คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : ตกเป็นข่าว
(ตกเป็นข่าว)
.
“ลมหายใจ..ทั้งหัวใจ...เธอหยุดยั้งวันเวลาแค่เราได้พบกันในวันนี้แค่พบเจอกับเธอ......”เสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้าจนนิ้งต้องเอื้อมมือไปหยิบมารับสายด้วยท่าทางงัวเงีย
“อะไรวะปลา โทรมาแต่เช้า”
“เช้าบ้าอะไรนี่มันจะ 8 โมงแล้ว แหกตาดูซิแก”ปลาตะเบ็งเสียงกลับจนนิ้งต้องเลื่อนโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหู
“เออ...แต่ฉันโทรไปบอกแกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไงว่าวันนี้ฉันไม่ไปโรงเรียน คอยังเคล็ดอยู่เลยเนี่ย”
“รู้แล้ว..แต่ที่ฉันโทรมาหาแกเนี่ยเพราะฉันมีข่าวใหญ่จะบอก”
“ข่าวอะไร”นิ้วพูดพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย
“แกลองไปเปิดเว็บไซต์ของโรงเรียน แล้วเข้าบอร์ดชมรมหนังสือพิมพ์ซิ แล้วแกจะรู้เอง”
“แล้วแกจะบอกฉันตอนนี้เลยไม่ได้รึไงวะปลา”
“ไม่ได้โว้ย...ฉันอยากให้แกเห็นเองกับตาวะนิ้ง แล้วอีกอย่างนี่ฉันกำลังจะเข้าแถวแล้วด้วย งั้นแค่นี้นะแก”สิ้นเสียงของปลาโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายลงท่ามกลางความสงสัยของนิ้ง จนเธอเองต้องชันตัวลุกขึ้นจากที่นอนตรงไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์โรงเรียนตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว
........................................................
“อ๊าย......................”เสียงกรี๊ดดังออกมาลั่นบ้านจนเรย์เปิดประตูเข้ามาดู
“เป็นอะไรนิ้ง”เรย์ถามเสียงเรียบสายตาจ้องมองยังหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับใช้มือทั้ง 2 ข้างของเธอกุมศีรษะ
“เรย์....ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอ”นิ้งหันกลับมามองเรย์ด้วยความตกใจอย่างคาดไม่ถึง
“ไม่ไป...วันนี้เรามีธุระต้องไปทำ...ว่าแต่นิ้งกรี๊ดทำไม”เรย์ถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้นิ้งจนสายตาของเขาไปสะดุดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏข้อความสีชมพูตัวใหญ่ว่า
......ลือสนั่น!รักสามเศร้าของพวกเขาสามคน.....
ศึกช่วงชิงหัวใจนักเรียนแลกเปลี่ยนเริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อ 2 สาว ประธานชมรมเทควันโดและประธานชมรมดนตรีคลาสสิคเปิดศึกกันกลางโรงยิม โดยมีเรย์นักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นคนกลาง
...ศึกครั้งนี้เกิดขึ้นในคาบกิจกรรมชมรมเมื่อเรย์ไปนั่งดูนิ้งประธานชมรมเทควันโดซ้อม แต่ในขณะที่เรย์กำลังนั่งดูนิ้งอยู่นั้นกลับมีอีกหนึ่งสาวนั่นคือ แอลดาวโรงเรียนและประธานชมรมดนตรีคลาสสิคเข้าไปพูดคุยกับเรย์ จนนิ้งไม่มีกะจิตกะใจจะซ้อมจนพลาดท่าโดนรุ่นน้องเตะสลบ เรย์ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับพุ่งตัวเข้าไปช้อนร่างของนิ้งด้วยความเป็นห่วงและนำส่งห้องพยาบาลทันที ท่ามกลางสายตาที่เศร้าสลดของแอลที่มองมายังคนทั้งคู่...
