ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ทยอยรีไรท์] Single Mom อุ่นรักคุณแม่ตัวเล็ก #seventeen #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #4 : CHAPTER : 02

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 62



     

     

    เช้าวันอังคารเริ่มต้นขึ้นอีกครั้ง ในตอนนี้ห้องอัดเพลงกำลังอัดแน่นไปด้วยเด็กๆจำนวนห้าคนที่กำลังกระตือรือร้นในการเข้าห้องอัดในรอบเดือน เด็กๆกำลังตื่นเต้นกับการอัดเพลงเดบิวร์ของตัวเอง ต่างจากคุณพีดีคนเก่งที่นั่งหาวไปพูดไปอยู่ไม่หยุด จนเด็กๆเริ่มเข้าใจว่าเพลงของตัวเองจะเป็นแนวไหนบ้างนั่นแหละคนตัวเล็กถึงได้หยุดพูดได้ ซูนยองที่นั่งมองร่างเล็กยืนหาวอยู่ก็แอบเป็นห่วงอยู่ไม่น้อย เมื่อเช้าตอนไปรับก็ดูไม่ค่อยสดชื่นเลย เอาแต่หาวหวอดๆตลอดทางไม่พูดไม่จาอะไร ตอนนั่งรถมาบริษัทอีกคนก็นั่งหลับบนรถ จนอดจะถามสาเหตุของมันไม่ได้

    "พี่ครับ เป็นอะไรหรือเปล่านั่งหาวตั้งแต่เช้าแล้ว"

    "อ่อ...เมื่อคืนพี่นอนดึกน่ะ แต่งเพลงติดลมไปหน่อย ตื่นเช้าด้วย"

    "อ่า...นอนดึกบ่อยๆไม่ดีนะครับ หน้าตาพี่ดูไม่สดใสเลย ทีหลังอย่าทำแบบนี้อีกนะครับ ผมเป็นห่วง"

     "เด็กสมัยนี้นะ พี่ควรเขินหรือเปล่า ไปดูเด็กๆช่วยจีซูไป หัวหมุนแล้วมั้งน่ะ"

    ซูนยองยิ้มจนตาปิดให้คนอายุมากกว่าที่ไม่ได้ดูเขินกับคำพูดของเขาอย่างที่บอกไว้ มันก็ต้องเป็นแบบนั้นอยู่แล้วเพราะจีฮุนก็อายุจะเข้าเลขสามไปแล้ว แถมยังเคยแต่งงานมาแล้วยังไงก็ต้องผ่านอะไรแบบนี้มาก่อน ซูนยองเดินเข้าไปดูในห้องอัดเพลง เด็กๆนั่งคุยกันอยู่ด้านนอก ข้างในห้องอัดเป็นเทรนนี่คนโตอย่างวอนอูกำลังยืนแร็พท่อนของตัวเองโดยมีเมมเบอร์คนอื่นนั่งลุ้นอยู่ด้านนอกว่าผลจะออกมายังไง

    "ดีแล้วหละ แต่ขอให้ใส่พลังลงไปกว่านี้หน่อยนะ"

    "โหดร้ายไปหรือเปล่าครับพี่ ผมว่าเมื่อกี้นี่ดีแล้วนะ เด็กก็ตัวแค่นั้นจะเอาพลังมาจากไหน"

    ซูนยองที่เดินเข้ามานั่งข้างจีซูพูดขึ้นไม่ดังนัก คนอายุมากกว่าหัวเราะเบาๆก่อนจะหันหน้าไปสนใจการอัดเพลงต่อ วอนอูน่ะมีพัฒนาการที่ดีมาก เพียงแต่จะดูทำอะไรไม่คล่องเท่าเมมเบอร์คนอื่น แต่ก็นับว่าเป็นคนที่มีความสามารถมากอยู่เหมือนกัน การอัดเพลงรอบใหม่ดูเหมือนจะได้ตามที่จีซูต้องการ วอนอูเองก็ดูจะพอใจกับผลงานของตัวเองอยู่ไม่น้อย คนต่อไปที่ต้องเข้าไปต่อคือ คิม มินกยู ที่ได้ยินมาว่าถูกวางไว้ในตำแหน่งภาพลักษณ์ของวง ดูดีดีก็เป็นคนมีเสน่ห์เอามากๆเลยหละ

    "อ่า...สวัสดีครับพี่จีซู พี่ซูนยอง"

    "ว่าไงเรา วันนี้มั่นใจมั้ย"

    "ก็....ครับ เต็มร้อยแน่นอนเลยครับ"

    "โอเค งั้นก็เริ่มเลยนะ.."

    ตาคมจ้องมองเด็กตัวสูงที่กำลังทำหน้าที่ในฐานะแร็พเปอร์ของตัวเอง ไม่แปลกที่จะถูกวางไว้ในตำแหน่งภาพลักษณ์เพราะเด็กคนนี้มีเสน่ห์ในการแสดงออก ทั้งสีหน้าท่าทางที่สื่อออกมาดูเป็นมืออาชีพที่ได้รับการฝึกมานาน เป็นคนที่มีแววด้านการแสดงไม่น้อย ถือว่าทางค่ายเลือกเด็กได้ดีเยี่ยมเลยหละ ดูมีเสน่ห์ในแบบของตัวเองโดยที่ไม่พยายามเลียนแบบใคร เป็นตัวของตัวเองกันดีเยี่ยมสุดๆ

    "เยี่ยม...แต่เสียงมันแตกๆนะ ดีแล้วหละ"

    "เยส!...ขอบคุณครับ"

    ซูนยองยังคงจดจ้องในห้องอัดอยู่เช่นเดิม รู้สึกว่าคงเป็นเมมเบอร์คนสุดท้ายแล้วที่เข้าห้องอัดมา เด็กหนุ่มรูปร่างอวบนิดๆกำลังยืนทำหน้าปั้นจิ้มปั้นเจ่ออยู่บ่งบอกว่าเป็นคนอารมณ์ดี ร่างนั้นยืนดุ๊กดิ๊กอ่านเนื้อเพลงของตัวเอง ดูจากการดิ้นแล้วไม่น่าจะเป็นคนอวบได้

