คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER : 02
เช้าวันอังคารเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง
ในตอนนี้ห้องอัดเพลงกำลังอัดแน่นไปด้วยเด็กๆจำนวนห้าคนที่กำลังกระตือรือร้นในการเข้าห้องอัดในรอบเดือน
เด็กๆกำลังตื่นเต้นกับการอัดเพลงเดบิวร์ของตัวเอง
ต่างจากคุณพีดีคนเก่งที่นั่งหาวไปพูดไปอยู่ไม่หยุด
จนเด็กๆเริ่มเข้าใจว่าเพลงของตัวเองจะเป็นแนวไหนบ้างนั่นแหละคนตัวเล็กถึงได้หยุดพูดได้
ซูนยองที่นั่งมองร่างเล็กยืนหาวอยู่ก็แอบเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย
เมื่อเช้าตอนไปรับก็ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย เอาแต่หาวหวอดๆตลอดทางไม่พูดไม่จาอะไร
ตอนนั่งรถมาบริษัทอีกคนก็นั่งหลับบนรถ จนอดจะถามสาเหตุของมันไม่ได้
"พี่ครับ เป็นอะไรหรือเปล่านั่งหาวตั้งแต่เช้าแล้ว"
"อ่อ...เมื่อคืนพี่นอนดึกน่ะ
แต่งเพลงติดลมไปหน่อย ตื่นเช้าด้วย"
"อ่า...นอนดึกบ่อยๆไม่ดีนะครับ
หน้าตาพี่ดูไม่สดใสเลย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ผมเป็นห่วง"
"เด็กสมัยนี้นะ พี่ควรเขินหรือเปล่า ไปดูเด็กๆช่วยจีซูไป หัวหมุนแล้วมั้งน่ะ"
ซูนยองยิ้มจนตาปิดให้คนอายุมากกว่าที่ไม่ได้ดูเขินกับคำพูดของเขาอย่างที่บอกไว้
มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะจีฮุนก็อายุจะเข้าเลขสามไปแล้ว แถมยังเคยแต่งงานมาแล้วยังไงก็ต้องผ่านอะไรแบบนี้มาก่อน
ซูนยองเดินเข้าไปดูในห้องอัดเพลง เด็กๆนั่งคุยกันอยู่ด้านนอก
ข้างในห้องอัดเป็นเทรนนี่คนโตอย่างวอนอูกำลังยืนแร็พท่อนของตัวเองโดยมีเมมเบอร์คนอื่นนั่งลุ้นอยู่ด้านนอกว่าผลจะออกมายังไง
"ดีแล้วหละ
แต่ขอให้ใส่พลังลงไปกว่านี้หน่อยนะ"
"โหดร้ายไปหรือเปล่าครับพี่
ผมว่าเมื่อกี้นี่ดีแล้วนะ เด็กก็ตัวแค่นั้นจะเอาพลังมาจากไหน"
ซูนยองที่เดินเข้ามานั่งข้างจีซูพูดขึ้นไม่ดังนัก
คนอายุมากกว่าหัวเราะเบาๆก่อนจะหันหน้าไปสนใจการอัดเพลงต่อ
วอนอูน่ะมีพัฒนาการที่ดีมาก เพียงแต่จะดูทำอะไรไม่คล่องเท่าเมมเบอร์คนอื่น
แต่ก็นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่เหมือนกัน
การอัดเพลงรอบใหม่ดูเหมือนจะได้ตามที่จีซูต้องการ
วอนอูเองก็ดูจะพอใจกับผลงานของตัวเองอยู่ไม่น้อย คนต่อไปที่ต้องเข้าไปต่อคือ คิม
มินกยู ที่ได้ยินมาว่าถูกวางไว้ในตำแหน่งภาพลักษณ์ของวง
ดูดีดีก็เป็นคนมีเสน่ห์เอามากๆเลยหละ
"อ่า...สวัสดีครับพี่จีซู
พี่ซูนยอง"
"ว่าไงเรา
วันนี้มั่นใจมั้ย"
"ก็....ครับ
เต็มร้อยแน่นอนเลยครับ"
"โอเค
งั้นก็เริ่มเลยนะ.."
