู่ๆมันจะหยุดชะงักลง เมื่อดวงตากลมสบเข้ากับร่างร่างหนึ่งที่เดินออกมาจากห้องพักผู้ป่วย คริสเดินออกมาจากห้องด้วยท่าทางสง่างามแต่ก็แฝงไว้ซึ่งความอันตรายเหมือนปกติ รอยยิ้มร้ายที่มักจะปรากฏอยู่เป็นนิจถูกวาดขึ้นอีกครั้งที่กลีบปากหนา 
     
     
     
     
            หัวใจของชานยอลเต้นถี่รัวลุ้นระทึกว่าจะเกิดอะไรขึ้นในห้อง  ขาเรียวรีบวิ่งเข้าไป โดยไม่สนใจแม้แต่จะพูดคุยกับร่างสูง   ภาพเบื้องหน้าที่เห็นทำชานยอลโล่งอก เมื่อป้าของเขายังคงอยู่ดีและปลอดภัย ลมหายใจที่เข้าออกเป็นจังหวะสม่ำเสมอบอกให้รู้ว่าร่างนั้นไม่ได้ถูกทำร้ายใดๆทั้งสิ้น มือเรียวจัดแจงขยับผ้าห่มให้เข้าที่ก่อนจะยืนนิ่งดูอยู่สักพัก 
     
     
     
     
           คิ้วได้รูปขมวดเข้าหากันอย่างไม่เข้าใจ ความแปลกใจแวบเข้ามาทักทายหัวใจของเขา คนอย่างคริสไม่น่าจะปล่อยโอกาสดีอย่างนี้ให้หลุดลอยไปโดยไม่คิดจะทำอะไรแน่นอน แต่อะไรกันล่ะที่ทำให้คริสไม่ทำร้ายป้าของเขา...
     
     
     
     
              ทั้งๆที่ก็รู้ว่าเธอคนนี้สำคัญกับเขามากแค่ไหน ถ้าจะทำร้ายแล้วเอามาต่อรองเอาชีวิตของเขาย่อมเป็นเรื่องง่าย และน่ากระทำยิ่งกว่าวิธีอื่นๆ แต่ทำไมคริสกลับปล่อยไป หรือว่ายังมีวิธีอื่นอีกที่คริสจะใช้...
     
     
     
     
           เด็กหนุ่มยันตัวลุกขึ้น ก่อนจะเดินออกไปหาชายหนุ่มร่างสูง ทั้งอยากถามถึงคำแนะนำของแพทย์ และสาเหตุที่เขาไม่ทำร้ายป้าของเขา แต่แล้วคำถามของเขาก็ต้องรอเก้อเมื่อเจ้าของคำตอบหายไปจากทางเดินแล้ว ดวงตากลมโตมองทางเดินที่ว่างเปล่าอย่างไม่เข้าใจ ก่อนจะพึมพำออกมาเบาๆ
     
     
     
     
    “ทำไมถึงไม่ทำร้ายนะ” แม้จะเป็นคำถามที่แปลกประหลาด แต่เขาก็สงสัยจริงๆ ว่าทำไมคริสถึงไม่ทำ...
     
     
     
     
          เด็กหนุ่มยืนนิ่งอยู่สักพัก ก่อนจะเดินกลับเข้าไปในห้อง และทันทีที่เขาหายลับไป ร่างของคริสก็ค่อยๆเดินออกมาจากเงาช้าๆ ตาคมเหลือบมองที่ที่ชานยอลเคยยืนอยู่ คำถามของชานยอลดังซ้ำไปซ้ำมาอยู่ในหัว แต่เขาก็ไม่ใส่ใจกับมันมากนัก ขายาวออกเดินต่อไปเงียบๆ โดยทิ้งท้ายคำพูดเอาไว้กับความว่างเปล่า
     
     
     
    “ฉันก็แค่รอเวลาเท่านั้นล่ะ ชานยอล” 
     
     
     
     
    -------------------------------------
     
     
     
     
         หลังจากวันนั้นคริสก็ไม่กลับมาที่นี่อีกเลย  ชานยอลไม่แน่ใจนักว่าเขาคลาดกันกับร่างสูง หรือจริงๆแล้วคริสไม่ได้มาเยี่ยมเลยกันแน่ แต่ไม่ว่าจะอย่างไร การไม่เจอคริสเลยก็ถือเป็นเรื่องดีสำหรับเขา        
       
     
     
     
     
         ร่างโปร่งเดินเข้ามาในห้องพักผู้ป่วยในตอนเช้าตรู่ของวันที่สามที่ป้าของเขามารักษาตัวอยู่ที่นี่     ตามกำหนดการณ์เธอจะได้ออกจากโรงพยาบาลในวันนี้ หลังจากที่อยู่ในระยะเฝ้าดูอาการเลือดคลั่งในสมองแล้วจนครบ  โชคดีที่เธอไม่มีอาการผิดปกติร้ายแรงอะไร มีเพียงแค่แผลศีรษะแตก และรอยฟกช้ำทั่วๆไปเท่านั้น แต่ถึงกระนั้นความโกรธเคืองของชานยอลที่มีต่อ         คริสก็ไม่ลดน้อยลงไป สำหรับเขาไม่ว่าจะอย่างไร คริสก็ชั่วร้ายทำร้ายได้แม้กระทั่งคนที่ไม่เกี่ยวข้อง ซ้ำเธอคนนั้นยังเป็นคนที่สำคัญกับเขามากที่สุด
       
