มณีจันทร์นาคี
เรื่องราวของนาคีที่ได้มาเยือนโลกมนุษย์ เพราะตั้งใจอยากหนีท่านพ่อแห่งเมืองพญาคมาเรียนรู้ชีวิตในเมืองมนุษย์ เพื่อจะได้อธิษฐานจิตมาเกิด เพราะเบื่อในโลกของพญานาค เบื่อวังที่มีแต่ความวุ่นวาย
ผู้เข้าชมรวม
1,078
ผู้เข้าชมเดือนนี้
22
ผู้เข้าชมรวม
เรื่องราวของนาคีที่ได้มาเยือนโลกมนุษย์ เพราะตั้งใจอยากหนีท่านพ่อท่านแม่แห่งเมืองพญาคมาเรียนรู้ชีวิตในเมืองมนุษย์ เพื่อจะได้อธิษฐานจิตมาเกิด เพราะเบื่อในโลกของพญานาค นางนาคี มีนามว่า มณีจันทร์นาคี นางเชื่อว่า การได้มาเกิดเป็นมนุษย์ เป็นบุญมาก นางจะสามารถทำบุญและปฏิบัติธรรมได้ จนนางได้วางแผนการ หนีขึ้นมาจากแม่นำ้โขง แปลงกายเป็นหญิงสาววัยกลางคน อายุราว 35 ปี ผิวขาวเหลือง ผิวมีความเปล่งประกายดุจดั่งหยวกกล้วย นางนาคีเลือกวันที่หนีขึ้นมา ซึ่งตรงกับวันขึ้น 15 ค่ำ เดือน 11 เพราะในวังพญานาคจะมีประเพณีเช่นเดียวกับเมืองมนุษย์ คือ วันออกพรรษา พญานาคจะปล่อยลูกไฟ ซึงจะมีงานจัดทีกลางลานเมืองพญานาคทุกปี นางนาคี จึงได้ทำการปล่อยลูกไฟแล้ว นางจึงได้ว่ายน้ำ ขึ้นมาทางริมแม่น้ำโขง ของอำเภอสังคม จังหวัดหนองคาย ซึ่งรอบบริเวณที่นางได้ขึ้นมานั่น นางมีความแปลกใจมาก ว่าทำไมมนุษย์มาดูลูกไฟจากวังของนางกันมากมายขนาดนี้ ซึ่ง มีการจัดงาน บางคนปรบมือแสดงอาการดีใจ บางคนเปล่งเสียงออกมาและชี้ตะโกนโวกเวก ซึ่งนางไม่เคยพบเจอ แตกต่างจากวังพญานาคมาก นางจึงรีบแปลงกายและเลือกเสื้อผ้าให้เหมาะกับสมัยนี้ที่สุด แต่ด้วยความที่นางไม่เคยขึ้นมา นางจึงมีความสงสัยในเสื้อผ้าของคนยุคสมัยนี้ นางได้เหลือบสายตาไปเจอหญิงรุ่นราวอายุประมาณ 60 ปี หญิงชราใส่ชุดผ้าซิ่นพร้อมเสื้อสีขาวลูกไม้ ดูภูมิฐานและดูดี นางนาคีรู้สึกถูกใจอย่างมากจึงใช้คาถาแปลงชุดให้เหมือนหญิงชรา ทันใดนั้น หญิงชราคนนั้นได้ทักนางนาคี ขึ้นมาว่า่” หนูมานั่งด้วยกันสิ มาคนเดียวเหรอ ที่ตรงนี้ยังว่าง” นางนาคีมีความงนงวยว่าทำไม หญิงชราจึงมองเห็นนาง นางยังใม่ได้ใช้คาถาเพื่อปรากฏตัวเลย นางนาคีไม่รอช้าจึงเอ่ยว่า “ข้าขอบคุณเจ้ามาก ข้าขอนั่งกับเจ้าได้จริงๆรึ”หญิงชรา