คืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด
คุณแน่ใจว่าต้องการคืนค่าการตั้งค่าทั้งหมด ?
ลำดับตอนที่ #1 : เรื่องราวก่อนเป็นเทพอสูร
บทที่1: กำเนิดเทพอสูรคลั่ง
ย้อนกลับไปเมื่อ 13 ปีที่แล้ว สงครามฝนเลือด 7 ทิวา
ในสนามรบท่ามกลางการต่อสู้ของ 2 เผ่าพันธุ์ มนุษย์ทุกคนต่างเรียกตนว่าอัศวินนักรบชั้นแนวหน้าผู้ไม่หวั่นเกรงกับความตายต่างถืออาวุธ หอก และดาบ ที่ได้รับการพัฒนาจนกลายเป็นอาวุธที่แข็งแกร่ง กำลังโรมรันกับเผ่าอสูรเผ่าพันธุ์ที่เกิดมาเพื่อการล่า และการรบด้วยความแข็งแกร่งของเผ่าพันธุ์ รูปลักษณ์ ที่ดูน่าเกรงขาม กรงเล็บที่จะฉีกทุกอย่างที่ขวางหน้า มีหนังที่แข็งเป็นเกราะคุ้มกันร่างกาย และยังมีกล้ามเนื้ออันทรงพลัง ความเร็วที่เป็นเลิศ ดูแล้วเผ่าอสูรไม่มีทางชนะได้เลยแม้แต่น้อย แต่ว่าด้วยอาวุธที่มนุษย์สร้างขึ้นฟาดฟันเพียงครั้งเดียวถึงกับทำให้หนังของเผ่าอสูรอันแข็งแกร่งแตกลงได้ง่ายๆ การต่อสู้จึงสูสีต่อสู้กันยาวนานมาก ไม่ว่าฝ่ายใดก็ต่างมีผู้สูญเสีย ทั้ง 2 เผ่าจึงต้องให้เด็กที่พอจะมีพลังความสามารถเข้าร่วมการต่อสู้ด้วย
ผมชื่อ เอ็น ไรเมียวจิ อายุ 4 ปีแต่ว่าเกิดสงครามขึ้นแล้วกำลังรบไม่พอ พวกผู้ใหญ่จึงมาคัดสรร เด็กๆในหมู่บ้าน ผมคงไม่ได้รับเลือกหรอกเพราะอายุน้อยเกินไป ตอนนี้ผมกำลังยืนอยู่ในแถวของเด็กเผ่าอสูรที่จะถูกคัดเพื่อเข้าร่วมสงคราม มีเด็กที่อายุมากกว่าผมตั้งมากมาย 5ปีบ้าง 6ปีบ้าง 12ปีบ้าง ผมอายุแค่ 4ปีคงไม่ได้เข้าร่วมสงครามหรอก ตอนนี้ราชาอสูรกำลังมาแล้ว นั่นไงมาแล้ว เผ่าอสูรเราปกติจะอยู่ในรูปลักษณ์ของมนุษย์ และสามารถคืนร่างได้ตามใจต้องการ แต่ราชาอสูร ว่ากันว่ามีพลังที่แข็งแกร่งมากถึงขนาดไม่สามารถสะกดรูปลักษณ์ของอสูรให้เป็นมนุษย์ได้ ท่านเป็นคนที่ผมตั้งเป้าหมายไว้ว่าจะเป็นอย่างท่านให้ได้
“สวัสดีทุกคน” เสียงที่ทรงพลังของราชาอสูร เอ่ยกึกก้องไปทั่ว
“สวัสดีครับ/ค่ะ”...เอ๊ะมีผู้หญิงด้วยแฮะแสดงว่า การต่อสู้นี้ขาดแคลนกำลังรบมากทีเดียว ไม่ก็ต้องชนะให้ได้
