คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 สารัช
|
บทที่2 สารัช
ปัจจุบัน
การตัดสินใจตอบรับข้อเสนอของคุณนายแสงจันทร์ไม่ใช่เรื่องง่าย
ถ้าเปรียบว่าที่สามีของเธอเป็นรถด่วนเหมือนในเนื้อเพลงที่เคยฟังมา
ยอมรับว่ารถด่วนคันนี้คงเป็นรถด่วนขบวนสุดท้ายที่จะจอดรับเธอโดยไม่เกรงกลัวเสี่ยมานพ
ในตอนแรกเพราะเขาคนนั้นในอดีตจนถึงปัจจุบันคือเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็กทำให้เธอไม่อยากกระโดดขึ้นรถด่วนคันนี้แต่พอคิดให้ดีเธอไม่อาจกลับไปแต่งงานกับคนนอกใจอย่างชยุตได้
และไม่อาจยอมแต่งงานเสริมบารมีเสี่ยมานพได้จึงได้ยอมกระโดดขึ้นมาบนรถด่วนคันนี้แม้จะกังวลอยู่ลึก
ๆ ว่าเพราะการช่วยเธอในครั้งนี้เขาอาจจะต้องผิดใจกับลูกสาว
หรือเธออาจจะเข้าไปเป็นส่วนเกินที่ทำให้พ่อลูกต้องทะเลาะกัน
หญิงสาวหลับตาลงเพื่อทำสมาธิให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น
ชีวิตของเธอต้องเดินไปข้างหน้าไม่ใช่ถอยกลับ
การเดินทางของเธอครั้งนี้คือการไปใช้ชีวิตในสถานที่ไม่คุ้นเคยกับว่าที่สามีและลูกติดของสามีมันจะดีหรือเปล่าตอนนี้เธอยังไม่รู้แต่เธอก็พร้อมแล้วที่จะไป
จุดหมายปลายทางของเธอคืออำเภออรัญประเทศ
จังหวัดสระแก้ว สถานที่ที่ว่าที่สามีของเธอทำงานอยู่
แม้ว่าปลายทางอาจจะมืดมนจนมองไม่เห็นแต่มันก็คือทางออกที่ดีที่สุดของเธอ
บางทีเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของเธอก็ได้โชคชะตาถึงได้ดึงให้เธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งในเวลาที่ไม่มีใครทั้งคู่
ซึ่งเรื่องนี้เวลา6เดือนต่อจากนี้จะเป็นตัวพิสูจน์อย่างแน่นอนว่าเขาใช่หรือไม่...
การเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาถึงอำเภออรัญประเทศ
จังหวัดสระแก้วใช้เวลาเกือบ4ชั่วโมงทันทีที่รถทัวร์จอดให้ผู้โดยสารลงอาภาก็ก้าวลงมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบโตที่ไม่มีอะไรมากมายนอกจากของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าอีกไม่กี่สิบชิ้น
หญิงสาวมองหาที่นั่งพักก่อนที่จะกดโทรศัพท์หาคุณนายแสงจันทร์ตามคำสั่งไว้ก่อนจากกันของอีกฝ่าย
“ภาถึงอรัญแล้วนะคะแม่ โอเคค่ะ
ภานั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆที่เขาจอดรถนี่ล่ะ ค่ะ โอเคค่ะ”
เมื่อสนทนากับปลายสายจนเข้าใจตรงกันแล้วหญิงสาวก็วางสายก่อนที่จะสอดส่ายสายตามองไปยังสถานที่ที่ในชีวิตเธอไม่เคยมาเหยียบ…
อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วอำเภอติดแนวชายแดนประเทศกัมพูชา
ชั่วครู่ต่อมาสมองก็พลันนึกถึงบทสนทนาของตนเองกับอดีตแฟนหนุ่มที่เคยพูดกันถึงสถานที่แห่งนี้และในที่สุดสติของอาภาก็จมไปกับภวังค์อดีตที่สวยงามแต่ปัจจุบันขื่นขม
