ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รึจะรักราชนาวี

    ลำดับตอนที่ #18 : ตอนที่9 ห่างกัน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      16
      3 พ.ค. 60

    ตอนที่9 ห่างกัน       

    "อย่าคิดมากน๊าเคน ไม่เป็นไรฉันยินดีช่วย" เสียงของเจ้าสมุทรทำให้แพรชมพูที่กำลังเดินลงบันไดชะงักไปแล้วค่อยๆเดินลงมา         

    "นายไม่ต้องเครียด จะบวชเมื่อไหร่ฉันจะได้ไปร่วมงานมั้ย" เจ้าสมุทรเอ่ยกับปลายสายโดยไม่รู้ตัวว่าแพรชมพูมายืนฟังอยู่ 'เธอไม่ได้แอบฟังนะบังเอิญมาได้ยินเฉยๆ'         

    "โอเคเพื่อน  อะไรที่ฉันล่วงเกินนายไปก็ขออโหสิด้วย แล้วฉันก็อโหสิให้นายทุกอย่าง ไม่ต้องคิดมาก เรื่องแค่นี้เอง" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะยิ้มออกมา 

    "เอานา อย่าคิดมาก แค่นี้ก่อนนะเพื่อนฉันจะทำกับข้าว เดี๋ยวผู้กองลงมาแล้วกับข้าวยังไม่เสร็จเลย โชคดีเพื่อน"        เจ้าสมุทรวางสายก่อนที่จะวางสมาร์ทโฟนไว้ที่โต๊ะแล้วเดินไปจัดการกับเนื้อหมูที่ถูกหั่นไม่เสร็จต่อ อนาคินทร์โทรศัพท์มาหาเขาเพราะที่บ้านอยากให้บวชแต่ช่วงที่จะบวชกลับตรงกับเวลาที่ต้องออกเรือลาดตะเวนตรวจอ่าวพอดี เพื่อนรักจึงขอเปลี่ยนเวรกับเขา ขอให้เขาออกลาดตะเวนตรวจอ่าวแทนในขณะที่ชายหนุ่มบวชอยู่ เรื่องนี้ไม่ใช่เรื่องใหญ่ที่เพื่อนรักของเขาต้องลำบากใจที่จะบอกสักนิด เขาเต็มใจที่จะทำให้อยู่แล้ว        

    "อรุณสวัสดิ์คุณ มีไรกินบ้าง" แพรชมพูที่ยืนแอบอยู่ทำท่าราวกับเพิ่งเดินลงมาเอ่ยทัก หลังจากที่ผู้การหนุ่มขอโทษเธอวันนั้นนี่ก็ผ่านมาอาทิตย์นึงแล้วเธอก็ทำเหมือนไม่มีอะไรเกิดขึ้น ทั้งที่ทุกครั้งที่อยู่คนเดียวเธอมักจะนึกถึงจูบนั้นทุกครั้งไป       

    "อรุณสวัสดิ์ครับ วันนี้ผมจะทำข้าวต้มหมูสับครับ รออีกสักครู่นะ" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกแม้ตัวเองจะทำเหมือนว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นกับความรู้สึก แต่จูบที่หอมหวานที่ได้สัมผัสในวันนั้นยังคงตราตรึงในหัวใจและความรู้สึก ทุกๆครั้งที่หลับตาเขาจะต้องนึกถึงจูบนั้นทุกครั้ง จูบแรกของผู้กองสาวที่เขาได้สัมผัสอย่างเผลอตัวไป        

    "โอเค" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะนั่งรออยู่ แม้ในใจจะสงสัยสิ่งที่ได้ยินแต่ก็ไม่กล้าที่จะถามออกไป        "ผมคงต้องรบกวนผู้กองดูแลบ้านสักเดือนกว่าๆนะครับ ผมต้องออกตรวจอ่าวแทนเคนมะรืนนี้" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะเทเนื้อหมูใส่ลงในหม้อแล้วพูดต่อ "เคนเขาจะบวชอาทิตย์หน้า เขาฝากเชิญผู้กองด้วย"         

    "บวช! ไหนว่าเมียคุณเคนท้องอยู่ไง ทำไมจู่ๆจะบวชซะล่ะ" แพรชมพูเอ่ยถามอย่างตกใจ งุนงงกับชีวิตเพื่อนของผู้การหนุ่มเสียเหลือเกิน        

    "มีหมอดูทักว่าลูกกับคุณนุ่นจะต้องตาย เพราะเจ้ากรรมนายเวรที่มีร่วมกับของคุณนุ่นและเคนยังอาฆาต วิธีที่จะช่วยได้คือให้เคนบวชแทนคุณพ่อแม่และอุทิตส่วนกุศลให้เจ้ากรรมนายเวรของพวกเขา แม่เลี้ยงเคนเชื่อเรื่องนี้ก็เลยขอร้องให้เคนบวชสักพรรษานึง" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกพร้อมทั้งหยิบสมาร์ทโฟนขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมีเสียงกรีดร้องขึ้นอีก         

    "ครับ อะไรนะน้องอาย" เจ้าสมุทรอุทานอย่างตกใจหลังจากที่ปลายสายเอ่ยบอก         

    "ใจเย็นๆครับน้องอาย ไม่เป็นไรๆ ไม่มีใครบาดเจ็บก็ดีแค่ไหนแล้ว อย่าเครียดนะ พี่ขอคุยกับพ่อเมษหน่อย" เจ้าสมุทรเอ่ยปลอบปลายสายก่อนที่จะขอคุยกับบิดาบุญธรรมของอีกฝ่ายซื่งก็คือบิดาแท้ๆของเขาเอง       

