ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [ทยอยรีไรท์] Single Mom อุ่นรักคุณแม่ตัวเล็ก #seventeen #soonhoon

    ลำดับตอนที่ #2 : CHAPTER : 00

    • อัปเดตล่าสุด 12 ธ.ค. 62







    "น้องชานครับ ตื่นเร็วครับวันนี้ไปโรงเรียนนะ"

    "งื้มมมม...คุงแม่น้องชานง่วงงงงง"

    เสียงใสๆของเด็กชายตัวเล็กอย่าง อี ชาน ดังขึ้นงึมงำทันทีที่มือเย็นๆของคุณแม่อย่าง อี จีฮุน แตะลงเบาๆที่ต้นแขนป้อมของลูกชายวัยสามขวบครึ่งที่ยังคงซุกหน้าอยู่ในผ้าห่มผืนหนาบนเตียง เด็กน้อยเขยิบหนีมือเย็นๆของคนเป็นแม่ก่อนจะต้องจำยอมลุกขึ้นมาแต่โดยดี เส้นผมของเด็กชายยุ่งเหยิงไม่เป็นทรงจนคนเป็นแม่อดจะยิ้มขำไม่ได้

    เพราะวันนี้เป็นวันเปิดภาคเรียนวันแรกของลูกชายตัวแสบ เด็กแสบเลยต้องตื่นตอนหกโมงเช้าเพื่อทำภารกิจส่วนตัวเพื่อจะไปโรงเรียนแต่เช้า ร่างป้อมๆเดิมเตาะแตะไปยืนอยู่ข้าตะกร้าผ้า มือน้อยๆยกขึ้นขยี้ตาตัวเองเบาๆก่อนจะพยายามแกะกระดุมเสื้อชุดนอนลายหมีน้อยสีขาวของตัวเองออกจนหมด เสื้อผ้าถูกปลดเปลื้องออกจนหมดโดยความพยายามของเด็กชายเอง มือป้อมๆเกาพุงขาวๆของตัวเองพลางหาวหวอดราวกับว่าไม่ได้นอนมาทั้งคืน ไหนจะตาเล็กที่ปรือปรอยนั่นอีกล่ะ

    ลูกใครเนี่ย น่ารักน่าหยิกจริงๆ

    "คุงแม่อาบน้ำ น้องชานจะไปโยงเยียนแย้ว"

    "ครับๆ คุณแม่ไปแล้ว ป่ะอาบน้ำกับคุณเป็ดเนอะๆ"

    คุณแม่ตัวเล็กในชุดคลุมอาบน้ำสีขาวเดินเข้าไปใกล้กับเด็กแสบก่อนจะอุ้มขึ้นมาในอ้อมแขน แอบยู่หน้าให้ความหนักของลูกชายตัวน้อยที่ไม่รู้ไปตัวหนักมาจากไหนพลางหอมฟัดพุงขาวๆให้เด็กชายหัวเราะคิกคักอยู่ในอ้อมกอด ก่อนจะอุ้มร่างป้อมๆนั่นไปวางลงในอ่างน้ำอุ่นที่มีฟองสบู่กับเป็ดยางลอยอยู่ เด็กแสบนั่งหัวเราะอยู่กลางอ่างไม่ได้สนใจคนเป็นแม่ที่พยายามจะลูบไล้ฟองสบู่ให้ทั่วตัวขาวๆ ดูเหมือนคุณลูกตัวแสบจะไม่ให้ความร่วมมือเท่าไหร่เลยนะ

    "น้องชานให้คุณแม่ถูสบู่ก่อนครับเดี๋ยวค่อยเล่น"

    "ง่ะ...คุงแม่ยงมาเยย มาเย่นกะน้องชาน เย็วๆ"

    จีฮุนทำตามที่ลูกชายขอ จัดการปลดชุดคลุมอาบน้ำออกไปนั่งซ้อนหลังเด็กน้อยที่ยังคงสนใจเป็ดยางสีเหลืองในอ่างน้ำมากกว่าคนเป็นแม่อีกตามเคย แขนเรียวจัดการอุ้มเด็กแสบมาวางไว้บนหน้าขาเปลือยเปล่า ค่อยๆจัดการอาบน้ำให้คุณลูกชายตัวแสบที่ทำเสียงก้าบๆเหมือนเป็ดอยู่กลางอ่างแล้วก็ได้แต่ยิ้มขำให้ความน่ารักของลูกตัวเอง มือบางของคนเป็นแม่เลื่อนมาถูเบาๆตรงต้นคอให้เด็กแสบหดคอหนีพลางหัวเราะดังลั่นเพราะความจั๊กจี้ คนเป็นแม่เองก็จัดการแกล้งคุณลูกด้วยการใช้นิ้วเรียวขยับยุกยิกไปมาตรงต้นคอขาวของเด็กน้อยจนดิ้นพล่าน น้ำในอ่างกระเด็นไปทั่วเพราะขาป้อมๆที่ตีไปมาจนน้ำกระจาย