ตาคมจ้องมองเด็กตัวสูงที่กำลังทำหน้าที่ในฐานะแร็พเปอร์ของตัวเอง
ไม่แปลกที่จะถูกวางไว้ในตำแหน่งภาพลักษณ์เพราะเด็กคนนี้มีเสน่ห์ในการแสดงออก
ทั้งสีหน้าท่าทางที่สื่อออกมาดูเป็นมืออาชีพที่ได้รับการฝึกมานาน เป็นคนที่มีแววด้านการแสดงไม่น้อย
ถือว่าทางค่ายเลือกเด็กได้ดีเยี่ยมเลยหละ
ดูมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองโดยที่ไม่พยายามเลียนแบบใคร
เป็นตัวของตัวเองกันดีเยี่ยมสุดๆ
"เยี่ยม...แต่เสียงมันแตกๆนะ
ดีแล้วหละ"
"เยส!...ขอบคุณครับ"
ซูนยองยังคงจดจ้องในห้องอัดอยู่เช่นเดิม
รู้สึกว่าคงเป็นเมมเบอร์คนสุดท้ายแล้วที่เข้าห้องอัดมา เด็กหนุ่มรูปร่างอวบนิดๆกำลังยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ่ออยู่บ่งบอกว่าเป็นคนอารมณ์ดี
ร่างนั้นยืนดุ๊กดิ๊กอ่านเนื้อเพลงของตัวเอง ดูจากการดิ้นแล้วไม่น่าจะเป็นคนอวบได้
พลังที่เหลือเพราะกินเยอะหรือเปล่า
ดูหน้ามีความเข้ากับเพลงเอามากๆเลยหละ
"ซึงกวานอ่าา...วันนี้ขอเหมือนคราวก่อนนะ"
"อ่า....ครับ
จะพยายามครับ"
การอัดเพลงเริ่มต้นและจบลงด้วยดีเช่นเคย
เด็กๆหัวเราะกันเฮฮาอย่างที่เจอเมื่อวาน ไม่รู้ว่าโดนด่าจะรู้สึกอะไรกันบ้างหรือเปล่า
ซูนยองยังคงนั่งมองจีซูทำอะไรไม่รู้ต่อไป ช่วงเช้าเขาว่างเพราะเด็กๆต้องเข้าพบท่านประธาน
วันนี้ทั้งเขาเอง จีฮุน และจีซูคงจะต้องกลับดึกกว่าเมื่อวานมากเพราะเป็นช่วงที่ต้องทำอะไรให้เข้าที่กว่าเดิม
แอบกลัวเหมือนกันว่างานชิ้นแรกจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร
แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือเด็กๆที่คาดหวังจากเรื่องนี้เอามากๆ
มันคือสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาตลอด ได้แต่หวังว่ามันจะราบรื่นดีน่ะนะ
"พี่ครับ เด็กๆเขาต้องเดบิวร์กันตอนไหน
ไม่เห็นมีกำหนดวันจริงๆเลยนะ"
"อืม...จริงๆอีกห้าเดือน
แต่ครูสอนเต้นคนเก่าขอลาออก เลยยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน
พี่กับจีฮุนก็มีเวลาแต่งเพลงอีกนิดหน่อยนั่นแหละ แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก
คงไม่ถึงปี"
"อ่อ...พี่ครับ
ปกตินี่...พี่จีฮุนเขาคุยกับท่านประธานบ้างหรือเปล่า.."
จีซูหันหน้ามามองรุ่นน้องตาชี้ของตัวเองนิดๆก่อนจะหันกลับไปสนใจเพลงของเด็กๆต่อเพียงครู่ก็วางมันลงราวกับต้องการเตรียมพร้อมในการที่จะพูดเป็นที่สุด
ซูนยองดูจะตั้งอกตั้งใจฟังที่อีกคนจะพูดเป็นพิเศษ เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะคุณ
"ไม่...ถ้าไม่จำเป็นจีฮุนแทบจะไม่อยากเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ
ถ้าไม่ติดว่าท่านประธานเป็นพ่อน้องชานจีฮุนคงจะไม่คุยด้วยถ้านอกเวลางาน
พี่ก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าจีฮุนมันฝังใจอะไรกับเรื่องหย่า
แต่ที่รู้ๆไม่มีทางเหมือนเดิมแน่..."
"อืม...งั้นถ้าน้องชานมีพ่อใหม่ไปซะ
ท่านประธานจะเลิกวอแวพี่จีฮุนหรือเปล่า?"
"หึ...ร้ายนะเรา
ก็เอาสิ...น้องชานน่ะติดคนง่าย แต่อย่าตามใจน้องมากล่ะ เดี๋ยวโดนแม่น้องโกรธเอา
ไปๆ ไปซ้อมเต้นให้เด็กๆได้แล้ว"
พอโดนไล่ร่างสูงก็ลุกขึ้นโค้งให้คนอายุมากกว่าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมา
ภาพที่เห็นตอนนี้เรียกให้รอยยิ้มจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ
คุณแม่คนเก่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาตัวยาวโดยมีเสื้อแขนยาวของเจ้าตัวคลุมสะโพกบางใต้ยีนส์ขายาวสีดำเอาไว้
แขนเรียวยกขึ้นกอดอกเพราะความหนาวจากแอร์ที่ตกกระทบจนผิวขาวเย็นชืดเมื่อใช้มือแตะลงไปเบาๆ
เสื้อฮูดสีเทาบนร่างหนาถูกคลุมร่างบอบบางเอาไว้ ใบหน้าหล่อก้มลงจนริมฝีปากชิดใบหูบางก่อนจะกระซิบอีกคนเสียงแผ่ว
"ฝันดีนะครับ...คุณแม่..."
ใบหน้าหล่อทำท่าจะผละออกจากใบหน้าหวาน
เหตุการณ์เมื่อวานไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง
แก้มเนียนที่นุ่มนิ่มราวแก้มเด็กกับกลิ่นหอมอ่อนๆบนแก้มนั่นยังติดจมูกไม่หาย
ไหนจะกลิ่นกายหอมอ่อนๆของอีกคนที่ตอกย้ำอยู่ตลอด จมูกโด่งจัดการฝังลงบนแก้มนิ่ม
สูดดมกลิ่นหอมชวนฝันเข้าเต็มปอดก่อนจะผละออกแล้วลุกเดินออกไป
ไม่วายแอบหันกลับมามองนิดๆ
เสียงประตูถูกปิดลงเป็นสัญญานบอกว่าอีกคนออกไปพ้นห้องแล้ว
จีฮุนที่ตื่นตอนที่ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูได้แต่นอนยิ้มอยู่บนโซฟา
ไม่รู้เด็กคนนั้นคิดอะไรกับเาอยู่กันแน่ รู้จักกันไม่ถึงสองวันก็มาหอมกันสะแล้ว
รุกแรงจนบางทีก็ตั้งตัวรับไม่ทันอยู่เหมือนกัน
แต่จะให้มานั่งเขินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็คงจะไม่ใช่
เอาเป็นว่า...รู้สึกตกใจก็พอ ไม่ต้องเขินหรอก
..........................
