ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    รึจะรักราชนาวี

    ลำดับตอนที่ #17 : ตอนที่8 ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 1.26K
      19
      2 พ.ค. 60

    ตอนที่8 ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน 

    ทำไมถึงห้ามตัวเองไม่ได้? ทำไมอยู่ใกล้ๆเธอแล้วควบคุมตัวเองไม่ได้? มันคืออะไร? และอีกหลายคำถามทำนองนี้ที่อยู่ในหัวของเจ้าสมุทรในวินาทีนี้ เขาไม่เคยเป็นแบบนี้ไม่ว่ากับใครหรือผู้หญิงคนไหนแม้แต่อดีตแฟนสาวที่เคยคบหากัน 

    "นายเป็นอะไรไปเมฆ" เจ้าสมุทรเอ่ยถามตัวเองขณะที่ยกมือขึ้นทาบอกซ้ายที่เต้นไม่เป็นจังหวะเอาเสียเลยเมื่อนึกถึงใครคนนึงที่อยู่บนห้องของน้องสาวก่อนที่จะลดมือลงแล้วนั่งเหม่อนิ่งอยู่อย่างนั้นจนไม่รับรู้ว่าเจ้าพระยาเดินเข้ามาเมื่อไหร่ 

    "พี่เมฆ เฮ้ยพี่ ใจลอยไปไหนว่ะ" เจ้าพระยาเอ่ยเรียกคนเป็นพี่ที่นั่งในลอยอยู่บนโซฟา เสียงเรียกทำให้เจ้าสมุทรหลุดจากภวังค์ความคิดมาหันมอง 

    "นายมาตั้งแต่เมื่อไหร่" เจ้าสมุทรเอ่ยถามน้องชายก่อนที่จะหันมองน้องชายที่นั่งลงข้างๆ  

    "มาตั้งแต่พี่นั่งเงียบอย่างกับก้อนหินแล้ว เป็นไรพี่เงียบเชียว" เจ้าพระยาเอ่ยถาม น้อยครั้งที่พี่ชายเขาจะเหม่อลอยแบบนี้  

    "ไม่รู้สิ ไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกัน ว่าแต่วันนี้ทำไมกลับบ้านได้ล่ะ ทาสีกำแพงวัดเสร็จแล้วเหรอ" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะถามกลับ 

    "เสร็จแล้วดิ แต่พรุ่งนี้ต้องไปทำความสะอาดถนนอีก มะรื่นนี้รู้สึกจะเป็นกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งเดย์ด้วยนะ" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะหยุดขวดน้ำที่พกมาด้วยขึ้นมาดื่ม 

    "จริงสิ ลืมไปเลย พี่กับนายแท้ต้องพาคนอื่นๆไปร่วมงานด้วย ขอบใจที่พูดขึ้นนะลืมไปเสียสนิทใจเลย" เจ้าสมุทรเอ่ยอยางนึกขึ้นมาได้  

    "จริงๆวันนี้ผมกะจะมาบอกผู้กองเรื่องงานทำความสะอาดวันมะรืนนี้แหละ"คนเป็นน้องเอ่ยบอกก่อนที่พูดขึ้นเมื่อนึกขึ้นได้"เออจริงดิ พี่จัดสวนหน้าบ้านใหม่เหรอสวยดีนะร่มรื่นเชียว"  

    "ออกมาสวยแบบนั้นได้เพราะผู้กองเลยนะ ถ้าให้พี่ทำคนเดียวไม่ได้ขนาดนี้หรอก" เจ้าสมุทรเอ่ยก่อนที่จะยิ้มออกมา เจ้าพระยามองพี่ชายก่อนที่จะแอบยิ้มในใจ *'อยู่ใกล้ๆกันแบบนี้ไม่หวั่นไหวบ้างก็ให้รู้ไปสิ พี่เมฆไม่ใช่ก้อนหินยังมีหัวใจอยู่เรื่องจะรู้สึกดีๆกับผู้กองพราวไม่ใช่เรื่องที่เป็นไปไม่ได้'* 

    "เรื่องนายกับหมอจ๋าเป็นยังไงบ้าง ตามติดเขาตลอดแบบนี้ใจอ่อนบ้างรึยัง" คนเป็นพี่เอ่ยถามขึ้นมาทำเอาคนแอบยิ้มในใจหน้าซีดขึ้นทันที 

    "ใจอ่อนอะไรล่ะ หนักกว่าเดิมอีกใจแข็งเหลือเกิ้น ใจแข็งไปเถอะเดี๋ยวพ่อจับเมียเก่าทำเมียใหม่ซะนี่ โอ้ยยยยย ไอ้พี่เมฆรุนแรงกับผมจังผู้กองช่วยที" เจ้าพระยายาเอ่ยก่อนที่จะถูกพี่ชายบีบหูเข้าให้เจ้าพระยาร้องโวยวายก่อนที่จะหันไปเอ่ยฟ้องคนที่เพิ่งเดินลงมาจากบันได 

    "เรื่องของพวกคุณ ฉันไม่สนค่ะ" แพรชมพูพูดก่อนที่จะเดินเข้าไปในห้องครัวเพื่อหาน้ำกิน 

    "ผมเป็นเจ้านายคุณนะผู้กอง โอ้ยพี่เมฆผมพูดเล่นปล่อยเถอะมันเจ็บ" เจ้าพระยาเอ่ยอย่างแสนงอนก่อนจะหันมายกมือขอร้องพี่ชาย เจ้าสมุทรไม่ชอบให้เขาพูดถึงผู้หญิงในในทางไม่ดีหรือพูดว่าจะทำอะไรร้ายกาจใส่ผู้หญิงแม้จะพูดเล่นก็ตาม  '*พี่ชายเขามันพวกให้เกียรติเพศแม่ยิ่งชีพ'* 