     
     
     
          เด็กหนุ่มทรุดตัวนั่งลงกับเก้าอี้ข้างเตียง ก่อนตากลมโตจะสบเข้ากับดอกไม้สีขาวที่ขึ้นแต่ในนรกภูมิเท่านั้นในแจกันข้างหัวเตียงที่มีมาซ้ำๆตลอดสองวันที่ผ่านมา ร่างโปร่งถอนหายใจอย่างเหนื่อยหน่ายก่อนจะหยิบดอกไม้ออกเตรียมที่จะทิ้งลงถังขยะ
     
     
     
     
    “เดี๋ยว ชานยอล”จู่ๆคนที่ควรจะหลับอยู่บนเตียงก็ร้องห้ามขึ้นมาอย่างกะทันหัน
     
     
     
    “ครับ คุณป้า”
     
     
     
    “อย่าทิ้ง”
     
     
     
    “ทำไมล่ะครับ มันเป็นดอกไม้ไม่ดีนะ คุณป้าจะอยากได้มันทำไม” ชานยอลถามขึ้น  ดอกไม้จากนรกไม่ว่าจะสวยแค่ไหนก็ไม่เป็นมงคลต่อการเชยชมทั้งสิ้น
     
     
    “ดอกไม้ถ้ายังไม่เฉา เราก็ไม่ควรจะเอาไปทิ้งให้เสียน้ำใจคนให้หรอกนะ”
     
     
    “แต่ถ้าคนให้มันไม่ได้ตั้งใจจะให้ล่ะครับ!”ชานยอลแย้งตามที่คริส คนอย่างคริสน่ะหรอ จะตั้งใจเอามาเยี่ยม ไม่มีทางหรอก นี่มันก็แค่การแสดงละครตบตาป้าของเขาเท่านั้นล่ะ
     
     
    “..............ป้าก็ไม่อยากทิ้งมันอยู่ดี”เสียงของเธออ่อนลง แวบหนึ่งความเศร้าเจืออยู่ในดวงตา ชานยอลเบ้ปากขัดใจแต่ก็ยังดึงดันจะทิ้งมันให้ได้
     
     
     
    “ถ้าคุณป้าอยากได้ดอกไม้ ผมจะให้คนไปเอาดอกไม้ทะเลทุกสีทุกพันธุ์มาให้เลย”ชานยอลว่าก่อนจะตั้งท่าทิ้งมันลงถังขยะ แต่ก็ถูกเสียงเปิดประตูขัดจังหวะเข้าเสียก่อน
     
     
    “พวกมันจะตายตั้งแต่ขึ้นบกไม่ใช่หรอ ชานยอล” คริสพูดก่อนมือแกร่งฉวยเอาดอกไม้จากมือของชานยอลกลับไปใส่ไว้ในแจกันตามเดิม แล้วหันกลับมาทักทายคนป่วยด้วยสีหน้ายิ้มแย้ม แม้ในใจจะกำลังสงสัยอยู่ว่าผู้หญิงคนนี้เป็นใครกันแน่  ทำไมชานยอลถึงกล้าพูดเรื่องใต้ทะเลเหล่านั้นให้ฟัง…
     
     
     
    “ขอโทษที่ไม่ค่อยมาคุยด้วยนะครับ มาทีไรก็ตอนคุณป้าหลับแล้วทุกที” ชานยอลกำมือแน่น ถลึงตาใส่อย่างแค้นเคืองให้กับการเสแสร้งของคริส  ร่างสูงไม่ได้ห่วงป้าของเขาจริงๆอย่างที่ปากว่าหรอก ที่ทำไปทั้งหมดมันก็แค่การเล่นละครตบตาเท่านั้น
     
     
     
    “ไม่เป็นไรหรอก แค่ดอกไม้ก็พอแล้ว”
     
     
     
    “ดอกไม้เน่าๆของคนทรามๆ”
     
     
    “ชานยอล!”เธอปรามเสียงเข้มเมื่อเด็กน้อยของเธอกำลังทำกริยาไม่เหมาะสม
     
     
     
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ น้องเขาก็เป็นอย่างนี้ ผมไม่ถือ แล้วนี่หมออนุญาตให้กลับกี่โมงหรอครับ” คริสแสร้งทำเป็นไม่ถือสา ทั้งๆที่ในยามปกติเขาคงจะกระโจนเข้าหา เรียกวิญญาณมาจัดการไปตั้งนานแล้ว  แต่ตอนนี้มันไม่ใช่....เมื่ออยู่ต่อหน้าคนที่จะใช้เป็นประโยชน์ได้ในภายภาคหน้า เขาจะต้องทำให้เธอตายใจและไว้ใจอย่างถึงที่สุด...
     