    พลังที่เหลือเพราะกินเยอะหรือเปล่า ดูหน้ามีความเข้ากับเพลงเอามากๆเลยหละ

    "ซึงกวานอ่าา...วันนี้ขอเหมือนคราวก่อนนะ"

    "อ่า....ครับ จะพยายามครับ"

    การอัดเพลงเริ่มต้นและจบลงด้วยดีเช่นเคย เด็กๆหัวเราะกันเฮฮาอย่างที่เจอเมื่อวาน ไม่รู้ว่าโดนด่าจะรู้สึกอะไรกันบ้างหรือเปล่า ซูนยองยังคงนั่งมองจีซูทำอะไรไม่รู้ต่อไป ช่วงเช้าเขาว่างเพราะเด็กๆต้องเข้าพบท่านประธาน วันนี้ทั้งเขาเอง จีฮุน และจีซูคงจะต้องกลับดึกกว่าเมื่อวานมากเพราะเป็นช่วงที่ต้องทำอะไรให้เข้าที่กว่าเดิม แอบกลัวเหมือนกันว่างานชิ้นแรกจะออกมาไม่ดีเท่าที่ควร แต่สิ่งที่น่าเป็นห่วงมากที่สุดคือเด็กๆที่คาดหวังจากเรื่องนี้เอามากๆ มันคือสิ่งที่พวกเขาคาดหวังมาตลอด ได้แต่หวังว่ามันจะราบรื่นดีน่ะนะ

    "พี่ครับ เด็กๆเขาต้องเดบิวร์กันตอนไหน ไม่เห็นมีกำหนดวันจริงๆเลยนะ"

    "อืม...จริงๆอีกห้าเดือน แต่ครูสอนเต้นคนเก่าขอลาออก เลยยังไม่มีกำหนดการที่ชัดเจน พี่กับจีฮุนก็มีเวลาแต่งเพลงอีกนิดหน่อยนั่นแหละ แต่ก็คงอีกไม่นานหรอก คงไม่ถึงปี"

    "อ่อ...พี่ครับ ปกตินี่...พี่จีฮุนเขาคุยกับท่านประธานบ้างหรือเปล่า.."

    จีซูหันหน้ามามองรุ่นน้องตาชี้ของตัวเองนิดๆก่อนจะหันกลับไปสนใจเพลงของเด็กๆต่อเพียงครู่ก็วางมันลงราวกับต้องการเตรียมพร้อมในการที่จะพูดเป็นที่สุด ซูนยองดูจะตั้งอกตั้งใจฟังที่อีกคนจะพูดเป็นพิเศษ เรื่องนี้เรื่องใหญ่นะคุณ

    "ไม่...ถ้าไม่จำเป็นจีฮุนแทบจะไม่อยากเข้าใกล้เลยด้วยซ้ำ ถ้าไม่ติดว่าท่านประธานเป็นพ่อน้องชานจีฮุนคงจะไม่คุยด้วยถ้านอกเวลางาน พี่ก็ไม่ค่อยรู้หรอกว่าจีฮุนมันฝังใจอะไรกับเรื่องหย่า แต่ที่รู้ๆไม่มีทางเหมือนเดิมแน่..."

    "อืม...งั้นถ้าน้องชานมีพ่อใหม่ไปซะ ท่านประธานจะเลิกวอแวพี่จีฮุนหรือเปล่า?"

    "หึ...ร้ายนะเรา ก็เอาสิ...น้องชานน่ะติดคนง่าย แต่อย่าตามใจน้องมากล่ะ เดี๋ยวโดนแม่น้องโกรธเอา ไปๆ ไปซ้อมเต้นให้เด็กๆได้แล้ว"

    พอโดนไล่ร่างสูงก็ลุกขึ้นโค้งให้คนอายุมากกว่าเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมา ภาพที่เห็นตอนนี้เรียกให้รอยยิ้มจุดขึ้นบนใบหน้าหล่อ คุณแม่คนเก่งกำลังนอนหลับตาพริ้มอยู่บนโซฟาตัวยาวโดยมีเสื้อแขนยาวของเจ้าตัวคลุมสะโพกบางใต้ยีนส์ขายาวสีดำเอาไว้ แขนเรียวยกขึ้นกอดอกเพราะความหนาวจากแอร์ที่ตกกระทบจนผิวขาวเย็นชืดเมื่อใช้มือแตะลงไปเบาๆ เสื้อฮูดสีเทาบนร่างหนาถูกคลุมร่างบอบบางเอาไว้ ใบหน้าหล่อก้มลงจนริมฝีปากชิดใบหูบางก่อนจะกระซิบอีกคนเสียงแผ่ว

    "ฝันดีนะครับ...คุณแม่..."

    ใบหน้าหล่อทำท่าจะผละออกจากใบหน้าหวาน เหตุการณ์เมื่อวานไหลเข้ามาในหัวอีกครั้ง แก้มเนียนที่นุ่มนิ่มราวแก้มเด็กกับกลิ่นหอมอ่อนๆบนแก้มนั่นยังติดจมูกไม่หาย ไหนจะกลิ่นกายหอมอ่อนๆของอีกคนที่ตอกย้ำอยู่ตลอด จมูกโด่งจัดการฝังลงบนแก้มนิ่ม สูดดมกลิ่นหอมชวนฝันเข้าเต็มปอดก่อนจะผละออกแล้วลุกเดินออกไป ไม่วายแอบหันกลับมามองนิดๆ

    เสียงประตูถูกปิดลงเป็นสัญญานบอกว่าอีกคนออกไปพ้นห้องแล้ว จีฮุนที่ตื่นตอนที่ได้ยินเสียงกระซิบข้างหูได้แต่นอนยิ้มอยู่บนโซฟา ไม่รู้เด็กคนนั้นคิดอะไรกับเาอยู่กันแน่ รู้จักกันไม่ถึงสองวันก็มาหอมกันสะแล้ว รุกแรงจนบางทีก็ตั้งตัวรับไม่ทันอยู่เหมือนกัน แต่จะให้มานั่งเขินยิ้มน้อยยิ้มใหญ่ก็คงจะไม่ใช่

    เอาเป็นว่า...รู้สึกตกใจก็พอ ไม่ต้องเขินหรอก

     

     

    ..........................