    "อย่าพูดแบบนี้อีก ไอ้นิสัยเดิมๆเลิกไปซะจำไม่ได้เหรอว่ามันทำให้นายต้องเจออะไรบ้าง ดีนะวันนั้นปืนลุงเจษกระสุนหมดไม่งั้นได้ไปเฝ้ายมบาลแล้ว" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะทำให้น้องชายนึกย้อนไปถึงหลายปีก่อนที่การกระทำของเขาทำให้เจนติยาต้องแต่งงานกับเขาตั้งแต่ยังเรียนปีสามซึ่งเหตุการณ์ในวันนั้นเขาเกือบถูกพ่อของเจนติยาใช้ปืนลูกซองยิงถึงสองนัดแต่นัดที่สามพ่อตาเขาเล็งจุดสำคัญพอดีเดชะบุญที่เจ้าสมุทรห้ามไว้แถมกระสุนยังหมดทำให้เขารอดมาได้ 

    "นั่นยังไม่รวมตอนที่หมอจ๋าขอหย่าแล้วไปเรียนต่อนะ จำได้มั้ยว่าพ่อตานายทำอะไรกับนาย" เจ้าสมุทรเอ่ยยิ่งทำให้เจ้าพระยากลืนน้ำลายลงคอ ทำไมจะจำไม่ได้ล่ะพ่อตาเขาเอาปืนมาจ่อหน้าผากก่อนที่จะโดนนักเลงรุมกระทืบเสียจนหมดสภาพแถมยังพอไปปล่อยไว้ที่บาร์เกย์อีกด้วย นั้นเพราะเขานอกใจเจนติยา เห็นเธอเป็นของตาย นิสัยเดิมๆของเขาเลวแค่ไหนเขาจำได้ดี 

    "พอแล้วพี่เมฆ ยิ่งพูดผมยิ่งสยอง ผมสำนึกแล้ว แค่ปากมันไม่ดีแค่นั้นแหละ ผู้กองรบกวนชงกาแฟให้ผมแก้วนะ" เจ้าพระยาเอ่ยก่อนที่จะเอ่ยบอกคนที่ยืนอยู่รอน้ำร้อนอยู่ในครัว แพรชมพูได้ยินที่สองพี่น้องพูดแล้วส่ายหน้าไปมา ดารินทร์เคยเล่าให้ฟังว่าเมื่อก่อนพี่น้องคู่นี้ต่างกันยิ่งกว่าฟ้ากับเหว คนพี่อย่างกับเทพบุตร คนน้องอย่างกับซาตาน พี่ชายเงียบๆจริงจังกับทุกเรื่อง น้องชายจริงจังบ้างไม่จริงจังบ้างทำตัวเสเพล แต่หลายปีมานี้คนน้องเริ่มดีขึ้นมาบ้างเพราะสัญญากับน้องชายอีกคนไว้และอีกอย่างคืออยากเปลี่ยนตัวเองเพื่อเจนติยาโดนมีพี่ชายคอยตักเตือนตลอด  

    'ผู้การเจ้าสมุทรคุณเป็นคนที่ดีมากแต่จะให้ฉันเชื่อว่าดีเลิศมันคงเป็นไปไม่ได้' แพรชมพูได้แต่คิดในใจก่อนที่จะหันไปชงกาแฟแล้วเดินออกไปหาสองพี่น้อง 

    "ขอบคุณครับผู้กอง ผมจะมาบอกคุณเรื่องงานวันมะรืนนี้เขาจะจัดกิจกรรมบิ๊กคลีนนิ่งกัน ไปพร้อมพี่เมฆเลยนะไปเจอกันที่จุดเริ่มงาน" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะพูดเองเออเองจนแพรชมพูอยากจะเอากาแฟร้อนราดหน้าคนกำหนดทุกอย่างโดยไม่ปรึกษา *'จะให้ไปกับผู้การเหรอ บ้าที่สุดตั้งแต่เที่ยงมาแทบไม่กล้าสบตาแล้ว'* 

    "ทำไมเป็นคนคิดเองเออเองแบบนี้หมอก นายมะ" เจ้าสมุทรเอ่ยในเชิ่งสั่งสอนแต่ยังไม่ทันพูดจบเสียงโทรศัพท์ก็ดังขึ้นซะก่อน ผู้การหนุ่มหยิบขึ้นมาก่อนที่จะกดรับทันที 

    "ครับแม่ปั้น พัสดุเหรอครับไม่มีนิ ช่วงสองสามวันนี้ผมอยู่บ้านนะครับ คงยังไม่ถึงมั้งครับ ครับผมถ้าถึงแล้วผมจะรายงานเลยครับ ยังไม่มีง่ายๆหรอกครับแม่ปั้น แล้วแต่โชคชะตาเถอะครับสะใภ้ใหม่แม่ปั้นยังไม่ถึงเวลาปรากฏตัวมั้งครับ ครับสวัสดีครับรักแม่นะครับ"  

    "อะไรว่ะพี่ คุยกับแม่คนเดียวเลยไม่ให้ผมคุยมั่ง ใจร้ายชะมัด" คนเป็นน้องโวยวายขึ้นมาหลังจากเจ้าสมุทรวางสาย แค่ฟังจากที่ชายหนุ่มพูดคนเป็นน้องก็รู้ได้ทันทีว่าแม่ปั้นของเจ้าสมุทรนั้นคือ แม่ข้าวปั้น กรรณณารา แม่ของเขาทั้งคู่นั่นเอง 

    "แม่ปั้นบอกจะโทรหานายทีหลัง แม่ฝากของขึ้นมาให้ ถ้ามาส่งให้นายแบ่งไปด้วยมีทั้งของกินของใช้" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะหันไปมองแพรชมพูอย่างไม่เข้าใจตัวเองเมื่อนึกถึงคำถามของมารดา 'เมื่อไหร่พี่เมฆจะมีเมียมีลูกกับคนอื่นเขาคะลูก แม่ปั้นรอนานแล้วนะน้าข้าวกับน้าพีมจะมีหลานกันแล้วนะคะ เฮ่อเมื่อไหร่แม่ปั้นจะมีสะใภ้ใหญ่กับคนอื่นเขาคะลูก สะใภ้รองก็หลุดมือสะใภ้เล็กก็ไม่รู้อยู่ไหน ' *'ทำไมนึกถึงคำพูดของแม่ปั้นแล้วนึกถึงผู้กองแพรชมพูขึ้นมานะ ไม่เข้าใจจริงๆว่าเขาเป็นอะไร'*เจ้าสมุทรได้แต่เอ่ยกับตัวเองในใจอย่างไม่เข้าใจก่อนที่จะมีสายเข้ามา 