“ข้าจะให้เวลาพวกเจ้า 2 ชั่วโมงเข้าไปในป่า ไปล่าสัตว์มากี่ตัวก็ได้ ผู้ที่ล่ามาได้เยอะที่สุด 6 อันดับแรกต้องเข้าร่วมสงคราม พยายามกันหน่อยล่ะ” เห....ล่าสัตว์ งั้นเหรอน่าสนุกดี ลองดูหน่อยละกัน แต่ว่ามีคนยกมือขึ้นนั่นมันคนที่อายุ 5 ปีนี่น่า
“ข้าขอไม่ไปได้ไหม” คนนั้นพูดออกมาด้วยเสียงสั่นเล็กน้อย ชั่วพริบตานั้นสายตาของราชาอสูร ที่เคยดูอ่อนโยนก็เปลี่ยนไปทันทีกลายเป็นไม่รู้จะเรียกอะไรดี เอาเป็นว่าผมรู้สึกกลัวละกัน แต่สีหน้าของบางคนแสดงออกมาถึงความหวาดกลัวอย่างชัดเจน บรรยากาศเงียบดูวังเวน ไร้เสียงพูดคุย แม้แต่นกที่เคยส่งเสียงร้องยังไม่มีให้ได้ยินสักนิด จนกระทั่งราชาอสูรก็เอ่ยปากออกมา
“ใครที่คิดจะถอนตัวออกจากการต่อสู้ก็เชิญออกไปได้เลย แต่ข้าขอบอกไว้ก่อนนะ หากเราแพ้สงครามนี้เราจะสูญเสียไปหลายอย่างมากมายนะรวมถึง พ่อแม่ของพวกเจ้าด้วยไม่สิ อาจจะเป็นชีวิตของพวกเจ้าก็ได้นะ” เรื่องอะไรคิดมากปวดหัว แต่ที่รู้แน่ๆคือยังไงก็ขอลองทดสอบหน่อยล่ะนะ แต่ว่ามีหลายคนที่ไม่คิดเหมือนผม ทยอยกันออกจากแถวไป จากที่เคยมีอยู่ถึง30คน ตอนนี้กลับเหลืออยู่เพียง 10 คนเท่านั้นเอ๊ะมีผู้หญิงจริงๆด้วย ผมสีขาว นัยน์ตาสีฟ้า อายุน่าจะราวๆผมนะ
“เอาละไม่มีใครจะออกไปแล้วใช่ไหม” เสียงของราชาอสูรเอ่ยขึ้นอีกครั้ง คราวนี้สายตาที่มองก็กลับเป็นเหมือนเดิมแล้ว
“ใน 2 ชั่วโมงนี้เจ้าจะทำยังไงก็ได้ให้มีจำนวนเยอะกว่าคนอื่นให้ได้ว่าง่ายๆ นี่คือการซ้อมรบขนาดย่อม ไหวพริบ ปฏิภาณ จะต้องเหนือกว่าศัตรูจึงจะอยู่รอดในสนามรบได้ เอาละไปได้แล้ว” สิ้นเสียงทุกคนก็รีบวิ่งออกจากเมือง เข้าไปในป่า รวมถึงผมด้วย นั่นไงเจอแล้ว ผมกระโจนเข้าไปเพื่อจะจับเจ้าสัตว์ที่คล้ายๆหมา แต่ว่าตอนนั้นเอง มีมีดพุ่งมาทำให้ผมต้องกระโดดหลบ มีดนั้นแทงทะลุปอดอย่างแม่นยำจนสัตว์นั้นตายคาที่ ผมหันไปดูทางที่มีดพุ่งมา ก็เจอกับคนที่อายุน่าจะราวๆผมกำลังยืนอยู่บนต้นไม้ที่ไกลถึง15 เมตร เล็งจากตรงนั้นได้แม่นยำมาก