ลำดับตอนที่ #4
คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ระบายความทุกข์กับคุณพ่อ
"บัวไปทำงานนะค่ะคุณแม่" เมื่อแน่ใจว่าเขาไปแล้ว ก็ทีเธอบ้างที่จะต้องไปทำงาน�
"จ๊ะ �อย่ากลับค่ำนัก �ขับรถขับรา ให้ระมัดระวัง" �เตือนสติให้กลับมาอยู่กับเธอ �การเดินทางจะได้ปลอดภัย
เมื่อรถจอดดับเครื่องสนิท �บัวชัวพูแปลกใจที่ที่เธอมาถึงไม่ใช่ที่ทำงาน �เมื่อมองโดยรอบตัวอีกครั้ง �วัด เธอมาถึงที่นี้ได้อย่างไรกันนะ � �หรือว่า คุณพ่อ �เมื่อคิดได้ดังนั้นน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เมื่อเธอตั้งสติได้ �เธอจึงก้าวเดินตามทางเดินที่ต้นไม้ขึ้นรกครึ้มทั้งสองข้างทาง �บรรยากาศอันเงียบสงบ �ปราศจากผู้คน �เธอเดินมาถึงที่บรรจุ อัฐิบิดา �ผู้ล่วงลับ เหมือนมีบางอย่างกระทบร่างกายเธอ �เพียงบางเบา
"คุณพ่อขา �หนูบัวเองค่ะ" เธอมั่นใจว่าบิดาทราบว่าเธอมาหา และกำลังทุกข์แสนสาหัส
"คุณพ่ออย่าโกรธ อย่าเกียจ หนูบัวนะค่ะ"ละอายต่อบิดาเหลือเกิน น้ำตาที่ทำท่าว่าจะหยุดไหล กับไหลออกมาอีกครั้ง
"หนูขอโทษนะค่ะ �ที่ทำเรื่องไม่สมควร �ผิดต่อคุณพ่อ ไม่เชื่อฟังคำสอนของคุณพ่อ" เสียงสะอื้นไห้ �กับคำพูด ขาดๆ หาย ๆ �ฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง �ร่างกายที่สั่นไหวโยนตามแรงสะอื้น �
"หนู...หนู �ไม่รู้จะบอกกับใคร �ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง �คุณพ่อขา ทนฟังหนูหน่อยนะค่ะ" �เธอเล่าเรื่องราวความทุกข์ให้บิดาฟัง �ปนเสียงสะอึกสะอื้นป่านจะขาดใจ
"หนู รู้ว่า พี่คินมีคู่หมั้นแล้ว �แต่หนูก็รักพี่คิน รักมาก �หนูจึงยอมเขาทุกอย่าง �ทั้งที่รู้ว่าผิดต่อคุณพ่อ คุณ แม่ คุณแพท �" เสียงเธอขาดหายไป �มีเพียงเสียง ..โฮ �..ออกมาซึ้งยาวนาน กว่าทุกครั้ง และเงียบเสียงไป เหลือเพียงเสียงสะอึกสะอ้ืน �กับท่านั้งพิงที่เก็บอัฐิของบิดา
"คุณพ่อขา �คู่หมั้นเขากลับมาแล้ว หนูควรจะทำยังงัยดีค่ะ " �รู้ว่าถามไปก็ไม่มีคำตอบ �แต่เธอก็เลือกที่จะถามแบบนั้น�
เธอจมอยู่กับความเสียใจเกือบครึ่งค่อนวันได้ �จึงได้กล่าวลาบิดา �เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงอีกครั้ง �ครั้งนี้เธอได้ปลดปล่อยความทุกข์ใจทั้งหมด �ให้บิดารับฟังแล้ว �แม้จะไม่ดีขึ้นทั้งหมดแต่เธอก็พร้อมยอมรับความจริง �เรื่องของเขา �พี่คินกับคุณแพท
