ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    ดิ อาเคเรสต์

    ลำดับตอนที่ #2 : ความหลังที่ฝังใจ

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 18
      0
      23 ก.ค. 47

    ห้องอาหารเป็นบริเวณที่จัดเอาไว้อย่างสวยงามอยู่บนชั้นบนสุดของเครื่องบิน ซึ่งเรียกกันว่าชั้นดาดฟ้า เหตุที่เรียกเช่นนั้นก็เพราะว่ามันเป็นห้องอาหารที่เปิดโล่ง แม้จะบอกว่าเปิดโล่ง แต่ในความเป็นจริงนั้นมีบาเรียที่กั้นเอาไว้เพื่อไม่ให้มีใครโดนแรงลมพัดตกลงไป และยังมีข้อดีอีกอย่างก็คือ ถ้าวันไหนมีพายุ บาเรียนี้ก็จะสามารถปรับสภาพบรรยากาศให้ดูสดใสได้ภายใน และยังช่วยทำให้มีลมพัดเย็นสบาย อากาศก็สดชื่น และมีเสียงของธรรมชาติดังมาจากบริเวณน้ำตกจำลอง ซึ่งมีที่นั่งทำด้วยตอไม้กลมๆวางไว้รอบๆโต๊ะที่ทำจากตอไม้เช่นกัน หรือถ้าอยากได้อากาศและความร่มเย็นแบบบริสุทธิ์ของต้นไม้ ก็จะมีโต๊ะยอดไม้อันประกอบไปด้วยโต๊ะที่ดูเหมือนต้นไม้ต้นเล็กๆกับเก้าอี้ปุยเมฆไว้บริการ ซึ่งถ้าจะขึ้นไปนั่งก็ต้องขึ้นลิฟท์เล็กๆตรงโคนต้นไม้เพื่อขึ้นไป แต่ถ้าอยากจะนั่งฟังเพลงที่มีให้เลือกทั้งเพลงป็อบ -  แจ๊ส -  คลาสสิก - ร็อก ฮิปฮอปและอื่นๆอีก ก็จะมีบริการที่โต๊ะที่ดูเหมือนเปียโน รายล้อมด้วยเก้าอี้นั่งเอนหลังที่ปรับพนักพิงได้ โดยที่กลางโต๊ะนั้นจะมีเครื่องเลือกเพลงติดตั้งเอาไว้สำหรับกรณีที่คนทั้งโต๊ะเลือกเพลงเดียวกัน แต่ก็มีเครื่องเลือกเพลงแบบเดียวกันนี้ติดไว้ที่แขนเก้าอี้และมีหูฟังแขวนเอาไว้ด้วย สำหรับการฟังเพลงแบบต่างคนต่างฟัง



    วิธีสั่งอาหารก็ง่าย เพราะเมื่อเลือกนั่งที่โต๊ะแล้ว จะมีเมนูอาหารปรากฏขึ้นตรงหน้า เพียงกดเลือกชื่อก็เรียบร้อย และภายในไม่กี่นาทีอาหารก็จะถูกนำมาส่งให้ที่โต๊ะด้วยฝีมือของหุ่นยนต์ นอกจากนี้ ถ้าหากอยากอ่านหนังสือหลังจากรับประทานอาหารเสร็จแล้วก็ยังได้ ด้วยการกดเลือกเมนู \"สั่ง\" แล้วเลือก \"หนังสือ\" ก็จะมีรายชื่อหนังสือนับพันนับหมื่นเล่มมาปรากฏอยู่ตรงหน้า แต่ถ้ากลัวตาแฉะก่อนได้อ่านหนังสือก็จะมีระบบป้อนชื่อให้ โดยพิมพ์ชื่อหนังสือผ่านการใช้นิ้วจิ้มคีย์บอร์ดอิเล็กโทรนิกส์ เท่านี้ก็เรียบร้อย



    \"พวกเราจะนั่งตรงไหนกันดีล่ะ\" เคทถามอย่างตื่นเต้นเมื่อเห็นว่ามีโต๊ะให้เลือกนั่งมากมาย ทั้งสามมองไปมองมาอยู่ครู่หนึ่ง ก่อนที่จะตัดสินใจได้ว่า จะขึ้นไปนั่งบนต้นไม้กัน



