คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #13 : ข้อเสนอแห่งน้ำตา
บทที่13 ข้อเสนอแห่งน้ำตา
เพียงในเวลาไม่นา ผมก็มาถึงโขดหินที่จุดนัดพบ ทันทีที่ผมมาถึง ก็พบว่า มีหญิงนางนึงยืนคอยอยู่เบื้องบนโขดหินภายใต้แสงจันทร์อยู่แล้ว
ผมสีขาวเฉิดฉายสะท้อนแสงจันทร์เป็นประกาย ดั่งมีดวงดาราที่เคยส่องแสงอยู่บนฟ้า มาเฉิดฉายอยู่บนดิน ดวงตาสีฟ้าเงยหน้าจ้องมองดวงจันทราอย่างเศร้าสร้อย ราวกับว่ากำลังรอวันเวลาที่จะได้กลับไปยังบนฟากฟ้ายามราตรีอีกครา
“อลิซ” ผมพูดชื่อของเธอด้วยความเผลอตัวออกไป และเหมือนว่าเธอนั้นเพิ่งจะรู้สึกตัว ก้มลงมองมาที่ผม ณ เบื้องล่างของโขดหิน ในขณะที่เธอกำลังจะลงมาจากบนนั้น ผมก็กระโดดขึ้นไปอยู่ข้างๆเธอก่อนเสียแล้ว โดยที่ตัวผมนั้นเหมือนกับว่า ไม่อยากให้เธอลงมาจากเบื้องบนลงมาเหยียบย่ำพื้นดินอันสกปรกเต็มไปด้วยดินโคลน
“เอ็น ฉันมีเรื่องจะบอกนาย” เธอเอ่ยขึ้น โดยที่ใบหน้าของเธอนั้นดูเศร้าสร้อยเหลือเกิน
“บอกอะไรก็บอกมาเถอะ”
“ไม่สิมันคำสั่งให้ฉันมาถ่ายทอดข้อเสนอที่จะยกให้นาย” คงจะเป็นคำสั่งเมื่อตอนนั้นสินะ
“ข้อเสนองั้นเหรอ ว่ามา” ตอนที่ผมพูดจบเธอก็แสดงสีหน้าเสียใจอีกครั้ง แล้วสูดหายใจแล้วพ่นออกมาเหมือนกับว่ากำลังเตรียมใจ และทำสีหน้าจริงจังออกมา แต่แววตาก็ยังคงมีความหวั่นไหวอยู่เล็กน้อย
“นักโทษเอ็น ไรเมียวจิ จงคุกเข่าแล้ว ฟังคำบัญชาแห่งพาลาดิน!!” เสียงอันทรงอำนาจที่ไม่น่าเชื่อว่าจะออกมาจากปากของอลิซดังออกมา แม้นผมจะไม่อยากที่จะคุกเข่าให้พวกมนุษย์ ก็คงต้องทำ อย่างน้อยก็เพื่อตัวอลิซ
ผมคุกเข่าลงแล้วเงยหน้าขึ้นไปมองใบหน้าของอลิซ
“ว่ามาสิ ฉันคุกเข่าแล้ว” ผมพูดขึ้นด้วยน้ำเสียงที่กล้ำกลืนฝืนทนเต็มที นี่จะเป็นครั้งสุดท้ายที่ผมจะคุกเข่าให้มนุษย์ เพราะมันรู้สึกแย่อย่างมาก
“ใน นามแห่งพาลาดิน ข้าขอยื่นข้อเสนอแก่ นักโทษเอ็น ไรเมียวจิ ชายอสูรผู้มีฉายาว่า เทพอสูร หากเจ้ามาเข้าร่วมกับกองทัพของเรา และสาบานว่าจะภักดีต่อมนุษย์ แล้ว เจ้าจะได้รับการอภัยโทษทั้งหมดทั้งมวล รวมถึง อลิซ ชาเร็นด้วย และเจ้ายังจะได้รับตำแหน่ง รองแม่ทัพแห่งราชอาณาจักรฟลอเร็นเรี่ยน พร้อมทั้งเงินทองมากมาย ขอเพียงเจ้ารับข้อเสนอ เจ้าจะหลุดพ้นทั้งหมดทั้งมวล ไม่ต้องอยู่บนเกาะนรกแห่งนี้จริงไหม เจ้าจะรับหรือไม่ จงตอบข้ามา” เสียงที่ทรงอำนาจเอ่ยจบ
ผมก็อึ้งไปชั่วครู่ และระเบิดหัวเราะออกมาดังลั่น พลางลุกขึ้นยืนแล้วมองไปที่อลิซ ซึ่งตอนนี้กำลังงุนงงว่าผมหัวเราะทำไม