“อรัญเหรอ ไม่ไปหรอก ผมไม่ชอบ” เสียงที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบจริง ๆ
ดังขึ้นเมื่อแฟนสาวบอกเล่าและชวนไปยังอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว
“แต่แม่แสงบอกว่าอรัญก็น่าอยู่นะยุต”
อาภาแย้งพร้อมทำปากยื่นอย่างน่ารัก เธอคิดว่าที่นั่นก็ไม่ได้แย่เลยสักนิด
คุณนายแสงจันทร์ก็บอกว่าที่นั่นน่าอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทำไมแฟนหนุ่มถึงไม่ชอบล่ะ
“น่าอยู่ตรงไหนภา
ติดชายแดนแบบนั้นอันตราย” ชยุตบอกก่อนที่จะได้รับคำประชดประชันทีเล่นที่จริงกลับมา
“แล้วที่ไหนปลอดภัยค่ะคุณหมอ ห้องผ่าตัดเหรอ”
“หัวใจหมอชยุตครับ
ปลอดภัยที่สุด สนใจมาวิ่งเล่นในนี้รึเปล่า” นายแพทย์ชยุตตอบกลับทำเอาแฟนสาวเขินอายขึ้นมาจนพูดไม่ออก
หมอหนุ่มไม่ลืมที่จะซ้ำเข้าไปให้แฟนสาวได้เขินเข้าไปใหญ่“อ๊ะ ลืมไป
ภาก็มาวิ่งเล่นในหัวใจหมอตลอดอยู่แล้วนี่เนาะ”
“บ้าชยุต เขินนะ”
คนเขินบอกก่อนที่จะเบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย ชยุตมองยิ้ม ๆ
ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ฮะฮะฮ่า ก็พูดให้เขินไง แฟนเขินน่ารัก”
ใบหน้าหวานเศร้าลงฉับพลัน
ชยุตเป็นแฟนคนแรกของเธอ นอกจากเขาจะทำให้เธอมีรอยยิ้มและเขินอายแล้วอีกฝ่ายยังสอนให้เธอรู้จักความเจ็บปวดอีกด้วย
ทำไมเธอถึงยังไม่ลืมทั้งที่ผ่านมาสักพักแล้ว ทำไมเธอยังคงจดจำภาพที่เห็นเขานอนกอดก่ายร่างเปลือยเปล่าอยู่กับอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอที่จินตนาส่งมาให้อยู่แทบทุกครั้งที่สมองว่าง
จดจำถ้อยคำสารภาพที่เขาบอกแก่เธอในวันที่บอกตัดความสัมพันธ์ ทำไม ทำไมกัน
ทำไมเธอยังจดจำได้ แล้วเมื่อไหรจะลืมไปเสียที
ในขณะที่หญิงสาวกำลังถามตัวเองและปล่อยใจให้จมอยู่กับความเสียใจชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบตำรวจตระเวนชายแดนก็ก้าวมาหยุดอยู่ด้านหลังพลางสอดส่ายสายตามองหาใครสักคนก่อนที่จะหันไปมองแผ่นหลังของอาภาอย่างสงสัย
มีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขาหันไปมองและหยุดสายตาที่แผ่นหลังนั้น
ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายความเสียใจที่แผ่ออกมาและรับรู้ได้ว่าหญิงสาวกำลังร้องไห้โดยไม่ต้องไปยืนตรงหน้าเธอ
มือหนาคิดจะเอื้อมไปแตะไหล่แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น
“ค่ะแม่
ภายังไม่เห็นใครเลยค่ะ ซันติดงานอยู่รึเปล่าคะ ถ้าติดงานไม่ต้องให้เขามารับภาหรอก
แม่บอกที่อยู่มาเลยเดี๋ยวภาไปเองดีกว่า”
เสียงที่พยายามให้ปกติที่สุดของหญิงสาวที่นั่งด้านหน้าทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะคลายออกและคลี่ยิ้มขำที่แท้เธอก็คือคนที่เขากำลังมองหาอยู่นี่เอง