    หลังจากนั่งหารายชื่ออาหารที่ถูกใจได้แล้ว โดยเคทเลือกทาน เนื้อสกาลาร์ฟอบเสิร์ฟพร้อมสลัดโดยเลือกเครื่องดื่มเป็น พิงค์ชาร์ม ซึ่งเป็นน้ำสีชมพูสดใสที่มีรสชาติเหมือนเป๊บซี่ผสมสไปรท์และบีบมะนาว เดวิดเลือก สเต๊กเนื้อ และดื่มกาแฟ ส่วนเอสเตลเลือกที่จะทาน ไก่อบราดซอส และเลือกดื่ม สปินนิ่งมิลค์ที ที่เป็นชานมปั่นจนมีฟองขึ้นฟูราดหน้าด้วยน้ำแอปเปิ้ลข้น แต่ยังไม่ทันที่อาหารกลางวันของพวกเขาจะถูกนำมาเสิร์ฟ เจมส์ก็ตามมาพร้อมกับแวนนี่ และชายหนุ่มอีกคนที่พวกเขาไม่รู้จัก



    \"นี่คือ วาเนสซ่า เรย์สัน หรือแวนนี่ ส่วนนี่ คือ วิกเตอร์  เรย์สัน พี่ชายของแวนนี่ ทั้งคู่เป็นลูกของคุณลุงของฉัน\" เจมส์แนะนำให้พวกเขารู้จักกัน ก่อนที่จะนั่งลงด้วยกัน โดยเจมส์เลือกนั่งข้างๆเอสเตลกับเดวิด แวนนี่นั่งข้างเดวิดและวิกเตอร์ก็นั่งลงข้างๆเธอ เท่ากับว่า เคทนั่งอยู่ระหว่างเอสเตลกับวิกเตอร์ และผู้มาใหม่สามคนก็สั่งอาหาร ซึ่งแวนนี่ก็เลือกที่จะทานตามเคท วิกเตอร์เลือกทานแบบเดวิด และเจมส์ก็เลือกทานเหมือนเอสเตลแต่เปลี่ยนเครื่องดื่มเป็น คอฟฟี่สปิน   ซึ่งเป็นกาแฟนมปั่นแทน และทั้งหมดก็เริ่มต้นคุยกันอย่างสนุกสนาน แวนนี่นั้นดูจะเข้ากันดีกับเคท วิกเตอร์เองก็คุยถูคอกับเดวิดและเอสเตล แต่ไม่รู้ว่าเพราะอะไร - - วาเนสซ่าเองดูเหมือนจะไม่ค่อยอยากคุยกับเอสเตลเลย



    หลังอาหารกลางวัน พวกเขาตัดสินใจแยกย้ายกันไป เดวิดตั้งใจจะไปอ่านหนังสือต่อ เคทเองอยากไปออกกำลังกาย ซึ่งก็ตรงกับความต้องการของวิกเตอร์ เจมส์เองนั้นตอนแรกตั้งใจไว้ว่าจะไปออกกำลังเหมือนกัน แต่เพราะวาเนสซ่าตามติดเขาราวกับเงาตามตัว เขาจึงตัดสินใจจะไปอ่านหนังสือกับเดวิดแทน เพราะวาเนสซ่าไม่ชอบอ่านหนังสือ ส่วนเอสเตลนั้น แยกไปคนเดียวโดดๆโดยไม่ได้บอกใครเอาไว้ว่าจะไปไหน แต่ก็นัดแนะกันเอาไว้แล้วว่าจะไปเจอกันที่ห้องอาหารตอนห้าโมงเย็น



    บริเวณที่เจมส์กับเดวิดเลือกไปอ่านหนังสือนั้นก็คือห้องสมุด ซึ่งเจมส์ชวนเดวิดไปนั่ง พอดีกับที่ด้านข้างๆนั้นเป็นห้องฟิตเนส วาเนสซ่าจึงไปสมทบกับเคทและวิกเตอร์ ส่วนเจมส์กับเดวิดหามุมสงบได้ที่ข้างๆห้องฟันดาบซึ่งเป็นส่วนที่แยกมาและอยู่ติดกับส่วนอ่านหนังสือกลางแจ้ง เมื่อทั้งสองนั่งลง เจมส์จึงสังเกตเห็นวิกเตอร์ที่เดินตามเข้ามา  



    \"อ้าว! วิก นายมาทำอะไรที่นี่ล่ะ ฉันนึกว่านายไปเล่นกีฬากับพวกเคทแล้วซะอีก\" เจมส์ร้องทัก วิกเตอร์ยิ้มให้เดวิด ก่อนจะนั่งลงแล้วหันมาทำหน้าเคร่งใส่เจมส์



    \"นายรู้จักเอสเตลมาก่อนรึเปล่า เจมส์\" วิกเตอร์ถาม เดวิดเงยหน้าขึ้นมาเมื่อรู้หัวข้อสนทนา - - เอสเตล