     
     
     
           แต่ถึงกระนั้นดวงตาคมก็ยังลอบมองชานยอล ส่งสัญญาณเตือนว่าหากขัดใจเขาอีกสักครั้ง อาการบาดเจ็บของหญิงวัยกลางคนจะไม่เล็กน้อยอย่างครั้งนี้แน่นอน...
     
     
     
     
    “เดี๋ยวก็ได้กลับแล้วล่ะจ๊ะ รอชานยอลไปจัดการเรื่องเอกสารนิดหน่อย”
     
     
     
    “งั้นเดี๋ยวผมอยู่เป็นเพื่อนคุณป้านะครับ จะได้ช่วยถือกระเป๋าตอนลงไปข้างล่างด้วย”
     
     
    “แต่....”ชานยอลรีบแย้งก่อนจะถูกสายตาของคริสตะหวัดมามอง สุดท้ายจึงต้องจำใจทำตามที่ร่างสูงว่า 
     
     
    “งั้นเดี๋ยวผมจะรีบกลับมา” ชานยอลพูดก่อนจะรีบเดินออกไปจากห้องพักเพื่อรีบไปจัดการเอกสารให้เสร็จไวๆ
     
     
     
    “แล้วนี่หายไปไหนมาตั้งสองวันหรอ”  หญิงวัยกลางคนถามเมื่ออยู่ด้วยกันกับคริสสองคน
     
     
    “จัดการเรื่องที่โรงเรียนนิดหน่อยน่ะครับ แล้วก็เอาพวกการบ้านมาให้ชานยอลทำด้วย” คริสว่าพร้อมกับตบกระเป๋าที่เต็มไปด้วยหนังสือตัวเองเบาๆ
     
     
    “เป็นประธานนักเรียนงานเยอะมั้ย แล้วเรื่องเรียนล่ะเป็นยังไงบ้าง” แววตาคมวูบไหวเล็กน้อย เมื่อสัมผัสได้ถึงความห่วงใยของเธอ
     
    “ก็.....เยอะครับ แต่ไม่เหนื่อยเท่าไร”
     
     
    “เอ่อ แล้ว...แล้วอยู่กับพ่อเป็นยังไงบ้าง” แวบหนึ่งที่ความไม่พอใจฉายอยู่ในดวงตาคม เขาไม่ชอบให้ใครละลาบละล้วง
    เรื่องส่วนตัวของเขามากนัก โดยเฉพาะเรื่องที่ไม่อยากจะเอ่ยถึงแล้วยิ่งแล้วใหญ่
     
     
    “ครับ ก็ดี   ผมว่าเราน่าจะลงไปรอชานยอลข้างล่างเลยนะครับ พอเอกสารเสร็จแล้ว จะได้กลับกันเลย”คริสเอ่ยตัดบท ก่อนจะหยิบสัมภาระแล้วเดินออกไปจากห้อง โดยไม่เหลียวมามองคนป่วยที่เดินตามมาข้างหลังเลยสักนิด...
     
     
     
     
     
    --------------------------------
     
     
     
     
            คริสและเธอลงมารอชานยอลที่กำลังจัดการเอกสารอยู่ที่ที่นั่งรอข้างๆเค้าเตอร์การเงิน โดยตลอดเวลาที่นั่งรอ คริสก็เอาแต่นิ่งเงียบ ไม่พูดหรือชวนคุยอะไรอย่างเช่นปกติที่เคยทำ จิตใจของร่างสูงกำลังว้าวุ่นและอึดอัดถึงเรื่องที่ป้าของชานยอลเอ่ยถาม  ไม่เคยมีใครกล้าถามเรื่องส่วนตัวของเขา โดยเฉพาะเรื่องครอบครัว  หัวข้อสนทนาอันแสนเปราะบางที่เขาไม่อยากจะตอบนัก เว้นเสียแต่จะอยากพูดออกมาเอง และยิ่งถามเขามากเท่าไร เขาก็จะยิ่งปิดกั้นตัวเองมากขึ้นเท่านั้น...
       
     
     
        เป็นเพียงแค่คนสารเลวที่อ่อนแอและเปราะบางให้กับเรื่องของ.... “ครอบครัว”
     
     
     
    “เรื่องที่ป้าถาม ป้า.......ขอโทษนะ”จู่ๆเธอก็พูดขึ้น คริสเหลือบตามามอง แวบหนึ่งที่ตัวตนที่แท้จริงเผยออกมา ก่อนที่เขาจะกลบเกลื่อนมันด้วยคราบเทพบุตรตามเดิม
     
     
    “ไม่เป็นไรหรอกครับ ผมต้องขอโทษคุณป้ามากกว่าที่ทำนิสัยไม่ดี”
     
     
    “ไม่เป็นไรจ่ะ ป้าเข้าใจ”เธอยิ้มละมุนให้เขา คริสยิ้มตอบกลับก่อนจะนิ่งเงียบ และเริ่มหาเรื่องพูดคุยเพื่อไม่ให้บรรยากาศอึดอัดจนเกินไป แต่ยังไม่ทันที่เขาจะได้พูดอะไร เสียงของชานยอลก็ดังขึ้นเสียก่อน
     
