ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รักหมดใจนายองค์รัชทายาท(ทอมดี้)

    ลำดับตอนที่ #3 : ตกเป็นข่าว

    • อัปเดตล่าสุด 23 เม.ย. 52


    (ตกเป็นข่าว)

    ………………………….

    ลมหายใจ..ทั้งหัวใจ...เธอหยุดยั้งวันเวลาแค่เราได้พบกันในวันนี้แค่พบเจอกับเธอ......เสียงเพลงจากโทรศัพท์ดังขึ้นในยามเช้าจนนิ้งต้องเอื้อมมือไปหยิบมารับสายด้วยท่าทางงัวเงีย

     

    อะไรวะปลา โทรมาแต่เช้า

     

    เช้าบ้าอะไรนี่มันจะ 8 โมงแล้ว แหกตาดูซิแกปลาตะเบ็งเสียงกลับจนนิ้งต้องเลื่อนโทรศัพท์ให้ออกห่างจากหู

     

    เออ...แต่ฉันโทรไปบอกแกตั้งแต่เมื่อคืนแล้วไงว่าวันนี้ฉันไม่ไปโรงเรียน คอยังเคล็ดอยู่เลยเนี่ย

     

    รู้แล้ว..แต่ที่ฉันโทรมาหาแกเนี่ยเพราะฉันมีข่าวใหญ่จะบอก

     

    ข่าวอะไรนิ้วพูดพร้อมขมวดคิ้วเข้าหากันอย่างสงสัย

     

    แกลองไปเปิดเว็บไซต์ของโรงเรียน แล้วเข้าบอร์ดชมรมหนังสือพิมพ์ซิ แล้วแกจะรู้เอง

     

    แล้วแกจะบอกฉันตอนนี้เลยไม่ได้รึไงวะปลา

     

    ไม่ได้โว้ย...ฉันอยากให้แกเห็นเองกับตาวะนิ้ง แล้วอีกอย่างนี่ฉันกำลังจะเข้าแถวแล้วด้วย งั้นแค่นี้นะแกสิ้นเสียงของปลาโทรศัพท์ก็ถูกตัดสายลงท่ามกลางความสงสัยของนิ้ง จนเธอเองต้องชันตัวลุกขึ้นจากที่นอนตรงไปยังเครื่องคอมพิวเตอร์เพื่อเข้าไปยังเว็บไซต์โรงเรียนตามคำบอกเล่าของเพื่อนสาว

     

    ........................................................

     

    อ๊าย......................เสียงกรี๊ดดังออกมาลั่นบ้านจนเรย์เปิดประตูเข้ามาดู

     

    เป็นอะไรนิ้งเรย์ถามเสียงเรียบสายตาจ้องมองยังหญิงสาวที่นั่งอยู่หน้าคอมพิวเตอร์พร้อมกับใช้มือทั้ง 2 ข้างของเธอกุมศีรษะ

     

    เรย์....ไม่ได้ไปโรงเรียนเหรอนิ้งหันกลับมามองเรย์ด้วยความตกใจอย่างคาดไม่ถึง

     

    ไม่ไป...วันนี้เรามีธุระต้องไปทำ...ว่าแต่นิ้งกรี๊ดทำไมเรย์ถามพร้อมกับเดินเข้าไปใกล้นิ้งจนสายตาของเขาไปสะดุดกับหน้าจอคอมพิวเตอร์ที่ปรากฏข้อความสีชมพูตัวใหญ่ว่า

     

    ......ลือสนั่น!รักสามเศร้าของพวกเขาสามคน.....

