ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ทยอยรีไรท์] Single Mom อุ่นรักคุณแม่ตัวเล็ก #seventeen #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #3 : CHAPTER : 01

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 62









    ช่วงเที่ยงกว่าๆเป็นเวลาพักของเหล่าพนักงานออฟฟิศ เทรนนี่ โปรดิวเซอร์และครูฝึกต่างๆในค่าย เสียงเอะอะของเด็กๆที่ดังอยู่หน้าห้องเรียกความสนใจจากจีฮุนได้ไม่น้อย เขาละสายตาจากกระดาษเขียนเพลงตรงหน้าและกดปิดเสียงทำนองเพลงในแลปท็อปลง จัดการผลักเก้าอี้ล้อหมุนออกมายืดเส้นยืดสายเล็กน้อยก่อนจะเดินออกมาจากห้องทำงานเล็กๆของตัวเองมาห้องด้านนอกที่ใช้ร่วมกับเพื่อนร่วมงานนามว่า ฮง จีซู ที่ไม่รู้ว่าตอนนี้หายหน้าหายตาไปไหนแล้ว มือบางยกสมาร์ทโฟนขึ้นมาดูเพียงเล็กน้อยดูความเคลื่อนไหวต่างๆ จนได้ยินเสียงลูกบิดประตูพร้อมใบหน้าอึนๆของเทรนนี่ตัวป่วนที่ชอบมาเล่นกับลูกชายเขาบ่อยๆ

    "พี่จีฮุน น้องชานไม่มาหรอครับ"

    "ไม่จ้ะ น้องไปโรงเรียนวันแรก"

    "อ๋อ...งั้นไม่กวนแล้วครับ ไปนะครับ"

    เด็กหน้ามึนหนึ่งในเทรนนี่ที่กำลังจะเดบิวร์อย่าง จอน วอนอู ปิดประตูลงเบาๆก่อนจะเดินออกไป จีฮุนรู้จักกับเด็กๆวงนี้ดีเพราะเป็นคนทำเพลงทั้งหมดให้ มัวแต่นั่งเหม่อคิดอะไรมากมาย ทั้งเรื่องเจ้าแสบที่อยู่โรงเรียน เรื่องเพลงที่ต้องแต่งให้ทันต้นเดือนหน้าอีก มันยากหน่อยตรงที่ยังสื่ออารมณ์ได้ไม่ดีพอ เขาไม่มีความรักแบบหนุ่มสาวมาจะสามปีแล้ว มีก็แต่ความรักแบบแม่ลูกนี่แหละ ยังไม่ทันจะได้คิดอะไรมากกว่านั้น เสียงลูกบิดประตูดังขึ้นอีกครั้งพร้อมร่างโปร่งเจ้าของใบหน้าเจ้าชายที่เดินเข้ามาด้วยประโยคสุดพิลึกตามเคย

    “ฮาย จีฮุนนี่ ฉันพาเพื่อนร่วมงานคนใหม่มาแนะนำแหละ"

    จีฮุนนั่งฟังเงียบๆไม่หือไม่อืออะไรทั้งสิ้น แขนเรียวของจีซูดึงร่างของชายหนุ่มอีกคนที่ยืนอยู่หลังประตูเข้ามาในห้อง ในคราแรกที่ร่างสูงมองมาที่เขาอีกคนดูตกใจไม่น้อยแต่สุดท้ายก็โค้งเก้าสิบองศาให้พร้อมกับกล่าวแนะนำตัว

    "สวัสดีครับ ผม...ควอน ซูนยอง จากนี้ไปขอฝากตัวด้วยนะครับ"

    "จ้ะ...พี่ อี จีฮุน เป็นนักแต่งเพลง อายุจะสามสิบแล้วด้วย ไม่ทักผิดว่าน้องอีกนะ"

    ปากบางยกยิ้มกันเองจนคนอายุน้อยกว่าต้องเกาแก้มตัวเองแก้เก้อ ทั้งเขินทั้งอายที่ตัวเองไปลดอายุให้คนอีกเกือบสิบปี แต่ใบหน้าขาวเนียนกับรูปร่างบอบบางนั่นน่ะ มันเข้ากับคนอายุจะสามสิบที่ไหนกัน ถ้าอย่างพี่จีซูนี่ก็ว่าไปอย่าง บอกว่าสามห้ายังเชื่อเลยครับคุณ

    ไม่เป็นไร อายุเป็นเพียงตัวเลข ไม่ใช่อุปสรรคในความรักซะหน่อยเนอะ

    "รู้จักกันแล้วเนอะ ต่อจากนี้แกกับซูนยองต้องทำงานด้วยกันนะ แกแต่งเพลงส่วนซูนยองเขาคิดท่าเต้น แต่ตอนนี้กินข้าวก่อนนะ หิวมาก"

    เป็นจีซูที่ตัดจบคำถามต่างๆที่กำลังจะตามมา อาหารที่ถูกเอาขึ้นมาด้วยถูกวางไว้บนโต๊ะเหมือนทุกวัน จะแปลกตาหน่อยก็คงเป็นครูสอนเต้นคนใหม่ที่เพิ่มเข้ามา จีฮุนยังคงนั่งอยู่ที่เดิมห่างจากสองคนนั้นไม่มากเท่าไหร่ มือบางหยิบกล่องข้าวกับตะเกียบขึ้นมาก่อนจะลงมือกินเป็นคนแรก ซูนยองมองการกระทำนั้นแล้วก็ได้แต่อมยิ้ม แอบสงสัยอยู่ไม่น้อยว่าคนตัวเล็กจะมีแฟนไปแล้วหรือยัง ดูจากรูปร่างหน้าตาแล้วคงมีคนเข้ามาให้เลือกมากมาย จะพอมีหวังหรือเปล่านะ

    "เอ่อ...พี่จีซูครับ พี่จีฮุนเขามีแฟนหรือยัง"

    "หืม? จีฮุนเหรอ ไม่มีอ่ะ โสด"

    คนอายุมากกว่าพูดเสียงไม่ดังนักเพราะพอจะจับน้ำเสียงของรุ่นน้องได้ ทำเพียงตอบไปเบาๆทั้งที่ข้าวยังเต็มปาก นี่ถ้าไม่เห็นว่าเป็นรุ่นพี่พ่อจะด่าเรื่องไม่มีมารยาทให้หน้าชาเลย

    "ยังพูดไม่จบนะ โสด...แต่ลูกหนึ่ง.."