     

    บรรยากาศในห้องซ้อมดูไม่เฮฮาอย่างเมื่อวาน วันนี้ทั้งที่เด็กๆควรจะสดชื่นแจ่มใสยิ้มแย้มกันแท้ๆ ตอนนี้ทุกคนต่างดูจะเหนื่อยและหดหู่เอามากๆ ตอนนี้เด็กๆพึ่งได้พักจากการซ้อม วอนอูดูจะเป็นคนที่ยิ้มแย้มที่สุด ต่างจากเมมเบอร์อีกสี่คนที่ดูจะเศร้าจนน่าตกใจ ซูนยองถือโอกาสที่เด็กๆกำลังพักเรียกมาคุยกันโดยการนั่งล้อมวงอยู่บนพื้น เขาเองก็แอบสงสัยอยู่เหมือนกันว่าทำไมเด็กพวกนี้ถึงได้ดูซึมนัก ตอนอัดเพลงก็ยังเฮฮากันอยู่เลย

    หรืออี ซึงฮุน จะพูดอะไร?

    "เอาหละ พี่จะไม่อ้อมค้อมเลยนะ...พวกนายเป็นอะไรกันไป ท่านประธานคุยอะไรด้วย"

    เด็กๆเอาแต่ก้มหน้านิ่งไม่มีใครกล้าตอบ ทั้งซึงกวาน เวอร์นอน โดคยอม มินกยู วอนอู ต่างนิ่งเงียบกันไปหมด สุดท้ายคนที่เป็นพี่ใหญ่สุดอย่างวอนอูก็ยอมเงยหน้าขึ้นมามองเขาด้วยสีหน้าที่ยิ้มแย้ม แต่ดูก็รู้ว่าฝืนมากแค่ไหน

    "ก็...พูดเรื่องเดบิวร์ครับ...บอกว่าอาจมีบางคนถูกคัดออก...แล้วคนนั้นก็คือ....ผม"

    "ย่าส์!! อะไรกัน! เรื่องใหญ่แบบนี้ยังนิ่งอยู่ได้อีกหรือไง! นายฝึกมานานที่สุดแต่อาจไม่ได้เดบิวร์พร้อมเมมเบอร์เนี่ยนะ! ไม่ดูตลกไปหน่อยหรือไง!"

    "ท่านประธานบอกว่า...ผมพัฒนาช้าที่สุด ทั้งที่ฝึกนานสุดแต่สู้เด็กเทรนที่ฝึกไม่นานไม่ได้"

    จบคำพูดของวอนอู ซูนยองได้แต่ชักสีหน้าอารมณ์เสียอย่างปิดไม่มิด เมื่อกี้เขาเผลอขึ้นเสียงไปด้วยความโมโห เข้าใจว่าต้องการให้เด็กพัฒนาขึ้น แต่มากดดันกันแบบนี้นอกจากเด็กจะเสียกำลังใจแล้วยังทำให้ไม่อยากพยายามขึ้นอีกด้วย ก็เข้าใจว่าวงการแบบนี้ต้องมีการแข่งขัน แต่ช่วยหาอะไรที่เบาสมองกว่านี้มาพูดไม่ได้แล้วหรือไง

    "โอเค...งั้นมาวัดกันเลย ว่าเรากับท่านประธานใครจะชนะ เราต้องทำให้เขาเห็นพัฒนาการของเราให้ได้ ไม่ต้องเศร้าไปนะ พี่จะทำให้วอนอูได้เดบิวร์ให้ได้ สู้กันหรือเปล่า”

    "สู้ครับ!!!"

    "เยี่ยมมาก! งั้นมา เริ่มซ้อมกันต่อดีกว่า”

    เด็กๆดูจะมีสีหน้าที่ดูดีขึ้นมานิดหน่อย วอนอูไล่กอดเมมเบอร์ทุกคนก่อนจะเริ่มจัดเรียงตำแหน่งของตัวเองเพื่อจะได้เริ่มซ้อมเต้นเพลงของตัวเองกันต่อ แต่ก็ยังไม่ทันจะได้เริ่มทำอะไรกันสักอย่างประตูห้องซ้อมก็ถูกเปิดเข้ามาโดยฝีมือคุณพีดีนิมตัวเล็กที่ส่งยิ้มมาให้พร้อมชูอาหารในมือให้เด็กๆดูจนพวกลูกหมาหงอยวิ่งเข้าไปหา ซูนยองยืนยิ้มอยู่ที่เดิมก่อนจะเดินเข้าไปสมทบด้วยอีกคน

    "ว่าไงเด็กๆ ครูเขาดุหรือเปล่า"

    "ไม่ดุเลยครับ คุณแม่จีฮุนของเราดุกว่าซะอีก"

    ซึงกวานที่พูดขึ้นได้แต่วิ่งไปหลบมือเรียวที่ง้างขึ้นมาเตรียมฟาดเข้าให้ จีฮุนดูจะเข้ามาทำให้บรรยากาศในห้องดีขึ้นกว่าก่อนหน้านี้มากๆ เด็กๆนั่งล้อมวงคุยกันเรื่องท่าเต้นโดยมีครูสอนเต้นกับคุณพีดีตัวเล็กนั่งอยู่ด้วยอีกคน เด็กๆดูจะใส่ใจไก่ทอดตรงหน้ากันเต็มที่จนแทบลืมว่าตัวเองเครียด การกินช่วยได้ทุกอย่างจริงๆนั่นแหละ

    "เมื่อกี๊ห้องซ้อมเงียบๆนะ มีอะไรกันหรือเปล่าเด็กๆ"

    เด็กๆวางไก่ในมือพร้อมกันโดยไม่ได้นัดหมายเมื่อคนอายุมากที่สุดเปิดประเด็นคำถามขึ้น จีฮุนพอจะเดาสีหน้าทุกคนออกว่ารู้สึกอะไร เด็กๆรวมทั้งซูนยองดูลำบากใจที่จะพูดมันออกมาจริงๆ แต่สุดท้ายคนที่ยอมเปิดปากพูดก็เป็นซูนยอง เด็กๆน่ะกลัวว่าจะทำให้จีฮุนที่พวกเขานับถือจะผิดหวังเอา บทบาทคุณแม่ที่แสนดีน่ะจีฮุนมอบมันให้กับทุกคนเชียวหละ

    "ท่านประธานบอกเด็กๆว่า....วอนอูอาจไม่ได้เดบิวร์พร้อมเมมเบอร์ เพราะพัฒนาการช้าที่สุดน่ะครับ"

    "อะ...อะไรนะ...นี่...มันอะไรกัน ท่านประธานมาพูดแบบนี้กับเด็กได้ยังไง..."

