ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #76 : Chapter 76

    • เนื้อหาตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.51K
      0
      11 ก.ย. 56

    งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก







    76






    หลายๆเดือนต่อมา ณ โรงพยาบาลแห่งหนึ่ง

    “ จ๊ะเอ๋...นี่ลูกใครเอ่ย ลูกหมาหรือลูกหมีกันน๊า ”

    ผู้เป็นพ่อกำลังหยอกล้อกับลูกสาวตัวน้อยๆซึ่งเป็นลูกคนที่สองของครอบครัว ทารกน้อยยังคงนอนหลับตาพริ้มอยู่ในวงแขนอุ่นๆของผู้เป็นแม่ ทารกแบเบาะนอนอ้าปากหวอเหมือนพร้อมที่จะกินนมของแม่ เห็นแบบนี้แล้วชวนให้ผู้เป็นพ่ออดที่จะหยอกล้อลูกของตัวเองไม่ได้ ไม่รู้ว่าเจ้าตัวน้อยนี่จะเป็นพันธมิตรกับฝ่ายไหนระหว่างหมากับหมี 

    “ นี่แน่ะ...พูดอะไรน่ะตาแท นี่ลูกคนนะมาเรียกหลานของแม่ว่าลูกหมาลูกหมีได้ยังไงกัน ไม่ใช่แบบนั้นสักหน่อยเนอะลูกเนอะ ”

    “ อะไรกันครับแม่ ลูกหมาลูกหมีน่ะถูกแล้วครับ ”

    คุณซูจีตีแขนของแทยอนเบาๆพอให้เขาได้รู้สึกอะไรบ้าง แต่ว่าพ่อลูกเลี้ยงคนนี้ก็ช่างดื้อด้านไม่สะทกสะท้านกับอะไรเลยสักนิด แต่กลับทะลึ่งทะเล้นหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก พอแม่เลี้ยงตีปุ๊บลูกเลี้ยงก็กอดปั๊บ ทำเหมือนกับว่าอีกคนเป็นแม่แท้ๆของตนซะงั้น

    “ นี่ลูกก็หน้าเหมือนคนนะตาแท ไม่เหมือนหมาสักนิด พูดแบบนี้หลานของแม่เสียหายนา ” 

    “ ไม่เสียหายหรอกครับแม่ นี่ลูกหมาชัดๆครับผม ฮ่าๆๆ ”

    ไม่ว่าซูจีจะพูดอะไรยังไงแทยอนก็เถียงคำไม่ตกฟากทุกที ทำเอาแม่เลี้ยงคนนี้ถึงกับส่ายหน้าเอือมระอากับความรั้นของอีกคน เจ้าลูกคนนี้ช่างหัวดื้อหัวรั้นสิ้นดี อะไรๆมันก็เถียงฉอดๆแต่ก็ไม่เคยลามปามแม่เลยสักนิด จะดื้อจะรั้นแค่ไหนก็ยังให้ความเคารพผู้ปกครองเสมอนั่นแหละ

    “ ช่างมันเถอะคุณ ลูกหมาก็ลูกของมันนั่นแหละ ”

    “ หือ...พ่อว่าลูกตัวเองทำไมครับ ผมลูกของพ่อนะ ”

    แทอูเบื่อที่จะต่อความยาวสาวความยืดกับแทยอน ไม่รู้ว่าสองแม่ลูกนี่จะเถียงกันให้ได้อะไรขึ้นมา แทยอนอยากเรียกทารกน้อยว่าลูกหมา ลูกหมี หรือลูกอะไรก็ตามที ยังไงๆเด็กน้อยตัวแดงๆที่นอนอยู่ในอ้อมแขนของลูกสะใภ้ก็คือลูกของมันนั่นแหละ ถ้านั่นคือลูกหมาไอ้ตัวปัญหาเยอะมันก็ต้อง
    เป็นพ่อหมานั่นแหละหนา

    “ ฉันก็ว่าไปตามเนื้อผ้าเท่านั้น ตัวโตเหมือนกันนะลูกหมาของปู่ ดูสิน่าชังจริงๆ ”

    ไม่ได้สนใจอะไรกับลูกชายสักเท่าไหร่ คุณปู่เทความสนใจไปให้หลานน้อยเสียมากกว่าทารกน้อยตัวแดงนี่เป็นหลานคนที่สองของครอบครัวคิมแล้วนะ เป็นสาวน้อยหน้าตาน่าชังมากเลยทีเดียว แก้มนี่ยุ้ยเหมือนอมอะไรเอาไว้ตลอดเลย ไม่ว่าจะมองกี่ครั้งก็บอกได้เลยว่าไปทางพ่อเด็กเสียมากกว่าแม่ซะอีก

