คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : บทที่3กว่าเรือหลวงจะกลับฝั่ง
บทที่3 กว่าเรือหลวงจะกลับฝั่ง
1เดือนต่อมา
คลื่นลมเงียบสงบปราศจากความโคลงเครงพาให้ใจของเหล่าทหารเรือราชนาวีไทยที่ปฏิบัติหน้าที่อยู่ในทะเลเบาใจลงมากที่ไม่ต้องเผชิบกับคลื่นลมแรงและความโคลงเคลงของเรือที่หากเกิดขึ้นสักครั้งนำพามาทั้งความมึนงงวิงเวียน เมาคลื่นจนอาเจียนกันอยู่นานเลยทีเดียว
แต่ถึงคลื่นลมจะสงบแต่จิตใจของนายทหารเรือหลายนายที่ต้องออกเรือด่วนมาปฏิบัติราชการไกลถึงคาบสมุทรอินเดียกลับไม่สงบเช่นคลื่นลมไม่ ประจำเรือหลากหลายนายร้อนรนด้วยห่วงกังวลถึงครอบครัวถึงแม้ว่าเรือหลวงของพวกเขากำลังเคลื่อนตัวกลับฐานทัพเรือสัตหีบก็ตาม
หนึ่งในนั้นก็คือผู้การราชนาวีของผู้ใต้บังคับบัญชาที่ไม่มีปฏิกิริยาร้อนรน หรือว้าวุ่นถึงคนบนฝั่งให้ผู้ใต้บังคับบัญชาได้เห็น แต่ต้นเรือที่สนิทกับผู้การมากที่สุดรับรู้ดีว่าผู้การของพวกเขานั้นกำลังกังวลกว่าใคร อันเนื่องมาจากข่าวสารจากพลเรือตรีสิรภัทรที่บอกมาว่าลูกสาวอันเป็นที่รักของผู้การหนุ่มและคนเป็นแม่นั้นได้พากันงอนหอบผ้าหอบผ่อนไปอยู่กับพี่สาวที่กรุงเทพมหานครนานนับเดือนแล้วและไม่สามารถติดต่อได้โดยตรง
“จริง ๆ เลย ทำอะไรไม่คิดตลอด ถ้าเป็นลูกเมียผมนะผมจะตีก้นคนละทีสองที ไร้เหตุผลกันจริง ๆ คอยดูนะกลับไปผมนี่แหละจะช่วยจับมาตีก้นทั้งแม่ทั้งลูก โดยเฉพาะคนแม่จะตีให้หนักเลย” เรือตรีรัชชานนท์ หรือผู้กองสีน้ำ ต้นเรือหนุ่มวัย27บ่นขณะที่ยืนอยู่กับผู้การหนุ่มตามลำพัง
“กล้าตีเหรอ?” ราชนาวีถามทั้งที่รู้คำตอบอยู่แล้วว่าอีกฝ่ายก็แค่พูดไปอย่างนั้น เอาเข้าจริงไม่กล้าทำอะไรหรอก
“โธ่! ตั้งแต่เล็กจนโตเคยสักครั้งไหมล่ะที่ผมแตะยัยสีรุ้งได้” รัชชานนท์ตอบไปตามความจริงพร้อมกับส่ายหน้าเมื่อคิดไปถึงภรรยาของราชนาวี ผู้ซึ่งเป็นพี่สาวฝาแฝดของเขาเอง รัมภาภัสร์คนนั้นเป็นคนขี้งอนและเอาแต่ใจแต่เหนือสิ่งอื่นใดคุณเธอได้เรียนศิลปะการต่อสู้มาไม่น้อยไปกว่าเขาเลย อย่าว่าแต่จะจับมาตีก้นเลย แค่จะไปหยิกแก้มเจ้าหล่อนยังยาก แถมยังเป็นแชมป์กีฬาเทควันโดระดับมัธยมอีกด้วย
“หึ แม่คุณมีทั้งเขี้ยว มีทั้งเล็บ พิษสงรอบตัว คงคิดว่าจะรับมือได้กับทุกปัญหาถึงได้กล้าพาลูกทำอะไรแผลง ๆ ความจริงพี่ก็คิดเหมือนนายนะน้ำ อยากจะจับมีตีก้นกันเสียให้เข็ด แต่พอคิดไปคิดมา มันก็น่าโกรธถึงขั้นพากันงอนตุบป่องไปอยู่หรอก วันเกิดลูกแท้ ๆ พ่อยังออกเรือโดยไม่บอกไม่กล่าว” ผู้การหนุ่มร่ายยาวด้วยน้ำเสียงติดจะเศร้า ความรู้สึกผิดที่ไม่ได้อยู่ด้วยในวันคล้ายวันเกิดของลูกสาวเกาะกินใจชายหนุ่มตั้งแต่วันแรกที่ต้องออกเรือ ของขวัญที่ไปซื้อเตรียมไว้ให้ยังติดมือขึ้นเรือมาด้วยไม่ได้ฝากใครไปมอบให้