    "เจ้าสมุทรครับ ครับเดี๋ยวผมไป" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะหันมองบอกมองอีกสองคนในบ้าน "พี่ต้องออกไปทำภารกิจถึงพรุ่งนี้เย็น เจอกันวันมะรืนแล้วกัน เรื่องกล้วยไม้คงต้องเลื่อนไปก่อนแต่พรุ่งนี้เคนคงเอาบัวไทยมาให้รบกวนผู้กองด้วยนะครับแล้วเจอกันพรุ่งนี้ครับ" 

    "เฮ้ยไอ้พี่เมฆ อะไรว่ะไปไวจริง เฮ่อ เดี๋ยวก็เย็นแล้วไปกินข้าวข้างนอกกับผมดีกว่าผู้กอง ไม่ต้องรบกวนเจ๊ดา ป่ะ ชมวิวสัตหีบแล้วเลยไปพัทยากัน" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะเอ่ยชวนหญิงสาว 'นับวันเขายิ่งเอ็นดูเธอคนนี้เหมือนน้องสาวอีกคน'

    แพรชมพูในชุดดูทะมัดทะแมงเบื้อง่างสวมรองเท้าผ้าใบคู่โปรดผมยาวสลวยถูกมัดรวบไปด้านหลังอย่างไม่ใส่ใจยืนกอดอกหันมองนาฬิกาก่อนที่จะถอนหายใจออกมา 'เจ้าสมุทรบอกจะกลับเย็นๆแต่นี่มันล่วงเลยมาถึงเจ็ดโมงเช้าวันถัดมาแล้ว ทั้งคนทั้งรถยังไม่โผล่มาเลย 

    "แล้วจะไปยังไงเนี้ย ไหนบอกจะกลับเมื่อวานไงผิดสัญญาชัดๆเลย ไหนบอกถือสัจจะไงเล่าทหารน่ะ" แพรชมพูเอ่ยบ่นอย่างแสนงอน เขาบอกจะกลับเมื่องานทำให้เธอรอกินกับข้าวฝีมือเขาอยู่จนดึกสุดท้ายต้องต้มมาม่ากินอย่างหัวเสีย 

    บรืนนน เสียงดังจากหน้าบ้านที่แพรชมพูฟังก็รู้ว่าเป็นรถของเจ้าสมุทรทำให้หญิงสาวแอบมองผ่านระเบียงห้อง สภาพของเจ้าสมุทรเหมือนไปคลุกฝุ่นที่ไหนมาสักแห่งทั้งเปื้อนฝุ่นและเปื้อนคราบที่น้ำตาลแดงที่เธอมองปราดเดียวก็รู้ว่ารอยเลือด 

    *'ไปสู้กับใครมาล่ะนั้น อย่างกับหนุมานคลุกฝุ่น ฝุ่นเต็มเชียว เลือดนั่นเลือดเขารึเปล่านะ?'*หญิงสาวได้แต่คิดในใจก่อนที่จะทำท่าเป็นเดินไปเปิดประตูเมื่อเห็นเขาเข้าบ้านได้สักพัก และเธอคิดไว้ว่าต้องพอดีกับที่เขาจะเดินขึ้นบันไดมาผ่านหน้าห้องเธอ 

    "ขอโทษนะครับที่ผิดสัญญา พอดีมีอีกภารกิจเข้ามาพอดี รอผมสักสิบนาทีนะครับขออาบน้ำก่อน" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินไปที่ห้องอย่างรวดเร็วโดยไม่เปิดโอกาสให้เธอได้ถามสักนิด 

    "ชิ" แพรชมพูถึงกับหมั่นไส้ก่อยที่จะเดินลงบันไดมาทันทีก่อนที่จะเดินไปชงกาแฟดื่มเพื่อรอคนบอกให้รอ 

    "ไม่ได้ตั้งใจจะชงเผื่อนะ แค่ชงกาแฟจากสูตรที่กินประจำ" แพรชมพูเอ่ยกับแก้วกาแฟที่เธอชงเผื่อเจ้าสมุทรโดยไม่รู้ตัวเลยว่าชายหนุ่มลงมายืนข้างหลังแล้ว เจ้าสมุทรยิ้มก่อนที่ขมวดคิ้วอย่างไม่เข้าใจความรู้สึกของตัวเอง ที่ช่วงนี้ช่างว้าวุ่นแต่เรื่องของหญิงสาวตรงหน้า 

    "อ้าวมาพอดี พอดีฉันชงกาแฟผิดสูตรไหนๆก็ชงไปแล้วเสียดายคุณก็กินๆไปล่ะกัน" แพรชมพูเอ่ยหลังจากชงกาแฟเสร็จแล้วหันหลังมาเจอกับคนที่ไม่ได้ตั้งใจจะชงเผื่อ 

    "ขอบคุณครับ ถึงไม่ได้ตั้งใจแต่ก็ขอบคุณมาก" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่นั่งลงบนเก้าอี้ด้วยความอ่อนเพลียนิดหน่อย  

    "มือคุณไปโดนอะไรมาเหรอ" แพรชมพูเอ่ยถามออกมาอย่างอดไม่อยู่เมื่อมองไปเห็นผ้าพันแผลที่ฝ่ามือด้านซ้ายของชายหนุ่ม 

    "โดนมีดตอนปะทะกับคนร้ายน่ะครับ ไม่ใหญ่มากเพื่อนทำแผลให้เรียบร้อย" เจ้าสมุทรเอ่ยบอก เพื่อนที่ว่าก็คืออนาคินทร์นั่นเองหลังจากเสร็จธุระเพื่อนหนุ่มก็ต้องรีบมุ่งหน้าไปสนามบินทันทีเมื่อรู้จากพ่อว่าภรรยาตีทะเบียนหกล้มในห้องน้ำซึ่งหญิงสาวกำลังตั้งครรภ์ได้หกเดือนแล้ว 