     "ไฟไหม้ได้ยังไงครับพ่อเมษ พ่อเมษกับแม่ปั้นไม่บาดเจ็บใช่มั้ยครับ" ผู้การหนุ่มถามอย่างเป็นห่วงปลายสาย แพรชมพูนั่งมองอย่างสงสัยแต่ก็ไม่ได้ทำอะไรยังคงนั่งมองนั่นมองนี่ไปเรื่อยๆ        

    "พ่อไม่เป็นอะไรหรอกพี่เมฆ แม่ปั้นก็ปลอดภัยดีมีแต่คณิณแหละที่เจ็บเพราะวิ่งฝ่ากองไฟเข้าไปเอาแหวนแต่งงานที่จะขอน้องอายในงานเลี้ยงอาทิตย์หน้า" พ่อเมษ หรือชื่อจริงคือคุณเมธัช อดีตนายพลทหารเรือผู้มีผู้นับหน้าถือตามากมายวัย69ปีเอ่ยบอกลูกชายคนโต คณิณคือแฟนหนุ่มของอารยาหรือน้องอายลูกสาวบุญธรรมที่พ่อแม่แท้ๆมีกิจการอยู่ในจังหวัดภูเก็ต       

    "แล้วจะทำยังไงต่อล่ะครับไหม้หมดทั้งหลังแบบนี้  พ่อเมษกับแม่ปั้นกลับมาอยู่บ้านที่สัตหีบก่อนดีกว่านะครับ" เจ้าสมุทรเอ่ยเสนอแนะอย่างเป็นห่วง อารยาโทรศัพท์มาบอกเขาว่าบ้านพักของพ่อและแม่รวมถึงบางส่วนของรีสอร์ตถูกไฟไหม้จนเสียหายย่อยยับแบบนี้พ่อกับแม่ของเขาจะอยู่ที่ไหนกันล่ะ       

    "พ่อก็คิดแบบนั้นแหละครับพี่เมฆ แต่ถ้าพ่อกับแม่ไปอยู่บ้านตำรวจหญิงที่พี่หมอกพาไปฝากไว้จะลำบากใจรึเปล่า" เมธัชเอ่ยถามอย่างเกรงใจ       

    "พ่อเมษครับ บ้านนี้ยังเป็นชื่อพ่อเมษนะครับหรือถ้าพ่อเมษไม่สบายใจเดี๋ยวผมถามดูนะครับ" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมามองคนที่นั่งรอข้าวต้มอยู่ "พ่อกับแม่ผมจะมาพักที่นี่คุณตะลำบากใจมั้ยครับ"      

     "คุณพูดอะไร ฉันต่างหากที่ควรจะถามว่าถ้าพวกท่านมาจะลำบากใจมั้ยที่ฉันอยู่ที่นี่ ให้ฉันย้ายออกก็ได้" แพรชมพูเอ่ยบอก เขาจะมาถามเธอทำไม เธอสิควรจะเป็นฝ่ายเกรงใจ      

    "ไม่ต้องๆ พี่เมฆบอกเธอสิครับว่าไม่ต้องย้ายออกถ้าเธอไม่ลำบากใจ พ่อเมษกับแม่ปั้นก็ไม่ลำบากใจครับ" เมธัชเอ่ยบอกเมื่อได้ยินเสียงผ่านสายลอดมา      

    "พ่อผมบอกไม่ต้องย้ายหรอกครับ ถ้าคุณไม่ลำบากใจพ่อกับแม่ผมก็ไม่ลำบากใจหรอกครับ" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะนึกขึ้นได้ "เออ จริงสิ พ่อเมษครับ ผมต้องออกตรวจอ่าวแทนเคน "        

    "อ้าวอย่างนั้นเหรอ แล้วพ่อกับแม่จะได้เจอพี่เมฆมั้ยครับเนี้ย" เมธัชเอ่ยบอกอย่างรู้สึกเสียดาย      

     "ถ้าพ่อเมษกับแม่ปั้นมาก่อนวันมะรืนคงได้เจอครับ" คนเป็นลูกเอ่ยบอก ในขณะที่แพรชมพูนั่งฟังชายหนุ่มคุยกับผู้เป็นพ่ออย่างอิจฉาน้อยๆจนต้องเบือนหน้าหนี        

    "โอเคงั้นพรุ่งนี้เจอกันลูก" เมธัชเอ่ยบอกก่อนที่จะตัดสายไปเมื่อลูกสาวบุญธรรมเรียกให้ไปช่วย       

    "พรุ่งนี้พ่อกับแม่ผมจะมา คุณคงไม่ลำบากใจอะไรนะครับ" เจ้าสมุทรเอ่ยถามอีกครั้ง แพรชมพูส่ายหัวกับความเกรงใจของเขา

    "ผู้การเจ้าสมุทร ฟังนะ นี่บ้านคุณ ฉันแค่ผู้อาศัย คนที่จะมาเป็นพ่อกับแม่ของคุณท่านอยู่นี่มาก่อนฉัน คุณไม่ต้องมาเกรงใจ ฉันอยู่ได้ ถ้าพวกท่านไม่ลำบากใจที่ต้องอยู่กับคนไร้มารยาทแบบฉันน่ะนะ" แพรชมพูเอ่ยบอกก่อนที่จะทำจมูกฟุดฟิดเมื่อได้กลิ่นข้าวต้มลอยฟุ้งมาเตะจมูก        

