ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Behemoth เทพอสูรคลั่ง

    ลำดับตอนที่ #9 : มังกรหรือแวมไพร์

    • อัปเดตล่าสุด 12 ต.ค. 56


     บทที่9 มังกรหรือแวมไพร์

                ถ้าจะถามผมว่าผมรู้ตัวไหมว่าตัวเองกำลังฝันอยู่คำตอบก็คือผมไม่รู้ว่าตัวเองฝันอยู่ เนื้อหาในความฝันั้นช่างเป็นภาพที่น่าคิดถึงเสียเหลือเกิน ภาพในสมัยเมื่อ13ปีที่แล้ว ภาพตอนที่ผมยังอายุ 4 ปี เป็นภาพที่ผมกำลังนอนเล่นอยู่ในป่าอสูร พร้อมๆกับที่พ่อและแม่ของผมกำลังคุยเล่นกันอย่างสนุกสนาน ไม่มีวี่แววของสงครามแม้สักนิดเดียว

                แต่ทว่าภาพนั้นก็เปลี่ยนไป กลายเป็นภาพที่พ่อแม่ของผมได้รับคำสั่งให้เข้าร่วมการรบ ช่วงเวลาที่ผมได้อยู่กับพ่อแม่นั้นสั้นยิ่งกว่าที่ผมอยู่กับอลิซเสียอีก แต่กลับกลายเป็นว่าผมคิดถึงพวกท่านยิ่งกว่าความรู้สึกใดๆเสียอีก แต่ภาพนั้นก็เปลี่ยนไปอีก กลายเป็นภาพของโฟลเก้ และ ลามูส ที่กำลังร่วมต่อสู้กัน ใช่ นั่นเป็นภาพการต่อสู้ครั้งสุดท้ายของพวกเรา ภาพที่ผมกลายร่างเป็นอสูรปกป้องพวกเขาอย่างสุดชีวิต ความรู้สึกภาคภูมิใจที่ได้ปกป้องเพื่อนตัวเองมันคงไม่สามารถหาสิ่งใดมาเปรียบเทียบได้ และคงไม่มีสิ่งใดที่ทำให้ผมภาคภูมิใจไปมากกว่านี้อีกแล้ว และภาพเหล่านี้ค่อยๆมืดลง

                กลับกลายเป็นภาพที่เคยเป็นทุ่งหญ้าเขียงขจีของป่าอสูรแต่มาบัดนี้ มันคือนรกดีๆนี่เอง เลือดสาดกระเซ็นไปทุกหย่อมเหย้า ศพมากมายเหลือคณากองพูนเป็นภูเขาลูกย่อมๆอยู่หลายสิบลูก ไม่ว่าจะเป็นอสูรหรือมนุษย์ไม่มีข้อยกเว้น เพียงต่างกันแค่สภาพของศพ มนุษย์ถูกฆ่าแบบแทบไม่เหลือเค้าเดิม แต่อสูรถูกฆ่าเหมือนเพียงแค่ผู้ที่หลับใหลไปเท่านั้น และมีผู้หนึ่งที่ยืนอยู่บนกองซากศพเหล่านั้น เป็นการยืนที่ดูเศร้าสร้อย โครงหน้าที่แสนคุ้นเคย ในขณะที่ผมกำลังคิดอยู่ว่านั่นคือใครกันแน่ แต่ทว่าเมื่อคิดออกมันกลับทำให้ผมสะดุ้งตื่นขึ้นมาจากภวังค์อย่างรวดเร็ว จึงทำให้ผมถึงเพิ่งจะรู้ว่าทั้งหมดนั้นเป็นเพียงแค่ความฝัน และจนท้ายที่สุดผมก็ไม่สามารถจดจำได้ว่าเขาคนนั้นคือใคร รู้แต่เพียงว่าเขาคนนั้นเศร้ามาก เศร้าจนถึงขนาดที่ผมหลั่งน้ำตาออกมาในความฝัน

