คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #34 : บทที่3 กลับฝั่ง
บทที่3
กลับฝั่ง
หนึ่งเดือนต่อมา
คลื่นลมเงียบสงบปราศจากความโคลงเครงพาให้ใจของเหล่าทหารเรือราชนาวีไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในทะเลเบาใจลงมากที่ไม่ต้องเผชิญกับคลื่นลมแรงและความโคลงเคลงของเรือที่หากเกิดขึ้นสักครั้งนำพามาทั้งความมึนงงวิงเวียน
เมาคลื่นจนอาเจียนกันอยู่นานเลยทีเดียว
แต่ถึงคลื่นลมจะสงบแต่จิตใจของนายทหารเรือหลายนายที่ต้องออกเรือด่วนมาปฏิบัติราชการไกลถึงคาบสมุทรอินเดียกลับไม่สงบเช่นคลื่นลมไม่
ประจำเรือหลากหลายนายร้อนรนด้วยห่วงกังวลถึงครอบครัวถึงแม้ว่าเรือหลวงของพวกเขากำลังเคลื่อนตัวกลับฐานทัพเรือสัตหีบก็ตาม
หนึ่งในนั้นก็คือผู้การราชนาวีของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่มีปฏิกิริยาร้อนรน
หรือว้าวุ่นถึงคนบนฝั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เห็น
แต่ต้นเรือที่สนิทกับผู้การมากที่สุดรับรู้ดีว่าผู้การของพวกเขานั้นกำลังกังวลกว่าใคร
อันเนื่องมาจากข่าวสารจากพลเรือตรีสิรภัทรที่บอกมาว่าลูกสาวอันเป็นที่รักของผู้การหนุ่มและคนเป็นแม่นั้นได้พากันงอนหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพมหานครนานนับเดือนแล้วและไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง
“จริง ๆ เล้ย ทำอะไรไม่คิดตลอด
ถ้าเป็นลูกเมียผมนะผมจะตีก้นคนละทีสองที ไร้เหตุผลกันจริง ๆ
คอยดูนะกลับไปผมนี่แหละจะช่วยจับมาตีก้นทั้งแม่ทั้งลูก
โดยเฉพาะคนแม่จะตีให้หนักเลย”
เรือตรีรัชชานนท์ หรือผู้กองสีน้ำ ต้นเรือหนุ่มวัยยี่สิบเจ็ดบ่นขณะที่ยืนอยู่กับผู้การหนุ่มตามลำพัง
“กล้าตีเหรอ?” ราชนาวีถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่พูดไปอย่างนั้น
เอาเข้าจริงไม่กล้าทำอะไรหรอก
“โธ่!
ตั้งแต่เล็กจนโตเคยสักครั้งไหมล่ะที่ผมแตะยัยสีรุ้งได้”
รัชชานนท์ตอบไปตามความจริงพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อคิดไปถึงภรรยาของราชนาวี
ผู้ซึ่งเป็นพี่สาวฝาแฝดของเขาเอง
รัมภาภัสร์คนนั้นเป็นคนขี้งอนและเอาแต่ใจแต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณเธอได้เรียนศิลปะการต่อสู้มาไม่น้อยไปกว่าเขาเลย
อย่าว่าแต่จะจับมาตีก้นเลย แค่จะไปหยิกแก้มเจ้าหล่อนยังยาก
แถมยังเป็นแชมป์กีฬาเทควันโดระดับมัธยมอีกด้วย
“หึ แม่คุณมีทั้งเขี้ยว มีทั้งเล็บ พิษสงรอบตัว
คงคิดว่าจะรับมือได้กับทุกปัญหาถึงได้กล้าพาลูกทำอะไรแผลง ๆ
ความจริงพี่ก็คิดเหมือนนายนะน้ำ อยากจะจับมีตีก้นกันเสียให้เข็ด แต่พอคิดไปคิดมา