    ช่วงเวลาการอาบน้ำผ่านไปได้ด้วยดี เด็กแสบถูกจับปะแป้งหอมฟุ้งพร้อมสวมชุดนักเรียนประถมวัยสีฟ้าสดใส ส่วนคุณแม่คนเก่งก็อยู่ในชุดเสื้อยืดสีขาวสกรีนลายน่ารักกับกางเกงขาสั้นเสมอเข่าสีน้ำเงินเข้มพับขาขึ้นเหนือเข่า ดูแล้วมันอาจจะไม่ค่อยสมวัยของคุณแม่อายุยี่สิบเก้าย่างสามสิบเท่าไหร่ แต่ด้วยตัวที่เล็กกับใบหน้าที่ดูเด็กกว่าวัยการแต่งตัวสบายๆแบบนี้ก็ไม่ได้ดูน่าเกลียดอะไร ติดจะดูน่ารักในสายตาของใครหลายคนจนต้องมองเหลียวหลังด้วยซ้ำ ไหนจะรูปร่างที่ไม่เหมือนคนเคยมีลูกมาก่อนนั่นอีกล่ะ อี จีฮุน น่ะออกจะน่ารักเหมือนวัยรุ่นทั่วไปเสียด้วยซ้ำ

    "คุงแม่ง่ะ น้องชานไม่ชอบคุงผัก ไม่กิงคุงผักได้มั้ยง่ะ"

    เสียงเล็กๆเจื้อยแจ้วขึ้นมาอีกครั้งเมื่อมื้ออาหารเช้าเริ่มขึ้นได้เพียงครู่ ข้าวผัดหน้าตาน่ารักฝีมือคุณแม่คนเดิมเพิ่งจะพร่องไปไม่ถึงครึ่งเด็กแสบก็ใช้ส้อมสีฟ้าอันเล็กจิ้มๆผักในจานให้ดู ทั้งที่ทำชิ้นเล็กขนาดนั้นเจ้าเด็กแสบก็ยังมีหนทางจะเขี่ยออกมาได้ ถือว่าร้ายกาจมากจริงๆเลยหละ

    "น้องชานต้องกินคุณผักนะครับ เดี๋ยวคุณผักจะร้องไห้เอาน้า คุณแม่ก็จะร้องไห้ตามคุณผักนะครับ"

    "งืมมม กิงก็ด้าย แต่คุงแม่กับคุงผักห้ามย้องไห้นะ ยู้ป่าว"

    "ครับ ไม่ร้องแล้ว น้องชานของคุณแม่เก่งที่สุดเลย"

    คนเป็นแม่นั่งมองลูกชายตัวเองนั่งตักข้าวเข้าปากจนแก้มตุ่ยแล้วก็ได้แต่ยิ้ม น้องชานเป็นเด็กหัวไวติดจะซุกซนนิดหน่อยพอน่ารัก บอกง่ายสอนง่ายให้ทำอะไรก็ทำ แถมยังเป็นเด็กที่กินง่ายเอามากๆ น้อยครั้งที่เด็กชายจะบอกว่าไม่กินสิ่งที่เขาทำเพราะเจ้าตัวบอกว่ากลัวคุณแม่จะร้องไห้ ไม่รู้ไปเอาความคิดนั้นมาจากไหนแต่จีฮุนก็มักใช้แผนนี้เวลาลูกไม่ยอมกินยาหรือกินของที่มีประโยชน์ แล้วน้องชานเองก็ไม่มีขัดยอมกินแต่โดยดี

    ถึงครอบครัวที่มีแค่แม่กับลูกจะดูมีความสุขดีแต่แน่นอนว่าเด็กอายุแค่นี้ต้องการความรักจากผู้ชายอีกคนที่เรียกว่าพ่อ แต่นั่นมันก็เป็นแค่อดีตตอนน้องยังอายุไม่ถึงหกเดือนด้วยซ้ำ เหตุการณ์ตอนนั้นเป็นช่วงที่น้องชานอายุแค่ห้าเดือนกับสามสัปดาห์ จีฮุนใช้เวลาของทุกวันในการเลี้ยงลูกน้อยจนไม่มีเวลาจะสอดส่องมองหาคนที่ขึ้นชื่อว่า สามี ของตัวเองที่แทบไม่เจอหน้ากันตั้งแต่อายุครรภ์ได้หกเดือน