เมื่อกลับขึ้นรถ เธอไม่รู้จะไปไหนดี �ทำงานหรอ สมาธิไม่มี �ไปหาเพื่อน �จะบอกเพื่อนว่าอย่างไร กลับบ้านจะตอบคำถามของที่บ้านได้ไหม �ปวดหัวจัง �เธอจึงปิดเปลือกตาลง �และเรื่องราวในอดีต ก็ฉายขึ้น
บริรักษ์ �ชยานันท์ � ได้ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ �เขมพัสตร์ �หลังจากที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับ �ภาสินี �เขมพัสตร์ � �ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และเหตุผลส่วนตัวที่เขาไม่สามารถบอกแกใครได้นอกจากเธอ ภาสินี �ซึ่งเธอคือรักแรกของเขา �เมื่อได้เจอกันอีกครั้งในวันที่ต่างคนต่างไม่มีใคร �จะเหลือเพียงก็แต่ลูก ๆ ทั้งของเธอ �ภาคิน �เขมพัสตร์ �และเขา บัวชมพู �ชนานันท์ เท่านั้น ทั้งเขาและเธอจึงตั้งใจที่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว �เพื่อช่วยเหลือกันและกัน �ในภายหน้า และลูก ๆ ก็จะมีพี่มีน้องไว้ค่อยช่วยเหลือกันอีกด้วย
แต่การเข้ามาของเขาทำให้หลายคนมองว่า เขามาเพื่อสมบัติของเขมพัสตร์ �เท่านั้น จึงเกิดเสียงครหาตามมาอย่างมากมาย �มีเพียงเธอและเขาที่รู้และไม่ได้สนใจ
ทั้งหมดที่เป็นเช่นนี้ �เพราะเขาไม่มีญาติที่ไหนเลย �ที่จะฝากลูกสาวสุดที่รักไว้ �และไหนจะธุรกิจของเขาอีกที่จะต้องรักษาเอาไว้ให้แก่บุตรสาวของตน �เขาจึงบอกเหตุผลกับ เธอ ภาสินี �เพื่อจะฝากฝัง �ให้ดูแลบุตรสาวของเขา �และรักษาธุรกิจที่เขาสร้างมากับมือไว้ �เพราะบุตรสาวยังเยาว์นัก เขาจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนี้ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการเอาเปรียบอีกฝ่าย�
"ตกลง ตามนี้นะครับคุณนี" �จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ �ที่ต้องการให้เธอมาแต่งงานกับเขา เพื่อที่เธอจะได้เลี้ยงลูกของเขาในวันที่เขาไม่อยู่ �
"ค่ะ นีตามใจคุณ" �เธอยิ้มและรับข้อเสนอของเขา อย่างไม่มีข้อกังขา �ใช่ว่าเธออยากจะได้สมบัติของเขา เธอเองมีมากกว่าเขาเสียอีก �เพื่อความสะบายใจของอีกฝ่าย �เธอจึงยอมรับมันง่ายดาย
หลังจากนั้นไม่นานการแต่งงานรอบสอง ของเศรษฐีนี �ก็เกิดขึ้นในแบบที่เรียบง่าย �มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ�กับสักขีพยานอีกนิดหน่อย พอเป็นพิธี เท่านั้น �
เพราะเธอรับรู้มาตลอดว่าเขานั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพ �และเขาคงจะอยู่กับเธอและลูก �ได้อีกไม่นานเท่าไร
"หนูบัว �อยู่กับคุณแม่ กับพี่คินนะลูก �" ในช่วงสายของวันหนึ่ง เขาเอยขึ้นกับบุตรสาว �เขาสอนให้เธอเรียก �ภาสินีว่าแม่ �ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
"ค่ะ คุณพ่อ �อยู่กับคุณพ่อด้วยสิค่ะ ถึงจะครบ" เพราะยังเด็ก ไม่เข้าใจในสิ่งที่ บิดา พูด �ดีนัก �เธอจึงไม่ได้สนใจที่จะหยุดฟังท่านเลย
"หนูบัว มาใกล้ ๆ พ่อสิลูก �" เรียกบุตรสาวเข้ามาสวมกอด �อย่างห่วงใย �เพราะเธอคือแก้วตาดวงใจของเขา
"ถ้้าพ่อไม่อยู่ อย่าดื้อกับคุณแม่ เชื่อฟังคุณแม่นะลูก" ตัวเขาเองไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่เขาพยายามบอกบุตรสาวนั้น เธอจะเข้าใจหรือไม่�
"ค่ะ คุณพ่อ" การพยักหน้า งึก ๆ ของเธอทำให้เขาเบาใจไปบ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม
"คุณพ่อจะไปไหนค่ะ" �เหมือนคิดขึ้นได้ �เธอรีบถามในความข้องใจของตนทันที่ �เมื่อไม่มีเสียงตอบของบิดา
"หนูไปด้วยสิค่ะ" � มองหน้าบิดา �และขอร้องให้เอาเธอไปด้วย �เมื่อบิดาส่ายหน้าไปมา �และน้ำตาคนเป็นพ่อไหลออกมา
"หนูไปไม่ได้หรอกลูก �มันลำบาก �และไกลมาก �แต่พ่อจะอยู่กับหนูที่นี้ตลอดไป" �เขายกมือขึ้นวางที่หน้าอกของเด็กน้อยเพื่อบอกแก่เธอว่า เขาจะอยู่ในใจเธอตลอดไป �จบการสนทนาเพียงอึดใจเธอก็ไม่ได้ยินเสียงบิดาอีกเลย�
"คุณพ่อ �คุณพ่ออย่าพึ่งไป �อยู่กับหนูบัวก่อนค่ะ " �แรงที่เขย่าร่างเธอ �ทำให้เธอต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมอง �อย่างสงสัย
"แม่หนู เป็นอะไรหรือเปล่าลูก �ป้าเห็นหนูมาตั้งแต่เช้าแล้ว �"แม่ค้าภายในวัด �เดินมาดูเห็นเธอโวยวายทยกไม้ยกมือ จึงตัดสินใจเขย่าตัว เธอเพื่อเรียกสติ
"ป่ะ �เปล่า ขอบคุณค่ะ �หนูเผลอหลับไป แล้วฝันร้ายนะค่ะ " �ซึ้งในความเป็นห่วงทีน่อีกฝ่ายมอบให้ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม
"จ๊ะ �รีบหลับบ้านเถอะแม่หนู �นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว แถวนี้มันอันตราย" �ใบหน้าที่ซีดเชียว �ทำให้นางอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ �เมื่อแกแน่ใจว่าเธอสบายดี
"งั้นป้าไปล่ะนะ" �
"ขอบคุณนะค่ะ คุณป้า " เธอยิ้มให้แก่ผู้สูงวัย พร้อมกับประนมมือไหว้ ในน้ำใจ ของนาง �อีกครั้ง
ใกล้เวลาพลบค่ำ แล้วสินะ �เขาจะรู้ไหมนะว่าเธอหายไปทั้งวัน �รู้แต่ไม่คิดจะสนใจ �เหอ...ความน้อยใจ แล่นขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ �มากมายซะจน �เธอเองยังแปลกใจ �ในเมื่อเธอไม่มีสิทธิ์ �เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงขับเคลื่อนรถเข้าไปสู่ความมืดของสองข้างทาง �สู่ถนนที่วุ่นวายอีกครั้ง
"จ๊ะ �อย่ากลับค่ำนัก �ขับรถขับรา ให้ระมัดระวัง" �เตือนสติให้กลับมาอยู่กับเธอ �การเดินทางจะได้ปลอดภัย
เมื่อรถจอดดับเครื่องสนิท �บัวชัวพูแปลกใจที่ที่เธอมาถึงไม่ใช่ที่ทำงาน �เมื่อมองโดยรอบตัวอีกครั้ง �วัด เธอมาถึงที่นี้ได้อย่างไรกันนะ � �หรือว่า คุณพ่อ �เมื่อคิดได้ดังนั้นน้ำตาไหลออกมาอย่างไม่มีปี่ไม่มีขลุ่ย เมื่อเธอตั้งสติได้ �เธอจึงก้าวเดินตามทางเดินที่ต้นไม้ขึ้นรกครึ้มทั้งสองข้างทาง �บรรยากาศอันเงียบสงบ �ปราศจากผู้คน �เธอเดินมาถึงที่บรรจุ อัฐิบิดา �ผู้ล่วงลับ เหมือนมีบางอย่างกระทบร่างกายเธอ �เพียงบางเบา
"คุณพ่อขา �หนูบัวเองค่ะ" เธอมั่นใจว่าบิดาทราบว่าเธอมาหา และกำลังทุกข์แสนสาหัส
"คุณพ่ออย่าโกรธ อย่าเกียจ หนูบัวนะค่ะ"ละอายต่อบิดาเหลือเกิน น้ำตาที่ทำท่าว่าจะหยุดไหล กับไหลออกมาอีกครั้ง
"หนูขอโทษนะค่ะ �ที่ทำเรื่องไม่สมควร �ผิดต่อคุณพ่อ ไม่เชื่อฟังคำสอนของคุณพ่อ" เสียงสะอื้นไห้ �กับคำพูด ขาดๆ หาย ๆ �ฟังแทบจะไม่รู้เรื่อง �ร่างกายที่สั่นไหวโยนตามแรงสะอื้น �
"หนู...หนู �ไม่รู้จะบอกกับใคร �ไม่กล้าเล่าให้ใครฟัง �คุณพ่อขา ทนฟังหนูหน่อยนะค่ะ" �เธอเล่าเรื่องราวความทุกข์ให้บิดาฟัง �ปนเสียงสะอึกสะอื้นป่านจะขาดใจ
"หนู รู้ว่า พี่คินมีคู่หมั้นแล้ว �แต่หนูก็รักพี่คิน รักมาก �หนูจึงยอมเขาทุกอย่าง �ทั้งที่รู้ว่าผิดต่อคุณพ่อ คุณ แม่ คุณแพท �" เสียงเธอขาดหายไป �มีเพียงเสียง ..โฮ �..ออกมาซึ้งยาวนาน กว่าทุกครั้ง และเงียบเสียงไป เหลือเพียงเสียงสะอึกสะอ้ืน �กับท่านั้งพิงที่เก็บอัฐิของบิดา
"คุณพ่อขา �คู่หมั้นเขากลับมาแล้ว หนูควรจะทำยังงัยดีค่ะ " �รู้ว่าถามไปก็ไม่มีคำตอบ �แต่เธอก็เลือกที่จะถามแบบนั้น�
เธอจมอยู่กับความเสียใจเกือบครึ่งค่อนวันได้ �จึงได้กล่าวลาบิดา �เพื่อเผชิญหน้ากับความจริงอีกครั้ง �ครั้งนี้เธอได้ปลดปล่อยความทุกข์ใจทั้งหมด �ให้บิดารับฟังแล้ว �แม้จะไม่ดีขึ้นทั้งหมดแต่เธอก็พร้อมยอมรับความจริง �เรื่องของเขา �พี่คินกับคุณแพท
เมื่อกลับขึ้นรถ เธอไม่รู้จะไปไหนดี �ทำงานหรอ สมาธิไม่มี �ไปหาเพื่อน �จะบอกเพื่อนว่าอย่างไร กลับบ้านจะตอบคำถามของที่บ้านได้ไหม �ปวดหัวจัง �เธอจึงปิดเปลือกตาลง �และเรื่องราวในอดีต ก็ฉายขึ้น
บริรักษ์ �ชยานันท์ � ได้ย้ายตัวเองเข้ามาอยู่ในคฤหาสน์ �เขมพัสตร์ �หลังจากที่เขาตัดสินใจแต่งงานกับ �ภาสินี �เขมพัสตร์ � �ด้วยเหตุผลทางธุรกิจ และเหตุผลส่วนตัวที่เขาไม่สามารถบอกแกใครได้นอกจากเธอ ภาสินี �ซึ่งเธอคือรักแรกของเขา �เมื่อได้เจอกันอีกครั้งในวันที่ต่างคนต่างไม่มีใคร �จะเหลือเพียงก็แต่ลูก ๆ ทั้งของเธอ �ภาคิน �เขมพัสตร์ �และเขา บัวชมพู �ชนานันท์ เท่านั้น ทั้งเขาและเธอจึงตั้งใจที่จะรวมกันเป็นหนึ่งเดียว �เพื่อช่วยเหลือกันและกัน �ในภายหน้า และลูก ๆ ก็จะมีพี่มีน้องไว้ค่อยช่วยเหลือกันอีกด้วย
แต่การเข้ามาของเขาทำให้หลายคนมองว่า เขามาเพื่อสมบัติของเขมพัสตร์ �เท่านั้น จึงเกิดเสียงครหาตามมาอย่างมากมาย �มีเพียงเธอและเขาที่รู้และไม่ได้สนใจ
ทั้งหมดที่เป็นเช่นนี้ �เพราะเขาไม่มีญาติที่ไหนเลย �ที่จะฝากลูกสาวสุดที่รักไว้ �และไหนจะธุรกิจของเขาอีกที่จะต้องรักษาเอาไว้ให้แก่บุตรสาวของตน �เขาจึงบอกเหตุผลกับ เธอ ภาสินี �เพื่อจะฝากฝัง �ให้ดูแลบุตรสาวของเขา �และรักษาธุรกิจที่เขาสร้างมากับมือไว้ �เพราะบุตรสาวยังเยาว์นัก เขาจำเป็นต้องตัดสินใจแบบนี้ เพื่อที่จะได้ไม่เป็นการเอาเปรียบอีกฝ่าย�
"ตกลง ตามนี้นะครับคุณนี" �จะว่าเขาเห็นแก่ตัวก็ได้ �ที่ต้องการให้เธอมาแต่งงานกับเขา เพื่อที่เธอจะได้เลี้ยงลูกของเขาในวันที่เขาไม่อยู่ �
"ค่ะ นีตามใจคุณ" �เธอยิ้มและรับข้อเสนอของเขา อย่างไม่มีข้อกังขา �ใช่ว่าเธออยากจะได้สมบัติของเขา เธอเองมีมากกว่าเขาเสียอีก �เพื่อความสะบายใจของอีกฝ่าย �เธอจึงยอมรับมันง่ายดาย
หลังจากนั้นไม่นานการแต่งงานรอบสอง ของเศรษฐีนี �ก็เกิดขึ้นในแบบที่เรียบง่าย �มีงานเลี้ยงเล็ก ๆ�กับสักขีพยานอีกนิดหน่อย พอเป็นพิธี เท่านั้น �
เพราะเธอรับรู้มาตลอดว่าเขานั้นมีปัญหาเรื่องสุขภาพ �และเขาคงจะอยู่กับเธอและลูก �ได้อีกไม่นานเท่าไร