    ศึกช่วงชิงหัวใจนักเรียนแลกเปลี่ยนเริ่มต้นขึ้นแล้วเมื่อ 2 สาว ประธานชมรมเทควันโดและประธานชมรมดนตรีคลาสสิคเปิดศึกกันกลางโรงยิม โดยมีเรย์นักเรียนแลกเปลี่ยนเป็นคนกลาง

    ...ศึกครั้งนี้เกิดขึ้นในคาบกิจกรรมชมรมเมื่อเรย์ไปนั่งดูนิ้งประธานชมรมเทควันโดซ้อม แต่ในขณะที่เรย์กำลังนั่งดูนิ้งอยู่นั้นกลับมีอีกหนึ่งสาวนั่นคือ แอลดาวโรงเรียนและประธานชมรมดนตรีคลาสสิคเข้าไปพูดคุยกับเรย์ จนนิ้งไม่มีกะจิตกะใจจะซ้อมจนพลาดท่าโดนรุ่นน้องเตะสลบ เรย์ที่เห็นเหตุการณ์ถึงกับพุ่งตัวเข้าไปช้อนร่างของนิ้งด้วยความเป็นห่วงและนำส่งห้องพยาบาลทันที ท่ามกลางสายตาที่เศร้าสลดของแอลที่มองมายังคนทั้งคู่...

     

    รู้สึกว่าศึกนี้จะน่าติดตามเป็นอย่างยิ่ง เรย์จะเทใจไปฝ่ายใดทุกคนโปรดติดตามข่าวความรักของทั้ง 3 คนนี้ได้ในบอร์ดชมรมหนังสือพิมพ์....(ชมรมหนังสือพิมพ์)

     

    เรย์หันมามองหน้านิ้งสีหน้าของเรย์ยังคงเรียบเฉย จนนิ้งคิดว่าเรย์คงไม่มีความรู้สึกใดๆกับเรื่องที่เกิดขึ้น ซึ่งมันผิดกับเธออย่างสิ้นเชิงที่พออ่านจบก็แทบจะลมจับ

     

    ขะ..ข่าวมั่วซั่ว...นิ้งพูดแก้เก้อก่อนจะเลื่อนเมาส์คลิกปิดเว็บไซต์

     

    อืม...สมองสร้างสรรค์ดีนะชมรมหนังสือพิมพ์น่ะ.....เขียนได้เป็นเรื่องเป็นราว

     

    เรย์ไม่ทุกข์ร้อนเหรอ..หรือตกใจน่ะ

     

    ไม่นี่...มันไม่ใช่เรื่องจริง เดี๋ยวทุกอย่างก็คงเงียบไปเองเป็นคำพูดที่เรียบๆของเรย์แต่มันกลับทำให้นิ้งเจ็บแปลบที่หัวใจอย่างไม่รู้สาเหตุ เธอได้แต่ฝืนพนักหน้าตอบรับช้าๆ

     

    งั้นเราไปก่อนนะนิ้ง

     

    จะไปไหนเหรอนิ้งตั้งคำถามทั้งๆที่รู้ดีว่ามันเป็นเรื่องส่วนตัวของเรย์ แต่เธอก็อดที่จะถามไม่ได้

     

    หาลุงเบิร์ต...มีธุระทางบ้านต้องไปทำ

     

    อืม...แล้วนี่เรย์จะไปยังไงล่ะ

     

    ลุงเบิร์ตมารับ...งั้นเราขอตัวแล้วกันเรย์หันหลังเดินออกจากห้องทิ้งไว้แต่เพียงสาวน้อยที่ยังคงลำพึงลำพันกับข่าวที่เกิดขึ้นต่อไป วันนี้ตัวเขาเองมีเรื่องที่จะต้องจัดการมากกว่าที่จะมามัวสนใจกับข่าวในตอนนี้

    ...............................

     

    เรย์ขึ้นไปนั่งบนรถยุโรปสีดำคันเดิมเพื่อออกเดินทางไปยังเป้าหมายที่ต้องการ โดยมีเบิร์ตทำหน้าที่เป็นสารถีขับรถให้เขาอีกเช่นเคย

     

    รถยนต์แล่นเข้าสู่ถนนเล็กๆที่ค่อนข้างเปลี่ยวจนรถแล่นเข้ามาจนสุดซอย จึงได้พบกับบ้านหลังใหญ่ที่มีกำแพงอิฐสีแดงขนาดใหญ่และประตูรั้วเหล็กทีมีชายในชุดสูทสีดำ 2 คนยืนเฝ้าอยู่หน้าประตู

     

    ประตูถูกเปิดออกพร้อมกับรถยนต์ได้แล่นเข้าสู่ตัวบ้านพร้อมกับจอดนิ่งสนิทเมื่อถึงเป้าหมายการเดินทาง

