ตอนที่ 4 : ซีเรียล
คณะสถาปัตยกรรมศาสตร์
“เชี้ยซี มึงต้องช่วยกูนะเว้ย ไม่งั้นกูได้แดกเอฟแน่ๆเทอมนี้”
“สมนำหน้า! ทีตอนจารย์แกสั่งมึงเวิ่นเว้อไปไหนตั้งนาน”
“โถ่ ก็ตอนนั้นกูอกหักไงเพื่อน นะ นะเพื่อนซี”
“เออ! มึงแม่ง”
คนหล่อได้แต่ส่ายหน้าเบื่อหน่าย ไอ้ตอนอกหักละแม่งไม่คิดว่าเอฟจะตามมา พออาจารย์เร่งก็มานั่งคร่ำครวญ แล้วกูจะได้หลับได้นอนไหม เคลียร์งานตัวเองแล้วแต่งานเพื่อนเข้ามาค้ำคอเนี่ย ไอ้จะไม่ช่วยก็ดูจะใจร้ายใจดำเกินไป แต่กูสงสารร่างกายกูเนี่ย นอนสามชั่วโมงมากี่วันแล้ว
“มึงอย่าทำหน้าแบบนั้น จบงานกูเลี้ยงข้าว”
“มึงคิดว่าแค่เลี้ยงข้าวแล้วจบ?”
“เออๆ ไม่จบอยากได้อะไรกูจะหามาประเคนให้มึงถึงที่เลยเพื่อนรัก ขอแค่มึงไปนั่งต่อโมช่วยกูพอ”
เนี่ยพอถึงเวลาจวนเจียนแม่งก็ชอบล่อด้วยข้อเสนอตลอด แล้วผมมันก็พวกอ่อนไหวง่ายด้วยดิ
“แล้วมึงละไอ้ต้า เสร็จแล้ว?”
“แน่นอน กูมันคนมีความรับผิดชอบไม่เหมือนมึงนะเชี้ยบาส”
คนที่พึ่งส่งงานไปเมื่อเช้าส่งยิ้มหล่อโชว์เหนือ
“คร้าบบบ กูมันคนไม่เอาไหน กูมันห่วย พอใจยัง”
“เออไอ้ซี เมื่อวานหลังจากที่มึงกลับไปแล้วอะพี่เก้าเขาถามหามึงนะ”
“ถามหาไมวะ”
คนหล่อเลิกคิ้วสงสัยว่ารุ่นพี่ปี5 ถามหาตนทำไม
“เขาก็ถามว่าทำไมมึงรีบกลับ เชี้ยแม่งถามเหมือนไม่รู้ว่าพี่เขาคิดไงกับมึงอะ”
บางทีก็เบื่อความทำซื่อไม่รู้เรื่องของเพื่อนตัวเอง ทั้งๆที่เขารู้กันทั่วว่าพี่เก้าคิดยังไงกับมัน พี่เขาชัดเจนมาตลอดว่าชอบและจีบอยู่ แต่เพราะไอ้เพื่อนตัวดีมันไม่สนไม่เล่นด้วยใช้ความเฟรนลี่กลบความรู้สึกจนบางครั้งก็สงสารพี่เขาอยู่ไม่น้อย
“แต่กูไม่ได้คิด”
“มึงไม่ลองเปิดใจให้พี่เขาดูวะ กูว่าไม่น่าเสียหายนะ หน้ามึงหวานขนาดนี้หาผัวง่ายกกว่าหาเมียนะเพี้ยน!”