     

    เคล้ง!

     

    ตะเกียบในมือหนาร่วงลงกับพื้นทันที ตาคมจ้องมองใบหน้าหวานใสที่เขาตกหลุมรักตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นแล้วก็ได้แต่ตกใจ อะไรคือการบอกว่าโสดแต่ลูกหนึ่งวะ นี่ตกใจนะเนี่ย เป็นแม่คนแล้วเหรอ ดูจากหน้าตาไม่น่าเป็นพ่อใครได้นะ โกหกกันหรือเปล่าเนี่ย

    "เป็นอะไรเหรอซูนยอง มองหน้าพี่เหมือนมีอะไรสงสัย"

    "ปะ...เปล่าครับ..”

    ชายหนุ่มก้มลงหยิบตะเกียบที่ตกพื้นของตัวเองขึ้นมาเงียบๆ ความจริงก็อยากจะถามออกไปตรงๆตามนิสัยแต่มาคิดดูอีกที เพิ่งเจอกันครั้งแรกจะถามเรื่องครอบครัวไปแบบนั้นมันก็กระไรอยู่ ไว้สนิทกันกว่านี้ค่อยถามก็ยังไม่สายไม่ใช่หรือไง ตะเกียบคู่ใหม่ถูกใช่คีบข้าวเข้าปากไปเงียบๆอีกครั้ง มันไม่ค่อยใช่นิสัยเขาเท่าไหร่หรอกการนั่งเงียบน่ะ แต่คือตกใจอยู่ทำใจแป๊ปนึง

    แต่ก็เหมือนใครบางคนจะไม่ได้รู้เรื่องเท่าไหร่

    "น้องมันถามว่าแกมีแฟนมั้ย ฉันเลยตอบว่าโสดแต่มีลูกแล้ว น้องมันตกใจทำตะเกียบตกมือเลยเนี่ย"

    "ฮ่าๆ เรื่องแค่นี้ทำไมไม่ถามพี่ตรงๆล่ะ จริงๆพี่ก็มีลูกชายอยู่หละ แต่ที่โสดคือหย่ากับแฟนมาจะสามปีเต็มแล้วหละ"

    ข้าวก็เกือบจะพุ่งออกจากปากอยู่รอมร่อ แต่สติที่ยังพอมีเลยไม่ได้ทำให้มันพุ่งออกมาตามที่คิด คนตัวเล็กที่ยังนั่งยิ้มมองหน้าคนอายุน้อยกว่าที่มีสีหน้าเดาไม่ค่อยออกว่าจะเอายังไงแน่ เดี๋ยวก็หงอยเดี๋ยวก็ตกใจเดี๋ยวก็ดีใจ เดาทางเริ่มจะไม่ถูกแล้วเหมือนกัน แต่ดูจากท่าทางน้องมันคงกำลังรู้สึกเป็นปลื้มอะไรสักอย่างในตัวเขาล่ะมั้งถึงได้ถาม

    เด็กสมัยนี้ทำไมถึงไปถูกสเป็กคนแก่กว่ากันนะ?

    "เอ้า...ยิ้มอะไรตาหายหมดล่ะ กินข้าวไป เด็กนี่นิ"

    จีฮุนมองหน้าแป้นแล้นของคนถูกดุเมื่อครู่ ยิ้มจนตาหายขนาดนั้นมีอะไรพอใจนักก็ไม่รู้นะ เมื่อกี๊ยังนั่งหงอยไม่หือไม่อืออยู่เลย เปลี่ยนอารมณ์เร็วจริง ได้แต่คิดแล้วก็ก้มหน้าก้มตากินต่อ ยอมรับว่ารู้สึกดีนะที่อายุขนาดนี้แล้วยังมีเด็กทักผิดว่าเป็นรุ่นน้องแถมมาแอบปลื้มอีก แต่ก็เพราะอายุขนาดนี้แล้วอีกนั่นแหละเลยไม่ค่อยจะใส่ใจว่าเด็กจะจริงจังด้วยหรือเปล่า แต่ละวันหมดไปกับการทำงานการเลี้ยงลูกแบบนี้คงได้เจอใครเข้ามาจีบหรอก

    แต่ตอนนี้ถ้ามีก็โอเคนะ เริ่มเลี้ยงลูกคนเดียวไม่ไหวซะแล้วสิ

     

     

    .............................

     

    ช่วงบ่ายสามโมงครึ่งเป็นเวลาเลิกเรียนของเด็กประถมวัย จีฮุนที่พอกินข้าวเสร็จก็นั่งคุยกับซูนยองและจีซูเรื่องเพลงของเด็กๆก็ติดลมจนเสียงแจ้งเตือนที่ตั้งไว้ในสมาร์ทโฟนดังขึ้นว่าถึงเวลาไปรับเจ้าเด็กแสบแล้ว จีซูรบเร้าอยากไปรับหลานเองบ้างแต่จีฮุนปฏิเสธไปเพราะเดี๋ยวจะพาหลานไปเที่ยวตามใจอีก จีฮุนน่ะพยายามสอนให้ลูกทำอะไรเองได้ มีเหตุผล อดทนรออะไรให้ได้ แต่ถ้าปล่อยให้อยู่กับจีซูล่ะก็ รายนั้นตามใจหลานอย่างกับอะไรดี