รู้สึกว่าศึกนี้จะน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เรย์จะเทใจไปฝ่ายใดทุกคนโปรดติดตามข่าวความรักของทั้ง 3 คนนี้ได้ในบอร์ดชมรมหนังสือพิมพ์....(ชมรมหนังสือพิมพ์)
เรย์หันมามองหน้านิ้งสีหน้าของเรย์ยังคงเรียบเฉย จนนิ้งคิดว่าเรย์คงไม่มีความรู้สึกใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งมันผิดกับเธออย่างสิ้นเชิงที่พออ่านจบก็แทบจะลมจับ
“ขะ..ข่าวมั่วซั่ว...”นิ้งพูดแก้เก้อก่อนจะเลื่อนเมาส์คลิกปิดเว็บไซต์
“อืม...สมองสร้างสรรค์ดีนะชมรมหนังสือพิมพ์น่ะ.....เขียนได้เป็นเรื่องเป็นราว”
“เรย์ไม่ทุกข์ร้อนเหรอ..หรือตกใจน่ะ”
“ไม่นี่...มันไม่ใช่เรื่องจริง เดี๋ยวทุกอย่างก็คงเงียบไปเอง”เป็นคำพูดที่เรียบๆของเรย์แต่มันกลับทำให้นิ้งเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอได้แต่ฝืนพนักหน้าตอบรับช้าๆ
“งั้นเราไปก่อนนะนิ้ง”
“จะไปไหนเหรอ”นิ้งตั้งคำถามทั้งๆที่รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเรย์ แต่เธอก็อดที่จะถามไม่ได้
“หาลุงเบิร์ต...มีธุระทางบ้านต้องไปทำ”
“อืม...แล้วนี่เรย์จะไปยังไงล่ะ”
“ลุงเบิร์ตมารับ...งั้นเราขอตัวแล้วกัน”เรย์หันหลังเดินออกจากห้องทิ้งไว้แต่เพียงสาวน้อยที่ยังคงลำพึงลำพันกับข่าวที่เกิดขึ้นต่อไป วันนี้ตัวเขาเองมีเรื่องที่จะต้องจัดการมากกว่าที่จะมามัวสนใจกับข่าวในตอนนี้
...............................
เรย์ขึ้นไปนั่งบนรถยุโรปสีดำคันเดิมเพื่อออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่ต้องการ โดยมีเบิร์ตทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้เขาอีกเช่นเคย
รถยนต์แล่นเข้าสู่ถนนเล็กๆที่ค่อนข้างเปลี่ยวจนรถแล่นเข้ามาจนสุดซอย จึงได้พบกับบ้านหลังใหญ่ที่มีกำแพงอิฐสีแดงขนาดใหญ่และประตูรั้วเหล็กทีมีชายในชุดสูทสีดำ 2 คนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู
ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับรถยนต์ได้แล่นเข้าสู่ตัวบ้านพร้อมกับจอดนิ่งสนิทเมื่อถึงเป้าหมายการเดินทาง
เรย์ก้าวเท้าลงจากรถหลังจากเบิร์ตเปิดประตูให้ท่ามกลางชายในชุดสูทสีดำที่เข้าแถวเป็นระเบียบเพื่อรอต้อนรับผู้มาถึง
“คูดีฟอ”เหล่าชายในชุดสูทสีดำกล่าวขึ้นพร้อมๆกัน เรย์ได้แต่พยักหน้าเรียบๆเป็นการตอบรับ หากจะแปลภาษาเอ็กโซเซียเป็นไทยมันคงแปลได้ว่า...ฝ่าบาทผู้อยู่เหนือหัว...