     
    “คุณป้า  ผมทำเรื่องเสร็จละ กลับบ้านกันเถอะ” ชานยอลว่าก่อนจะฉวยเอากระเป๋าที่คริสถือมาไปถือเอง พร้อมกับเดินนำไปพร้อมกับป้าของเขา โดยทิ้งให้คริสเดินตามหลังมาเองคนเดียว
     
     
     
                      ทั้งสามคนเดินไปเรียกแท็กซี่ที่หน้าลานโรงพยาบาล รออยู่สักพักแท็กซี่ก็มาถึง  ชานยอลเดินไปเก็บกระเป๋าที่หลังรถ ในขณะที่ป้าของเขาค่อยๆเดินไปขึ้นรถ แต่แล้วก็เกิดเหตุการณ์ไม่คาดฝันเกิดขึ้น เมื่อจู่ๆบุรุษพยาบาลเข็นเตียงคนไข้เข้ามาด้วยความเร็วสูง!!!
     
     
     
     
    โคร่มมมม!!!
     
     
     
     
     
    “คุณป้า!!!”ชานยอลร้องเสียงหลงก่อนจะรีบวิ่งมาดู ภาพที่เห็นทำเอาเขาชะงักงันไป...
     
     
     
    ป้าของเขาปลอดภัยดี แต่...
     
     
    คริสถูกเตียงชน...
     
     
     
    “คริส!”ป้าของเขาร้องอย่างตกใจ พร้อมกับจับตัวคริสไปมาอย่างห่วงใย
     
     
    “เจ็บตรงไหนบ้าง!!! // บาดเจ็บตรงไหนรึเปล่าครับ ขอโทษด้วยนะครับ ขอโทษด้วยๆ” เสียงป้าและบุรุษพยาบาลดังขึ้นพร้อมกันอย่างร้อนรน 
     
     
     
     
        เสียงที่ถามด้วยความเป็นห่วงกระตุกสติของคริสให้กลับมา ดวงตาคมวูบไหวด้วยความสับสน และประหลาดใจกับการกระทำของตัวเอง เขาไม่เคยคิดจะช่วยใครมาก่อน แต่เมื่อครู่นี้เขาเสี่ยงเอาตัวเองเข้าไปรับแทนผู้หญิงที่ไม่ได้มีความสำคัญอะไรกับเขาเลยอย่างนั้นน่ะหรอ...
     
     
     
    นี่มันเกิดอะไรขึ้นกับเขากัน
     
     
     
     
    ร่างสูงผละตัวออกมาตามสัญชาตญาณ ก่อนจะเรียกสติและตัวตนของตัวเองกลับคืนมา
     
     
     
     
    “ผมไม่เป็นไร”คริสตอบโดยซ่อนแขนที่ถลอกของตัวเองไว้ด้านข้างหลบสายตาของทุกคน แต่ไม่อาจจะปิดบังบุตรแห่งโพไซดอนเอาไว้ได้...
     
     
     
    “กลับบ้านกันเถอะครับ”ร่างสูงพูดก่อนจะเปิดประตูรถให้ป้าของชานยอลขึ้นไป
     
     
    “ไม่เจ็บตรงไหนแน่นะคริส ตรวจร่างกายก่อนมั้ย”
     
     
     
    “ไม่ครับ ผมไม่เป็นไร กลับกันเถอะ” คริสแสร้งฉีกยิ้มให้เพื่อย้ำเตือนว่าเขาไม่เป็นไร ก่อนจะตัดบทด้วยการขึ้นรถไป โดยมีชานยอลตามขึ้นมาทีหลัง
     
     
     
     
                    ดวงตากลมโตมองชายหนุ่มที่นั่งหน้าคนขับด้วยความไม่เข้าใจ  คนอย่างคริสจะเอาตัวเข้ามารับแทนอย่างนั้นน่ะหรอ ไม่มีทางที่คนเห็นแก่ตัวและชั่วร้ายอย่างนั้นจะทำเพื่อคนอื่นหรอก  มันจะต้องเป็นการเล่นละครที่ซื้อใจป้าของเขาแน่ๆ แต่....
     
     
     
    มันจะไม่ลงทุนไปหน่อยหรือ  
     
     
     
     
                  ภาพแขนที่ถลอกจนเลือดไหลเป็นทางย้อนกลับเข้ามาในหัวของชานยอลอีกครั้ง กระตุกให้ต่อมสงสัยทำงานอย่างหนัก ที่ผ่านมาไม่เคยมีสักครั้งที่คริสยอมเล่นละครโดยเสี่ยงเอาตัวเองเข้าแลก  อย่างมากที่สุดก็แค่ยอมเหนื่อยเสียแรงเล็กน้อยในการซื้อใจป้าของเขา แต่ไม่เคยถึงขั้นยอมเจ็บตัวแทนขนาดนี้ หรือร่างสูงจะมีมุมดีๆกับเขาบ้าง....
     
