คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #16 : กลับมาแล้ว
บทที่16 กลับมาแล้ว
ยามเช้าที่ตะวันสาดแสงส่องมาแตะต้องผืนหญ้า สะท้อนกับหยาดละอองน้ำทำให้ดูระยิบระยับ และมีทะเลสีฟ้าอยู่เป็นฉากหลังทิ้งเกาะนรกไว้เป็นเพียงอดีต แล้วก้าวเดินต่อไปข้างหน้า
ขณะนี้ตัวผมเอ็นไรเมียวจิก็กำลังกลับสู่บ้านเกิดเมืองนอน ความรู้สึกที่ตื่นเต้นและตื้นตันจนทำให้หัวใจของผมสั่นอย่างไม่เป็นจังหวะ
“เอ็นอีกไม่นานก็ถึงแล้วล่ะนะ จัดเสื้อผ้าให้เรียบร้อยหน่อยสิ อ้อ ผู้ติดตามทั้ง 2 ของนายน่ะเป็นใครบ้างก็ช่วยแนะนำหน่อยสิ อ้อแน่นอนแฟนนายด้วยนะ” เสียงที่ยียวนกวนประสาทของลามูสนั้นดังขึ้น ทำเอาตัวผมสะดุ้งตกใจในคำพูดสุดท้าย
ซึ่งในเวลาไม่นานหลังจากที่ลามูสพูด ก็ถูกอลิซที่เกาะอยู่บนหลังผมถึงเมื่อสักครู่กระโดดออกไปถีบ
“ใครเป็นแฟนเอ็นกันล่ะยะ เป็นแค่อสูรแท้ๆอย่ามากวนประสาทฉันนะ” อลิซตะโกนออกมาแล้วยังกระทืบซ้ำลงไปที่ลำตัวของลามูสอีกหลายครั้ง
ฮะฮะ ลามูสเอ๋ยเจ้าจะเจอแบบนี้ต่อไปเรื่อยๆนะถ้ายังพูดแบบนั้นอยู่อีก
“ท่านเอ็น ข้าขอแนะนำตัวกับพวกพ้องของท่านก่อนนะขอรับ” เฟนริวก้าวออกมาแล้วหันหน้าไปทางทุกคน
“ตามสบายเลย”
“ข้านั้นมีนามว่า เฟนริว เจ้าชายแห่งเผ่าพันธ์หมาป่านรก ข้ารับใช้ของท่านเอ็นที่สูงส่ง และ ตัวข้านั้นเป็น ครึ่งอสูร ครึ่งสัตว์เทพ” เฟนริวเอ่ยออกมาแวบนึงผมสาบานได้ว่าอลิซหันมาเหลือบมองแวบนึง
เมื่อเฟนริวเอ่ยจบแล้ว ก็กลับมายืนอยู่ด้านหลังของผม จากนั้นเทียร์ที่ยืนอยู่ข้างๆผม ก็เดินเอ่ยแนะนำตัวบ้าง
“คิคิคิ เอ็นเจ้าก็มีสหายที่ดีเหมือนกันนี่น่า เอาล่ะข้าแนะนำตัวบ้างละกัน ข้านั้นมีนามว่าเทียร่า ชาออส อ้อพวกเจ้าอย่าเรียกข้าว่าเทียร์นะเดี๋ยวหาว่าไม่เตือน เรียกชาออสก็ได้ จริงสิๆต้องบอกด้วยสินะว่าข้านั้นเผ่าอะไร สัตว์เทพ มังกร” สิ้นคำพูดของเทียร์เธอก็แวบมาอยู่ที่ข้างหลังผมแล้ว อ้าปากเล็กน้อยเผยฟันสีขาวแวววาออกมาแล้วกัดงับเข้าที่คอของผม
ลามูส โฟลเก้ ไอริช อลิซ ที่เห็นดังนั้นก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาลากเธอออกไป แต่ผมยกมือห้ามไว้ก่อน เพียงไม่นานเธอก็ถอนริมฝีปากออก หลงเหลือไว้เพียงรอยเลือดที่อยู่บนคอของผมเท่านั้น ผมค่อยๆเอาขนหมาป่ามาปิดไว้ ทันทีที่ผมจับความรู้สึกสงสัยบนใบหน้าของทุกคนได้ เทียร์ก็หัวเราะออกมาแล้วก็เดินกลับมาอยู่ที่ข้างตัวของผม
“เรื่องปกติ อลิซตาเธอแล้ว”