เอ๊ะนี่ไม่ใช่เวลามาปลาบปลื้มนะ ผมรีบพุ่งออกไปไม่มีการเดินอีกต่อไปเพราะรู้แน่ๆ แล้วว่าหากไม่ทำเช่นนี้คงไม่สามารถล่าสัตว์ได้เป็นจำนวนมากแน่ๆ เมื่อเจอสัตว์อะไรผมก็รีบพุ่งเข้าไปใช้มีด ปาดคอทิ้ง แต่ระหว่างทางมักเจอกับ กับดักง่ายๆอย่างเช่น กับดักล่อกระต่าย แต่บางครั้งมีกับดักที่จับข้อเท้าผมแล้วแขวนห้อยต่องแต่งอยู่บนต้นไม้เหมือนกัน ผมจึงใช้มีดฟันเชือกขาด
เวลาผ่านไปแล้ว 1 ชั่วโมง
ผมต้องคอยแบกสัตว์ที่ผมล่าได้ ส่วนใหญ่จะคล้ายๆหมาป่า แต่แค่มีเขา รวมๆแล้วได้ประมาณ 5 ตัวได้มั้ง ผมเหนื่อยมากจึงนั่งลงพื้นข้างๆ ตอนั้นเองผมก็รู้สึกเหมือนมีอะไรพุ่งลงมาจากบนต้นไม้มาทางผม แถมยังมีรังสีอาฆาตด้วย ผมจึงรีบกระโดดหลบไปด้านข้าง ฉึก!! มีคนกระโดดลงมาจากบนต้นไม้แถมยังใช้ดาบพุ่งลงมาด้วยคงกะ เสียบหัวผมให้ตายคาที่เลย นั่นมันเด็กผู้หญิงคนนั้นนี่น่า
“เหวอ เธอทำอะไรน่ะแค่การล่าสัตว์ไม่เห็นต้องฆ่ากันเลยนี่น่า” ผมร้องเสียงหลงออกมาทันที ก็นะอายุอย่างผม ไม่กลัวก็บ้าแล้ว
“ฉันไม่ได้มาล่าสัตว์ ฉันมาฆ่าพวกอสูรชั้นต่ำอย่างแกต่างหาก” อะไรนะเธอพูดอะไรน่ะ เธอเองก็เป็นอสูรเหมือนกันไม่ใช่เหรอ
“เธอเป็นอสูรเหมือนกันนี่น่า”
“ฉันไม่ใช่อสูรฉันคือมนุษย์ต่างหาก!!”
“อะไรนะ เธอคือมนุษย์งั้นเหรอ”
“ถามอะไรซ้ำซากตายซะเถอะ” เธอพุ่งเข้ามาแล้วใช้มีดแทงเข้ามาผมหลบได้อย่างฉิวเฉียด เร็วมาก เอ๊ะกลิ่นที่ติดอยู่บนตัวเหล็กนี่มัน.......คาวเลือด!!
“กลิ่นเลือดที่ติดอยู่บนมีดเธอนั่นมันอะไร”
“หืม......จมูกดีนี่น่าสมกับเป็นอสูรชั้นต่ำ มันคือเลือดของพวกนายยังไงล่ะ ไม่ต้องห่วงหรอก ฉันฆ่าในมีดเดียวไม่ตายทรมานหรอก” ความรู้สึกที่ร้อนรุ่ม และน้ำที่หลั่งไหลออกมาจากตานี่มันอะไรกัน และความรู้สึกที่อยากจะฆ่าหล่อนนี่มันมาจากไหนกันนะ
“อภัยให้ไม่ได้ อภัยให้ไม่ได้”