    น้องชานต้องโตมาแบบมีเหตุผลสิ จีฮุนเชื่อแบบนั้น

    "จะไม่ให้ไปรับแทบจริงๆเหรอ ไม่พาเที่ยวหรอกน่า"

    "ไม่! จะงอแงเป็นเด็กไปทำไมเดี๋ยวหลานก็มา ไปแล้ว อยู่สอนงานน้องไปนั่นแหละ"

    จีฮุนเดินออกไปอย่างไม่ค่อยจะเร่งรีบเท่าไหร่ พอแผ่นหลังบางของคุณแม่คนเก่งพ้นขอบประตูไปก็ได้เวลาที่ซูนยองจะได้ซักประวัติโดยละเอียดของอีกคนเสียทีว่าตกลงไปไงมาไงถึงได้เป็นคุณแม่เลี้ยงเดี่ยวแบบนี้

    รู้จุดจะได้รับมือได้ เผื่อจะไปเลี้ยงลูกช่วยในฐานะคุณพ่อไง

    "มอง มอง มีอะไรก็ถามมาครับไอ้น้อง เล่นวัตถุโบราณเชียวนะ"

    "นิดนึงพี่ พี่จีฮุนเขาหย่าขาดกับแฟนแล้วเหรอ แล้วเลี้ยงลูกคนเดียวเนี่ยนะ"

    "อืม ที่จริงจีฮุนไม่ใช่คนโซลหรอก เป็นคนปูซาน แต่พ่อกับแม่เสียเลยย้ายมาอยู่โซลคนเดียว บ้านมันรวยนะ พอแต่งงานก็ได้แฟนรวยอีก อดีตสามีคุณเธอก็ท่านประธานนี่เอง แต่คลอดลูกได้ห้าเดือนมันก็หย่า เห็นเค้าเล่ากันว่าแฟนมีคนอื่นมั้ง ตอนนี้มันเลยโสดแต่ลูกหนึ่ง จบ."

    ซูนยองพยักหน้าเข้าใจพลางกระตุกยิ้ม แอบตกใจที่บอกว่าอดีตสามีคือ อี ซึงฮุน แต่อดีตก็คืออดีตนี่นะ ฮงจีซูผู้ให้รายละเอียดเขาเองก็ไม่ตกหล่นแม้เรื่องเล็กๆเลยสักนิด เอามาซะะนึกว่าไปค้นประวัติในเน็ต รู้ลึก รู้จริง รู้ละเอียดยิบเลยหละ ตอนนี้โสดแต่ก็ใช่ว่าจะไม่มีคนคุยคนมาจีบนี่เนอะ อันนี้ก็ต้องถามผู้รอบรู้ดูอีกนั่นแหละว่ายังไง

    แล้วถ้าถ่านไฟเก่าคุล่ะ ยิ่งอยู่ใกล้กันแบบนี้อยู่ด้วย

    "แล้ว...พี่เขามีคนมาจีบมาคุยบ้างหรือเปล่า”

    "หืม? ก็ไม่มีนะ วันๆอยู่แต่กับลูกกับทำงาน แล้วก็ดูท่าทางถ่านไฟคงไม่คุแล้วหละ เห็นท่านประธานขอคืนดีหลายทีแล้วแต่จีฮุนไม่เอาด้วย"

    "อืม....ใจแข็งหน้าดูเลยนะครับเนี่ย ถ้าผมจะลองจีบพี่เขาดูบ้าง พี่ว่ามันจะรอดมั้ยอ่ะ"

    จบประโยคจีซูหันขวับมามองหน้ารุ่นน้องยิ้มๆ เห็นเด็กมันนั่งยิ้มอยู่ก่อนแล้วก็ได้แต่ส่ายหัวให้ความคิดที่สุดแสนจะบ้าบอ จีซูคิดว่าซูนยองคงไม่ได้คิดจะแค่เล่นสนุกหรอกเพราะจากสายตาที่มองจีฮุนแล้วมันมีประกายวิบวับบางอย่าง แถมมันก็โตๆกันแล้วทั้งซูนยองทั้งจีฮุน ถ้าสองคนนี้คิดจะคบกันจริงมันก็ไม่ผิดอะไร ถ้าทางบ้านซูนยองไม่ติติงเรื่องที่จีฮุนเคยแต่งงานมีลูกมาแล้วน่ะนะ

    "ก็แล้วแต่เถอะ แต่ถ้าจะจีบแม่ให้เข้าทางลูก ลูกรักแล้วเดี๋ยวแม่ก็รักด้วย สู้ๆไอ้น้องชาย"

    ฮงจีซูตบบ่าคนอายุน้อยกว่าเบาๆก่อนจะเดินเข้าไปดูความเรียบร้อยในห้องอัดเพลงบ้าง ทิ้งไว้แค่ซูนยองกับรอยยิ้มเพ้อฝันราวกับเด็กหนุ่มสิบหกที่เพิ่งเคยจะลองมีความรักครั้งแรก ทั้งที่ผ่านอะไรแบบนี้มาแล้วแถมดูเหมือนจะเข้าใจลึกซึ้งไปถึงเรื่องอย่างว่าด้วยก็เถอะ แต่เท่าที่ผ่านมามันแค่นึกสนุกเล่นๆแต่ตอนนี้มันไม่ใช่แบบนั้น มันรู้สึกว่าเราควรคิดจริงจังกับใครสักคนเพื่อเริ่มสร้างพื้นฐานครอบครัวได้แล้ว ควรจริงจังกับความรักให้มาก อาจเพราะรู้สึกว่าคนนี้เป็นคนที่เคยผ่านชีวิตครอบครัวมาก่อนมั้งเขาเลยต้องพยายามเข้าใจชีวิตคู่ให้มากขึ้น เริ่มมองย้อนไปดูสิ่งที่คนเป็นพ่อพยายามยัดเยียดให้ตลอด