“เฮอะ ฉัน อลิซ ชาเร็น อัศ....ไม่สิ อดีต อัศวินขั้น 4 ผู้ร้ายหลบหนี จะเรียกอะไรก็แล้วแต่เถอะพวกอสูรชั้นต่ำ” สิ้นคำพูดที่เป็นประโยคชวนหาเรื่อง ไม่สิคงมีเรื่องกันไปแล้วล่ะถ้ายังไม่เห็นแก่หน้าของผมล่ะนะ
“อลิซเธอพูดแบบนี้อีกแล้วนะ ยังไงเธอก็มีส่วนหนึ่งของอสูรอยู่ในตัวก็เป็นสิ่งที่ปฏิเสธไม่ได้นะ” ผมพูดขึ้น ซึ่งอิลซก็เบือนหน้าหนีไปทันที
“เอ็นไปได้แล้ว เราจะเข้าเขตป่าอสูรแล้ว” โฟลเก้พูดออกมา ก็ทำให้ขบวนการเดินทางของเรานั้นได้สาวเท้าเข้าไปยังป่าอสูร
กลิ่นที่เต็มไปด้วยพืชไม้ใบหญ้าที่แตกต่างจากที่อื่น พร้อมทั้งมีกลิ่นคาวเลือดลอยปะปนมากับอากาศจางๆ นี่แหละกลิ่นที่ชวนน่าคิดถึง กลิ่นของป่าอสูร
ทันทีที่ผมเข้ามาในป่าอสูร ผมก็พลันเกิดความรู้สึกที่ไม่ได้สัมผัสมานาน ความรู้สึกที่อยากกระโดดปีนป่ายอยู่บนต้นไม้ ผมจึงทำตามความรู้สึกนั้นในทันที กระโดดขึ้นไปยังยอดต้นไม้ที่สูงกว่า 10 เมตร กระโจนไปต้นข้างๆ อย่างรวดเร็วและว่องไว เพียงไม่นานสัตวย์ในป่าก็เริ่มรู้สึกผิดสังเกต ก็ค่อยๆเดินออกมาดูราวๆกับจะถามว่าเกิดอะไรขึ้น เมื่อผมลองมองดูรอบๆ ทั้งผมทั้งลามูส โฟลเก้ ไอริช และแม้กระทั่งเฟนริวก็อยู่บนยอดต้นไม้ ณ ข้างล่างนั้นก็มีเพียงอลิซและ เทียร์ที่กำลังสนทนาอะไรสักอย่างอยู่
“ทำไมพวกเขาถึงทำแบบนั้น และแม้แต่ฉันก็ยังอยากจะทำแบบนั้นล่ะเทียร่า” อลิซพูดขึ้น
“หึหึ ไม่แปลกหรอกอลิซ สัญชาตญาณของอสูรทุกตนเป็นแบบนั้น ความรู้สึกยามเมื่อไม่ได้กลับบ้านมานานแสนนาน ป่าอสูรเป็นพื้นที่สำหรับอสูร ความรู้สึกเหล่านั้นจะเปล่งออกมา แม้กระทั่งเจ้าหรือเฟนริวก็ยังเกิดความรู้สึกแบบเดียวกัน เหมือนราวกับว่า ป่ากำลังบอกว่า ยินดีที่ได้กลับมาอะไรอย่างนั้น เจ้าปล่อยตัวไปตามสัญชาตญาณเถิด” เมื่ออลิซได้ฟังคำพูดของเทียร์แล้วก็อึ้งไปสักพักแล้วก็ยิ้มออกมา แล้วก็กระโดดขึ้นมาบนยอดต้นไม้อย่างรวดเร็ว เสมือนกับว่าพวกเรากำลังเล่นวิ่งไล่จับกันอยู่ กระโดดไปมาอย่างรวดเร็ว
ซึ่งเทียร์เห็นแบบนั้นก็หัวเราะอย่างเริงร่า แล้วก็สยายปีกมังกรออกมาแล้วบินขึ้นสูงเสียดฟ้า
“โฟลเก้ ลามูส เรามาดูซิว่าใครจะถึงก่อน เมื่อ 13 ปีก่อนฉันตามนายไม่ได้เลยนะโฟลเก้” ผมพูดขึ้น
“เอาสิ เอ็นฉันอยากรู้จริงๆเลยว่า ไปอยู่บนเกาะนรกนั้นแล้วนายได้อะไรกลับมาบ้าง” ลามูสพูดขึ้นพร้อมกับหยุดยืนอยู่ที่ยอดต้นไม้ต้นหนึ่ง
