ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    เจ้าสาว(ตัวร้าย)ม.ปลายที่รัก

    ลำดับตอนที่ #7 : บทที่6 ข้างๆกาย

    • อัปเดตล่าสุด 2 พ.ย. 60


    บทที่ 6 ข้างๆกาย


    แก้วน้ำสีอำพันถูกยกขึ้นกระดกรวดเดียวหมดแก้วก่อนที่จะถูกวางลง  ตั้งแต่บ่ายจนถึงตอนนี้ก็หลายชั่วโมงแล้วที่พายัพเมฆนั่งดื่มรับแอลกอฮอล์เข้าสู่กระแสเลือด ฤทธิ์ของมันแล่นพุ่งพล่านไปทั่วทั้งร่างของเขาแต่กระนั้นมันก็ไม่ได้ทำให้เขาลืมความเจ็บปวดที่เพิ่งผ่านไป

    "น้าพาย พอแล้ว เลิกดื่มได้แล้ว" พิมพ์ชนกบอกอย่างเป็นห่วง หลังจากออกจากร้านพิมพ์ชนกก็พาร่างที่แทบจะไร้เรี่ยวแรงของพายัพเมฆกลับมาที่บ้าน ที่นี่ไม่มีใครอยู่เพลิงตะวันและนารารินพ่อและแม่ของพายัเมฆก็ไปค้างที่บ้านของพีมตะวัน จะปล่อยชายหนุ่มไว้เธอก็เป็นห่วงเกินกว่าจะปล่อยไว้ได้

    "ไม่ต้องมายุ่ง จะไปไหนก็ไป" เสียงจากคนเริ่มเมาบอกทำให้เด็กสาวน้อยใจไม่น้อยแต่ก็ยังคงนั่งอยู่ข้างๆไม่ไปไหน เธอนั่งมองพายัพเมฆดื่มอยู่อย่างนั้นจนกระทั้งร่างนั้นเมาหลับคอพับไป

    ปกติเขาไม่ได้ชอบดื่ม ปกติถ้าไม่ใช่เลี้ยงสังสรรค์เขาไม่แตะเหล้าเลย อกหักกี่ครั้งไม่เคยต้องพึ่งเหล้าแต่วันนี้เขาต้องพึ่งมัน หลายคนมาเห็นคงคิดว่าเขาเป็นแบบนี้เพราะผู้หญิง แม้แต่คนที่นั่งมองเขาดื่มอยู่ข้างๆนี่ก็ด้วย คไม่มีใครเข้าใจความรู้สึกของคนที่ศรัทธาในคำว่าเพื่อนแล้วถูกเพื่อนสนิทหักหลังแบบนี้หรอก อยากจะลืมๆไปซะ ลืมไปว่ามีเพื่อนคนนี้อยู่ ลืมมิตรภาพที่ผ่านมา

    ในขณะที่เขาคิดว่าคงไม่มีคนเข้าใจแต่เขาไม่รู้หรอกว่าพิมพ์ชนกนั้นเข้าใจเขาดี เข้าใจและเห็นใจเขาสุดหัวใจ

    "น้าพาย ๆ" เธอเรียกคนที่ฟรุบหลับไปแล้วเมื่อไม่มีเสียงตอบรับจึงพยายามหิ้วปีกคนเมาขึ้นไปพักบนห้อง แม้จะทุลักทุเลแต่ความพยายามของเธอก็สำเร็จ

    เด็กสาวพาร่างสูงใหญ่ของพายัพเมฆมาถึงห้องและทิ้งร่างนั้นลงบนเตียงอย่างเหนื่อยๆ ดวงตาคู่นั่นจ้องมองร่างเมามายอย่างเห็นใจก่อนที่จะผละออกจากห้องไป แล้วกลับออกมาอีกครั้งพร้อมกับกะละมังใส่น้ำใบน้อยพร้อมกับผ้าขนหนูผืนเล็กสีขาว

    ผ้าขนหนูผืนนั้นถูกเช็ดถูลงบนใบหน้าของคนเมา ความเย็นจากน้ำทำให้สติของพายัพเมฆค่อยๆฟื้นคืน ดวงตาของเขาลืมขึ้นเพียงนิดแต่ก็เห็นคนที่เช็ดหน้าให้เขาชัดเจน 