     

    เรย์ก้าวเท้าลงจากรถหลังจากเบิร์ตเปิดประตูให้ท่ามกลางชายในชุดสูทสีดำที่เข้าแถวเป็นระเบียบเพื่อรอต้อนรับผู้มาถึง

    คูดีฟอเหล่าชายในชุดสูทสีดำกล่าวขึ้นพร้อมๆกัน เรย์ได้แต่พยักหน้าเรียบๆเป็นการตอบรับ หากจะแปลภาษาเอ็กโซเซียเป็นไทยมันคงแปลได้ว่า...ฝ่าบาทผู้อยู่เหนือหัว...

     

    เรย์เดินไปตามทางจนมาถึงห้องโถงขนาดใหญ่ภายในตัวบ้าน เขาทิ้งตัวลงนั่งยังโซฟาทอดสายตาไปยังจอมอนิเตอร์ขนาดใหญ่ที่อยู่ตรงหน้า

     

    ท่านรู้ตัวรึเปล่าท่านทำงานสะเพร่าขนาดไหนท่านรัฐมนตรีกลาโหมเรย์พูดไปยังภาพชายที่ถูกฉายอยู่บนจอมอนิเตอร์ด้วยภาษาเอ็กโซเซีย

     

    มีเรื่องอันใดรึฝ่าบาทรัฐมนตรีกระทรวงกลาโหมแห่งเอ็กโซเซียตอบกลับด้วยหัวใจที่สั่นไหว นี่ขนาดคุยกันผ่านวีดีโอคอนเฟอร์เล็นเขายังรู้สึกหวั่นใจกับสายตาขององค์หญิงรัชทายาทได้ขนาดนี้ หากตอนนี้อยู่ต่อหน้ากันเขาคงจะแย่เป็นแน่

     

    ท่านหาโรงเรียนให้เราภาษาอะไร ท่านรู้มั้ยว่าลูกสาวกงศุสใหญ่ของไทยเรียนอยู่ห้องเดียวกับเรา และเธอเองก็จำเราได้ด้วย

     

    กระหม่อมมิทราบ...ฝ่าบาทโปรดทรงอภัย แต่เดี๋ยวกระหม่อนจะติดต่อกับท่านกงศุลให้จัดการเรื่องลูกสาวทันที

     

    จะทำเช่นนั้นได้อย่างไร...ท่านจะต้องให้อีกกี่คนรู้กันว่าเรามาอยู่ที่นี่....ที่เรามาพูดคุยกับท่านวันนี้เพียงเพื่อเราอยากให้ท่านปรับปรุงการทำงานของท่าน....ส่วนเรื่องลูกสาวท่านกงสุลเราจะจัดการเอง

     

    ครับกระหม่อมอีกฝ่ายตอบกลับด้วยน้ำเสียงสั่นๆ เขาเองแถบรู้สึกอยากจะเป็นลมให้รู้แล้วรู้รอดเมื่อต้องมามองดวงตาที่เยือกเย็นขององค์รัชทายาท

     

    อีกอย่างนะท่านรัฐมนตรี...บอดี้การ์ดที่ท่านส่งมาติดตามเรา ทั้งที่อยู่ภายนอกและในโรงเรียน เราอยากจะบอกว่าฝีมือแย่มาก ขนาดเรายังรู้ว่าถูกติดตามแล้วอย่างนี้นะหรือท่านจะให้มาคุ้มครองเรา

     

    เอ่อ......................ตอนนี้ตัวรัฐมนตรีได้แต่กลืนน้ำลายอึกใหญ่ลงคอ ปัญหาเก่าหมดไปปัญหาใหม่ดันเข้ามาหาเขาซะแล้ว

     

    หากท่านยังส่งคนไร้ความสามารถเช่นนั้นมาอีก ก็จงอย่าส่งมาซะดีกว่า เราว่าหากจะให้คนเหล่านั้นคุ้มครองเรา เราขอคุ้มครองตัวเราเอง....