    ทั้งที่คิดว่าอีกคนยุ่งจนไม่มีเวลามาดูแล จีฮุนเลยไม่ได้สนใจจนลืมคิดถึงความเป็นจริงที่ว่าคนเพิ่งจะแต่งงานกันแค่ครึ่งปีแต่ด่วนที่จะมีลูกมันเป็นเรื่องที่ไม่ค่อยดีเพราะทั้งสองฝ่ายยังปรับตัวเข้าหากันไม่ได้ อีกทั้งยังคงไม่แน่ใจด้วยซ้ำว่าทั้งสองคนพร้อมหรือเปล่า ผลสรุปของการห่างหายหน้าของ อี ซึงฮุน คุณสามีดีเด่นคือการที่ชายหนุ่มแอบซุกซ่อนคนรักที่ไม่รู้แอบมีตอนไหนเอาไว้ แต่ก็คงนานมากพอที่วันที่จีฮุนจับได้จากการโทร.หาแล้วมีใครอีกคนรับสายแทน จีฮุนไม่ได้โวยวายแค่ถามเหตุผล เมื่อคนเราเลือกที่จะมีใครอีกคนเข้ามาแล้วชีวิตคู่ก็คงต้องจบลงด้วยการหย่าขาด

    อี ชาน ถูกเลี้ยงดูด้วยคนเป็นแม่มาตลอดตั้งแต่เด็ก มีบ้างที่คนเป็นพ่อแวะมาหาแต่ก็เพียงครั้งคราวไม่บ่อยนัก ทั้งคุณปู่คุณย่าของน้องเองก็อยากให้ลูกชายกับแม่ของหลานคืนดีกันเสียที แต่จีฮุนเลือกปฏิเสธเพราะแม้ว่าถึงจะกลับไปได้ ทุกอย่างก็คงไม่เหมือนเดิมแล้ว คนเราเคยเจ็บมักจะจำฝังใจเสมอไม่ใช่จะลืมกันง่ายๆ ฝ่ายซึงฮุนก็มีมาขอคืนดีแต่จีฮุนก็ขอให้อีกคนเกี่ยวพันธ์เป็นแค่อดีตสามีกับพ่อของลูกก็พอ เพิ่มให้อีกตำแหน่งคือประธานบริษัทที่เค้าทำงานอยู่

    แต่จีฮุนก็เป็นทั้งพ่อทั้งแม่ให้ลูกได้  ถึงจะไม่เต็มที่ก็เถอะ

     

     

     

    .........................

     

     

     

    "โยงเยียน โยงเยียน คุงแม่โยงเยียนแหยะ ดูฉิมีคนเยอะมากเยยย่ะ"

    "ครับลูก เดี๋ยวถึงแล้วเนี่ย ไม่หาคุณครูอย่าดื้อนะรู้รึเปล่า”

    "ฮับ! น้องชานจะไม่ดื้อไม่ชนกับคุงคูเยย ฉันยาเยยฮับ"

    เสียงใสดังขึ้นอีกครั้งในตอนที่รถยนต์คันหรูของคนเป็นแม่เคลื่อนตัวมายังหน้าโรงเรียนเอกชนชื่อดัง มือป้อมทำท่าตะแบะพลางยืดตัวขึ้นมาเป็นการยืนยันว่าตัวเองจะเป็นเด็กดี กระเป๋าเป้สีฟ้าใบเล็กถูกส่งให้เด็กชายสะพายหลังก่อนคนเป็นแม่ที่นั่งประจำคนขับจะปลดล็อกประตูรถให้เด็กน้อยลงไปยืนรอข้างล่าง มือบางจับจูงมือเล็กๆของลูกชายไปยังหน้าประตูที่มีคุณครูหนุ่มร่างสูงยืนรอรับเด็กนักเรียนอยู่หน้าประตู

    "คุณครูสวัสดีครับ น้องชานสวัสดีคุณครูเร็วครับ"

    "ฉะหวัดยีฮับคุงคู"

    "ครับ มาส่งน้องชายเหรอครับเนี่ย น่ารักเชียว"

    "เอ่อ...เปล่าหรอกครับ ผมเป็นคุณแม่น้องหนะครับ ฝากน้องชานด้วยนะครับผมคงต้องไปแล้ว"

    จีฮุนรีบพูดตัดบททันที ก็ดูครูคนนี้ทำหน้าทั้งตกใจทั้งงงงวยเข้าสิ ยืนนานกว่านี้ได้กลั้นหัวเราะไม่ทันกันพอดี ครูหนุ่มพยักหน้ายิ้มๆก่อนจะส่งน้องชานที่โบกมือลาคุณแม่ไปให้ครูอีกคนพาเดินเข้าห้องเรียนไป ร่างเล็กจัดการหันหลังเตรียมจะเดินกลับไปขึ้นรถ กลับต้องหยุดยืนเสียก่อนเพราะเสียงทุ้มของครูหนุ่มที่รั้งเอาไว้

    "..เอ่อ..คุณแม่ครับ ผม จุน นะครับ..."