เขารู้ว่าเขาเองก็ทำไม่ถูกที่ไม่ได้บอกกล่าวใครไว้ แม้จะฉุกละหุกแต่เขาก็พอจะมีเวลาโทรศัพท์ไปบอกกล่าวแก่คนเป็นภรรยาแต่ก็ไม่ได้โทรไปบอกกล่าวด้วยว่าแต่ไหนแต่ไรมากับภรรยานั้นพูดกัน1คำทะเลาะกัน10คำ คุยกัน2คำเถียงกัน20คำอยู่เป็นประจำ จึงตัดปัญหาไม่อยากทะเลาะด้วยการไม่โทรไป หวังฝากฝังแฝดผู้น้องของภรรยาที่ต้องโทรไปรายงานคนเป็นแม่ติดต่อไปบอกหญิงสาวด้วย แต่แล้วก็ต้องผิดหวังเมื่อรัชชานนท์ลืมโทรศัพท์ไว้ที่ฝั่งและด้วยหน้าที่ที่เร่งด่วนจึงทำให้หลงลืมไปว่ายังไม่ทันได้โทรไปบอกกล่าว สุดท้ายสองแม่ลูกจึงทำฤทธิ์ แสดงอิทธิฤทธิ์ความไม่พอใจกันแบบแพ็คคู่
“เฮ้อ เขาไม่เอาใจเขามาใส่ใจเรา ไม่รู้เขารู้เรา รู้ใจกันเขาก็ไม่เข้าใจงานของเรา ผมว่านะคราวนี้ต้องเด็ดขาด เลิกเป็นเลิก ไม่เลิกก็ต้องทำให้รักและเข้าใจหน้าที่ของเราแล้วล่ะ ถ้าจะง้อกลับมาโดยไม่เด็ดขาดอีกหน่อยก็หอบกันไปอีก กี่ครั้งแล้วที่ต้องไปตามถึงบ้าน พี่ไม่เบื่อเหรอ?”
“ก็จริงของนาย ใจเขาไม่อยู่กับเราเขาจะเข้าใจเราได้ยังไง” ราชนาวีพูดแค่นั้นก่อนจะจมอยู่ในความคิดของตัวเองถึงเรื่องที่เขาควรจะตัดสินใจสักที
รัชชานนท์เลี่ยงออกมาเพื่อให้คนเป็นพี่เขยได้ขบคิด เขาและราชนาวีรู้กันดีว่าคำว่าเข้าใจของทั้งคู่ไม่ได้หมายถึงเข้าใจในหน้าที่ของทหารเรือ เพราะในเรื่องนี้รัมภาภัสร์รับรู้ เข้าใจและรู้ซึ้งมาแต่ไหนแต่ไรอยูแล้วเพราะว่าเกิดในครอบครัวทหารเรือ แต่คำว่าเข้าใจนั้นหมายถึงเข้าใจจิตใจของราชนาวีว่ารู้สึกอย่างไรกับการต้องออกเรือในช่วงวันสำคัญของลูก เมื่อใจไม่สื่อถึงกันก็ไม่สามารถจะสื่อสารให้บุคคลที่3อย่างลูกสาวเข้าใจได้แม้ว่าเด็กหญิงรัมภาวีร์จะฉลาดหลักแหลมเพียงใดก็ตาม
“รายงานผู้การ ขณะนี้เรือประมงซึ่งทางด้านขวาของหัวเรือได้ติดต่อขอความช่วยเหลือเนื่องจากมีลูกเรือเจ็บป่วยและไม่มียารักษาครับผม” นายทหารวิทยุเข้ามารายงานหลังจากที่ติดต่อสื่อสารทางวิทยุกับเรือประมงลำหนึ่งที่อยู่ในรัศมีสายตามองเห็น
“เคลื่อนเรือเข้าช่วยเหลือ” คำสั่งของผู้การหนุ่มถูกถ่ายทอดไปเป็นทอด ๆ จนรับทราบทั่วถึงกันทุกคน ไม่นานต่อจากนั้นเรือหลวงลำใหญ่ก็เคลื่อนเต็มฝีจักรเข้าไปใกล้เรื่อประมงลำดังกล่าวในทันที แม้ว่าจะไม่อยู่ในภารกิจแต่เมื่อเรือลำดังกล่าวขอความช่วยเหลือมาและเป็นเรือสัญชาติไทย พวกเขาก็อยู่ในความรับผิดชอบของราชนาวีไทย