    "ข้าวต้มหมูสับเสร็จแล้วครับ นี่ครับ ระวังร้อนนะ" เจ้าสมุทรเอ่ยบอก ในใจอาจมีสิ่งที่ยังไม่เข้าใจแต่ก็อยากทำตัวให้ปกติที่สุดเธอจะได้ไม่ลำบากใจ แม้จะบอกว่าลืมๆไปแต่เขากลับไม่ลืมมันได้เลยความหอมหวานจากโพรงปากแสนหวานนั้น       

    เช้าวันต่อมา      

    เจ้าพระยาเดินเข้าบ้านมาพร้อมกับชายอายุประมาณ69ปี และหญิงอายุประมาณ60ปีที่แพรชมพูมองปราดเดียวก็รู้ว่าคงเป็นพ่อและแม่ของสองพี่น้อง ชายดังกล่าวมีใบหน้าคล้ายกับเจ้าสมุทรราวกับพิมพ์เดียวกันต่างกันเพียงรอยเหี่ยวย่นบนใบหน้าและดวงตาคมที่ต่างกัน ในขณะที่หญิงชราที่เดินมาพร้อมกันมีดวงตาคมเฉียบคล้ายกับเจ้าสมุทร      

    "ผู้กองนี่พ่อแม่ผมพ่อเมธัชหรือพ่อเมษกับแม่กรรณณาราหรือแม่ข้าวปั้น พ่อเมษแม่ปั้นครับนี่ผู้กองพราวที่ผมเล่าให้ฟัง" เจ้าพระยาเอ่ยบอก แพรชมพูยกมือขึ้นไหว้อีกฝ่ายก่อนที่จะยิ้มอ่อนๆ      

    "ไหว้พระเถอะหนูผู้กอง เรียกแม่ว่าแม่ปั้นเหมือนพี่เมฆพี่หมอกก็ได้ แล้วนี่พี่เมฆอยู่ไหนจ๊ะ เดินเข้ามายังไม่เห็นเลย" กรรณณารา หรือ ข้าวปั้น เอ่ยบอกอย่างเอ็นดูก่อนที่จะถามหาลูกชายคนโต     

    "อยู่ในครัวค่ะ คุณป้า" แพรชมพูเอ่ยบอกพร้อมทั้งมองหน้าหญิงชราอย่างถูกชะตา แต่อีกใจก็พาลไปคิดถึงผู้หญิงคนนึงขึ้นมา เธอคนนั้นคงจะอายุพอๆกับผู้หญิงตรงหน้า    

    "คุณนี่ยังไงนะ แม่ปั้นให้เรียกแม่ปั้นยังจะเรียกป้า เรียกแม่เดี๋ยวนี้" เจ้าพระยาเอ่ยเสียงเข้ม จริงๆเลยแม่เขาอุตส่าห์ให้เรียกแม่เผื่อสักวันจะได้เป็นแม่สามีกับลูกสะใภ้ใหญ่กันจะได้ไม่เคอะเขินยังจะเรียกป้าอีก     

    "หนูขอเรียกว่าคุณป้านะคะ หนูไม่เรียกใครด้วยคำนั้นมานานแล้ว แม้แต่คนที่ควรเรียก หนูไม่สนิทใจเรียกใครด้วยคำนั้นจริงๆ" แพรชมพูเอ่ยบอกกรรณณาราโดยไม่ได้สนใจคนที่เสียงเข้มใส่ กรรณณารามองก่อนที่จะถอนหายใจออกมา    

    "แม่ไม่รู้นะว่าหนูเจออะไรมาถึงไม่อยากเรียกใครว่าแม่ แต่แม่เอ็นดูหนู หนูไม่เรียกแม่ว่าแม่แต่แม่ขอคิดว่าหนูเป็นลูกสาวอีกคนนะ" กรรณณาราเอ่ยบอก แพรชมพูที่พอจะเข้าใจว่ากรรณณาราคงคิดเหมือนเจ้าพระยาจึงยอมพยักหน้า    

    "ก็ได้ค่ะคุณป้า" แพรชมพูเอ่ยบอกโดยไม่รู้ตัวเลยว่าผู้บังคับบัญชาหนุ่มกำลังยิ้มอย่างมีความสุขอยู่ 'ใครจะคิดยังไงก็ช่างแต่เขารู้ไอ้ขอเป็นลูกสาวอีกคนของแม่เขาน่ะ เป็นลูกสะใภ้ต่างหากล่ะ เหมือนหลายปีก่อนที่แม่เขาเอ่ยขอเจนติยาให้เป็นลูกอีกคนนั่นแหละ นี่หมายความว่าคุณนายกรรณณาราล็อคเป้าสะใภ้ใหญ่ไว้แล้ว'    

    "อ้าวมากันแล้วเหรอครับพ่อเมษ แม่ปั้น" เจ้าสมุทรเอ่ยอย่างแปลกใจก่อนที่จะเดินเข้าไปกอดพ่อกับแม่อย่างคิดถึง     

    "ไปกินข้าวกันดีกว่าครับ ผมทำกับข้าวไว้หลายอย่างเลย" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกหลังจากผละออกจากอ้อมกอดของบุพการี    

    "ผมไปนะครับพ่อเมษแม่ปั้น" เจ้าสมุทรเอ่ยลาบุพการีเมื่อถึงเวลาต้องออกลาดตะเวนก่อนที่กรรณณาราจะโผเข้ากอด     