“ไม่ต้องห่วงฉันจะส่งนายตามไปแน่นอน” ทั้งที่ปิดตาอยู่แท้ๆแต่ ก็รู้สึกได้ว่าเธอกำลังพุ่งเข้ามา ใกล้เข้ามาอีก.....ใกล้อีก ตอนนี้แหละ!! ผมลืมตาขึ้น แล้วจับมีดไว้จากนั้น ก็ใช้เท้าซ้ายถีบเข้ากลางลำตัวของเธอ จนกระเด็นไป ทำให้เธอต้องปล่อยมีดเพราะผมจับมีดไว้อยู่ ตอนนี้ร่างกายผมเริ่มเปลี่ยนสภาพจากรูปลักษณ์ของเด็กชาวมนุษย์ ใกล้จะเข้าใกล้รูปลักษณ์ของอสูรเข้าทุกที รูปร่าง ใบหน้า สีผิว ผิวหนัง รูปร่างเริ่มดูน่าหวาดกลัว สีผิวจากขาวก็แปรเปลี่ยนเป็นสีเทา ผิวหนังที่เคยอ่อนนุ่มก็กลายเป็นแข็ง ราวเกราะหนา และมีเขางอกขึ้นมา เล็บค่อยๆยาวขึ้นและแข็งขึ้น ผมจากที่สีดำสั้น ก็เริ่มเปลี่ยนเป็นสีขาวและยาวขึ้น นัยน์ตาจากสีเทาก็เปลี่ยนเป็นสีแดง ตอนนี้ผมอยู่ในรูปร่างของอสูรเต็มตัวแล้ว!!.......เอ๊ะ!!อั่ก! ผมกระอักออกมาเป็นเลือดสีม่วง ทำไมกันล่ะ......หรือว่ามันคือผลสะท้อนกลับของร่างอสูรไม่นึกเลยว่ามันจะเจ็บกระดูกขนาดนี้
“แย่ละ เจ้านั่นเปลี่ยนเป็นร่างอสูรแล้ว” เธอพูดอย่างยากลำบากพร้อมกับยันตัวขึ้นมา ตอนนั้นเอง!!
“เห้ใครอยู่ตรงนั้นน่ะ” ผมได้ยินเสียงของคนที่มาเข้าร่วมการทดสอบตะโกมาจากด้านหลัง ผมเลยหันไปดูจึงเห็นคนที่อายุประมาณ10ปี กำลังวิ่งมา ทำไมกันล่ะเธอฆ่าไปแล้วไม่ใช่เหรอ ผมเลยหันกลับมามองด้วยใบหน้าที่สงสัย เหมือนเธอจะรู้ความคิดผมเลยตอบออกมาว่า
“ฉันโกหกนาย ฉันเจอนายเป็นคนแรกเพราะก่อนหน้านี้ฉันหลงป่าอยู่”...หลงป่า เดี๋ยวก่อนสิ แล้วกลิ่นเลือดที่ติดอยู่บนใบมีดนี่ล่ะ
“แล้วกลิ่นเลือดนี่มันอะไร”
“เลือดของพวกสัตว์ที่อยู่ในป่าน่ะ” เลือดสัตว์งั้นเหรอเห้อ...ไม่มีใครตายก็ดีแล้วนี่ ผมโล่งใจมากจนสภาพที่กลายเป็นอสูรก็คลายออก กลับกลายเป็นรูปร่างมนุษย์ดังเดิม
“เธอรีบไปจากที่นี่เถอะ ก่อนที่พวกผู้ใหญ่จะมาเห็นเข้า”
“เอ๊ะ ทำไมล่ะฉันเป็นมนุษย์นะ”
“จะเป็นมนุษย์หรือเป็นอสูรฉันไม่สนหรอก อีกอย่างเธอก็ไม่ได้ฆ่าพวกพ้องฉันนี่น่า ที่รู้ตอนนี้น่ะมีเพียงความรู้สึกที่ไม่อยากให้เธอตายก็แค่นั้นเอง” ใช่ผมไม่อยากให้เธอไม่รู้เหมือนกันว่าเพราะอะไร เอ๊ะทำไมหน้าเธอแดงด้วยล่ะไม่สบายเหรอ หรือโกรธ ถ้าโกรธผมพูดอะไรผิดไปงั้นเหรอ
“อย่าเสียใจทีหลังนะ”เธอลุกขึ้นแล้วก็กำลังจะก้าวออกไป