    "อ่อ..ครับ อี จีฮุน ครับ"

    โค้งให้น้อยๆก่อนจะเดินออกมา ดูจากท่าทางครูคนนั้นคงอ่อนกว่าจีฮุนเกือบจะสามปีเห็นจะได้ ดูจากสายตาที่มองมาที่เขาคงแอบผิดหวังที่เขามีลูกไปแล้วอยู่ไม่น้อย เด็กสมัยนี้ทำไมถึงชอบคนดูอายุมากกว่าก็ไม่รู้นะ ตัวรถเคลื่อนออกมาช้าๆอย่างไม่เร่งรีบ ถนนของเกาหลีในเวลาเจ็ดโมงเช้าแบบนี้ไม่ได้รถติดอะไรมากมาย การไปถึงบริษัทที่เป็นค่ายเพลงชื่อดังจึงไม่ได้ยากลำบากนัก เพราะถึงจะไปสายก็ไม่ได้เสียเวลาอะไรเพราะอาชีพนักแต่งเพลงไม่ได้ยุ่งยาก แค่มีเวลาเขียนเพลงที่จะส่งไปให้บริษัทพิจารณาอีกทีก็พอแล้ว

    ใช้เวลาไม่ถึงยี่สิบนาทีรถคันหรูก็เคลื่อนตัวมาถึงบริษัทในเวลาแปดโมงนิดๆ มือบางจัดการหยิบเอกสารต่างๆกับเป้ของตัวเองออกมา จัดการล็อกรถให้เรียบร้อยก็เดินขึ้นมาบนตึกชั้นสี่ซึ่งเป็นที่ทำงานของเขาเอง จีฮุนเลือกที่จะเดินขึ้นบันไดมากกว่าจะต้องไปแออัดกับคนบนลิฟต์ที่ดูจะเร่งรีบอยู่ตลอดเวลา อีกอย่างการเดินบ่อยๆก็ช่วยให้แข็งแรงด้วยนะคุณ ใช้เวลาการเดินเท้าเพียงสิบนาทีก็มาถึงชั้นที่เขาทำงานอยู่ เด็กๆเทรนนี่เดินผ่านไปมาก็โค้งให้เขาน้อยๆ ตามมารยาทที่ควรทำ

    จีฮุนเดินไล่มองตามช่องกระจกประตูห้องซ้อมของเด็กๆแล้วก็อมยิ้มระคนสงสาร บางห้องกำลังเฮฮากับการเรียนการแสดง บางห้องกำลังซีเรียสกับการฝึกร้องเพลงกับการแร็พที่ตีกันจนมั่วดูน่าสงสารคนยืนฟัง จะมีก็แต่ห้องที่ใช้ซ้อมเต้นของเด็กเทรนที่ฟอร์มทีมจะเดบิวร์ในอีกไม่กี่เดือนที่ยังไม่มีครูมาสอนเต้นสักที แต่ก็ได้ยินว่าอีกไม่นานก็มาแล้ว จบใหม่ไฟแรงเสียด้วย

    "เฮ้!...น้องตัวเล็กคนนั้นน่ะ หยุดก่อน!"

    "หืม?..."

    จีฮุนหยุดนิ่ง มองซ้ายมองขวาว่ามีเด็กตัวเล็กอย่างที่เสียงทุ้มเมื่อกี๊เรียกหรือเปล่า แต่มองจนทั่วก็ยังไม่มีใครจนสรุปเองได้ว่าคนที่อีกคนเรียกเป็นเขาไม่ผิดแน่ หันหลังไปมองดีๆก็เป็นชายหนุ่มร่างสูงโปร่งใบหน้าค่อนข้างหล่อเหลากำลังเร่งฝีเท้ามาทางเขา เส้นผมสีน้ำตาลเข้มของอีกคนเปียกชื้นนิดๆคงเพราะความรีบที่ฟังจากน้ำเสียง การแต่งตัวดูเหมือนวัยรุ่นทั่วไปที่สวมแค่เสื้อยืดสีขาวพิมพ์ลายเรียบๆกับกางเกงผ้านุ่มดูใส่สบาย บนไหล่หนาเองมีเป้ใบใหญ่สีดำสนิทที่มองผ่านๆก็คงไม่ได้ต่างจากของเขานัก ทั้งที่เป็นชุดแสนธรรมดาแต่ก็ยอมรับว่ามันดูดีอยู่ไม่น้อย

    "พี่จะถามเราว่าห้องซ้อมเต้นอยู่ตรงไหนเหรอ หานานแล้วแต่หาไม่เจอ"

    "เอ่อ...เดินกลับไป ประตูสีขาวบานแรกมีป้ายสีแดงติดอยู่ นั่นแหละครับเข้าไปเลย ครูสอนเต้นคนใหม่หรือเปล่า?"