     
     
     
                 ระหว่างที่ชานยอลขบคิด รถแท็กซี่ก็ขับไปตามทางเรื่อยๆ ผ่านภูเขา และลัดเลาะไปตามถนนที่ตัดเรียบริมชายหาดไม่นานนักทั้งสามก็มาถึงบ้าน  คนงานจากร้านที่ทราบข่าวว่าป้าของเขาจะกลับมาต่างรีบวิ่งมาช่วยพยุงเธอเข้าไปข้างใน  ทิ้งไว้แต่คริสและชานยอลที่ยังอยู่ข้างนอก    
     
     
     
     
    “เรื่องที่โรงพยาบาล....”ชานยอลเอ่ยขึ้นทำให้คริสที่เดินอยู่ข้างหน้าชะงักฝีเท้า แล้วหันกลับมามองเขาเป็นเชิงถาม
     
     
     
    “ทำไมนายถึงช่วยคุณป้าของฉันไว้” คริสเลิกคิ้วเล็กน้อย ก่อนจะกระตุกยิ้ม แล้วตั้งท่าจะเดินต่อ ไม่ใช่ว่าเขาไม่อยากตอบคำถามของชานยอล แต่เพราะตัวเขาเองก็ยังไม่มีคำตอบให้ตัวเองเช่นกัน
     
     
     
    “ทำดีกับเขาเป็นด้วยหรอ” คริสหันกลับมามองก่อนจะตอบ
     
     
    “ฉันก็ทำไปอย่างนั้นล่ะ” ชานยอลเบ้ปาก นึกหมั่นไส้กับคำตอบของร่างสูงที่เดินนำอยู่ข้างหน้า ก่อนที่ดวงตากลมโตจะเหลือบมองหาทางแกล้ง รอยยิ้มพร่างพราวถูกวาดขึ้นที่กลีบปากบางเมื่อตากลมสบเข้ากับ....แมงกะพรุนไฟที่ลอยเอื่อยอยู่บนผิวน้ำ 
     
     
     
    “คริส...”เด็กหนุ่มออกเสียงเรียกคริสอีกครั้ง 
     
     
    “อะไ....ชานยอล!!!!” คำพูดทั้งหมดของคริสถูกกลืนหายไปเมื่อชานยอลใช้จิตสั่งให้แมงกะพรุนไฟพุ่งใส่เขา หนวดที่เต็มไปด้วยเข้มพิษเกี่ยวพันกับแขนข้างที่เป็นแผลของเขาอย่างรวดเร็วก่อนจะผละออกแล้วตกลงพื้น ทิ้งไว้แต่รอยแผลไหม้ และอาการปวดแสบปวดร้อนจากพิษของแมงกะพรุน
     
     
     
    “คำขอบคุณสำหรับการทำดีของนาย!” ชานยอลยิ้มร่าก่อนจะวิ่งกลับขึ้นไปบนบ้าน 
     
     
     
    “จะลองดีกับฉันใช่มั้ย!  ชานยอล!” คริสประกาศกร้าวก่อนจะเดินตามขึ้นไป และทันทีที่เขามาถึง ตัวการณ์ก็วิ่งหายไปไหนแล้วก็ไม่รู้ จะมีก็แต่ป้าของชานยอลที่เบิกตากว้างตกใจเมื่อเห็นแผลที่แขนของเขา  หญิงวัยกลางคนจับให้เขานั่งเก้าอี้ ก่อนจะรีบทำแผลให้
     
     
    “ไปโดนแมงกะพรุนไฟที่ไหนมา คริส ทำอีท่าไหนถึงโดนได้  ทำไมไม่ระวัง” เธอพูดพร้อมกับที่ทำแผลไปด้วย
     
     
    “ที่ชายหาดน่ะครับ” คริสตอบ ก่อนจะเตรียมพูดต่อว่าใครเป็นคนทำ แต่ก็ถูกเธอขัดขึ้นเสียก่อน
     
     
    “ชานยอลเป็นคนทำใช่มั้ย....”ร่างสูงชะงักไปชั่วครู่ นึกสงสัยว่าทำไมเธอถึงรู้ว่าใครเป็นคนทำ ทั้งๆที่เขายังไม่ทันบอกอะไรเลยด้วยซ้ำ
     
     
     
     
         หญิงวัยกลางคนวางอุปกรณ์ปฐมพยาบาลลงในกล่อง ก่อนจะยันตัวลุกขึ้นยืน แล้วเดินตรงขึ้นไปยังชั้นสอง ที่ที่เด็กน้อยของเธอขึ้นไปหลบ...
     
     
     
     
    “ชานยอล เปิดประตูให้ป้าหน่อย” เสียงตึงตังดังขึ้นในห้อง ก่อนที่ประตูจะเปิดออก พร้อมกับศีรษะของชานยอลโผล่ออกมา นอกประตู ดวงตากลมโตกวาดตามองรอบๆราวกับเช็คอะไรบางอย่างอยู่
     
     
     
    “หาอะไรอยู่หรอ”
     
     
     
    “ไม่มีครับ! คุณป้าเรียกผมทำไมหรอ”
     
     
     
    “ไปก่อเรื่องอะไรไว้ ลงไปจัดการเดี๋ยวนี้เลย ไปทำแผลให้คริสเดี๋ยวนี้เลย”
     
     
    “แต่ว่า...”
     
