คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #14 : การพบกันอีกครั้ง
“เอ็น...ลาก่อน” สิ้นคำที่เธอพูดผมก็จับสัมผัสได้ถึงสายลมอันคมกริบที่กำลังจะถึงตัว ช่างเงียบสงัดเสียเหลือเกิน ช่วงเวลาเพียงเท่านี้ก็คงพอแล้วสินะ ผมไม่เสียใจเลย จุดจบของผมมันควรที่จบตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนแล้ว ลาก่อนชีวิตของฉัน.........แต่ทันทีที่ผมลำลึกความหลังเสร็จผมก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดก่อนตายไดที่...ใบหน้า
ในทันทีที่ผมรู้ว่าส่วนที่เจ็บนั้นไม่ใช่เกิดจากการแทง แต่เป็นการถูกอัดกระแทกอย่างแรงที่ใบหน้า ตัวผมก็กระเด็นไปกระแทกเข้ากับต้นไม้ใกล้ๆนั้นอย่างรุนแรง จนผมกระอักเลือดออกมา เมื่อผมเงยหน้าขึ้นมา ก็พบว่าเบื้องหน้าผมมีชายคนหนึ่งยืนอยู่
อายุไม่ได้ห่างจากผมสักเท่าไหร่ ใส่ชุดคล้ายกับชุดสูทสีขาว นัยน์ตาเป็นสีน้ำเงินดั่งมหาสมุทรที่ลึกล้ำและเย็นเฉียบ ผมสีขาวเงินส่องแสงยามสะท้อนแสงจันทร์ขาวจนเป็นเหมือนกับทุ่งน้ำแข็ง
ทันทีที่ผมเห็นหน้าเขาเต็ม 2 ตา ความรู้สึกต่างๆนานา ถาโถมเข้ามาในใจของผม ยินดี โหยหา ดีใจ และ ความกลัว มันทำให้ผมเอ่ยชื่อของบุคคลผู้นี้ออกไปโดยไม่รู้ตัว
“......โฟลเก้”
“ไม่ใช่แค่โฟลเก้หรอกนะ” ผมรีบหันกลับไปยังต้นเสียงที่ฟังดูหยิ่งยโสและดีใจ ก็พบว่าตอนนี้ ต้นเสียงกำลังใช้แส้รั้งดาบของอลิซเอไว้ พลางใช้อีกมือหนึ่ง เอาปืนจ่อไปยังดาลูนอฟที่กำลังจะได้สติ
ผม และ นัยน์ตาสีแดงเพลิง ชุดเป็นแบบเดียวกันกับโฟลเก้ แต่เป็นสีแดง หึยังเป็นคนที่น่าแสบตาเหมือนเดิมเลยนะ
“ลามูส ทำไมพวกนายถึง....”
“โห้ยๆ เอ็น มาปล่อยให้เจ้ามนุษย์ผู้หญิงคนนี้ฆ่าเอาได้ไงกันเล่า อ้อจะว่าไปเธอนี่เองสินะ สายลับเมื่อ ตอนนั้น” ลามูสพูดขึ้นด้วยเสียงกวนๆ พร้อมทั้งหรี่ตามองไปยังอลิซที่กำลังขัดขืนอยู่
“หุบปากไปซะลามูส นายอายุมากกว่าฉันแต่อย่าพูดมากได้ไหม มันน่ารำคาญ อีกอย่างเอ็น พวกเรามารับนายกลับบ้าน” โฟลเก้พวกด้วยน้ำเสียงที่เยือกเย็น
ขณะนี้ ผมงุนงงเป็นอย่างมาก ที่ทำยังไงพวกโฟลเก้ถึงเล็ดลอดการป้องกันของเรือรบมาได้ ในระหว่างที่ผมกำลังครุ่นคิดอยู่นั้น อลิซก็ปล่อยดาบแล้วพุ่งเข้ามาหาผมอย่างรวดเร็ว พร้อมทั้งยังฉุดกระชากลากผมวิ่งเข้าไปในป่า
“อลิซ?”