"หนูบัว �อยู่กับคุณแม่ กับพี่คินนะลูก �" ในช่วงสายของวันหนึ่ง เขาเอยขึ้นกับบุตรสาว �เขาสอนให้เธอเรียก �ภาสินีว่าแม่ �ตั้งแต่ครั้งแรกที่พบกัน
"ค่ะ คุณพ่อ �อยู่กับคุณพ่อด้วยสิค่ะ ถึงจะครบ" เพราะยังเด็ก ไม่เข้าใจในสิ่งที่ บิดา พูด �ดีนัก �เธอจึงไม่ได้สนใจที่จะหยุดฟังท่านเลย
"หนูบัว มาใกล้ ๆ พ่อสิลูก �" เรียกบุตรสาวเข้ามาสวมกอด �อย่างห่วงใย �เพราะเธอคือแก้วตาดวงใจของเขา
"ถ้้าพ่อไม่อยู่ อย่าดื้อกับคุณแม่ เชื่อฟังคุณแม่นะลูก" ตัวเขาเองไม่แน่ใจนักว่าสิ่งที่เขาพยายามบอกบุตรสาวนั้น เธอจะเข้าใจหรือไม่�
"ค่ะ คุณพ่อ" การพยักหน้า งึก ๆ ของเธอทำให้เขาเบาใจไปบ้าง แม้จะไม่ทั้งหมดก็ตาม
"คุณพ่อจะไปไหนค่ะ" �เหมือนคิดขึ้นได้ �เธอรีบถามในความข้องใจของตนทันที่ �เมื่อไม่มีเสียงตอบของบิดา
"หนูไปด้วยสิค่ะ" � มองหน้าบิดา �และขอร้องให้เอาเธอไปด้วย �เมื่อบิดาส่ายหน้าไปมา �และน้ำตาคนเป็นพ่อไหลออกมา
"หนูไปไม่ได้หรอกลูก �มันลำบาก �และไกลมาก �แต่พ่อจะอยู่กับหนูที่นี้ตลอดไป" �เขายกมือขึ้นวางที่หน้าอกของเด็กน้อยเพื่อบอกแก่เธอว่า เขาจะอยู่ในใจเธอตลอดไป �จบการสนทนาเพียงอึดใจเธอก็ไม่ได้ยินเสียงบิดาอีกเลย�
"คุณพ่อ �คุณพ่ออย่าพึ่งไป �อยู่กับหนูบัวก่อนค่ะ " �แรงที่เขย่าร่างเธอ �ทำให้เธอต้องเปิดเปลือกตาขึ้นมอง �อย่างสงสัย
"แม่หนู เป็นอะไรหรือเปล่าลูก �ป้าเห็นหนูมาตั้งแต่เช้าแล้ว �"แม่ค้าภายในวัด �เดินมาดูเห็นเธอโวยวายทยกไม้ยกมือ จึงตัดสินใจเขย่าตัว เธอเพื่อเรียกสติ
"ป่ะ �เปล่า ขอบคุณค่ะ �หนูเผลอหลับไป แล้วฝันร้ายนะค่ะ " �ซึ้งในความเป็นห่วงทีน่อีกฝ่ายมอบให้ แม้จะไม่รู้จักกันมาก่อนก็ตาม
"จ๊ะ �รีบหลับบ้านเถอะแม่หนู �นี่ก็ใกล้จะมืดแล้ว แถวนี้มันอันตราย" �ใบหน้าที่ซีดเชียว �ทำให้นางอดเป็นห่วงเธอไม่ได้ �เมื่อแกแน่ใจว่าเธอสบายดี
"งั้นป้าไปล่ะนะ" �
"ขอบคุณนะค่ะ คุณป้า " เธอยิ้มให้แก่ผู้สูงวัย พร้อมกับประนมมือไหว้ ในน้ำใจ ของนาง �อีกครั้ง
ใกล้เวลาพลบค่ำ แล้วสินะ �เขาจะรู้ไหมนะว่าเธอหายไปทั้งวัน �รู้แต่ไม่คิดจะสนใจ �เหอ...ความน้อยใจ แล่นขึ้นมาเป็นริ้ว ๆ �มากมายซะจน �เธอเองยังแปลกใจ �ในเมื่อเธอไม่มีสิทธิ์ �เมื่อคิดได้เช่นนั้น เธอจึงขับเคลื่อนรถเข้าไปสู่ความมืดของสองข้างทาง �สู่ถนนที่วุ่นวายอีกครั้ง
เก็บเข้าคอลเล็กชัน
ความคิดเห็น