คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #2 : 01 . chapter one / met first is destiny ? (rewrite)
CHAPTER
01
“พันไมล์ ~” ฉันฟุบหน้าลงกับโต๊ะพร้อมกับใช้มือทั้งสองข้างปิดหูตัวเอง ทำให้อีกฝ่ายที่กำลังเรียกชื่อฉันได้รู้ว่าฉันเริ่มรำคาญเจ้าหล่อนแล้ว
“ไมล์ อย่าปิดหูสิฟังกูก่อน ... นี่ถ้ามึงไม่ไปมันก็ไม่สนุกนะ”
“มึงก็รู้ว่ากูไม่ชอบงานเลี้ยง คนเยอะแยะหนวกหู แล้วไอ้สัตย์ ไอ้ตรี ไอ้หมอกอ่ะทำไมไม่ไปชวนมัน” ฉันลุกขึ้นนั่งดี ๆ แล้วคุยกับเพื่อนอย่างตั้งใจ ก็เข้าใจว่าเพื่อนสนิทอยากให้ไปงานเลี้ยงวันเกิดของแฟน ... แต่ฉันไม่ชอบนี่คนเยอะแยะหนวกหูจะตาย
“ไอ้สามตัวนั้นมันเป็นผู้ชายอ่ะเดี๋ยวพี่กัสหึง โถ่ ... ไปแค่แปปเดียวเองนะ มึงคงไม่ปล่อยให้กูไปคนเดียวหรอกใช่ไหม ในนั้นมีแต่เพื่อนพี่กัสถ้ากูไปคนเดียวต้องอึดอัดมากแน่ ๆ นะมึงขอร้องละแค่ครั้งนี้ครั้งเดียว” พี่กัสที่มันว่าก็แฟนมันนั่นแหละ กลัวกัสหึงแต่ไม่กลัวกูโกรธ ? อืมดี -___- ไวน์ขอร้องพร้อมกับสงสารตาอ้อนวอนมาให้ ... จะให้ทำยังไงล่ะมาแบบนี้ก็ต้องยอมเพื่อนคนนี้ทุกที
“โอเค ๆ ที่ไหนเมื่อไหร่ว่ามา” เมื่อสิ้นสุดคำพูดของฉันไวน์ก็กระโดดกอดพร้อมกับตะโกนออกมาด้วยความดีใจ หลังจากนั้นก็หยิบกระดาษกับปากกามาจดสถานที่ของร้านอย่างละเอียดแล้วส่งมาให้ฉัน
ฉันอ่านรายละเอียดในกระดาษอย่างผ่าน ๆ ในนั้นมีวันที่เวลาของวันงาน สถานที่ร้าน ที่อยู่ รหัสไปรษณีย์ (ใส่มาทำไม -*-) ลักษณะของร้าน บลา ๆ
“เขียนมาเยอะขนาดนี้เอาชื่อพ่อเจ้าของร้านมาด้วยเลยไหม” ฉันพูดเชิงตำหนิไวน์ที่เขียนเยอะมากเกินไปจนโอเวอร์ แต่เพื่อนสนิทตรงหน้าก็ไม่ดีมีท่าทีโกรธ ได้แต่ยิ้แหย ๆ กลับมาเท่านั้น
“ก็กูกลัวมึงหลงนี่ ... เอาเถอะยังไงมึงก็ค้องไปให้ได้นะ”
“แต่ว่าต้อง ...”
“ไม่กลับดึกเกินสี่ทุ่ม ไม่ดื่ม ไม่แดนซ์” ไวน์พูดขัดพร้อมกับยักคิ้ว
“รู้แล้วก็ดี”
ถึงจะบอกว่ายัยไวน์เขียนมาเยอะก็เถอะ ... ตอนนี้ฉันก็ยังหาร้านที่เพื่อนบอกไม่เจอเลย TT เดินวนอยู่แถบนี้มาสี่ห้ารอบแล้วเนี่ย เอาไงดีไม่เคยาแถวนี้ด้วยสิ
“ว่าไงคนสวย ... มาคนเดียวเหรอไปเที่ยวกับพวกเราไหมครับ” ผู้ชายรูปร่างหน้าตาดีสองคนเดินเข้ามาทักฉันพร้อมกับร้อยยิ้มเป็นมิตร
“เอ่อ ...”