    "ใครทำน่ะ ทำแผลได้ห่วยมาก ฉันทำได้ดีกว่าเลยเชื่อมั้ย" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะเปรียบเทียบฝีมือการทำแผลของตัวเองกับคนที่ทำแผลใหชายหนุ่ม ผ้าพันแผลช่างไม่เรียบร้อยเอาซะเลยเหมือนเร่งๆรีบๆ 

    "ผมเชื่อครับ ตำรวจหญิงหลายคนเรียนรู้เรื่องการทำแผลมาอย่างดีน้องมินก็เคยเรียน ส่วนแผลนี้เคนทำครับ พอดีพ่อเคนโทรมาว่าคุณนริสาภรรยาของเคนหกล้มในห้องน้ำ เคนเลยรีบไปไม่รู้คุณนุ่นกับลูกจะเป็นไงบ้างเหมือนกัน" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะนึกห่วงภรรยาของเพื่อนกับหลานขึ้นมา 

    "ลูก นี่คุณเคนมีลูกด้วยเหรอ เท่าที่ได้ยินเหมือนว่าเขาจะถูกจับแต่งงานนิ แล้ววันนั้นฉันยังสงสัยทำไมไม่เห็นภรรยาเขา" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะซดกาแฟจนหมดแก้วแล้วเดินไปหยิบกล่องยาสามัญประจำบ้านมาทำเเผลให้ชายหนุ่มใหม่ 

    "คุณนุ่นเธออยู่กับพ่อของเคนแล้วก็แม่ของเธอที่บ้านในกรุงเทพครับ อยู่ที่นั่นมาตลอดแต่ไหนแต่ไรมีแค่เคนที่ต้องมาอยู่นี่ตั้งแต่เด็กๆจนกระทั้งลงหลักปักฐานที่นี่ตอนเรียนเตรียม" เจ้าสมุทรเอ่ยบอก "เรื่องในครอบครัวของเคนค่อนข้างซับซ้อน แม่แต่งงานใหม่มีลูกชายคนนึง พ่อเองก็แต่งงานใหม่มีลูกสาวอีกคนนึง แม่เลี้ยงของเคนมีลูกติดมาคนนึง เคนไม่ชอบภรรยาใหม่พ่อเลยมาอยู่กับปู่ย่าที่บ้านเรือนไทยนั้นแต่เด็กขึ้นไปอยู่โน่นบ้างช่วงปิดเทอมแต่ก็อยู่ได้ไม่นานก็กลับมานี่ต่อ" 

    "หึ เขามาจากครอบครัวที่แตกแยกไม่ต่างจากฉันเท่าไหร่เลย แล้วเขาเป็นไงต่อทำไมถึงได้ถูกบังคับให้แต่งงานกับลูกติดของแม่เลี้ยง" แพรชมพูเอ่ยเบาๆก่อนที่จะเอ่ยถามเสียงดังอย่างนึกขึ้นได้ 

    "ผมก็ไม่แน่ใจถึงที่มาที่ไป เพราะตอนนั้นผมเพิ่งจะ20 เอาเวลาไปหวงน้องสาวคุมประพฤติน้องชายจนไม่สนใจเพื่อน รู้อีกทีก็แต่งงานกันไปแล้วแล้วคุณนุ่นก็ไปเรียนต่อเพิ่งกลับมาเมื่อปีที่แล้ว คุณลุงคินพ่อของเคนอยากอุ้มหลานเลยอยากให้เคนกับคุณนุ่นมีลูกด้วยกัน แต่คุณนุ่นขอเป็นการทำเด็กหลอดแก้วแทนวิธีธรรมชาติ ตอนนี้ก็ท้องได้6เดือนแล้ว" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะก้มลงมองคนที่ทำแผลให้ตนไปแล้วฟังไป 

    "คุณนุ่นอะไรนั่นก็แปลกแต่งงานกันไปแล้วจะยังไปอยู่กับพ่อเลี่ยงกับแม่ทำไม พ่อคุณเคนนี่ก็อีกเหมือนจะตามใจลูกสะใภ้ทุกอย่างระวังเถอะสักวันคุณเคนจะระเบิดอารมณ์ออกมา" แพรชมพูว่าอย่างเข้าใจความรู้สึกคนบ้านแตกพ่อแม่เลิกรากันไปเป็นอย่างดี  

    "คงไม่ใช่เร็วๆนี้หรอกครับ ผมกับทุกคนก็กลัวๆอยู่" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะชักมือกลับเมื่อแพรชมพูทำแผลให้เสร็จก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วหันมาบอก "เอาล่ะลบเรื่องนายเคนไปก่อน เราไปกันดีกว่าครับผมพร้อมแล้ว"  

    "นั่นสินะ ไปสิ" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะลุกขึ้นก่อนที่ทั้งสองจะเดินไปที่รถ เจ้าสมุทรเลือกที่จะใช้รถกระบะแทน เจ้าสมุทรขับรถมาจนถึงที่จอดรถในงานก่อนที่จะขยับเข้าไปจอด ชายหนุ่มปลดเข็มขัดนิรภัยออกก่อนที่จะหันไปมองแพรชมพูที่เหมือนจะปลดล็อคเข็มขัดนิรภัยไม่ได้ 

    "มีอะไรรึเปล่าคุณ" เจ้าสมุทรเอ่ยถามอย่างสงสัยก่อนที่จะหันมองที่ปลดล็อคของเข็มขัดนิรภัย 

    "ไม่รู้สิ มันดึงไม่ออก" แพรชมพูเอ่ยบอกพร้อมทั้งพยายามจะปลดล็อคให้ได้ เจ้าสมุทรจึงขยับมาช่วยเพราะมือซ้ายเจ็บอยู่เจ้าสมุทรจึงต้องใช้มือขวาทำให้เขาต้องเลื่อนตัวมาใกล้  