“หากฉันไม่ทำตามล่ะ” ผมเอ่ยออกมา ทำเอาอลิซถึงกับปั้นหน้าอะไรไม่ถูกเลยทีเดียว แต่ผมก็ยังคงสังเกตได้ว่ามีหยดน้ำเล็กๆเอ่อขึ้นมาจากดวงตาของเธอ
“เจ้าจะต้องตาย” กะไว้แล้วเชียว
“ฉันเคยบอกไปแล้วเมื่อ 13 ปีก่อน ฉันไม่มีวันที่จะทรยศพวกพ้องของตนเอง แม้ว่านั่นจะหมายถึงความตายของฉันเองก็ตาม”
“หึ มันคงจะสายไปแล้วล่ะ เอ็น” เธอพูดออกมาด้วยน้ำเสียงที่เจ็บปวด
“หมายความว่าไง”
“พวกเรา ประกาศออกไปตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนแล้วว่า นายได้กลายมาเป็นพวกเราแล้ว นายคงเป็นได้แค่คนทรยศในสายตาของพวกอสูรชั้นต่ำล่ะนะ” หึ กะไว้แล้วเชียวมิน่าล่ะทำไมถึงไม่มีใครมาตามหาตัวผม
“ช่างมันสิ แค่ฉันรู้ก็พอแล้วว่าฉันไม่เคยทรยศเผ่าพันธ์ของตัวเอง”
“แต่นายจะต้องตายนะ” เธอเอ่ยออกมาพร้อมทั้งหยดน้ำที่อยู่นัยน์ตาเริ่มสั่นไหว เหมือนกับหยดน้ำบนใบไม้ที่กำลังจะไหลตกลง ณ เบื้องล่าง
“เธอฆ่าฉันซะเถอะ ชีวิตนี้เป็นของเธอมาตั้งนานแล้ว”
“ตั้งแต่เมื่อไร”
“ตั้งแต่ตอนที่ฉันถูกจับ แล้วเธอช่วยฉันไว้ ทำให้ฉันมีชีวิตมาถึงทุกวันนี้แล้วล่ะ เธอเอาคืนไปเถอะ” ทันทีที่ผมพูดจบเธอก็ร้องไห้ออกมา
“เอ็น ฉัน ฉันขอโทษ ที่จริงแล้ว ฉันเป็นสายสืบ เรื่องเมื่อ 13 ปีก่อนถูกจัดฉากขึ้น”
“ฉันรู้อยู่แล้วล่ะ”
“ทะ ทำไมล่ะ ทำไมนายรู้แล้วถึงยังพูดแบบนี้อยู่อีก ฉันหลอกนายนะ”
“ช่วงที่อยู่ที่เกาะ ฉันเห็นพฤติกรรมของเธอทั้งหมด แต่ว่า ไม่ว่ายังไงชีวิตนี้ก็เป็นของเธอ” ผมส่งสายตาที่เหมือนกับว่ารู้ทุกอย่างอยู่แล้วไปให้เธอ
“อลิซ ฆ่าอสูรชั้นต่ำซะ” มีเสียงๆหนึ่งดังออกมา ณ ด้านหลังของผม ผมหันหลังกลับไป ที่ๆเคยว่างเว้นมีเพียงอากาศเท่านั้น บัดนี้มีขายผู้หนึ่งใส่ชุดเกราะอัศวินประดับประดาไปด้วยยศมากมายบนบ่า ผมสีฟ้า และนัยน์ตาสีทอง และวิธีการพูดจาที่ดูถูกและเหยีดหยามคนแบบนี้ ผมแทบไม่มีวันลืม 1 ในกองอัศวินที่อลิซอยู่ และ เหมือนจะเป็นพี่ชายของอลิซ
“กว่าจะออกมานะ ชื่ออะไรนะ ดาลูนอฟ ชาเร็นสินะ” ผมพูดขึ้น
“หรือว่าแกจะรู้ว่าฉันอยู่ตรงนี้ตั้งนานแล้ว” ดาลูนอฟพูดขึ้นอย่างตกใจ
“แน่นอน พลางพลังอย่างหยาบๆแบบนั้นคิดจะดูถูกฉันรึยังไงเล่า”
“เหอะเป็นแค่อสูรชั้นต่ำแท้ๆ อลิซเธอไม่ต้องฆ่ามันให้เปื้อนมือหรอก ฉันทำเอง” สิ้นคำพูด ดาลูนอฟก็ชักดาบออกมาอย่างรวดเร็วและเตรียมจะพุ่งเข้ามา แต่กลับถูกอลิซมาขวางไว้ซะก่อน
“หยุดนะ พี่นั่นเป็นงานของฉันนะ”
“หึ ก็ได้” ดาลูนอฟเห็นดังนั้นก็เก็บดาบเข้าฝักแล้วแนบไว้ที่ข้างลำตัวเช่นเดิม