มันก็น่าโกรธถึงขั้นพากันงอนตุ๊บป่องไปอยู่หรอก วันเกิดลูกแท้ ๆ
พ่อยังออกเรือโดยไม่บอกไม่กล่าว” ผู้การหนุ่มร่ายยาวด้วยน้ำเสียงติดจะเศร้า
ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ด้วยในวันคล้ายวันเกิดของลูกสาวเกาะกินใจชายหนุ่มตั้งแต่วันแรกที่ต้องออกเรือ
ของขวัญที่ไปซื้อเตรียมไว้ให้ยังติดมือขึ้นเรือมาด้วยไม่ได้ฝากใครไปมอบให้
เขารู้ว่าเขาเองก็ทำไม่ถูกที่ไม่ได้บอกกล่าวใครไว้
แม้จะฉุกละหุกแต่เขาก็พอจะมีเวลาโทรศัพท์ไปบอกกล่าวแก่คนเป็นภรรยาแต่ก็ไม่ได้โทรไปบอกกล่าวด้วยว่าแต่ไหนแต่ไรมากับภรรยานั้นพูดกันหนึ่งคำทะเลาะกันสิบคำ
คุยกันสองคำเถียงกันยี่สิบคำอยู่เป็นประจำ
จึงตัดปัญหาไม่อยากทะเลาะด้วยการไม่โทรไป หวังฝากฝังแฝดผู้น้องของภรรยาที่ต้องโทรไปรายงานคนเป็นแม่ติดต่อไปบอกหญิงสาวด้วย
แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรัชชานนท์ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ฝั่งและด้วยหน้าที่ที่เร่งด่วนจึงทำให้หลงลืมไปว่ายังไม่ทันได้โทรไปบอกกล่าว
สุดท้ายสองแม่ลูกจึงทำฤทธิ์ แสดงอิทธิฤทธิ์ความไม่พอใจกันแบบแพ็คคู่
“เฮ้อ เขาไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา
เขาก็ไม่เข้าใจงานของเรา ผมว่านะคราวนี้ต้องเด็ดขาด เลิกเป็นเลิก
ไม่เลิกก็ต้องทำให้รักและเข้าใจหน้าที่ของเราแล้วล่ะ
ถ้าจะง้อกลับมาโดยไม่เด็ดขาดอีกหน่อยก็หอบกันไปอีก
กี่ครั้งแล้วที่ต้องไปตามถึงบ้าน พี่ไม่เบื่อเหรอ?”
“ก็จริงของนาย ใจเขาไม่อยู่กับเราเขาจะเข้าใจเราได้ยังไง”
ราชนาวีพูดแค่นั้นก่อนจะจมอยู่ในความคิดของตัวเองถึงเรื่องที่เขาควรจะตัดสินใจสักที
รัชชานนท์เลี่ยงออกมาเพื่อให้คนเป็นพี่เขยได้ขบคิด
เขาและราชนาวีรู้กันดีว่าคำว่าเข้าใจของทั้งคู่ไม่ได้หมายถึงเข้าใจในหน้าที่ของทหารเรือ
เพราะในเรื่องนี้รัมภาภัสร์รับรู้
เข้าใจและรู้ซึ้งมาแต่ไหนแต่ไรอยูแล้วเพราะว่าเกิดในครอบครัวทหารเรือ
แต่คำว่าเข้าใจนั้นหมายถึงเข้าใจจิตใจของราชนาวีว่ารู้สึกอย่างไรกับการต้องออกเรือในช่วงวันสำคัญของลูก
เมื่อใจไม่สื่อถึงกันก็ไม่สามารถจะสื่อสารให้บุคคลที่3อย่างลูกสาวเข้าใจได้แม้ว่าเด็กหญิงรัมภาวีร์จะฉลาดหลักแหลมเพียงใดก็ตาม
“รายงานผู้การ
ขณะนี้เรือประมงซึ่งทางด้านขวาของหัวเรือได้ติดต่อขอความช่วยเหลือเนื่องจากมีลูกเรือเจ็บป่วยและไม่มียารักษาครับผม”
นายทหารวิทยุเข้ามารายงานหลังจากที่ติดต่อสื่อสารทางวิทยุกับเรือประมงลำหนึ่งที่อยู่ในรัศมีสายตามองเห็น
“เคลื่อนเรือเข้าช่วยเหลือ”
คำสั่งของผู้การหนุ่มถูกถ่ายทอดไปเป็นทอด ๆ จนรับทราบทั่วถึงกันทุกคน