    "ได้แล้วครับ" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่จะละความสนใจจากเข็มขัดนิรภัยมาที่ใบหน้าหวานสายตาสบกันก่อนที่เจ้าสมุทรจะเลื่อนใบหน้าเข้าใกล้ใบหน้าหวานอย่างไม่รู้ตัวและไม่อาจควบคุมได้ ริมฝีปากหนาขยับเข้าใกล้ก่อนที่จะทาบทับลงบนริมฝีปากบางอย่างแผ่วเบาและไม่รู้ตัว 

    ลมหายใจร้อนรินรดกันจนแทบเป็นลมหายใจเดียวก่อนที่ลิ้นร้อนจะแทรกเข้าไปในโพลงปากหวานอย่างเคลิบเคลิ้มโดยที่เจ้าของโพลงปากหาได้สติห้ามปามความรู้สึกและสิ่งแปลกใหม่ที่ได้สัมผัสทำให้แพรชมพูหลงเคลิ้มจนไม่ทันได้ฉุกคิด  ด้านเจ้าสมุทรใช้ลิ้นร้อนเข้าชิมรสหวานจากโพลงปากหวานอย่างหลงไหล 

    รสหวานที่ได้รับไม่หวานเหมือนน้ำตาลแต่หวานติดลิ้นอย่างอธิบายไม่ถูกเขาไม่เคยลิ้มรสหวานแบบนี้มาก่อนจนเกิดอาการตะกละอยากชื่นชมความหอมหวานนี้มากยิ่งขึ้นอย่างบอกไม่ถูก แต่ก่อนที่เจ้าสมุทรจะได้ทำอย่างจิตใต้สำนักปรารถนาแพรชมพูที่รู้สึกคล้ายจะขาดอาการหายใจเริ่มรู้สึกตัว 

    หญิงสาวผลัดร่างใหญ่เจ้าของจูบพิฆาตใจออกจนลำตัวหนาไปติดประตูรถก่อนที่ฝ่ามือบางจะฟาดลงบนหน้าของเจ้าสมุทรอย่างแรงแล้วเปิดประตูออกจากรถไปทันที 

    "ผู้ ผู้กองครับ" เมื่อสติทั้งหมดกลับมาเพราะความเจ็บชาที่แก้มทำให้เจ้าสมุทรรู้สึกผิดกับสิ่งที่ทำไปจนอยากจะขอโทษแต่ไม่ทันเสียแล้วเมื่อแพรชมพูเดินหายไปแล้ว 

    "บ้าจริงเมฆ นายเป็นบ้าอะไร ไปทำแบบนั้นทำไม" เจ้าสมุทรได้แต่ด่าตัวเองกับสิ่งที่ทำไปก่อนที่จะยกมือขึ้นแตะริมฝีปากความนุ่มนิ่มจากริมฝีปากบางยังตราตรึง ความหอมหวานจากโพลงปากยังคงติดลิ้นตราตรึงในหัวใจอย่างไม่เข้าใจตัวเอง แค่ได้สบตาทำให้เขาไม่อาจห้ามใจจนเผลอไผลไปอย่างไม่รู้ตัว 

    สิ่งที่ทำไปแม้จิตใต้สำนึกจะรู้สึกดีแต่มันเป็นการไม่ให้เกียรติผู้หญิงซึ่งเขาเคยสาบานกับตัวเองว่าจะให้เกียรติผู้หญิงยิ่งกว่าชีวิตของตัวเอง อีกด้านนึงคนยอมให้ชายหนุ่มจูบอย่างเผลอไผลกำลังบริภาษตัวเองในกระจกหน้าห้องน้ำสาธารณะอย่างไม่ชอบใจ 

    "บ้าที่สุด บ้าจริงๆไอ้พราวเอ้ย" แพรชมพูเอ่ยก่อนที่จะเปิดน้ำแล้วรองรับน้ำมาล้างหน้าขยี้ริมฝีปากอย่างแรง ไม่มีความรู้สึกขยะแขยงต่อสิ่งที่เกิดขึ้นมีเพียงโกรธตัวเองที่เผลอไผลและโกรธเจ้าสมุทรที่เธอหลงไว้ใจ ที่ผ่านมาเขาทำให้เธอไว้ใจได้จนก่อนที่เขาจะจูบเธอหรือแม้แต่ตอนนี้ใจเจ้ากรรมก็ยังไว้ใจเขาอยู่

    "บ้าเอ้ยไอ้พราว นายนั่ยเป็นทหารเรือนะจำไว้ อย่าไปหลงกะอีแค่นายนั่นเผลอมาจูบเชียวนะ" แพรชมพูบอกตัวเองก่อนที่จะเดินเข้าไปในงานโดยเลือกที่จะหลบหน้าหลบตาเจ้าสมุทรที่เหมือนจะตามหาใครสักคนอยู่ ด้านเจ้าสมุทรมองหาแพรชมพูเพราะอยากที่จะขอโทษผู้กองสาวแต่จนแล้วจนรอดก็ยังไม่เจอจนกระทั่งเลิกงาน 

    "อ้าวพี่อยู่นี่เอง ผมกำลังหาอยู่พอดี ผมจะบอกพี่ว่าไม่ต้องรอผู้กองพราวนะกลับเลย ผู้กองเขานัดกับเพื่อนไว้ที่พัทยาเลยไปกับผู้กองโอมแล้ว คงกลับพรุ่งนี้เช้า" เจ้าพระยาเอ่ยบอกหลังจากตามหาพี่ชายเจอ 

    "จะไปไหน?" เจ้าสมุทรเอ่ยถามน้องชายหลังจากที่เจ้าพระยาเอ่ยจบแล้วทำท่าจะเดินออกไป

    "ไปส่งจ๋า" เจ้าพระยาเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินออกไปแล้วพีรชนกเดินเข้ามาพร้อมกับพิมพ์ชนกแฝดผู้น้องของชายหนุ่ม 