บรรยากาศในห้องซ้อมดูไม่เฮฮาอย่างเมื่อวาน
วันนี้ทั้งที่เด็กๆควรจะสดชื่นแจ่มใสยิ้มแย้มกันแท้ๆ
ตอนนี้ทุกคนต่างดูจะเหนื่อยและหดหู่เอามากๆ ตอนนี้เด็กๆพึ่งได้พักจากการซ้อม
วอนอูดูจะเป็นคนที่ยิ้มแย้มที่สุด ต่างจากเมมเบอร์อีกสี่คนที่ดูจะเศร้าจนน่าตกใจ
ซูนยองถือโอกาสที่เด็กๆกำลังพักเรียกมาคุยกันโดยการนั่งล้อมวงอยู่บนพื้น เขาเองก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กพวกนี้ถึงได้ดูซึมนัก
ตอนอัดเพลงก็ยังเฮฮากันอยู่เลย
หรืออี ซึงฮุน จะพูดอะไร?
"เอาหละ
พี่จะไม่อ้อมค้อมเลยนะ...พวกนายเป็นอะไรกันไป ท่านประธานคุยอะไรด้วย"
เด็กๆเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่มีใครกล้าตอบ
ทั้งซึงกวาน เวอร์นอน โดคยอม มินกยู วอนอู ต่างนิ่งเงียบกันไปหมด
สุดท้ายคนที่เป็นพี่ใหญ่สุดอย่างวอนอูก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม
แต่ดูก็รู้ว่าฝืนมากแค่ไหน
"ก็...พูดเรื่องเดบิวร์ครับ...บอกว่าอาจมีบางคนถูกคัดออก...แล้วคนนั้นก็คือ....ผม"
"ย่าส์!! อะไรกัน!
เรื่องใหญ่แบบนี้ยังนิ่งอยู่ได้อีกหรือไง!
นายฝึกมานานที่สุดแต่อาจไม่ได้เดบิวร์พร้อมเมมเบอร์เนี่ยนะ! ไม่ดูตลกไปหน่อยหรือไง!"
"ท่านประธานบอกว่า...ผมพัฒนาช้าที่สุด
ทั้งที่ฝึกนานสุดแต่สู้เด็กเทรนที่ฝึกไม่นานไม่ได้"
จบคำพูดของวอนอู
ซูนยองได้แต่ชักสีหน้าอารมณ์เสียอย่างปิดไม่มิด เมื่อกี้เขาเผลอขึ้นเสียงไปด้วยความโมโห
เข้าใจว่าต้องการให้เด็กพัฒนาขึ้น
แต่มากดดันกันแบบนี้นอกจากเด็กจะเสียกำลังใจแล้วยังทำให้ไม่อยากพยายามขึ้นอีกด้วย
ก็เข้าใจว่าวงการแบบนี้ต้องมีการแข่งขัน แต่ช่วยหาอะไรที่เบาสมองกว่านี้มาพูดไม่ได้แล้วหรือไง
"โอเค...งั้นมาวัดกันเลย
ว่าเรากับท่านประธานใครจะชนะ เราต้องทำให้เขาเห็นพัฒนาการของเราให้ได้
ไม่ต้องเศร้าไปนะ พี่จะทำให้วอนอูได้เดบิวร์ให้ได้ สู้กันหรือเปล่า”
"สู้ครับ!!!"
"เยี่ยมมาก!
งั้นมา เริ่มซ้อมกันต่อดีกว่า”
เด็กๆดูจะมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นมานิดหน่อย
วอนอูไล่กอดเมมเบอร์ทุกคนก่อนจะเริ่มจัดเรียงตำแหน่งของตัวเองเพื่อจะได้เริ่มซ้อมเต้นเพลงของตัวเองกันต่อ
แต่ก็ยังไม่ทันจะได้เริ่มทำอะไรกันสักอย่างประตูห้องซ้อมก็ถูกเปิดเข้ามาโดยฝีมือคุณพีดีนิมตัวเล็กที่ส่งยิ้มมาให้พร้อมชูอาหารในมือให้เด็กๆดูจนพวกลูกหมาหงอยวิ่งเข้าไปหา
ซูนยองยืนยิ้มอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินเข้าไปสมทบด้วยอีกคน
"ว่าไงเด็กๆ ครูเขาดุหรือเปล่า"
"ไม่ดุเลยครับ
คุณแม่จีฮุนของเราดุกว่าซะอีก"
ซึงกวานที่พูดขึ้นได้แต่วิ่งไปหลบมือเรียวที่ง้างขึ้นมาเตรียมฟาดเข้าให้
จีฮุนดูจะเข้ามาทำให้บรรยากาศในห้องดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากๆ
เด็กๆนั่งล้อมวงคุยกันเรื่องท่าเต้นโดยมีครูสอนเต้นกับคุณพีดีตัวเล็กนั่งอยู่ด้วยอีกคน
เด็กๆดูจะใส่ใจไก่ทอดตรงหน้ากันเต็มที่จนแทบลืมว่าตัวเองเครียด
การกินช่วยได้ทุกอย่างจริงๆนั่นแหละ
"เมื่อกี๊ห้องซ้อมเงียบๆนะ
มีอะไรกันหรือเปล่าเด็กๆ"
เด็กๆวางไก่ในมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายเมื่อคนอายุมากที่สุดเปิดประเด็นคำถามขึ้น
จีฮุนพอจะเดาสีหน้าทุกคนออกว่ารู้สึกอะไร
เด็กๆรวมทั้งซูนยองดูลำบากใจที่จะพูดมันออกมาจริงๆ
แต่สุดท้ายคนที่ยอมเปิดปากพูดก็เป็นซูนยอง เด็กๆน่ะกลัวว่าจะทำให้จีฮุนที่พวกเขานับถือจะผิดหวังเอา
บทบาทคุณแม่ที่แสนดีน่ะจีฮุนมอบมันให้กับทุกคนเชียวหละ
"ท่านประธานบอกเด็กๆว่า....วอนอูอาจไม่ได้เดบิวร์พร้อมเมมเบอร์
เพราะพัฒนาการช้าที่สุดน่ะครับ"
"อะ...อะไรนะ...นี่...มันอะไรกัน
ท่านประธานมาพูดแบบนี้กับเด็กได้ยังไง..."