“เดี๋ยวพวกผมเลี้ยงเอง ... หรือว่าคุณกำลังรอเพื่อนอยู่ครับ ?” ฉันมองหาทางหลีกหนีสองคนนี้อยู่จะบอกว่ารอเพื่อนอยู่ก็ไม่ได้ หากสองคนนี้บอกว่าจะยืนรอเป็นเพื่อนล่ะ
“จริง ๆ แล้วเพื่อนฉันให้เข้าไปรอในร้านนี้น่ะค่ะ” ฉันชี้เข้าไปในร้านที่ฉันกำลังยืนอยู่
“อ๋อ ... ให้พวกผมไปรอเป็นเพื่อนไหมครับ“
“ไม่เป็นไรค่ะ ... เดี๋ยวแฟนฉันก็กำลังจะมาแล้วเหมือนกัน” ฉันพูดยิ้ม ๆ และเน้นหนัก ๆ ที่คำว่า แฟน ทั้งสองคนมองหน้าฉันพร้อมกับยิ้มแห้ง ๆ
“งั้นเดี๋ยวฉันเข้าไปในร้านก่อนนะคะ” ฉันรีบเดินหนีจากสองคนนั้นเข้ามาในร้านปริศนานี่ทันที เข้ามาในร้านก็พบว่าที่นี่เป็นผับ ดี ๆ นี่เองฉันเดินวนไปวนมาจนมาหยุดที่มุม ๆ นึงพร้อมกับนั่งลง
ฉันยังไม่อยากรีบออกไป เพราะถ้าหากเจอสองคนนั้นอีกรอบจะยุ่งเอาอีกเลยคิดว่าควรจะอยู่ในนี้สักพักแล้วค่อยออกไปตามหาร้านที่ยัยไวน์อยู่
“รับอะไรดีครับ”
“ขอเป็นน้ำส้มแล้วกันค่ะ” ฉันตอบพนักงานแบบส่ง ๆ ก่อนจะหยิบไอโฟนขึ้นมากดข้อความส่งไปหาไวน์ เพื่อบอกว่อาจจะถึงที่ร้านช้าหน่อย จากนั้นก็เก็บใส่กระเป๋าตามเดิม
ส่วนที่ฉันนั่งเรียกได้ว่าเป็นหัวมุมของร้าน อยู่ห่างจากประร้านเพียงเล็กน้อย มุมที่ฉันนั่งนั่นเรียกได้ว่ามองเห็นแทบทุกคนและทุกส่วนของร้านก็ว่าได้
ฉันมองคนที่กำลังเต้นกันอย่างสนุกสนานกลิ่นแอลกอฮอล์คละคลุ้งไปทั่วมันแทบจะทำให้ฉันอยากจะออกไปจากร้านนี้ให้เร็วทีสุด
ภาพตรงหน้าทำให้ฉันปวดหัวได้ไม่น้อยฉันจึงเลื่อนสายตาขึ้นไปมองชั้นบนที่ดูเหมือนจะเรียกว่าโซนวีไอพี เป็นระเบียงที่มีรั้วกันใสทำให้คนจากด้านล่างมองคนด้านบนได้ และคนด้านบนก็สามารถมองคนด้านล่างได้เช่นกัน
ฉันดื่มน้ำส้มหนึ่งอีกใหญ่ก่อนจะพิงตัวลงพนักพิงโซฟาจากนั้นก็ไล่สายตามองโซนวีไอพีที่ละส่วน จนมาหยุดกับโต๊ะโต๊ะหนึ่ง หญิงสาวกำลังนั่งอยู่บนตักของชายหนุมบนโซฟาหรูสีแดงสด .... ทั้งคู่กำลังจูบแลกลิ้นกันอย่างดูดดื่ม