    "ดูใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวเลยนะเมฆ" พิมพ์ชนกเอ่ยถามเพื่อนของแฝดผู้พี่อย่างสนิทสนมเพื่อนของพีรชนกก็เพื่อนของเธอเพื่อนของเธอก็เหมือนเพื่อนของพีรชนก 

    "ทำไมคิดแบบนั้นล่ะพริกไทย" เจ้าสมุทรเอ่ยถามอย่างสงสัย ใช่เขาใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัวจริงๆ เพราะใจมัวแต่ว้าวุ่นอยู่กับการตามหาแพรชมพู 

    "ก็คนอย่างผู้การเมฆไม่เคยละเลยลูกน้องแต่วันนี้เมฆเอาแต่มองหาใครสักคนแบบนี้เขาเรียกว่าใจไม่อยู่กับเนื้อกับตัว เชื่อพริกไทยสิ พริกไทยเคยเป็นแบบนี้ตอนพี่พายโกรธแล้วไม่ยอมกลับบ้าน" พิมพ์ชนกเอ่ยบอก "แบบเนี้ยเมฆกำลังมีความรักชัวร์"  

    "เราเนี้ยนะพริกไทย กำลังมีความรัก" เจ้าสมุทรเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อ 

    "เชื่อพริกไทยสิ พริกไทยเคยมาก่อน อุ้ยพี่พายเรียกแล้วไปก่อน" พิมพ์ชนกเอ่ยบอกก่อนที่จะขอตัวเดินออกไปเมื่อพายัพเมฆอุ้มลูกเดินมาเรียกอยู่ไกลๆ 

    "ผู้การเมฆกำลังมีความรัก555 ใครน๊าผู้หญิงโชคดีคนนั้น ใช่ผู้กองพราวรึเปล่าาาา เมียโทรตามกลับก่อนนะ" พีรชนกเอ่ยล้อก่อนที่จะขอตัวกลับเมื่อภรรยาสาวโทรศัพท์มาตาม เจ้าสมุทรยังคงอึ้งๆก่อนที่จะส่ายหน้าอย่างไม่เชื่อสิ่งที่พิมพ์ชนกพูดและคิดในใจว่าคงไม่ใช่  

    ดวงตาคมกล้ามองคนที่เดินผ่านไปผ่านมาอย่างสับสน ไม่ใช่ผู้คนรอบข้างที่สับสนแต่เป็นใจเขาที่มันสับสนเหลือเกิน เขายังไม่กลับบ้านแต่มาที่สวนสาธารณะแห่งนี้แทน            

    "มานั่งทำอะไรอยู่นี่คนเดียวครับพี่ชาย" เสียงทักที่ไม่ได้ยินมานานทำให้เจ้าสมุทรต้องหันหน้าไปมอง ดวงตาคมมองชายตรงหน้าก่อนที่จะยิ้มออกมาเพราะไม่ได้เจอชายคนนี้มาสักพักแล้ว      

    "สบายดีเหรอฝุ่น"เจ้าสมุทรเอ่ยถามฝุ่นหรือเรืออากาศโทไต้ฝุ่น ทหารอากาศหนุ่มที่เกือบจะได้เป็นน้องเขยของเขา          

    "สบายดีครับ แล้วพี่ล่ะสบายดีมั้ยมาทำไรแถวนี้" ไต้ฝุ่นเอ่ยบอกก่อนที่จะถามอีกฝ่ายอย่างสงสัยเพราะสวนสาธารณะแห่งนี้ไม่ได้อยู่ในทางผ่านบ้านของเจ้าสมุทรเลย           

    "สบายดี พี่มีเรื่องไม่เข้าใจตัวเองนิดหน่อยเลยอยากอยู่กับตัวเองสักพัก ที่นี่พี่กับน้องๆชอบมานั่งเล่นกันมันทำให้พี่สบายใจและอบอุ่น" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกก่อนที่ไต้ฝุ่นจะเดินเข้ามาทรุดลงนั่งข้างๆ           

    "เอาน๊าพี่ค่อยๆคิดเดี๋ยวก็เข้าใจ แต่อย่าปิดกั้นความรู้สึกนเดี๋ยวจะเหมือนผม รู้ตัวเมื่อสายไปแล้ว" ไต้ฝุ่นเอ่ยบอกทำให้เจ้าสมุทรหันมองอย่างสงสัย          

    "ที่ผ่านมาผมไม่เคยรู้เลยว่าความรู้สึกที่ผมมีให้มินมันคืออะไร มันคลุมเครือ ไม่เข้าใจตัวเองกับสิ่งที่ทำไป ผมทำอะไรไปทั้งที่ไม่รู้ตัวและไม่รู้ว่าความรู้สึกที่มีให้มินมันคืออะไรจนกระทั้งวันที่มินจากไปผมถึงได้รู้ว่ามันคือความรักที่เริ่มพัฒนาจากความผูกพัน ความรู้สึกดีๆที่เรียกว่าความรัก แต่กว่าจะรู้ตัวมันก็สายไปแล้วไม่มีจันทร์เจ้าขาที่ผมจะได้รักและดูแลอีกแล้ว" ไต้ฝุ่นเอ่ยบอกเสียงสั่น วันนี้เขาได้รู้หัวใจตัวเองคือวันที่จันทร์เจ้าขาถูกลอบยิงเขาไปหาเธอไม่ทันจะได้บอกสิ่งที่เพิ่งรู้ด้วยซ้ำ       

    " ผมคงต้องไปแล้วผมแค่แวะมาในที่ที่มินเคยพามาเพราะคิดถึงมิน  อ้อลืม ผมขอเตือนพี่ไว้ข้อนึงนะ ถ้ารู้สึกดีๆกับผู้หญิงคนไหนแล้วอย่าให้เธอหลุดมือไปรักษาเธอให้ดีพูดซะตั้งแต่มั่นใจความรู้สึกของตัวเอง อย่าให้ต้องมาเสียใจแบบผม ไปแล้วพี่สวัสดีครับ" ไต้ฝุ่นเอ่ยบอกก่อนที่จะเดินออกไปทิ้งให้เจ้าสมุทรอดสงสารชายหนุ่มรุ่นน้องไม่ได้ ก่อนที่จะลุกขึ้นยืนแล้วพ้นลมหายใจออกมาอย่างแรงก่อนที่จะเดินกลับไปที่รถ        