    "ใช่ ขอบคุณมากนะ"

    ร่างสูงวิ่งไปจนถึงประตูแต่ก็แอบหันมาส่งยิ้มกว้างๆให้เขาอีกรอบ แอบตกใจเหมือนกันที่มีเด็กมาทักว่าน้องแต่ก็ไม่ได้ใส่ใจ ขึ้นชื่อว่าครูสอนเต้นคนใหม่ยังไงก็ต้องมาแนะนำตัวกับรุ่นพี่ในบริษัทอยู่แล้ว

    จะรอดูว่าจะทำหน้ายังไง จะเหมือนคุณครูคนเมื่อเช้าหรือเปล่านะ

     

    ………………………

     

     

    ช่วงหกโมงเช้าของวันจันทร์มักเป็นเวลาเร่งรีบของใครหลายคน ยกเว้นไว้ก็แต่ ควอน ซูนยอง ที่ยังคงไม่เร่งรีบอะไรในการทำกิจวัตรประจำวันของตัวเองเท่าไหร่นัก เพียงเพราะแม่บ้านที่เพิ่งจะเดินมาเคาะประตูบอกเมื่อไม่กี่นาทีก่อนว่าผู้เป็นบิดาเรียกพบ สร้างความรำคาญให้ตัวเขาเองอยู่ไม่น้อย ลูกชายคนกลางของบ้านที่เป็นลูกชายแท้ๆมักโดนบังคับอยู่บ่อยครั้ง ทั้งที่ลูกนอกสายเลือดอีกสองคนกลับไม่ได้โดนทำแบบนี้ต่างมีอิสระเป็นของตัวเอง

    ยกตัวอย่าง ยุน จองฮัน บุตรบุญธรรมของคุณและคุณนายควอนที่รับเลี้ยงก่อนจะมีเขา พี่ชายหน้าสวยที่นิสัยติดจะอ่อนหวานไปหน่อยบวกกับผมยาวตรงสีสว่างที่ระลงมาถึงกลางหลัง พี่ชายคนนี้ถูกคนเป็นมารดาตามใจเรื่องการเรียน ตอนนี้เลยได้เป็นอาจารย์สอนศิลปะในมหาวิทยาลัยชื่อดังด้วยช่วงวัยแค่ยี่สิบเก้าเท่านั้น

    ส่วนน้องเล็กของบ้านอย่าง 'สวี หมิงฮ่าว' ลูกรักของคนเป็นแม่ที่มีช่วงวัยห่างกันกับเขาเพียงสองปี เด็กคนนี้ทั้งคุณและคุณนายควอนรับเลี้ยงมาเพราะพ่อแม่ของน้องเสียด้วยอุบัติเหตุทางรถยนต์ ทั้งสองเลยรับเด็กชายวัยเพียงปีหนึ่งเดือนมาเลี้ยง สรุปหมิงฮ่าวก็ได้เรียนอย่างที่ตัวเองต้องการ ตอนนี้ก็เรียนนิเทศเกี่ยวกับการแสดงอย่างที่เจ้าตัวชอบหนักหนาอยู่

    ก็คงจะมีแต่ซูนยองนี่แหละที่มักโดนบังคับเรื่องเรียนจนต้องหนีไปอยู่กับคนเป็นย่าที่คยองกีโดตั้งแต่จบมัธยมต้น ชีวิตเด็กต่างจังหวัดก็มีความสุขดี เรียนจบมัธยมปลายเกรดเฉลี่ยเกือบจะแตะสี่ ต่อด้วยการเรียนเป็นครูสอนเต้นที่ต่างประเทศอีกสี่ปี กลับมาถึงเกาหลีได้เพียงครึ่งปีข้อเปรียบเทียบมากมายถูกยกขึ้นมาเป็นประเด็น โดยเฉพาะลูกชายเพื่อนคนเป็นพ่อที่ชื่อ อี ซึงฮุน ที่ดำรงตำแหน่งประธานบริษัทค่ายเพลงชื่อดังมากลอกหู แต่ใครจะรู้ว่าค่ายนี้จะเป็นค่ายที่เขากำลังจะไปเป็นครูสอนเต้น วันนี้วันแรกเสียด้วยส

    เสื้อยืดสีขาวสกรีนลายทั่วๆไปถูกสวมใส่คู่กับกางเกงผ้านิ่มสีดำ เป้ใบโปรดถูกยกขึ้นสะพายหลังก่อนชายหนุ่มจะเปิดประตูบานสีดำออกมาจากห้องของตน เห็นคนเป็นพี่ที่กำลังย่องลงบันไดเพื่อหลบเลี่ยงคุณแลคุณนายแล้วก็เกิดอาการอยากแกล้งขึ้นมาเสียได้ มือหนาส่งไปดึงเส้นผมนุ่มมือสีทองสว่างไม่แรงนักพลางเอ่ยเรียกอีกคนเสียงยียวน

    "เดี๋ยวเจ้ จะไปไหนแต่เช้า นัดหนุ่มไว้แน่เลยจะฟ้องม๊า"

    "ฮือออ...ไอ้ซูนปล่อยเจ้ เจ้รีบเข้าใจมัย หนุ่มบ้าหนุ่มบออะไร ปล่อย"

    "ไม่เชื่อ รอไปพร้อมกันเดี๋ยวไปส่ง ฟ้องม๊านะว่าเจ้แอบนัดหนุ่มไว้อ่ะ"