เมื่อหญิงสาวกดวางสายแล้วมือหนาจึงเอื้อมไปสะกิดที่ไหล่ขวา
คนโดนสะกิดสะดุ้งก่อนที่จะหันไปมองที่ไหล่ขวาของตน…ไม่มี
เธอกลับไม่พบอะไรจนต้องขมวดคิ้ว
ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ซ้ายแต่เมื่อหันไปมองก็ไม่มีอะไรอีกเช่นเดิม
อาภาคิดว่าคงมีใครมาแกล้งเธอเป็นแน่จึงทำไม่สนใจและเช็ดคราบน้ำตาออกและเลิกร้องไห้
ชายหนุ่มหันไปสะกิดด้านขวาอีกครั้งก่อนที่จะเอื้อมมือไปสะกิดด้านซ้ายแต่ยังไม่ทันที่มือหนาจะแตะลงที่ไหล่ซ้าย
ร่างบางก็ลุกพรวดหันกับมาประจันหน้ามือขวาง้างพร้อมที่จะตบคนที่บังอาจมาสะกิดไหล
แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างทั้งปากและมือ
สายตาพร่าไปชั่วขณะอย่างไม่เคยเป็น หัวใจที่เต้นอ่อนและเจ็บหนึบมาหลายวันเต้นแรงราวกับกลองรบ
ครูสาวจากเมืองย่าโมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้า
ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับดาราบวกกับเครื่องแบบตำรวจตระเวนชายแดนทำให้คนตรงหน้าดูดีจนพูดไม่ออก
ยิ่งหุ่นล่ำ ๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้ดูดี คนอะไรน่าลวนลามจริง ๆ
“ภา เฮ้ยภา
นี่ยัยอาภา ถ้าจะมองกันขนาดนี้ลากเราขึ้นเตียงเลยดีมั้ย”
คนที่ทำให้หญิงสาวใจเต้นรัวเอ่ยแล้วยิ้มขำก่อนที่คนตาพร่าไปจะได้สติกับมา
“จะบ้าเหรอ”
“ฮะฮะฮ่า
บ้าเบ้ออะไร ก็เธอมองเราแบบนั้นจริง ๆ นิ ผมเป็นผู้เสียหายนะคุณ” คนโดนมองตอบก่อนที่ยื่นมือออกไปคว้ากระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือ
“ปะ ไปบ้านกัน เรายังต้องไปทำงานต่ออีก”
“อือ” หญิงสาวตอบกลับก่อนที่จะให้ชายหนุ่มนำทางไป
ร้อยตำรวจเอกสารัช
อัศราวนนท์ หรือซัน
นายตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่มวัย32ปี รูปร่างดูดีสูงโปร่งสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลา
บุคลิคดี ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า
แต่ถ้าบอกว่าเขาคนนี้มีสถานะเป็นพ่อหม้ายเมียทิ้งแถมมีเรือพ่วงเป็นลูกสาววัยอายุ9ขวบคงไม่มีใครเชื่อ
อาภาลอบสังเกตจากด้านหลังแล้วถอนหายใจเฮือก ขนาดเธอที่รู้เรื่องของชายหนุ่มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเคยแต่งงานและตกพุ่มหม้ายเมียทิ้งมีลูกติด
ทำไมสารัชที่หน้าตาดีมาแต่เล็กแต่น้อยแถมยังฉลาดเป็นกรดถึงได้ถูกทิ้งได้นะ
น่าสงสัยจริง ๆ
“ไปไหนก่อนดี
กินข้าวเที่ยง กลับบ้าน หรือไปอำเภอ”
นายตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่มเอ่ยถามหลังจากทั้งคู่เข้ามานั่งคู่กันบนรถกระบะคู่ใจของชายหนุ่ม
“เวลาเท่าไหร่แล้วล่ะ”
“อืม
บ่ายสองแล้วล่ะ”
ไลน์!
