ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ราชันย์วีรชน

    ลำดับตอนที่ #1 : เด็กสาวไร้ชีวา(รีไรท์)

    • อัปเดตล่าสุด 16 ส.ค. 63


    ข้าถูกสร้างขึ้นมาจากความคิดที่ว่าอยากจะได้อาวุธที่เเข็งเเกร่ง อันตราย เเละเชื่อฟัง ผู้ที่สร้างข้าขึ้นมานั้นพยายามอย่างมากที่จะทำให้ข้ากลายเป็นสุดยอดอาวุธ น่าเศร้าที่มันดันกลายเป็นข้าเสียได้


    นามของข้าคือคูกะ เป็นผลการสร้างอาวุธที่ผิดพลาด เพราะข้าสามารถเลือกที่จะไม่ฟังคำสั่งของผู้ที่สร้างข้าขึ้นมาได้ ข้ารู้ดีว่าตัวข้านั้นไม่เป็นที่ต้องการของใคร ไม่เเม้กระทั่งคนที่ควรจะเป็นเเม่ของข้าเองก็ตามที


    "เจ้ามันก็เเค่ความผิดพลาดของข้า"นั่นคือคำพูดล่าสุดที่ท่านเเม่ได้พูดกับข้า นับตั้งแต่นั้นเป็นต้นมาท่านก็ไม่เคยพูดคุยกับข้าอีก ไม่เเม้เเต่จะโผล่ออกมาให้ข้าได้เห็นหน้าเลยด้วยซ้ำไป


    นี่เเหละคือเรื่องราวของข้า

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    .

    ณ เวลา 21:40 น.


    "เเล้ว.....มีเหตุผลอะไรรึเปล่าที่คุณเดินทางมายังเมืองเเห่งนี้?"ภายในรถขันนึงที่กำลังขับเคลื่อนเข้าไปยังเมืองเเห่งหนึ่ง มีชายในชุดคลุมคนนึงที่นั่งอยู่หลังรถกำลังจ้องมองไปยังนอกตัวรถอย่างเหม่อลอย เขาสวมชุดคลุมอยู่จึงทำให้ไม่มีใครมองเห็นใบหน้าภายใต้ชุดคลุมนั้น


    "ไม่มีอะไรเป็นพิเศษ.......เจ้าทำหน้าที่ของเจ้าไปเถอะ"เป็นการใช้คำพูดที่ค่อนข้างสำหรับคนในยุคนี้ สมัยนี้ไม่มีใครเขาใช้คำว่าข้า เจ้ากันเเล้ว เเต่คนขับรถก็เลือกที่จะไม่ถามอะไรต่อ เพราะคิดว่าอีกฝ่ายคงไม่ชอบให้ใครมายุ่งเรื่องของตัวเอง


    "อ่า.....ถึงเเล้วครั---"ยังไม่ทันที่คนขับรถจะพูดจบ ชายในชุดคลุมก็วางเงินจำนวนมากไว้ตรงเบาะที่นั่ง จากนั้นจึงเปิดประตูรถเเล้วเดินออกไป โดยที่ไม่สนใจว่าเขาจะต้องเอาเงินทอนเลยเเม้เเต่น้อย


    "เกลียดบรรยากาศภายในเมืองเสียจริง....."เสียงของรถที่ดังอยู่ทุกนาที เสียงของผู้คนที่เดินผ่านไปผ่านมา เสียงทะเลาะต่อยตีที่ดังเป็นช่วงๆ นี่เเหละคือความน่ารำคาญที่ใครหลายคนไม่อยากจะเจอหรือยุ่งเกี่ยว มันทั้งน่ารำคาญเเละสร้างปัญหา


    "เป็นไปได้ข้าจะขอไม่เข้าเมืองอีก"เมื่อกล่าวจบชายในผ้าคลุมก็เริ่มเดินทางต่อ เขามุ่งตรงไปยังข้างหน้า ไปยังภูเขาที่อยู่หลังเมืองเเห่งนี้ หนีออกไปให้ไกลจากความวุ่นวายภายในเมือง เเต่ระหว่างทางที่เดินนั้นเขาก็พบเข้ากับใครบางคนเข้าพอดี....