จีฮุนพูดเสียงนิ่ง
น้ำเสียงอ่อนโยนกับรอยยิ้มใจดีถูกโยนทิ้งไปในทันที เหลือทิ้งไว้เพียงความขุ่นมัวของความรู้สึกเบื้องลึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมา
ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เด็กๆห้าคนที่พอจะเดาสถานการณ์ตอนนี้ออกพากันเงียบไม่ปริปากพูดอะไร
ซูนยองที่มองหน้าอีกคนอยู่ลุกขึ้นมามองหน้าอีกคนด้วยความเป็นห่วง
"...พี่จะไปคุยกับท่านประธาน...ยังไงพวกเธอก็อยู่กับพี่มานานจนจะเป็นลูกพี่ได้อยู่แล้ว
เขายังจะกล้าทำแบบนี้อีกหรือไง ต้องการอะไรกันแน่..."
"พี่ครับ ใจเย็นๆก่อนสิ"
"เย็นได้ที่ไหนล่ะ!!
นายรู้หรือเปล่าว่าผู้ชายคนนี้ทำความฝันหลายคนพังบ่อยแค่ไหน!!
ฮึก...พี่จะไปคุยกับเค้าเอง ถ้าโดนไล่ออกก็ให้มันโดนไป..."
ทุกคนยิ่งเงียบกันมากกว่าเดิมเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่าใจเย็นที่สุดกำลังโวยวายแถมร้องไห้ออกมาเสียดื้อๆ
ซูนยองที่จับมือบางเอาไว้ได้แต่จำยอมต้องปล่อยอีกคน
ร่างเล็กเดินออกไปด้วยท่าทีหงุดหงิดจนซูนยองเองต้องรีบตามออกไป ชั้นหกของตัวอาคารเป็นจุดหมายของเขาสองคน
ซูนยองรู้สึกได้เลยว่าการขึ้นบันไดครั้งนี้ดูใกล้กว่าที่เคยเป็น เพียงไม่นานเขาก็ตามร่างของอีกคนมาจนถึงหน้าห้องท่านประธานของบริษัท
เลขาสาวหน้าห้องเงยหน้าขึ้นมาเพียงครู่ทำท่าจะเอ่ยปากห้ามแต่พอเห็นว่าเป็นจีฮุนเธอก็หุบปากฉับทันที
ซูนยองคิดว่าเรื่องของวอนอูครั้งนี้มันมีเงื่อนงำ...
จีฮุนที่ไม่ต้องรอให้ใครอนุญาตผลักประตูห้องเข้าไปอย่างถือวิสาสะ
ขาเรียวใต้ยีนตัวสวยก้าวฉับๆเข้าไปยืนกราดหน้าโต๊ะทำงานของอดีตสามีด้วยท่าทีหงุดหงิด
น้ำตาที่เมื่อไม่นานหยุดไหลไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้งแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น
มันมีแค่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ความรู้สึกต่างๆตีรวนขึ้นมาจนจุกไปหมด
ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นมา เขามีท่าทีตกใจเพียงแค่วูบเดียวก่อนจะส่งยิ้มมุมปากมาให้
"ทำแบบนี้ทำไม!
คุณทำแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ! ทำลายความฝันของคนนี่สนุกมากหรือไง!!"
"ใจเย็นสิครับจีฮุน...เรื่องอะไรถึงทำให้คนน่ารักของผมฟูมฟายขนาดนี้กัน
หืม?"
"หยุดเดี๋ยวนี้นะ!!
อย่าแม้แต่จะเอามือของคุณมาแตะตัวผม!!"
จีฮุนดูสติแตกไปในทันทีที่ร่างสูงของซึงฮุนเดินเข้ามาใกล้
มือหนาทำท่าจะยกขึ้นแตะแก้มขาวแต่ก็ถูกมือบางปัดทิ้งไปเสียก่อน
ซูนยองที่ยืนดูอยู่ห่างๆได้แต่หวังว่าอีกคนจะไม่ได้เป็นอะไร จีฮุนไม่ได้ถอยห่างจากชายตรงหน้า
ร่างเล็กยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เป็นซึงฮุนเสียเองที่ถอยออกไปหนึ่งก้าว
มุมปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้จนซูนยองที่ยืนอยู่ตรงประตูเมื่อครู่ต้องเขยิบเข้ามาใกล้อีกคนมากขึ้น
"หึ...ผมคิดแล้วว่าวิธีนี้ต้องได้ผล
ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณเลยนะจีฮุน...แค่คุณยอมกลับมาหาผมซะ...ทุกอย่างก็จบ..."