    "พระคุ้มครอง บุณรักษานะลูก" กรรณณาราเอ่ยบอกก่อนที่จะผละออก เจ้าสมุทรยิ้มให้บุพการีก่อนที่จะเดินที่รถ มอเตอร์ไซค์คันโปรดไม่ได้จอดอยู่ที่เดิมเพราะเจ้าพระยาขอแลกให้กับผู้กองสาวอีกครั้ง สิ่งที่เหลืออยู่คือมอเตอร์ไซค์บิ๊กไบท์ของคนตัวบางแต่ห้าวที่จอดอยู่รวมกับมอเตอร์ไซค์คันอื่นๆของเขาและบิดา เจ้าสมุทรมองบิ๊กไบท์คันโตก่อนที่จะนึกไปถึงเจ้าของมันซึ่งออกไปทำงานตั้งแต่เช้าตรู่จนไม่ทันได้เห็นหน้ากัน 'ทำไมถึงอยากเจอหน้าเธอด้วยนะ'      "ลืมอะไรรึเปล่าลูก ทำไมอยู่ๆก็หยุดอยู่เฉยๆ" เมธัชเอ่ยถามลูกชายที่หยุดมองบิ๊กไบท์ของสาวร่วมบ้านไม่วางตา      

    "ไม่ลืมครับแต่ผมว่าพ่อเมษไปส่งผมดีกว่า ถ้าเอาเจ้านี่ไปจอดในที่ๆมีแต่ทหารเรือเจ้าของเขาจะไม่อยากไปเอา" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกเขาไม่ได้โกหกนะแต่ไม่ได้พูดไปทั้งหมด     

    "เอาแบบนั้นก็ได้ ปั้นอยู่คนเดียวได้นะพี่ไปส่งลูกแป๊บเดียว" เมธัชเอ่ยบอกลูกชายก่อนที่จะหันมาบอกภรรยารัก     

    "อยู่ได้ค่ะพี่เมษไปส่งพี่เมฆเถอะค่ะ ปั้นไม่ใช่เด็กๆแล้ว ว่าจะออกไปหายัยข้าวที่บ้านอยู่เหมือนกัน" กรรณณาราเอ่ยบอก พรางนึกอยากไปหาน้องสาว    

    "งั้นไปด้วยกันดีกว่า พี่ไปส่งปั้นแล้วเลยไปส่งเมฆ" เมธัชเอ่ยบอก ก่อนที่ทั้งสองจะพยักหน้าให้กัน เจ้าสมุทรมองบุพการีก่อนจะยิ้มออกมา ไม่ว่ากี่ปีพ่อของเขาก็ใส่ใจดูแลแม่ของเขาเสมอไม่ว่าทั้งคู้จะผ่านเรื่องร้ายดีอะไรมาบ้างก็ตาม 'เราจะมีวันนั้นกับใครสักคนมั้ยนะ'     อีกฝ่ายหนึ่งคนที่ออกจากบ้านมาตั้งแต่เช้ากำลังยืนรอสายข่าวอยู่กับเจ้าพระยาที่ท่าทีอยู่ไม่สุขเท่าไหร่     

    "เป็นอะไรสารวัตร ใจลอยไปถึงด้วยอังคารแล้วเหรอ" แพรชมพูที่ยืนกอดอกอยู่เอ่ยถามคนที่เอาแต่ยืนใจลอยอยู่ไม่สุข      

    "นั่นปากเหรอผู้กอง เฮ่อ ผู้กอง เวลาผู้หญิงโกรธทำไมชอบเหวี่ยงใส่หะ" เจ้าพระยาเอ่ยก่อนที่จะนั่งลงบนม้านั่ง เขาทำให้เจนติยาโกรธอีกแล้ว แถมคุณเธอยังออกอาการเหวี่ยงวีนใส่เขายกใหญ่

    "ไม่รู้" คำตอบสั้นๆง่ายๆออกมาจากปากแพรชมพูทำเอาเจ้าพระยาแทบอยากยกมือขึ้นเคาะหัวอย่างหมั่นไส้      

    "นี่เป็นผู้หญิงจริงๆป่ะเนี้ยผู้กอง ให้ตายเถอะแค่คำถามนี้ยังตอบไม่ได้" เจ้าพระยาเอ่ยอย่างพาลๆ ก่อนที่จะก้มลงมองนาฬิกาข้อมือ     

    "ไม่รู้ เพราะผู้หญิงโกรธมีหลายสาเหตุ ต้องรู้สาเหตุก่อนว่าทำไมถึงโกรธถึงขึ้นเหวี่ยงวีนได้ แต่ถ้าเหวี่ยงทั้งที่ไม่มีสาเหตุอาจจะเพราะอยู่ในช่วงวันนั้นของเดือนก็ได้" แพรชมพูเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมองมอเตอร์ไซค์ที่ตนขี่มา พรางนึกไปถึงเจ้าของมอเตอร์ไซค์คันงาม ทำไมต้องนึกถึงเธอก็บอกไม่ถูก นึกถึงทำไมก็บอกไม่ได้เหมือนกัน รู้แค่ว่าหน้าของผู้ชายที่แสนดีใบหน้าเปื้อนยิ้มตลอดเวลามันล่องลอยอยู่ในหัวทุกครั้งที่หันมองไปรอบๆ      

