ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    Behemoth เทพอสูรคลั่ง

    ลำดับตอนที่ #7 : เทียร์

    • อัปเดตล่าสุด 9 ต.ค. 56


     บทที่7 เทียร์

                ขณะที่ผมคิดอะไรเรื่อยเปื่อยอยู่นั้นผมก็เดินเข้าไปในป่าแล้ว กว่าจะรู้สึกตัวผมก็มาอยู่ในส่วนที่เป็นสถานที่ฝึกวิชาส่วนตัวของผมเองซะงั้น มันเป็นเพียงลานโล่งๆที่มีแต่หลุมบ่อเต็มไปหมดเท่านั้นเองแต่ว่าก็มีสิ่งหนึ่งนอนอยู่ที่ตรงใจกลางหลุมที่มีขนาดใหญ่กว่า 10 เมตร มีรูปร่างที่ดูองอาจ มีปีกอยู่กลางหลัง ผิวหนังเป็นเกล็ดสีดำมะเมี่ยม มีกรงเล็บที่แหลมคมสำดำสนิท แทบจะทุกส่วนเป็นสีดำหมด ถ้าหากมันไม่มีเขาที่เป็นสีขาวบริสุทธ์ ก็เปรียบเสมือนเป็นสัตว์จากความมืดมิดยังไงยังงั้นเลย ใช่มันเป็นมังกร เผ่าสัตว์เทพ 1 ในเผ่าที่ไม่ต้องการเกิดสงครามกับพวกมนุษย์ เป็นเผ่าที่ถือได้ว่าหายากมาก และยิ่งเป็นพันธ์มังกรยิ่งหายากเข้าไปอีก และเป็นเผ่าที่เรียกได้ว่าแข็งแกร่งที่สุดมีทั้งความฉลาดปราดเปื่องยิ่งกว่าภูต พละกำลังมหาศาลกว่าอสูร ว่ากันว่าในอดีต เคยมีเหตุการณ์ที่มังกร เกิดพิโรธขึ้นมาต้องใช้อสูรเป็นจำนวน 2 กองทัพในการทำให้มันสงบลงได้ เหตุที่ต้องใช้คำว่าสงบ นั่นก็เพราะไม่สามารถปราบได้ เพียงแค่ให้เป็นที่ระบายอารมณ์ของมังกรเท่านั้นเอง แต่กระนั้น อสูรก็ต้องตายไปเป็นจำนวนมาก หลังจากเกิดเหตุการณ์นี้ทุกเผ่าก็ให้ความเคารพยำเกรงในเผ่าสัตว์เทพมาก จนกระทั่งมนุษยเริ่มก่อสงครามนั่นแหละ ก็ไม่เข้าใจเหมือนกันว่าทำไมสัตว์เทพถึงต้องยอมแพ้ทั้งๆที่ หากเกิดสงครามขึ้นมาจริงๆแล้วมนุษย์อาจจะไม่สามารถตอบโต้ได้เลยและคงจบด้วยการสูญพันธุ์ของมนุษย์โดยที่สัตว์เทพไม่มีการสูญเสียเลยแม้แต่น้อย แต่ก็นั่นแหละสัตว์เทพยังไงก็ฉลาดกว่าเผ่าทั่วๆไป ใช้ตรรกะของอสูรยังไงก็คงไม่มีทางเข้าใจอยู่ดี

                ขณะที่ผมกำลังเดินเข้าไปใกล้ๆมังกรตัวนั้น มันก็พลันลืมตาขึ้นมาปรากฏเป็นนัยน์ตาสีขาวที่เจิดจ้า ความกลัวที่ผุดขึ้นมาในหัวใจทำให้ผมเกิดความรู้สึกอยากหนีไปจริงๆ ถ้าผมไม่เคยรู้จักมังกรตัวนี้ล่ะก็นะ

                มาที่นี่อีกแล้วหรือเอ็น ว่าอย่างไรเล่าจะมาสู้กันอีกไหม มังกรตัวนั้นสื่อความคิดมาหาผมเป็นเสียงของผู้หญิงที่นุ่มนวลเหมือนเสียงจากสวรรค์ก็มิปาน

                แน่นอนสิ เทียร์ ก็รู้นี่ว่าฉันมาเพื่ออะไร

                งั้นข้าขอถามเจ้าก่อนเช่นทุกที เจ้าสู้เพื่อสิ่งใด

                ฉันก็ขอตอบคำเดิม ฉันไม่รู้เหมือนกันรู้แค่ว่าการต่อสู้มันเรียกหาฉัน

                เฮอะสัญชาตญาณของอสูรงั้นรึเอ็น ข้าก็บอกหลายต่อหลายครั้งแล้วว่า การต่อสู้ที่ไม่มีจุดหมายไม่อาจทำให้ใครแข็งแกร่งได้หรอกนะ แต่ช่างเถอะอย่ามามัวแต่พูดมากกันอยู่เลย การต่อสู้ไม่ได้ใช้วาทะโต้กันหรอกนะจริงไหมล่ะ เอ็น พริบตานั้นรอบตัวเทียร์ก็ปรากฏออร่าเจิดจ้าออกมาส่งพลให้หลุมที่กว้างอยู่แล้วกลับกว้างขึ้นไปอีกแรงอัดกระแทกจากลมจนกลายเป็นคมมีดเฉือนสิ้นทุกสิ่งแต่ก็ยังไม่สามารถทำอะไรผิวหนังของผมได้เลย แต่ว่าแรงกดดันนี่สิทำให้ผมถึงกับทรุด

