คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #4 : ทดสอบเข้ากองอัศวิน
บทที่4 ทดสอบเข้ากองอัศวิน
“โอ้ โห เราเป็นเศรษฐีในเมืองมนุษย์ได้สบายๆ เลยนะเนี่ย” เฟลมเมอร์พูดขึ้นมา อืมเราเป็นเศรษฐีในเมืองมนุษย์ได้สบายๆเลย
“เอาล่ะ ฉันขอขึ้นไปดูห้องของฉันหน่อย” เกล็นเก็บกระเป๋าแล้วขึ้นไปข้างบน ผมขอไปด้วยสิ ผมรีบเดินตามหลังเกล็นไป ซึ่งข้างหลังผมมีเฟลมเมอร์ตามมาติดๆข้างบนนี้มีห้องอยู่ 3ห้องแถมเป็นห้องที่มีห้องน้ำในตัวอีกต่างหาก ผมเอาห้องที่เล็กที่สุดเพราะไม่มีของอะไรมากมาย เกล็นเอาห้องที่มีหน้าต่างกับระเบียง ถึงจะเป็นห้องขนาดกลางๆก็ตาม ส่วนเฟลมเมอร์ คงจะประมาณว่า มีหน้าต่างหรือไม่มีไม่เป็นไรขอใหญ่ไว้ก่อน ในห้องของผมมีเตียงเดี่ยวหนึ่งเตียง ตู้เสื้อผ้าหนึ่งตู้กับชั้นวางของ อ้อ มีหน้าต่างบานเล็กๆด้วยล่ะ ผมเริ่มเอาเสื้อผ้าในกระเป๋า ซึ่งเป็นเสื้อผ้าของผมเอง สีดำทมิฬ แตกต่างจากเสื้อผ้าสีขาวรสนิยมสุดจะบรรยายของเกล็น พอผมเห็นแบบนี้ผมก็เริ่มยุทธการ เลาะลายแปลกๆ ออกจากเสื้อและกางเกง โดยใช้ชุดเย็บผ้าที่ผมเอามาด้วย ระหว่างที่ผมกำลังหาชุดเย็บผ้าจากกระเป๋าผ้าของผม ผมก็เจอกับสิ่งๆหนึ่งที่ร่วงลงมาจากกระเป๋า นั่นคือผลึกอสูรที่ราชาอสูรให้มา ผมจะทำยังไงกับมันดีล่ะเนี่ย ไม่รู้ด้วยสิว่าจะทำให้มันตื่นยังไง ผมเลยเก็บมันไว้ในลิ้นชักของตู้ อ๊ะเจอแล้ว ผมเริ่มเลาะทีละน้อยๆ จนกระทั่งเลาะส่วนที่เป็นลายแปลกๆออกไปจาก เสื้อ และกางเกงเสร็จเรียบร้อย ผมก็สวมเสื้อผ้าแล้วก็จัดห้องให้เรียบร้อย เพราะดูท่าจะต้องอยู่อีกนาน ผมเดินออกจากห้องแล้วปิดประตู จากนั้นจึงลงไปข้างล่าง ซึ่งมี เกล็นกับเฟลมเมอร์นั่งรออยู่ที่ห้องนั่งเล่นอยู่ก่อนแล้ว เฟลมเมอร์ทำแบบผมเลยคือ เลาะเจ้าลายแปลกๆนั่นออกไป แต่แตกต่างกันตรงที่ เพิ่มลวดลายของตัวเองลงไปด้วย เอาน่า ลวดลายยังไงก็ดูดีกว่าของเกล็นล่ะนะ ส่วนเกล็นก็ทำหน้าเฉยเมยไม่ว่าเรื่องที่เลาะออกไปและกำลังนั่งอ่านหนังสือพิมพ์พร้อมกับจิบน้ำชา ซึ่งน่าจะเป็นหนังสือพิมพ์ของมนุษย์ จากที่ศึกษามาจากที่โรงเรียนดูเหมือนว่าการทำแบบนี้จะเป็นกิจวัตรประจำวันของพวกมนุษย์นะ อย่างนี้เขาเรียกว่าเข้าเมืองตาหลิ่วต้องหลิ่วตาตามสินะเนี่ย เอแต่ว่ามันดูขัดที่เด็กอายุ5ขวบ อ่านหนังสือพิมพ์นะเนี่ย ผมเดินไปนั่งบนโซฟาด้วย โอ้ มีชาให้ด้วยแฮะ ผมยกขึ้นมาแล้วซดเข้าไปรวดเดียว สุดยอด! กลิ่นหอมหวานละมุนมากเลย
“เอาละ แล้วจะทำยังไงต่อดีล่ะ ในเมื่อก็ได้ที่พักแล้ว” เฟลมเมอร์พูดไปทางเกล็น เอ เพิ่งสังเกตแฮะว่า เฟลมเมอร์เลิกทำเสียงสั่นแล้ว เกล็นพับกระดาษหนังสือพิมพ์แล้ววางไว้บนโต๊ะ จากนั้นก็จิบน้ำชาอีกหนึ่งอึกแล้วค่อยวางบนโต๊ะ
“ไปหาข่าวทางการทหารโดยใช้วิธีแฝงตัวเข้าไปในกองอัศวิน” เกล็นพูดออกมา คำนี้เล่นทำเอาผมกับเฟลมเมอร์สะดุ้งเลย
“แฝงตัวเข้าไปในกองอัศวินเนี่ยนะ”เฟลมเมอร์ ทวนคำพูด
“เอาล่ะ เราไปหาที่ปราสาทนั่นกันหน่อยเถอะ” เห้ๆเกล็นไม่คิดจะถามความคิดเห็นพวกเราหน่อยงั้นเรอะ แต่ก็นะ เกล็นลุกจากโซฟาแล้วเดินออกจากประตูไปแล้ว ผมเลยเดินออกไปมั่ง ตามมาด้วยเฟลมเมอร์ จากนั้นเกล็นก็ใช้กุญแจล็อคประตู แล้วค่อยเดินนำหน้าไป เอ๊ะเกล็นเอากระเป๋าที่ใส่เงินมาด้วยแฮะ พวกเราเดินไปตามทางมุ่งหน้าสู่ปราสาทของมนุษย์ ซึ่งคนก็เริ่มหนาแน่นขึ้นมากทุกที ที่เราเข้าใกล้ปราสาท โดยเฉพาะคนที่อายุประมาณพวกเราจะเห็นได้เป็นส่วนใหญ่ แต่ว่ามักจะมีผู้ใหญ่ยืนอยู่ข้างๆ เสมอ เด็กบางคนนี่ท่าทางเย่อหยิ่งชะมัด แต่พอเราเดินไปชนเข้ากลับร้องไห้โวยวายแล้ววิ่งแจ้นไปหาพ่อแม่ แต่พวกเราทำเป็นไม่สนใจแล้วเดินต่อไป โธ่เอ้ย พวกมนุษย์นี่แค่นี้ก็เอะอะโวยวายซะแล้ว แบบนี้ไง มนุษย์ถึงได้อ่อนแอ แต่ก็มีบางคนที่เราเดินชนก็ไม่เป็นอะไรแล้วก็เป็นฝ่ายขอโทษเราอีก อืม สาเหตุที่เราเดินชนก็เพราะ ทดสอบเด็กชาวมนุษย์ซึ่งทุกๆครั้งเกล็นจะแกล้งทำเป็นว่ามันคืออุบัติเหตุ ในที่สุดเราก็มาถึงหน้าประตูปราสาท เอ๊ะเขาต่อคิวอะไรกันน่ะ แถมพวกที่ต่อคิวมีแต่พวกเด็กๆซึ่ง จะมีพวกอัศวินคุมแถวเอาไว้อยู่ เกล็นเลยเดินไปถาม แล้วก็เดินกลับมา