    "กลับเถอะ ป่านนี้สายคงไม่มาแล้วแหละ" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินไปที่รถกระบะของตนแล้วขับออกไป แพรชมพูมองตามก่อนที่จะเดินมาขี้นคร่อมมอเตอร์ไซค์คันงามแต่ก่อนที่จะได้เร่งเครื่องขี่ออกไปมีชายคนนึงเดินมาหน้ารถก่อนที่จะโยนกระเป๋าให้แล้ววิ่งหายไป แพรชมพูมองกระเป๋าสะพายรอบนึงก่อนที่จะสะพายพาดบ่าแล้วขับออกไป เพราะเดาได้ว่าอีกฝ่ายคงเป็นสายข่าวที่นัดไว้ 

    หลายชัาวโมงต่อมา     

    "จากข่าวที่ได้มาจากในกระเป๋าที่สายโยนให้ผู้กองพราวได้ความว่า เดือนหน้าแก๊งอินทรีทองจะส่งยาล็อตใหญ่ให้กับคู่ค้าต่างชาติ มีทั้งสถานที่ และเวลา และเป็นที่แน่ชัดว่าหัวหน้าแก๊งจะปรากฏตัวในครั่งนี้ด้วยหลังจากนี้เราต้องกรองข่าวอีกสักครั้งก่อนที่จะเข้าจับกุมหัวหน้าใหญ่ของมันให้ได้" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะมองภาพถ่ายหลากหลายใบที่กองกันอยู่ก่อนที่จะถอนหายใจออกมา      

    "นายธาวีเคยเป็นทหารมาก่อน หมอนี่ร้ายกาจไม่น้อยเราต้องทำงานอย่างรัดกุม เพราะถ้าเราพลาดอาจถูกส่งไปให้ซีล ผมไม่อยากให้ซีลเป็นฝ่ายจัดการ...เพราะพี่ชายผมคงไม่อยากจะเจอไอ้เลวนี่เท่าไหร่"  เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะอธิบายให้ลูกน้องฟัง  " ธาวีเคยเป็นทหารราบมาก่อน มีช่วงนึงเขาเคยเขาฝึกหลักสูตรทำลายใต้น้ำจู่โจมรุ่นเดียวกับพี่เมฆ แต่หลังการฝึกเขากลับลาออกและกลายเป็นพ่อค้าอาวุธสงคราม เคยประทะกับพี่เมฆครั้งนึง ไอ้เลวนี่มันยิงเมียกับลูกตัวเองต่อหน้าพี่เมฆกับเพื่อนจนพี่เมฆระเบิดอารมณ์ใส่ พี่ผมไม่ใช่คนร้ายกาจแต่ถ้าเจอไอ้เลวนี่ผมกลัวเทพบุตรจะแปลงร่างเป็นมัจจุราชมอบความตายให้มันก่อนที่กฏหมายจะได้ลงโทษ"       

    "ฟังดูน่ากลัวจัง แต่ผมว่าพี่ชายสารวัตรเป็นคนดีเกินกว่าจะทำแบบนั้นได้ครับ" อนาวีเอ่ยอย่างไม่เชื่อ      

    "คนที่นิ่งๆเงียบๆถ้าได้โมโห ร้ายแรงกว่าคนอารมณ์ร้อนเป็นร้อยเท่าผู้กอง ยัยเปียก็เป็นแบบนั้น" แพรชมพูเอ่ยบอกก่อนที่จะเก็บรู้เรียบเรียงทุกอย่างบนโต๊ะใส่ในซองและเก็บใส่ในกระเป๋า 

    "หลักฐานทั้งหมดฉันขอเอาไปอ่านนะ ส่วนเรื่องนายธาวี ถ้าคดีนี้ตกอยู่ในมือฉันคนอย่างผู้กองพราวไม่ยอมปล่อยให้พลาดไปถึงมือคนอื่นอยู่แล้ว"     "โอเค เอาตามนี้ ไว้เราค่อยคุยกันอีกที แยกย้ายได้" เจ้าพระยาเอ่ยบอกหลังจากประชุมเคร่งเครียดมาหลายชั่วโมงก่อนที่จะเดินออกจากห้องไป    

    "ไปหาหมอจ๋าอีกตามเคย555 ผู้กองเปียไลน์มาบอกว่าเจอกันที่ร้านเมื่อวันก่อน" อนาวีเอ่ยก่อนที่จะหันมาบอกแพรชมพู แพรชมพูพยักหน้าก่อนที่จะหยิบกระเป๋าสะพายมาสะพายพาดที่บ่าซ้ายแล้วเดินออกจากห้องไปโดยมีอนาวีตามไปเป้าหมายของทั้งสองคือร้านอาหารที่นัดกับปารวีไว้     

    ครึ่งชั่วโมงต่อมา     

    *'เหงา'* คำๆนี้ลอยฟุ้งไปหมดเมื่อมาถึงร้านอาหารที่นัดไว้ ปารวีกับอนาวีเอาแต่คุยกันกระหนุงกระหนิง ที่ผ่านมาแต่รู้สึกหมั่นไส้ เบื่อ รำคาญแต่วันนี้กลับรู้สึกเหงา ถ้าเป็นวันปกติในช่วงสองสามอาทิตย์มานี่เธอคงนั่งกินข้าวหรือนั่งดูทีวีอยู่กับเจ้าสมุทรแต่วันนี้กลับต่างออกไปทำให้รู้สึกเหงาพิกล    