“เดี๋ยวสิเธอชื่อะไรล่ะ”
“ฉันชื่อ อลิซ ชาเร็น แล้วนายล่ะ”
“เอ็น ไรเมียวจิ หวังว่าจะได้พบกันอีกนะ”เธอแค่พยักหน้าเท่านั้นแล้วก็เดินจากไป
“เห นั่นแฟนนายเหรอเจ้าเด็กแก่แดด” เสียงใครน่ะผมรีบหันไปดูก็เจอกับคนที่น่าจะอายุ10 ปี ผมสีแดง ตาก็สีแดง ชุดก็ยังสีแดงอีก แสบตาชะมัดเลย กำลังยืนพิงกับต้นไม้อยู่แล้วก็มี พวกสัตว์ที่ตายแล้วกองอยู่ข้างๆ เยอะชะมัด นับดูแล้วน่าจะราวๆ 20 ตัวได้มั้ง เอ๊ะทำไมคนนี้ฆ่าตั้งเยอะแยะกลับไม่มีร่องรอยของบาดแผลแม้แต่น้อย
“แฟนคืออะไรเหรอ” ผมลองถามดูแต่เจ้าตัวกลับมีปฏิกิริยาอึ้งเหมือนกับสีหน้าที่ถ้าผมถามว่าแมวมีกี่พันธ์ แล้วโดนตอบกลับมาว่าแมวคืออะไรประมาณนั้นแหละ
“มันคือความสัมพันธ์ที่มากกว่าเพื่อนและ จะพัฒนากายเป็นสามีภรรยากันไงล่ะ” เงียบอยู่นานกว่าจะตอบนะเออ
“ว่าแต่นายเป็นใครน่ะ”
“ฉันชื่อ ลามูส เฮลเดอร์ อายุ 12 ปี สิ่งที่ถนัดคือเสือปืนไว” มิน่าละกลิ่นดินปืนเหม็นชะมัดเลย เอ๊ะ เราต้องแนะนำตัวเองบ้างนี่น่า
“ผมชื่อ เอ็น ไรเมียวจิ อายุ 4 ปี สิ่งที่ถนัดงั้นเหรอไม่รู้เลย” ก็ไม่รู้จริงๆนี่น่า เกิดมายังไม่เคยทดสอบอะไรแบบนี้ด้วย
“นายล่าได้กี่ตัวแล้วล่ะ” ผมชี้ไปที่กองสัตว์ที่อยู่ข้างๆ รวมๆแล้วก็ประมาณ 5 ตัวล่ะนะ
“หืมอายุ4ปี ล่าได้ตั้ง5ตัวแล้วก็เก่งไม่เบานี่น่า แต่ยังเก่งไม่พอที่จะไปสนามรบหรอกนะ ถอนตัวตั้งแต่ตอนนี้ซะเถอะนะ” ก็ไม่ได้คิดจะไปสนามรบตั้งแต่แรกอยู่แล้วนี่น่า ที่มาทดสอบก็เพราะเห็นว่ามันน่าสนุกดี ต่อให้ถูกเลือกเข้าสนามรบก็ไปก็ได้ อย่างมากก็ทำเป็นว่าได้รับบาดเจ็บแล้วออกจากสนามรบ ก็แค่นั้น ไม่มีอะไรสักหน่อย เอ แล้วนี่เวลาผ่านไปเท่าไรแล้วเนี่ย ตอนนั้นเองก็ได้ยิงเสียง นกหวีดดังลั่นไปทั่วป่า เล่นเอาตกใจเลย นั่นไงเสียงหมดเวลา