ไม่นานต่อจากนั้นเรือหลวงลำใหญ่ก็เคลื่อนเต็มฝีจักรเข้าไปใกล้เรือประมงลำดังกล่าวในทันที
แม้ว่าจะไม่อยู่ในภารกิจแต่เมื่อเรือลำดังกล่าวขอความช่วยเหลือมาและเป็นเรือสัญชาติไทย
พวกเขาก็อยู่ในความรับผิดชอบของราชนาวีไทย
ราชนาวีส่งแพทย์ทหารเข้าช่วยเหลือตรวจอาการคนเจ็บทันทีที่จอดเทียบกัน
เมื่อนายแพทย์ประจำเรือได้ตรวจอาการแล้วจึงมีการนำคนเจ็บเคลื่อนย้ายไปรักษาบนห้องพยาบาลบนเรือหลวง
“คนอื่น ๆ บนเรือร่างกายอ่อนแรงทำให้ภูมิคุ้มกันโรคต่ำลงอาจจะทำให้ได้รับเชื้อติดต่อจากคนป่วยได้
ควรพาขึ้นไปเฝ้าระวังบนเรือครับ”
นาวาตรีนายแพทย์ยศวินทร์รายงานก่อนจะมีการตัดสินใจเคลื่อนย้ายทุกคนขึ้นมายังเรือหลวงและลากเรือประมงเดินทางไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นลุงชื่น
ทำไมสภาพดูไม่ได้กันแบบนี้ ทำไมไม่กลับฝั่ง”
ราชนาวีถามไต้ก๋งเรือซึ่งแน่นอนว่าเคยพบปะพูดคุยกันมาก่อน
ถ้าเป็นเรือที่ออกหาปลาประจำ
และไม่ใช่หน้าใหม่เพิ่งมาริเริ่มทำอาชีพนี้นายทหารเรือทุกคนย่อมต้องรู้จักและเคยพูดคุยกันมา
เคยช่วยเหลือเผื่อแผ่กันมาแล้วทั้งนั้น
“เราเจอโจรสลัดครับผู้การ พวกมันปล้นเสบียงเราไปแล้วยังจับเมียกับน้องสาวไอ้เขตไปด้วย”
ลุงชื่น หรือไต้ก๋งชื่นบอกเล่าพร้อมกับพรั่งพรูลมหายใจ “ไอ้คนที่ป่วยน่ะครับ
คงจะตรอมใจที่เมียกับน้องถูกจับไปแล้วเพิ่งลงทะเลหาปลาครั้งแรกเลยเป็นแบบนี้”
“หมายความว่าตอนนี้เมียและน้องสาวของคนป่วยถูกจับไป”
“ใช่ครับ ผู้การช่วยด้วยเถอะนะ
ไอ้เขตมันพาลูกเมียมาอยู่ต่างถิ่นต่างที่
มาสมัครเป็นลูกเรือหาปลาเพื่อหารายได้ประทังชีวิต
นี่ลูกสาวมันก็ร้องไห้อยู่นั่นไง”
“มันไปทางไหนกัน แล้วผ่านมาแล้วกี่วัน”
“เมื่อคืนนี้ครับผู้การ มันไปทางนั้น
คงจะไปทอดสมอเติมน้ำมันที่อำเภอไหนสักอำเภอ เพราะว่าเรือมันใกล้จะหมดน้ำมัน
มันถามหาน้ำมันจากผมแต่ผมแอบซ่อนไว้บอกมันไปว่าไม่มีมันดูหัวเสียกันมาก”
“ต้นหน รายงานแผนที่จากจุดนี้ไปทางฝั่งขวา
ที่ใกล้ที่สุดคืออำเภออะไร”
“รายงานแผนที่จากจุดนี้ไปทางฝั่งขวาที่ใกล้ที่สุดคืออำเภอทุ่งตะโกครับ”
ต้นหนเรือรายงานก่อนที่ผู้การหนุ่มจะมีคำสั่งขีดเข็มเรือมุ่งหน้าไปยังอำเภอทุ่งตะโก
จังหวัดชุมพรทันที
แต่ไม่ทันที่จะถึงอำเภอดังกล่าวเรือหลวงของราชนาวีไทยก็ได้พบเข้ากับเรือของโจรสลัดที่ลอยคอหมดน้ำมันอยู่กลางทะเลเสียก่อน
เนื่องจากไม่มีน้ำมันและกำลังคนไม่มากกลุ่มโจรสลัดจึงถูกจับกุมโดยละม่อมก่อนจะลากเรือทั้งสองลำกลับท่าเทียบเรือสัตหีบไปด้วย
“ขอบคุณคุณทหารมากนะคะที่มาช่วยพวกเรา”
วิลาวรรณภรรยาของนายเขตคนป่วยเอ่ยหลังจากที่ถูกช่วยเหลือและพาตัวขึ้นมาในห้องพยาบาลเพื่อพบกับคนป่วย