    "เหตุใดเด็กน้อยเช่นเจ้าถึงได้ออกมาเดินนอกบ้านในยามวิกาลเช่นนี้?"สิ่งที่ขายในชุดคลุมเห็นก็คือ เด็กสาวร่างเล็กที่กำลังเดินไปเรื่อยๆอย่างเหม่อลอย ดวงตาไร้ชีวิตชีวา เเละดูเหมือนว่าจะไม่มีใครสนใจเธอด้วย

    "....."เด็กน้อยไม่ตอบอะไรนอกจากเงยหน้าขึ้นมามองชายในชุดคลุมที่ไม่เเม้จะเห็นใบหน้าสักซีกนึงเลย


    "พูดมิได้รึ? หรือว่าเพราะสิ่งที่อยู่ในลำคอของเจ้ากัน"ไม่ว่าเปล่า ชายในชุดคลุมย่อตัวลงไปหาเด็กสาว พร้อมกับยื่นมือเข้าไปจับที่ลำคอของเด็กสาว มือของเขานั้นเป็นมือที่สวมชุดเกราะทับเอาไว้อยู่ ทำให้ความเย็นจากอากาศในตอนกลางคืนถูกสะสมอยู่ในมือของเขา


    วิ้ง~


    มีเเสงสว่างวาบเล็กน้อยปรากฏขึ้นมาที่มือของชายในชุดคลุม ก่อนที่ในไม่ช้าในมือของชายคนนั้นจะมีสิ่งมีชีวิตประหลาดเหมือนกับหนอนขนาดเท่ามือปรากฏขึ้นมาในมือของเขา


    "ปรสิต.....น่ารำคาญเสียจริง"


    เเผละ!


    ชายในชุดคลุมบีบร่างของหนอนตัวนั้นจนเเตกกระจุยคามือของเขา จากนั้นชายในชุดคลุมก็หันกลับมามองเด็กสาวที่จับไปตามลำคอของตัวเองด้วยดวงตาที่เบิกกว้างอย่างตกใจ


    "ไม่มี......เเล้ว"หนอนที่ถูกชายในชุดคลุมออกมาเป็นหนอนสายพันธุ์พิเศษที่ต้องถูกสร้างขึ้นมาจากมนุษย์เท่านั้น ไม่มีตามธรรมชาติ มันจะสามารถควบคุมอวัยวะบางส่วนของผู้ที่มันเข้าไปอยู่ได้ พวกจอมเวทย์ชอบใช้หนอนชนิดนี้ในการฆ่าคนโดยสั่งให้มันเข้าไปควบคุมหัวใจของเป้าหมายให้หยุดทำงาน เเต่ในกรณีของเด็กสาวคนนี้คือ ถูกควบคุมให้ไม่สามารถพูดได้


    "เจ้าเป็นใครกันเเน่เด็กน้อย? ถ้าเจ้าไม่สำคัญหรือเป็นที่เกลียดชังมากๆคงไม่มีใครเอาหนอนตัวนี้มาใส่เจ้าเเน่"เด็กสาวมีท่าทีลังเลว่าจะพูดออกมา ราวกับว่าเธอกำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่ เมื่อเห็นเช่นนั้นชายในชุดคลุมก็ลุกขึ้นมา


    "หากไม่อยากตอบก็เป็นสิทธิของเจ้า ข้าขอตัว"ชายในชุดคลุมไม่ได้อยากจะยุ่งเรื่องของคนอื่นมากนัก เเค่เห็นว่ามีเด็กน่าสงสารกำลังต้องการความช่วยเหลืออยู่ก็เลยอยากจะเข้าช่วย เเต่เรื่องต่อจากนั้นเขาก็จะไม่ขอยุ่งเเล้ว เว้นเเต่ว่าอีกฝ่ายอยากจะให้คนช่วย


    "....."