“ฉันไม่ยอมให้นายกลับไปหรอก” ตอนนี้เธอลากผมวิ่งไปถึงชายทะเล พอมาถึงนั้นทั้งผม และเธอก็ตกใจกับสภาพที่เห็นเป็นอย่างมาก
เรือรบกว่า 50 ลำที่ล้อมรอบเกาะแห่งนี้ กลายเป็นเพียงซากกองเศษเหล็กที่กำลังถูกแผดเผาเป็นเชื้อไฟอยู่ ณ กลางทะเล แต่พริบตานั้นก็มีดาบกว่า 10 เล่มพุ่งลงมาปักล้อมรอบพวกผมเอาไว้ พร้อมกับที่มีเด็กสาวนางหนึ่งค่อยบินลงมา
ผมไม่ได้พูดผิด เธอกำลังบินลงมาจริงๆ ด้วยปีก 1 คู่ที่อยู่ กลางหลังของเธอ เป็นเด็กสาวที่ผมรู้สึกคุ้นหน้า สูงไม่น่าจะเกินหน้าอกผม ผมสีฟ้า และ นับน์ตาสีมรกต ใส่ชุดคลุมสีดำทั้งตัว และมีดาบอีกกว่า 5 เล่มสะพายอยู่ที่ด้านหลังของเธอ แต่เธอกลับมีใบหน้าที่เฉยชา ราวกับว่าไม่มีสิ่งใดอยู่ในสายตาของเธอเลย ไม่สิมันเป็นความรู้สึกที่คล้ายๆกับโฟลเก้
“มารับแล้วนะ เทพอสูร” เธอเอ่ยขึ้น นั่นก็เป็นเสียงที่ผมคุ้นเคยอย่างน่าประหลาด
“เธอเป็นใคร” อลิซตะโกนออกมา
“อสูร ยอดฝีมือลำดับที่ 6 แห่งหน่วยจู่โจมและสอดแนมที่ 30 แอโรน่า ไอริช” เธอพูดขึ้น ในที่สุดผมก็นึกออก คนที่ทดสอบได้ลำดับที่ 6 ในการทดสอบเมื่อ 13 ปีที่แล้ว
“ชิ ไม่ยอมให้พาไปหรอก” สิ้นเสียงของอลิซ เธอก็พุ่งเข้าไปพร้อมกับที่มือของเธอนั้นเปล่งแสงสีเขียวออกมา
ไอริชนั้นยังไม่ได้ตั้งท่าซะด้วยซ้ำ แต่ทันทีที่ผมคิดจะเข้าไปช่วยเธอนั้น กลับพบว่าไม่สามารถทำได้ ชิ เวทย์ผนึกงั้นเหรอ แย่ล่ะไม่ทันแน่
“ไม่ต้องห่วงเธอคนนั้นไปหรอก” จู่ๆก็มีเสียงที่ดู ยโสดังขึ้นมาจากข้างหลัง ผมหันกลับไปก็พบกับ โฟลเก้และลามูสที่กำลังเดินออกมาจากป่า
“หมายความว่ายังไงลามูส” ผมพูดขึ้นแต่โฟลเก้กลับชี้มือไปที่ไอริชแทนคำตอบ เมื่อผมหันกลับไปมองก็พบว่า ไม่ทันที่มือของอลิซจะถึงตัวไอริชด้วยซ้ำ ก็ถูกหยุดไว้ด้วยด้ามดาบ
บ้าน่าท่านั้นแม้แต่หินก็ยังทลายเลยแท้ๆ กลับถูกหยุดไว้ด้วยแค่ด้ามดาบที่ดูจะพังได้ทุกเมื่อ
เวลาต่อมา ไอริชก็เก็บดาบอย่างรวดเร็วแล้วฟาดเท้าเตะไปที่สีข้างของอลิซจนกระแทกลงมากับพื้นอย่างแรง
ชนะแล้วไม่น่าเชื่อ พลังขาอะไรจะขนาดนั้น ผมลองมองที่ตัวของไอริชอย่างทึ่งๆ เธอค่อยๆบินลงมาและเท้าก็แตะพื้นในที่สุด จากนั้นก็ค่อยๆเดินเข้ามาที่ตัวผมอย่างรวดเร็ว และทำในสิ่งที่ผมไม่คิดว่าเธอจะทำ และพูดในสิ่งที่เหลือเชื่ออกมา เป็นคำที่ไม่เข้ากับหน้าของเธอเลยจริงๆ
“ในที่สุดก็ได้เจอ ฉันรักคุณค่ะ” เธอพูดแล้วกอดผม
หาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาาา!!!!