ไม่ทันที่อาภาจะได้ตอบหรือสารัชจะได้พูดอะไรต่อเสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นจนสารัชต้องขอเวลานอกเพื่อสนทนากับผู้ที่ไลน์มา
“แป๊บนะ เออ ภา
แม่ไลน์มาให้ไปอำเภอก่อน
เฮ้อคุณนายแสงจันทร์ทำอย่างกับกลัวเธอเปลี่ยนใจงั้นแหละ” ในที่สุดอาภาก็ได้รู้ว่าใคร
หญิงสาวหลุดขำอย่างห้ามไม่อยู่กับความน่าเอ็นดูของคนอยากมีลูกสะใภ้ใหม่
“งั้นก็เอาตามที่แม่บอกเถอะ
ท่านจะได้สบายใจ”
“โอเคตามนั้น” ชายหนุ่มตอบกลับก่อนที่จะตอบกลับข้อความเพื่อให้คนเป็นแม่สบายใจ
เขาก็พอเข้าใจคุณนายแสงจันทร์อยู่มากเพราะท่านอยากจะให้เขาลงเอยกับอาภามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่ทั้งเขาและเธอต่างก็มีคนที่คบหาอยู่แล้วจนท่านต้องตัดใจ
เมื่อวันนี้ความฝันของท่านจะเป็นจริงก็ไม่แปลกที่ท่านจะตื่นเต้น
ครึ่งชั่วโมงต่อมาคนทั้งสองก็ก้าวออกจากทำการอำเภอพร้อมกับสถานะใหม่ที่ไม่คุ้นชินอยู่บ้าง
“ก็แปลกดีเนาะ
ตอนเข้าไปเรายังเป็นนางสาวอาภา เดชาพิศาลอยู่เลย แต่พอออกมาดันกลายเป็นนางอาภา อัศราวนนท์แล้วแต่นายยังคงเป็นร้อยตำรวจเอกสารัช
อัศราวนนท์เหมือนเดิม”
หญิงสาวเอ่ยในเชิงขำขันทั้งที่ในใจไม่ได้ขำขันแม้แต่น้อย
เธออยากจะตะโกนให้ลั่นว่า โอ้สวรรค์ นี่เธอมีสามีแล้วเหรอ
แล้วสามีคนนี้ยังเป็นนายสารัชคนขี้แกล้งในอดีตตอนเยาว์วัยของเธอด้วยเนี่ยนะ
“อ้าว
ก็เธอยินดีเปลี่ยนเองนะอาภา เจ้าหน้าที่เขาก็ถามว่าจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน”
“ก็แม่ขอร้องมาก่อนมานี่ยะ
โอ๊ยหิวแล้วล่ะ”
“งั้นไปหาอะไรกินก่อน
ค่อยกลับบ้าน”
“หาข้าวกินแล้วกลับบ้านไม่บ่ายสี่เลยเหรอ
ลูกนายอยู่ยังไงเนี่ย”
“ช่วงปิดเทอมแม่เขามาพาไปอยู่ด้วยน่ะ
อาทิตย์หน้าถึงจะพามาส่ง”
“อ๋อ
งั้นโอเคไปกินข้าวกัน”หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่สารัชจะทำหน้าที่สารถีพาหญิงสาวไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนที่จะสั่งข้าวราดแกงมานั่งทานกัน
“จะว่าไปก็หลายปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน” สารัชเอ่ยขึ้นขณะรออาหารมาเสิร์ฟ
“นั่นซิ ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าตอนงานแต่งนายมั้งจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย”
“ไม่เจอแถมยังไม่คุยด้วย
เธอน่ะติดแฟนจนลืมเพื่อน”
ชายหนุ่มเอ่ยราวกับแง่งอน
ก่อนเขาจะแต่งงานเขากับอาภายังคงโทรคุยสอบถามข่าวคราวกันบ้างแต่หลังจากเขาแต่งงานอีกฝ่ายก็เงียบหาย
“ถือว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เราคุยกันมั้งเนาะ”
“ชิ
ไม่ใช่เราติดแฟนจนลืมเพื่อนซะหน่อย
เรากลัวเมียนายเข้าใจผิดมากกว่าเลยไม่ติดต่อไปอีก
เพราะยังไงก็รู้ข่าวคราวนายจากแม่อยู่แล้ว”
หญิงสาวฝืนตอบราวกับไม่รู้สึกอะไรทั้งที่สารัชสะกิดแผลสดด้วยการพูดถึงแฟนของเธอในตอนนั้น
“ช่างเถอะ
ช่วงนั้นเราเองก็งานหนักเหมือนกัน เออ เธอยังชอบกินแกงเขียวหวานอยู่รึเปล่า”
เหมือนจะรู้ว่าไปสะกิดแผลสดคนเพิ่งรักพังชายหนุ่มจึงเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทนและมันก็ได้ผลเพราะหญิงสาวพยักหน้าตอบรับยิ้มๆ
“ชอบซิ
ของโปรดแบบนั้นจะเลิกชอบง่ายๆได้ไง ทำไม ผู้กองจะทำให้กินเหรอ”
“ก็ถ้าอยากเราทำให้กินก็ได้
แต่คงต้องรอสตางค์กลับมานะ เพราะช่วงนี้เราเข้าเวรดึกยาวไปถึงตอนสตางค์กลับเลย”
“เข้าเวรดึกอีกยาว?