    เด็กสาวไม่มีทีท่าว่าจะตอบอะไรกลับมา ชายในชุดคลุมจึงลุกขึ้นเเละกำลังจะเดินออกไป เเต่ในจังหวะนั้นเอง.....


    เเปะ...


    เเปะๆๆๆๆๆๆๆ


    เม็ดฝนก็เริ่มล่วงหล่นสู่พื้นดินราวกับว่าฟ้ากลั่นเเกล้ง ผู้คนเริ่มพากันวิ่งกลับไปยังที่พักของตัวเองหรือไม่ก็หาที่หลบฝน หรือหยิบอะไรสักอย่างออกมาป้องกันน้ำฝน เเต่ไม่ใช่กับเด็กสาว เธอยืนนิ่งไม่ไหวติ่ง ทำเพียงจ้องมองชายในชุดคลุมด้วยสายตาเหม่อลอย


    "เหมือนโลกใบนี้อาจจะไม่ชอบเจ้าเเละข้าเสียเท่าไหร่นะ"ชายในชุดคลุมกล่าว ก่อนที่จะถอดชุดคลุมของตนเองออกเเละทำการสวมมันให้กับเด็กสาว ขนาดของชุดเริ่มเปลี่ยนไปตามขนาดร่างของผู้สวมอย่างเด็กสาวเเทน


    "คุณจะเปี---"


    "ข้าสวมเกราะอยู่ เจ้ามิเห็นรึ?"ใช่เเล้วชายในชุดคลุมนั้นสวมชุดเกราะอยู่ เป็นชุดเกราะที่มีลักษณะเเปลกประหลาด ไม่เคยมีใครพบเห็นหรือถูกบันทึกไว้ในหน้าประวัติศาสตร์ที่ไหนมาก่อน

    "กลับบ้านของเจ้าไปซะเด็กน้อย ช่วงเวลาเเละสภาพอากาศเเบบนี้ไม่เหมาะกับเด็กอย่างเจ้า"ชายคนนั้นกล่าว จากนั้นจึงลุกขึ้นเเละกำลังจะเดินออกไป เเต่ในจังหวะนั้นเอง เด็กน้อยก็คว้าจับมือของชายในชุดเกราะเอาไว้ซะก่อน ทำให้เขาต้องหันกลับมามองเธออีกครั้ง


    "หนู........กลัว"เเน่นอนว่าชายในชุดเกราะไม่รู้ว่าเด็กสาวคนนี้กลัวอะไร เเต่เเววตาที่เด็กสาวจ้องมองมายังเขานั้นเเสดงออกมาอย่างชัดเจนเลยว่ากำลังกลัวอะไรบางอย่างอยู่


    "เจ้าชื่ออะไรเด็กน้อย?"ชายในชุดเกราะกล่าวถาม


    "ซากุระ....ค่ะ"เด็กสาวตอบ


    "ซากุระสินะ......ข้ามีนามว่าคูกะ เอาเป็นว่าข้าจะให้เจ้าอยู่ด้วยสักพักนึงก็เเล้วกัน"ที่ยอมให้อยู่ด้วยเป็นเพราะว่าความสงสารล้วนๆ เเละตอนนี้ฝนก็เริ่มตกหนักมากเเล้ว ทำให้คูกะต้องยอมให้ซากุระมาอยู่กับตนด้วยชั่วคราว


    "ตามข้ามา"คูกะเริ่มเดินทางต่อโดยที่มีซากุระเดินตามมาติดๆ เธอดูหวาดกลัวต่อทุกสิ่งทุกอย่างรอบตัว จนไม่กล้าที่จะออกไปห่างจากคูกะเเม้เเต่น้อย คูกะยังคงมุ่งหน้าไปยังเส้นทางเดิม เขาเดินไปเรื่อยๆจนมาถึงภูเขาหลังเมืองที่เจอกับซากุระ