เรย์เดินไปตามทางจนมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ภายในตัวบ้าน เขาทิ้งตัวลงนั่งยังโซฟาทอดสายตาไปยังจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า
“ท่านรู้ตัวรึเปล่าท่านทำงานสะเพร่าขนาดไหนท่านรัฐมนตรีกลาโหม”เรย์พูดไปยังภาพชายที่ถูกฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ด้วยภาษาเอ็กโซเซีย
“มีเรื่องอันใดรึฝ่าบาท”รัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแห่งเอ็กโซเซียตอบกลับด้วยหัวใจที่สั่นไหว นี่ขนาดคุยกันผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เล็นเขายังรู้สึกหวั่นใจกับสายตาขององค์หญิงรัชทายาทได้ขนาดนี้ หากตอนนี้อยู่ต่อหน้ากันเขาคงจะแย่เป็นแน่
“ท่านหาโรงเรียนให้เราภาษาอะไร ท่านรู้มั้ยว่าลูกสาวกงศุสใหญ่ของไทยเรียนอยู่ห้องเดียวกับเรา และเธอเองก็จำเราได้ด้วย”
“กระหม่อมมิทราบ...ฝ่าบาทโปรดทรงอภัย แต่เดี๋ยวกระหม่อนจะติดต่อกับท่านกงศุลให้จัดการเรื่องลูกสาวทันที”
“จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร...ท่านจะต้องให้อีกกี่คนรู้กันว่าเรามาอยู่ที่นี่....ที่เรามาพูดคุยกับท่านวันนี้เพียงเพื่อเราอยากให้ท่านปรับปรุงการทำงานของท่าน....ส่วนเรื่องลูกสาวท่านกงสุลเราจะจัดการเอง”
“ครับกระหม่อม”อีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาเองแถบรู้สึกอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อต้องมามองดวงตาที่เยือกเย็นขององค์รัชทายาท
“อีกอย่างนะท่านรัฐมนตรี...บอดี้การ์ดที่ท่านส่งมาติดตามเรา ทั้งที่อยู่ภายนอกและในโรงเรียน เราอยากจะบอกว่าฝีมือแย่มาก ขนาดเรายังรู้ว่าถูกติดตามแล้วอย่างนี้นะหรือท่านจะให้มาคุ้มครองเรา”
“เอ่อ......................”ตอนนี้ตัวรัฐมนตรีได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ปัญหาเก่าหมดไปปัญหาใหม่ดันเข้ามาหาเขาซะแล้ว
“หากท่านยังส่งคนไร้ความสามารถเช่นนั้นมาอีก ก็จงอย่าส่งมาซะดีกว่า เราว่าหากจะให้คนเหล่านั้นคุ้มครองเรา เราขอคุ้มครองตัวเราเอง....”
“ครับกระหม่อน หม่อนฉันจะรีบจัดการเรื่องดังกล่าว”
“เราฝากเรื่องทางนู่นด้วยแล้วกัน ทำอะไรก็คิดให้รอบครอบหน่อยนะท่านรัฐมนตรี.....หากท่านยังไม่อยากให้เราสิ้นชีพ”
“คูดีฟอ”รัฐมนตรีตอบรับพร้อมกับเป็นการสิ้นสุดการสนทนา เรย์รับรู้ได้ดีว่ารัฐมนตรีคงฝันหนีดีฝ่อหน้าดูกับคำพูดเรียบๆแต่เยือกเย็นของเขา แม้แต่เบิร์ตผู้รู้ใจเขาที่สุดตอนนี้ยังถึงกับก้มหน้า
“เราไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมท่านพ่อ ท่านแม่ถึงได้ส่งเราไปอยู่กับพระสหาย”เรย์พูดพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบ
“ทำไมรึฝ่าบาท”เบิร์ตเงยหน้าถามคำถามที่สงสัย
“หากเราอยู่ที่เอ็กโซเซียคงได้สิ้นชีพในเร็ววันเพราะการทำงานของท่านรัฐมนตรี....และหากเรามาอยู่กับเบิร์ตที่นี่ คนอื่นคงมองเราเป็นพวกผิดกฎหมาย แก็งมาเฟีย หรือพวกค้ายาบ้าล่ะมั้ง”เรย์ยกชาขึ้นจิบอีกครั้งหลังจากพูดจบ
เบิร์ตได้แต่ยิ้มตอบเพราะเขาเข้าใจดี หากอยู่ที่เอ็กโซเซียคงจะเป็นอย่างที่ฝ่าบาทของเขาพูด แต่หากมาอยู่กับเขาที่นี่ถ้าทุกคนสงสัยก็คงไม่แปลกเพราะทั้งสถานที่ตั้งของบ้าน ที่อยู่ในซอยเปลี่ยวแถมยังมีชายชุดดำเดินกันให้ขวักไขว่คงมีคนมองไปทางที่ดีได้น้อยแน่ๆ
“แล้วฝ่าบาทจะเสด็จกลับเลยมั้ย”
“อืม.....แต่เดี๋ยวระหว่างทางเบิร์ตช่วยแวะร้านขายยาให้เราหน่อยนะ”
“ฝ่าบาททรงประชวรส่วนใดรึ”เบิร์ตถามกลับด้วยแววตาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด
“เปล่า...ไม่ใช่เรา เราจะซื้อยาไปให้นิ้ง”
“ฝ่าบาทต้องการยาอะไร กระหม่อมจะจัดเตรียมให้ เพราะที่นี่ก็มีพร้อมทุกอย่างจะได้ไม่ลำบากพระองค์”
“แต่เราอยากซื้อด้วยตัวเราเอง”คำพูดด้วยน้ำเสียงคมกริบของเรย์ถือเป็นการจบบทสนทนาไปโดยปริยายเพราะอีกฝ่ายไม่กล้าโต้แย้งกลับ
..