     
    “ไม่มีแต่ลงไปเดี๋ยวนี้……ชานยอล!”เธอเรียกชื่อปรามเมื่อเห็นว่าปากอิ่มกำลังจะเถียงอีกรอบ ชานยอลเบ้ปาก ก่อนจะเดินลงไปชั้นล่างอย่างไม่สบอารมณ์ 
     
     
     
     
                   ร่างโปร่งทรุดนั่งลงกับเก้าอี้ฝั่งตรงข้ามร่างสูงแรงๆ ก่อนจะฉวยอุปกรณ์ทำแผลขึ้นมา แล้วเริ่มทำแผลให้อย่างไม่เต็มใจ มือเรียวกระแทกสำลีที่แผลแรงๆจงใจแกล้งอีกฝ่ายจนแผลที่เห่อแดงอยู่แล้ว แดงมากยิ่งขึ้นไปอีก
     
     
     
    “ชานยอล...”เสียงป้าของชานยอลดังขึ้นเป็นเชิงขู่ทำให้ร่างโปร่งจำต้องเบามือลง คริสที่มองอยู่ยิ้มให้อย่างเหนือกว่า เป็นผลให้ชานยอลเผลอออกแรงแกล้งกดแผลอีกรอบด้วยความหมั่นไส้
     
     
     
    “ชานยอล...”ป้าของชานยอลปรามอีกครั้ง จนเด็กหนุ่มตีหน้ายุ่งแต่ก็ยอมเบามือลงไปบ้าง แต่มันก็ยังแรงเกินไปอยู่ดี
     
     
     
    “เบากว่านี้ ชานยอล” ชานยอลลดแรงไปเล็กน้อย แต่ก็ยังไม่วายเอาสำลีชุบแอลกอฮอล์ที่ชุ่มโชกละเลงแผลอีก
     
     
    “ปาร์คชานยอล…”
     
     
    “ผมก็เบาแล้วนี่ คุณป้า”ชานยอลหันมาเถียง
     
     
    “ยังจะเถียงอีก! เดี๋ยวจะโดน!”เธอเงื้อมือขึ้นขู่จะตี  ชานยอลรีบหรี่ตา หดคอหลบด้วยความกลัว ท่าทางที่เหมือนลูกหมากลัวโดนตีเรียกเสียงหัวเราะจากคริสที่นั่งเฝ้ามองอยู่ได้เป็นอย่างดี แม้จะไม่ใช่เสียงหัวเราะที่ดังแบบคนอื่นๆ แต่ก็เป็นเสียงหัวเราะที่ออกมาจากความสุขจริงๆ...
     
     
     
     
         ดวงตากลมโตเผลอเบิกกว้าง มองหน้าเขาอย่างตกใจ  คริสรีบปรับสีหน้าให้เป็นปกติดังเดิม ก่อนจะชักแขนกลับมา
     
     
     
    “ไม่ต้องทำแล้ว”
     
     
    “แต่....กะ ก็  ก็ได้”ชานยอลรับคำก่อนจะยกกล่องปฐมพยาบาลไปเก็บ ปล่อยให้ป้าของเขาและคริสอยู่กันตามลำพัง
     
     
     
    “เมื่อกี้มีความสุขใช่มั้ย” คริสเหลือบมองเล็กน้อย แต่ก็ไม่ยอมตอบอะไรกลับไป  
     
     
     
    “มาอยู่ที่นี่มั้ย กับชานยอล กับป้า”  หญิงวัยกลางคนมองเขาด้วยสายตาสงสาร สำหรับเธอ คริสเหมือนหมาป่าที่หลงจากฝูง  ที่มักจะแสดงท่าทีแข็งกร้าว ทั้งๆที่กำลังอ่อนแออยู่...
     
     
     
     
                  ความเงียบเข้าปกคลุมคนทั้งสอง ร่างสูงปิดปากเงียบไม่ยอมพูดอะไรออกมา ทิ้งดิ่งความคิดตัวเองลงสู่ก้นบึ้งของจิตใจ  ตั้งแต่มาอยู่ที่นี่เขาสูญเสียความเป็นตัวของตัวเองมากขึ้นเรื่อยๆ  จากที่ไม่เคยไขว่คว้าหาความรัก ความอบอุ่น และความห่วงใย กลับรู้สึกดีที่มีคนคอยเติมเต็มในสิ่งที่ขาดหายมาตลอดทั้งชีวิต  จากที่ไม่เคยหัวเราะด้วยความสุขอย่างแท้จริง กลับหัวเราะออกมาได้ง่ายๆเพียงแค่เห็นท่าทางตลกของชานยอล  และจากคนที่หยาบกระด้างกลับมีหัวใจขึ้นมาอีกครั้ง....
     
     
     
                หรือบางที ที่นี่อาจจะเป็นครอบครัวที่เขาเฝ้าใฝ่ฝันหามาตลอด...
     