    "โอม เปียว่าเราสั่งของกินดันดีกว่า ดูไอ้พราวดินั่งหน้าบูดรอนานแล้ว" ปารวีเอ่ยเมื่อสังเกตเห็นอาการของเพื่อนรัก    

    "ถ้าจะมาจู้จี้กันไม่ต้องเรียกเพื่อนมาก็ได้นะคุณปารวี ขนลุก" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะถอนหายใจออกมาแล้วลุกขึ้นยืนเต็มความสูง "กินกันไปสองคนนะ ฉันอยากกลับไปนอนสบายๆว่ะ"   

    "อ้าวพราว อย่างอนดิแก ฉันมีเรื่องจะเม้าท์เยอะอยู่นะ" ปราวีเอ่ยเพราะคิดว่าเพื่อนรักคงจะงอน    

    "ไม่ได้งอนเว้ย มันเลี่ยน กลับบ้านไปนอนดีกว่า ไว้คุยกันก็ได้ ดูเหมือนแฟนแกมีเรื่องจะพูดด้วยเยอะกว่าที่แกจะคุยกับฉันอีก" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะเดินออกไป ปารวีมองตามอย่างแปลกใจก่อนที่จะหันมาหาอนาวีแต่หน้ากลับชนเข้ากับกล่องกำมะหยี่ที่มีแหวนวงงามอยู่     

    "แต่งงานกันนะ โอมคงต้องอยู่นี่อีกนาน ไม่อยากห่างจากเปียแล้ว เปียจะได้มาคอยคุมผู้กองด้วยไง" อนาวีเอ่ยบอกก่อนที่ปารวีจะยิ้มออกมาทั้งน้ำตาแล้วโผเข้ากอดแฟนหนุ่มอย่างตื้นตัน    

    ในขณะที่ปารวีและอนาวีกำลังกอดกันอย่างดีใจคนที่รู้อยู่แล้วว่าอนาวีจะขอเพื่อนรักของเธอแต่งงานขี่มอเตอร์ไซค์ออกมาจนถึงสวนสาธารณะแห่งนึงซึ่งอยู่คนละทางกับบ้านของชายหนุ่ม     ความเหงาเข้ามาปกคลุมหัวใจคนเข้มแข็งอย่างบอกไม่ถูก เธอไม่รู้จะไปที่ไหนดี กลับบ้านของเจ้าสมุทรไปก็ไม่มีอะไรทำ แถมยังไม่คุ้นเคยกับที่นี่อีกด้วย หญิงสาวนั่งพิงเบาะมอเตอร์ไซค์มองบรรยากาศรอบข้างอย่างเหงาใจ           

    สามวันต่อมา      

    "กำลังใจลอยคิดถึงใครมิทราบเพื่อนสาว" ปารวีเอ่ยถามเมื่อเห็นเพื่อนสาวนั่งใจลอยอยู่ในหน้าโต๊ะเครื่องแป้งที่คอนโดของเธอ แพรชมพูขึ้นมาร่วมงานบวชของอนาคินทร์พร้อมด้วยเจ้าพระยาและครอบครัวแต่เธอขอมานอนกับปารวีที่กำลังจะไปอยู่กับอนาวีอาทิตย์หน้า     

    "ใจลงใจลอยอะไร บ้าสิ ว่าแต่แกเถอะ แน่ใจแล้วนะจะแค่จนทะเบียนสมรสกับโอมก่อนค่อยจัดงานทีหลัง" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะเปลี่ยนเรื่อง     

    "คนเรารักกัน อย่างอื่นไม่สำคัญหรอก ฉันอยากให้ลูกๆของฉันแล้วก็แกอยู่ร่วมในงานแต่งด้วย" ปารวีเอ่ยบอกก่อนที่จะหยิบหวีขึ้นมาหวีสางผมให้กับเพื่อนสาว     

    "หึ ถ้าอย่างนั้น ชาตินี้แกคงไม่ได้แต่ง เพราะชาตินี้เพื่อนแกจะไม่แต่งงานมีลูกแน่นอน" แพรชมพูเอ่ยบอกอย่างมั่นใจ    

    "ให้แน่เถอะ ไม่ใช่ว่าไปๆมาๆแล้วแกจะได้แต่งงานมีลูกก่อนฉันนะยะ แม่หมอทำนายมาว่าปีนี้แกจะได้แต่งงานมีลูกน่ารัก สามีแสนดี" ปารวีเอ่ยบอก แพรชมพูถึงกับหัวเราะออกมาอย่างขำขัน

    "แม่หมอของแกเดามั่วมาก พอแล้วฉันจะไปแล้ว" แพรชมพูเอ่ยบอกก่อนที่จะลุกขึ้น "ไว้จะมากินข้าวฝีมือแกล่ะกัน"    

     วัด...      