                เอ้าๆ เอ็นเจอแค่นี้ก็จอดแล้วงั้นรึทันใดนั้นเทียร์ก็พลันอ้าปากออกมา พริบตานั้นก็มีลำแสงพวยพุ่งเข้ามาที่ตัวของผม เฮอะ คิดเหรอว่าผมจะยอมน่ะ ผมง้างกำปั้นออกมา แล้วต่อยในจังหวะเดียวกันที่ลำแสงจะแตะที่ตัวของผมเอง บรึ้ม!! เสีงระเบิดดังพร้อมๆกับที่ตัวผมกระเด็นถอยกรูดไปไกล

                นิสัยของอสูรอย่างเจ้านี่ช่างเดาได้ง่ายอะไรเช่นนี้นะ เสียงของเทียร์ดังขึ้นภายในหัวของผม ทันทีที่ผมเข้าใจความหมายของคำที่พูดนั้นตาผมก็เบิกโพลงเมื่อเหลือบมองไปที่เท้าของตัวเอง สิ่งที่ผมเห็นก็คือวงเวทใต้เท้าขนาดยักษ์แถมมีด้วยกันถึง 6 ชั้น ต่อให้ผมใช้ความเร็วระดับร่างอสูรก็ไม่แน่ว่าจะออกไปได้ทันรึเปล่า แต่ถ้าไม่ทำอะไรเลยผมก็คงตายโดยไม่มีทางแตะตัวเทียร์ได้อย่างแน่นอน ผมจึงกลายร่างเป็นอสูรและสร้างเกราะที่ผิวหนังให้ได้มากที่สุด ร่างทั้งร่างตอนนี้เปรียบเสมือนเกราะเพชร และยังเพิ่มความแข็งไปอีกเรื่อย แต่ถึงกระนั้น...

                ช้าไปเอ็น วงเวท 6 ชั้น ลำแสงทลายฟ้า เทียร์เอ่ยอีกครั้ง วงเวทก็ส่องแสง แล้วก็มีแสงเจิดจ้าพวยพุ่งจากวงเวทเข้าใส่ทุกอย่างที่อยู่ในรัศมีของวงเวท เปริ๊ยะๆ เสียงผิวหนังที่ตอนนี้มีความแข็งระดับที่เทียบเท่ากับเพชรของผมเกิดแตกร้าวออกมา ทั้งๆที่เวลาที่ผมโดนโจตีเพิ่งผ่านไปได้แค่ 1 วินาทีเท่านั้น บัดซบที่สุด ต้องทนให้ได้เวลาของวงเวทนี้มีเวลาการแสดงผลประมาณ 5 วินาที อีก 4 วินาทีเท่านั้น ตอนนี้ผิวหนังของผมเริ่มแตกไปกว่าครึ่งแล้ว อีก 3 วินาที ทนให้ได้อีกแค่2วินาทีเท่านั้น อีก2..... 1......0 บรึ้ม!หมดสิ้นเวลาที่วงเวทแสดงผลแล้ว ก็เกิดระเบิดออกมา ตัวผมตอนนี้อยู่ในสภาพที่ว่า อนาถเป็นที่สุด ผิวหนังทั้งร่างแตกกระจายเผยให้เห็นมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ภายใน ไม่สิไม่น่าใช้คำว่าอนาถ น่าจะเป็นคำว่าน่าเกลียดมากกว่า ถึงเผ่าอสูรจะมีประสิทธิภาพในการฟื้นฟูร่างกายที่สูงมากเมื่อเทียบกับเผ่าอื่นๆ แต่บาดแผลขนาดนิ้อย่างน้อยต้องใช่เวลารักษาประมาณ 1 วันถึงจะหายดี แต่ว่าการต่อสู้มันยังไม่จบ ผมรีบมองหาเทียร์แต่หลังจากที่ผมมองตรงไปข้างหน้า ผมก็ตะลึงกับภาพที่เห็น ไม่เกินมือเอื้อม สิ่งที่ผมพบไม่ใช่มังกร แต่เป็นรูปร่างที่เหมือนกับมนุษย์ผู้หญิงผมสีดำสนิท นัยน์ตาสีดำ แต่กลับมีผิวที่ขาวบริสุทธ์ ใบหน้าเรียวได้รูป เสื้อผ้าที่ใส่ก็เป็นสีขาวบริสุทธ์มีลายสีทองและดำเป็นลวดลายช่างงดงามจริงๆ ถ้าไม่ติดตรงที่ว่าเธอกำลังยืนหัวเราะพร้อมกับกำลังเลียเลือดของผมที่ปาดออกมาจากตัวของผม