เรย์เดินทางกลับไปยังบ้านของนิ้งโดยไม่ลืมที่จะแวะร้านยาเพื่อซื้อยาที่เขาต้องการ ไปฝากหญิงสาวที่ตอนนี้เขารู้สึกสนใจเป็นพิเศษ
................................................
“นิ้งกินข้าวได้แล้วลูก เย็นแล้วนะ”เสียงตะโกนของแม่ปลุกนิ้งจากการนอนหลับที่แสนจะเป็นสุขของเธอ วันนี้เธอใช้เวลาทั้งวันอยู่แต่เพียงในห้องของเธอเองเพื่อนั่งอ่านกระทู้ที่มีนักเรียนในโรงเรียนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข่าวรักสามเศร้าที่ชมรมหนังสือพิมพ์นั่งเทียนเขียนขึ้นมา และมันก็มาซวยที่เธอเอง
กระทู้นักเรียนส่วนใหญ่เป็นไปอย่างที่เธอคิดทุกคนต่างเทใจไปเข้าข้างแอล ดาวโรงเรียนผู้สุดแสนจะเพอร์แฟ็ก ผิดกลับม้าดีดกะโหลกอย่างเธอ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเรื่องจริงมันคืออะไรก็เถอะแต่พอมานั่งอ่านกระทู้ที่ไม่มีคนเชียร์เธอเท่าไหร่มันก็ทำให้มีอาการเซ็งเหมือนกัน.....
นิ้งบิดลูกบิดประตูและก้าวเท้าออกนอกห้องแต่ก่อนที่เธอจะดันประตูให้ปิดลง สายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นถุงยาที่ถูกแขวนอยู่ที่ลูกบิดประตูภายนอกห้องทำให้เธอต้องหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะเดินหิ้วถุงยานั้นลงไปยังห้องทานข้าวพร้อมกับตัวเธอด้วย
“มาช้านะนิ้ง เรย์นั่งรอนานแล้วเกรงใจเขาบ้างซิลูก”พ่อนิ้งตำหนิลูกสาวตัวเองพร้อมกับมองถุงยาในมือที่นิ้งถือมาด้วย
“โทษค่ะพ่อ...ว่าแต่พ่อกับแม่ซื้อยานี่มาให้หนูเหรอ แล้วทำไมไม่เอาไปไว้ในห้องล่ะค่ะ เอาไปแขวนไว้ที่ลูกบิดประตูทำไม”นิ้งเลื่อนเก้าอี้และนั่งลงข้างๆแม่ของเธอเองโดยมีเรย์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม
“พ่อกับแม่ได้ซื้อมาที่ไหนล่ะ.......กลับจากทำงานก็ตรงมาบ้านเลย”ผู้เป็นแม่เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้เรย์
“ขอบคุณค่ะ”เรย์ตอบเบาๆพร้อมกับตักกับข้าวเข้าปาก
“รึว่า......เรย์ซื้อมาให้เราเหรอ”นิ้งจ้องมองไปยังเรย์ที่ตอนนี้ยังคงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแต่พยักหน้ารับน้อยๆและทานข้าวต่อไป
พ่อ แม่ และนิ้งได้แต่อมยิ้มกับความอ่อนโยนที่ทั้ง 3 รู้สึกได้จากเรย์ แม้เขาจะเป็นคนเงียบขรึมพูดน้อยแต่จิตใจก็อ่อนโยนมากทีเดียว
การทานข้าวจบลงทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่ต้องการโดยเฉพาะเรย์ซึ่งขอแยกตัวออกมาเพื่อปล่อยให้คนทั้ง 3 ได้มีเวลาส่วนตัวอยู่กันเป็นครอบครัวบ้าง
“ก๊อกๆๆ”เสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากเรย์ขึ้นมายังห้องนอนของตัวเองไม่นาน