    "เสียดายที่นายเมฆไม่ได้มาด้วย" สิรดนัยเอ่ยก่อนที่จะถอนหายใจออกมา ชายหนุ่มนั่งอยู่มุมนึงในวัดพร้อมด้วยพชรพงษ์ เจ้าพระยาที่จับจูงมือแพรชมพูมาด้วย     

    "พี่สิงห์กับพี่เพชรอย่าพูดดังไปเข้าหูนาคขึ้นมา นาคจะรู้สึกแย่เอา" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะเห็นร่างอุ้ยอ้ายของภรรยานาคเจ้าภาพงานบวชครั้งนี้เดินมาพร้อมกับหญิงสาวสามสี่คนที่ถือถาดน้ำแดงเดินมาทางพวกเขา     

    "คุณพ่อให้เด็กๆยกน้ำมาให้พวกคุณค่ะ ตามสบายนะคะ" แพทยหญิงนริสา หรือหมอนุ่น ภรรยาตามกฏหมายของอนาคินทร์เอ่ยบอก เธอเคยเจอสองหนุ่มทางซ้ายที่เป็นเพื่อนกับอนาคินทร์ในวันแต่งงานแต่กับชายหญิงอีกสองคนเธอยังไม่รู้จัก     

    "ขอบคุณครับคุณหมอนุ่น นี่หมอกครับน้องชายของเมฆ ส่วนนั้นผู้กองพราว เอ่อ จะบอกว่าเป็นใครดีล่ะเนี้ย " พชรพงษ์เอ่ยก่อนที่จะเหมือนพูดกับตัวเองในประโยคท้าย     

    "แฟนพี่เมฆครับ" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะยิ้มให้สาวท้อง     

    "นี่สารวัตร" "เงียบบบบ" คนที่จะว่าสารวัตรหนุ่มหุบปากฉับเมื่อสารวัตรหนุ่มสั่งอย่างเฉียบขาด    

    "เผด็จการ สาธุขอให้อีตาสารวัตรนี่ เมียไม่ยอมคืนดีด้วยง่ายๆทีเถอะเพี้ยงงงง" แพรชมพูเอ่ยสาปแช่งจนคนถูกแช่งหันมามอง     

    "แรงไปผู้กอง เจ้าประคุ๊ณขอให้ผู้กองพราวหลงรักพี่เมฆหัวปักหัวปำ ทำอะไรก็ให้คิดถึงแต่พี่เมฆจนไม่เป็นอันทำอะไร รักจนหาทางออกไปเจอทีเถ๊อะ" เจ้าพระยาเอ่ยพร้อมยกมือขอพรจนสิรดนัยและพชรพงษ์หลุดขำออกมา ในขณะที่นริสามองอย่างแปลกใจแต่ก็รู้าึกขำขันไม่น้อย     

    "ไอ้สารวัตร" "เอ่อ นี่วัดครับผู้กอง นายหมอก" พชรพงษ์เอ่ยบอกก่อนที่จะทำแก้วน้ำแดงที่หยิบมาจากถาดหลุดมือลงเมื่อมองไปเห็นร่างคุ้นตาอยู่อีกฝั่งนึงของวัดก่อนที่จะพึมพำออกมาก่อนที่จะวิ่งออกไป"อ้อม"      

    "อ้าวพี่เพชร เอ๊ะนั่นน้องอ้อมรึเปล่า" เจ้าพระยาที่เรียกเพื่อนพี่ชายเอ่ยถามสิรดนัยเมื่อเห็นคนที่พชรพงษ์กำลังวิ่งไปหา ใบหน้าของเธอช่างคล้ายกับภรรยาของเพื่อนพี่ชายเป็นอย่างมาก     

    "ก็ขอให้ใช่เถอะ เพชรจะได้ไม่ต้องตามหาแทบพลิกแผ่นดินอีก" สิรดนัยเอ่ยก่อนที่จะหันไปมองใครบางคนที่เดินมาหาหมอสาวภรรยาของเพื่อน      

    "นุ่นไปนั่งพักดีกว่าครับ เดี๋ยวพี่พาไป" คนมาใหม่เอ่ยบอก นริสายิ้มให้ก่อนที่จะพยักหน้าแล้วหันมาบอกเพื่อนๆของสามีในนาม "นุ่นขอตัวก่อนนะคะ"     

    "ขนาดวันนี้สามีเขาจะบวชแท้ๆไอ้หมอนั่นยังกล้ามาอีก หมอนุ่นนี่ก็ด้วยถ้ารักชอบกับนายนั่นน่าจะปฏิเสธคุณลุงไปซะ ไม่น่ามาผูกตัวเองไว้กับนาคทั้งที่ไม่ได้รักกัน" เจ้าพระยาเอ่ยอย่างไม่ชอบใจเมื่อนริสาออกไปแล้ว ชายที่เดินเข้ามาคือคนรักของนริสาก่อนที่จะแต่งงานกับอนาคินทร์ทำให้เขารู้สึกว่ามันไม่ถูกต้องเอาเสียเลย

    "นินทาคนอื่น ถ้าเมฆอยู่ตรงนี้นายโดนดีแน่" สิรดนัยเอ่ยแต่ก็รู้สึกไม่ต่างจากน้องชายเพื่อน    

    "พี่เมฆไม่อยู่ไง ผมเลยรอดไป เนาะผู้กอง" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปขอกำลังเสริมแต่คนที่ยังโมโหชายหนุ่มอยู่กลับไม่ได้สนใจ 

    "ไปแล้วว่าที่แฟนพี่ชายผม ใจลอยลงทะเลไปหาเรือหลวงหาญหักศัตรูแล้วมั้ง"    "ใครว่าที่แฟนพี่คุณ สารวัตร แล้วอะไรใจลอยลงทะเลไปหาเรือหลวงอะไรของคุณ" คนถูกหาว่าเป็นว่าที่แฟนพี่ชายเอ่ยอย่างไม่งุนงง    

    "นี่ในวัดงั้นผมพูดความจริงเลยนะ ผมเนี้ยอยากได้คุณมาเป็นพี่สะใภ้ หรือเป็นแฟนพี่เมฆ " เจ้าพระยาเอ่ยบอกอย่างตรงๆไม่อ้อมค้อม     