     
     
     
    “ท่านพ่อ!” เสียงของชานยอลปลุกเขาให้ตื่นจากภวังค์ ตาคมเหลือบไปมองผู้มาใหม่ สมุทรเทพยืนอยู่ที่หน้าประตูบ้าน เขาส่งยิ้มทักทายลูกชาย ก่อนจะเดินเข้ามาข้างใน แล้วทรุดนั่งลงข้างๆป้าของชานยอล
     
     
     
    “ขอโทษที่มาเยี่ยมช้า พอดีข้ามีงานใต้ท้องทะเลนิดหน่อย” ตาคมจับจ้องไปที่โพไซดอนสลับกับป้าของชานยอล.....ที่แท้ก็รู้จักกับโพไซดอนสินะ 
     
     
     
    “ไม่เป็นไรหรอก ขอบคุณที่มาเยี่ยมฉัน”
     
     
     
    “ผมไปช่วยงานท่านพ่อได้นะครับ”ชานยอลเสนอตัวก่อนจะทรุดนั่งลงข้างพ่อของเขา
     
     
     
     
                           บทสนทนาที่ถูกตีกรอบไว้แค่คนสามคนกรีดกันให้คริสออกจากวงสนทนา ร่างสูงยันตัวลุกขึ้นยืนเต็มความสูง ก่อนจะปลีกตัวออกไป โดยไม่กล่าวคำลาใดๆทั้งสิ้น คำถามที่ป้าของชานยอลถามยังคงดังก้องอยู่ในหูของเขาตลอดเวลาที่เดินออกมาที่ริมหาด  
     
     
     
    มาอยู่ที่นี่มั้ย กับชานยอล กับป้า
     
     
     
     
    “จะมาอยู่ทำไมให้กลายเป็นส่วนเกินของครอบครัว” คริสตอบคำถามของเธอเบาๆ ตาคมที่อ่อนโยนเมื่อครู่ถูกแทนที่ด้วยความแข็งกร้าวเหมือนอย่างเก่า ร่างสูงทอดมองท้องทะเลด้วยแววตาว่างเปล่า ในหัวย้อนนึกไปถึงคำพูดของเพอเซโฟเน่ที่เคยพูดไว้กับเขา...
     
     
     
    คนอย่างเจ้า มันก็เป็นได้แค่ส่วนเกินของครอบครัวเท่านั้นล่ะ!!!
     
     
     
    กี่ครั้งแล้วที่เป็นได้แค่ส่วนเกิน
     
    กี่ครั้งแล้วที่ต้องอยู่คนเดียว
     
    กี่ครั้งแล้วที่เป็นได้แค่....
     
    หมาป่าหลงฝูง ที่เปล่าเปลี่ยว อ้าวว้าง และเดี่ยวดาย....
     
     
     
     
    ------------------------------------------
           
     
     
     
     
     โพไซดอนเหลือบมองคริสที่ยืนอยู่ริมชายหาดเล็กน้อย ก่อนจะหันมาสบตากับป้าของชานยอล  แววตาสวยหวานของเธอหม่นลงเล็กน้อยยามเมื่อมองไปที่ที่ร่างสูงเคยนั่งอยู่  เมื่อเห็นดังนั้นเขาก็รีบเปลี่ยนหัวข้อสนทนาเพื่อดึงความสนใจจากเธอทันที
     
     
     
     
    “เจ้าไปทำอะไรถึงได้ตกบันใดมาเสียขนาดนั้น”
     
     
     
    “คุณป้าไม่ได้ตกเอง มีคนทำให้ตก คริสใช้วิญญาณดึงขาคุณป้าตกลงมา ท่านพ่อ!” ดวงตาสวยหวานของเธอเบิกกว้างด้วยความตกใจกับความจริงที่เพิ่งได้รู้
     
     
     
    “จริงหรอ ชานยอล”
     
     
     
    “ครับ คุณป้า ผมมาคิดๆดูแล้ว ก็จริงอย่างที่ฮาเดสเตือนผม เขาบอกว่าอย่าให้คริสเข้าใกล้คุณป้า ผมก็ไม่เข้าใจว่าทำไม พ่อจะมาเตือนคนอื่นว่าให้ระวังลูกตัวเองงั้นหรอ แล้วที่สำคัญเขารู้จักคุณป้าด้วยหรอครับ ผมว่ามันแปลกๆนะ”
     
     
     
    “ฮาเดสมาหาหรอชานยอล!”เธอถามด้วยความตกใจสุดขีด เพราะไม่ใช่เรื่องปกติที่เทพแห่งความตายจะขึ้นมาบนโลก
    มนุษย์ถ้าไม่มีมีเรื่องสำคัญจริงๆ....
     