     

    ครับกระหม่อน หม่อนฉันจะรีบจัดการเรื่องดังกล่าว

     

    เราฝากเรื่องทางนู่นด้วยแล้วกัน ทำอะไรก็คิดให้รอบครอบหน่อยนะท่านรัฐมนตรี.....หากท่านยังไม่อยากให้เราสิ้นชีพ

     

    คูดีฟอรัฐมนตรีตอบรับพร้อมกับเป็นการสิ้นสุดการสนทนา เรย์รับรู้ได้ดีว่ารัฐมนตรีคงฝันหนีดีฝ่อหน้าดูกับคำพูดเรียบๆแต่เยือกเย็นของเขา แม้แต่เบิร์ตผู้รู้ใจเขาที่สุดตอนนี้ยังถึงกับก้มหน้า

     

    เราไม่แปลกใจแล้วว่าทำไมท่านพ่อ ท่านแม่ถึงได้ส่งเราไปอยู่กับพระสหายเรย์พูดพร้อมกับยกแก้วน้ำชาขึ้นมาจิบ

     

    ทำไมรึฝ่าบาทเบิร์ตเงยหน้าถามคำถามที่สงสัย

     

    หากเราอยู่ที่เอ็กโซเซียคงได้สิ้นชีพในเร็ววันเพราะการทำงานของท่านรัฐมนตรี....และหากเรามาอยู่กับเบิร์ตที่นี่ คนอื่นคงมองเราเป็นพวกผิดกฎหมาย แก็งมาเฟีย หรือพวกค้ายาบ้าล่ะมั้งเรย์ยกชาขึ้นจิบอีกครั้งหลังจากพูดจบ

     

    เบิร์ตได้แต่ยิ้มตอบเพราะเขาเข้าใจดี หากอยู่ที่เอ็กโซเซียคงจะเป็นอย่างที่ฝ่าบาทของเขาพูด แต่หากมาอยู่กับเขาที่นี่ถ้าทุกคนสงสัยก็คงไม่แปลกเพราะทั้งสถานที่ตั้งของบ้าน ที่อยู่ในซอยเปลี่ยวแถมยังมีชายชุดดำเดินกันให้ขวักไขว่คงมีคนมองไปทางที่ดีได้น้อยแน่ๆ

     

    แล้วฝ่าบาทจะเสด็จกลับเลยมั้ย

     

    อืม.....แต่เดี๋ยวระหว่างทางเบิร์ตช่วยแวะร้านขายยาให้เราหน่อยนะ

     

    ฝ่าบาททรงประชวรส่วนใดรึเบิร์ตถามกลับด้วยแววตาเป็นกังวลอย่างเห็นได้ชัด

     

    เปล่า...ไม่ใช่เรา เราจะซื้อยาไปให้นิ้ง

     

    ฝ่าบาทต้องการยาอะไร กระหม่อมจะจัดเตรียมให้ เพราะที่นี่ก็มีพร้อมทุกอย่างจะได้ไม่ลำบากพระองค์

     

    แต่เราอยากซื้อด้วยตัวเราเองคำพูดด้วยน้ำเสียงคมกริบของเรย์ถือเป็นการจบบทสนทนาไปโดยปริยายเพราะอีกฝ่ายไม่กล้าโต้แย้งกลับ

     

    ………………………..

     

    เรย์เดินทางกลับไปยังบ้านของนิ้งโดยไม่ลืมที่จะแวะร้านยาเพื่อซื้อยาที่เขาต้องการ ไปฝากหญิงสาวที่ตอนนี้เขารู้สึกสนใจเป็นพิเศษ

    ................................................