    มือหนายังคงดึงผมยาวเอาไว้ไม่ปล่อย เหตุผลที่ต้องรั้งคนพี่ไว้ก่อนก็คงเพราะเป็นคนที่โตสุด น่าจะพูดกับคนเป็นพ่อและคนเป็นแม่เข้าใจกว่า อีกอย่างถ้าเขาคุยคนเดียวคงได้เผลอตวาดลั่นบ้านตามนิสัยชอบโวยวายแน่ แล้วอีกเรื่อง ถามว่าทำไมเรียกจองฮันว่าเจ้ล่ะ ผู้ชายไม่ใช่เหรอ? คำตอบคือคุณนายของบ้านน่ะอยากได้ลูกสาวแต่คุณควอนดันรับเด็กผู้ชายมาเลี้ยงเสียนี่ คุณนายเลยปลูกฝังมาแบบหวานๆ พอซูนยองโตมาก็เลยจัดการเรียกว่าเจ้แทนเรียกเฮียมันเสียเลย หมิงฮ่าวที่โตมาพร้อมกันก็เลยเรียกด้วยจนคนพี่ต้องยอมเป็นเจ้แต่โดยดี

    อ่อ แต่เรื่องที่คุณนายควอนห้ามเจ้ก็เห็นจะมีเรื่องเดียวแหละ...เรื่องหนุ่มๆ

    "ซูนปล่อยเจ้ไปเหอะ เจ้ไม่อยากคุยกะป๊า นะซูนนะ"

    "ไม่ อยู่ช่วยผมคุยกะป๊าก่อน เจ้ก็อ้อนเยอะๆดิ ถ้าป๊ายอมผมเดี๋ยวพาไปช็อปเลยเอ้า"

    "โห~~ เฮียมันร้ายกาจนะ ให้เขาช่วยป่ะเดี๋ยวอ้อนให้ แลกกับพาไปซื้อรองเท้าสักคู่ แล้วปล่อยเจ้แกไปเหอะ หนุ่มรอนานแล้วน้า"

    ดูเหมือนวงสนทนาจะกว้างขึ้นเมื่อน้องเล็กของบ้านโผล่มาอีกคน เด็กหนุ่มรูปร่างผอมบางที่สูงพอๆกับเขาแต่ใบหน้าติดจะหวานกว่าเสียหน่อย ขอเอาหัวซูนยองคนนี้เป็นประกันเลยนะว่าคุณกับคุณนายควอนไม่ได้ลูกสะใภ้จากสองคนนี้แน่นอน จะได้ลูกเขยมากกว่า ดูหน้าแต่ละคนแล้วไม่ต่างจากทอมเลยแม้แต่น้อย มือหนาคลายออกจากการดึงผมคนพี่ แต่ก็แอบดึงให้พี่แกเจ็บเล่นแล้วปล่อยไป หันมาสนใจตัวแสบประจำบ้านที่แต่งตัวเตรียมไปมหาลัยเรียบร้อย

    ข้อเสนอเมื่อกี๊ก็โอเคนะ

    "รองเท้าสองคู่ ถ้าป๊ายอมจริงเฮียให้สามคู่เลยเอา โอเค๊!"

    "โอเค งั้นป่ะ...เตรียมพาไปเลือกได้เลยเฮีย จะเอาวันนี้นะ"

    น้องชายที่ดูจะตัวเล็กกว่าเขาเล็กน้อยเดินมาเกาะแขนพลางทำท่าทางออดอ้อน แบบนี้นี่เองสินะคุณแม่สุดสวยถึงได้ยอมตลอด ใครไม่แพ้ลูกอ้อนก็เทพแล้ว ท่าทางน้องมันคงมั่นอกมั่นใจมากกว่าจะอ้อนได้ ยิ้มน้อยยิ้มใหญ่แต่พอสักพักไปเริ่มไม่ใช่ แก้มขาวแดงขึ้นเรื่อยๆจนอดจะเอ่ยทักไม่ได้

    "แกเป็นไรป่ะไอ้แสบ หน้าแดงนะเนี่ย แอบซุกหนุ่มเหมือนเจ้เหรอ?"

    "เปล่านะเฮีย แค่...ครูโรงเรียนแถวบ้านเรานี่หล๊อหล่อเนอะ"

     

    ปั๊ก!