        เจมส์ทำหน้ายุ่งขึ้นมาทันที ถ้าเลี่ยงได้เขาก็ไม่อยากจะเอ่ยถึงเรื่องนี้ เพราะนี่เป็นเรื่องส่วนตัวของเขากับเธอ แล้วอีกอย่าง เขาไม่อยากจะไปรื้อฟื้นเรื่องนี้ขึ้นมาอีก ในเมื่อเขาเองสามารถปิด\"เธอ\"เอาไว้เป็นความลับภายในใจของเขาได้มาหลายปีแล้ว แต่ถ้าเขาไม่ตอบและปล่อยให้วิกเตอร์ไปขุดคุ้ยเอาเอง ก็จะเป็นที่แน่ใจได้ว่าความลับของเขาจะกลายเป็นเรื่องใหญ่ไปและอาจจะก่อให้เกิดความวุ่นวายจากวาเนสซ่าได้



        \"เอ่อ ใช่ ฉันเคยรู้จักเขามาก่อน\" เจมส์ตอบ หลังจากที่ผ่านการลังเลและการตัดสินใจ(อันไม่มั่นคง)ได้แล้ว



        \"รู้จักกันตั้งแต่เมื่อไหร่\"



        \"ขอคิดก่อนนะ ตอนอยู่เกรด10มั้ง ถ้าจำไม่ผิดนะ\"



        \"ทำไมไม่เคยบอกฉันบ้างเลย นายเก็บเงียบไว้ทำไมกัน\" วิกเตอร์เค้นเอาความจริงต่อ



        \"นายรู้ได้ไงว่าฉันเก็บเงียบ\" เจมส์แกล้งรวนเขา วิกเตอร์ตาถลน



        \"เพราะนายไม่เคยมีเพื่อน!\"



        ทันทีที่ประโยคนั้นหลุดออกมาจากปาก วิกเตอร์ก็เบิกตากว้างราวกับตกใจที่ได้ยินเสียงของตนพูดออกมา เดวิดซึ่งเฝ้ามองการโต้ตอบกันของคนทั้งสองสังเกตเห็นได้ในทันทีว่าเจมส์หน้าซีด และลุกขึ้นจากโต๊ะที่นั่งกันอยู่ เขาเดินไปยังรั้วลูกกรงที่กั้นเอาไว้ไม่ให้พื้นที่ฟันดาบล่วงล้ำเข้ามา วิกเตอร์เปิดปากจะพูด



        \"ฉันขอ . . .\" วิกเตอร์พูดอย่างกล้าๆกลัวๆ แต่ยังไม่ทันจบประโยคดี เจมส์ก็ขัดไว้



        \"นายไม่ต้องขอโทษฉันหรอก ฉันเองก็ผิดที่ไม่เคยบอกนายว่าฉันรู้จักเธอมาก่อน และฉันก็ยอมรับความจริงว่าฉันไม่เคยมีเพื่อน\" เจมส์พูด ใบหน้าของเขาดูปวดร้าวเมื่อพูดออกมา แต่เขาก็สูดลมหายใจเข้าลึกๆก่อนพูดต่ออย่างมั่นคงมากขึ้น

        \"ทำไมฉันไม่บอกนายงั้นหรือ? นายจำได้มั้ยว่ากิดอะไรขึ้นกับครั้งสุดท้ายที่ฉันพยายามแนะนำเพื่อนของฉันให้พวกนายได้รู้จัก แวนนี่วีนใส่เพื่อนของฉัน และเอาเค้กวันเกิดของฉันที่เพื่อนทำให้ปาใส่หน้าเขา ถ้าเป็นนายพาเพื่อนมาที่บ้านแล้วน้องสาวนายทำแบบนั้นกับเพื่อนของนายบ้างน่ะ นายจะรู้สึกยังไง\"



        \"แต่หลังจากวันนั้นเราก็ขอโทษแล้วนี่\" วิกเตอร์แย้งขึ้นมาเบาๆ



        \"นายขอโทษแล้วมันทำให้เพื่อนของฉันหายโกรธรึเปล่าล่ะ ไม่เลย\"



        \"นั่นคือเหตุผลงั้นหรอ เพราะเหตุการณ์วันนั้นทำให้นายไม่อยากให้พวกเรารู้ว่านายมีเพื่อนเหลืออยู่งั้นหรอ\"



        \"ก็ใช่ส่วนหนึ่งนะ แต่อีกอย่างนึงก็เพราะว่านายก็เห็นแล้วนี่ แวนนี่ไม่ชอบคนที่ - - \"



