คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #6 : บทที่ 5 ล่อเสือออกจากถ้ำ
[บทที่ 5 ล่อเสือออกจากถ้ำ]
คฤหาสน์ ตระกูล เฉิน
“เฮีย อยู่ไหม” หนุ่มร่างสูงในชุดสูทสากล ดูภูมิฐานมาดขรึมไม่แพ้ผู้เป็นพี่ เอ่ยถามถึงผู้เป็นพี่ กับสอง บอร์ดี้การ์ด หน้าหล่อ ที่ยืนจังก้าเฝ้าหน้าประตูห้องส่วนตัวของเจ้านาย
“อยู่ข้างในครับ คุณชายรอง” สิ้นคำพูดของหม่าหลง ชายหนุ่มร่างสูงในชุดสูทสากล ก็ผ่านประตูเข้าไปหาพี่ชาย อย่างท่าทางสง่า
“พี่เฉิน…ผมได้ข่าวว่าพี่ถูกถล่มที่เมืองไทย เรื่องมันเป็นยังไง”
หนุ่มตี๋หน้าอ่อน รัวคำถามอย่างร้อนใจ เขาเป็นห่วงพี่ชายเขาจริงๆ ทันที่ที่ทราบเรื่องจากลูกน้อง อยากจะบินมาจากอังกฤษนาทีนั้น แต่ยังไง งานที่โน่นก็สำคัญไม่แพ้กัน จะทิ้งมาดื้อๆก็ไม่ได้
“ยังไม่รู้ว่าพวกไหน กำลังตามสืบและได้กลิ่นไม่ดีเท่าไหร่ คงเร็วนี้ อาจจะเก็บกวาดได้สะอาด” พี่ชายเอ่ยเสียงเรียบ มองหน้าน้องชายคนเดียว อย่างจริงจัง
ใครๆก็รู้ว่า เฉิน จ้าวเซิ่น มีน้องชายคนเดียว คือ เฉิน เจี้ยนหาว ที่ถอดแบบกันมาไม่ผิดเพี้ยนในเรื่องของบุคลิก ความฉลาดและความเฉียบขาด ที่มี ถ้าจ้าวเซิ่น เป็นเจ้าพ่อแห่งธุรกิจด้านมืด เจี้ยนหาวก็คือเจ้าชายแห่งธุรกิจสะอาด นั่นเอง ถ้าสองคนนี้รวมตัวกันเมื่อไหร่ ศัตรูหน้าไหน ก็คาดไม่ถึงทั้งนั้นแหละ เพราะผลเสียที่ตามมาใครก็ประเมินค่าไม่ได้
“พี่จะทำอย่างไรต่อไป…” น้องชายถามเสียงเครียด
“พี่จัดการเองได้…แกไม่ต้องเดือดร้อน เพราะเรื่องนี้พี่ไม่เฉยแน่…”
“แล้ว…”
เมื่อความตึงเครียดเริ่มคลี่คลาย น้องชายก็อดถามถึง เรื่องที่คาในใจไม่ได้ สายของเขารายงานมาว่า มีสาวไทยน้ำใจงามช่วยเหลือพี่ชายจอมโหดของเขาเอาไว้ สายตาคาดคั้นจ้องลึก หมายจะอ่านพิรุธจากสายตาคู่คมของอีกฝ่าย
“แล้วอะไร…”
“พี่จะไม่เอ่ยถึง สาวไทยน้ำใจงาม…คนนั้น” คิ้วขมวดกันตีเป็นเครื่องหมายคำถามชัดเจน
“ไม่เกี่ยวกับแก…หมดธุระแล้ว แกไปได้แล้ว” ออกปากไล่อีกฝ่ายแบบไม่จริงจังนัก สิ่งหนึ่งที่คนอื่นรู้แต่รู้ไม่หมดก็คือ เจี้ยนหาว มีมุมขี้เล่น ที่คนอื่นไม่เคยเห็น นอกจากพี่ชายร่วมสายเลือดคนนี้
“ก็ได้ๆ ผมไปก็ได้ เรื่องแค่นี้ไม่ยากสำหรับผมนักหรอก นะครับ พี่ชาย…” พูดจบ เฉิน เจี้ยนหาว ก็เดินจากไป ทิ้งรอยยิ้มมุมปากนิดๆ ให้พี่ชาย พอเป็นนัยว่า เรื่องที่เขาอยากรู้ ยังไงๆเขาก็ต้องรู้ให้ได้
……………………………………………………………………………..