    พิมพ์ชนก เด็กคนนี้เองที่อยู่ข้างๆเขา ไม่ทิ้งเขาไปไหน ทั้งที่วันนี้เขาพูดแรงๆใส่แต่จนแล้วจนรอดพิมพ์ชนกก็ไม่หายไปไหนยังคงอยู่เคียงข้างเขา และปกป้องเขา

    หลังจากเช็ดหน้าและเช็ดตัวให้เสร็จแล้วเด็กสาวก็นั่งมองอีกฝ่ายอย่างเงียบเฉียบ เธอไม่รู้หรอกว่าพายัพเมฆนั้นรู้สึกตัวแล้วและรับรู้การกระทำของเธอ

    "หวังว่าพรุ่งนี้น้าพายของพริกไทยจะกลับมาเข้มแข็งนะ" เธอพูดก่อนที่จะเอื้อมมือไปวางลงบนแก้มขวาอย่างแผ่วเบานิ้วหัวแม่มือลูบไล้แก้มนั้นอย่างอ่อนโยนแล้ว สัมผัสจากนิ้วนุ่มทำให้พายัพเมฆรู้สึกดีขึ้น แว่บหนึ่งอารมณ์ชั่ววูบบอกกับเขาว่าเขาอยากจะกอดเธอไว้เป็นที่พักพิง เพราะอะไรนั้นไม่อาจจะรู้ได้

    คิดแล้วมือหนาก็ยกขึ้นจับมือนั้นแล้วกระชากจนร่างบางเซลงมาบนอกแกร่ง มือทั้งสองกอดร่างบางนั้นแน่นโดยไม่พูดอะไรในขณะที่พิมพ์ชนกนั้นตกใจจนแทบหยุดหายใจ

    "น้าพาย"  เสียงนั้นเรียกแต่ไร้การตอบรับกลับมาจนต้องเรียกอีกครั้ง "น้าพาย น้าพายคะ"

    เมื่อไม่มีการตอบรับเด็กสาวก็นิ่ง ในใจคิดไปสารพัด พายัพเมฆกอดเธอ หรือว่าคิดว่าเธอเป็นผู้หญิงคนนั้นกันนะ 

    ยิ่งคิดก็ยิ่งไม่เข้าใจ คิดไปคิดมาแล้วไม่คิดจะดีกว่า เมื่อไม่คิดความง่วงก็เข้ามาควบคุมพิมพ์ชนกจนเธอค่อยๆหลับไป อาจจะเพราะอกนั้นอบอุ่นและน่ากอดจึงทำให้เด็กสาวหลับสนิทไปโดยไม่คิดเลยว่าเช้าวันพรุ่งนี้มันอาจจะเปลี่ยนอนาคตเธอไป

    'แปลกดี ทุกๆครั้งที่เศร้าใจคนที่มาอยู่ข้างๆกลับเป็นสาวน้อยคนนี้  หรือมันจะเป็นแบบที่เขาว่า...คนเราไขว้คว้าหาความรักจากที่ไกลๆจนไม่ได้มองเลยว่าข้างๆกายก็มีความรักดีๆที่อาจเป็นรักแท้อยู่' พายัพเมฆคิดแล้วถอนหายใจพรืด เมาแล้วสมองคิดอะไรก็ไม่รู้ ตลอดเวลาที่ผ่านมาเขามองหาความรัก ผู้หญิงจากที่ไกลๆ โดยไม่ได้มองเลยว่าข้างๆตัวมีคนๆหนึ่งที่คอยกวนใจให้ไม่เศร้าอยู่เสมอๆ  ถ้าไม่ติดที่ว่าเคยพูดอะไรไว้กับพ่อแม่ของเด็กสาวเขาจะรักเธอโดยไม่ต้องคิดมาก จะทุ่มทั้งจิตใจให้แก่เธอคนนี้เลย

    'ถ้าเกิดเร็วกว่านี้สักสิบปี แล้วไม่ใช่ลูกของอาธาม เค๊าคงไม่ลังเลใจเลยที่จะรักตัว แต่ตัวเกิดช้าไป ยังต้องพบเจอใครอีกหลากหลายคนที่ดีกว่าคนอายุจะสี่สิบอย่างเค๊า ' คิดแล้วก็นิ่งหลับไป เขาไม่เข้าใจว่าเพราะอะไรถึงคิดแบบนี้ หรือเพราะใจจริงๆแล้วเขารักเธอแต่ห้ามใจตัวเองไว้เพราะความต่างของวัย เขาตัดสินใจแล้วว่านับแต่พรุ่งนี้ไปจะไม่ยุ่งกับเธอหรือผู้หญิงคนไหน จะครองตัวเป็นโสดไปจนวาระสุดท้ายของชีวิตจะได้ไม่ต้องเจ็บหรือเจอเหตุการณ์เหมือนในวันนี้อีก

    แต่เขาคงไม่คิดหรอกว่า นับจากพรุ่งนี้ไปเขาจะต้องเปลี่ยนความคิดนั้นไปตลอดกาล


    [ต่อครึ่งหลัง]


    เช้าวันรุ่งขึ้น

    "อ้าวธาม พริกหวานมาทำอะไรหน้าบ้านฉันเนี่ย" เพลิงตะวันอดีตทหารเรือที่เกษียณอายุราชการแล้วเอ่ยถามเพื่อนสนิทและภรรยาที่ยืนอยู่หน้าบ้าน

    "พริกไทยไม่อยู่ที่บ้าน ให้คนไปตามหาที่ไหนก็ไม่มี บ้านเพื่อนก็ไม่มี ฉันก็เลยจะมาถามไอ้พลาย เพราะมันมีหน้าที่ดูแลพริกไทย" ธนกฤตเอ่ยบอกเพื่อนสนิทก่อนที่ทั้งหมดจะเข้ามาในบ้าน

    "อาเพลิงกับอานุชไปไหนมาคะ ไม่ได้อยู่บ้านเหรอ" พิมพ์ลภัสถามออกมาอย่างสงสัยและเป็นฝ่ายของนารารินที่เอ่ยบอก "ไปนอนกับหลานที่บ้านพีมน่ะพริกหวาน พีมกับข้าวฟ่างไปธุระ"

    ทันทีที่มาถึงห้องนั่งเล่นเพลิงตะวันก็พูดขึ้นอย่างตกใจระคนสงสัย "นี่มันอะไรเนี่ย"

    ภาพตรงหน้าทั้งสี่คนก็คือขวดน้ำสีอำพันและแก้มที่ยังมีเหล้าอยู่ 

    "ปกติพลายไม่ใช่คนชอบดื่มนิ" นารารินพูดแล้วก็หันมองหา ไม่เห็นร่างของใครสักคนนารารินจึงเดินขึ้นบันได้ไป และไม่รู้ว่าอะไรดลใจทำให้อีกสามคนเดินตามขึ้นไปด้วย

    หญิงวัยเฉียดหกสิบก้าวมายืนหน้าห้องลูกชายก่อนที่จะเปิดเข้าไป ในขณะเดียวกันพายัพเมฆก็เดินออกจากห้องน้ำมาพอดี ร่างของเขามีเพียงผ้าเช็ดตัวที่พันท่อนล่างไว้อย่างหมิ่นเหม่

    พายัพเมฆมองคนเปิดประตูเข้ามาด้วยอาการแข็งทื่อ เช่นเดียวกับอีกสี่คนที่เข้ามา ทั้งสี่เบนสายตาจากพายัพเมฆไปที่เตียงของชายหนุ่ม บนนั้นร่างของเด็กสาวกำลังนอนหลับสบายอยู่ โดยไม่ทันคิดหรือใจเย็นธนกฤตพุ่งมัดเข้าใส่ใบหน้าของพายัพเมฆทันที

    ผลั๊ะ!