    จีฮุนพูดเสียงนิ่ง น้ำเสียงอ่อนโยนกับรอยยิ้มใจดีถูกโยนทิ้งไปในทันที เหลือทิ้งไว้เพียงความขุ่นมัวของความรู้สึกเบื้องลึกที่กำลังก่อตัวขึ้นมา ร่างเล็กลุกขึ้นยืนเต็มความสูงด้วยใบหน้าเรียบเฉย เด็กๆห้าคนที่พอจะเดาสถานการณ์ตอนนี้ออกพากันเงียบไม่ปริปากพูดอะไร ซูนยองที่มองหน้าอีกคนอยู่ลุกขึ้นมามองหน้าอีกคนด้วยความเป็นห่วง

    "...พี่จะไปคุยกับท่านประธาน...ยังไงพวกเธอก็อยู่กับพี่มานานจนจะเป็นลูกพี่ได้อยู่แล้ว เขายังจะกล้าทำแบบนี้อีกหรือไง ต้องการอะไรกันแน่..."

    "พี่ครับ ใจเย็นๆก่อนสิ"

    "เย็นได้ที่ไหนล่ะ!! นายรู้หรือเปล่าว่าผู้ชายคนนี้ทำความฝันหลายคนพังบ่อยแค่ไหน!! ฮึก...พี่จะไปคุยกับเค้าเอง ถ้าโดนไล่ออกก็ให้มันโดนไป..."

    ทุกคนยิ่งเงียบกันมากกว่าเดิมเมื่อคนที่ขึ้นชื่อว่าใจเย็นที่สุดกำลังโวยวายแถมร้องไห้ออกมาเสียดื้อๆ ซูนยองที่จับมือบางเอาไว้ได้แต่จำยอมต้องปล่อยอีกคน ร่างเล็กเดินออกไปด้วยท่าทีหงุดหงิดจนซูนยองเองต้องรีบตามออกไป ชั้นหกของตัวอาคารเป็นจุดหมายของเขาสองคน ซูนยองรู้สึกได้เลยว่าการขึ้นบันไดครั้งนี้ดูใกล้กว่าที่เคยเป็น เพียงไม่นานเขาก็ตามร่างของอีกคนมาจนถึงหน้าห้องท่านประธานของบริษัท เลขาสาวหน้าห้องเงยหน้าขึ้นมาเพียงครู่ทำท่าจะเอ่ยปากห้ามแต่พอเห็นว่าเป็นจีฮุนเธอก็หุบปากฉับทันที

    ซูนยองคิดว่าเรื่องของวอนอูครั้งนี้มันมีเงื่อนงำ...

    จีฮุนที่ไม่ต้องรอให้ใครอนุญาตผลักประตูห้องเข้าไปอย่างถือวิสาสะ ขาเรียวใต้ยีนตัวสวยก้าวฉับๆเข้าไปยืนกราดหน้าโต๊ะทำงานของอดีตสามีด้วยท่าทีหงุดหงิด น้ำตาที่เมื่อไม่นานหยุดไหลไปแล้วกลับมาไหลอีกครั้งแต่ไร้ซึ่งเสียงสะอื้น มันมีแค่น้ำตาที่ไหลออกมาไม่หยุด ความรู้สึกต่างๆตีรวนขึ้นมาจนจุกไปหมด ชายหนุ่มที่นั่งอยู่เก้าอี้ตัวใหญ่เงยหน้าขึ้นมา เขามีท่าทีตกใจเพียงแค่วูบเดียวก่อนจะส่งยิ้มมุมปากมาให้

    "ทำแบบนี้ทำไม! คุณทำแบบนี้เป็นครั้งที่สองแล้วนะ! ทำลายความฝันของคนนี่สนุกมากหรือไง!!"

    "ใจเย็นสิครับจีฮุน...เรื่องอะไรถึงทำให้คนน่ารักของผมฟูมฟายขนาดนี้กัน หืม?"

    "หยุดเดี๋ยวนี้นะ!! อย่าแม้แต่จะเอามือของคุณมาแตะตัวผม!!"

     จีฮุนดูสติแตกไปในทันทีที่ร่างสูงของซึงฮุนเดินเข้ามาใกล้ มือหนาทำท่าจะยกขึ้นแตะแก้มขาวแต่ก็ถูกมือบางปัดทิ้งไปเสียก่อน ซูนยองที่ยืนดูอยู่ห่างๆได้แต่หวังว่าอีกคนจะไม่ได้เป็นอะไร จีฮุนไม่ได้ถอยห่างจากชายตรงหน้า ร่างเล็กยังคงยืนอยู่ที่เดิมไม่ไปไหน เป็นซึงฮุนเสียเองที่ถอยออกไปหนึ่งก้าว มุมปากหยักยกยิ้มเจ้าเล่ห์ส่งมาให้จนซูนยองที่ยืนอยู่ตรงประตูเมื่อครู่ต้องเขยิบเข้ามาใกล้อีกคนมากขึ้น

    "หึ...ผมคิดแล้วว่าวิธีนี้ต้องได้ผล ผมไม่ได้ต้องการอะไรจากคุณเลยนะจีฮุน...แค่คุณยอมกลับมาหาผมซะ...ทุกอย่างก็จบ..."