ก๊อก!! ก๊อก!! ก๊อก!!
“เข้ามา!!!” สิ้นคำ สองบอร์ดี้การ์ด โจวเหวินกับหม่าหลงก็เข้ามา
“มีอะไร”
“ได้เรื่องแล้วครับ เรารู้แล้ว ว่าใครส่งคนไปลอบยิงนายตอนอยู่เมืองไทย”
“ใคร?”
“พวก…เสี่ยเกียง…”
สองบอร์ดี้การ์ดรายงานทุกอย่างตามที่สายสืบมา เท่าที่ชายหนุ่มฟังเขาพอรู้ว่า แก๊งนี้หมายชีวิตเขาเพราะอะไร บนเส้นทางสายธุรกิจมืดแบบนี้ มีไม่กี่กลุ่มที่ทรงอำนาจ และมีแขนขามากมาย รวมถึงเสี่ยเกียงผู้นี้ด้วย
เขาพอรู้จักเสี่ยเกียงคนนี้ดี แต่น่าเสียดายที่เสี่ยเกี่ยงคนนี้ไม่รู้จักเขาเลยสักนิดเดียว ลำพังสู้กันซึ่งๆหน้าก็ดีอยู่หรอก แต่เล่นสกปรกแบบนี้ มันไม่ใช่วิถีของลูกผู้ชาย ที่เรียกตัวเองว่านักเลงหรือมาเฟีย เขาไม่ชอบวิธีนี้ และคงต้องสั่งสอนเสี่ยเกียงผู้เล่นไม่ซื่อ คนนี้เสียหน่อย
“บอกมัน ว่าฉันเชิญ!!!” เสียงขรึมเอ่ยขึ้นหลังจากที่สองบอร์ดี้การ์ดรายงานจบ
“ที่ไหนดีครับ”
“ที่…”
เทมเปิล สตรีท แหล่งช้อปปิ้งสุดคึกคัก นานาสินค้าราคาถูกบนแผงลอย เคล้าแสงไฟ อาทิ เสื้อผ้า ปากกา นาฬิกา ซีดี อุปกรณ์ไฟฟ้า จนถึงกระเป๋าเดินทาง สุดถนนเติมสีสันด้วยหมอดูดวงโชคชะตา และการแสดงงิ้ว เปิดระหว่าง สี่โมงเย็นถึงเที่ยงคืน ช่วงเวลาที่ผู้คนหนาแน่นที่สุดคือยามฟ้ามืดหลังพระอาทิตย์ตกดิน
ความมืดเริ่มโรยตัวถามวิถี ใกล้ๆย่านนั้น กลุ่มชายฉกรรจ์ สองกลุ่ม ขวักไขว่ ไปทั่วเกือบทุกพื้นที่ ด้วยเหตุเพราะนายของพวกเขานัดเจอกัน เพื่อเจรจาเรื่องสำคัญบางเรื่อง กลุ่มหนึ่งมาตามคำเชิญที่อีกฝ่ายส่งเทียบเชิญไปให้ ด้วยรู้ดีว่าชนักที่ปักหลังเหมือนระเบิดเวลาที่ไม่รู้ว่าอีกฝ่ายมาไม้ไหน แต่ก็ไว้วางใจไม่ได้อยู่ดี สัญชาติเสือยังไงก็กินเนื้อ
ในขณะที่อีกฝ่ายดูเหมือนจะไม่มีอะไร แต่ทุกอย่างผ่านการวางแผนและการเตรียมตัวมาอย่างดีสำหรับค่ำคืนนี้ ยังไงๆ เขาก็จะปิดฉาก เจ้าพ่อเฒ่าเจ้าเล่ห์อย่างเสี่ยเกียงคนนี้ ไม่เกินคืนนี้อย่างแน่นอน ถ้าแผนล่อเสือออกจากถ้ำสำเร็จ แน่นอนว่ารังเสือเฒ่า จะไม่มีคนเฝ้าดูแลมากมาย ธุรกิจมืดสกปรก หลายอย่างจะต้อง ถูกทลายอย่างราบคาบในคืนนี้อย่างแน่นอน