    เข้าใจแล้วครับว่าเพื่ออะไร แต่ตอนนี้ของตามหาหัวใจให้เจอก่อน เรื่องอื่นค่อยว่ากันอีกทีเนอะ

    คิดอะไรไปเรื่อยเปื่อยจนรู้สึกไร้สาระ รู้ตัวอีกทีก็ตอนที่จีซูเดินมานั่งลงที่เดิม คนแก่กว่านั่งบ่นอะไรเรื่อยเปื่อยว่าเด็กมาใช้ห้องแล้วไม่ยอมเก็บ ซึ่งเขาเองก็ทำได้แค่นั่งหัวเราะไปด้วย จะว่าไปเด็กๆเทรนนี่เซ็ตนี้ความสามารถด้านการร้องเพลงแน่นมาก การแสดงสีหน้าตอนร้องตอนแร็พถือว่าดีเยี่ยม แต่ทักษะการเต้นนี่ค่อนข้างเป็นศูนย์ แต่ก็สอนง่ายเพราะแค่สอนไปครึ่งวันก็รู้เรื่อง เต้นได้กันทุกคนแล้ว ก็คงเคยฝึกเคยถูกคัดเลือกมาแล้วแต่ทิ้งช่วงนานจนลืมไปบ้างแหละมั้ง คงต้องทวนความจำอีกนิดนั่นแหละ

    "คุงอาจีซูวววววว น้องชานมีอะใยให้ยูย้วยยยยย”

    "อะไรครับหลาน มาให้อาดูสิมีอะไรให้ดู"

    เสียงใสๆดังเข้ามาในห้องพร้อมร่างเล็กๆของเด็กชายวัยอนุบาลที่ปีนขึ้นมานั่งข้างจีซูที่เป็นที่นั่งข้างเขาเช่นกัน เด็กชายหน้าตาน่ารักดูนุ่มนิ่มอยู่ในชุดนักเรียนสีฟ้าสดใสกำลังพูดจ้อเกี่ยวกับรูปวาดลายเส้นยึกยือของตัวเองว่ามีอะไรบ้างในแผ่นกระดาษนั้น ส่วนคุณแม่ของเด็กน้อยก็กลับลงมานั่งมองดูลูกชายตัวเองยิ้มๆด้วยสีหน้าพอใจ

    หน้าเหมือนแม่เลย...หมายถึงน่ารักอ่ะ

    "น้องชานสวัสดีคุณอาซูนยองก่อนลูก"

    "อาซูนฉะหวัดยีฮับ น้องชานชื่อน้องชาน อายุฉาบขวบคึ่ง"

    "ครับ ไหนเล่าให้อาฟังด้วยสิว่าในรูปมีอะไรบ้าง"

    เด็กน้อยพยักหน้าพลางขยับมานั่งชิดกับร่างของคนเป็นอา วางรูปวาดของตัวเองไว้ตรงหน้าขาก่อนจะใช้นิ้วเล็กๆชี้ไปในรูปว่ามีอะไรบ้าง

    "อังงี้ดอกไม้ อังงี้คุงผีเฉื้อ อังงี้น้องชานอังงี้คุงแม่ อังงี้คุงกาต่าย คุงคูจุนบอกว่าน้องชานวาดฉวย ให้ฉามยาวย้วยยย"

    "เก่งจังเลยครับ ไหนคนเก่งแปะแปะกับคุณอาหน่อยสิ"

    "แปะแปะ"

    น้องชานรับรู้คำว่าแปะแปะทันทีที่ฝ่ามือหนายื่นมาใกล้ มือเล็กตีลงไปสองทีจนดังแปะแปะจริงๆก็หัวเราะคิกคักชอบใจ ซูนยองรู้สึกว่าตัวเองชอบเด็กคนนี้เป็นพิเศษ น้องไม่ขี้อายไม่กลัวคนเหมือนเด็กๆที่เขาเคยเจอ พูดเก่งช่างพูดถึงบางคำจะพูดไม่ชัดแต่ก็พอจะเดาออกแล้วรู้เรื่องว่าพูดอะไรอยู่

    น่ารักน่าฟัดทั้งแม่ทั้งลูกจริงๆเลยน้าาา อุ๊ย! ลั่น..

    "ซูนยองดูรักเด็กนะ เข้ากับน้องชานเร็วมากเลย”

    "แกก็ลองเอาน้องชานให้น้องมันเลี้ยงดิ แกก็ไปให้มันเลี้ยงด้วยเลยจะได้จบๆ"

    "ไอ้บ้า ถามน้องเขาก่อนมั้ยว่าเต็มใจหรือเปล่า มั่วจริงๆ"

    "ไม่หรอกครับ มาให้เลี้ยงทั้งแม่ทั้งลูกก็ได้ ผมเต็มใจรับเลี้ยงนะถ้าพี่ไม่เกี่ยงเรื่องอายุ"

    รุกแรงเลยละกัน คราวหน้าจะได้ไม่ตกใจเนอะ

     

     

     

    ...............................

     

     

     

    "คุงแม่น้องชานง่วงนอน กลับบ้านกันนะ"

    "น้องชานนอนรอคุณแม่ตรงโซฟาก่อนลูก เดี๋ยวคุณแม่ทำงานก่อนนะครับคนเก่ง"

    เป็นเวลาเดิมที่เด็กชายตัวแสบจะเริ่มแบตหมดอีกครั้ง เวลาทุ่มครึ่งคือเวลานอนปกติของเด็กน้อยแต่วันนี้คนเป็นแม่กลับยังคงนั่งจดจ่อกับกระดาษเขียนเพลงอยู่ ซูนยองนั่งมองบทสนทนาเมื่อครู่ก็แอบจะสงสารน้องชานไม่น้อย ตัวแสบที่เล่นซนทั้งวันผละออกจากคนเป็นแม่เดินเตาะแตะมาทางเขา ร่างนุ่มนิ่มปีนขึ้นมานั่งบนโซฟาไม่ได้งอแงอะไร หัวกลมโยกไปมาจนน่าสงสารเพราะความง่วง ไหนจะตาตี่ๆที่แทบจะปิดนั่นอีกล่ะ แขนแกร่งจัดการอุ้มร่างของเด็กตัวเล็กเข้ามาใกล้ก่อนจะวางหัวทุยลงบนตักตัวเองพลางลูบหัวเบาๆ ปากหยักยกยิ้มให้กับภาพตรงหน้า เด็กชายอี ชานกำลังหลับฝันดี ปากเล็กๆระบายยิ้มอย่างแสนสุข เป็นอะไรที่น่ารักน่าหยิกซะไม่มี

    "จีฮุน ซูนยองฉันกลับก่อนนะ เจอกันพรุ่งนี้"

    "อืม...ขับรถดีดี..."