“เราไปกันเถอะ” ลามูสเดินนำหน้าไปโดยที่ไม่รอเราเลยแฮะ ตอนนั้นเองผมถึงเพิ่งสังเกตว่า ลามูสใช้วิธีแบกพวกสัตว์ไว้บนบ่า แต่ผมคงทำตามไม่ได้หรอกแรงมีไม่พอนี่น่า ผมเลยลากไปเรื่อยๆ จนกระทั่งกลับเข้าเมือง แล้วเดินไปยังจุดเริ่มต้น ที่นั่นมีคนอื่นๆอยู่ก่อนแล้ว เอ๊ะแล้วพวกนั้นล่าไม่ได้สักตัวงั้นเหรอ แต่นับดูแล้วเหลืออยู่ 8 คนถ้าไม่นับอลิซ แสดงว่ามีคนหายไป 1 คนหรือว่าอลิซฆ่าคนนั้นไปแล้ว!! ทันใดนั้นผมก็ได้ยินเสียงโห่ร้องยินดีของชาวเมือง แล้วตามด้วยเสียงปรบ มือผมจึงหันไปดูว่าเขาตบมือเรื่องอะไรกัน .........บ้าน่า คนคนนั้นเด็กที่อายุมากกว่าผม 1ปีแล้วใช้มีดปาใส่สัตว์ป่าแทงทะลุขั้วหัวใจอย่างแม่นยำจากระยะที่ไกลมากๆ คนนั้นนี่น่า แถมยังกองสัตว์ที่น่าจะมีเกินกว่า50 ตัวนั่น....เขาล่าเองคนเดียวงั้นเหรอ
“เอาละมาเข้าแถวได้แล้ว” ราชาอสูรมาตั้งแต่เมื่อไร ผมรีบไปเข้าแถวในทันที เมื่อราชาอสูรเดินวนดูรอบแถวเพื่อตรวจดูสัตว์ที่จับมาได้แล้ว ก็ยิ้มอย่างพอใจ จากนั้นจึงเดินไปอยู่หน้าแถว
“มีผู้ที่ล่าสัตว์มาได้6คนตามจำนวนที่จะส่งเข้าสงครามพอดีเลย อันดับที่1 โฟลเก้ แลนช์ ด้วยการล่าสัตว์ 70 ตัว โฟลเก้ออกมาข้างหน้านี่ข้ามีของที่จะให้แก่เจ้า” ราชาอสูรตะโกนออกมาสิ้นเสียง คนที่ล่าสัตว์เมื่อกี้ก็เดินออกไปพร้อมกับคุกเข่าคำนับ ท่าทางแบบนั้นถ้าจะบอกว่าเขาอายุมากกว่าผมแค่1ปี ผมยังไม่อยากจะเชื่อเลยด้วยซ้ำเพราะดูท่าทางเย็นชา องอาจ กล้าหาญมาก ท่าทางเหมือนผู้ใหญ่มากเลยทีเดียว ราชาอสูรยื่นปืนสั้น ให้กับโฟลเก้ ปืนกระบอกนั้นมีสีดำเงา น่าจะทำมาจากเหล็กผสมโครเมี่ยม แล้วก็ยังมีลวดลายสีทองที่ดูก็รู้ว่าไม่ใช่การทาเพื่อความสวยงามแน่นอน โฟลเก้รับปืนแล้วกลับเข้าไปในแถวแล้ว
“อันดับที่2 ลามูส เฮลเดอร์ ด้วยการล่าสัตว์ 20 ตัวกลับมา ลามูสออกมาข้างหน้าข้ามีของจะให้เจ้า” ราชาอสูรตะโกนออกมา เป็นไปตามคาดลามูสได้ที่2 อืมๆ อ๊ะลามูสเดินออกไปแล้วแฮะ เดินกระตุก แบบกล้าๆกลัวนั่นมันอะไรกันเนี่ย โอ๊ะ คุกเข่าลงแล้วเลียนแบบโฟลเก้ มาแบบเป๊ะๆเลยนี่น่า ราชาอสูรยื่นแส้สีแดงฉานออกมาให้ โหแค่ยืนดูอยู่เฉยๆยังรู้สึกถึงไอพลังออกมาจากแส้เส้นนั้นเลย แสดงว่าต้องมีพลังทำลายล้างสูงแหงๆ