“อั๊วมาตามนัดลื้อ อาเฉิน” เสี่ยเฒ่าเจ้าเล่ห์ เอ่ยขึ้นหลังจากที่ประจันหน้ากับหนุ่มรุ่นลูกที่ใครๆ ก็รู้ว่ามากเขี้ยวเล็บ คนนี้
“ขอบคุณเสี่ย ที่มาตามคำเชิญ”
“ลื้อจะไม่เชิญอั๊วนั่งหน่อยเร้อ ไอ้หนุ่ม”
“เชิญนั่ง” ชายหนุ่มผู้คุมบังเหงียนในเครือเฉินกรุ๊ป และธุรกิจอีกหลายอย่างของตระกูล ผายมือเชื้อเชิญให้อีกฝ่ายนั่งลง
“เชิญอั๊วมา ไม่ทราบว่ามีเรื่องอะไร”
“ธุรกิจของเสี่ยช่วงนี้ราบรื่น ดีอยู่ไหม”ชายหนุ่มถามเรียบๆ ราวชวนคุย
“ก็ดี…ถ้าไม่มีลื้อสักคน ธุรกิจอั๊วคงไปได้ไกลกว่านี้เยอะ”
“ต้องขอโทษเสี่ยจริงๆ ที่ผมดันไปขัดทางเจริญของเสี่ยเข้า” แผนล้วงคองูเฒ่าเริ่มแล้ว ขอเพียงเสี่ยเฒ่าหลุดพิรุธออกมาเพียงนิด ทุกอย่างในเกมนี้ เขาชนะใสๆ
“ช่างเถอะ อั๊วเข้าใจ วงการนี้ใครดีใครได้ ยกเว้นว่า…ใครที่มันกึ๋นไม่ถึงก็ลาโลกไปเอง”
“นั่นสิครับ ใครที่กึ๋นไม่ถึง เอ…แล้วกึ๋นถึง ไม่ถึง เขาวัดกันยังไงล่ะเสี่ย”
“ก็ใคร…ที่มันลาโลกเร็ว…คืออั๊ว…ล้อเล่นหน่า คนทำธุรกิจน่ะ ใครบริหารจัดการดี ก็เข้าวิน ใครไม่เป็นเรื่องนี้ก็เจ๊งน่ะสิ ลื้อก็เหมือนกัน”
“แล้วธุรกิจเสี่ย ที่มันล้ำเส้นผมนี่ จะเอายังไงดี เสี่ยช่วยผมคิดหน่อยสิ” เสี่ยเฒ่ากลืนน้ำลายลงคอหนืดๆ ก่อนจะตอบกลับไปไม่เต็มเสียง
“อั๊วจะรีบจัดการให้ ไม่ไหวเลย ไอ้เด็กพวกนี้ พออั๊วไม่เข้าไปดูแลหน่อยก็เหิมเกริม อวดเบ่งกันยกใหญ่ ลื้อก็อย่าถือสาเด็กมันเลย อาเฉิน”
“กับลูกน้องเสี่ย ผมไม่ถือสา ไม่ได้หรอก เสี่ยบอกเองนี่ว่า เรื่องของธุรกิจใครถึงกึ๋นก็อยู่ได้ไม่ใช่เหรอ ผมก็คิดแบบเดี๋ยวกัน เรื่องของธุรกิจผมคงไม่ถือสาไม่ได้หรอก”
“แล้วลื้อจะเอายังไง”
“ถอยกลับไป อย่าล้ำเส้นผม” ชายหนุ่มรุ่นลูกเอ่ยเสียงเฉียบ เย็นเยียบ
“ถอย…ถอยเหรอ ลื้อเป็นใครอาเฉิน เด็กปากไม่สิ้นกลิ่นน้ำนม มีสิทธิ์อะไรมา ออกคำสั่งใส่อั๊ว!!!” เสี่ยเฒ่าเริ่มโวยวาย
“สงบไว้ เสี่ยเกียง ผมยังไม่ได้ออกคำสั่งผมแค่บอกให้ถอยออกไป อย่าล้ำเส้นกัน” ชายหนุ่มยังคงความใจเย็นไว้ มองอีกฝ่ายอย่างเสือที่มองเหยื่อกำลังตื่นๆ