    "ครับ กลับบ้านปลอดภัยนะครับ"

    จีซูที่ยืนอยู่หน้าประตูแอบเบะปากเบาๆให้เพื่อนตัวเล็กของตัวเองที่ไม่ได้คิดจะสนใจใยดีกันสักนิด หันไปโบกมือลารุ่นน้องคนใหม่ก็เดินออกไป ซูนยองก้มลงมองเด็กน้อยบนตักด้วยรอยยิ้มที่ระบายอยู่เต็มแก้ม เด็กอะไรน่าเอ็นดูจริงๆ เหมือนแม่เอามากๆเลยด้วย ความจริงเค้าควรกลับบ้านตั้งนานแล้วนั่นแหละ เพราะพรุ่งนี้ถึงจะเริ่มทำงานแบบจริงจังสักที แต่ว่าก็อยากมานั่งมองคุณแม่ตัวเล็กที่นั่งแต่งเพลงอยู่มากกว่า เพราะตอนที่อีกคนแต่งเพลงมันดูมีเสน่ห์เอามากๆเลยหละ ใบหน้าหวานจะแสดงอารมณ์ต่างๆออกมาไม่หยุด

    ซึ่งนั่นน่ะน่ามอง

    "อ่า...พี่ว่ากลับได้แล้วหละ นี่ก็จะดึกแล้ว"

    "ครับ งั้นเดี๋ยวผมอุ้มน้องชานไปส่งนะครับ พี่ขับรถมาเองใช่หรือเปล่า?"

    "ใช่ งั้นรบกวนหน่อยล่ะ"

    จีฮุนยิ้มบางๆ ก้มลงไปหยิบเป้ของอีกคนมาถือเอาไว้ในมือตัวเองบ้าง ร่างเล็กๆของน้องชานถูกช้อนขึ้นแนบอกราวกับว่าเจ้าตัวแสบนั่นเบาหวิว ทีเขาอุ้มทำไมมันดูหนักนักล่ะ คนอายุน้อยกว่าที่มีร่างของเด็กตัวเล็กอยู่ในอ้อมแขนขนาบข้างด้วยร่างบางๆของคุณแม่คนเก่ง เด็กๆเทรนนี่ที่เริ่มเดินออกมาจากห้องซ้อมมองตามเค้าสองคนพลางส่งยิ้มให้ไปด้วย มีบ้างที่ชี้ๆมาแล้วก็หันไปพูดคุยกันเสียงเบา ถ้าหูไม่ดีหรือเดินไกลหน่อยก็คงไม่ได้ยินหรอก แต่นี่เดินออกมาไม่ค่อยห่างเท่าไหร่ เลยได้ยินค่อนข้างจะชัดทีเดียวหละ

    'ดูซิ เหมือนพ่อแม่ลูกเลยเนอะ ใส่เสื้อลายเดียวกัน รองเท้ากระเป๋าด้วย เหมือนชุดคู่เลย'

    'ใช่ๆ พ่อก็หล่อ แม่น่ารัก ลูกก็น่าหมั่นเขี้ยว จับพีดีกับครูสอนเต้นจิ้นกันจะผิดมั้ยเนี่ย'

    พูดจบก็หันไปหัวเราะคิกคักกัน จีฮุนเงยหน้าขึ้นมองคนอายุน้อยกว่าก็เป็นจังหวะเดียวกันกับที่อีกคนก้มหน้าลงมามองเขาพอดิบพอดี รอยยิ้มทะเล้นถูกจุดขึ้นบนริมฝีปากหยักจนเขาต้องขำขึ้นเบาๆกับความทะเล้นแบบนี้ นานแล้วเหมือนกันตั้งแต่ช่วงมหาลัยที่ไม่ได้เห็นรอยยิ้มแบบนี้จากใครเลย เพราะคนรุ่นราวคราวเดียวกับเขาคงไม่มีมาจีบกันแบบวัยรุ่นหรอก แค่คุยกันเข้าใจ ไว้ใจกันมากพอก็คบกันได้แล้ว ไม่จำเป็นต้องมาหยอดมาจีบกันให้วุ่นวายหรอกนะ

    แต่นานๆมีทีก็ดีนะ เหมือนได้ย้อนวัยตัวเองด้วยไง

    "พี่จีฮุนครับ จะลงบันไดหรือลงลิฟต์ดีครับ"

    "ลงลิฟต์ดีกว่านะ เราจะได้ไม่เมื่อยเดิน เจ้าตัวแสบยิ่งหนักๆอยู่ด้วย"

    ซูนยองเดินนำไปที่หน้าลิฟต์จากที่ตอนแรกจะลงบันได แต่พอมาคิดดูอีกทีเขาไม่ได้มาคนเดียว แต่มากับคุณแม่และคุณลูกตัวเล็กซึ่งจีฮุนอาจไม่ชอบใช้บันไดเหมือนเขาก็ได้ เป็นจีฮุนที่จัดการกดเปิดลิฟต์ให้ ดีหน่อยที่เจ้ากล่องสี่เหลี่ยมนี่ไม่มีคนเลยสักคนเพราะก็ค่อนข้างเป็นเวลาที่ไม่มีใครออกไปไหน พนักงานก็เลิกกันตั้งแต่ห้าโมงเย็น เทรนนี่ก็คงจะรอกลับหอพร้อมกันกับเพื่อนคนอื่นนั่นแหละ พอเลิฟต์ปิดลงระบุชั้นเรียบร้อยบรรยากาศก็ตกอยู่ในความเงียบ