    ความทรงจำยังคงชัดเจนในสมองของเจ้าสมุทรความรู้สึกที่ได้สัมผัสริมฝีปากบางยังคงตราตรึงในใจ ความหอมหวานละมุนลิ้นยังคงติดลิ้นและติดในความรู้สึก มันคืออะไรเขายังไม่แน่ใจ ไม่เข้าใจและไม่อาจบอกตัวเองได้ว่ามันคืออะไร         อีกด้านนึงแพรชมพูนั่งเท้าคางกับโต๊ะมองอนาวีกับปารวีกระเซ้าเย้าแหย่กันอย่างคิดถึงด้วยความรู้สึกเบื่อแต่ก็เข้าใจเพื่อนทั้งสองที่ไม่ค่อยมีเวลาอยู่ด้วยกันเท่าไหร่         

    "อย่าทำหน้าแบบนั้นดิแก ฉันสองคนขอสวีทกันแป๊บนะเดี๋ยวค่อยว่ากัน" ปารวีเอ่ยบอกก่อนที่จะป้อนขนมให้แฟนหนุ่ม อนาวีหอมแก้มแฟนสาวก่อนที่จะโทรศัพท์จะดังขึ้น         

    "เดี๋ยวโอมมานะ แม่โทรมา" อนาวีเอ่ยบอกก่อนที่จะลุกขึ้นแล้วเดินออกไป ความจริงเขาไม่มีความลัลต่อปารวีหรือแม้แต่กับเพื่อนร่วมงานสาวแต่เพราะอยากให้ทั้งสองได้คุยกันบ้างก็เท่านั้นและปารวีเองก็รู้ดี         

    "คุยเสร็จแล้วไปซื้อตั๋วหนังมาด้วยน๊าโอม" ปารวีเอ่ยบอก อนาวีพยักหน้ารับโดยไม่ได้หันมามอง         

    "มีอะไรในใจป่ะแก ฉันเห็นแกไม่ค่อยสดชื่นเลย หรือว่าอึดอัด เพื่อนขอโทษเพื่อนจะสนใจแกให้มากกว่านี้" ปารวีเอ่ยถามก่อนที่จะคิดไปไกลว่าแพรชมพูเบื่อหน่ายหรืออึดอัดที่ตนเอาแต่สนใจอนาวี         

    "เปล่า ไม่ใช่แบบนั้นหรอก เปีย แกเคยเผลอใจให้ใครจูบแบบเผลอๆเบลอๆป่ะ" แพรชมพูเอ่ยปฏิเสธก่อนคนคิดมากจะคิดไปไกลก่อนที่จะเอ่ยถามอย่างไม่กล้าถามเท่าไหร่         

    "แกว่าไงนะ อย่าบอกนะว่าแกไปเผลอใจให้ใครจูบ มันเป็นใคร อย่าบอกนะแกว่าเป็นอีตาสารวัตรอะไรนั้นโอมบอกว่าเขากับแกดูสนิทกันมาก ปกติแกไม่สนิทกับใครขนาดนั้นนะ" ปารวีเอ่ยอย่างตกใจและคาดเดาอย่างคิดไปไกล เพราะอนาวีมักจะเล่าให้ฟังถึงผู้บังคับบัญชาคนใหม่ที่ดูจะสนใจและสนิทสนมกับแพรชมพูมากพอควร แถมแพรชมพูยังพูดคุยด้วยอย่างไม่อึดอัด         

    "บ้าสิแก อีตาสารวัตรหมอกเขามีคนที่เขารักอยู่แล้ว โอมกับคนอื่นคิดบ้าๆกันไปเอง ส่วนเรื่องสนิทฉันไม่แน่ใจอ่ะฉันรู้สึกเหมือนเขาเป็นพี่ชายที่ปรึกษาได้อ่ะ ส่วนที่เขามาทำตัวสนิทคงเพราะฉันเป็นคนจับคนที่สั่งเก็บน้องเขาได้มั้ง" แพรชมพูเอ่ย ถึงปารวีจะเดาผิดแต่ก็ใกล้เคยแหละน๊า ไม่ใช่สารวัตรหนุ่มแต่เป็นพี่ชายของสารวัตรนั้นต่างหาก        

    "ไม่ใช่สารวัตรนั่นแล้วใคร บอกมาไม่บอกเพื่อนโกรธ" ปารวีเอ่ยถามอย่างคาดคั้นก่อนที่จะเบิกตากว้าง "อย่าบอกนะว่าเป็นพี่ชายของสารวัตรเจ้าพระยานั่น"         

    "อือ" แพรชมพูพยักหน้าพร้อมทำเสียงตอบรับในลำคอก่อนที่จะเอ่ยเล่าให้อีกฝ่ายฟัง "เมื่อเช้าดัมเบลมันปลดไม่ได้เขาเลยช่วยแต่ฉันก็งงว่าเกิดอะไรขึ้น รู้สึกตัวอีกทีฉันก็หายใจแทบไม่ออกแล้ว"      

     "จริงดิ แล้วรู้สึกยังไงบ้าง" ปารวีเอ่ยถามอย่างไม่อยากเชื่อและสนใจใคร่รู้       

    "เรื่องอะไรฉันต้องบอกแกหะ ไม่ต้องมาคาดคั้นด้วยถ้าไม่อยากโดนแฟนเท ถ้าแกมาคาดคั้นฉันฉันจะหาเมียใหม่ให้โอมเอาดิ แถวนั้นแจ่มๆเยอะ" แพรชมพูเอ่ยด้วยเสียงโมโหกลบเกลื่อนพร้อมทั้งขู่เพื่อนรักเพื่อเปลี่ยนเรื่อง ปารวีมองคนโมโหที่ใบหน้าแดงระเรื่อจนปิดไม่มิดแบบที่ไม่เคยเป็นมาก่อน ไม่เคยเกิดอาการแบบนี้กับเพื่อนสาวสุดห้าวของเธอ แบบนี้เธอชักอยากจะเจอหน้าผู้การคนนั้นเสียแล้ว        