"ไม่มีทาง...แค่ผมคิดย้อนกลับไปว่าเลือกแต่งงานกับคนแบบคุณได้ยังไงก็สงสารตัวเองพอแล้ว
อย่าให้ลูกต้องมาทนเห็นพ่อที่คิดแต่จะได้อย่างคุณเลย...ให้เขาได้เจออะไรดีดีบ้างเถอะ...ผมรู้ว่าคุณไม่ไล่ผมออกแน่
ถ้าลาออกคุณก็คงไม่อนุมัติ...งั้นก็ต่างคนต่างอยู่
ไม่งั้นแม้แต่สิทธิ์ความเป็นพ่อน้องชานคุณก็จะไม่มี ไปเถอะซูนยอง"
จีฮุนเดินออกไปจากประตูด้วยท่าทีที่ดูนิ่งลงเล็กน้อย
ซูนยองยังคงยืนจ้องหน้าซึงฮุนไม่ไปไหน ผู้ชายคนนี้พ่อมักเอาเขาไปเปรียบเทียบด้วยเสมอ
เขาเองก็เคยชื่นชมอีกคนมากเหมือนกัน แต่นั่นก็แค่วัยเด็ก ในตอนนี้ตัวเขาแทบจะไม่นับถือคนคนนี้เลยด้วยซ้ำ
"เรื่องวอนอู
อย่าเอามาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวจะได้หรือเปล่า เด็กมาตามความฝัน...ไม่ได้มาเป็นเครื่องมือให้ใคร"
"หึ...อย่ามาทำเป็นคนดีหน่อยเลย
ฉันรู้ว่าแกน่ะชอบจีฮุน แต่อย่าลืมว่าฉันน่ะพ่อของลูก
เทียบกันไม่ได้เลยนะ..."
"พ่อของลูก....รู้มั้ยว่าคำนี้พอออกจากปากนายแล้วโคตรไม่น่าฟัง
ถึงน้องชานจะลูกนาย ก็ใช่ว่าฉันจะเป็นพ่อให้ไม่ได้ สงสารลูกเถอะ...ปล่อยเขาไป"
ซูนยองพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินออกมา
ตอนรู้ข่าวว่าซึงฮุนจะแต่งงานเขาก็ได้แต่คิดว่าใครคือผู้โชคร้ายคนนั้นกัน
แต่พอมารู้วันนี้ผู้โชคร้ายคนนั้นกลับดูเป็นของขวัญของเขา คนตัวเล็กๆดูน่าปกป้องกับเด็กชายตัวน้อยช่างพูด
เขาอยากจะปกป้องคนสองคนนี้เอาไว้ ไม่คิดจะใส่ใจว่าคนที่เคยครอบครองของขวัญชิ้นนี้จะเป็นใคร
อดีตมันคือความทรงจำ เก็บมันมาใส่ใจก็บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ เอาเวลามาทำทุกวันให้ดีดีกว่า
.....................
"พี่ครับ
เดี๋ยวก่อน"
เสียงทุ้มที่ดังไล่หลังมาเรียกให้จีฮุนต้องหยุดยืน
ตาเรียวยังคงแดงก่ำเพราะอาการฟูมฟายเมื่อครู่ทำให้ไม่แม้แต่จะกล้าหันกลับไปมองคนข้างหลังด้วยซ้ำ
เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครรับรู้หรือเป็นกังวลไปด้วย
แต่คนเราเมื่อถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ทุกอย่างจะระเบิดออกมาเต็มที่
จีฮุนในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน
การที่ต้องคอยอ่อนโยนเข้าอกเข้าใจลูกน้อยทำให้จีฮุนอ่อนไหวไปด้วย
เสียงฝีเท้าของคนด้านหลังก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนร่างสูงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า
ใบหน้าหล่อนิ่งสนิทดวงตาคมฉายแววเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด
จีฮุนจ้องหน้าอีกคนกลับไปนิ่งๆก็พาลให้น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ จีฮุนกำลังอ่อนแอ
แค่ใครสักคนที่คอยรับฟังทุกเรื่อง
"มีอะไรจะพูด
พูดกับผมได้นะครับ ผมรับฟังพี่เสมอ"
"..ฮึก...ซูนยอง..."
ร่างบอบบางพุ่งเข้ากอดร่างสูงในทันที
ซูนยองที่ยืนอยู่ทำได้เพียงโอบกอดร่างบอบบางไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างที่ไม่ต้องคิดอะไร
ตอนนี้จีฮุนรู้สึกปลอดภัยและมีที่พึ่งแบบที่ไม่เคยเป็น เหมือนกับว่าคนคนนี้กำลังตั้งใจที่จะรับฟังเขาในทุกเรื่อง
อบอุ่นจนน้ำตาพาลจะไหลออกมาเป็นสายหนักกว่าเดิม แขนเรียวยกขึ้นสวมกอดเอวสอบเอาไว้แน่น
ใบหน้าหวานซบลงบนอกแกร่งอย่างหาที่พักพิง
น้ำตาจากดวงตาเรียวสวยไหลออกมาเปียกเสื้อยืดของอีกคนเป็นวงกว้าง
คนที่ดูเข้มแข็ง ถ้าร้องไห้จะน่าสงสมรที่สุด
"ระบายออกมาเถอะครับ
ผมจะฟังพี่เอง"
"ฮือ...ทำไมชีวิตพี่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย...ทำไมผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกพี่ถึงทำแบบนี้...ฮือออ...เขาทำไมไม่ปล่อยพี่กับลูกไป
พี่ไม่อยากอยู่แล้ว...ฮืออ...พี่เหนื่อย..."