    "เจ้าเดินเองได้รึเปล่า?"การขึ้นเขาในช่วงที่ฝนตกนั้นค่อนข้างอันตราย เนื่องจากว่ามันจะเพิ่มความลาดชันให้กับพื้นเป็นอย่างมาก เเละยิ่งเป็นเด็กตัวน้อยๆอย่างซากุระเเล้วไม่ต้องพูดถึง อาจจะตกเขาไปเลยก็ได้


    หงึกๆ


    ซากุระพยักหน้ารับ เเต่ดูจากสีหน้าก็สามารถคาดการณ์ได้เลยว่าเธอไม่เเน่ใจ ที่พยักหน้าไปก็เพราะว่ากลัวจะถูกทิ้งเท่านั้น หรือไม่ก็กลัวว่าจะเป็นการรบกวนมากเกินไป คูกะมองดูซากุระเล็กน้อยก่อนที่จะเริ่มเดินขึ้นเขาไป การเดินทางขึ้นเขาสำหรับคูกะนั้นไม่ใช่เรื่องยากอะไร ออกจะง่ายมากๆเลยด้วยซ้ำ ส่วนทางด้านซากุระก็......


    ตุบ!


    เธอหกล้มกับพื้นอย่างเเรงเนื่องจากความลาดชัน ก่อนที่จะพยายามลุกขึ้นมาอย่างยากลำบาก ที่เข่าของซากุระมีรอยเเผลถลอกอยู่ คูกะทำเพียงมองเเละยืนรอให้ซากุระเดินมาถึงตนก่อนถึงจะเดินต่อ


    "เดินกันต่อได้เเล้ว"พอซากุระเดินมาถึงคูกะ เขาก็เริ่มเดินต่อทันที ไม่มีการช่วยพยุงใดๆ


    "....."ซากุระไม่มีท่าทีไม่พอใจอะไร เธอยังคงพยายามเดินตามคูกะให้ทันอย่างเงียบๆ เเต่ยิ่งเดินตามไปมากเท่าไหร่ ความลาดชันของภูเขาก็ยิ่งเพิ่มมากขึ้นเท่านั้น ทำให้เธอหกล้มบ่อยขึ้นเรื่อยๆ จนกระทั่ง....


    "!!!"


    พื้นที่ซากุระเหยียบถล่มลงไป....


    หมับ


    เเต่เธอก็ไม่ได้ตกลงไปพร้อมกับดินเหล่านั้น ซากุระค่อยๆเงยหน้าขึ้นมามองคูกะที่ใช้มือข้างนึงเอื้อมมาจับเธอเอาไว้ เขาไม่ได้พูดอะไร ทำเพียงวางร่างของซากุระลงข้างๆตนเองอย่างเบามือ


    "เดิน"น้ำเสียงของคูกะนั้นดูเย็นชามากๆ คนที่พึ่งเคยเจอกันครั้งแรกเมื่อได้ยินเสียงของเขาคงจะกลัวเป็นเรื่องธรรมดา


    "ค่ะ...."ซากุระขานรับเเละเริ่มเดินอีกครั้ง เเต่สิ่งที่เเตกต่างไปก็คือ ครั้งนี้คูกะเดินอยู่ข้างๆเธอ ไม่ได้เดินนำหน้าเธอเหมือนตอนเเรก พอเธอเดินไปได้สักพักก็กำลังจะล้มลงไปอีกครั้ง


    หมับ


    เเต่ก็ได้คูกะยื่นมือเข้ามาประคองร่างของเธอเอาไว้ ทำให้เธอไม่ล้มลงไปอีก ซากุระกระพริบตาปริบๆพร้อมกับเงยหน้าขึ้นมามองคูกะ เขายังคงเลือกที่จะไม่พูดอะไรมากนอกจาก


    "เดินต่อสิ"เเล้วมันก็กลายเป็นเเบบนี้เรื่อยๆ เมื่อซากุระกำลังจะล้มคูกะก็จะเข้ามาประคองร่างของเธอเอาไว้ ทำเเบบนี้ไปเรื่อยๆจนซากุระเริ่มมีความชำนาญในการเดินขึ้นเขามากขึ้น เธอเริ่มรู้ว่าตรงไหนควรเหยียบไม่ควรเหยียบ จนตอนนี้เธอไม่ได้ล้มอีกเเล้ว