    "ไอ้คนหน้ามึน ดูปากผู้กองพราวนะ ชาตินี้ฉันจะไม่แต่งงานและไม่มีทางแต่งงานกับทหารเรือ ฉันเกลียดทหารเรือ" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะลุกขึ้นยืน 

    "ขอตัวนะผู้การสิรดนัย ฝากบอกลานาคเคนด้วยพอดีจะกลับบ้านสักหน่อย"     แพรชมพูกลับบ้านอย่างที่บอกเจ้าพระยาและสิรดนัยแต่บ้านกลับเงียบราวกับไม่มีใครอยู่    

    "เปรี้ยว คนบ้านนี้ไปไหนกันหมด" หญิงสาวเดินมาเอ่ยถามเพื่อนบ้านวัย19ที่สนิทกัน    

    "น้าแอนไม่สบาย พี่อาร์มกับพี่อุ้มเลยพาไปโรงบาลตั้งแต่เมื่อวันก่อน ส่วนลุงภัคคงไปแบบทุกครั้งแหละพี่ พี่เข้าบ้านก่อนเถอะฝนจะตกแล้ว เดี๋ยวเปรี้ยวตักแกงส้มไปให้" ปีวราหรือเปรี้ยวเอ่ยบอกก่อนที่จะรบเร้าให้อีกฝ่ายเข้าบ้านเพราะฝนจะตกลงมาแล้ว แพรชมพูถอนหายใจออกมาก่อนที่จะเดินเข้าบ้าน     

    "ช่วงนี้กรุงเทพมีพายุฝนอ่ะพี่ เฮ่อ อะนี่แกงส้มกับข้าว" ปีวราเอ่ยบอกหลังจากมายืนอยู่ที่ระเบียงห้องซึ่งตรงข้ามกับระเบียงห้องของแพรชมพู    

    "ขอบใจมากเปรี้ยว ฝนหยุดพี่ก็คงกลับแล้วล่ะ นัดเปียไว้ พวกบ้านอื่นมามีเรื่องกับน้าแอนรึเปล่า" แพรชมพูเอ่ยบอกก่อนที่จะถามถึงน้าแอน หรือ อนงค์นาง แม่เลี้ยงวัย45ปี ซื่งปกติเธอหาได้สริทด้วยนัก     

    "หึ ไม่แล้วล่ะพี่มีแต่พาลูกเขยลูกสะใภ้มาชิงดีชิงเด่นกัน" ปีวราเอ่ยบอก "พี่อุ้มเพิ่งพาแฟนมาให้ลุงภัครู้จัก พี่ภีดาก็กำลังจะแต่งงาน ว่าที่เขยบ้านนี้หล่อๆรวยๆทายาทนักธุรกิจทั้งนั้นเลยพี่ ถ้าจะหาแฟนนะพี่ต้องหาให้ดีกว่าไม่งั้นถูกเหยียบจมดิน"     

    "ช่างเขาสิ" แพรชมพูเอ่ยอย่างไม่ใส่ใจ เธอไม่อยากมาที่นี่ไม่ว่าเมื่อไหร่ แต่ที่นี่ก็คือบ้านเกิดที่มีทั้งความทรงจำดีๆและเลวร้าย 

    "อย่าช่างมากไปดิพี่สนใจบ้าง ระวังพวกนั้นจะแย่งสมบัติไปหมด อุ๊ยแม่เรียกไปก่อนนะ" ปีวราเอ่ยก่อนที่จะเดินเข้าไปและปิดกระจกเมื่อได้ยินเสียงมารดาร้องเรียก แพรชมพูมองสายฝนก่อนที่จะเดินเข้ามาในห้องปิดกระจกหน้าต่างและผ้าม่าน 

    เปรี้ยงงง!    

    เสียงฟ้าผ่าทำให้แพรชมพูต้องยกมือขึ้นป้องหูอย่างหวาดกลัว พรางนึกไปถึงวันฝนตกเมื่อหลายอาทิตย์ที่ผ่านมา รู้สึกคิดถึงความอบอุ่นในวันนั้นขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก 

    *'*ทำไมเธอต้องนึกถึงแต่เขาด้วยนะ หรือคำแช่งของสารวัตรจะเป็นจริง บ้าสิ ไม่มีทาง'   แพรชมพูได้แต่คิดอย่างสบสันก่อนที่จะหลับไปอย่างลืมตัวก่อนที่จะตื่นขึ้นมาอีกทีเมื่อฝนหยุดตก แพรชมพูกินข้าวที่ปีวราให้มาก่อนที่จะนำถ้วยและจานไปล้างและเอาไปคืนปีวรา     

    "ไม่ต้องบอกใครนะว่าพี่มา พี่ไปล่ะ" แพรชมพูเอ่ยบอกก่อนที่จะขับรถออกมาทันทีโดยไม่หันไปสนใจอีก


    ยอมใจความหน้ามึนอีตาหมอก แฟนพี่เมฆว่างั้น งออออ ชอบอีตาหมอก555 

    พราวคิดถึงแฟนชิมิ555 เดี๋ยวก็กลับมา หุหุหุ จะเริ่มเจ้มจ้นแล้ว ที่ไหนกัน555 จะเริ่มหวานต่างหากหลังๆไปนี้อย่าอยู่ใกล้หมอนนะเดี๋ยวจิกหมอนขาด555

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×