ช่างไม่น่าสนุกเอาซะจริงๆ และผมก็เหม็นขี้หน้าเจ้าหมอนี่เอามากๆ ท่าทางที่ดูหยิ่งยโส เป็นแค่มนุษย์แท้ๆ อย่าเหลิงตัวเพราะเป็นพี่ชายของอลิซแล้วคิดว่าผมจะไม่ทำอะไรงั้นเหรอ เหอะ
“โฮ่ เป็นพี่ชายแท้ๆกลับไม่กล้าแม้แต่จะหือกับน้องสาวของตัวเอง ช่างน่าสมเพชจริงๆ” ผมยั่วยุ อย่างน้อยผมก็ไม่อยากให้ตัวเองเป็นฝ่ายเริ่มก่อนล่ะนะ
“ว่าไงนะแก!” สิ้นคำพูดของตัวเอง ดาลูนอฟก็ชักดาบแล้วพุ่งเข้ามาอย่างรวดเร็ว พร้อมกับประกายตาที่เรืองโรจน์ไปด้วยโทสะ แม้แต่อลิซคราวนี้ก็ห้ามไม่ทันแล้ว
พริบตาเดียวดาบก็อยู่ห่างจากคอของผมไม่ถึงมิลเดียว ก็สามารถสังหารผมลงได้แล้ว แต่ดาบนั้นกลับหยุดนิ่ง พร้อมกับการที่ดาลูนอฟกระอักเลือดออกมา หากมองจากด้านหลังจะเห็นว่าตัวของดาลูนอฟที่องอาจ กลับมีมือเสียบทะลุท้องออกมา
“เป็นไป.... ไม่.....ได้...” สิ้นคำพูด ร่างของดาลูนอฟก็ร่วงหล่นลงเบื้องล่างของโขดหิน โดยที่มี 2 สายตามองอยู่ ณ เบื้องบน นัยน์ตาหนึ่งมองด้วยแววตาที่ดูตกใจและโกรธเกรี้ยว และอีกนัยน์ตาหนึ่งมองด้วยความยินดี ซึ่งคงไม่ต้องบอกว่านั่นเป็นสายตาของใคร อย่างหน้าคืออลิซ และอย่างหลังก็คือผม
“คิดว่าแค่เกราะนั้นจะต้านการโจมตีของฉันได้รึไงนะ ดาลู......” ผมยังพูดไม่ทันจบดี อลิซก็ชักดาบออกมาแล้วฟันมาที่ตัวผมอย่างรวดเร็ว เลือดสาดกระเซ็นไปทั่วท้องฟ้า แต่กลับกลายเป็นว่าเพียงแค่นั้นยังไม่พียงพอที่จะฆ่าผมได้ นั่นก็เพราะว่า ด้วยสาเหตุอันใดก็ไม่รู้ ทำให้ร่างของผมกลายเป็นอสูร
“เอ็น ทำไมนายจะต้องฆ่าพี่ฉันด้วย ทั้งๆที่ฉันไม่อยากฆ่านายแท้ๆ”
“หึ คำตอบของข้าอาจจะดูทระนงตัวไปบ้าง ไม่ว่าใครหน้าไหนนอกจากเธอเท่านั้นที่จะเอาชีวิตของข้าไปได้ อ้อ เจ้านั่นยังไม่ตายหรอกนะ เข้ามาสิอลิซ มาฆ่าฉัน” เมื่อผมพูดจบก็ปลดร่างอสูรออก
เธอฟังที่ผมพูดก็รู้ว่าไม่ได้โกหก พี่ชายเธอยังมีชีวิตอยู่
“เอ็น นายแน่ใจแล้วนะที่ไม่อยากมาอยู่ฝั่งนี้” เธอถามย้ำอีกครั้ง
“อ่า” ผมปิดตาแล้วแขนออก เพื่อแสดงว่าตนเองจะไม่ทำอะไรอีกแล้ว และ ผมก็จับสัมผัสได้ว่าเธอกำลังพุ่งเข้ามาและกำลังจะแทงมายังที่หัวใจของผม
“เอ็น...ลาก่อน” สิ้นคำที่เธอพูดผมก็จับสัมผัสได้ถึงสายลมอันคมกริบที่กำลังจะถึงตัว ช่างเงียบสงัดเสียเหลือเกิน ช่วงเวลาเพียงเท่านี้ก็คงพอแล้วสินะ ผมไม่เสียใจเลย จุดจบของผมมันควรที่จบตั้งแต่เมื่อ 13 ปีก่อนแล้ว ลาก่อนชีวิตของฉัน.........แต่ทันทีที่ผมลำลึกความหลังเสร็จผมก็สัมผัสได้ถึงความเจ็บปวดก่อนตายได้ที่...ใบหน้า
ความคิดเห็น