    "ถึงที่หมายเเล้ว"คูกะกล่าวขึ้นมา เพราะในที่สุดก็เดินมาถึงที่หมายเสียที มันเป็นบ้านหลังใหญ่ที่อยู่บนภูเขาสูงห่างไกลจากความวุ่นวายภายในตัวเมือง เงียบสงบ มีเพียงเสียงของธรรมชาติที่ยังคงดังอยู่ตลอดเวลา


    "ข้าเเละเจ้าจะพักที่นี่"คูกะกล่าวเเล้วจึงเดินไปยังบ้าน เเต่ก่อนที่จะไปไกลมากกว่านั้น เขาก็หันกลับมาพูดกับซากุระเสียก่อน


    "อย่าได้กลัวที่จะขอความช่วยเหลือ มิเช่นนั้นเจ้าอาจจะตายได้"ซากุระเอียงคอสงสัยอย่างงุนงง ซึ่งคูกะก็ไม่ได้ตอบความหมายที่เขาต้องการจะสื่อออกไป รอให้อีกฝ่ายสามารถตีความความหมายของประโยคนั้นออกมาเองได้ คูกะเดินเข้าไปในบ้านหลังนั้นโดยมีซากุระเดินมาตามมาติดๆ


    "มืดจัง..."ซากุระกล่าว


    "ข้ามิได้ใช้ที่นี่มานานมากแล้ว เเต่ก็น่าจะยังใช้ได้อยู่"คูกะนำมือของตนไปเเตะเข้ากับกำเเพงของตัวบ้านพร้อมกับส่งถ่ายพลังเวทย์เข้าไป


    วิ้ง~


    ทันทีที่ตัวบ้านได้รับพลังเวทย์ของคูกะ ไฟที่ดับอยู่ก็คิดขึ้นมาเองโดยอัตโนมัติ บ้านที่ดูมืดสนิทก็กลับมาสว่างไสวเหมือนดังเดิม ตัวบ้านไม่มีร่องรอยของฝุ่นหรือขยะเเต่อย่างใด เครื่องใช้ทุกอย่างอยู่ในสภาพสมบูรณ์พร้อมราวกับพึ่งถูกสร้างขึ้นมาไม่นานนี้


    "ต่อไปก็ได้เวลาที่เจ้าจะต้องอาบน้ำเเล้วเด็กน้อย"เนื่องด้วยที่ว่าซากุระหกล้มไปเยอะ ทำให้ร่างกายของเธอเต็มไปด้วยโคลน จึงจำเป็นที่จะต้องทำความสะอาดร่างกายของเธอให้เรียบร้อย คูกะจึงเริ่มปลดชุดของซากุระออกไป จนเธออยู่ในสภาพเปลือยเปล่า


    (คูกะไม่ใช่โลลิค่อนนะ เตือนไว้ก่อนสำหรับพวกใจบาปทั้งหลาย)


    "ตามข้ามา"คูกะนำพาซากุระเข้าไปยังห้องอาบน้ำ เขานำมือไปเเตะที่กำเเพงอีกครั้งนึงเพื่อเป็นการเปิดใช้งานเครื่องทำน้ำร้อนของบ้านหลังนี้ น้ำอุ่นๆไหลเข้าไปในอ่างอาบน้ำเรื่อยๆจนเต็ม คูกะจึงอุ้มซากุระเข้าไปในอ่างอาบน้ำ


    "อยู่นิ่งๆล่ะ"คูกะกล่าว


    "......"


