คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : บทที่ 1 ตกงาน
บทที่ 1 ตกงาน
บนลานกว้างในโรงยิมของโรงเรียนแห่งหนึ่ง ร่างบางในชุดทะมัดทะแมง หลบหมัดคู่ต่อสู้อย่างคล่องแคล่ว ก่อนจะหาจังหวะช่วงชิงโอกาสเตะไปที่บั้นเอวของอีกฝ่าย ที่เป็นชายอกสามศอกจนเซไปกองบนพื้น เมื่อคู่ต่อสู้สิ้นฤทธิ์ อย่างที่ปากดีไว้ก่อนหน้านี้ ร่างบางก็เดินเข้าไปหาช้าๆ ก่อนจะทรุดตัวลงนั่งยองๆ ทอดสายตาสมเพส ไปยังร่างที่ได้รับบาดเจ็บจนลุกขึ้นไม่ไหว ไม่มีวี่แววว่าจะลุกขึ้นมาทำอะไรเธอได้อีก
“ไหนว่า ผู้หญิงไร้พิษสงคะ ผอ. คิดจะเอาฉันเป็นอีหนูของคุณอีกคน ไม่ง่ายนักหรอกค่ะ” ร่างบางยิ้มเย็น ไล้มือบางไปตามไหล่ของอีกฝ่ายก่อนจะลูบไปมาราวกับพิศวาสเสียนักหนา
“อย่า…นะ ครูมัสยาผมยอมแล้ว…”ตาเฒ่าผู้มากด้วยเล่ห์เหลี่ยมร้องขอชีวิต อย่างไม่เหลือศักดิ์ศรีใดๆ
“ยอมนี่…ยอมแบบไหนคะ…” เสียงหวานกล่าวเนิบๆก่อนจะจับไหล่ของอีกฝ่ายบิดอย่างแรงเพื่อคาดคั้นคำตอบ
อ๊ากกก!!!! โอ๊ย!!!!!!!
“ยอมปล่อยคุณไป…ผมจะไม่เอาเรื่องอะไรเลย…ปล่อยผมไปเถอะผมขอร้อง” ตาเฒ่ากล่าวอย่างลนๆ
“ดีค่ะ…ฉันลาออก!!! อย่าให้ฉันเจอคุณอีก ไม่งั้นฉันจะจองเวรคุณ!!! จำไว้!!!”
สิ้นคำร่างบางก็ปล่อยตาเฒ่าให้เป็นอิสระ ก่อนจะลุกขึ้นยืนเต็มความสูง เดินไปอีกทางเพื่อเอาเป้และสัมภาระ และล้วงซองขาวออกมา ก่อนจะเดินยังตำแหน่งที่ตาเฒ่านอนรอชะตากรรมอยู่ หญิงสาววางซองขาวลงข้างๆ ในนั้นมีจดหมายลาออกอย่างเป็นทางการ ก่อนจะสวมแว่นตาสีชาแลดู ตาเฒ่าอย่างเหยียดๆก่อนเดินจากไป จบสิ้นกันสักที ที่จริงเธอรักการเป็นครูนะ รักเด็กๆมากด้วย ตลอดเวลาที่สอนที่นี่ เธอมีลูกศิษย์มากมาย เด็กๆน่ารักสอนง่าย มีบ้างที่ดื้อแต่เธอก็เอาอยู่
มัสยา หรืออดีตครูมัสยาของเด็กๆ เหวี่ยงตัวขึ้นคร่อม รถ ช็อปเปอร์คู่ใจ ด้วยท่าทางสง่า มุ่งหน้าสู่ถนน ที่มีรถลามากมายหลายหลากคัน คิดในใจว่า ‘ก็แค่ตกงาน ดีกว่าต้องโดนตาเฒ่าหัวงู ยัดเบียดความเป็นเมียน้อยให้แหละวะ’
“กลับมาแล้วฮะ” ร่างบางที่ได้ชื่อว่าแก่นแก้วที่สุดของบ้านเพราะถือว่าน้องนุชสุดท้อง เป็นน้องคนเล็กความแสบสันจึงเยอะกว่าคนอื่นๆเป็นพิเศษ
“หอมอะไรน่ะ”
“โรส ทำอะไรฉลองอีกล่ะวันนี้ มัสหิวจะแย่ ออกแรงไปตั้งเยอะ” ร่างบางอ้อนพี่สาวน้อยๆก่อนจะไปล้างมือ มานั่งเตรียมจะกิน
“แห้วลอยแก้ว นั่นน้ำระกำ ส่วนที่กำลังจะยกลงจากเตา ข้าวผัดน้ำพริกกินกับบัวบกคงจะอร่อย”พี่สาวผู้มีใบหน้าไม่ต่างไปจากคนพูดราวแกะมาจากพิมพ์เดียวกัน เหย้าน้อยๆ อย่างรู้ทัน มามาดแบบนี้มีเรื่องเดียว จะเรื่องอะไรเสียอีก ถ้าน้องสาวที่รักไม่ไปต่อยตีกับใครมานั่นเอง
“มัส ลาออกแล้วนะ!!!”