“เชี้ยบาส เดี๋ยวกูเทงานมึงแล้วจะแซวไม่ออก”
“ขอโทษครับ กูขอโทษ”
ซีเรียลเป็นผู้ชายที่ติดไปทางน่ารักยิ้มหวานมากกว่าทางหล่อ แต่ถ้าแต่งให้หล่อก็คือสาวๆยอมควักหัวใจถวายหัวให้ แต่เพราะเรียนหนักงานเยอะไม่มีเวลาคนหล่อเลยเลือกที่จะปล่อยเซอร์แล้วแต่อารมณ์ไปวันๆ แล้วความเซอร์มันก็ออกไปทางน่ารักมากกว่าหล่อเนี่ยดิปัญหา
ยิ่งเวลาคนหล่อยิ้มแล้วเห็นรอยบุ๋มข้างแก้มยิ่งทำใจคนมองสั่นไหว บวกกับบุคคลิกเฟรนลี่ขี้เล่นยิ้มง่ายคุยง่ายยิ่งทำให้ใครหลายคนอยากรู้จักอยากเข้าใกล้ เรียกว่ามีทั้งผู้ชายผู้หญิงที่หมายตาคนๆนี้อยู่ไม่น้อย แต่เจ้าตัวก็ไม่เคยคบใครซักคน
“ช่างเรื่องนั้นก่อน หาแดกข้าวเหอะ กูไม่ได้แดกไรมาตั้งแต่เมื่อวาน”
“อย่างมึงแดกเกมก็อิ่มละต้า กูเห็นมึงนั่งกดอยู่ได้ทั้งวัน”
“อย่างน้อยคนติดเกมอย่างกูก็มีความรับผิดชอบละหว้า”
“เข้าตัวจนได้กู ไปๆแดกข้าว”
เถียงกันตามประสาเพื่อนซี้ที่คบกันมานานพอหอมปากหอมคอทั้งสามคนก็เดินลงจากตึกมุ่งหน้าไปที่โรงอาหารกลางที่อยู่ไม่ไกลจากคณะ
เนื่องจากคณะสถาปัตยกรรมศาสตร์อยู่ใกล้โรงอาหารกลางของมหาวิทยาลัย ทางคณะเลยไม่มีโรงอาหารในตัวคณะเหมือนคณะอื่น เด็กถาปัตย์ส่วนมากก็มากินกันที่โรงอาหารกลาง บ้างก็ออกไปกินข้างนอกซะส่วนใหญ่
“แดกไรเชี้ยบาส กูเห็นมึงยืนอ่านเมนูมาเป็นชาติละ”
“คิดอยู่ อย่าเร่ง เร่งแล้วกูคิดไม่ออก แล้วไอ้ซีละ”
“โน้น”
ต้าชี้ไปที่ร้านขายข้าวแกงร้านประจำของเพื่อนที่พอเดินเข้ามาในโรงอาหารซีมันก็มุ่งหน้าไปที่ร้านประจำ ไม่ต้องมายืนเครียดคิดหาเมนูเหมือนพวกตนสองคน
“แล้วมึงกินไรวะ”
“ก๋วยเตี๋ยว คิดนานกว่านี้กูไม่ได้กินแน่ๆ”
“ป้าครับ เอาแกงจืดกับแกงเขียวหวานครับ”
“ได้คับ รอแป๊บนะลูก”
ร่างสูงยืนอยู่หน้าร้านขายข้าวแกงเจ้าประจำที่ชอบมากินตั้งแต่ปี1 จนสนิทกับคนขายกำลังมองอาหารหลากหลายอย่างในถาด แต่มีไม่กี่อย่างที่ตนชอบกิน
“ของซีได้แล้วลูก”
“ขอบคุณครับ”
ร่างสูงรับจานข้าวมาพร้อมกับยื่นตังค์ให้คนขายก่อนจะเดินกลับมาที่โต๊ะที่มีเพื่อนสองคนนั่งรอหน้าสร่อนอยู่
“ไม่เบื่อหรอวะ ”
มองกับข้าวในขานแล้วก็เงยหน้าขึ้นมาถามเพื่อน มันกินแบบนี้อาทิตย์หนึ่งซักสามสี่วันได้
“เบื่ออะไร?”
“ก็ข้าวแกงไง กินทุกวัน กูไม่เถียงว่าป้าเขาทำอร่อย แต่มึงไม่เบื่อเลยหรอวะ”
ที่ต้องถามแบบนี้เพราะซีมันกินข้าวร้านป้าเขาทุกวันจริงๆ กินมาตั้งแต่ปี1 จนตอนนี้ปี4 มันก็ยังกินอยู่แต่ร้านเดียวมีบ้างบางวันที่มันอยากกินอะไรเส้นๆมันถึงแว๊บไปร้านก๋วยเตี๋ยวแต่ส่วนใหญ่มันก็ชอบกินข้าวที่ร้านป้าเขาประจำ
“กูชอบ”
คนหล่อตอบเพื่อนเสร็จก็ก้มหน้าลงกินข้าวต่อ
“วันนี้โรงอาหารคนเยอะจัง ”
ระหว่างกินข้าวต้าก็มองไปรอบๆก่อนจะโพร่งออกมา ตาก็มองคนนู้นคนนี้เป็นปกติ
“ก็เยอะเป็นปกติทุกวันมั้ยวะ วันไหนไม่เยอะเนี่ยดิแปลก”
“ก็จริง”
“ไอ้นั้นมันมองไรวะ”
“ใคร?”
บาสหันไปสะกิดต้าที่นั่งอยู่ข้างๆให้หันไปมองกลุ่มกลุ่มหนึ่งที่กำลังมองมาที่พวกตน ดูช็อปที่ใส่ก็รู้ว่าเป็นพวกวิศวะ
”มองเราหรอวะ”
“มองผีหลอกมั้ง กูเห็นมันมองมาตั้งนานแล้วโดยเฉพาะไอ้หล่อนั้น”
นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ
