ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมลิขิตรักขบวนสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3อย่าร้องไห้เลยนะ

    • อัปเดตล่าสุด 9 ก.ค. 62


    พรหมลิขิตรักขบวนสุดท้าย
    เวณิตา ทอฝัน
    www.mebmarket.com
    เขาเปรียบดั่งรถด่วนขบวนสุดท้ายของเธอในวันที่เข้าตาจนและใจอ่อนแอ...(เรื่องนี้พระเอกมีลูกติด)“นี่” อยู่ ๆคนที่นิ่งให้ชายหนุ่มเกาหลังให้ก็เอ่ยขึ้นราวกับไม่อยากให้เกิดความเงียบขึ้น“หือ”“ดูชำนาญนะย่ะ อย่าบอกนะว่าปกตินายกล่อมลูกนายแบบนี้น่ะ”“รู้ด้วย เก่งจัง”“แน่นอนเราเก่ง”  แน่นอนว่าอาภาตอบรับคำว่าเก่งอย่างไม่เคอะเขิน ด้วยว่าเธอนั้นหลงตัวเองขนาดหนัก“หลงตัวเองเหอะ”“หลงตัวเองที่ไหนกัน ก็เราเก่งจริง ๆ นิ”“ครับ เก่งครับ เก่งที่สุดเลย”“แน่นอน”  แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายประชดอย่างหมั่นไส้แต่อาภาก็ยังคงรับคำชมอย่างไม่สะทกสะท้าน“ยังจะหลงตัวเองอีก” “ชิ ไม่ให้หลงตัวเองแล้วจะให้เราไปหลงใครได้เล่า”“หลงเราก็ได้นะ”



    บทที่3อย่าร้องไห้เลยนะ

     

    หลังจากกินข้าวเสร็จเรียบร้อยสารัชก็พาหญิงสาวมายังบ้านพักของตน แนะนำห้องต่าง ๆรวมถึงแนะนำให้รู้จักกับป้าละไมแม่บ้านก่อนที่จะขอตัวกลับไปทำงานและยังบอกไว้ว่าช่วงค่ำๆจะแวะมา

    “คุณภาเป็นคนที่ไหนเหรอคะ”  ป้าละไมถามขึ้นในช่วงค่ำหลังจากที่ทานอาหารเย็นเรียบร้อยแล้ว

    “เป็นคนโคราชค่ะ แล้วป้าละไมล่ะคะ เป็นคนที่นี่แต่กำเนิดรึเปล่า”

    “ใช่ค่ะ ป้าเป็นคนที่นี่”  ป้าละไมตอบกลับก่อนที่จะบอกเล่าว่าตัวแกนั้นมีสามีเป็นจ่าตำรวจตระเวนชายแดนและเป็นผู้ใต้บังคับบัญชาของสารัชตั้งแต่ตอนสารัชมาประจำที่นี่แรกๆจนกระทั่ง2ปีก่อนสามีของแกเสียชีวิตในหน้าที่ครอบครัวขาดเสาหลักสารัชเห็นใจที่แกต้องเลี้ยงลูกคนเดียวถึง4คนจึงให้แกมาทำงานบ้านและดูแลลูกสาวให้พร้อมให้เงินเดือนพอสามารถเลี้ยงลูกๆและมีกินมีใช้

    “ตอนที่ผู้กองรัชบอกว่าวันนี้ภรรยาจะมาป้าก็ตกใจใหญ่เลยค่ะ สงสัยไปหมดว่าผู้กองแกไปมีภรรยาตอนไหน หรือจะภรรยาเก่า ป้าก็เห็นคุณเธอแต่งงานมีครอบครัวใหม่ไปแล้ว”  ป้าละไมเอ่ยสีหน้ายังคงมีความเคลือบแคลงสงสัย ผู้กองรัชคือชื่อที่คนที่นี่ใช้เรียกสารัช น้อยคนนักที่จะเรียกชื่อเล่นจริง ๆอย่างซัน อาภาไม่แปลกใจเพราะชื่อซันนั้นคุณนายแสงจันทร์เป็นคนตั้งคนสนิทและคนในครอบครัวเท่านั้นที่เรียกแม้แต่ที่บ้านเกิดสารัชยังแนะนำตัวเองว่าชื่อรัชที่ผู้เป็นพ่อซึ่งจากไปแล้วของชายหนุ่มตั้งให้ เพราะครั้งหนึ่งเธอเคยเติมแต่งชื่อเขาเป็นซันนี่ทำให้มีคนเข้าใจผิดว่าเป็นเพศที่สามเขาจึงแนะนำตัวว่าชื่อรัชตั้งแต่นั้นมา

    “อย่างนี้เอง ป้าละไมถึงได้ซักฟอกภาว่าเป็นคนที่ไหน”

    “ก็แหม่!   ป้าสงสัยนิคะ ร้อยวันพันปีผู้กองรัชไม่เคยมีผู้หญิงคนไหนเลย อยู่ ๆก็มาบอกว่าภรรยาจะมา ป้าเลยอยากรู้ว่าไปรักกันตอนไหน”

    “ภาจะตอบคำถามนี่ยังไงดีล่ะ เฮ้อ มันอธิบายยากค่ะ”

    “ถ้ายากไม่ต้องบอกป้าก็ได้ค่ะ ป้าไม่อยากให้คุณภาลำบากใจค่ะ ป้าน่ะรักผู้กองเหมือนลูก ภรรยาของผู้กองก็เหมือนลูกอีกคนค่ะ”

    “ขอบคุณนะคะป้าที่ไม่คาดคั้นภา เอาเป็นว่าตอนนี้ภาบอกป้าได้ว่าภากับซันเรากำลังลองอยู่ด้วยกันก่อน ถ้าครบหกเดือนเรายังโอเคก็จะจัดงานแต่งงานกัน”

    “ป้าคงจะต้องลุ้นแล้วล่ะแบบนี้”  ป้าละไมเอ่ยอย่างทีเล่นทีจริง แม้ว่าจะไม่ค่อยเข้าใจนักแต่ก็ไม่คิดคาดคั้นให้ลำบากใจ แต่เพียงสังเกตจากชื่อที่เรียกขานแล้วก็รู้ว่าอีกฝ่ายจัดอยู่ในจำพวกที่สารัชห่วงใยและให้ความสนิทสนมอย่างแน่นอน เพราะคนที่นี่มีแค่ไม่กี่คนที่ได้เรียกซัน

    “เอ่อ คุณภาดูละครไหมคะ ดูกับป้าไหม”

    “ไม่ล่ะค่ะ วันนี้เดินทางไกลภาอยากพักแล้ว เอาเป็นว่าวันหลังภาจะดูด้วยนะคะ”  เธอปฏิเสธเพราะรู้สึกอยากพักผ่อนเต็มที

    “งั้นก็ราตรีสวัสดิ์นะคะ เจอกันพรุ่งนี้ค่ะ” 

    “ราตรีสวัสดิ์ค่ะป้าละไม”   อาภาตอบกลับก่อนที่จะลุกเดินไปยังห้องนอนที่แต่เดิมเป็นของสารัช หญิงสาวจัดการอาบน้ำผลัดเปลี่ยนเสื้อผ้าก่อนที่จะทรุดตัวลงนอนแต่แล้วกลับไม่หลับอย่างที่ใจอยาก

    ทั้งที่ง่วงและเพลียมากแต่กลับนอนไม่หลับ ไม่ใช่เพียงเพราะแปลกที่อาภารู้ดีแต่เธอเป็นเช่นนี้มาตั้งแต่เลิกรากับชยุต หลายครั้งที่ล้มตัวลงนอนแล้วนึกถึงภาพบาดตา

    “เมื่อไหรเธอจะหายจากอาการนี้สักทีอาภา เมื่อไหร” ร่างบางลุกขึ้นนั่งกอดเข่าใบหน้าซบลงกับเข่า ภาพความทรงจำเมื่อครั้งยังรักกันใหม่ๆกับชยุตฉายชัดในสมองก่อนจะสลับเป็นภาพของชายหนุ่มกับอดีตเพื่อนร่วมงาน นี่สินะอาการเสียใจเพราะรัก เพราะไว้ใจ มันเจ็บปวดแบบนี้เอง

    ร่างบางนั่งกอดเข่าร้องสะอื้นเบาๆอยู่อย่างนั้น มันเป็นแบบนี้ทุกครั้งที่เธอสมองว่าง เป็นแบบนี้ทุกครั้งที่จะนอน หากเธอไม่รักก็คงจะไม่เจ็บแบบนี้ ได้แต่ถามตัวเองซ้ำ ๆไปพร้อมกับความเสียใจ ทำไมกัน ทำไมเขาถึงทำกับเธอได้

    ในขณะที่คนหนึ่งกำลังร้องไห้เสียใจจากการถูกคนรักทรยศอีกคนหนึ่งกำลังนั่งนิ่งอยู่บนรถที่หน้าบ้านของตัวเขาเองและฟังปลายสายสนทนาทางโทรศัพท์พูด

    “แม่รู้ว่าถึงภาจะทำเหมือนไม่เสียใจแต่จริง ๆก็ยังคงเจ็บปวดจากความรักอยู่ ยังอยู่ในอาการอกหักถูกแฟนและเพื่อนทรยศ ซันดูภาดี ๆนะลูก แม่กลัวภาจะคิดสั้น”  คุณนายแสงจันทร์เอ่ยบอกลูกชายและเชื่อว่าคนที่เคยผิดหวังเรื่องความรักมาย่อมเข้าใจอาการของอาภา

    “ครับแม่   นี่ผมก็มาถึงบ้านแล้วไม่อยากปล่อยภาให้อยู่คนเดียวเหมือนกัน”  สารัชตอบกลับ ตั้งแต่เจอครั้งแรกเมื่อบ่ายเขาก็เข้าใจว่าความผิดหวังจากความรักของอาภานั้นรุนแรงเวลาที่สมองว่างหญิงสาวคงจะคิดถึงเรื่องนั้นขึ้นมาอย่างแน่นอน จากตอนแรกเขาจะเข้าเวรจึงขอแลกเวรกับเพื่อนเพราะไม่อยากให้หญิงสาวอยู่คนเดียว “งั้นแค่นี้นะครับแม่ รักแม่นะครับ ฝันดี”

    “ฝันดีจ้ะ แม่ก็รักลูกนะ”  ปลายสายตอบกลับมาทำให้ชายหนุ่มหลุดยิ้ม แม่คือหนึ่งกำลังใจของเขาในวันที่เขาเสียใจ เขาผ่านวันคืนเลวร้ายมาได้เพราะยังมีอีกหลายคนที่รักเขา เขาก็จะทำให้อาภาผ่านไปให้ได้เช่นกันเพราะอาภาก็มีครอบครัวที่รักเธอเช่นกัน

    ร่างสูงใช้เวลาไม่ถึง5นาทีก็ขึ้นมาถึงห้องนอนและก็ได้เห็นภาพที่ทำให้สะเทือนใจจนชะงัก ตั้งแต่จำความได้เขาไม่ชอบน้ำตาของเพื่อนคนนี้เลยเขามักจะพยายามทุกอย่างเพื่อที่จะทำให้เพื่อนคนนี้เลิกร้องไห้ ตอนเจอกันก็เช่นกันเขาพยายามสะกิดไหล่หญิงสาวก็เพื่อให้เธอเลิกร้องไห้และหันมาสนใจแรงสะกิดมากกว่า

    หญิงสาวยังไม่รับรู้การเข้ามาในห้องของสารัชเพราะมัวแต่นั่งกอดเข่าก้มหน้าก้มตาร้องไห้ ชายหนุ่มเดินเข้ามานั่งลงตรงหน้าทำให้หญิงสาวรู้สึกตัวเงยหน้าขึ้นมองและก็พบกับดวงตาคมกริบที่แฝงความอบอุ่นและเข้มแข็งของชายหนุ่ม

    “พอแล้วอาภา อย่าร้องไห้เลยนะ น้ำตาไม่ได้เยียวยาอะไรได้   ชีวิตเธอยังมีพรุ่งนี้นะ เธอจะจมอยู่กับอดีตไม่ได้”  เสียงอบอุ่นนั้นถูกส่งมาให้พร้อมกับร่างหนาที่ขยับเข้าใกล้และรวบเธอเข้าไปแนบชิดกับอก “เอาอย่างนี้นะเราจะให้โอกาสให้เธอร้องไห้แค่ตอนนี้นะ นับจากวันพรุ่งนี้อย่าร้องไห้อีก”

    “ฮึก ฮือ”  คนที่ร้องไห้อยู่แล้วร้องหนักขึ้นในวินาทีเดียวกันก็รู้สึกอบอุ่นขึ้นด้วย เนิ่นนานเป็นชั่วโมงที่อาภาใช้อกแข็งแกร่งเป็นที่ซบร้องไห้กว่าที่น้ำตาจะแห้งหายไป เสื้อที่เคยแห้งตอนนี้เปียกโชกไปแล้วแต่สารัชหาได้อนาทรร้อนใจกับมันไม่ เขาสนใจแต่หญิงสาวในอ้อมแขนที่คล้ายจะหยุดร้องไห้แล้ว

    “เราดีขึ้นแล้ว ปล่อยเถอะ”  อาภาบอกก่อนที่แขนทั้งสองของสารัชจะคลายหญิงสาวออกจากอ้อมอก

    “ถูกของนาย น้ำตาไม่ได้เยียวยาอะไร เราสัญญา ต่อจากวันพรุ่งนี้เราจะไม่ร้องไห้กับเรื่องนี้แล้ว”

    “ดีมาก เข้มแข็งไว้นะอาภา อย่าให้ความผิดหวังมันมาชนะเรา” สารัชเอ่ยบอกก่อนที่หญิงสาวจะยิ้มอ่อนๆส่งให้จากนั้นภายในห้องก็เงียบลง ต่างไม่มีใครพูดอะไรจวบจนอาภาทนกับความเงียบไม่ไหวเอ่ยถามขึ้น

    “ซัน นายผ่านมันมาได้ยังไงกันทั้งที่นายน่าจะสาหัสกว่าเราเสียอีกแต่ทำไมทุกวันนี้นายยังยิ้มได้ บอกเราหน่อยซิ หรือนายไม่เสียใจ”  หญิงสาวถาม ตัวเธอแค่ถูกแฟนนอกใจยังเจ็บปวดขนาดนี้ แล้วสารัชที่ถูกภรรยาที่รักทิ้งไปแต่งงานกับคนอื่นทั้งที่เพิ่งคลอดลูกได้เพียงหกเดือนชายหนุ่มผ่านมันมาได้อย่างไรกัน

    “เสียใจซิ แต่เราล้มไม่ได้ ข้างหลังเรายังมีคนที่รักเราและเรารักอีกมาก ทั้งลูก ทั้งแม่ ทั้งพี่โซ่ แล้วก็คุณย่า   แค่คิดว่าถ้าเรายังจมอยู่กับความเสียใจทุกคนก็คงเจ็บปวดเราเลยค่อยๆลุกขึ้นมา”  ชายหนุ่มบอกเล่าราวกับไม่ได้รู้สึกอะไรกับอดีตอันเจ็บปวดอีกต่อไปแล้วจนคนเพิ่งผิดหวังจากความรักนึกทึ่ง

    “ทุกวันนี้นายโอเค?”

    “ใช่ โอเค แล้วก็เก็บความรักครั้งนั้นไว้เป็นบทเรียน”  เขาบอกยิ้มๆ “ความรักสอนเราให้มีความทุกข์ ความสุข และยังสอนบทเรียนเราด้วย”

    “บทเรียน?

    “เรียนรู้และแก้ไขจากข้อผิดพลาด พอหัวใจโอเคขึ้นก็มานั่งคิดว่าทำไม เพราะอะไรเราถึงมาถึงจุดนี้และเก็บมันมาเป็นบทเรียน บอกตัวเองว่าถ้าวันหนึ่งเริ่มต้นใหม่กับใครสักคนจะไม่ยอมให้เหตุการณ์นั้นซ้ำรอย เคยรักคนเก่ามากเท่าไหร่จะรักและดูแลคนใหม่ให้มากกว่า จะไม่ยอมให้ประวัติศาตร์ซ้ำรอย”  เมื่อพูดประโยคนี้จนจบสารัชอดไม่ได้ที่จะมองใบหน้าของคนช้ำรัก ถ้าเขากับอาภาตกลงจะเริ่มต้นใหม่กันเขาจะทำให้ดีที่สุดเพื่อที่จะไม่เสียเธอไปเหมือนกับภรรยาคนแรกที่ฝากบทเรียนให้เขาได้ทบทวนตัวเอง

    “อาภา เธอมีค่ามากเกินกว่าที่จะจมอยู่กับความเลวของผู้ชายทรยศนะ เขาทรยศเธอก็ช่างเขา แต่เธอยังมีแม่ มีตาพร้อม มีภีมที่เขารักเธอมาก ๆ และไม่มีวันทรยศเธออยู่นะ เลิกจมกับอดีตแล้วเก็บมันมาเป็นบทเรียนเถอะ เรายังมีพรุ่งนี้ เรายังต้องเดินต่อไปอย่ายึดติดกับอดีตเลยนะ”

    “ขอบใจนะซัน เราได้อะไรหลายๆอย่างจากทัศนคติของนาย เราจะพยายามเป็นแบบนายให้ได้ พรุ่งนี้เราจะเข้มแข็งขึ้น”  ความคิดหนึ่งแล่นเข้ามาในสมองของหญิงสาว ขนาดสารัชยังผ่านมาได้แล้วทำไมเธอจะผ่านไปไม่ได้ ถูกของชายหนุ่มเธอยังมีคนที่รักและไม่คิดหักหลังเธออีกมากมายทำไมเธอจะต้องมัวจมอยู่กับเรื่องของคนทรยศหักหลังเธอด้วย

    เมื่อได้เห็นแววตาที่ทอประกายความมุ่งมั่นที่จะเข้มแข็งขึ้นของหญิงสาว  ตชด. หนุ่มก็คลี่ยิ้มอย่างสบายใจก่อนที่จะเอ่ย “ดีมาก แต่กว่าจะมีพรุ่งนี้วันนี้ต้องนอนก่อน นอนหลับรึเปล่า เราร้องเพลงกล่อมเอาไหม”

    “ตาบ้า เราไม่ใช่ลูกนายนะที่จะต้องกล่อมให้นอน”

    “ฮึฮึ อย่างเธอนะไม่ต้องกล่อมหรอกแค่เกาหลังให้แป๊บเดียวก็หลับแล้วล่ะ เรารู้ เรากล่อมมาแต่เด็ก”  แน่นอนว่าถ้าไม่สนิทกันมาตั้งแต่เล็กไม่มีทางรู้ว่าการมีคนมานั่งเกาหลังกล่อมคือสิ่งที่อาภาโปรดปรานที่สุดตั้งแต่เล็ก

    “ตาบ้านี่ เราหลับได้โดยไม่ต้องมีใครมาเกาหลังให้เหมือนตอนเด็ก ๆนานแล้วย่ะ”

    “แต่คนอกหักมักนอนไม่หลับ มาๆ นอนลงเดี๋ยวเราเกาหลังให้รับรองหลับสบายจนถึงเช้า”  ชายหนุ่มบอกก่อนที่จะดันร่างบางให้นอนคว่ำหน้าลง มือหนาค่อยๆลงมือลูบๆเกาๆบนหลังของหญิงสาวด้วยแรงที่ไม่มากเกินไปและไม่น้อยเกินไป

    “นี่” อยู่ ๆคนที่นิ่งให้ชายหนุ่มเกาหลังให้ก็เอ่ยขึ้นราวกับไม่อยากให้เกิดความเงียบขึ้น

    “หือ”

    “ดูชำนาญนะย่ะ อย่าบอกนะว่าปกตินายกล่อมลูกนายแบบนี้น่ะ”

    “รู้ด้วย เก่งจัง”

    “แน่นอนเราเก่ง”  แน่นอนว่าอาภาตอบรับคำว่าเก่งอย่างไม่เคอะเขิน ด้วยว่าเธอนั้นหลงตัวเองขนาดหนัก

    “หลงตัวเองเหอะ”

    “หลงตัวเองที่ไหนกัน ก็เราเก่งจริง ๆ นิ”

    “ครับ เก่งครับ เก่งที่สุดเลย”

    “แน่นอน”  แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายประชดอย่างหมั่นไส้แต่อาภาก็ยังคงรับคำชมอย่างไม่สะทกสะท้าน

    “ยังจะหลงตัวเองอีก”

    “ชิ ไม่ให้หลงตัวเองแล้วจะให้เราไปหลงใครได้เล่า”

    “หลงเราก็ได้นะ”  คำพูดคล้ายหยอดของเขาทำให้ทั้งห้องเงียบไปคล้ายว่าคนทั้งสองกำลังจมอยู่กับตัวเอง คนหนึ่งไม่เข้าใจว่าตนพูดอะไรออกไป อีกคนสงสัยเอาเล่นหรือหยอดจริง

    “เมื่อกี้นี้หยอด?”  คนนอนให้ชายหนุ่มเกาหลังถามขึ้นหลังจากที่สมองเริ่มกลับเข้าที่ ยอมรับว่าเมื่อครู่นี้เธอชะงักและรู้สึกเขินแต่จะให้มั่นใจว่าอีกฝ่ายหยอดหรือแค่พูดเล่นๆอันนั้นก็ยังไม่อาจแน่ใจได้

    “คิดเอาเองดิ ไหนว่าเก่ง”  คนพูดคล้ายหยอดเอ่ย ความจริงตัวเขาก็ค่อนข้างสับสนว่าพูดอะไรออกไป ไม่รู้ว่าปากหรือใจที่นำทางให้พูด

    “ชิ รู้หรอกว่าพูดเล่น”  หญิงสาวบอกก่อนที่จะหลับตาแน่นอนว่าสารัชไม่มีทางมองเห็นว่าตอนนี้อาภากำลังยิ้ม ยิ้มอย่างไม่รู้สาเหตุ ยิ้มอย่างไม่รู้ตัวด้วย

    “แสนรู้”  เสียงนั้นคล้ายกระซิบหรือพูดคนเดียวแต่ก็จงใจให้ได้ยิน

    “นี่นายซัน   ได้ข่าวว่าแสนรู้ไม่ได้ใช้กับคนนะ”

    “คนก็แสนรู้ได้”

    “คนอะไรแสนรู้ยะ”

    “คนที่ร้องไห้แล้วคล้ายน้องหมาโดนแย่งอาหารไง”

    “สารัช ไอ้คนปากเสีย ชิ ฝากไว้ก่อนเถอะ วันนี้ง่วงหรอกนะ ถ้าไม่ง่วงรับรองเลยว่านายเละแน่” ง่วงเสียแล้วแม้จะอยากซัดหมัดใส้คนมาหาว่าเธอร้องไห้เหมือนหมาโดนแย่งอาหารก็ตาม

    “โหดร้ายกับเพื่อนตลอดแต่ก็… ฝันดีนะ”  พูดอย่างขำขันในประโยคแรกแต่ประโยคถัดมากับให้ความรู้สึกอ่อนโยนแล้วอบอุ่นอย่างไรอาภาไม่อาจอธิบายได้ แต่เธอรู้สึกดีชะมัดเลย

    “ฝันดี… อย่าตามมากวนในฝันนะ”

    “อือ จะไม่ตามไป… ค่อยกวนตอนเช้า”  สิ้นเสียงของสารัชคนที่ง่วงมาหลายวันแต่นอนไม่หลับและหลับไม่เต็มที่ก็หลับไป เป็นครั้งแรกตั้งแต่โตเป็นสาวที่มีคนมาเกาหลังให้แล้วหลับไปแบบนี้ นอกจากอาภาจะรู้สึกผ่อนคลายแล้วยังรู้สึกอบอุ่นอีกด้วย เธอรับรู้ได้ว่าตรงนี้อบอุ่น ปลอดภัย ไม่มีใครทรยศเธอ


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×