ผมร้องออกมาสุดเสียง และ หันกลับไปหาลามูสอย่างสั่นๆ ซึ่งตอนนี้ก็ดูเหมือนว่าทั้งคู่ก็คงจะค้างกันไปแล้ว
“พอแค่นั้นแหละ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมา เมื่อผมลองมองไปทางต้นเสียง
อัศวินนายหนึ่งกำลังเดินตรงมาจากข้างหน้า ท่าทางที่ดูองอาจ ส่วนสูงที่มากกว่าผมถึงกว่า 10 เซน ประกอบกับกำลังอยู่ในชุดอัศวินที่ประดับยศเยอะยิ่งกว่าดาลูนอฟ ผมสีทอง และตาสีเงิน ไม่มีทางที่ผมจะลืมได้ลง ชายที่สามารถเอาชนะโฟลเก้ได้
“แลนเซลอต” ผมพูดชื่อนั้นขึ้น
“พวกอสูรงั้นรึ น่าสนุกดีนี่ แต่จะให้เราสู้ด้วยกันหมดนี่มันคงจะไม่ไหว มาประลองกันเถิดเอ็น หากเจ้าชนะเราจะปล่อยเจ้าไป หากเจ้าแพ้ก็แค่ตาย หากไม่ยอมทำตาม ปืนใหญ่ที่พวกเราคิดค้นๆขึ้นจะทำลายเกาะนี้ให้ราบเป็นหน้ากลองทีนี้ทั้งเจ้าและข้า ก็จะได้ตายพร้อมกัน น่าสนไหมล่ะ” แลนเซลอตพูดจบก็ชักดาบออกมาอย่างเชื่องช้า
“ว่าไงนะแก! คิดว่าเราจะยอมทำตามนั้นงั้นรึ ถ้าเอาจริงๆเราหนีไปได้โดยที่พวกเจ้ายิงมาไม่ทันซะด้วยซ้ำ” ลามูสตะโกนออกมา และโฟลเก้เองก็พยักหน้าเห็นด้วย
ตอนนั้นเองขณะที่ผมคิดว่าจะหนีไปซะตรงนั้น ผมก็พลันนึกได้ว่า บนเกาะนี้ยังมีบุคคลที่ผมผูกพันด้วยอยู่ ผมคงไม่สามารถจะปล่อยให้พวกเขาตายได้
“ฉันรับข้อเสนอ” ผมพูดขึ้นมันทำให้ไอริชที่กำลังกอดผมอยู่ปล่อยมือออกแล้วทำสีหน้าสงสัย ซึ่งถ้าให้ผมเดาไม่ผิดตอนนี้ทั้งลามูสและโฟลเก้เองก็คงทำหน้าแบบนี้เช่นกัน
“ดี เมื่อ 13 ปีที่แล้วข้ายังไม่ได้สู้กับเจ้าด้วยนี่น่า น่าสนุกจริงๆ เจ้ามีอะไรก็ใส่มาให้หมดเถอะนะ”
‘น่าสนุกจริงๆ งั้นข้าขอออกไปล่ะนะ” มีเสียงหนึ่งดังขึ้นมาในหัวของผม และเกิดความรู้สึกเหมือนเดิม เหมือนกับว่าเป็นเพียงคนดูเหตุการณ์เท่านั้น
ตัวของผมเริ่มกลายร่างเป็นอสูร ความรู้สึกสนุกที่เกิดขึ้นมาในหัวใจ ช่างสนุกจริงๆเวลาที่จะได่สู้เนี่ย และในตอนนั้นเองที่มีหมาป่าขนสีดำพุ่งออกมาจากป่า เฟนริวสินะ มันค่อยๆมายืนอยู่เคียงข้างผม และพูดขึ้น
“ท่านเอ็น มีเรื่องน่าสนุกแบบนี้ทำไมไม่เรียกข้าน้อยล่ะ” พฤติกรรมนี้ทำให้หลายๆคนในที่นี้แปลกใจมาก ที่ผมมีหมาป่าเป็นสัตว์เลี้ยง
“ข้ายังไม่ได้เรียกให้เจ้าออกมาเลยไม่ใช่รึ เฟนริว”
“ขออภัยท่านเอ็น แต่ว่า…..”