    "ไม่มีทาง...แค่ผมคิดย้อนกลับไปว่าเลือกแต่งงานกับคนแบบคุณได้ยังไงก็สงสารตัวเองพอแล้ว อย่าให้ลูกต้องมาทนเห็นพ่อที่คิดแต่จะได้อย่างคุณเลย...ให้เขาได้เจออะไรดีดีบ้างเถอะ...ผมรู้ว่าคุณไม่ไล่ผมออกแน่ ถ้าลาออกคุณก็คงไม่อนุมัติ...งั้นก็ต่างคนต่างอยู่ ไม่งั้นแม้แต่สิทธิ์ความเป็นพ่อน้องชานคุณก็จะไม่มี ไปเถอะซูนยอง"

    จีฮุนเดินออกไปจากประตูด้วยท่าทีที่ดูนิ่งลงเล็กน้อย ซูนยองยังคงยืนจ้องหน้าซึงฮุนไม่ไปไหน ผู้ชายคนนี้พ่อมักเอาเขาไปเปรียบเทียบด้วยเสมอ เขาเองก็เคยชื่นชมอีกคนมากเหมือนกัน แต่นั่นก็แค่วัยเด็ก ในตอนนี้ตัวเขาแทบจะไม่นับถือคนคนนี้เลยด้วยซ้ำ

    "เรื่องวอนอู อย่าเอามาเกี่ยวกับเรื่องส่วนตัวจะได้หรือเปล่า เด็กมาตามความฝัน...ไม่ได้มาเป็นเครื่องมือให้ใคร"

    "หึ...อย่ามาทำเป็นคนดีหน่อยเลย ฉันรู้ว่าแกน่ะชอบจีฮุน แต่อย่าลืมว่าฉันน่ะพ่อของลูก เทียบกันไม่ได้เลยนะ..."

    "พ่อของลูก....รู้มั้ยว่าคำนี้พอออกจากปากนายแล้วโคตรไม่น่าฟัง ถึงน้องชานจะลูกนาย ก็ใช่ว่าฉันจะเป็นพ่อให้ไม่ได้ สงสารลูกเถอะ...ปล่อยเขาไป"

    ซูนยองพูดทิ้งท้ายไว้แค่นั้นก็เดินออกมา ตอนรู้ข่าวว่าซึงฮุนจะแต่งงานเขาก็ได้แต่คิดว่าใครคือผู้โชคร้ายคนนั้นกัน แต่พอมารู้วันนี้ผู้โชคร้ายคนนั้นกลับดูเป็นของขวัญของเขา คนตัวเล็กๆดูน่าปกป้องกับเด็กชายตัวน้อยช่างพูด เขาอยากจะปกป้องคนสองคนนี้เอาไว้ ไม่คิดจะใส่ใจว่าคนที่เคยครอบครองของขวัญชิ้นนี้จะเป็นใคร

    อดีตมันคือความทรงจำ เก็บมันมาใส่ใจก็บั่นทอนจิตใจเปล่าๆ เอาเวลามาทำทุกวันให้ดีดีกว่า

     

     

     

     

     

     

     

    .....................

     

     

    "พี่ครับ เดี๋ยวก่อน"

    เสียงทุ้มที่ดังไล่หลังมาเรียกให้จีฮุนต้องหยุดยืน ตาเรียวยังคงแดงก่ำเพราะอาการฟูมฟายเมื่อครู่ทำให้ไม่แม้แต่จะกล้าหันกลับไปมองคนข้างหลังด้วยซ้ำ เขาไม่อยากแสดงความอ่อนแอออกมาให้ใครรับรู้หรือเป็นกังวลไปด้วย แต่คนเราเมื่อถึงจุดสูงสุดของอารมณ์ทุกอย่างจะระเบิดออกมาเต็มที่ จีฮุนในตอนนี้ไม่ได้อยู่ในอารมณ์ที่เข้มแข็งเหมือนเมื่อก่อน การที่ต้องคอยอ่อนโยนเข้าอกเข้าใจลูกน้อยทำให้จีฮุนอ่อนไหวไปด้วย เสียงฝีเท้าของคนด้านหลังก้าวเข้ามาใกล้ขึ้นเรื่อยๆจนร่างสูงมาหยุดยืนอยู่ตรงหน้า ใบหน้าหล่อนิ่งสนิทดวงตาคมฉายแววเป็นห่วงอย่างปิดไม่มิด จีฮุนจ้องหน้าอีกคนกลับไปนิ่งๆก็พาลให้น้ำตาไหลลงมาอีกรอบ จีฮุนกำลังอ่อนแอ

    แค่ใครสักคนที่คอยรับฟังทุกเรื่อง

     "มีอะไรจะพูด พูดกับผมได้นะครับ ผมรับฟังพี่เสมอ"

    "..ฮึก...ซูนยอง..."

    ร่างบอบบางพุ่งเข้ากอดร่างสูงในทันที ซูนยองที่ยืนอยู่ทำได้เพียงโอบกอดร่างบอบบางไว้ในอ้อมกอดของตนอย่างที่ไม่ต้องคิดอะไร ตอนนี้จีฮุนรู้สึกปลอดภัยและมีที่พึ่งแบบที่ไม่เคยเป็น เหมือนกับว่าคนคนนี้กำลังตั้งใจที่จะรับฟังเขาในทุกเรื่อง อบอุ่นจนน้ำตาพาลจะไหลออกมาเป็นสายหนักกว่าเดิม แขนเรียวยกขึ้นสวมกอดเอวสอบเอาไว้แน่น ใบหน้าหวานซบลงบนอกแกร่งอย่างหาที่พักพิง น้ำตาจากดวงตาเรียวสวยไหลออกมาเปียกเสื้อยืดของอีกคนเป็นวงกว้าง

    คนที่ดูเข้มแข็ง ถ้าร้องไห้จะน่าสงสมรที่สุด

    "ระบายออกมาเถอะครับ ผมจะฟังพี่เอง"

    "ฮือ...ทำไมชีวิตพี่ต้องเจอเรื่องแบบนี้ด้วย...ทำไมผู้ชายที่ขึ้นชื่อว่าพ่อของลูกพี่ถึงทำแบบนี้...ฮือออ...เขาทำไมไม่ปล่อยพี่กับลูกไป พี่ไม่อยากอยู่แล้ว...ฮืออ...พี่เหนื่อย..."