“จะไปขอบคุณทำไมพี่วิลามันเป็นหน้าที่ของพวกเขา
พวกเขาน่าจะมาช่วยได้ก่อนที่ขวัญจะถูกพวกมันย่ำยีด้วยซ้ำ”
ขวัญใจน้องสาวของเขตเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า
แม้จะได้รับการช่วยเหลือแต่ตัวเธอก็ไม่เหลือสิ่งใดให้ภูมิใจ
“คุณครับ
พวกผมไม่ได้เป็นเรือตรวจการณ์ชายฝั่งนะ พวกผมเพิ่งกลับจากราชการ”
รัชชานนท์ชี้แจ้งให้ฟังเมื่อหญิงสาวมีทีท่าไม่พอใจ
แม้จะเห็นใจแต่ก็ไม่พอใจคำพูดคำจาของสาวเจ้าที่พวกเขาไปช่วยไม่ทัน
แม้ว่าจะเข้าใจแล้วแต่ด้วยความเสียใจขวัญตาจึงพาลไม่ยอมฟัง
หญิงสาวพยายามหลายครั้งที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อที่จะตายหนีนรกในใจ
เดือดร้อนถึงราชนาวีที่ต้องปลอบและห้ามปรามอยู่หลายครั้งจนหญิงสาวสงบจิตสงบใจได้
ราชนาวีคิดโล่งใจแต่รัชชานนท์กลับหนักใจเมื่อเห็นสายตาสาวเจ้าที่เปลี่ยนจากสิ้นหวังหมดอาลัยเริ่มกลายเป็นชื่นชมและหลงใหลราชนาวีเพิ่มขึ้นเรื่อย
ๆ
เอากับโชคชะตาสิ
ไม่ปล่อยเวลาให้ราชนาวีได้ทบทวนตัวเองก็พัดพาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่าสงสารมาหลงใหลในตัวชายหนุ่มเสียแล้ว
และดูท่าแม่สาวคนนี้จะไม่หยุดแค่หลงใหลเสียด้วย
ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือสาวเจ้าพยายามทอดสะพานให้ราชนาวีหลายครั้ง
กว่าเรือหลวงจะกลับฝั่งหญิงสาวก็ยังคงหาทางที่จะผูกสัมพันธ์กับราชนาวีอยู่เรื่อย
ๆ จนกระทั่งถึงฐานทัพเรือสัตหีบในช่วงเช้ามืด
“ฉันอยากทำงาน
ที่บ้านผู้การมีคนใช้รึเปล่าคะ ถ้าไม่มีรับฉันเข้าทำงานนะคะ
ฉันไม่อยากให้ตัวเองฟุ้งซ่าน”
“วิลากับเขตก็ไม่อยากทำงานบนเรือแล้วค่ะ
ผู้การหางานให้พวกเราได้ไหมคะ”
วิลาวรรณขอความช่วยเหลือด้วยไม่อยากให้น้องสาวสามีทำตัวประเจิดประเจ้อ
“งั้นก็มาเป็นคนสวนกับแม่บ้านที่บ้านผมไปก่อนแล้วกัน
แล้วผมจะหางานใหม่ที่ดีกว่านี้ให้ เพราะผมมีธุระที่ต้องไปทำยังไม่ว่าง”
ด้วยความเห็นใจในโชคชะตาของทั้งสี่คนชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอนี้ไปก่อนที่จะไหว้วานให้รัชชานนท์พาทั้งสี่ไปที่บ้านอีกหลังที่เขาซื้อไว้สำหรับพาหนูน้อยรัมภาวีร์ไปพักผ่อนช่วงปิดเทอมไม่ใช่บ้านพักทหารที่เขาอาศัยอยู่กับรัมภาภัสร์และเด็กหญิงรัมภาวีร์
หลังจากจัดการเรื่องของทั้งสี่เรียบร้อยแล้วผู้การหนุ่มก็ส่งรายงานภารกิจ
นำโจรสลัดส่งตำรวจและทำเรื่องขอลากิจในทันที
เมื่อได้รับการอนุมัติชายหนุ่มจึงกลับไปเปลี่ยนชุดและเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร
พ่อรักมาแล้ววววว
มาลุ้นกันจ้า
ความคิดเห็น