"ผมเข้าใจครับ...แต่เขารักพี่กับน้องชานนะ
ถึงได้พยายามทำแบบนี้...เขารักพี่นะครับ.."
เปลือกตาสีเข้มปิดแน่น
ถึงเขาจะรู้สึกว่าอีกคนคือคนที่ใช่ของเขา แต่ในเมื่อมันจะไม่ได้เป็นของเราจะยื้อเอาไว้ก็ไม่ใช่อยู่ดี
ทั้งที่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ดีเลิศอะไร เป็นแค่คนคนหนึ่งที่คิดเห็นแก่ตัวบ้างในบางครั้ง
แต่พอเป็นเรื่องของคนตัวเล็กคนนี้เข้ามันกลับทำให้เขาไม่คิดจะเห็นแก่ตัวเอาเสียเลย
เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกคนถึงได้ฝังใจนัก
แต่นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่บอกใครไม่ได้หรือไม่ก็คงยังไม่พร้อม
แผ่นหลังบางยังคงสั่นเทาน้อยๆแต่เสียงหวานกำลังพูดอยู่ในอกเขาจนเสียงหวานดังอู้อี้
เป็นคำพูด...ที่ซูนยองนึกพอใจกับมันที่สุด...
"พี่ไม่รักเขาแล้ว...แต่ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ
เขาไม่ได้เป็นห่วงพี่กับลูกสักนิด....เขาแค่อยากเอาชนะ แค่นั้น...ฮึก.."
มือหนาลูบไปมาเบาๆบนแผ่นหลังบาง
ตาคมจดจ้องประตูบานใหญ่ที่เปิดออกมาช้าๆแล้วก็ได้แต่ยกยิ้ม
ร่างสูงของซึงฮุนที่ทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้หยุดนิ่งในทันที
ดวงตาคมนั่นวูบไหวอย่างปิดไม่มิด ซูนยองยกยิ้มเหนือกว่าส่งให้อีกคนอย่างหาเรื่อง
จะว่าซูนยองเก็บกดก็ได้เพราะตั้งแต่เด็กเขาถูกเปรียบเทียบกับคนคนนี้ไว้เยอะ
จากที่ชื่นชมพอถูกเปรียบเทียบมากๆเข้าเลยกลายเป็นว่าเกลียดเข้าไส้
กลายเป็นว่าพอรู้เรื่องรู้ราวกันทั้งคู่ก็ไม่ถูกกันมาตลอด
ตอนมอต้นก็เคยถึงขั้นมีเรื่องกันจนต้องเชิญผู้ปกครองกันทั้งคู่ แต่มีหรือที่เขาสองคนจะยอมให้บอก
ตอนนั้นเลยกลายเป็นว่าพ่อบ้านมารับฟังอะไรแล้วเหยียบเรื่องไว้จนมิด
ทีแรกก็คิดว่าถ้าโตแล้วก็คงไม่คิดแบบนี้ แต่พอโตมาก็ยังคงคิดอยู่แล้วก็ดูเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำ
"ทีผมจับหน่อยล่ะรังเกียจเชียวนะ...แต่ทีมันล่ะกอดกันเชียว
ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้เลยนะจีฮุน..."
เสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งมาพร้อมแรงกระชากที่ต้นแขนอย่างแรงจนซูนยองที่กอดร่างอีกคนไว้จำต้องปล่อยร่างเล็กๆเพราะกลัวว่าอีกคนจะเจ็บ
จีฮุนตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้โวยวาย ซึงฮุนตอนนี้กำลังโมโหไม่ลืมหูลืมตา
มือหนาบีบต้นแขนนุ่มเอาไว้แน่นจนจีฮุนนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ
น้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้งไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าละมือออกไปสักนิด
เค้าไม่เคยแคร์ความรู้สึกจีฮุนเลย...ไม่เคยจริงๆ...
"คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้นะ..."
เสียงหวานเรียบนิ่ง
ใบหน้าหวานฉายแววผิดหวังอย่างชัดเจน
ซูนยองที่ยืนอยู่กำลังจะเข้าไปดึงตัวอีกคนกลับมาแต่จีฮุนยกมือห้ามพร้อมส่งยิ้มบางๆมาให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร
ซูนยองมองอีกคนอย่างอดจะเป็นห่วงไม่ได้ หมอนี่จะทำให้อีกคนเจ็บเกินไปแล้ว...
"ทำไมจะไม่มี...ผมเป็นพ่อน้องชาน
มีสิทธิ์ในตัวคุณกว่ามันอีก! แต่คุณมายืนกอดกับมันแบบนี้เนี่ยนะ! คนอื่นเขาจะมองกันยังไงคิดบ้างหรือเปล่า!"
"หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!"
ผั๊ว!!
แขนเรียวสะบัดออกจาการพันธนาการของมือหนาอย่างแรงก่อนหมัดเล็กๆจะกระแทกเข้าข้างแก้มสากเต็มแรง
ใบหน้าหวานแดงก่ำน้ำตาที่ไหลอยู่แล้วตอนนี้มันยิ่งไหลลงมาหนักกว่าเดิม
ร่างบางหอบจนตัวโยนทั้งโมโหทั้งเสียใจ
"อย่ามาอ้างสิทธิ์พ่อของลูกเพื่อแตะต้องตัวผมแบบนี้อีก
เพราะคุณไม่เคยทำมันได้ดีเลยสักนิดเดียว"
พูดจบร่างเล็กๆก็หายเข้าไปในห้องของตัวเอง
ซูนยองที่ยังยืนอยู่ที่เดิมยกยิ้มร้ายกาจส่งไปให้คนตรงหน้า บอกแล้วว่าเขาเองก็ไม่ได้ดีเลิศมาจากไหน
เขาร้ายกาจกว่าที่คิดเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ร้ายอย่างมีสมอง
ไม่ใช่แค่แผนสูงแต่ไม่มีปัญญาทำให้มันสำเร็จ
"ถึงฉันจะสู้นายเรื่องอื่นไม่ได้...แต่เรื่องนี้ขอบอกว่าฉันเหนือกว่า..."