    "ผมเข้าใจครับ...แต่เขารักพี่กับน้องชานนะ ถึงได้พยายามทำแบบนี้...เขารักพี่นะครับ.."

    เปลือกตาสีเข้มปิดแน่น ถึงเขาจะรู้สึกว่าอีกคนคือคนที่ใช่ของเขา แต่ในเมื่อมันจะไม่ได้เป็นของเราจะยื้อเอาไว้ก็ไม่ใช่อยู่ดี ทั้งที่เขาเองก็ไม่ใช่คนที่ดีเลิศอะไร เป็นแค่คนคนหนึ่งที่คิดเห็นแก่ตัวบ้างในบางครั้ง แต่พอเป็นเรื่องของคนตัวเล็กคนนี้เข้ามันกลับทำให้เขาไม่คิดจะเห็นแก่ตัวเอาเสียเลย เขาเองก็ไม่รู้ว่าทำไมอีกคนถึงได้ฝังใจนัก แต่นั่นก็คงเป็นเหตุผลที่บอกใครไม่ได้หรือไม่ก็คงยังไม่พร้อม แผ่นหลังบางยังคงสั่นเทาน้อยๆแต่เสียงหวานกำลังพูดอยู่ในอกเขาจนเสียงหวานดังอู้อี้

    เป็นคำพูด...ที่ซูนยองนึกพอใจกับมันที่สุด...

    "พี่ไม่รักเขาแล้ว...แต่ทำไมเขาถึงไม่เข้าใจ เขาไม่ได้เป็นห่วงพี่กับลูกสักนิด....เขาแค่อยากเอาชนะ แค่นั้น...ฮึก.."

    มือหนาลูบไปมาเบาๆบนแผ่นหลังบาง ตาคมจดจ้องประตูบานใหญ่ที่เปิดออกมาช้าๆแล้วก็ได้แต่ยกยิ้ม ร่างสูงของซึงฮุนที่ทำท่าจะเดินเข้ามาใกล้หยุดนิ่งในทันที ดวงตาคมนั่นวูบไหวอย่างปิดไม่มิด ซูนยองยกยิ้มเหนือกว่าส่งให้อีกคนอย่างหาเรื่อง จะว่าซูนยองเก็บกดก็ได้เพราะตั้งแต่เด็กเขาถูกเปรียบเทียบกับคนคนนี้ไว้เยอะ จากที่ชื่นชมพอถูกเปรียบเทียบมากๆเข้าเลยกลายเป็นว่าเกลียดเข้าไส้ กลายเป็นว่าพอรู้เรื่องรู้ราวกันทั้งคู่ก็ไม่ถูกกันมาตลอด ตอนมอต้นก็เคยถึงขั้นมีเรื่องกันจนต้องเชิญผู้ปกครองกันทั้งคู่ แต่มีหรือที่เขาสองคนจะยอมให้บอก ตอนนั้นเลยกลายเป็นว่าพ่อบ้านมารับฟังอะไรแล้วเหยียบเรื่องไว้จนมิด ทีแรกก็คิดว่าถ้าโตแล้วก็คงไม่คิดแบบนี้ แต่พอโตมาก็ยังคงคิดอยู่แล้วก็ดูเหมือนจะมากขึ้นด้วยซ้ำ

    "ทีผมจับหน่อยล่ะรังเกียจเชียวนะ...แต่ทีมันล่ะกอดกันเชียว ไม่คิดว่าจะเป็นคนแบบนี้เลยนะจีฮุน..."

    เสียงทุ้มต่ำเรียบนิ่งมาพร้อมแรงกระชากที่ต้นแขนอย่างแรงจนซูนยองที่กอดร่างอีกคนไว้จำต้องปล่อยร่างเล็กๆเพราะกลัวว่าอีกคนจะเจ็บ จีฮุนตกใจอยู่ไม่น้อยแต่ก็ไม่ได้โวยวาย ซึงฮุนตอนนี้กำลังโมโหไม่ลืมหูลืมตา มือหนาบีบต้นแขนนุ่มเอาไว้แน่นจนจีฮุนนิ่วหน้าเพราะความเจ็บ น้ำตาที่เริ่มไหลออกมาอีกครั้งไม่ได้ทำให้คนตรงหน้าละมือออกไปสักนิด

    เค้าไม่เคยแคร์ความรู้สึกจีฮุนเลย...ไม่เคยจริงๆ...

    "คุณไม่มีสิทธิ์ที่จะทำแบบนี้นะ..."

    เสียงหวานเรียบนิ่ง ใบหน้าหวานฉายแววผิดหวังอย่างชัดเจน ซูนยองที่ยืนอยู่กำลังจะเข้าไปดึงตัวอีกคนกลับมาแต่จีฮุนยกมือห้ามพร้อมส่งยิ้มบางๆมาให้เป็นเชิงบอกว่าไม่เป็นไร ซูนยองมองอีกคนอย่างอดจะเป็นห่วงไม่ได้ หมอนี่จะทำให้อีกคนเจ็บเกินไปแล้ว...

    "ทำไมจะไม่มี...ผมเป็นพ่อน้องชาน มีสิทธิ์ในตัวคุณกว่ามันอีก! แต่คุณมายืนกอดกับมันแบบนี้เนี่ยนะ! คนอื่นเขาจะมองกันยังไงคิดบ้างหรือเปล่า!"

    "หุบปากเดี๋ยวนี้นะ!"

     

    ผั๊ว!!