จึงตอบกลับด้วยนำ้เสียงนุ่มๆว่า” มานั่งข้างยายนี่มา นางนางคีรู้สึกแปลกใจ ว่าทำไมคุ้นเสียงนี้จัง นางนึกย้อนไปเมื่อนางยังเด็กอายุราว 12 ขวบ เทียบกับอายุในโลกมนุษย์ นางเคยหนีท่านพ่อท่านแม่ และพี่เลี้ยงมาแล้ว ด้วยความซุกซนนางได้ขึ้นมาแอบดูที่ริมนำ้ เจอชายวัยกลางคนอายุราว45 ปี กับเด็กอายุราว 8 ขวบ อยู่ริมน้ำ นางแอบมองด้วยความสงสัยว่าชาวมนุษย์ทำอะไรกัน ชายคนนี้กำลังใช้เครื่องมือทำการใส่ไปในนำ้ แล้วก็ดึงขึ้นมา นางแอบดูและด้วยความสงสัยอยากดูใกล้ข๋้น จึงใช้คาถาแปลงกายขึ้นมา ทันใดนั้นเด็กหญิงชาวมนุษย์จึงเอ่ยว่า “มาเล่นกับเราไหม มานั่งข้างๆเราก็ได้” พ่อของเรากำลังหาปลา เพื่อจะเอาไปขายและเอาไปให้แม่เราทำกับข้าว นาคีน้อยจึงได้เข้าไปนั่งและพูดคุยกับเด็กมนุษย์คนนั้น พ่อของเด็กหญิง จึงพูดขึ้นมาว่า “ศรี ” ระวังตกนำ้ นั่งรอพ่อบนฝั่งดีๆ โดยพ่อของศรีไม่เห็นนาคีน้อย นาคีน้อยได้พูดคุยกับศรีและ ศรีได้พูดกับนาคีน้อย ”อยากเล่นนำ้ไหม “ นาคีน้อย จึงตอบว่า “ข้าเล่นจนเบื่อแล้ว เพราะที่นี้คือบ้านข้า “ ศรีได้ยินจึงถามกลับ “บ้านเจ้าจริงๆเหรอ เราไปเล่นได้ไหม” นาคีน้อยรีบตอบกลับ “ได้สิ แต่ไม่เคยมีมนุษย์ลงไปบ้านข้าเลย ท่านพ่อของข้าไม่อนุญาตให้มนุษย์ลงไปที่วังของข้า “ ศรีได้ยินแบบนั้น “เราอยากไปจริงๆ ทำไมเรียกบ้านว่าวัง แล้ววังเป็นแบบไหน มีของเล่นไหม มีสนามเด็กเล่นด้วยหรือเปล่า “ความเด็กไร้เดียงสาจึงถามไป นาคีน้อยด้วยความงงงวย” จึงบอกว่าไม่มี” ข้าไม่เข้าใจ เจ้ากล่าวถึงสิ่งใด ที่วังข้ามีสวนพฤกษชาติ ที่อุทยานมีดอกไม้สีทอง สวยมากๆ เป็นที่โปรดของข้าเลย และที่วังของข้ามีเพชร พลอย สมบัติมหาศาล เจ้าชอบหรือไม่” ศรีจึงรีบบอก ”แบบนี้ไหม เราชอบแหวน เราได้เอาเงินไปหยอดมาที่ร้านค้าในหมู่บ้าน เราหยอดไป 1 บาท “ ศรีโชว์แหวนทองอันบางสีทองเหมือนเส้นลวดให้นาคีน้อยได้ดู
ทันใดนั้น ฝนก็โปรยลงมา พ่อของศรี จึงพูดขึ้นว่า “พ่อพอแล้ว กลัวฝนมาแรงกว่านี้ ศรี กลับบ้านกันลูก”
เนื้อเรื่อง
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ผลงานอื่นๆ ของ มายาวดี ดูทั้งหมด
ผลงานอื่นๆ ของ มายาวดี
ความคิดเห็น