ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    พรหมลิขิตรักขบวนสุดท้าย

    ลำดับตอนที่ #3 : บทที่2 สารัช

    • อัปเดตล่าสุด 8 ก.ค. 62


    พรหมลิขิตรักขบวนสุดท้าย
    เวณิตา ทอฝัน
    www.mebmarket.com
    เขาเปรียบดั่งรถด่วนขบวนสุดท้ายของเธอในวันที่เข้าตาจนและใจอ่อนแอ...(เรื่องนี้พระเอกมีลูกติด)“นี่” อยู่ ๆคนที่นิ่งให้ชายหนุ่มเกาหลังให้ก็เอ่ยขึ้นราวกับไม่อยากให้เกิดความเงียบขึ้น“หือ”“ดูชำนาญนะย่ะ อย่าบอกนะว่าปกตินายกล่อมลูกนายแบบนี้น่ะ”“รู้ด้วย เก่งจัง”“แน่นอนเราเก่ง”  แน่นอนว่าอาภาตอบรับคำว่าเก่งอย่างไม่เคอะเขิน ด้วยว่าเธอนั้นหลงตัวเองขนาดหนัก“หลงตัวเองเหอะ”“หลงตัวเองที่ไหนกัน ก็เราเก่งจริง ๆ นิ”“ครับ เก่งครับ เก่งที่สุดเลย”“แน่นอน”  แม้จะรู้ว่าอีกฝ่ายประชดอย่างหมั่นไส้แต่อาภาก็ยังคงรับคำชมอย่างไม่สะทกสะท้าน“ยังจะหลงตัวเองอีก” “ชิ ไม่ให้หลงตัวเองแล้วจะให้เราไปหลงใครได้เล่า”“หลงเราก็ได้นะ”


    บทที่2 สารัช

     

    ปัจจุบัน

    การตัดสินใจตอบรับข้อเสนอของคุณนายแสงจันทร์ไม่ใช่เรื่องง่าย ถ้าเปรียบว่าที่สามีของเธอเป็นรถด่วนเหมือนในเนื้อเพลงที่เคยฟังมา ยอมรับว่ารถด่วนคันนี้คงเป็นรถด่วนขบวนสุดท้ายที่จะจอดรับเธอโดยไม่เกรงกลัวเสี่ยมานพ ในตอนแรกเพราะเขาคนนั้นในอดีตจนถึงปัจจุบันคือเพื่อนที่สนิทกันมาตั้งแต่วัยเด็กทำให้เธอไม่อยากกระโดดขึ้นรถด่วนคันนี้แต่พอคิดให้ดีเธอไม่อาจกลับไปแต่งงานกับคนนอกใจอย่างชยุตได้ และไม่อาจยอมแต่งงานเสริมบารมีเสี่ยมานพได้จึงได้ยอมกระโดดขึ้นมาบนรถด่วนคันนี้แม้จะกังวลอยู่ลึก ๆ ว่าเพราะการช่วยเธอในครั้งนี้เขาอาจจะต้องผิดใจกับลูกสาว หรือเธออาจจะเข้าไปเป็นส่วนเกินที่ทำให้พ่อลูกต้องทะเลาะกัน

    หญิงสาวหลับตาลงเพื่อทำสมาธิให้ลืมเรื่องที่เกิดขึ้น ชีวิตของเธอต้องเดินไปข้างหน้าไม่ใช่ถอยกลับ การเดินทางของเธอครั้งนี้คือการไปใช้ชีวิตในสถานที่ไม่คุ้นเคยกับว่าที่สามีและลูกติดของสามีมันจะดีหรือเปล่าตอนนี้เธอยังไม่รู้แต่เธอก็พร้อมแล้วที่จะไป

    จุดหมายปลายทางของเธอคืออำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว สถานที่ที่ว่าที่สามีของเธอทำงานอยู่ แม้ว่าปลายทางอาจจะมืดมนจนมองไม่เห็นแต่มันก็คือทางออกที่ดีที่สุดของเธอ บางทีเขาอาจจะเป็นเนื้อคู่ของเธอก็ได้โชคชะตาถึงได้ดึงให้เธอกับเขามาเจอกันอีกครั้งในเวลาที่ไม่มีใครทั้งคู่ ซึ่งเรื่องนี้เวลา6เดือนต่อจากนี้จะเป็นตัวพิสูจน์อย่างแน่นอนว่าเขาใช่หรือไม่...