“ลามูส เจ้ามีอาวุธประจำกายอยู่แล้ว เพียงแต่จุดอ่อนของอาวุธเจ้าคือไม่สามารถสู้ในระยะประชิดได้สิ่งนี้ จะช่วยเจ้าเอง”
“ขอบคุณครับ”เมื่อลามูสรับแส้แล้วก็เหน็บไว้ที่เอว แล้วก็เดินกลับมาเข้าไปในแถว
“อันดับที่3 เอ็น ไรเมียวจิ ด้วยการล่าสัตว์ 5 ตัว ก้าวออกมา” เอ๊ะผมรู้สึกไปเองรึเปล่า พอถึงตาผมราชาอสูรออกเสียงเข้มกว่าโฟลเก้ กับ ลามูส ผมทำอะไรผิดรึเปล่านะ ระหว่างที่กำลังคิดผมก็มายืนอยู่ต่อหน้าราชาอสูรแล้ว กึกๆ....สั่น มือผมสั่น แรงกดดันช่างมหาศาลจริงๆ มิน่าล่ะลามูสถึงตัวสั่น ผมคุกเข่าลง
“ข้าขอมอบสิ่งนี้แก่เจ้า” ผมเงยหน้าขึ้น ราชาอสูรกำลังยื่นผลึกอสูรสีดำมาให้ ผลึกอสูรนี่ก็คือสิ่งที่จะแปรเปลี่ยนเป็นอาวุธตามใจปรารถนา และเปลี่ยนได้เพียงเดียวเท่านั้น
“เจ้าจะทำให้มันตื่นขึ้นได้หรือไม่ นั่นก็คือหน้าที่ของเจ้า” เอ๊ะหมายความว่าไงกันน่ะช่างมันก่อนละกัน ผมนำผลึกอสูรเก็บใส่เสื้อโค้ทผมแล้วลุกขึ้น จากนั้นก็กลับไปเข้าแถว
“อันดับที่4 ไคลีนอส ดามูเต้” เอ๊ะไม่ได้เรียกให้ออกไปแฮะ
“อันดับที่5 อลิซ ชาเร็น” อึ๋ย จะพูดดีไหมนะ จากนั้นก็มีคนเข้ามากระซิบข้างหูราชาอสูร พริบตานั้นแววตาของราชาอสูรก็เปลี่ยนเป็นดุดันในทันที
“อลิซ ชาเร็น ได้สละสิทธิ์ในการแข่งขัน อันดับที่5 เกล็น ชาท็อกซ์”
“อันดับที่6 แอโรน่า ไอริช”เอ๊ะ มีผู้หญิงคนอื่นอีกด้วยเหรอ ผมลองหันไปข้างหลัง....ชัดเลย เธออยู่ข้างหลังผมนี่เองผมสีฟ้าตาสีเขียว น่ารักแฮะ ผมหันหน้ากลับไปตอนนี้ราชาอสูร กลับมายืนอยู่ข้างหน้าแถวเหมือนเดิมแล้ว
“ขอให้ทุกคนกลับบ้านได้แล้ว พรุ่งนี้6คนที่ประกาศชื่อเมื่อสักครู่ตอนเช้ามืดขอให้มาที่นี่ด้วย หากใครไม่มาอันดับที่อยู่รองลงไปจะมาแทนที่ แต่ว่าขอให้3คนแรกอยู่ก่อน” ราชาอสูรพูดจบทุกคนยกเว้น ผม ลามูส และโฟลเก้ ต่างแยกย้ายกลับบ้านไป ลองสังเกตดูดีๆ คนที่ไม่ได้รับเลือกนี่ตัวสะอาดไปไหม หรือแค่นอนอยู่เฉยๆกลางป่ากันแน่
ผ่านไป 3 นาที
ตอนนี้ ณ ที่รวมพลมีอยู่แค่ 4 คนเท่านั้น ราชาอสูร โฟลเก้ ลามูส และผม
ความคิดเห็น