                ไง เอ็นยังจะสู้ต่ออีกไหมเสียงที่เหมือนกับเทีย์อย่างไม่ผิดเพี้ยนดังออกมาจากปากของเธอ แต่เธอก็ยังอดไม่ได้ที่จะลองเลียเลือดอีกสักครั้ง จะเรียกว่าสวยงามหรือน่ารักดีนะท่าทางแบบนี้น่ะ

                เห้อ ไม่ไหวๆ เห็นท่าทางเธอแบบนั้นแล้วหมดอารมณ์สู้กันพอดี ผมพูดออกไป เป็นที่น่าแปลกพอดู ผิวหนังที่ร่างกายแตกแทบไม่มีชิ้นดี แต่เฉาพะส่วนหัวเท่านั้นที่มีสภาพที่สมบูรณ์มาก แม้จะมีเลือดไหลออกมา แต่ถ้าเทียบกับส่วนอื่นๆแล้วมันสมบูรณ์มาก จนผิดปกติ อดคิดไม่ได้เลยว่าเทียร์สามารถกำหนดผลเป้าหมายได้รึเปล่า หรือเป็นเพราะหัวของผมมันแข็งมากกันแน่นะ แต่คิดมากไปก็ปวดหัวเปล่าๆ ผมจึงกลับร่างมนุษย์ จากร่างอสูรที่ผิวหนังแตกเต็มตัวจนเห็นมัดกล้ามเนื้อที่อยู่ใต้ผิวหนัง พอกลับมาร่างมนุษย์กลับกลายเป็นว่าแค่ผิวหนังถลอกทั่วร่างเท่านั้นเอง

                การฟื้นฟูร่างกายแบบเฉียบพลันของอสูรนี่ช่างน่าอิจฉาซะเหลือเกินนะ เห้อเอ็นข้าขอถามจริงๆเถอะ จะมาทนอยู่กับเกาะนี้ทำไม ถ้าให้ข้าลองประเมินฝีมือดู แค่เจ้าคนเดียวถ้าเอาจริงๆก็น่าจะถล่มกองทัพเรือรบของพวกมนุษย์ที่แสนโง่เง่าให้หายไปได้ โดยที่ตัวเจ้าอย่างมากก็แค่บาดเจ็บเล็กน้อยเท่านั้นเองนี่น่า พอสิ้นคำที่เทียร์พูดผมก็สะดุ้งทันที เพราะมีเพียงสาเหตุเดียวที่ผมยังอยู่ที่เกาะนี้ นั่นก็คือ อลิซ ถ้าผมหลบหนีออกไปแล้วเธอล่ะจะเป็นยังไง เหมือนกับว่าเทียร์จะมองความคิดของผมออก เธอจึงหัวเราะออกมา

                หึหึ ยังไงก็คงไม่พ้นเจ้ามนุษย์เพศหญิงคนนั้นที่อยู่กับเจ้าล่ะสินะ เอ็นจนกระทั่งตอนนี้ยังไม่เปลี่ยนใจอีกเหรอเรื่องนั้นน่ะข้าพร้อมเสมอนะ อ้อเรื่องนั้นสินะ

                ก็บอกแล้วว่าฉันคงไม่คู่ควรกับเธอหรอกนะ

                “น่าๆ ข้าไม่สนหรอกว่าคู่ควรหรือไม่คู่ควรน่ะ ข้าสนแต่เพียงว่า ข้าสนใจเจ้าก็แค่นั้น

                “ยังไงต่อให้ฉันตกลงผมก็ยังออกจากเกาะนี้ไปไม่ได้อยู่ดีนี่น่า

                “เอ็น ข้าเคยบอกเจ้าแล้วไม่ใช่รึว่า ขอเพียงเจ้าตกลงข้าก็พร้อมที่จะทำลายเผ่าพันธุ์มนุษย์ที่กักขังเจ้าไว้ได้ทุกเวลาอยู่แล้วนี่คุณเธอไม่รู้เหรอว่าปัญหามันอยู่ตรงนั้นนั่นแหละ

                เธอนี่นะ ฉันยังไม่เห็นเลยว่าสมควรจะทำลายล้างเผ่าพันธุ์มนุษย์ตรงไหน แค่พวกเขาบ้าสงคราม...ไม่สิแค่บ้าอำนาจเท่านั้นเองทันใดนั้นก็มีเสียงกิ่งไม้หัก ผมหันกลับไปทางต้นเสียงก็พบกับความตื่นตะลึง......อลิซ

                เอ็น เธอคนนั้นเป็นใคร” 
    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน
    นิยายแฟร์ 2024

    ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×