     

    นิ้งกินข้าวได้แล้วลูก เย็นแล้วนะเสียงตะโกนของแม่ปลุกนิ้งจากการนอนหลับที่แสนจะเป็นสุขของเธอ วันนี้เธอใช้เวลาทั้งวันอยู่แต่เพียงในห้องของเธอเองเพื่อนั่งอ่านกระทู้ที่มีนักเรียนในโรงเรียนเข้ามาแสดงความคิดเห็น เกี่ยวกับข่าวรักสามเศร้าที่ชมรมหนังสือพิมพ์นั่งเทียนเขียนขึ้นมา และมันก็มาซวยที่เธอเอง

     

     กระทู้นักเรียนส่วนใหญ่เป็นไปอย่างที่เธอคิดทุกคนต่างเทใจไปเข้าข้างแอล ดาวโรงเรียนผู้สุดแสนจะเพอร์แฟ็ก ผิดกลับม้าดีดกะโหลกอย่างเธอ ถึงแม้เธอจะรู้ว่าเรื่องจริงมันคืออะไรก็เถอะแต่พอมานั่งอ่านกระทู้ที่ไม่มีคนเชียร์เธอเท่าไหร่มันก็ทำให้มีอาการเซ็งเหมือนกัน.....

     

    นิ้งบิดลูกบิดประตูและก้าวเท้าออกนอกห้องแต่ก่อนที่เธอจะดันประตูให้ปิดลง สายตาของเธอกลับเหลือบไปเห็นถุงยาที่ถูกแขวนอยู่ที่ลูกบิดประตูภายนอกห้องทำให้เธอต้องหยิบมันขึ้นมาดู ก่อนจะเดินหิ้วถุงยานั้นลงไปยังห้องทานข้าวพร้อมกับตัวเธอด้วย

     

    มาช้านะนิ้ง เรย์นั่งรอนานแล้วเกรงใจเขาบ้างซิลูกพ่อนิ้งตำหนิลูกสาวตัวเองพร้อมกับมองถุงยาในมือที่นิ้งถือมาด้วย

     

    โทษค่ะพ่อ...ว่าแต่พ่อกับแม่ซื้อยานี่มาให้หนูเหรอ แล้วทำไมไม่เอาไปไว้ในห้องล่ะค่ะ เอาไปแขวนไว้ที่ลูกบิดประตูทำไมนิ้งเลื่อนเก้าอี้และนั่งลงข้างๆแม่ของเธอเองโดยมีเรย์นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม

     

    พ่อกับแม่ได้ซื้อมาที่ไหนล่ะ.......กลับจากทำงานก็ตรงมาบ้านเลยผู้เป็นแม่เป็นฝ่ายพูดขึ้นบ้างพร้อมกับตักกับข้าวใส่จานให้เรย์

     

    ขอบคุณค่ะเรย์ตอบเบาๆพร้อมกับตักกับข้าวเข้าปาก

     

    รึว่า......เรย์ซื้อมาให้เราเหรอนิ้งจ้องมองไปยังเรย์ที่ตอนนี้ยังคงทำตัวปกติเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น เรย์ไม่ได้ตอบอะไรกลับมาเพียงแต่พยักหน้ารับน้อยๆและทานข้าวต่อไป

     

    พ่อ แม่ และนิ้งได้แต่อมยิ้มกับความอ่อนโยนที่ทั้ง 3 รู้สึกได้จากเรย์ แม้เขาจะเป็นคนเงียบขรึมพูดน้อยแต่จิตใจก็อ่อนโยนมากทีเดียว

     

    การทานข้าวจบลงทุกคนต่างแยกย้ายกันไปทำในสิ่งที่ต้องการโดยเฉพาะเรย์ซึ่งขอแยกตัวออกมาเพื่อปล่อยให้คนทั้ง 3 ได้มีเวลาส่วนตัวอยู่กันเป็นครอบครัวบ้าง

     

    ก๊อกๆๆเสียงเคาะประตูดังขึ้นหลังจากเรย์ขึ้นมายังห้องนอนของตัวเองไม่นาน

     

    เอามาได้ค่ะ...ประตูไม่ได้ล็อคเรย์พูดเรียบๆพร้อมกับปิดหนังสือเล่มหนาที่อยู่ในมือลง

     

    อ้าวนิ้ง...มีอะไร

     

    เราอยากมาขอบใจ

     

    เรื่องอะไร

     

    ก็เรื่องที่เรย์ ซื้อยามาให้เราไงนิ้งพูดพร้อมทิ้งตัวลงนั่งบนโซฟาตัวเล็กที่อยู่ภายในห้อง

     

    ไม่เป็นไร...เรื่องแค่นั้นเอง

     