    "ไอ้ธามใจเย็น" เพลิงตะวันรีบคว้าร่างเพื่อนรักแยกไปอีกมุมทันทีส่วนลูกชายนนั้นมุมปากมีเลือดกลบอยู่เป็นที่เรียบร้อย

    "อาธามมันไม่ได้..."  "ลูกฉันนอนอยู่ในห้องนายแบบนี้ยังจะบอกว่ามันไม่ได้มีอะไรอีกเหรอ ฉันไม่ยอมยังไงนายก็ต้องรับผิดชอบ" ไม่ทันที่พายัพเมฆจะได้อธิบายจนจบประโยคพิมพ์ลภัสก็เอ่ยขึ้นอย่างฉุนๆ

    "แต่..." "ไม่ต้องปฏิเสธสิ่งที่เห็นมันทำให้คิดเป็นอื่นไม่ได้ พริกไทยไม่ยอมนะคะอาเพลิง" ว่าแล้วพิมพ์ลภัสก็หันมาบอกเพลิงตะวัน

    "อาก็ไม่ยอมหรอกหนูพริก ไอ้พลายฉันขอสั่งให้แกรับผิดชอบกับสิ่งที่เกิดขึ้น" เพลิงตะวันเอ่ยเสียงเข้มจนพายัพเมฆต้องเงียบ เขามั่นใจว่าพ่อมองออกว่าความจริงเป็นอย่างไรแต่ที่โวยวายเสียงเข้มแบบนี้เพราะเรื่องราวมันเข้าทางเพลิงตะวันน่ะสิ

    "นายจะให้ไอ้พลายรับผิดชอบยังไงเพลิง" ธนกฤตถามอย่างไม่ชอบใจ ตัวเขาแทบจะพุ่งไปซัดไอ้เด็กพลายอีกสักครั้งสองครั้ง

    "ก็แต่งงานไง ฉันจะให้ไอ้พลายแต่งงานกับหนูพริกไทยเพื่อรับผิดชอบ" เพลิงตะวันบอกในใจนั้นยิ้มร่าอย่างถูกใจเต็มประดา แล้วเขาก็มั่นใจว่าพิมพ์ลภัสนั้นก็ต้องการให้เป็นแบบนั้น เพราะอะไรไม่รู้แต่ธนกฤตทำอะไรไม่ได้หรอก

    "แต่พริกไทยเพิ่งจะ18 ฉันไม่ยอม" ธนกฤตว่า เขาไม่มีทางยอมหรอก ลูกสาวผู้น่ารักของเขายังเด็กอยู่นะ

    "แต่พริกหวานยอมค่ะ อาเพลิงไปหาฤกษ์ดีมาเลย ยังไงนายพลายก็ต้องรับผิดชอบ ไม่ต้องพูดอะไรค่ะพี่ธามพริกหวานตัดสินใจแล้ว พริกไทยก็ไม่ต้องพูดแม่ทำทุกอย่างเพื่อลูก" พิมพ์ลภัสบอกแล้วหันไปบอกลูกสาวที่จะอ้าปากถามด้วย คนลูกนั้นอยู่ในอาการมึนๆงงๆไม่เข้าใจสถานการณ์ที่เกิดขึ้นสักนิดเดียวจนต้องยกมือขึ้นเกาหัวอย่างงุนงง

    ธนกฤตนั้นได้แต่ทำเสียงไม่พอใจในลำคอที่ขัดใจเมียไม่ได้ ส่วนพายัพเมฆนั้นก็เงียบเพราะทำอะไรไม่ได้

    "สรุปตามนี้ ฉันจะไปหาฤกษ์ที่เร็วที่สุด ไม่เกินสามเดือนฉันจะยกขันหมากไปสู่ขอหนูพริกไทยให้เจ้าพลาย" เพลิงตะวันพูด

    "จะทำอะไรก็ทำไปเลยเว้ย ฉันมันพูดอะไรไม่ได้นิ" ธนกฤตบอกแล้วเดินออกไป พิมพ์ชนกมองตามพ่ออย่างงุนงงแล้วก็เดินตามออกไป 

    เมื่อสองพ่อลูกออกไปแล้วทุกอย่างก็จบพายัพเมฆหันไปแต่งตัวต่อโดยไม่ได้มองไปที่ผู้เป็นพ่อ ถ้าเขาสังเกตสักนิดจะเห็นว่าเพลิงตะวันนั้นยิ้มอย่างมีเลศนัยกับพิมพ์ลภัสและนาราริน ทั้งสามไม่รู้หรอกว่าเกิดอะไรขึ้นหรือไม่ระหว่างพายัพเมฆและพิมพ์ชนกแต่เหตุการณ์มันเข้าทางทั้งสามคนอยู่มากทีเดียว