“เอามาได้ค่ะ...ประตูไม่ได้ล็อค”เรย์พูดเรียบๆพร้อมกับปิดหนังสือเล่มหนาที่อยู่ในมือลง
“อ้าวนิ้ง...มีอะไร”
“เราอยากมาขอบใจ”
“เรื่องอะไร”
“ก็เรื่องที่เรย์ ซื้อยามาให้เราไง”นิ้งพูดพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ภายในห้อง
“ไม่เป็นไร...เรื่องแค่นั้นเอง”
“ว่าแต่เรามารบกวนเรย์รึเปล่า”
“ไม่ๆ เราแค่อ่านหนังสือเรื่อยเปื่อย”เรย์ก้มมองหนังสือในมือและเงยหน้าขึ้นมามองนิ้ง
“เรื่องอะไรเหรอ”นิ้งถามด้วยสีหน้าสนใจจนเรย์เดินเข้ามา นั่งลงบนโซฟาข้างๆเธอพร้อมกับส่งหนังสือในมือเขาให้กับนิ้ง
“ยาวาสลุยบลิอู”
“แปลว่าอะไรเหรอ”นิ้งจ้องไปยังหนังสือปกแข็งเล่มหนาที่ถูกเรย์ส่งมาให้พร้อมกับพลิกหน้ากระดาษไปมาซึ่งมันล้วนแต่เป็นภาษาที่เธออ่านไม่ออก
“ฉันรักเธอ”
“หะ....ห๊า”นิ้งเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ
“มันแปลว่าฉันรักเธอ...เป็นภาษารัสเซียน่ะ นิ้งตกใจอะไร”
“ปะ..เปล่าหรอก”นิ้งยิ้มแหยๆด้วยความอาย จะให้พูดไปได้ยังไงล่ะว่าเมื่อกี้เธอหลงคิดไปซะได้ว่าเขาบอกรักเธอ
“เรย์เก่งนะรู้ตั้งหลายภาษา”นิ้งเปลี่ยนเรื่องพูดพร้อมกับส่งหนังสือคืนให้กับเรย์
“ก็ต้องเรียน...มันจำเป็น”
“เกี่ยวกับที่เรย์เป็นลูกครึ่ง 4 ชาตินั่นรึเปล่าถึงต้องเรียนให้ได้ทั้ง 4 ภาษา”
“ก็คงใช่”
“มิน่าล่ะเรย์ถึงบอกเราว่า ไม่ดีอย่างที่คิด...ตอนที่เราบอกว่าเป็นลูกครึ่งตั้ง 4 ชาติก็ดีน่ะซิ”
“งั้นมั้ง”เรย์ตอบด้วยรอยยิ้ม นิ้งเข้าใจไปคนละทางกับเรย์เลยทีเดียว คำว่าไม่ดีอย่างที่คิดของเรย์หมายถึงปัญหาในการครองราชย์จากการเป็นลูกครึ่ง 4 ชาติของเขาต่างหากไม่ใช่เพราะต้องมาเรียนภาษา ยิ่งคิดรอยยิ้มยิ่งปรากฏบนใบหน้าของเขาจนนิ้งสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่จ้องมองรอยยิ้มนั้น
รอยยิ้มที่ดูจะเป็นภาพสโลด์ในสมองของเธอ รอยยิ้มที่เธอยังไม่เคยเห็นเขายิ้มกับใคร ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของเขามันช่างสะกดให้เวลารอบๆตัวเธอดูช้าลง......
“นิ้ง....นิ้ง”
“หะ..หาอะไร”นิ้งสะดุ้งนิดๆเมื่อโดนอีกฝ่ายเรียก
“เหม่ออะไร”
“เปล่าๆ งั้นเราไปล่ะนะ....คืนนี้ฝันดีนะเรย์”นิ้งพูดพร้อมกับลุกเดินไปที่ประตูโดยมีเรย์เดินตามไป
“ฝันดีเช่นกัน”เรย์ตอบกลับพร้อมกับที่นิ้งเปิดประตูและปิดมันลงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว
หากเขาไม่ต้องบอกฝันดีเธอยังไงคืนนี้เธอก็ต้องฝันดีอยู่แล้ว เพราะได้เห็นรอยยิ้มที่มันทำให้เธอมีความสุข และรอยยิ้มนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอจนถึงตอนนี้
.........................................
ความคิดเห็น