“ได้สิ” แม้โฟลเก้จะพูดน้อยแต่ผมก็เห็นได้ว่า โฟลเก้กำลังยิ้มอยู่ พร้อมกับที่หยุดอยู่บนต้นไม้ต้นใกล้ๆ ตอนนี้พวกเราสามคนยืนอยู่บนยอดต้นไม้ที่เป็นขนาบเดียวกันหันหน้าไปทางเดียวกัน หันหน้าเข้าสู่เมืองอสูร
“พร้อมนะ” ผมพูดขึ้น
“อา แม้จะเป็นการแข่งย่อมๆ” ลามูสพูดขึ้น
“เราก็จะขอให้คำสัตย์ว่า” โฟลเก้เอ่ย
“จิตแห่งอสูรสถิตอยู่กับเรา” สิ้นคำที่ผมพูดออกมา ตัวผมก็พุ่งตัวกระโดดออกมาด้วยความเร็วสูงสุด ยอดต้นไม้ทั้งสามหักโค่นลงมาในทันทีที่ตัวของพวกเราหายไปจากโสตประสาทของไอริช อลิซ
พุ่งตัวออกมาโดยที่ไม่จำเป็นต้องแตะยอดต้นไม้อื่นอีกเลย เพียงไม่นานก็เห็นเมืองอสูรที่อยู่ลิบๆ
“เอ็นนายเร็วขึ้นนะ แต่ว่าไม่พอหรอก” โฟลเก้พูดขึ้นแล้วก็มีแท่นน้ำแข็งปรากฏขึ้นกลางอากาศ พริบตานั้นโฟลเก้ก็ใช้น้ำแข็งเป็นแท่นเหยียบเพิ่มความเร็วให้ตัวเอง จนแซงหน้าไปอย่างรวดเร็ว
“อย่าไปยอมเซ่ เอ็นฉันไปก่อนล่ะ” สิ้นเสียงโฟลเก้ก็หยิบปืนคู่ออกมา แล้วยิงไปด้านหลังปรากฏเป็นไฟกลายเป็นไอพ่นพุ่งไปข้างหน้า ตามโฟลเก้ไปติด
“ขี้โกงนี่น่า ได้” ผมเอ่ยขึ้นก็ฟันมือไปด้านหน้ากลายเป็นรอยแยกของอากาศออกมา
‘วิชาแหงเทียร์ แหวกมิติ’ ผมเข้าไปในช่องมืดดำนั้น มาโผล่อีกทีก็หน้าเมืองอสูร แต่ว่าความเร็วนั้นไม่ได้หยุดไปด้วย ซวยแล้ว
บรึม!! เกิดหลุมยุบจากโดยตัวผมเป็นศูนย์กลางอยู่ที่ด้านหน้าเมืองอสูร ไม่นานนักโฟลเก้ ก็ลอยมาถึง ตามมาด้วยลามูส
“ฉันคนแรก” ผมพูดขึ้น
“ชิเล่นใช้วิชาสายความมืดนี่น่า” ลามูสเอ่ย
“เก่งขึ้นมากเลยนี่เอ็น” พอโฟลเก้ชมแล้วรู้สึกดีใจแฮะ
“นี่ฉันมารอพวกนายตั้งนานแล้วนะ” จู่ๆเสียงที่นุ่มลื่นของเทียร์ก็ดังขึ้น พอฝุ่นจางหายไป ก็พบเจอกับเทียร์ที่กำลังนั่งเล่นอยู่พร้อมกับที่ อลิซกำลังมองดูรอบๆอย่างสนอกสนใจ เฟนริวก็หมอบอยู่ข้างๆ ส่วนไอริชก็ค่อยเดินอย่างสงบเสงี่ยมมาเกาะอยู่ที่ข้างๆผมตั้งแต่เมื่อใดก็ไม่ทราบได้
นี่คุณเธอไม่วิตกกังวลเลยเรอะ ผมค่อยๆมองดูเมืองอสูรที่ไม่ได้กลับมาซะนาน จากนั้นไม่นาน ผมก็ได้ยินเสียงแตรเฉลิมชัย ประตูเมืองค่อยๆเลื่อนลงมา สิ่งที่ปรากฏแก่สายตาคือชาวเมืองอสูรที่กำลังรายล้อมไปหมดอยู่ภายในเมือง ถูกกั้นไว้ด้วยทหาร ถือธงชัยเป็นทางยาวทอดตรงไปยังใจกลางเมือง
“ยินดีต้อนรับกลับมานะเอ็น ไปกันเถอะ” โฟลเก้พูดขึ้นแล้วเดินสาวเท้านำไปข้างหน้า
“นี่มันอะไรน่ะ” ผมเอ่ยขึ้นอย่างตกใจ
“ฉลองให้กับการกลับมาของเทพอสูรไงเล่าไปถอะน่า” สิ้นคำพูดของลามูส ผมก็เดินก้าวเข้าไปผ่านประตูเมือง
ผมในที่สุดก็ได้กลับมา กลับมาถึงบ้านสักที
ความคิดเห็น