"แกสู้ฉันไม่ได้หรอกซูนยอง...ขนาดเจอเขาแกยังเจอช้ากว่าฉันเลย
อีกอย่าง...น้องชานน่ะลูกฉัน ยังไงจีฮุนก็ต้องเลือกฉัน...ไม่ใช่แก"
"ดูมั่นใจนะ
แต่คนที่คอยดูแล...กับคนที่คอยทำให้เจ็บ พี่จีฮุนคงเลือกไม่ยาก...ลาก่อนครับ
ท่านประธาน.."
ซูนยองโค้งให้อีกคนน้อยๆ
ไม่วายหันกลับมายิ้มเย้ยหยันก่อนจะเดินเข้าห้องไปอีกคน พอเข้ามาเขาก็ต้องปั้นหน้ากลับให้เป็นเหมือนคนที่สุดแสนจะใจดีเหมือนเดิม
ร่างบางของจีฮุนนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาตัวยาวใบหน้าแดงเพราะการร้องไห้ เขาหย่อนตัวลงไปนั่งข้างๆอีกคนก็หันกลับมามอง
ดวงตาเรียวสวยแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบ น้ำตาหยดเล็กค่อยๆกลิ้งหล่นลงมาตามแก้มใส
ซูนยองส่งมือไปเช็ดมันออกอย่างเบามือแล้วส่งยิ้มให้
คนอายุมากกว่าโถมตัวลงมากอดร่างสูงอีกครั้ง ครั้งนี้ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นแต่สัมผัสหยดน้ำที่ไหลยืนยันเป็นอย่างดีว่าอีกคนกำลังร้องไห้
"ฮึก...ทำไมนะ...ทั้งที่พึ่งรู้จักกัน...แต่นายดูจะเป็นห่วงความรู้สึกพี่กว่าคนที่พี่เคยแต่งงานด้วยซะอีก..."
"เพราะผมใส่ใจไงครับ...อาจดูเร็วไปหน่อยเนอะ...แต่ผมคิดว่าผมชอบพี่นะ"
"จริงจังป่ะเนี่ย...ถ้าจริงจังพี่จะได้พิจารณาถูก"
"จริงจังสิครับ
มากด้วย"
ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นมามองหน้าคนอายุน้อยกว่า
จ้องลึกลงไปในดวงตาจริงจังของอีกคนอย่างต้องการคำตอบที่แท้จริง
แต่แววตานั้นกลับไม่ได้ฉายแววล้อเล่นสักนิด แต่ขึ้นชื่อว่าวัยรุ่นจะไว้ใจได้จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้
ไม่อยากผิดหวังซ้ำสองนะ
"ถึงผมจะดูไม่เหมือนคนที่เป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่
แต่ผมสามารถดูแลใครได้ดีเลยนะ
ยิ่งถ้าเป็นพี่กับน้องชาน...ผมจะดูแลให้ดีกว่าเดิมอีก"
"พี่เชื่อเราได้จริงๆใช่มั้ย?
ไม่อยากอกหักตอนแก่นะ"
ซูนยองยิ้มนิด
ขยับตัวเข้าไปไกล้ร่างบางตรงหน้ากว่าเดิม จีฮุนเองไม่ได้ขยับออกยังคงจ้องใบหน้าหล่ออยู่
เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกคนจะทำอะไรกันแน่
แววตาขี้เล่นตอนแรกที่ขยับเข้ามานั้นหายไปแล้ว
เหลือเพียงแววตาสื่อความหมายที่ส่งมาให้เล่นเอาคล้อยตามได้ง่ายๆ
ระยะห่างจากใบหน้าของเราสองคนเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆจนปลายจมูกแตะกันไปมา
จีฮุนเริ่มปิดเปลือกตาลงช้าๆอย่างลืมตัวในทันทีที่ริมฝีปากอุ่นทาบทับกลีบปากอ่อนนุ่ม
ลิ้นหนาค่อยๆเกลี่ยริมฝีปากอิ่มนุ่มหยุ่นให้เปิดออกช้าๆจนสามารถเข้าไปฉกชิมความหวานภายในโพรงปากหวานได้
ลิ้มเล็กตอบสนองอีกคนอย่างเชื่องช้าราวกับรู้งาน มือบางที่ทิ้งไว้บนตักค่อยๆยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งแผ่วเบาไม่ต่างจากมือหนาที่เริ่มเกาะเกี่ยวเอวบางเอาไว้
เอวคอดบางแต่นุ่มนิ่ม สะโพกเล็กที่ดูมีเนื้อมีหนังน่าสัมผัส
นี่อาจเป็นข้อดีของคนมีลูกแล้วก็ได้
ดูเซ็กซี่แบบไม่ต้องพยายาม
ปากหยักดูดดึงกลีบปากบางจนอีกคนร้องท้วงขึ้นในลำคอเบาๆ
ลิ้นหนาไล้ไปตามแนวฟันขาวช่วงชิงลมหายใจและความหวานที่อยู่ภายใน
จีฮุนดูเป็นอีกคนที่ช่ำชองไม่ต่างจากซูนยองนัก
เพราะดูเหมือนจูบครั้งนี้จะยาวนานกว่าจูบครั้งไหนที่เคยมี
ใบหน้าหล่อค่อยๆขยับหาองศาที่คิดว่าเหมาะที่สุด มือบางขยุมกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มแน่น
จูบอ่อนโยนที่ห่างหายไปหลายปีกำลังทำให้จีฮุนไม่รู้เนื้อรู้ตัว แม้แต่มือหนาที่เคลื่อนเข้ามาในสาบเสื้อเขาเองก็แทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ
ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อนับพันตัววิ่งวนในท้องกำลังเข้ามาทำให้เขาเริ่มได้สติขึ้นมาเล็กน้อย
มือบางดันอกแกร่งให้ผละออกไปเบาๆ
อีกคนเองก็ยอมผละออกแต่โดยดีแต่ใบหน้าหล่อยังไม่ผละออกห่าง
มือหนาเกลี่ยเบาๆที่มุมปากเล็กพลางยักยิ้มส่งมาให้
จีฮุนถอยออกมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ
ไม่ได้รู้สึกซีเรียสกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่นักหรอก เพราะนี่ก็ไม่ใช่จูบแรก
แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อยเลยหละ
"จูบเก่งนะครับ...คุณแม่"
ปั๊ก!!