ปกติฉันไม่ใช่พวกสาวโรคจิตที่แอบมองชาวบ้านเค้าจูบกันหรอก ... แต่นี่เป็นเพียงแค่อาการเผลอมองเท่านั้น
ฉันกำลังจะละสายตาออกมาจากโต๊ะนั้นแล้ว ... แต่สายตาของชายหนุ่มที่กำลังถูกหญิงสาวขึ้นคร่อมอยู่นั้นก็มองมาที่ฉัน เขาผละหญิงสาวออกพร้อมกับกระไวน์ในแก้วขึ้นดื่มจากนั้นก็มองมาที่ฉันอีกครั้งพร้อมกับพูดี่ฉันไม่ได้ยินเสียงแต่อ่านปากได้ว่า
‘ยัยถ้ำมอง’
ฉันทำอะไรไม่ได้นอกจากหลุบตาลงต่ำและไม่ได้มองขึ้นไปด้านบนอีก ... คอฉันเริ่มแห้งจึงหยิบน้ำส้มขึ้นมาจิบอีกครั้งพร้อมกับมองเวลาในนาฬิกาข้อมือจึงรู้ว่านี่ก็เป็นเวลานานมากแล้วที่ฉันอยู่ในร้านนี้
ฉันวางเงินไว้บนโต๊ะจำนวนนึงซึ่งคิดว่าน่าจะพอกับน้ำส้มที่ฉันดื่มไป จากนั้นก็เดินออกจากร้านมาและมองหาร้านที่ไวน์อยู่ต่อไป
“มองคนอื่นเขาจูบกันแล้วคิดจะหนีเหรอ” ฉันหยุดอยู่กับที่ทันีพร้อมกับหันไปมองต้นเสียงก็พบว่าเป็นผู้ชายที่กล่าวหาว่าฉันเป็นยัยถ้ำมอง
“คะ ?” ฉันเลิกคิ้วถามเสียงสูง
“นี่รับผิดชอบหน่อยก็ดีนะ” ผู้ชายคนนี้เดินเข้ามาหาฉันพร้อมกับทำคาเบดงแบบฉากในการ์ตูนญี่ปุ่นที่ผู้ชายใช้มือพิงกำแพงไม่ให้ผู้หญิงหนีไปไหนได้ ... ฉันคงจะดีใจและเคลิ้มมากหากเป็นสถานการณ์อื่นที่ไม่สถานการณ์นี้
“รับผิดชอบอะไรคะ ... กรุณาอย่าทำรุ่มร่ามกับฉัน ชวยถอยออกไปด้วยค่ะ”
“โอ๊ะ ... ขอโทษครับตรงนี้คงไม่เหมาะสินะ” เขขาพูดพร้อมกับดึงฉันเข้าไปในซอกตึกที่มีความมืดเข้าปกคลุม มีเพียงแค่ไฟจากเสาไฟที่ดูจะติด ๆ ดับ ๆ
“ซอกตึกเหรอ ... แปลกนะ แต่ก็ดีถือว่าเปลี่ยนบรรบากาศอยู่แต่บนเตียงกับโซฟามันน่าเบื่อแล้วเนอะ J”
“คุณหมายความว่าไง นี่ ! ปล่อยนะ”
“จริงสิ ! คุณยังไม่รู้จักผมเลยนี่นา ผมชื่อ ... คงไม่จำเป็นหรอกมั้งได้ครั้งเดียวแล้วก็จบ ๆ กันไป” เขาทำเป็นไม่สนที่ฉันพูด จงใจข้ามประโยคของฉันไปโดยสิ้นเชิง
“นี่พูดอะไรของคุณเนี่ย ! บอกให้ปล่อยคุณมีสิทธิอะไรมาทำกับฉันแบบนี้ !!”