                ผมค่อยๆลืมตาขึ้น ภาพเพดานที่คุ้นเคย นี่เป็นเพดานห้องของผมแน่ๆ ผมค่อยๆยันตัวเองลุกขึ้นมาจากที่นอน พลางเอามือสัมผัสที่ใบหน้าของตัวเองก็รู้สึกได้ถึงของเหลวใสที่กำลังเอ่อล้นออกมาจากดวงเนตรทั้งสองของผม ผมค่อยๆเช็ดน้ำตานั้นออกจากใบหน้าของผม ในทันทีที่ผมสัมผัสที่ๆควรจะเป็นเบาะรองเตียงของผม กลับได้ความรู้สึกของพื้นไม้ที่เย็นเฉียบแทน ผมจึงลองมองดูดีๆว่าตัวเองอยู่ที่ใดกันแน่ เพดานหมองๆที่คุ้นเคย พื้นไม้เก่าแก่ที่เหยียบย่ำอยู่ทุกวี่วัน ซึ่งในเวลานี้เป็นสถานที่ที่ผมกำลังนอนอยู่ไม่ใช่เตียงเหมือนทุกที ไม่ผิดแน่นี่คือห้องนอนของผม แต่ทำไมผมถึงมานอนอยู่ที่พื้นกันล่ะเนี่ย เมื่อผมลุกขึ้นมาแล้วเหลือบตาไปมองเตียงของตนเอง ก็พบเจอกับหญิงสาวผู้หนึ่งที่กำลังนอนอยู่บนเตียง ผมเงางามสีดำขลับทอดยาวจนถึงสะโพก ผิวสีขาวผุดผ่อง สวมชุดเดรสสีขาวบริสุทธ์ นี่มัน นางฟ้า........

                ......ไม่สิ นางมังกรมารนี่หว่า ทำไมเทียร์ถึงมาอยู่ที่นี่ล่ะเนี่ย

                ขณะที่ผมกำลังคิดเหตุผลอยู่นั้น เทียร์ก็พลันลืมตาตื่นขึ้นมา

                อรุณสวัสดิ์ เอ็น ฮ้าว เทียร์อ้าปากหาว อุ๊บ ข่มใจไว้ๆ เธอไม่ใช่นางฟ้าๆๆ เธอเป็นคนเกือบจะฆ่าเราตั้งหลายร้อยรอบนะ

                ทะ ทำไมเธอถึงมานอนบนเตียงฉันได้ล่ะ

                ก็ข้าเริ่มเบื่อที่จะต้องนอนกลางป่าเขาแบบนั้นนี่น่า ผิวข้าก็เบาะบางนะนอนแบบนั้นนานๆเดี๋ยวผิวข้าก็เสียหมดหรอกแหม่คุณเธอพูดเนี่ยอย่างกับว่าผิวเธออ่อนกว่าฉันนักแหละ ผิวมังกรแม้จะอยู่ในร่างมนุษย์ยังมีความแข็งเทียบเท่ากับผิวร่างอสูรเลยนะ ต่อให้ฟ้าผ่าตรงๆยังไม่แน่เลยว่าจะทำให้ผิวเธอบาดเจ็บได้เลยนะนั่น

                แล้ว อลิซรู้รึเปล่าใช่ๆ ต้องถามก่อนว่าอลิซรู้ไหมถ้าไม่รู้นี่ตรูข้า ได้ตายแหงๆ

                รู้สิเห้อรอดไป แถมยังจัดห้องไว้ให้ข้าแล้วด้วยนะโอ้ๆดีเลยมีห้องเป็นของ....ตัว...เอง...ด้วย

                เห้ยยย! แล้วทำไมไม่ไปนอนห้องของเธอเองเล่า ผมตะโกนออกมาอย่างสุดเสียง

                ก็แหม เตียงเจ้ามันน่านอนกว่านี่น่า ดูท่าจะทำมาจากขนหมาป่าดำสินะส่วนหมอนนี่ยัดไว้ด้วยขนไก่ฟ้า ส่วนผ้าห่มนี่นุ่มแบบนี่คงถลกออกมาจากขนหมีสินะถึงได้อุ่นแบบนี้รสนิยมดีเหมือนกันนี่

                “โฮ่ รู้ดีเหมือนกันนี่ ฉันเป็นคงทำเองหมดนั่นแหละ แหมๆน่าดีใจจริงๆที่มีคนชม เห้ยย ไม่ใช่แล้วถ้าอยากได้ ก็บอกฉันเซ่จะได้ไปทำมาให้ไม่ใช่มานอนห้องฉันแบบนี้ ถ้ายัยอลิซมาเห็นฉันก็ตายเซ่

                “อ้าวถ้ามาเห็นแล้วจะตายเหรอ ถ้างั้นนายคงตายไปตั้งแต่มะกี้แล้วแหละ เพราะเธอยืนอยู่หลังประตูตั้งแต่เมื่อสักครู่แล้วแหละพอเทียร์พูดจบก็ได้ยินเสียงโครมครามมาจากหลังประตู พร้อมทั้งเสียงร้องของอลิซด้วย ผมจึงรีบเปิดประตูออกไป ก็เจอกับอลิซที่ล้มอยู่ เมื่อเธอเห็นผม เธอก็ลุกขึ้นมาแล้วชี้มาที่หน้าผม