“จะมากไปแล้ว อาเฉิน ลื้อคิดว่าฉลาดแล้วเหรอ ที่มาเล่นกับอั๊วแบบนี้ อั๊วอยู่วงการนี้มานานเด็กอย่างลื้ออย่ามาสามหาวดีกว่า” เสียเฒ่าลุกขึ้นชี้หน้าใส่อย่างโกรธ ที่ชายหนุ่มกล้าลูบคมเขาแบบนี้
“ระวังปากหน่อย เสี่ยเกียง ผมไม่ชอบให้ใครมาชี้หน้าด่าแบบนี้หรอกนะ…ผมก็แค่เสนอ เสี่ยไม่ทำตามก็ไม่เป็นไร” ชายหนุ่มเอ่ยเรียบๆ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง มาดสง่าผ่าเผยนั่น ดูจองหอง ทรงอำนาจ ก่อนจะพูดต่อ
“อ้อ…เมื่อหลายวันก่อน เสี่ยคงทราบข่าวแล้ว เรื่องที่ผมโดนลอบยิงที่เมืองไทย เป็นฝีมือของใครเสี่ยพอจะทราบหรือเปล่า”
แน่นอนพิรุธจาก เสี่ยเฒ่าเผยออกมาเต็ม น่าเสียดายที่เสี่ยเฒ่าผู้คร่ำหวอดในวงการมานาน แต่เจ้าตัวกลับเล่นละครไม่เก่งเอาเสียเลย
“ลื้อ…”
“ฝากบอกมันหน่อยว่าไม่ฉลาดเลย ที่คิดจะฆ่าผมด้วยวิธีนี้”
“ลื้อพูดอะไร อั๊วไม่รู้เรื่อง”
~ติ๊ดๆ~~ติ๊ดๆ~~ติ๊ดๆ~
“โทรมาทำไมวะ ป๊าลื้อตายรึไง”
‘แย่แล้วครับเสี่ย’
“แย่อะไร” ทันทีที่ถามจบ สมุนของทั้งสองฝ่ายก็ชักอาวุธ ใส่กันเตรียมถล่มกันอย่างเต็มที่
“อาเฉิน นี่มันอะไร ลื้อกำลังทำอะไร?”
“ก็ธุรกิจของเสี่ยไงล่ะครับ ผมจะบอกให้ ว่าตอนนี้ ตำรวจกำลังมาที่นี่ โกดังเก็บของของเสี่ยถูกทลายแล้ว บ่อนเสี่ยก็ถูกปิดเรียบร้อยแล้ว เส้นทางการเงินของเสี่ยก็ถูกตรวจสอบเรียบร้อยแล้ว และเสี่ยคงจะพอนึกออกแล้วว่า…” ชายหนุ่มเดินเข้ามาใกล้ๆเสี่ยเฒ่า มากยิ่งขึ้น ก่อนจะวางมือบนไหล่ของอีกฝ่ายอย่างเหนือกว่า
“ผมไม่ยอมโดนยิงฟรีๆแน่ๆ ที่สำคัญ การหายใจร่วมกับคนที่นิสัยไม่ดี ชอบลอบกัด ผมไม่นิยม” สายตาคู่คมมองอีกฝ่ายนิ่ง
“หม่าหลง โจวเหวิน!!! จัดการต่อด้วย” สิ้นคำพูดชายหนุ่มก็เดินออกจากตรงนั้น เพียงครู่เดียว ตำรวจก็มาถึงและจัดการกับเสี่ยเกียงพร้อมลูกน้องได้คาหลักฐานที่มัดตัวไปไหนไม่รอด นั่นก็เท่ากับว่า เขาปัดกวาดเส้นทางธุรกิจให้สะอาดขึ้นอีกกอง
………………………………………………………………………………..