    สองวันก่อน

    "อานุชค่ะ พริกหวานสงสัยค่ะว่าพริกไทยน่ะตกหลุมรักนายพลายเข้าให้แล้ว" พิมพ์ลภัสพูดในขณะที่กำลังนั่งคุยกับเพลิงตะวันและนารารินระหว่างรอธนกฤตกลับบ้าน

    "ก็ดีสิพริกหวาน ความรักเป็นสิ่งที่ดีนะทำไมต้องทำหน้าเครียดละ" นารารินบอก ในใจสองสามีภรรยานั้นดีอกดีใจไม่น้อยถ้าเด็กสาวที่หมายปองจะตกหลุมรักลูกชายตน

    "แต่สองคนนั้นอายุก็ห่างกัน นายพลายก็ไม่มีใจให้พริกไทยเลยสักนิด แล้วพริกหวานว่านายพลายหยิ่งทระนงไม่มีทางยอมรับว่ารักคนที่อายุน้อยกว่าเกือบสองรอบหรอก" คุณครูวัยกลางคนบอกอย่างตามที่ใจคิด

    "เอาอะไรมามั่นใจว่านายพลายไม่มีใจให้พริกไทยกันพริกหวาน อาไม่รู้สึกแบบนั้นสักนิดเลย" นารารินบอก "อามั่นใจว่าพลายเองก็รักพริกไทยไม่น้อย ถ้ามีอะไรมากระตุ้นความทระนงขี้เก๊กของพ่อคนนั้นน่ะต้องหายไปแน่นอน"

    "ยังไงคะ"

    "ก็ถ้าสักวันหนึ่งเจ้าพลายมันรู้สึกว่าหนูพริกไทยจะอาจจะหายไปจากชีวิคมันจริงๆมันต้องรีบคว้าหนูพริกไทยไว้ ไม่ยอมให้หายไปไหนหรอก"

    "ต้องหาแผนกระตุ้น"

    "ถ้าพริกหวานอนุญาต อาจะหาเรื่องมากระตุ้นความรู้สึกเจ้าพลายให้มันยอมรับออกมาว่ารักพริกไทย"

    "พริกหวานอยากให้นายพลายมาสยบแทบเท้ายอมสิโรราบให้พริกไทยค่ะ"

    "งั้นเดี๋ยวอาจัดให้" 

    ทั้งสามยิ้มให้กันโดยที่เพลิงตะวันนั้นมีแผนการในใจอยู่แล้วรอแค่เวลาที่เหมาะสมในการดำเนินการ

    แต่เมื่อเรื่องราวเปลี่ยนเพลิงตะวันกลับคิดว่าเขาควรจะกระตุ้นความรู้สึกของพายัพเมฆด้วยวิธีใหม่เสียแล้ว ต้องทำให้พายัพเมฆรู้สักทีว่าที่หลอกทั้งตัวเองและคนอื่นนั้นมันหลอกพ่อและแม่ไม่ได้เลย

    พิมพ์ลภัสเดินกลับบ้านก่อนที่จะต้องก้มลงมองข้อความในไลน์แล้วยกยิ้ม

    อาเพลิง : หลังได้ฤกษ์อาอยากให้พริกหวานทำให้พริกไทยหนีงานแต่งงาน ให้ไอ้พลายมันรู้สึกซะบ้าง 

    พริกหวาน : รับทราบค่ะ

    อาเพลิง : จะให้ธามรู้ไม่ได้นะ

    พริกหวาน : เชื่อมือพริกหวานได้ค่ะ






    เอาแล้วไง จะให้หนูไทยหนีงานแต่งงานซะงั้น แล้วมันจะเป็นอย่างไรล่ะ55ต้องตามค่อกันยาวๆจ้า







    หลังจากที่มีอาการไข้กินไปหลายวัน(ตั้งแต่วันที่12)ตอนนี้ไรต์โอเคแล้วจะกลับมาอัปพลายเหมือนเดิมแล้วจ้า 







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×