     
     
    “ครับ ทำไมหรอครับ มัน.....ร้ายแรงหรอ”
     
     
    “มัน  เอ่อ....คือ”เธออ้ำอึ้ง
     
     
    “ในเมื่อเรื่องมาถึงขนาดนี้ เจ้าก็ควรที่จะได้รับรู้ความจริงเสียที ชานยอล”โพไซดอนพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงจริงจัง 
     
     
    “เรื่องอะไรหรอครับ ท่านพ่อ” โพไซดอนหลับตาลง ก่อนจะสูดลมหายใจลึก แล้วจึงตอบประโยคที่กระตุกต่อมอยากรู้และหวาดกลัวของชานยอล
     
     
    “เรื่องความสัมพันธ์ระหว่างเจ้ากับคริส”ชานยอลเลิกคิ้วสูง แปลกใจไม่น้อยที่จู่ๆโพไซดอนก็พูดเรื่องนี้ รางสังหรณ์ถึงรางร้ายร่ำร้องอย่างบ้าคลั่งอยู่ในอก....
     
     
     
    “คริสไม่มีแม่.....เพราะเธอถูกฮาเดสฆ่าตายไปตั้งแต่คริสยังเล็กตามคำขู่ของเพอเซโฟเน่ เพราะถ้าฮาเดสไม่กำจัดแม่ของคริสทิ้ง เธอก็จะฆ่าทั้งแม่ทั้งคริสเสีย” หัวใจชานยอลกระตุกวูบ....พ่อฆ่าแม่ทิ้งอย่างนั้นหรอ มันจะโหดเหี้ยมเกินไปแล้ว
     
     
    “คริสรู้เรื่องนั้นมั้ยครับ”
     
     
    “แน่นอนว่ารู้ นั่นเป็นเหตุที่ทำให้เขาคลั่งแค้นพ่อตัวเอง  แต่นั่นไม่ใช่สิ่งที่เขารู้ทั้งหมด......”โพไซดอนเว้นช่วงก่อนจะเล่าเรื่องที่กระตุกหัวใจของชานยอลให้สั่นไหว...
     
     
     
    “ฮาเดสไม่ใช่เทพที่เลวทรามขนาดยอมสังหารหญิงผู้เป็นที่รักกับมือตัวเอง  และเช่นกันเขาก็ไม่อาจขัดขืนโทสะของเพอเซโฟเน่ได้ เขาจำเป็นต้องเลือกทางใดทางหนึ่ง  แต่เขากลับไม่เลือกทั้งสองทาง ฮาเดสเลือกทางออกที่สามคือรักษาชีวิตหญิงผู้นั้นแต่ก็ไม่ขัดคำขู่ของเพอเซโฟเน่ โดยก่อนวันที่เขาจะสังหารหญิงผู้นั้น เขาได้มาขอความช่วยเหลือจากพ่อ เขาฝากให้พ่อช่วยดูแลและคุ้มครองหญิงผู้นั้นจากพะยันอันตรายทั้งปวง และที่ที่ปลอดภัยที่สุดสำหรับพ่อ ก็คือทะเล  พ่อนำเธอให้มาอยู่ที่ใกล้ทะเลที่สุดเพื่อใช้มหาสมุทรอำพรางร่องรอยของเธอจากเพอเซโฟเน่”
     
     
     
    “แล้วเขาจะทำยังไงกับทางด้านเพอเซโฟเน่ล่ะครับ ในเมื่อต้องสังหารต่อหน้าเธอ”
     
     
     
    “ฮาเดสมีอำนาจเหนือดวงวิญญาณทุกดวง  เขาปลอมวิญญาณดวงหนึ่งให้กลายเป็นหญิงคนนั้น  ก่อนจะสังหารเธอต่อหน้าเพอเซโฟเน่ เทพแห่งฤดูใบไม้ผลิไม่สงสัยอะไรเลยแม้แต่น้อย แต่ถึงกระนั้นฮาเดสก็ไม่ได้รู้สึกดีนัก เพราะ.....ต่อจากนี้เขาจะกลายเป็นฆาตกรในสายตาบุตรของตัวเอง  ฮาเดสพยายามปกปิดเรื่องนี้กับคริสมาโดยตลอด แต่แล้ววันหนึ่งคริสก็ล่วงรู้ความลับเข้า แน่นอนว่าฮาเดสบอกความจริงกับคริสไม่ได้ เพราะถ้าเขาบอกเพอเซโฟเน่ก็จะล่วงรู้ความลับข้อนี้ด้วย แล้วพอถึงตอนนั้นเธออาจจะสังหารทั้งหญิงผู้นั้นและบุตรของเขาเสียเลยก็ได้” สิ้นเสียงโพไซดอน ทุกคนในห้องก็นิ่งเงียบไป ก่อนที่ชานยอลจะค่อยๆพูดทำลายความเงียบช้าๆ
     
     
     
     
    “แล้วแม่ของเขาคือใครล่ะครับ ท่านพ่อ” ความเงียบอันแสนอึดอัดที่ชวนให้ฟุ้งซ่านเข้าปกคลุมคนทั้งห้องอีกครั้ง ก่อนที่เสียงหนึ่งจะดังขึ้นตอบชานยอล...
     
     
     
     
    “ป้าเองชานยอล ป้าเป็นแม่แท้ๆของคริส”
     
     
     
     
     
     
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×