    "แกๆ ขยับมาฉันจะบอกอะไรให้" ปารวีเอ่ยบอก แพรชมพูจึงขยับเข้ามาใกล้ก่อนที่ปารวีจะกระซิบบอก 

    "หน้าแกแดงมากอ่ะ แสดงว่ารู้สึกดีอะดิ"        "บ้า รู้สึกดงรู้สึกดีบ้าอะไรไหนใครหน้าแดงไม่มี ฉันจะหาเมียใหม่ให้โอมคอยดูสิ" แพรชมพูเอ่ยบอกโวยวายก่อนที่จะคาดโทษเพื่อน         

    "ชิ ถ้าแกหาเมียใหม่ให้โอมนะ ฉันจะจับแกปล้ำ เป็นทอมมันไปเลย" ปารวีเอ่ยก่อนที่ทั้งสองจะหัวเราะกันออกมาอย่างขำขัน    

    " พราว ที่แรกแกถามฉันใช่มั้ยว่าฉันเคยมั้ย  ฉันเคยเป็นแบบนั้นนะกับโอมเนี้ยแหละตอนยังไม่คบกันอ่ะ ฉันเคยได้ยินมาว่า...โลกนี้จะมีแรงดึงดูดให้ของสองสิ่งที่คู่กันเข้าใกล้กัน คนเราถ้าเป็นคู่กันก็จะมีพลังบางอย่างดึงดูดให้มาใกล้ชิดกันทำอะไรไปโดยไม่รู้ตัวหรือควบคุมตัวเองไม่ได้"        

    "หยุดเลยแกกำลังจะโยงเข้ามาว่าฉันกับผู้การเป็นคู่กันใช่มั้ย เลิกเพ้อเจ้อเลยเว้ย ดูปากไอ้พราวนะเว้ย ฉันเกลียดทหารเรือ ต่อให้อีตานั่นต่างจากทหารเรือคนอื่นแต่ก็เป็นทหารเรือ" แพรชมพูพูดก่อนที่จะลุกขึ้นยืน "ฉันกลับดีกว่า ขี้เกียจนั่งมองคนจู๋จี๋กัน ขนลุก"        "อย่ากลืนน้ำลายตัวเองน๊า" ปารวีเอ่ยตามหลังคนที่เดินออกไป ก่อนที่จะยิ้มออกมา พรุ่งนี้เธอคงต้องแวะไปหาเพื่อนเพื่อดูหน้าผู้การหนุ่มที่ทำให้เพื่อนออกอาการหน้าแดงสักหน่อยแล้ว        

    เอี๊ยดดดด         

    เสียงประตูดังขึ้นเบาๆก่อนที่ร่างบางจะโผล่เข้ามาในบ้าน ดวงตากลมมองซ้ายแลขวาเพื่อจหาใครบางคนก่อนที่จะปิดประตูเมื่อแน่ใจว่าไม่มีร่างของใครบางคนที่เธอหลบหน้ามาตั้งแต่เช้า เมื่อเดินเข้ามาเรื่อยๆเสียงเพลงก็ต้องดังคลอมาน่าจะมาจากห้องนั่งเล่น แพรชมพูเดินมาจนถึงห้องนั่งเล่นก่อนที่จะมองเห็นร่างสูงนอนราบกับโซฟาแขนสองข้างกอดอก แพรชมพูมองสักพักก่อนที่จะค่อยๆเดินเลี่ยงไปแต่กลับชนเข้ากับโต๊ะจนของตกลงกับพื้น        

    เปลือกตาหนาลืมขึ้นก่อนที่จะหันไปเห็นร่างบางจนต้องรีบถลาลุกขึ้นแล้วเดินออกมา        

    "ผู้กองครับ เดี๋ยวสิอย่าเพิ่งไป คุยกันก่อนนะครับ" เจ้าสมุทรเอ่ยเรียกคนที่กะจะวิ่งหนีขึ้นห้องไปก่อนที่จะเดินมาขวางหน้า       

    "ฉันไม่อยากคุยกับคุณ กรุณาหลีกทางด้วย" ผู้กองสาวเอ่ยด้วยเสียงเข้ม        

    "ผมขอโทษครับ ขอโทษเรื่องเมื่อเช้า ผมไม่เข้าใจตัวเองเหมือนกันว่าทำไมถึงทำแบบนั้น แต่ผมไม่มีเจตนาจะล่วงเกินไม่ให้เกียรติคุณเลยนะครับ ผมขอโทษ ผมผิดเอง" เจ้าสมุทรเอ่ยบอกทำให้แพรชมพูมองอีกฝ่ายอย่างตกตะลึง 'จะมีผู้ชายสักกี่คนที่มาขอโทษและโทษตัวเองในเรื่องแบบนี้กัน'       

    "พอแล้วคุณ คิดว่าไม่มีอะไรเกิดขึ้นเถอะ คุณกับฉันเรากผ้ต่างไม่รู้ตัว ลืมๆไปซะ แบบนั้นจะทำให้เราอยู่ด้วยกันโดยไม่ทะเลาะกันได้ โอเคนะ จบ ฉันง่วงแล้วขอไปนอนนะ พรุ่งนี้อยากกินโจ๊ก โคเคบาย" แพรชมพูเอ่ยรวดเดียวจบก่อนที่จะวิ่งตรงขึ้นบันไดไป ทิ้งให้เจ้าสมุทรมองก่อนที่จะถอนหายใจออกมา *'ผมก็ยังไม่เข้าใจตัวเองอยู่ที่'*         


    ไม่เข้าใจก็ไม่ต้องเข้าใจค่ะพี่เมฆฆฆฆฆ ไรต์ป่านรักพี่เมฆเหมือนเดิมแอบอิจยัยพราวด้วย


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×