    ไม่ได้น่าอึดอัดหรอก แต่ซูนยองแค่ไม่ชอบความเงียบเท่านั้นแหละ

    "ปกติพี่ก็ขึ้นลงลิฟต์ตลอดเลยเหรอครับ"

    "เปล่าหรอก พี่ชอบลงบันไดมากกว่า มันได้ออกกำลังกายสมองก็แล่นดี เราล่ะ ชอบเดินมากกว่าเหรอ?"

    "ครับ เดินมากๆร่างกายจะคล่องตัว ตอนเต้นจะได้คล่องขึ้นมาด้วย จะว่าไป เราก็มีหลายอย่างเหมือนกันเลยนะครับ"

    "หืม? อะไรเหรอ พี่ไม่เห็นว่าจะเหมือนเลยนะ"

    จีฮุนตีหน้างงเล็กน้อย จ้องมองใบหน้าหล่อทะเล้นของเด็กตรงหน้าแล้วก็ยิ่งงงหนัก คือจะว่ายังไงดีล่ะ จะบอกว่าตามเด็กไม่ทันก็คงไม่ผิดเท่าไหร่ ใครมันจะไปตามทันกัน ผ่านช่วงอายุนี้มาห้าปีแล้วนะ ตามความคิดเด็กไม่ทันหรอก

     

    ติ๊ง!

     

    ยังไม่ทันได้คำตอบจากคนอายุน้อยกว่า ประตูลิฟต์ก็เปิดขึ้นเสียก่อน ซูนยองเดินออกมามุ่งหน้าไปที่ลานจอดรถเป็นอันดับแรกก่อนจะหยุดเล็กน้อยให้อีกคนเดินนำไปที่รถก่อนตน มองตามแผ่นหลังบางของอีกคนก็ได้แต่ยิ้มบ้าบออยู่คนเดียว ที่บอกว่ามีอะไรเหมือนกันน่ะก็ไม่รู้หรอกว่าอะไรบ้าง แต่ดูการแต่งตัวเค้าสองคนสิ เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายเรียบๆ รองเท้ากับกระเป๋าอีก เหมือนครอบครัวที่กำลังไปเที่ยวพักผ่อนกันเลยนะ เดินตามมาได้สักพักก็เห็นว่าอีกคนยืนตีหน้ายุ่งอยู่ พอมองไปที่รถสปอร์ตสีดำสนิทถึงได้รู้ว่าเพราะอะไร โดนปล่อยลมรถเหรอ? ตลกสิ้นดี

    "แบบนี้ก็แย่สิครับ ให้ผมไปส่งดีกว่านะ นั่งแท็กซี่กลับอันตราย"

    "ไม่เป็นไรหรอก รบกวนเปล่าๆ พี่โตจนเป็นแม่คนแล้วดูแลตัวเองได้น่า"

    ดูเหมือนคุณแม่คนเก่งจะเริ่มดื้อขึ้นมาเสียอย่างนั้น แขนเรียวทำท่าจะดึงร่างของน้องชานไปอุ้มแต่ซูนยองเบี่ยงตัวหลบเบาๆ พร้อมกับตีหน้าดุใส่คุณแม่ที่เอาแต่ใจตัวเองอยู่จนอีกคนหลุดขำ มีอย่างที่ไหนคนอายุน้อยกว่ามาทำหน้าดุเขาที่โตจนเป็นแม่คนแล้ว คิดอะไรอยู่ของเขาก็ไม่รู้นะ จีฮุนทำท่าจะดึงร่างของน้องชานมาไว้กับตัวเอง แต่อีกคนก็กระชับกอดแน่นขึ้นอีก คิดจะเปิดสงครามหรือไงกันนะ

    "มีอะไรกันหรือเปล่าครับ อ้าว...จีฮุน ดึกแล้วทำไมไม่พาลูกกลับล่ะ"

    "ท่านประธาน...พอดีรถเสียน่ะครับ แต่ก็ว่าจะกลับแล้ว"

    จีฮุนดูนิ่งทันทีที่ร่างสูงของชายหนุ่มอีกคนเดินเข้ามาหา ร่างบางถอยห่างจากอีกคนออกมาเล็กน้อย ไม่ได้ตั้งใจถดหนีอีกคนจนดูหน้าเกลียดเกินไป แต่ก็ห่างมากพอที่จะไม่ให้เหตุการณ์ไม่คาดคิดเกิดขึ้น ซึงฮุนมองการกระทำของคนตัวเล็กแล้วก็ได้แต่ถอนหายใจออกมาเบาๆ ทั้งที่พยายามเข้าหาแต่จีฮุนกลับพยายามถอยห่างออกไป ต่างจากซูนยองที่ยกยิ้มสะใจที่จีฮุนทำแบบนี้ ความจริงเขากับไอ้หมอนี่ไม่ค่อยจะถูกกันหรอก ตอนซึงฮุนแต่งงานเขายังไม่ไปเลย คิดอยู่ว่าใครเป็นเจ้าสาวผู้โชคร้ายคนนั้น แต่ไม่คิดว่าจะโชคร้ายจะตกมาถึงคนน่ารักแบบนี้

    ใครจะรู้กัน ว่าหน้าหล่อๆแบบนี้น่ะนิสัยจะเสียแค่ไหน

    "แล้วนี่จะกลับยังไง ให้ผมไปส่งมั้ย? คุณกลับแท็กซี่คงอันตราย"