งั้นเราต้องอยู่บ้านนายคนเดียวน่ะซิ บ้านนายมีผีปะเนี่ย
ไม่ได้ๆก่อนกลับแวะหาพระให้ก่อนนะ”
“ฮึ เดี๋ยวๆ ๆ
อย่าเพิ่งมโนไกล เราอยู่มาสิบปีไม่เคยเห็นสักตัว ไม่มีหรอก”
“แน่ใจนะ”
“แน่ใจ…”
เสียงน่าฟังบอกก่อนที่เสียงที่เปล่งออกมาจะฟังดูไม่แน่ใจ “มั้ง”
“คนบ้า
แน่ก็บอกว่าแน่ ไม่แน่ก็บอกไม่แน่ซิ มั้งมาทำไม”
“อ้าว
ก็จะให้บอกยังไงล่ะ คือตอนมาอยู่ใหม่ๆก็มีคนบอกว่ามี แต่ตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยเจอ
ก็บอกไม่ได้ล่ะว่ามีรึเปล่า”
“ข้าวมาแล้ว
กินๆ อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องมีผีหรือเปล่าเลย เราไม่ได้ปล่อยเธอไว้คนเดียว
มีแม่บ้านมาอยู่ด้วย ถ้ามีเธอก็บอกให้ไปหลอกแม่บ้านก่อนแล้วกัน” สารัชเอ่ยบอกก่อนที่จะลงมือกับอาหารตรงหน้าที่ถูกนำมาเสิร์ฟด้วยฝีมือเด็กเสิร์ฟหนุ่มหน้าตาดีที่ยังคงยืนมองอาภาอยู่อย่างสนใจ
อาภายิ้มแหย ๆ
กับท่าทีของเด็กเสิร์ฟหนุ่มก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า
สารัชเงยหน้าขึ้นยิ้มเย็นใส่ดวงตาฉายแววไม่พอใจส่งให้เจ้าเด็กเสิร์ฟหนุ่มซึ่งพอรู้จักกันดีกับชายหนุ่มจึงยอมถอยออกห่างจากโต๊ะที่ทั้งคู่นั่งอยู่
ระหว่างที่จัดการกับอาหารไปสองหนุ่มสาวก็ขุดเรื่องในวัยเด็กมาพูดคุยกันไปพลางตามประสาเพื่อนวัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันนับ10ปี
หลายๆเรื่องนำเสียงหัวเราะมาให้เขาและเธออย่างไม่อาจปฏิเสธ
ในวัยเด็กของชายหนุ่มมีหญิงสาวเสมอ
วัยเด็กของอาภาเองก็เช่นกันมักจะมีสารัชวนเวียนไปด้วยทุกที่ วีรกรรมต่าง
ๆถูกขุดมาล้อกันจนต้องหลุดหัวเราะครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นที่น่าสงสัยของคนรายรอบที่น้อยครั้งจะได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มนามว่าสารัช
นายตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่มผู้เคร่งขรึม
ความคิดเห็น