                นายคิดอะไรของนายน่ะ ถึงให้เทียร่ามานอนอยู่ที่ห้องของนายล่ะเนี่ย หา ทั้งๆที่ฉันก็อยากมานอนด้วยแท้ๆไอ้ประโยคสุดท้ายนี่ทำเป็นว่าผมไม่ได้ยินละกัน เพราะดูท่าเธอคงไม่อยากให้ใครได้ยินล่ะมั้งถึงได้พูดซะเบาขนาดนั้น แต่ยังไงหูของผมก็ได้ยินอยู่ดีนั่นแหละ

                เห้ๆ ฉันไม่ได้อยากให้เทียร์มานอนห้องฉันสักหน่อย เธอเข้ามาเอง ว่าแต่ เทียร์จะอยู่บนเตียงถึงเมื่อไรออกไปได้แล้วนี่มันห้องของฉันนะ

                “จ้า จ้า ออกไปเดี๋ยวนี้แหละ อ้อเอ็น เมื่อไรนายจะยอมรับข้อเสนอของข้าสักทีล่ะเทียร์พูดพลางเดินออกผ่านประตูไปแล้วมองผมด้วยหางตา

                ขอเวลาอีกฉันอีกสักหน่อยละกันเมื่อเทียร์ได้ยินคำพูดของผม เธอก็หัวเราะแล้วเดินลงไปข้างล่าง ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าเธอจะหัวเราะทำไม

                แต่ว่าอลิซก็ดึงผมเข้าไปหาเธอแล้วจ้องมองผมด้วยสายตาที่ราวกับจะกินเลือดกินเนื้อ

                เอ็น ข้อเสนอที่ว่านั่นคืออะไร

                “ฉันยังบอกไม่ได้

                “หึ คำพูดแบบนั้นแสดงว่าต่อให้ฉันคาดคั้นเท่าไรก็คงไม่ยอมบอกเป็นแน่ อยากบอกเมื่อไรก็บอกละกัน แต่ว่าจงจำไว้ให้ดี ถ้าคิดจะแหกคุกนรกกลางทะเลนี้เมื่อไร นายจะเป็นศัตรูกับฉันทันทีอลิซพูดออกมาโดยแฝงความรู้สึกข่มขู่เอาไว้ด้วย พูดโดยเหมือนกับรู้ว่าผมมีกำลังเพียงพอจะแหกคุกนรกกลางทะเลออกไปได้ เมื่อสิ้นคำพูดแล้วเธอก็เอาปากมาใกล้กับหูของผม

                คืนนี้เที่ยงคืนมาเจอฉันที่ โขดหินที่อยู่ห่างจากที่นี่ไปทางตะวันตก10กิโลเมตรเธอกระซิบแล้วก็เดินจากไป ปล่อยให้ผมประมวลความคิดว่าเธอจะให้ผมไปหาเพื่ออะไรกันแน่

                แต่สุดท้ายเมื่อเวลาผ่านไปหลายนาทีผมก็นึกไม่ออก จึงคิดได้ว่าถ้ามัวแต่คิดอยู่แบบนี้คงไม่ได้ทำอะไรกันพอดีแน่นอน ผมจึงเดินลงไปยังเบื้องล่าง

                เสียงบันไดไม้ที่ดังลั่นเอี้ยดอ้าดนั้น ทำให้ผมอดคิดไม่ได้ว่า คงจะต้องซ่อมในเวลาอีกไม่กี่วันนี้ เมื่อผมก้าวลงมาถึงพื้นนั้น ผมก็พบกับเทียร์ที่กำลังนั่งอยู่บนโซฟา พลางจิบกาแฟและกำลังอ่านนหนังสือของมนุษย์อยู่ แต่พริบตานั้นเหมือนกับว่าผมเห็นภาพในอดีต ที่โฟลเก้กำลังทำกิริยาเดียวกันนี้อย่างนั้นอยู่งั้นแหละ แต่เหมือนผมกระพริบตาอีกครั้ง ภาพนั้นก็เปลี่ยนเป็นเทียร์เช่นเดิม

                หึ ผมคงคิดถึงพวกนั้นเอามากๆเลยล่ะมั้งเนี่ย ผมค่อยๆเดินออกจากประตูบ้านไป ก็พบซากสัตว์ประหลาดขนาดมหึมา ที่ผมเป็นคนล่าเอาไว้ มาตอนนี้เหลือซากของตัวอะไรสักอย่างนี้ประมาณครึ่งนึง คงเป็นอลิซล่ะมั้งที่แล่เนื้อไปได้เยอะขนาดนี้ จู่ๆท้องผมก็ร้องขึ้นมา ผมเลยเดินเข้าไปใกล้ๆสัตว์ตัวนั้น แล้วใช้มีดที่ผมพกไว้ที่ขาออกมาแล่ออกมาเป็นชิ้นขนาดพอๆกับขาของหมาป่า