    "ขอบคุณครับ แต่ซูนยองอาสาจะไปส่ง ขอตัวนะครับ"

    จีฮุนโค้งให้อีกคนเล็กน้อยก่อนจะเดินห่างออกไป ซูนยองยิ้มมุมปากพร้อมกับยักคิ้วให้คนตรงหน้า ซึงฮุนทำหน้าเหมือนกำลังเดือดเอามากๆนั่นยิ่งทำให้เขาได้ใจ ตลอดชีวิตพ่อของเขาเอาคนนิสัยแบบนี้มาเปรียบเทียบกับเขาได้ยังไง คนที่ดีแต่ใช้อารมณ์ในทุกอย่าง ท่าดีทีเหลวมันสะทุกเรื่อง แต่ก็ยอมรับว่ามีความสามารถอยู่ที่บริหารบริษัทได้ แต่ถ้าไม่มีคนคอยหนุนหลังจะได้ถึงขนาดนี้หรือเปล่าล่ะ?

    "แผนนี้ไม่ค่อยเนียน ไปหามาใหม่นะครับ อ่อ...พี่จีฮุนนี่น่ารักดีนะครับ น้องชานด้วย"

    ไม่รอเห็นใบหน้าเดือดจัดของอีกคนต่อ ซูนยองสาวเท้ามาจนหยุดยืนต่อหน้าคุณแม่ตัวเล็กที่มีสีหน้าไม่ต่างจากเดิมเท่าไหร่ เพียงแต่ใบหน้าจะดูเหวี่ยงกว่าเดิมไปหน่อยก็เท่านั้น

    "คุยอะไรกันเหรอ"

    "ทั่วไปแหละครับ ไปเถอะอย่าสนใจไปเลย กลับบ้านกันดีกว่า"

    จีฮุนมองคนอายุน้อยกว่าแล้วพยักหน้า เขาไม่ได้ใส่ใจว่าสองคนนี้จะคุยอะไรกัน เขาแค่ไม่อยากอยู่ใกล้ผู้ชายแผนสูงอย่างซึงฮุนนานๆก็เท่านั้น ไม่รู้ว่ากำลังคิดอะไรอยู่ในหัวกันแน่ ยิ่งได้รู้จักผู้ชายคนนี้ลึกก็ยิ่งเหมือนจะไม่รู้อะไรเลย ดูเป็นภาพลักษณ์ที่ถูกจัดฉากขึ้นทั้งนั้น ไม่มีความจริงอะไรเลย

    จนไม่มั่นใจว่าตอนแต่งงานกัน เป็นแค่การแสดงละครหรือเปล่า...

     

    ............

     

    "น้องชานมานี่ครับ อาบน้ำก่อนเร็วลูก ให้อาซูนกลับบ้านเร็วลูก"

    "ม่ะอาว น้องชานจะเย่นกะอาซูนก่อนนนน"

    "ซูนยองอ่า พี่เหนื่อยเลิกพาน้องชานเล่นได้แล้วดึกแล้วนะ"

    เสียงหวานของคุณแม่คนเก่งยานครางเพราะเริ่มเหนื่อย พอซูนยองขับรถมาส่งเขาที่บ้านอีกคนก็อาสาอุ้มน้องชานเข้ามาส่งในบ้าน พอถึงข้างในบ้านเจ้าตัวแสบดันตื่นขึ้นมางอแงร้องไห้จ้าเสียจนลั่นบ้าน ลำบากซูนยองต้องช่วยโอ๋อีกทางนั่นแหละถึงได้หยุดร้อง พอหยุดร้องได้คุณอาคนดีก็เล่นกับหลานจนติดลมไม่ยอมไปอาบน้ำอย่างที่เห็น ลำบากต้องวิ่งไล่จับเด็กแสบจนต้องขอร้องให้หยุดกันทั้งอาทั้งหลานนั่นแหละ วิ่งไล่กันรอบบ้านจนจีฮุนตาลายไปหมด พลังเยอะทั้งอาทั้งหลานเลยเชียว

    "น้องชานไปอาบน้ำกับคุณแม่นะครับ อาต้องกลับบ้านแล้ว"

    "ง่ะ อย่าพึ่งซี้ น้องชานอาบน้ำเฉ็ดค่อยกลับ นะอาซูนนะ"

    เด็กแสบกอดคอคนเป็นอาที่นั่งอยู่บนพื้นแน่น ซูนยองเองก็กอดเอวหลานตัวเล็กเอาไว้ ยอมรับว่าแพ้ลูกอ้อนเด็กแสบเข้าให้เต็มๆ ได้แต่ส่งสายตาถามคนเป็นแม่ของเด็กตัวเล็กไป จีฮุนพยักหน้าเบาๆเป็นการตอบตกลง ซูนยองยิ้มกว้าง จีฮุนดึงตัวลูกชายตัวแสบเข้าไปหอมเบาๆอย่างหมั่นเขี้ยว

    มีพรรคพวกแล้วลืมคุณแม่เลยนะลูกชาย

    "พี่รบกวนเราหน่อยนะ อยู่รอตรงนี้ก่อนได้หรือเปล่ากลัวน้องชานงอแง"

    "ได้เสมอครับ แค่พี่ขอผมจะทำให้"

    "จ้า ไม่ต้องมาตาหวาน พี่ไม่เขินนะ หัดมาใหม่ไป"

    "โห~~ เฟลนะเนี่ย พาน้องชานไปอาบน้ำเถอะครับ"

    ซูนยองยิ้มขำๆไม่ต่างจากจีฮุนเท่าไหร่นัก ก็โตๆกันแล้ว ไอ้รอยยิ้มตาหวานน่ะใช้ไม่ได้หรอกนะกับคนที่เป็นผู้ใหญ่แล้ว จะใช้ได้ก็แต่กับคนที่ยังวัยรุ่นลองรักเท่านั้นแหละ ตาคมมองตามแผ่นหลังบางของคุณแม่คุณลูกที่เดินขึ้นบันไดบ้านไปแล้วก็ทิ้งตัวลงบนโซฟา อาหารที่กินไปเมื่อช่วงเย็นๆกำลังย่อย เริ่มจะหิวขึ้นมาอีกรอบเสียแล้ว ถึงบ้านคงต้องหาอะไรกินอีกตามเคย