    การเดินทางจากจังหวัดนครราชสีมาถึงอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วใช้เวลาเกือบ4ชั่วโมงทันทีที่รถทัวร์จอดให้ผู้โดยสารลงอาภาก็ก้าวลงมาพร้อมกับกระเป๋าเป้ใบโตที่ไม่มีอะไรมากมายนอกจากของใช้ส่วนตัวและเสื้อผ้าอีกไม่กี่สิบชิ้น  หญิงสาวมองหาที่นั่งพักก่อนที่จะกดโทรศัพท์หาคุณนายแสงจันทร์ตามคำสั่งไว้ก่อนจากกันของอีกฝ่าย

    “ภาถึงอรัญแล้วนะคะแม่ โอเคค่ะ ภานั่งรอที่ม้านั่งใกล้ๆที่เขาจอดรถนี่ล่ะ ค่ะ โอเคค่ะ”  เมื่อสนทนากับปลายสายจนเข้าใจตรงกันแล้วหญิงสาวก็วางสายก่อนที่จะสอดส่ายสายตามองไปยังสถานที่ที่ในชีวิตเธอไม่เคยมาเหยียบ… อำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้วอำเภอติดแนวชายแดนประเทศกัมพูชา

    ชั่วครู่ต่อมาสมองก็พลันนึกถึงบทสนทนาของตนเองกับอดีตแฟนหนุ่มที่เคยพูดกันถึงสถานที่แห่งนี้และในที่สุดสติของอาภาก็จมไปกับภวังค์อดีตที่สวยงามแต่ปัจจุบันขื่นขม

    “อรัญเหรอ ไม่ไปหรอก  ผมไม่ชอบ” เสียงที่บ่งบอกชัดเจนว่าไม่ชอบจริง ๆ ดังขึ้นเมื่อแฟนสาวบอกเล่าและชวนไปยังอำเภออรัญประเทศ จังหวัดสระแก้ว

    “แต่แม่แสงบอกว่าอรัญก็น่าอยู่นะยุต” อาภาแย้งพร้อมทำปากยื่นอย่างน่ารัก เธอคิดว่าที่นั่นก็ไม่ได้แย่เลยสักนิด คุณนายแสงจันทร์ก็บอกว่าที่นั่นน่าอยู่ไม่ใช่น้อยเลยทำไมแฟนหนุ่มถึงไม่ชอบล่ะ

    “น่าอยู่ตรงไหนภา ติดชายแดนแบบนั้นอันตราย” ชยุตบอกก่อนที่จะได้รับคำประชดประชันทีเล่นที่จริงกลับมา “แล้วที่ไหนปลอดภัยค่ะคุณหมอ ห้องผ่าตัดเหรอ”

    “หัวใจหมอชยุตครับ ปลอดภัยที่สุด สนใจมาวิ่งเล่นในนี้รึเปล่า” นายแพทย์ชยุตตอบกลับทำเอาแฟนสาวเขินอายขึ้นมาจนพูดไม่ออก หมอหนุ่มไม่ลืมที่จะซ้ำเข้าไปให้แฟนสาวได้เขินเข้าไปใหญ่“อ๊ะ ลืมไป ภาก็มาวิ่งเล่นในหัวใจหมอตลอดอยู่แล้วนี่เนาะ”

    “บ้าชยุต เขินนะ” คนเขินบอกก่อนที่จะเบือนหน้าหนีอย่างเขินอาย ชยุตมองยิ้ม ๆ ก่อนที่จะหัวเราะออกมาอย่างชอบใจ “ฮะฮะฮ่า ก็พูดให้เขินไง แฟนเขินน่ารัก”