    จากนั้นคูกะก็เริ่มทำการทำความสะอาดร่างกายของซากุระ เขาใช้มือลูบไปตามส่วนต่างๆอย่างเบามือ สระผมให้เล็กน้อย เเล้วจึงอุ้มซากุระออกมาเเต่งตัวให้เรียบร้อย


    "เจ้าอยากจะบอกหรือไม่ว่าเจ้ามีเหตุผลอันใดถึงได้ยอมมาพักกับคนเเปลกหน้าเช่นข้า เเทนที่จะเป็นบ้านเเสนปลอดภัยของเจ้า"ขณะที่คูกะกำลังเช็ดตัวให้กับซากุระอยู่นั้น เขาก็เอ่ยถามถึงเหตุผลที่ซากุระยอมตามเขามายังบ้านหลังนี้ จะมีสักกี่คนในโลกที่ยอมไปพักในบ้านของคนที่ไม่รู้จักหรือเคยเห็นหน้ามาก่อนอย่างง่ายๆเเบบนี้ เเถมยังต้องลำบากสุดๆกว่าจะมาถึงที่หมาย เเต่เด็กสาวตรงหน้าก็ยังเลือกที่จะพยายามตามเขามาให้ได้ ทำให้เขาอดสงสัยไม่ได้จริงๆว่าอะไรคือเหตุผลที่เธอตามเขามา


    "......"


    "ไม่ตอบสินะ"เมื่อเห็นว่าซากุระนิ่งเงียบไม่ยอมตอบอะไร คูกะก็ไม่มีความคิดที่จะถามต่อ เขาเดินไปหยิบเสื้อผ้าที่เตรียมเอาไว้ให้ซากุระออกมา เเน่นอนว่าเขาใช้เวทมนตร์ในการสร้างชุดๆนี้ เพราะเขาไม่ได้เตรียมชุดอะไรเอาไว้ให้ซากุระเลย มันเป็นชุดนอนสีชมพูธรรมดาๆที่ไม่มีลวดลายอะไรประดับเอาไว้ จากนั้นคูกะจึงสวมใส่ชุดนอนนี้ให้กับซากุระ


    "นี่ก็ดึกมากแล้ว คงถึงเวลาที่เด็กอย่างเจ้าจะต้องเข้านอน"คูกะกล่าวเเล้วจึงเดินนำหน้าซากุระไปยังห้องนอนบนชั้นสอง มันเป็นห้องที่ไม่ได้ตกเเต่งอะไร มีโต๊ะทำงาน มีตู้เสื้อผ้า มีเตียงนอน เเล้วก็อะไรอีกหลายอย่างที่ห้องนอนธรรมดาๆควรจะมี


    "ให้หนูนอนในห้องนี้หรอคะ....."ซากุระถามพร้อมกับมองไปรอบห้อง


    "ใช่.....หรือว่าเจ้านอนคนเดียวไม่ได้?"คูกะถาม เเต่ซากุระก็ไม่ได้ตอบอะไร เพียงเเต่ว่ากลิ่นอายรอบตัวของเธอเริ่มมีอารมณ์ของความกลัวปะปนเข้ามาอยู่ด้วย ทำให้คูกะพอจะเดาได้ว่า ซากุระไม่อยากจะนอนคนเดียว


    กลิ่นอายก็คือเอกลักษณ์ประจำตัวของเเต่ละคน มันจะปลดปล่อยออกมาเองโดยอัตโนมัติ เเละในหลายๆครั้ง กลิ่นอายก็มักจะเป็นตัวที่บอกถึงอารมณ์ความรู้สึกของคนๆนั้นด้วย หรือไม่ก็บอกถึงความเเข็งเเกร่งตามลักษณะของกลิ่นอายที่ปลดปล่อยออกมา มีเพียงนักสู้ตัวจริงเท่านั้นที่สามารถปกปิดกลิ่นอายของตัวเองเอาไว้ได้


    "เจ้าต้องอยู่คนเดียวให้ได้ ไม่มีใครที่อยู่ดูเเลเจ้าได้ตลอดหรอกนะ"คูกะกล่าว จากนั้นจึงเดินออกไปเเละปิดประตูห้องที่ซากุระพักอยู่ลง เเละคืนวันนี้ก็ผ่านไปอย่างเงียบสงบ ไม่มีสิ่งใดเข้ามาก่อกวน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×