“ช่างมันเถอะในเมื่อเจ้าอยากสู้ ข้าก็ไม่ว่าอะไร มาสู้ด้วยกันเถอะ อ้อจริงสิ เทียร์จะหลบอยู่ตรงนั้นตั้งแต่เมื่อไร” ผมพูดขึ้นทำเอาเจ้าตัวที่ผมกำลังพูดขึ้นสะดุ้งจนร่วงตกลงมาจากต้นไม้
ผมหันกลับไปดูก็อดเผยอยิ้มไม่ได้ เธอใส่ชุดที่ผมตัดให้ทันทีเลยหรือนี่
“หึ เจ้า นี่ช่างมีสหายเยอะเหลือเกินนะเทพอสูร” แลนเซลอตพูดขึ้น
“มาเริ่มกันเลยเถอะเสียเวลากันมามากพอแล้ว เฟนริวเจ้าอยู่นิ่งจนเหมือนก้อนหินไปซะ จนกว่าข้าถูกโจมตีเท่านั้น”
“ขอรับเจ้านาย”
“งั้นข้าขอดูตรงนี้ละกัน” เธอค่อยกางปีกออกแล้วบินขึ้นไปเบื้องบน สร้างความแปลกใจอีกครั้งให้กับพวกโฟลเก้ เพราะถ้าทำแบบนี้ก็คงไม่ใช่มนุษย์แน่ๆ
“รับมือ!!” สิ้นเสียงของแลนเซลอต ก็พุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็วพลางใช้ดาบเป็นสิ่งนำวิถี ปรากฏเป็นแสงสีเงินพุ่งตัดอากาศตรงเข้ามาอย่างรวดเร็ว และดูเหมือนเฟนริวก็ตั้งท่าจะพุ่งเข้ามาแล้วด้วย
“เหอะเฟนริวเจ้ายังไม่ได้ออกมาในตอนนี้หรอกน่า” ผมหมุนตัวกระโดดหลบขึ้นบนอากาศ ทำให้การโจมตีนั้นพลาดเป้าไป แต่แลนเซลอตก็ยังสามารถพุ่งกระโดดขึ้นมาได้พร้อมกับดาบที่เรืองแสงสีทองออกมา
“อยู่กลางอากาศก็ไม่มีที่ให้หลบแล้ว”
“อย่าใช้ตรรกะของมนุษย์กับข้า” ตัวผมเตะอย่างแรงเข้าที่กลางอากาศที่ไม่มีอะไรเลย แต่กลับสามารถดีดตัวออกมาจนเหมือนกับว่าอยู่บนพื้นดินได้อย่างนั้นแหละ มันทำให้แลนเซลอตอดอุทานออกมาไม่ได้
“อยู่กลางอากาศก็หลบไม่ได้สินะ เอาไปกินซะ ย้ากกกก” ผมต่อยเข้าที่สีข้างของแลนเซลอตอย่างรุนแรงจนทำให้ตกลงไปยัง ณ เบื้อล่างเกิดฝุ่นคลุ้งไปทั่วบดบังทัศนวิสัยไปหมด
“สายฟ้าขาว” เสียงของแลนเซลอตดังขึ้นมาจากภายในของฝุ่นควัน วินาทีต่อมาก็ปรากฏแสงสีขาวพร้อมกับเสียงสายฟ้าฟาด พุ่งมาที่ตัวผมอย่างรวดเร็ว
หลบไม่ทันแน่ ผมรีบเร่งเกราะของตัวเองจนถึงขีดสุด แต่ก็ยังไม่พียงพอ เมื่อสายฟ้าหายไป ผมยังสามารถยืนอยู่ได้โดยที่มีบาดแผลเต็มตัว ซึ่งเฟนริวก็เตรียมกำลังจะพุ่งเข้ามา
“เฟนริว ฉันเปลี่ยนใจแล้วต่อให้ข้าตายเจ้าก็อยู่เฉยๆไปซะ มันช่างน่าสนุกจริงๆ ฮ่าฮ่าฮ่า” ผมหัวเราะยังบ้าคลั่ง แล้วแผ่ไออสูรเข้มข้นสูงออกมาจนกลายเป็นสิ่งที่สามารถจับต้องได้ สิ่งนั้นคือดาบ แล้วตัวผมก็ลงมาบืนอยู่กับพื้น
“ท่านเอ็นขี้โกงงงงงง” เฟนริวตะโกนออกมาทำเอาเทียร์ที่อยู่ข้างๆหัวเราะออกมา
“ร่างของอสูรนี่เจ๋งจริงๆน้างั้นลองเจอนี่หน่อยดูซิจะตามความเร็วของข้าได้ไหม ฮ่า” ทันใดนั้นรอบกายของแลนเซลอตก็มีสายฟ้ามากมายโผล่ออกมาดังแปลบๆ พริบตาเดียวแลนเซลอตก็มายืนอยู่ที่ข้างหน้าตัวผม
บ้าน่าห่างกันตั้งสิบเมตรเชียวนะ
“รับมือ!!”
พรุ่งนี้งดนะ ไปล่าหนังสือ(หวังว่าจะได้จำกัดพันชุดเองT-T)
ความคิดเห็น