ราชนาวีส่งแพทย์ทหารเข้าช่วยเหลือตรวจอาการคนเจ็บทันทีที่จอดเทียบกัน เมื่อนายแพทย์ประจำเรือได้ตรวจอาการแล้วจึงมีการนำคนเจ็บเคลื่อนย้ายไปรักษาบนห้องพยาบาลบนเรือหลวง
“คนอื่น ๆ บนเรือร่างกายอ่อนแรงทำให้ภูมิคุ้มกันโรคต่ำลงอาจจะทำให้ได้รับเชื้อติดต่อจากคนป่วยได้ ควรพาขึ้นไปเฝ้าระวังบนเรือครับ” นาวาตรีนายแพทย์ยศวินทร์รายงานก่อนจะมีการตัดสินใจเคลื่อนย้ายทุกคนขึ้นมายังเรือหลวงและลากเรือประมงเดินทางไปด้วย
“เกิดอะไรขึ้นลุงชื่น ทำไมสภาพดูไม่ได้กันแบบนี้ ทำไมไม่กลับฝั่ง” ราชนาวีถามไต้ก๋งเรือซึ่งแน่นอนว่าเคยพบประพูดคุยกันมาก่อน ถ้าเป็นเรือที่ออกหาปลาประจำ และไม่ใช่หน้าใหม่เพิ่งมาริเริ่มทำอาชีพนี้นายทหารเรือทุกคนย่อมต้องรู้จักและเคยพูดคุยกันมา เคยช่วยเหลือเผื่อแผ่กันมาแล้วทั้งนั้น
“เราเจอโจรสลัดครับผู้การ พวกมันปล้นเสบียงเราไปแล้วยังจับเมียกับน้องสาวไอ้เขตไปด้วย” ลุงชื่น หรือไต้ก๋งชื่นเล่าให้ฟัง
“เขต?”
“ก็คนที่ป่วยนั่นล่ะครับ คงจะตรอมใจที่เมียกับน้องถูกจับไปแล้วเพิ่งลงทะเลหาปลาครั้งแรกเลยเป็นแบบนี้”
“หมายความว่าตอนนี้เมียและน้องสาวของคนป่วยถูกจับไป”
“ใช่ครับ ผู้การช่วยด้วยเถอะนะ ไอ้เขตมันพาลูกเมียมาอยู่ต่างถิ่นต่างที่ มาสมัครเป็นลูกเรือหาปลาเพื่อหารายได้ประทังชีวิต นี่ลูกสาวมันก็ร้องไห้อยู่นั่นไง”
“มันไปทางไหนกัน แล้วผ่านมาแล้วกี่วัน”
“เมื่อคืนนี้ครับผู้การ มันไปทางนั้น คงจะไปทอดสมอเติมน้ำมันที่อำเภอไหนสักอำเภอ เพราะว่าเรือมันใกล้จะหมดน้ำมัน มันถามหาน้ำมันจากผมแต่ผมแอบซ่อนไว้บอกมันไปว่าไม่มีมันดูหัวเสียกันมาก” ไต้ก๋งชื่นบอก
“ต้นหน รายงานแผนที่จากจุดนี้ไปทางฝั่งขวา ที่ใกล้ที่สุดคืออำเภออะไร”
“รายงานแผนที่จากจุดนี้ไปทางฝั่งขวาที่ใกล้ที่สุดคืออำเภอทุ่งตะโกครับ” ต้นหนเรือรายงานก่อนที่ผู้การหนุ่มจะมีคำสั่งขีดเข็มเรือมุ่งหน้าไปยังอำเภอทุ่งตะโก จังหวัดชุมพรทันที
แต่ไม่ทันที่จะถึงอำเภอดังกล่าวเรือหลวงของราชนาวีไทยก็ได้พบเข้ากับเรือของโจรสลัดที่ลอยคอหมดน้ำมันอยู่กลางทะเลเสียก่อน เนื่องจากไม่มีน้ำมันและกำลังคนไม่มากกลุ่มโจรสลัดจึงถูกจับกุมโดยละม่อมก่อนจะลากเรือทั้งสองลำกลับท่าเทียบเรือสัตหีบไปด้วย