สอง สัปดาห์ต่อมา คฤหาสน์ ตระกูล เฉิน
“เรื่องที่ให้จัดการถึงไหนแล้ว” เสียงขรึมเย็นๆ ถามขึ้น ช่วงนี้เขาค่อนข้างจะว่าง หลังจากจัดการกับเสี่ยเฒ่าเจ้าเล่ห์แล้ว เขาก็คลายความกังวลลงไปเยอะ แต่พอว่าง กลับมีอีกเรื่องที่เข้ามาสร้างความวุ่นวาย ไม่ได้วุ่นวายในสมองนะ แต่กลับวุ่นวายในหัวใจมากกว่า ร่างบางแก่นแก้ว ผมม้าน่ารักนั่น ที่เคยช่วยเขาเอาไว้
“หาโอกาสอยู่ครับนาย” โจวเหวินเป็นผู้ตอบ
“อย่าช้า ฉันไม่อยากรอ…”
“ครับ!!!” รับคำหนักแน่น
………………………………………………………………………………..
เมืองไทย
“กลับมาแล้วค่ะ โรสมีอะไรให้มัสกินบ้าง หิวจะแย่” ร่างบางในชุดทะมัดทะแมง เหวี่ยงกระเป๋าไว้บนโซฟา ก่อนจะพุ่งตรงเข้าครัว ล้างมือแล้วเปิดตู้เย็น หยิบน้ำมารินใส่แก้ว ดื่มดับกระหาย พลางมองหาร่างบางของผู้เป็นพี่
“โรส อยู่ไหนน่ะ”ร่างบางตะโกนหาลั่นบ้าน
“อยู่นี่!!! เบาๆหน่อยมัส เดี๋ยวคอแตกกันพอดี”
“โล่งใจ นึกว่าใครมาลักพาตัว โรสสุดสวยของมัสไปเสียแล้ว”
“มัสเป็นห่วงพี่เหรอ”
“ใช่!!!” ร่างบางตอบเสียงดังฟังชัด พร้อมพยักหน้ายืนยัน
“ถ้าโรสถูกลักพาตัวไป ใครจะทำกับข้าวอร่อยๆรอมัสล่ะ” สิ้นคำพี่สาวหน้าเหมือนก็ประเคนขนมผิงเข้าให้
“นี่แน่ะ มัสอ่ะ แต่ช่วงนี้พี่มีความรู้สึกว่า เหมือนมีคนคอยตามพี่เหมือนกันนะ ทั้งที่ร้านและเวลาไปไหนมาไหน” มัทนาบอกความผิดปกติให้น้องสาวได้รับรู้
“จริงเหรอโรส มัสนึกว่ามัสรู้สึกไปคนเดียวเสียอีก ช่วงนี้มัสเองก็รู้สึกว่ามีคนคอยตามเหมือนกัน หรือว่า จะมีหนุ่มๆจะเข้ามาขายขนมจีบทั้งโรสและมัสพร้อมๆกันนะ แต่เขาไม่กล้า ฮ่าๆ”
รับรู้แล้วถึงความผิดปกติที่เกิดขึ้น แต่ร่างบางผมม้า ก็แกล้งพูดเล่น เพื่อให้พี่สาวคลายกังวล
“บ้าเหรอมัสอ่ะ พูดเล่นอยู่เรื่อย” พี่สาวเอ็ดเบาๆ ก่อนจะยิ้มขำๆส่งให้กับความช่างคิดของผู้เป็นน้อง
“เถอะหน่า ใครจะกล้าแหยมกับเราสองคน มัสไม่ยอมหรอก ใครจะทำอะไรโรส ข้ามศพมัสไปก่อน ยังไงๆโรสก็ระวังตัวด้วยแล้วกันนะ กินข้าวเถอะมัสหิวแสบใส้จะแย่ ข้าวไม่กินมัสไม่มีแรงสู้รบกับใครหรอก”
ร่างบางเอ่ยด้วยความเป็นห่วงก่อน แต่ก็มิวาย วกกลับมาเรื่องกินจนได้ เรียกรอยยิ้มกว้างจะพี่สาวได้ไม่ยาก…
###########################################
ส่งอีกตอนให้ได้อ่านกันนะค๊า
เอาหนุ่มหล่ออีกคนมาแนะนำให้รู้จักกันในตอนนี้ เฉิน เจี้ยนหาว
น้องชายแท้ๆ ของ พี่เฉินเรา โฮ๊ะๆๆ คราวนี้ก็ครบคู่ แต่คู่ไหน จะเป็นยัง
ไง ฝากติดตามด้วยนะค๊า ^_^
ความคิดเห็น