        \" - - สวยกว่า\" วิกเตอร์กับเจมส์พูดขึ้นมาพร้อมกัน เดวิดลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ และเดินไปดูการฟันดาบของคนอื่นๆด้านนอก



        \"งั้นนั่นก็เป็นเหตุผลจริงๆล่ะสิ ใช่ไหม ฉันยอมรับว่าเมื่อก่อนแวนนี่อาจจะเป็นอย่างนั้น แต่ตอนนี้มันไม่ใช่แล้วนี่ เขาโตขึ้นตั้งเยอะแล้วนะ อีกอย่างนึง เขาเกิดหลังฉันแค่เก้าเดือนกว่าๆเอง\" วิกเตอร์พูด



        \"นายไม่ได้สังเกตเลยเหรอว่าแวนนี่ไม่ได้พูดอะไรกับเอสเตลเลยน่ะทั้งที่คุยเข้ากันดีกับเคทแท้ๆ แต่ไม่คุยกับเอสเตลเลย\"



        \"อืม ก็จริงนะ เออ นี่ ฉันต้องขอโทษนายจริงๆนะที่พูดออกไปแบบนั้น อย่าโกรธฉันนะ ว่าแต่ นายคิดกับเอสเตลยังไง\" วิกเตอร์ขอโทษแต่กับทิ้งท้ายด้วยคำถาม



        \"ทำไมล่ะ หรือว่านาย - -\" เจมส์พูดขึ้น เขาตกใจนิดๆที่วิกเตอร์ถาม



        \"บ้า ฉันไม่ได้ชอบเขาหรอกนะ แต่ว่านะ เขาก็น่ารักดีไม่ใช่หรอ\"



        เจมส์เหม่อออกไป มองเห็นเดวิดคุยกับนักฟันดาบคนหนึ่งอยู่ เขานึกถึงเมื่อตอนที่เขาบอกรักเอสเตล นึกถึงตอนที่เอสเตลลาออกจากโรงเรียน นึกถึงตอนที่เขาทั้งคู่ไปขี่ม้าด้วยกัน และวันนั้นเองที่เป็นวันที่เธอบอกลาเขา แต่เขาในตอนนั้นก็ช่างโง่เง่าที่ไม่รั้งเธอเอาไว้ เขายังนึกถึงตอนที่เธอร้องไห้ ตอนที่เขาปลอบเธอ และตอนที่เขากับเธอเต้นรำกันในงานวันเกิดของเธอ - - เขาหมุนตัวกลับมาเผชิญหน้ากับวิกเตอร์ เขาพบว่าตัวเขาเองยิ้มนิดๆเมื่อคิดถึงสิ่งที่เขาอยากจะทำถ้า - -



        \"ถ้าฉันย้อนเวลาไปได้นะ ฉันจะไม่ปล่อยให้เขาจากฉันไปเลย\"



        ถึงตอนนี้ เดวิดเดินเข้ามาพอดีจึงได้ยินที่เจมส์พูด เขามองหน้าวิกเตอร์และหันไปมองหน้าเจมส์ซึ่งกำลังยิ้มอย่างสดชื่น วิกเตอร์เองเมื่อมองหน้าเจมส์ตามสายตาของเดวิด เขาก็รู้ได้ในทันทีว่า เขาไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้ของเพื่อนมานานเต็มทีแล้ว    



                   วิกเตอร์ยิ้มเห็นฟันกว้าง ตบบ่าเจมส์เบาๆ ก่อนจะกอดคอเจมส์เอาไว้ เจมส์เองก็กอดคอเดวิดเอาไว้



                   \"ขอให้นายสมหวังนะเพื่อน\"  



                    สามหนุ่มยืนยิ้มๆ กอดคอกัน เฝ้ามองพระอาทิตย์ที่กำลังเคลื่อนต่ำลงไปทุกที





                    พวกเขามารวมตัวกันที่โต๊ะอาหารเดิม หลังจากสั่งอาหารกันเรียบร้อยแล้ว ทุกคนก็เริ่มเสวนากันอีกเช่นเคย

                    

                   \"พวกนายไปทำอะไรกันมาบ้าง\" เคทถามอย่างร่าเริง ดูจากบรรยากาศ สามหนุ่มกำลังยิ้มๆดูเหมือนมีความลับบางอย่างระหว่างกันที่พวกสาวๆไม่อาจเข้าใจได้ เอสเตลนั้น นะเวลานี้ดูเธอผ่อนคลายขึ้นมาก และเริ่มพูดคุยกับวาเนสซ่าอย่างเป็นมิตรบ้างแล้ว

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×