    ว่าแต่เรามารบกวนเรย์รึเปล่า

     

    ไม่ๆ เราแค่อ่านหนังสือเรื่อยเปื่อยเรย์ก้มมองหนังสือในมือและเงยหน้าขึ้นมามองนิ้ง

     

    เรื่องอะไรเหรอนิ้งถามด้วยสีหน้าสนใจจนเรย์เดินเข้ามา นั่งลงบนโซฟาข้างๆเธอพร้อมกับส่งหนังสือในมือเขาให้กับนิ้ง

     

    ยาวาสลุยบลิอู

     

     

    แปลว่าอะไรเหรอนิ้งจ้องไปยังหนังสือปกแข็งเล่มหนาที่ถูกเรย์ส่งมาให้พร้อมกับพลิกหน้ากระดาษไปมาซึ่งมันล้วนแต่เป็นภาษาที่เธออ่านไม่ออก

     

    ฉันรักเธอ

     

    หะ....ห๊านิ้งเงยหน้าขึ้นด้วยความตกใจ

     

    มันแปลว่าฉันรักเธอ...เป็นภาษารัสเซียน่ะ นิ้งตกใจอะไร

     

    ปะ..เปล่าหรอกนิ้งยิ้มแหยๆด้วยความอาย จะให้พูดไปได้ยังไงล่ะว่าเมื่อกี้เธอหลงคิดไปซะได้ว่าเขาบอกรักเธอ

     

    เรย์เก่งนะรู้ตั้งหลายภาษานิ้งเปลี่ยนเรื่องพูดพร้อมกับส่งหนังสือคืนให้กับเรย์

     

    ก็ต้องเรียน...มันจำเป็น

     

    เกี่ยวกับที่เรย์เป็นลูกครึ่ง 4 ชาตินั่นรึเปล่าถึงต้องเรียนให้ได้ทั้ง 4 ภาษา

     

    ก็คงใช่

     

    มิน่าล่ะเรย์ถึงบอกเราว่า ไม่ดีอย่างที่คิด...ตอนที่เราบอกว่าเป็นลูกครึ่งตั้ง 4 ชาติก็ดีน่ะซิ

     

    งั้นมั้งเรย์ตอบด้วยรอยยิ้ม นิ้งเข้าใจไปคนละทางกับเรย์เลยทีเดียว คำว่าไม่ดีอย่างที่คิดของเรย์หมายถึงปัญหาในการครองราชย์จากการเป็นลูกครึ่ง 4 ชาติของเขาต่างหากไม่ใช่เพราะต้องมาเรียนภาษา ยิ่งคิดรอยยิ้มยิ่งปรากฏบนใบหน้าของเขาจนนิ้งสาวน้อยที่นั่งอยู่ข้างๆได้แต่จ้องมองรอยยิ้มนั้น

     

    รอยยิ้มที่ดูจะเป็นภาพสโลด์ในสมองของเธอ รอยยิ้มที่เธอยังไม่เคยเห็นเขายิ้มกับใคร ใบหน้าที่เปื้อนไปด้วยรอยยิ้มของเขามันช่างสะกดให้เวลารอบๆตัวเธอดูช้าลง......

     

    นิ้ง....นิ้ง

     

    หะ..หาอะไรนิ้งสะดุ้งนิดๆเมื่อโดนอีกฝ่ายเรียก

     

    เหม่ออะไร

     

    เปล่าๆ งั้นเราไปล่ะนะ....คืนนี้ฝันดีนะเรย์นิ้งพูดพร้อมกับลุกเดินไปที่ประตูโดยมีเรย์เดินตามไป

     

    ฝันดีเช่นกันเรย์ตอบกลับพร้อมกับที่นิ้งเปิดประตูและปิดมันลงด้วยหัวใจที่เต้นระรัว

     

    หากเขาไม่ต้องบอกฝันดีเธอยังไงคืนนี้เธอก็ต้องฝันดีอยู่แล้ว เพราะได้เห็นรอยยิ้มที่มันทำให้เธอมีความสุข และรอยยิ้มนั้นยังคงตราตรึงอยู่ในหัวใจของเธอจนถึงตอนนี้

    .........................................

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×