“ขอบคุณคุณทหารมากนะคะที่มาช่วยพวกเรา” วิลาวรรณภรรยาของนายเขตคนป่วยเอ่ยหลังจากที่ถูกช่วยเหลือและพาตัวขึ้นมาในห้องพยาบาลเพื่อพบกับคนป่วย
“จะไปขอบคุณทำไมพี่วิลามันเป็นหน้าที่ของพวกเขา พวกเขาน่าจะมาช่วยได้ก่อนที่ขวัญจะถูกพวกมันย่ำยีด้วยซ้ำ” ขวัญใจน้องสาวของเขตเอ่ยอย่างไม่ไว้หน้า แม้จะได้รับการช่วยเหลือแต่ตัวเธอก็ไม่เหลือสิ่งใดให้ภูมิใจ
“คุณครับ พวกผมไม่ได้เป็นเรือตรวจการณ์ชายฝั่งนะ พวกผมเพิ่งกลับจากราชการ” รัชชานนท์ชี้แจ้งให้ฟังเมื่อหญิงสาวมีทีท่าไม่พอใจ แม้จะเห็นใจแต่ก็ไม่พอใจคำพูดคำจาของสาวเจ้าที่พวกเขาไปช่วยไม่ทัน
แม้ว่าจะเข้าใจแล้วแต่ด้วยความเสียใจขวัญตาจึงพาลไม่ยอมฟัง หญิงสาวพยายามหลายครั้งที่จะกระโดดลงทะเลเพื่อที่จะตายหนีนรกในใจ เดือดร้อนถึงราชนาวีที่ต้องปลอบและห้ามปรามอยู่หลายครั้งจนหญิงสาวสงบจิตสงบใจได้ ราชนาวีคิดโล่งใจแต่รัชชานนท์กลับหนักใจเมื่อเห็นสายตาสาวเจ้าที่เปลี่ยนจากสิ้นหวังหมดอาลัยเริ่มกลายเป็นชื่นชมและหลงใหลราชนาวีเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ
เอากับโชคชะตาสิ ไม่ปล่อยเวลาให้ราชนาวีได้ทบทวนตัวเองก็พัดพาสาวน้อยหน้าตาจิ้มลิ้มน่าสงสารมาหลงใหลในตัวชายหนุ่มเสียแล้ว และดูท่าแม่สาวคนนี้จะไม่หยุดแค่หลงใหลเสียด้วย ตลอดเวลาที่อยู่บนเรือสาวเจ้าพยายามทอดสะพานให้ราชนาวีหลายครั้ง
กว่าเรือหลวงจะกลับฝั่งหญิงสาวก็ยังคงหาทางที่จะผูกสัมพันธ์กับราชนาวีอยู่เรื่อยๆ จนกระทั่งถึงฐานทัพเรือสัตหีบในช่วงเช้ามืด
“ฉันอยากทำงาน ที่บ้านผู้การมีคนใช้ไหมคะ ถ้าไม่มีรับฉันเข้าทำงานนะคะ ฉันไม่อยากให้ตัวเองฟุ้งซ่าน”
“วิลากับเขตก็ไม่อยากทำงานบนเรือแล้วค่ะ ผู้การหางานให้พวกเราได้ไหมคะ” วิลาวรรณขอความช่วยเหลือด้วยไม่อยากให้น้องสาวสามีทำตัวประเจิดประเจ้อ
“งั้นก็มาเป็นคนสวนกับแม่บ้านที่บ้านผมไปก่อนแล้วกัน แล้วผมจะหางานใหม่ที่ดีกว่านี้ให้ เพราะผมมีธุระที่ต้องไปทำยังไม่ว่าง” ด้วยความเห็นใจในโชคชะตาของทั้งสี่คนชายหนุ่มจึงยื่นข้อเสนอนี้ไปก่อนที่จะไหว้วานให้รัชชานนท์พาทั้งสี่ไปที่บ้านอีกหลังที่เขาซื้อไว้สำหรับพาหนูน้อยรัมภาวีร์ไปพักผ่อนช่วงปิดเทอมไม่ใช่บ้านพักทหารที่เขาอาศัยอยู่กับรัมภาภัสร์และเด็กหญิงรัมภาวีร์
หลังจากจัดการเรื่องของทั้งสี่เรียบร้อยแล้วผู้การหนุ่มก็ส่งรายงานภารกิจ นำโจรสลัดส่งตำรวจและทำเรื่องขอลากิจในทันที เมื่อได้รับการอนุมัติชายหนุ่มจึงกลับไปเปลี่ยนชุดและเดินทางเข้ากรุงเทพมหานคร
พ่อรักมาแล้ววววว มาลุ้นกันจ้า
ความคิดเห็น