    ใบหน้าหวานเศร้าลงฉับพลัน ชยุตเป็นแฟนคนแรกของเธอ นอกจากเขาจะทำให้เธอมีรอยยิ้มและเขินอายแล้วอีกฝ่ายยังสอนให้เธอรู้จักความเจ็บปวดอีกด้วย ทำไมเธอถึงยังไม่ลืมทั้งที่ผ่านมาสักพักแล้ว ทำไมเธอยังคงจดจำภาพที่เห็นเขานอนกอดก่ายร่างเปลือยเปล่าอยู่กับอดีตเพื่อนร่วมงานของเธอที่จินตนาส่งมาให้อยู่แทบทุกครั้งที่สมองว่าง จดจำถ้อยคำสารภาพที่เขาบอกแก่เธอในวันที่บอกตัดความสัมพันธ์ ทำไม ทำไมกัน ทำไมเธอยังจดจำได้ แล้วเมื่อไหรจะลืมไปเสียที

    ในขณะที่หญิงสาวกำลังถามตัวเองและปล่อยใจให้จมอยู่กับความเสียใจชายหนุ่มในชุดเครื่องแบบตำรวจตระเวนชายแดนก็ก้าวมาหยุดอยู่ด้านหลังพลางสอดส่ายสายตามองหาใครสักคนก่อนที่จะหันไปมองแผ่นหลังของอาภาอย่างสงสัย มีแรงดึงดูดบางอย่างทำให้เขาหันไปมองและหยุดสายตาที่แผ่นหลังนั้น

    ชายหนุ่มรับรู้ได้ถึงกลิ่นอายความเสียใจที่แผ่ออกมาและรับรู้ได้ว่าหญิงสาวกำลังร้องไห้โดยไม่ต้องไปยืนตรงหน้าเธอ มือหนาคิดจะเอื้อมไปแตะไหล่แต่ก็ต้องชะงักเมื่อโทรศัพท์มือถือของเธอดังขึ้น

    “ค่ะแม่ ภายังไม่เห็นใครเลยค่ะ ซันติดงานอยู่รึเปล่าคะ ถ้าติดงานไม่ต้องให้เขามารับภาหรอก แม่บอกที่อยู่มาเลยเดี๋ยวภาไปเองดีกว่า” เสียงที่พยายามให้ปกติที่สุดของหญิงสาวที่นั่งด้านหน้าทำให้ชายหนุ่มขมวดคิ้วก่อนที่จะคลายออกและคลี่ยิ้มขำที่แท้เธอก็คือคนที่เขากำลังมองหาอยู่นี่เอง เมื่อหญิงสาวกดวางสายแล้วมือหนาจึงเอื้อมไปสะกิดที่ไหล่ขวา

    คนโดนสะกิดสะดุ้งก่อนที่จะหันไปมองที่ไหล่ขวาของตน…ไม่มี

    เธอกลับไม่พบอะไรจนต้องขมวดคิ้ว ทันใดนั้นก็รู้สึกถึงแรงสะกิดที่ไหล่ซ้ายแต่เมื่อหันไปมองก็ไม่มีอะไรอีกเช่นเดิม อาภาคิดว่าคงมีใครมาแกล้งเธอเป็นแน่จึงทำไม่สนใจและเช็ดคราบน้ำตาออกและเลิกร้องไห้

    ชายหนุ่มหันไปสะกิดด้านขวาอีกครั้งก่อนที่จะเอื้อมมือไปสะกิดด้านซ้ายแต่ยังไม่ทันที่มือหนาจะแตะลงที่ไหล่ซ้าย ร่างบางก็ลุกพรวดหันกับมาประจันหน้ามือขวาง้างพร้อมที่จะตบคนที่บังอาจมาสะกิดไหล

    แต่แล้วก็ต้องชะงักค้างทั้งปากและมือ สายตาพร่าไปชั่วขณะอย่างไม่เคยเป็น หัวใจที่เต้นอ่อนและเจ็บหนึบมาหลายวันเต้นแรงราวกับกลองรบ ครูสาวจากเมืองย่าโมถึงกับพูดไม่ออกเมื่อเห็นร่างสูงตรงหน้า ด้วยใบหน้าที่หล่อเหลาราวกับดาราบวกกับเครื่องแบบตำรวจตระเวนชายแดนทำให้คนตรงหน้าดูดีจนพูดไม่ออก ยิ่งหุ่นล่ำ ๆ ด้วยแล้วยิ่งทำให้ดูดี คนอะไรน่าลวนลามจริง ๆ