     

    แขนเรียวสะบัดออกจาการพันธนาการของมือหนาอย่างแรงก่อนหมัดเล็กๆจะกระแทกเข้าข้างแก้มสากเต็มแรง ใบหน้าหวานแดงก่ำน้ำตาที่ไหลอยู่แล้วตอนนี้มันยิ่งไหลลงมาหนักกว่าเดิม ร่างบางหอบจนตัวโยนทั้งโมโหทั้งเสียใจ

    "อย่ามาอ้างสิทธิ์พ่อของลูกเพื่อแตะต้องตัวผมแบบนี้อีก เพราะคุณไม่เคยทำมันได้ดีเลยสักนิดเดียว"

    พูดจบร่างเล็กๆก็หายเข้าไปในห้องของตัวเอง ซูนยองที่ยังยืนอยู่ที่เดิมยกยิ้มร้ายกาจส่งไปให้คนตรงหน้า บอกแล้วว่าเขาเองก็ไม่ได้ดีเลิศมาจากไหน เขาร้ายกาจกว่าที่คิดเหมือนกันนั่นแหละ เพียงแต่ร้ายอย่างมีสมอง ไม่ใช่แค่แผนสูงแต่ไม่มีปัญญาทำให้มันสำเร็จ

    "ถึงฉันจะสู้นายเรื่องอื่นไม่ได้...แต่เรื่องนี้ขอบอกว่าฉันเหนือกว่า..."

    "แกสู้ฉันไม่ได้หรอกซูนยอง...ขนาดเจอเขาแกยังเจอช้ากว่าฉันเลย อีกอย่าง...น้องชานน่ะลูกฉัน ยังไงจีฮุนก็ต้องเลือกฉัน...ไม่ใช่แก"

    "ดูมั่นใจนะ แต่คนที่คอยดูแล...กับคนที่คอยทำให้เจ็บ พี่จีฮุนคงเลือกไม่ยาก...ลาก่อนครับ ท่านประธาน.."

    ซูนยองโค้งให้อีกคนน้อยๆ ไม่วายหันกลับมายิ้มเย้ยหยันก่อนจะเดินเข้าห้องไปอีกคน พอเข้ามาเขาก็ต้องปั้นหน้ากลับให้เป็นเหมือนคนที่สุดแสนจะใจดีเหมือนเดิม ร่างบางของจีฮุนนั่งเหม่อลอยอยู่บนโซฟาตัวยาวใบหน้าแดงเพราะการร้องไห้ เขาหย่อนตัวลงไปนั่งข้างๆอีกคนก็หันกลับมามอง ดวงตาเรียวสวยแดงก่ำขึ้นมาอีกรอบ น้ำตาหยดเล็กค่อยๆกลิ้งหล่นลงมาตามแก้มใส ซูนยองส่งมือไปเช็ดมันออกอย่างเบามือแล้วส่งยิ้มให้ คนอายุมากกว่าโถมตัวลงมากอดร่างสูงอีกครั้ง ครั้งนี้ไร้ซึ่งเสียงสะอื้นแต่สัมผัสหยดน้ำที่ไหลยืนยันเป็นอย่างดีว่าอีกคนกำลังร้องไห้

    "ฮึก...ทำไมนะ...ทั้งที่พึ่งรู้จักกัน...แต่นายดูจะเป็นห่วงความรู้สึกพี่กว่าคนที่พี่เคยแต่งงานด้วยซะอีก..."

    "เพราะผมใส่ใจไงครับ...อาจดูเร็วไปหน่อยเนอะ...แต่ผมคิดว่าผมชอบพี่นะ"

    "จริงจังป่ะเนี่ย...ถ้าจริงจังพี่จะได้พิจารณาถูก"

    "จริงจังสิครับ มากด้วย"

    ร่างเล็กผละออกจากอ้อมกอดอบอุ่นมามองหน้าคนอายุน้อยกว่า จ้องลึกลงไปในดวงตาจริงจังของอีกคนอย่างต้องการคำตอบที่แท้จริง แต่แววตานั้นกลับไม่ได้ฉายแววล้อเล่นสักนิด แต่ขึ้นชื่อว่าวัยรุ่นจะไว้ใจได้จริงๆหรือเปล่าก็ไม่รู้

    ไม่อยากผิดหวังซ้ำสองนะ

    "ถึงผมจะดูไม่เหมือนคนที่เป็นผู้ใหญ่เท่าไหร่ แต่ผมสามารถดูแลใครได้ดีเลยนะ ยิ่งถ้าเป็นพี่กับน้องชาน...ผมจะดูแลให้ดีกว่าเดิมอีก"

    "พี่เชื่อเราได้จริงๆใช่มั้ย? ไม่อยากอกหักตอนแก่นะ"

    ซูนยองยิ้มนิด ขยับตัวเข้าไปไกล้ร่างบางตรงหน้ากว่าเดิม จีฮุนเองไม่ได้ขยับออกยังคงจ้องใบหน้าหล่ออยู่ เขาเองก็อยากรู้เหมือนกันว่าอีกคนจะทำอะไรกันแน่ แววตาขี้เล่นตอนแรกที่ขยับเข้ามานั้นหายไปแล้ว เหลือเพียงแววตาสื่อความหมายที่ส่งมาให้เล่นเอาคล้อยตามได้ง่ายๆ ระยะห่างจากใบหน้าของเราสองคนเริ่มลดน้อยลงเรื่อยๆจนปลายจมูกแตะกันไปมา จีฮุนเริ่มปิดเปลือกตาลงช้าๆอย่างลืมตัวในทันทีที่ริมฝีปากอุ่นทาบทับกลีบปากอ่อนนุ่ม ลิ้นหนาค่อยๆเกลี่ยริมฝีปากอิ่มนุ่มหยุ่นให้เปิดออกช้าๆจนสามารถเข้าไปฉกชิมความหวานภายในโพรงปากหวานได้ ลิ้มเล็กตอบสนองอีกคนอย่างเชื่องช้าราวกับรู้งาน มือบางที่ทิ้งไว้บนตักค่อยๆยกขึ้นโอบรอบลำคอแกร่งแผ่วเบาไม่ต่างจากมือหนาที่เริ่มเกาะเกี่ยวเอวบางเอาไว้ เอวคอดบางแต่นุ่มนิ่ม สะโพกเล็กที่ดูมีเนื้อมีหนังน่าสัมผัส นี่อาจเป็นข้อดีของคนมีลูกแล้วก็ได้