“พวกนี้เข้าแถวทดสอบเข้าเป็นหน่วยอัศวินเด็ก น่ะสิ” เกล็นบอก เหมีคนอยากเข้าหน่วยอัศวินมากขนาดนี้เชียว เผ่าอสูรเรามีคนอยากเป็นเพียงแค่10 คนเท่านั้นเองและพวกเราก็เป็นผู้ทดสอบผ่านซะด้วย พวกผมจึงตกลงกันว่าก็เข้าแถวมันนี่แหละ พวกผมเดินไปเข้าแถว ซึ่งแถวก็สั้นลงเรื่อยๆ พลางเห็นผู้ทดสอบไม่ผ่านกันเยอะแยะ เข้าไปกี่คน ไม่ผ่านกลับออกมาบาดเจ็บเท่านั้นคนเลยล่ะนะ จนกระทั่งถึงตาพวกเรา
“อ้าว พวกเธอนี่เอง”....คนที่คุมโต๊ะเข้าเมืองเมื่อเช้านี้นี่น่า
“สวัสดีครับ เอ่อ.....” เกล็นเดินออกมาทำท่าเหมือนจะพูดชื่อ แต่ดันลืมไปว่าเขายังไม่ได้บอกชื่อเราเลย
“อ้อ ลืมบอกชื่อฉันไป ฉันชื่อ เอ็กเซล ไดมอน เรียกว่าไดมอนก็ได้นะ” อ๋อชื่อไดมอนนี่เอง ชื่ออย่างกับอัญมณีเลยแฮะ
“สวัสดีครับ คุณไดมอน พวกผมจะมาทดสอบเข้ากองอัศวินน่ะครับ” เฟลมเมอร์เดินออกไปจับมือด้วยรอยยิ้ม โอ้โห เฟลมเมอร์มีมนุษยสัมพันธ์ดีขนาดนี้เชียว
“โอ้ มาเลยๆ พวกเธอนี่กล้าหาญมากคิดจะมาด้วยตนเองเลยเหรอนี่ แตกต่างจากพวกเด็กคนอื่นลิบลับเลย เด็กคนอื่นนะงอแงไม่อยากมาแต่โดนพ่อแม่บังคับ ถ้าเป็นคนกล้าหาญอย่างพวกเธอต้องทดสอบผ่านแน่ๆ” โอ้โหงั้นแสดงว่าที่เห็นทั้งหมดนั้นคือ....โดนพ่อแม่บังคับมางั้นสินะ จากนั้นคุณไดมอนก็ลุกขึ้นพาเราเข้าไปในปราสาท ตามทางเดินปูด้วยหินอ่อนทั้งหมด มีผ้าปูทางสีแดง แต่ก็มีพวกเครื่องมือที่ไม่รู้จักตั้งอยู่มากมาย แต่เพื่อไม่แดงออกว่าพวกนั้นคืออะไร ก็เลยไม่ถาม จนกระทั่งก็มาหยุดอยู่ที่ห้องๆหนึ่ง
“เอาละ อัศวินอย่างพวกเธอไม่ต้องทดสอบร่างกาย แต่ทดสอบความสามารถในการใช้อาวุธแทน เอาล่ะเข้าไปเลยทั้ง3คน” คุณไดมอน พูดแล้วเปิดประตูออกมา พวกเราจึงเดินเข้าไป ข้างในเป็นห้องสีขาวโล่งๆไม่มีอะไรเลย จากนั้นประตูก็ปิดลง เอ๊ะปิดทำไมน่ะ คิดจะขังเราไว้งั้นเหรอ.....หรือว่า! รู้ตัวจริงของพวกเราแล้ว
“เห้ คิดจะขังเราไว้งั้นเหรอ” ผมหันหลังกลับไป.....ประตูไม่อยู่แล้ว อะไรกัน