    “ภา เฮ้ยภา นี่ยัยอาภา ถ้าจะมองกันขนาดนี้ลากเราขึ้นเตียงเลยดีมั้ย”  คนที่ทำให้หญิงสาวใจเต้นรัวเอ่ยแล้วยิ้มขำก่อนที่คนตาพร่าไปจะได้สติกับมา

    “จะบ้าเหรอ”

    “ฮะฮะฮ่า บ้าเบ้ออะไร ก็เธอมองเราแบบนั้นจริง ๆ นิ ผมเป็นผู้เสียหายนะคุณ”  คนโดนมองตอบก่อนที่ยื่นมือออกไปคว้ากระเป๋าของอีกฝ่ายมาถือ “ปะ ไปบ้านกัน เรายังต้องไปทำงานต่ออีก”

    “อือ”  หญิงสาวตอบกลับก่อนที่จะให้ชายหนุ่มนำทางไป

    ร้อยตำรวจเอกสารัช อัศราวนนท์ หรือซัน นายตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่มวัย32ปี รูปร่างดูดีสูงโปร่งสมบูรณ์แบบ ใบหน้าหล่อเหลา บุคลิคดี ดูดีตั้งแต่หัวจรดเท้า แต่ถ้าบอกว่าเขาคนนี้มีสถานะเป็นพ่อหม้ายเมียทิ้งแถมมีเรือพ่วงเป็นลูกสาววัยอายุ9ขวบคงไม่มีใครเชื่อ อาภาลอบสังเกตจากด้านหลังแล้วถอนหายใจเฮือก ขนาดเธอที่รู้เรื่องของชายหนุ่มมาตั้งแต่ไหนแต่ไรยังไม่อยากจะเชื่อเลยว่าเขาเคยแต่งงานและตกพุ่มหม้ายเมียทิ้งมีลูกติด ทำไมสารัชที่หน้าตาดีมาแต่เล็กแต่น้อยแถมยังฉลาดเป็นกรดถึงได้ถูกทิ้งได้นะ น่าสงสัยจริง ๆ

    “ไปไหนก่อนดี กินข้าวเที่ยง กลับบ้าน หรือไปอำเภอ”  นายตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่มเอ่ยถามหลังจากทั้งคู่เข้ามานั่งคู่กันบนรถกระบะคู่ใจของชายหนุ่ม

    “เวลาเท่าไหร่แล้วล่ะ”

    “อืม บ่ายสองแล้วล่ะ”

    ไลน์!

    ไม่ทันที่อาภาจะได้ตอบหรือสารัชจะได้พูดอะไรต่อเสียงแจ้งเตือนจากแอพลิเคชั่นไลน์ก็ดังขึ้นจนสารัชต้องขอเวลานอกเพื่อสนทนากับผู้ที่ไลน์มา

    “แป๊บนะ เออ ภา แม่ไลน์มาให้ไปอำเภอก่อน เฮ้อคุณนายแสงจันทร์ทำอย่างกับกลัวเธอเปลี่ยนใจงั้นแหละ”    ในที่สุดอาภาก็ได้รู้ว่าใคร หญิงสาวหลุดขำอย่างห้ามไม่อยู่กับความน่าเอ็นดูของคนอยากมีลูกสะใภ้ใหม่

    “งั้นก็เอาตามที่แม่บอกเถอะ ท่านจะได้สบายใจ”