     

     

    "โอ๊ย! เฮียเค้าเจ็บนะ ดีดมาได้"

    เสียงนุ่มร้องโอดโอยพลางยกนิ้วเรียวขึ้นลูบหน้าผากเนียนที่ขึ้นรอยแดงจากการถูกนิ้วแกร่งดีดไปเมื่อครู่ อะไรจะบอบบางแท้ล่ะน้อง เป็นเด็กตัวแค่นี้มีแอบส่องผู้ชงผู้ชาย ร้ายกาจกว่าเจ้แกอีก รายนั้นคงไม่ได้แอบซุกหรอกมั้ง คงคุยกันนานแล้วแหละเห็นมารับมาส่งกันนานแล้ว

    แต่ม๊าก็คงยังไม่รู้อีกตามเคย

    "เจ็บนั่นแหละดี เดี๋ยวนี้หัดเหล่หนุ่มนะไอ้แสบ อย่าท้องก่อนแต่งมาละกัน จะตีให้ก้นลายเลย"

    "ไม่มีหรอกน่า เฮียดูหน้าเค้าดิ หน้าตาออกจะใสซื่อ”

    "หรา หน้าแบบนี้แหละอันตราย โดนฉุดไปคงสู้เค้าได้หรอกดูหุ่นเข้า ไปๆ ไปช่วยเฮียคุยกะป๊า"

    พอเทศเสร็จก็รีบดันหลังไอ้แสบให้ลงบันไดไปก่อน ประเมินจากรูปร่างทั้งจองฮันทั้งหมิงฮ่าวแล้ว สองคนนี้น่าเป็นห่วงมากเพราะตัวจะบางและเล็กกว่าเขาเยอะ ทั้งร่างกายและใบหน้าไม่ค่อยมีเค้าโครงของผู้ชายเท่าไหร่ แต่คนที่หน้าห่วงสุดในบ้านก็คงจะเป็นน้องเล็กอีกตามเคย เกิดไปชอบหนุ่มที่ไหนแล้วเกิดพลาดขึ้นมาคุณนายคงเสียใจแย่

    ไอ้แสบอ่ะน่าห่วง ยิ่งแรดๆอยู่

    สองพี่น้องเดินเข้ามาจนถึงห้องครัว เห็นคนเป็นบิดากำลังนั่งจิบกาแฟอ่านหนังสือพิมพ์การเมืองหรือธุรกิจอะไรสักอย่าง ใบหน้าของชายวัยห้าสิบกลางๆเรียบนิ่งเช่นเคย

    นี่ป๊าไม่คิดจะยิ้มหน่อยเหรอ?

    "อ้าว ลงมาแล้วเหรอซูน ป๊าให้แม่บ้านไปตามแกนานแล้วนะ"

    "ครับ ป๊ามีไรก็รีบพูดเหอะ ผมรีบจะไปทำงาน”

    "ป๊าคิดว่า...จะลองให้แกทำอะไรที่อยากทำดู ถ้าไม่รุ่งภายในสองปี เตรียมขึ้นแท่นผู้บริหารได้เลยไอ้ลูกรัก"

    "ป๊า เค้าว่าป๊าให้เวลาเฮียน้อยไปนะ แค่สองปียังฝึกงานอยู่เลยเหอะ อีกอย่างนะป๊า ถ้าให้เฮียบริหารบริษัทนะ มีหวังล่มจมกันพอดี”

    คุณควอนเงยหน้ามาสนใจเจ้าแสบพลางพยักหน้าเหมือนจะเห็นด้วย ทีเขาป๊าล่ะไม่เห็นจะยอมบ้างเลย มีแต่จะด่ากลับมาน่ะสิ อะไรคือความยุติธรรมวะ ชายหนุ่มยังคงมองการกระทำของผู้เป็นพ่ออยู่แบบนั้น เมินอาหารเช้าอย่างขนมปังทาแยมกับใส้กรอกและนมอีกแก้วไปเสีย จะมีก็แต่คุณน้องสุดที่รักนี่แหละที่ยังกินเข้าไปราวกับไม่มีอะไรเกิดขึ้น

    "ก็จริง งั้นสี่ปี แกต้องประสบความสำเร็จภายในสี่ปี ไม่งั้นก็..."

    "เตรียมขึ้นแท่นผู้บริหาร ได้ป๊าคอยดู ป่ะไอ้แสบ...จะเอามั้ยรองเท้าเนี่ยเฮียรีบ"

    "เอาๆ ไปนะครับป๊า ไปนะครับม๊า”

    พอพูดถึงรองเท้าไอ้แสบก็เหมือนจะตื่นเต้นเป็นพิเศษ วางมือจาการกินขนมปังของตัวเองราวสั่งได้ อะไรมันจะอยากได้ขนาดนั้นกันล่ะ แขนเล็กๆคล้องเข้าที่แขนแกร่งของคนพี่ก่อนจะกึ่งจูงกึ่งลากให้ถึงโรงรถของบ้านที่มีรถหลายคนจอดอยู่

    ต้องรีบหน่อยเดี๋ยวเฮียแกจะเปลี่ยนใจ

    "เชิญคุณหนูหมิงฮ่าวขึ้นรถครับ ปล่อยได้แล้วไปไอ้แสบ"

    "ขอบพระทัยเสด็จพี่ที่เปิดประตูให้เพคะ"