“เปล่า แค่จะทดสอบพวกเธอเท่านั้น หัวข้อคือใช้อาวุธอะไรก็ได้ในห้องนี้ แล้วอยู่รอดจนถึง10นาที”จู่ๆ ก็มีเสียงจากที่ไหนก็รู้ดังขึ้น แต่รู้แค่ว่าเป็นเสียงของคุณไดมอน เมื่อกี้เขาบอกว่าให้เอาชีวิตรอดใน 10 นาทีงั้นเหรอ ไม่คิดว่ามันยากเกินไปสำหรับเด็กรึไง เมื่อสิ้นเสียงพื้นลอยขึ้นมากลายเป็นห้องเล็กๆ1ห้อง ในนั้นมีอาวุธเต็มไปหมดทั้งปืน ดาบ ขวาน ค้อน ธนู มีด ทวน หอกฯลฯ และก็มีอาวุธที่ไม่รู้ว่าเป็นอะไรอีกอยู่มากมาย
“เอาไงดีล่ะเกล็น”ผมลองถามเกล็นดู
“ลองสู้ไปก่อนเถอะ อีกอย่างอย่าให้พวกนั้นรู้ตัวจริงของเราจากฝีมือล่ะ เลือกอาวุธที่ตัวเองไม่ถนัดที่สุดซะ” เกล็นกระซิบบอกผม แล้วเกล็นก็เดินเข้าไปในห้องที่มีอาวุธเต็มไปหมด ซึ่งเฟลมเมอร์เดินเข้าไปก่อนแล้วซึ่งกำลังเลือกอาวุธอยู่ แต่ส่วนใหญ่ที่หยิบออกมาเหมือนจะเป็นปืนทั้งนั้นเลยแฮะ ส่วนเกล็นไปหยิบมีดมา1เล่ม แล้วเดินออกมาทันที นี่ไม่คิดจะเลือกเลยใช่ไหมนั่นน่ะ เมื่อเห็นแบบนั้นผมเลยเดินเข้าไปหยิบมาแค่ดาบเล่มเดียว เป็นดาบเล่มเล็กๆไม่มีอะไรพิเศษมากมาย แต่มันดันดึงดูดผมตั้งแต่ครั้งแรกที่เห็นเลยล่ะนะ แล้วผมก็เดินออกมา ทันทีที่ผมก้าวออกจากประตู ห้องนั้นก็เลื่อนลงไปข้างล่างกลายเป็นพื้นสีขาวเปล่าๆ ธรรมดา แล้วศัตรูที่ให้สู้ด้วยล่ะ ขณะที่ผมกำลังคิดอยู่นั้นเอง ก็มีแสงสว่างวาบออกมาตามจุดต่างขนาดเส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 1 คนยืนได้ น่าจะมีมากกว่า10กว่าจุด เมื่อแสงหายไป ก็ปรากฏเป็น พวกสัตว์ที่หน้าตาคล้ายหมาป่า นี่มันพวกที่เราล่านี่น่า
“เอาล่ะ พวกเธอพวกนี้เป็นสัตว์ป่าที่อยู่ในเขตของพวกอสูร อย่าดูถูกพวกมันเชียวนะพวกมันแข็งแกร่งมาก เอาล่ะภายใน10นาที พวกเธอจะต้องเจอกับเจ้าพวกนี้กว่า18ตัว ทีนี้จะเป็นฝ่ายฆ่าหรือเป็นฝ่ายถูกฆ่ากันล่ะ การผ่านก็ง่ายๆ จะอยู่รอดถึง10นาทีแล้วพวกมันจะหายไปเอง หรือจะฆ่าพวกมันทิ้งให้หมดแล้วผ่านการทดสอบเลยก็แล้วแต่พวกเธอล่ะนะแต่ฉันว่า อย่างพวกเธอน่ะแค่อย่างแรกก็น่าจะทำไหวล่ะนะ ไม่ต้องไปถึงอย่างที่2หรอก” เจ้าพวกนี้นี่นะแข็งแกร่ง ผมชักดาบออกมา