    “โอเคตามนั้น”  ชายหนุ่มตอบกลับก่อนที่จะตอบกลับข้อความเพื่อให้คนเป็นแม่สบายใจ เขาก็พอเข้าใจคุณนายแสงจันทร์อยู่มากเพราะท่านอยากจะให้เขาลงเอยกับอาภามาตั้งแต่ไหนแต่ไรแล้วแต่ทั้งเขาและเธอต่างก็มีคนที่คบหาอยู่แล้วจนท่านต้องตัดใจ เมื่อวันนี้ความฝันของท่านจะเป็นจริงก็ไม่แปลกที่ท่านจะตื่นเต้น

    ครึ่งชั่วโมงต่อมาคนทั้งสองก็ก้าวออกจากทำการอำเภอพร้อมกับสถานะใหม่ที่ไม่คุ้นชินอยู่บ้าง

    “ก็แปลกดีเนาะ ตอนเข้าไปเรายังเป็นนางสาวอาภา เดชาพิศาลอยู่เลย แต่พอออกมาดันกลายเป็นนางอาภา อัศราวนนท์แล้วแต่นายยังคงเป็นร้อยตำรวจเอกสารัช อัศราวนนท์เหมือนเดิม”  หญิงสาวเอ่ยในเชิงขำขันทั้งที่ในใจไม่ได้ขำขันแม้แต่น้อย เธออยากจะตะโกนให้ลั่นว่า โอ้สวรรค์ นี่เธอมีสามีแล้วเหรอ แล้วสามีคนนี้ยังเป็นนายสารัชคนขี้แกล้งในอดีตตอนเยาว์วัยของเธอด้วยเนี่ยนะ

    “อ้าว ก็เธอยินดีเปลี่ยนเองนะอาภา เจ้าหน้าที่เขาก็ถามว่าจะเปลี่ยนไม่เปลี่ยน”

    “ก็แม่ขอร้องมาก่อนมานี่ยะ โอ๊ยหิวแล้วล่ะ”

    “งั้นไปหาอะไรกินก่อน ค่อยกลับบ้าน”

    “หาข้าวกินแล้วกลับบ้านไม่บ่ายสี่เลยเหรอ ลูกนายอยู่ยังไงเนี่ย”

    “ช่วงปิดเทอมแม่เขามาพาไปอยู่ด้วยน่ะ อาทิตย์หน้าถึงจะพามาส่ง”

    “อ๋อ งั้นโอเคไปกินข้าวกัน”หญิงสาวเอ่ยบอกก่อนที่สารัชจะทำหน้าที่สารถีพาหญิงสาวไปยังร้านอาหารแห่งหนึ่งก่อนที่จะสั่งข้าวราดแกงมานั่งทานกัน

    “จะว่าไปก็หลายปีแล้วนะที่ไม่ได้เจอกัน”  สารัชเอ่ยขึ้นขณะรออาหารมาเสิร์ฟ

    “นั่นซิ ครั้งสุดท้ายจำได้ว่าตอนงานแต่งนายมั้งจากนั้นก็ไม่ได้เจอกันเลย”

    “ไม่เจอแถมยังไม่คุยด้วย เธอน่ะติดแฟนจนลืมเพื่อน”  ชายหนุ่มเอ่ยราวกับแง่งอน ก่อนเขาจะแต่งงานเขากับอาภายังคงโทรคุยสอบถามข่าวคราวกันบ้างแต่หลังจากเขาแต่งงานอีกฝ่ายก็เงียบหาย “ถือว่านี่เป็นครั้งแรกในรอบสิบปีที่เราคุยกันมั้งเนาะ”

    “ชิ ไม่ใช่เราติดแฟนจนลืมเพื่อนซะหน่อย เรากลัวเมียนายเข้าใจผิดมากกว่าเลยไม่ติดต่อไปอีก เพราะยังไงก็รู้ข่าวคราวนายจากแม่อยู่แล้ว”  หญิงสาวฝืนตอบราวกับไม่รู้สึกอะไรทั้งที่สารัชสะกิดแผลสดด้วยการพูดถึงแฟนของเธอในตอนนั้น

    “ช่างเถอะ ช่วงนั้นเราเองก็งานหนักเหมือนกัน เออ เธอยังชอบกินแกงเขียวหวานอยู่รึเปล่า”   เหมือนจะรู้ว่าไปสะกิดแผลสดคนเพิ่งรักพังชายหนุ่มจึงเปลี่ยนไปถามเรื่องอื่นแทนและมันก็ได้ผลเพราะหญิงสาวพยักหน้าตอบรับยิ้มๆ