    เด็กหนุ่มปล่อยแขนแกร่งก่อนจะโค้งให้คนพี่เก้าสิบองศาราวกับมเหสีในซีรีส์ย้อนยุคของเกาหลีก็ไม่ปาน จนคนพี่ที่เปิดประตูฝั่งที่นั่งข้างคนขับอยากจะปิดประตูหนีบร่างบางๆให้สิ้นเรื่องสิ้นราว แต่คิดดูดีดีถ้าหนีบเข้าจริงๆเด็กนี่คงได้กระดูกหักเป็นแน่ ก็ดูสิตัวแห้งอย่างกับอะไร ร่างของน้องรักเข้าไปนั่งในรถเรียบร้อยพร้อมๆกับประตูซีดานสีดำคันงามที่ปิดลงเบาๆ มือหนายกหน้าจอสมาร์ทโฟนเครื่องสวยของตัวเองขึ้นมาดู หน้าจอบอกเวลาหกโมงครึ่งแล้ว

    หวังว่าเจ้าแสบจะไม่เรื่องมากจนทำให้เค้าสายตั้งแต่วันแรกนะ

     

    .......................

     


     

     แล้วก็อย่างที่คิดไม่มีผิดเมื่อเจ้าแสบถึงร้านรองเท้าก็เลือกอยู่ราวๆเกือบชั่วโมงจนเหลือเวลาอีกเพียงไม่ถึงยี่สิบนาทีจะเป็นเวลาที่บริษัทนัดให้เข้าห้องซ้อม แต่เขากำลังจะสายเพราะต้องไปส่งเจ้าแสบที่มหาลัยอีก ดีหน่อยที่น้องมันไม่ดื้อแถมเป็นทางผ่านเลยไม่เสียเวลามากจัดการหย่อนร่างน้องสุดที่รักไว้หน้ามหาลัยแล้วรีบขับรถออกมา พอมามองดูเวลาก็เหลือแค่ห้านาทีกว่าจะหาที่จอดรถที่ไม่คุ้นเคยกว่าจะรอลิฟต์อีก ทางที่ดีคือเดินเท้า

    จากชั้นสองมาชั้นสี่ไม่ได้ไกลมากแต่ก็เล่นเอาเหงื่อซึมเหมือนกัน ขาแกร่งเร่งให้เร็วที่สุดก่อนจะเปิดหน้าแอพแชตสีเหลืองยอดนิยมขึ้นอ่านอีกรอบ ชั้นและเวลาในแชตบอกชัดเจน จะมีก็แต่ห้องซ้อมที่ไม่ได้บอกไว้ในรายละเอียด ตาคมสอดส่องมองหาใครสักคนที่พอจะสอบถามได้สายตาก็ปะทะเข้ากับร่างบอบบางของใครบางคนที่คาดว่าน่าจะเป็นเทรนนี่ของค่าย จัดการเอ่ยเรียกเด็กตรงหน้าเอาไว้เสียงดังอย่างเร่งๆจนอีกคนยอมหันมา

    "เฮ้!...น้องตัวเล็กคนนั้นน่ะ หยุดก่อน!"

    ร่างเล็กชะงักไปเพียงครู่ มองซ้ายมองขวาก่อนจะหันกลับมาสนใจเขา ใบหน้าหวานขาวเนียนที่มองมาบ่งบอกว่าอายุอีกคนคงเพิ่งจะยี่สิบหมาดๆ การแต่งตัวที่ดูน่ารักสมวัยช่างเข้ากับใบหน้าสีผมและรูปร่างไม่มีที่ติ ไหนจะขนาดตัวที่เล็กกว่าเขามากนั่นอีก ถือว่าเป็นคนที่น่ารักมากๆเลยหละ

    "พี่จะถามเราว่าห้องซ้อมเต้นน่ะอยู่ตรงไหนเหรอ หานานแล้วแต่หาไม่เจอ"

    "เอ่อ...เดินกลับไป ประตูสีขาวบานแรกมีป้ายสีแดงติดอยู่ นั่นแหละครับเข้าไปเลย ครูสอนเต้นคนใหม่หรือเปล่า?"

    "ใช่ ขอบคุณมากนะ"

    ความจริงอยากจะยืนคุยด้วยให้นานกว่านี้เสียด้วยซ้ำ เขารู้สึกว่าค่อนข้างจะถูกใจเด็กคนนั้นไม่น้อยแต่ด้วยเวลาที่เหลืออีกไม่กี่นาทีจะได้เวลาซ้อมเลยจำต้องเดินเข้าไปในห้องที่อีกคนบอกเสียก่อน แต่ก่อนไปก็แอบมีส่งยิ้มให้อีกคนเล็กน้อยจนคนมองต้องส่งยิ้มกลับมา

    อย่างน้อยวันที่เริ่มต้นไม่ค่อยดีก็ยังมีเรื่องดีดีเกิดขึ้นบ้างแหละน่า

    หวังว่าเราคงได้เจอกันอีกนะครับ...ตัวเล็ก

     

     


    #ฟิคคุณแม่จีฮุน


    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×