“มีสิทธิสิ ก็คุณมาทำให้ผมอดขึ้นสวรรค์นี่”
“ขึ้นสวรรค์ ? นายตายแล้วหรือไงถึงจะขึ้นสวรรค์น่ะหะ !!” ฉันพูดพร้อมกับผลักเขาออกจากตัวฉันอย่างสุดแรง แต่ก็ดูจะไม่เป็นผลเพราะหมอนี่นอกจากจะไม่ปล่อยแล้วยังโถมตัวเข้าใส่ฉันมากกว่าเดิมเสียอีก
“นี่ที่รัก ... อย่าทำเป็นไม่รู้หน่อยเลยว่าผมหมายถึงอะไร”
“ฉันจะรู้ได้ยังไงว่านายหมายถึงอะไร ไม่ใช่พระเจ้านะที่จะได้รุ้กอย่าง !”
“เอาเถอะ ... ตอนนี้คุณไม่รู้เดี๋ยวผมจะทำให้คุณรู้เอง เพราะผมจะพาคุณขึ้นไปทัวร์บนสวรรค์อย่างสนุกสนานอย่างที่คุณลืมไม่ลงเอง !” เมื่อเขาพูดจบก็กดจูบบนริมฝีปากฉันทันที เขาค่อย ๆ บดขยี้ริมฝีปากบนลงมาล่างอย่างข้า ๆ และหนักหน่วง พยายามส่งลิ้นเข้ามาในริมฝีปากของฉันแต่ก็ไม่เป็นผลเพราะฉันยังคงเม้มปากแน่น
“อ๊ะ !” ฉันร้องออกมาทันทีเมื่อเขาใช้มือบีบสันกรามของฉันอย่างแรง จึงเป็นจังหวะให้เขาสอดลิ้นเข้ามาตวัดทั่วโพรงปาก ฉันไม่ประสีประสาอะไรทั้งสิ้นความรู้สึกตอนนี้มันตื้อไปหมดทำอะไรไม่ถูก
♫ ~
“Damn !” เขาสบถออกมาด้วยความไม่พอใจหลังจากที่ถอนริมฝีปปากออกไปแล้ว จากนั้นก็กดรับโทรศัพท์
“มีอะไรวะ ถ้าเหตุผลฟังไม่ขึ้นมึงรู้นะว่ามึงจะโดนอะไร ... หะ! แล้วมึงจับตัวมันไว้เปล่า ... เออ ๆ อีกสิบนาทีกูถึง” ผู้ชายคนนั้นคุยโทรศัพท์เสร็จก็เดินออกไปทันทีโดยไม่หันมาสนใจฉันอีก
“นั่นอะไร ...” ฉันนั่งลงกับพื้นอย่างหมดแรง น้ำตาที่คลออยู่บนชอบตาเริ่มไหลออกมาช้า ๆ ... ฉันไม่รู้ว่าตัวเองร้องไห้ทำไม ไม่รู้ว่าตอนนี้กำลังทำอะไรอยู่ ... มันสับสนและตื้อไปหมด
♫~
ฉันมองโทรศัพท์ที่อยู่ในมือเมื่อสายเรียกเข้าขึ้นชื่อว่าไวน์ฉันก็กดรับทันที
(ไมล์มึงอยู่ไหนอ่ะ ทำไมนาน)
“อึก โทษนะมึงกูไปไม่ได้จริง ๆ พอดีมีเรื่องนิดหน่อย”
(มึงโอเคใช่ไหม ?)
“กูโอเค ... ขอโทษนะที่ผิดสัญญา”
(เห้ย ! ไม่เป็นไร ๆ เดี๋ยวกก็จะกลับแล้วแหละถ้ามึงไม่มา เจอกันที่ม.นะ)
“อืมเจอกัน บาย” หลังจากที่กดตัดสายฉันใช้หลังมือปาดน้ำตาบนใบหน้าออกอย่างลวก ๆ จากนั้นก็ลุกขึ้นยืนและเดินกลับบ้าน พลางคิดในหัวว่าถ้าได้เจอผู้ชายคนนั้นอีกมันไม่ตายดีแน่ !
TBC.
ความคิดเห็น