    “ชอบซิ ของโปรดแบบนั้นจะเลิกชอบง่ายๆได้ไง ทำไม ผู้กองจะทำให้กินเหรอ”

    “ก็ถ้าอยากเราทำให้กินก็ได้ แต่คงต้องรอสตางค์กลับมานะ เพราะช่วงนี้เราเข้าเวรดึกยาวไปถึงตอนสตางค์กลับเลย”

    “เข้าเวรดึกอีกยาว? งั้นเราต้องอยู่บ้านนายคนเดียวน่ะซิ บ้านนายมีผีปะเนี่ย ไม่ได้ๆก่อนกลับแวะหาพระให้ก่อนนะ”

    “ฮึ เดี๋ยวๆ ๆ อย่าเพิ่งมโนไกล เราอยู่มาสิบปีไม่เคยเห็นสักตัว ไม่มีหรอก”

    “แน่ใจนะ”

    “แน่ใจ…” เสียงน่าฟังบอกก่อนที่เสียงที่เปล่งออกมาจะฟังดูไม่แน่ใจ  “มั้ง”

    “คนบ้า แน่ก็บอกว่าแน่ ไม่แน่ก็บอกไม่แน่ซิ มั้งมาทำไม”

    “อ้าว ก็จะให้บอกยังไงล่ะ คือตอนมาอยู่ใหม่ๆก็มีคนบอกว่ามี แต่ตั้งแต่อยู่มายังไม่เคยเจอ ก็บอกไม่ได้ล่ะว่ามีรึเปล่า”

    “ข้าวมาแล้ว กินๆ อย่าเพิ่งไปสนใจเรื่องมีผีหรือเปล่าเลย เราไม่ได้ปล่อยเธอไว้คนเดียว มีแม่บ้านมาอยู่ด้วย ถ้ามีเธอก็บอกให้ไปหลอกแม่บ้านก่อนแล้วกัน”   สารัชเอ่ยบอกก่อนที่จะลงมือกับอาหารตรงหน้าที่ถูกนำมาเสิร์ฟด้วยฝีมือเด็กเสิร์ฟหนุ่มหน้าตาดีที่ยังคงยืนมองอาภาอยู่อย่างสนใจ

    อาภายิ้มแหย ๆ กับท่าทีของเด็กเสิร์ฟหนุ่มก่อนที่จะก้มหน้าก้มตาจัดการกับอาหารตรงหน้า สารัชเงยหน้าขึ้นยิ้มเย็นใส่ดวงตาฉายแววไม่พอใจส่งให้เจ้าเด็กเสิร์ฟหนุ่มซึ่งพอรู้จักกันดีกับชายหนุ่มจึงยอมถอยออกห่างจากโต๊ะที่ทั้งคู่นั่งอยู่

    ระหว่างที่จัดการกับอาหารไปสองหนุ่มสาวก็ขุดเรื่องในวัยเด็กมาพูดคุยกันไปพลางตามประสาเพื่อนวัยเด็กที่ไม่ได้เจอกันนับ10ปี หลายๆเรื่องนำเสียงหัวเราะมาให้เขาและเธออย่างไม่อาจปฏิเสธ ในวัยเด็กของชายหนุ่มมีหญิงสาวเสมอ วัยเด็กของอาภาเองก็เช่นกันมักจะมีสารัชวนเวียนไปด้วยทุกที่ วีรกรรมต่าง ๆถูกขุดมาล้อกันจนต้องหลุดหัวเราะครั้งแล้วครั้งเล่าเป็นที่น่าสงสัยของคนรายรอบที่น้อยครั้งจะได้เห็นรอยยิ้มและได้ยินเสียงหัวเราะของชายหนุ่มนามว่าสารัช นายตำรวจตระเวนชายแดนหนุ่มผู้เคร่งขรึม

     


     

     

     

     

     

     

     


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×