“อืม” พี่สาวรับคำเบาๆ ดูน้องสาวกินทุกอย่างบนโต๊ะอย่างเอร็ดอร่อย แน่นอนว่าอีกเดี๋ยวมัสยาจะเล่าทุกอย่างให้เธอฟังเอง
“มัสจะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะ!!!” ก่อนจะส่งข้าวอีกคำเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆอย่างน่ารัก
“มัสเนี่ยนะ จะสอนศิลปะ มัสจะสอนศิลปะได้ไง มัสวาดรูปไม่เป็น พี่จำได้ว่าขนาดวาดคน มัสยังวาดเป็นก้างปลาได้เลย” มัทนาเอ่ยถามอย่างตกใจ
“พี่ว่า มัสมาช่วยที่ร้านดีกว่า เดี๋ยวนี้ออร์เดอร์เยอะ ขนมทำกันแทบไม่ทัน” มัทนาเสนอทางเลือก
“ไม่เอาหรอก มัสทำขนมอย่างพี่โรสไม่ได้หรอก นี่แล้วใครบอกว่าจะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะแบบนั้นกัน มัสจะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวต่างหาก” คำตอบที่ได้เรียกรอยอึ้งในแววตาอีกฝ่ายได้มากโข
“เอาจริงเหรอมัส จะแก่นไปไหน เดี๋ยวก็ขายไม่ออก”
“แล้วเรียบร้อยแบบพี่…เมื่อไหร่จะขายออกคร๊าบ” ร่างบางผมสั้นเคลียบ่าน้อยๆไว้ผมม้าน่ารักส่งให้ เจ้าตัวน่ารักไม่เบา ส่งยิ้มตาหยี ที่ยอกย้อนพี่สาวที่รักได้ ก่อนจะส่งข้าวคำสุดท้ายเข้าปากไปเคี้ยวตุ้ยๆ จากนั้นก็ตามด้วยแห้วลอยแก้ว และน้ำระกำ ที่พี่สาวเตรียมไว้ให้ โดยเฉพาะ เพราะมีลางสังหรณ์ ตั้งแต่เมื่อคืนแล้วว่า น้องสาวสุดที่รักต้องก่อคดีอะไรสักอย่าง
หลังจากที่หมายมั่นปั้นมือว่าจะเปิดโรงเรียนสอนศิลปะป้องกันตัวให้ได้ มัสยาก็มุ่งมั่นที่จะทำให้ได้อย่างที่พูดจริงๆ โดยการตั้งตัวเป็นหัวโจกประจำซอย มีลูกสมุนหรือก็คือนักเรียนนั่นเอง ซึ่งเป็นลูกของคนละแวกนั้น ผลัดเปลี่ยนกันมาเรียนวิชาไม่ขาดสาย เมื่อมาแล้วก็เอาไปพูดปากต่อปากให้เพื่อนๆฟัง จนมีคนมาขอเรียนเพิ่มหลายคน เล่นเอาเจ้าตัวยิ้มร่าไปเลยทีเดียว
ด้านมัทนาก็มัวแต่ยุ่งๆกับออร์เดอร์ขนมไทยที่มีมาทุกวัน จนแทบจะทำกันไม่ทัน ดีหน่อยที่ร้านมีคนคอยช่วยหลายคน ถ้าคนเดียวคงไม่ไหว
บ่ายวันหนึ่งมัสยาต้องไปรับของเข้าร้านให้พี่สาว ที่ไหว้วานมา เพราะทิ้งร้านมาเองไม่ได้ หญิงสาวในชุดสบายๆ เดินเข้าห้างสรรพสินค้าขนาดใหญ่ใจกลางเมือง ด้วยท่าทางรีบร้อน เพราะเลยเวลานัดนานมากแล้ว
โอ๊ะ !!!
ร่างชนเอากับกำแพงมีชีวิตร่างหนึ่ง อารามตกใจจึงลนเก็บของ ปากก็บ่นพึมพำไปด้วย
“ขอโทษค่ะ ฉันรีบไปหน่อย”
“ไม่เป็นไรครับ” ภาษาไทยช้าๆชัดๆเอ่ยขึ้นอย่างสุภาพ มองร่างบางที่เก็บของลนๆผ่านแว่นสีดำสนิท เก็บรายละเอียดของร่างบางอย่างจงใจ และเมื่อคู่กรณีสาวเดินจากไป เขาก็มองตามด้วยความเสียดาย ก่อนจะสะดุดกับสร้อยล็อคเกตทำด้วยเงิน ที่กระเด็นตกอยู่ไม่ไกล ตอนชนกันเมื่อครู่ เจ้าของคงรีบจนไม่ได้ดูให้ถี่ถ้วน ร่างหนาในชุดสูท มีผู้ติดตามอีก 2 คน ค่อยๆก้มลงหยิบขึ้นมาเพ่งพิศอีกครั้ง ก่อนจะถือวิสาสะเปิดล็อคเกตนั้นดู ด้านในเป็นรูปของของหญิงสาวผู้เป็นเจ้าของนั่นเอง แต่อิริยาบถแตกต่างกัน รูปหนึ่งดูแก่นแก้ว ทโมนดูมีชีวิตชีวา แต่อีกรูปดูหวาน อ่อนโยน ราวแก้วที่แสนเปราะบาง ชายหนุ่มส่งล็อคเกตลงในกระเป๋ากางเกง ราวต้องการเก็บเอาไว้…
################
เปิดเจิมตอนแรกจร้า >//<
อย่าลืม เม้น และ โหวต ด้วยน๊า
ความคิดเห็น