ทันทีที่ผมเห็นใบดาบก็รู้ได้เลยว่าคุณภาพเยี่ยมยอดขนาดไหน เพราะว่าใบดาบไร้รอยขีดข่วน และคมมากๆ อีกอย่างยังทำจากเหล็กคุณภาพสูงที่แข็งแกร่งมากๆ ตอนที่ผมกำลังคิดอะไรเพลินอยู่นั้นเอง หมาป่าตัวหนึ่งก็กระโจนเข้ามาหาผม ผมแกว่งดาบฟันลงที่คอของหมาป่าอย่างแม่นยำ จนคอของหมาป่าขาดเป็น2ท่อน ราวกับว่าการโจมตีครั้งนีเป็นเหมือนการประกาศสงครามอย่างงั้นแหละ พวกหมาป่าเลยพากันกระโจนเข้ามาจากทุกทิศทุกทาง เฟลมเมอร์เห็นดังนั้นจึงใช้ปืนที่หยิบมาจากห้องอาวุธนั่นกราดยิงออกไป เหมือนเห็นว่ายิงมั่วๆแต่กลับกลายเป็นว่า โดนหมาป่าแทบจะทุกนัด ส่วนเกล็นนั้นทั้งๆที่เห็นว่าหยิบมีดมาอย่างเดียวกลับมีเชือกมาจากไหนก็ไม่รู้ผูกไว้กับตัวด้ามจับ เมื่อเกล็นปาออกไป.....เหลือเชื่อ ปักเข้ากลางหน้าอกอย่างแม่นยำ หมาป่าตายคาที่แน่นิ่งไม่เคลื่อนไหว เกล็นใช้เชือกดึงมีดออกมาน แล้วตวัดใบดาบเฉือนคอหมาป่าอีกหนึ่งตัว ทั้งที่ตัวเองบอกว่าให้ออมมือแท้ๆเลยนะ หรือว่านี่คือการออมมือของเกล็นกันหว่า ถ้าใช่ล่ะก็ เกล็นนี่น่ากลัวจริงๆ เห็นแบบนี้ผมก็ไม่ยอมแพ้หรอก ผมหันหลังไป ก็เจอกับเขี้ยวสีเงินอันแข็งแกร่งของหมาป่า เหวอ! แย่แล้วๆ ผมกระโดดขึ้นข้างบนหลบการขย้ำของหมาป่าได้อย่างหวุดหวิดเลยทีเดียว รอดตัวไปที แต่ว่าตอนบงพื้นนี่สิ ตอนนั้นเองมีหมาป่าตัวหนึ่งกระโดดขึ้นมา คิดจะฆ่าผมให้ได้เลยใช่ไหม ผมแกว่งใบดาบฟันผ่ากลางตั้งแต่หัวจนถึงปลายหาง ชิไม้สนุกเอาซะเลย รีบๆทำให้จบไปสักทีได้ไหม ตอนที่เท้าผมแตะพื้นนั้นเอง หมาป่าอีกตัวก็พุ่งเข้ามาหาผมในทันที ลืมไปเลยแฮะว่ายังมีอีกตัวผมใช้เท้าถีบเข้ากลางลำตัวของหมาป่าจนกระเด็นออกไป
“นี่เกล็น” ผมพูดออกมา
“มีอะไร”เกล็นตอบกลับมาด้วยน้ำเสียงหงุดหงิด
“เอาให้มันจบตอนนี้เลยได้ไหมฉันเบื่อแล้ว”ผมพูดออกไปพลางใช้ดาบยันไว้กับหมาป่าที่พุ่งเข้ามาอีก 1ตัว
“แต่พวกนั้นจะสงสัยเอานะ”เฟลมเมอร์หันปากกระบอกปืนแล้วลั่นไก ไปที่หมาป่าที่ผมกำลังยันไว้อยู่ ไม่น่าเชื่อว่าเฟลมเมอร์จะพูดแบบนี้ออกมานะเนี่ย
ความคิดเห็น