                เมื่อแล่ออกมาได้แล้วผมก็จัดการเอาเข้าครัวไป แล้วจุดไฟทำการย่างมันซะ กลิ่นหอกคุกกรุ่นโชยออกมา ทำเอาเทียร์ที่เคยอยู่ห้องนั่งเล่นออกมาดู

                เอ็น ทำอะไรน่ะ

                “อาหารไงล่ะ จะเอาด้วยไหมล่ะผมพูดพลาง เอามือค่อยๆพลิกเนื้อ ก็ไม่ค่อยน่าเชื่อเหมือนกันว่าเจ้าตัวอะไรบางอย่างนี่จะดูน่ากินขนาดนี้

                เอาสิ แต่ข้าขอแบบยังมีเลือดติดนั่นสินะถ้าเป็นคำของพวกมนุษย์ คงจะเป็น แรร์ สินะ

                อาได้สิ แรร์สินะแต่รอสักครู่ของฉันมันระดับ มีเดียม แรร์ คงกินไม่ถูกปากเธอหรอก เมื่อผ่านไปสักพัก เมื่อผมคิดว่ากำลังจะได้ที่ ผมก็ทิ้งไว้ แล้วไปแล่มาอีกก้อนเพื่อทำให้เทียร์

                ผมค่อยๆนำเนื้อก้อนนั้น ไปย่างไฟที่อีกเตานึง เมื่อเวลาผ่านไปไม่นานผมก็เอามีดปาดมือของตัวเอง แล้วทาไปทั่วทั้งก้อน

                หากจะถามว่าทำทำไม ก็ขอตอบว่าไม่ทำแบบนี้เทียร์คงคิดจะทำร้ายผมจนสาหัสอีกรอบน่ะสิ เมื่อผมมองไปยังเทียร์ก็พบว่าคุณเธอทำท่าเหมือนกับสัตว์ที่หิวกระหาย และหัวเราะแบบแปลกๆ อีกด้วย แต่ผมก็ทำเป็นไม่สนใจ แต่เมื่อถึงเวลาผมก็เอาเนื้อส่วนของผมที่ได้ทีแล้วมาใส่ลงไว้ในจานขนาดพอดีแล้วนำไปวางไว้ที่โต๊ะ

                เอ็นเมื่อไรจะเสร็จล่ะ ข้ารอนานแล้วนะ อีกอย่างเลือดที่มือเจ้าก็น่าอร่อยด้วย ชักเริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเธอเป็นแวมไฟร์ หรือ มังกรกันแน่ เมื่อผมมองไปที่มือตัวเอง ก็พบว่ามันยังไม่หยุดไหลดีนัก เมื่อผมกำลังคิดว่าปล่อยไว้สักพักเดี๋ยวก็คงหายไปเองนั้น

                เทียร์ก็กระโดดเข้ามาแล้วเลียที่มือผม ทำเอาผมสะดุ้งตกใจรีบถอยหนี

                ทะ ทำอะไรของเธอน่ะ

                ก็แค่รักษาบาดแผลเอง หึหึเธอหัวเราะ ไม่สิ มีความสุขเรอะ

                เดี๋ยวๆ นั่นเนื้อเธอสุกแล้ว ฉันขอเอาจัดลงจานก่อนนะไปนั่งที่โต๊ะไป ผมรีบชี้ไปที่โต๊ะอาหารที่ตั้งอยู่ไม่ไกลนัก

                ชิ ก็ได้ เธอสบถออกมาอีกแหนะ พลางเดินไปที่โต๊ะด้วยท่าทางที่ผิดหวังนิดๆ

                เห้อจะเอาไงดีล่ะเนี่ย เอาแบบเธอไม่ต้องมาตามรังควานเราขณะที่เรากำลังกินอาหารอยู่ เอาแบบนี้แล้วกันถึงจะเจ็บนิดหน่อยก็เหอะ เมื่อคิดได้แบบนั้นแล้วผมจึงหยิบแก้วมาแก้วนึง แล้วปาดมือตัวเองอีกรอบ แล้วเทเลือดตัวเองลงไปในแก้ว คงมีแต่คนบอกว่าผมบ้าสินะ ผมไม่สนหรอก ถ้าไม่ทำแบบนี้มีหวังเสียเลือดมากกว่านี้อีกสิบเท่าแหงๆ 

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×