    ตาคมมองสำรวจไปทั่ว บ้านสองชั้นหลังเล็กๆเหมาะสำหรับการอยู่เป็นครอบครัว ตกแต่งด้วยสีสันสดใสทั่วผนังด้วยกรอบรูป ส่วนใหญ่จะเป็นรูปของเด็กชายอีชานที่อยู่ในช่วงวัยต่างๆนับตั้งแต่แรกเกิดจนถึงรูปที่ดูเหมือนจะเพิ่งถ่ายได้ไม่นานมานี้เอง เป็นรูปที่ถ่ายคู่กับคุณแม่ ท่าทางจะเป็นการเซลฟี่ของสองแม่ลูกเสียมากกว่า คิดอะไรสับเพเหระจนลืมดูเวล่ำเวลาเข้าจริงๆเสียแล้ว ตวัดตามองนาฬิกาที่แขวนบนผนังก็บอกเวลาจะสามทุ่มเข้าไปแล้ว

    "ไงคุณอา หลานหลับไปแล้วจะกลับมั้ย หรือจะนั่งต่อ"

    ร่างเล็กของคุณแม่คนเก่งในชุดเสื้อยืดสีเทาตัวใหญ่ที่มีกางเกงขายาวอยู่ข้างใน ตอนนี้อีกคนก็ยังคงน่ารักเหมือนเดิมไม่เปลี่ยน แก้มเนียนก็ยังคงเนียนเช่นเคย เพราะใบหน้าขาวใสที่ไร้เครื่องปรุงแต่งหรือเปล่านะ ถึงทำให้ดูมีเสน่ห์

    "ครับ ว่าจะกลับแล้วหละ รบกวนมาซะนานเลย"

    "ไม่เป็นไรหรอก พี่ก็รบกวนเราเหมือนกัน งั้นเดี๋ยวพี่เดินไปส่ง"

    ซูนยองทำแค่ยิ้มบางๆ คนอายุมากกว่าเดินนำออกมา รองเท้าแตะสีดำถูกสวมใส่แทนผ้าใบที่แทบจะสวมตลอดเวลา เดินมาเพียงเล็กน้อยก็ถึงรถซีดานคันสวยที่จอดอยู่ของอีกคน ยืนมองหน้ากันอยู่แบบนั้นโดยไม่ทราบสาเหตุ มองกันไปมองกันมาก็ต้องหลุดยิ้มกันทั้งคู่

    "งั้นพรุ่งนี้ผมมารับนะครับ รับรองว่าจะไม่สายแน่นอน"

    "ไม่เป็นไรก็ได้ เดี๋ยวพี่ไปเอง"

    "ไม่สิครับ เดี๋ยวพรุ่งนี้ผมมารับไปพร้อมกัน ถึงไม่ไปผมก็จะมา ตกลงรือหเปล่า"

    "ก็ได้ งั้นก็ขับรถดีดีล่ะ อย่าไปชนเสาไฟฟ้านะ เสียดายรถ"

    ซูนยองยิ้มขำ โบกมือให้คนตัวเล็กกว่าอยู่ซักพัก จ้องมองคนตรงหน้าแล้วก็ได้แต่ยิ้มค้างอยู่แบบนั้น ทำไมนะ ฟ้าถึงไม่ส่งเขาสองคนมาเจอกันให้เร็วกว่านี้ ทำไมต้องส่งซึงฮุนมาเจอก่อนด้วย ได้แต่สงสัยแต่ไม่พูดออกมา มันคงเป็นโชคชะตาที่ถูกขีดเอาไว้

    ให้เราสองคนเจอกันในช่วงที่เหมาะและควร

    "พี่ครับ..."

    "อะไรหรอ...อ๊ะ..”

     

    ฟอด!

     

    จีฮุนเบิกตาโต หับขวับไปมองหน้าเด็กตรงหน้าก็ได้แต่อ้าปากค้างเพราะสัมผัสเย็นๆจากจมูกโด่งที่แตะลงบนแก้มเขาเมื่อครู่ จะยกมือขึ้นฟาดมันก็อ้ำๆอึ้งๆไม่รู้เนื้อรู้ตัวเอ้เสียเลย ขัดใจชะมัด!

    "กู๊ดไนต์คิสครับ แล้วเจอกันใหม่พรุ่งนี้นะ"

    เด็กตัวสูงวิ่งอ้อมไปขึ้นรถทันที ก่อนที่มือบางๆของคุณแม่คนสวยจะฟาดแขนเข้าจริงๆ ก็ดูสิมีอย่างที่ไหนรู้จักกันยังไม่ถึงวันก็มาขโมยหอมไปเสียแล้ว เจ้าเด็กทะลึ่งนี่ มือบางยกขึ้นกุมแก้มร้อนๆของตัวเองเอาไว้ ยืนมองว่าเด็กนี่จะกลับบ้านไปตอนไหนแต่ผลที่ได้กลับไม่ใช่รถจะเคลื่อนตัวออกไป เป็นกระจกรถที่เลื่อนลงมาพร้อมเสียงทุ้มแทน

    "ฝันดีนะครับ ผมกลับแล้วนะ"

    "ย๊า! กลับไปเลยเจ้าเด็กทะลึ่ง!"

    กะว่าจะไม่ตกใจแล้วนะ แต่รุกแรงขนาดนี้ก็ไม่ไหว เตรียมตัวรับไม่ทันเลยหละ

     

     

    ..............


    #ฟิคคุณแม่จีฮุน

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×