    ดูเซ็กซี่แบบไม่ต้องพยายาม

    ปากหยักดูดดึงกลีบปากบางจนอีกคนร้องท้วงขึ้นในลำคอเบาๆ ลิ้นหนาไล้ไปตามแนวฟันขาวช่วงชิงลมหายใจและความหวานที่อยู่ภายใน จีฮุนดูเป็นอีกคนที่ช่ำชองไม่ต่างจากซูนยองนัก เพราะดูเหมือนจูบครั้งนี้จะยาวนานกว่าจูบครั้งไหนที่เคยมี ใบหน้าหล่อค่อยๆขยับหาองศาที่คิดว่าเหมาะที่สุด มือบางขยุมกลุ่มผมสีน้ำตาลเข้มแน่น จูบอ่อนโยนที่ห่างหายไปหลายปีกำลังทำให้จีฮุนไม่รู้เนื้อรู้ตัว แม้แต่มือหนาที่เคลื่อนเข้ามาในสาบเสื้อเขาเองก็แทบไม่รู้สึกอะไรเลยด้วยซ้ำ ความรู้สึกที่เหมือนมีผีเสื้อนับพันตัววิ่งวนในท้องกำลังเข้ามาทำให้เขาเริ่มได้สติขึ้นมาเล็กน้อย มือบางดันอกแกร่งให้ผละออกไปเบาๆ อีกคนเองก็ยอมผละออกแต่โดยดีแต่ใบหน้าหล่อยังไม่ผละออกห่าง มือหนาเกลี่ยเบาๆที่มุมปากเล็กพลางยักยิ้มส่งมาให้ จีฮุนถอยออกมาเล็กน้อยก่อนจะยิ้มบางๆ ไม่ได้รู้สึกซีเรียสกับเรื่องนี้สักเท่าไหร่นักหรอก เพราะนี่ก็ไม่ใช่จูบแรก

    แต่ก็ยอมรับว่ารู้สึกดีไม่น้อยเลยหละ

    "จูบเก่งนะครับ...คุณแม่"

     

    ปั๊ก!!

     

    "โอ๊ย!! เจ็บ"

    ทันทีที่อีกคนพูดจบ ยางลบที่วางอยู่ใกล้มือก็ถูกปาไปโดนกลางหน้าผากอีกคนในทันที จีฮุนนั่งหัวเราะให้สีหน้าโอเวอร์ของอีกคน ไม่น่ามาเป็นครูสอนเต้นเลยนะ น่าจะไปเป็นครูสอนการแสดงเสียมากกว่า ซูนยองที่เห็นอีกคนหัวเราะอยู่ก็เลิกเวอร์แล้วทำแค่ลูบหน้าผากตัวเองเบาๆ พอเริ่มจะสังเกตดีดีแล้วก็พึ่งรู้ว่าจีซูไม่อยู่ในห้องเหมือนปกติ ไปไหนเนี่ย

     

    แกร๊ก!~~~~

     

    "ชูชิ ชูชิ ชูชิ คุงแม่ง่าาาาาาาา น้องชานอยากกิงชูชิ อาซูนน้องชานจากิงชูชิ"

    จีฮุนที่นั่งมองหน้าอีกคนอยู่รีบหันไปมองตามเสียงเล็กๆของลูกชายตัวแสบในอ้อมกอดของเพื่อนตัวเองในทันที เด็กตัวเล็กในชุดนักเรียนสีฟ้าสดใสพูดจ้อไม่ยอมหยุดว่าอยากกินซูชิ ซูนยองหัวเราะนิดหน่อย พอเด็กตัวเล็กเดินเข้ามาใกล้ก็จัดการอุ้มขึ้นมาไว้บนตักพลางหอมฟัดแก้มป่องๆทันที

    "ทำไมถึงไปรับหลานมาล่ะจีซู"

    "ตอนแกไม่อยู่ครูที่โรงเรียนโทรมาว่าเลิกก่อนเวลาน่ะ เห็นแกเข้าไปในห้องท่านประธานฉันเลยไปรับมาเลย ไม่รู้ครูที่โรงเรียนสอนเรื่องอะไร นี่พูดซูชิมาตลอดทางเลย"

    "คุงคูสอนวาดชูชิย้วย เนี่ย น้องชานได้เต็มฉามยาวเยย"

    ว่าจบก็หยิบสมุดวาดเขียนขึ้นมาจากกระเป๋าแล้วก็เปิดขึ้นมาอวดผู้ใหญ่อย่างภูมิอกภูมิใจ ซูชิที่ดูยังไงก็ไม่เหมือนซูชินั่นทำให้จีฮุนยิ้ม น้องชานคงไม่ได้ถนัดเรื่องวาดภาพจริงๆนั่นแหละ แต่ก็ถือว่าเด็กน้อยพยายามมากแล้วหละ พออวดรูปจบน้องชานก็หันไปซุบซิบอะไรกับคุณอาคนหล่อก็ไม่รู้ เด็กน้อยพยักหน้าหงึกหยักหัวเราะคิกคักก่อนจะหันมายิ้มให้คนเป็นแม่จนตาปิด

    "คุงแม่ฮับ น้องชานอยากมีน้อง"

    "อะไรนะครับลูก ทำไมอยากมีน้องล่ะ"

    "อยากมีน้องตัวเย้กๆงายยย คุงแม่มีน้องให้น้องชานหน่อยฉิ"

    "ซูนยอง! มาเสี้ยมอะไรน้องชานเนี่ยเจ้าเด็กทะลึ่ง!"

    "เปล่านะครับ ผมแค่ถามเฉยๆเองน้าา แต่พี่ไม่อยากมีเหรอครับ น้องชานจะได้ไม่เหงา ผมเป็นพ่อให้ได้นะ”

    จีฮุนหลุดขำนิดๆ เหนื่อยกับเด็กทะลึ่งตรงหน้านี่หนักมาก ถ้าขืนได้แต่งงานกันจริงๆคงเหมือนมีลูกเพิ่มอีกคน ทั้งดื้อทั้งซนมาอยู่รวมกันคงได้ปวดหัวตายกันพอดี นี่ยังไม่นับรวมความงอแงนะ

    นี่ไม่ได้คิดจะแต่งงานใหม่เลยจริงๆ 




    #ฟิคคุณแม่จีฮุน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×