"โอ๊ย!!
เจ็บ"
ทันทีที่อีกคนพูดจบ
ยางลบที่วางอยู่ใกล้มือก็ถูกปาไปโดนกลางหน้าผากอีกคนในทันที
จีฮุนนั่งหัวเราะให้สีหน้าโอเวอร์ของอีกคน ไม่น่ามาเป็นครูสอนเต้นเลยนะ
น่าจะไปเป็นครูสอนการแสดงเสียมากกว่า ซูนยองที่เห็นอีกคนหัวเราะอยู่ก็เลิกเวอร์แล้วทำแค่ลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ
พอเริ่มจะสังเกตดีดีแล้วก็พึ่งรู้ว่าจีซูไม่อยู่ในห้องเหมือนปกติ ไปไหนเนี่ย
แกร๊ก!~~~~
"ชูชิ ชูชิ ชูชิ
คุงแม่ง่าาาาาาาา น้องชานอยากกิงชูชิ อาซูนน้องชานจากิงชูชิ"
จีฮุนที่นั่งมองหน้าอีกคนอยู่รีบหันไปมองตามเสียงเล็กๆของลูกชายตัวแสบในอ้อมกอดของเพื่อนตัวเองในทันที
เด็กตัวเล็กในชุดนักเรียนสีฟ้าสดใสพูดจ้อไม่ยอมหยุดว่าอยากกินซูชิ
ซูนยองหัวเราะนิดหน่อย
พอเด็กตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ก็จัดการอุ้มขึ้นมาไว้บนตักพลางหอมฟัดแก้มป่องๆทันที
"ทำไมถึงไปรับหลานมาล่ะจีซู"
"ตอนแกไม่อยู่ครูที่โรงเรียนโทรมาว่าเลิกก่อนเวลาน่ะ
เห็นแกเข้าไปในห้องท่านประธานฉันเลยไปรับมาเลย ไม่รู้ครูที่โรงเรียนสอนเรื่องอะไร
นี่พูดซูชิมาตลอดทางเลย"
"คุงคูสอนวาดชูชิย้วย
เนี่ย น้องชานได้เต็มฉามยาวเยย"
ว่าจบก็หยิบสมุดวาดเขียนขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วก็เปิดขึ้นมาอวดผู้ใหญ่อย่างภูมิอกภูมิใจ
ซูชิที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนซูชินั่นทำให้จีฮุนยิ้ม
น้องชานคงไม่ได้ถนัดเรื่องวาดภาพจริงๆนั่นแหละ
แต่ก็ถือว่าเด็กน้อยพยายามมากแล้วหละ พออวดรูปจบน้องชานก็หันไปซุบซิบอะไรกับคุณอาคนหล่อก็ไม่รู้
เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหยักหัวเราะคิกคักก่อนจะหันมายิ้มให้คนเป็นแม่จนตาปิด
"คุงแม่ฮับ
น้องชานอยากมีน้อง"
"อะไรนะครับลูก
ทำไมอยากมีน้องล่ะ"
"อยากมีน้องตัวเย้กๆงายยย
คุงแม่มีน้องให้น้องชานหน่อยฉิ"
"ซูนยอง!
มาเสี้ยมอะไรน้องชานเนี่ยเจ้าเด็กทะลึ่ง!"
"เปล่านะครับ
ผมแค่ถามเฉยๆเองน้าา แต่พี่ไม่อยากมีเหรอครับ น้องชานจะได้ไม่เหงา ผมเป็นพ่อให้ได้นะ”
จีฮุนหลุดขำนิดๆ เหนื่อยกับเด็กทะลึ่งตรงหน้านี่หนักมาก ถ้าขืนได้แต่งงานกันจริงๆคงเหมือนมีลูกเพิ่มอีกคน ทั้งดื้อทั้งซนมาอยู่รวมกันคงได้ปวดหัวตายกันพอดี นี่ยังไม่นับรวมความงอแงนะ
นี่ไม่ได้คิดจะแต่งงานใหม่เลยจริงๆ
#ฟิคคุณแม่จีฮุน
ความคิดเห็น