    “ ปู่จ๋า...ปู่อุ้มหนูหน่อยฉิ หนูจาดูน้อง ”

    ยูบินเองก็อยากจะเห็นหน้าของน้องน้อยบ้าง เพราะตัวเตี้ยเจ้าตัวป่วนจึงไม่สามารถที่จะเห็นหน้าน้องได้เอง งานนี้จึงต้องขอพึ่งความสูงของผู้เป็นปู่ในการยลโฉมของน้องน้อย

    “ หึๆๆ ได้สิลูก มา...ปู่จะอุ้มหนูเองนะ ”

    ว่าแล้วคุณปูก็ย่อตัวลงไปหาหลานรักพร้อมกับอ้าแขนรอ เจ้าตัวน้อยเดินเข้าไปในวงแขนของผู้อาวุโส ยูบินยิ้มแฉ่งให้คุณปู่ด้วยความดีใจก่อนที่จะใช้แขนสั้นๆทั้งสองข้างคล้องคอของคุณปูเอาไว้ ตามด้วยการจุ๊บที่แก้มของผู้อาวุโสอย่างเอาอกเอาใจ ไอ้ตัวแสบนี่มันได้เชื้อพ่อมาเต็มๆ

    “ ว้าว...น้องๆๆ ”

    ลูกหมาทำตาลุกวาวเมื่อเจ้าตัวได้เห็นหน้าของน้องน้อยเต็มๆตา ยูบินดิ้นยุกยิกไปมาอย่างน่าหมั่นเขี้ยว แต่คุณปู่ผู้ใจดีแค่คนเดียวก็เอาเจ้าตัวป่วนได้อยู่หมัด แทอูรู้ว่าจะต้องจัดการกับเด็กน้อยยังไง เพราะต้องเลี้ยงแทยอนมาตั้งแต่ยังเด็กๆแบบนี้ ดังนี้ไอ้ตัวยุกยิกนี่ไม่ได้เกิดกว่าความสามารถเลยสักนิด

    “ อย่าดิ้นสิลูกเดี๋ยวก็ทำให้น้องตื่นหรอก ”

    “ อ้อ...หนูแตะน้องได้มั้ยจ๊ะปู่ ”

    หันมาถามปู่อย่างออดอ้อนเอาใจ อยากจะจับอยากแตะน้องใจจะขาด เพราะอยากมีน้องมานานมากแล้ว อยากมีเพื่อนเล่นด้วยกันไม่ใช่เล่นแต่กับพี่เลี้ยง วันนี้มีน้องของตัวเองเป็นที่เรียบร้อยแล้วจึงอยากจะสัมผัสน้องตัวเป็นๆบ้าง อยากรู้ว่าน้องจะเหมือนตัวเองไหม

    “ ได้สิลูก แต่หนูต้องแตะน้องเบาๆนะ ”

    “ จ้า...แตะเบาๆ แฮ่ๆๆ ”

    ว่าแล้วแทอูก็วางยูบินลงไปนั่งบนเตียงคนไข้ซึ่งมีทิฟฟานี่กับทารกน้อยนอนอยู่ มือป้อมๆของเจ้าตัวปัญหาเยอะได้ยื่นไปแตะที่เท้าแดงๆของน้อง เด็กหญิงจับเท้าน้องแล้วก็ยิ้มร่าอย่างพอใจ แล้วก็เริ่มเปลี่ยนตำแหน่งที่จับไปเป็นขาเล็กๆนั่น ยูบินบีบขาของน้องเบาๆแล้วก็ทำตาหยีเหมือนจะดีใจเอามากๆ ทิฟฟานี่และทุกคนเห็นแล้วก็อดที่จะยิ้มตามไม่ได้ ลูกสาวที่มักจะก่อแต่เรื่องให้ได้วุ่นวาย วันนี้ได้เปลี่ยนเป็นเด็กดีที่แสนจะน่ารักน่าชัง

    “ หม่าม๊า...น้องน่ารักเนอะ เหมือนตุ๊กตาเลย ”

    ยูบินหันไปพูดกับผู้เป็นแม่ด้วยใบหน้าร่าเริงสุดๆ และทิฟฟานี่เองก็รู้สึกได้เลยว่าลูกหมาจะรักน้องอยู่เหมือนกัน น้องเหมือนตุ๊กตางั้นเหรอ ทารกน้อย
    จะรู้ไหมนะว่าตัวเองถูกมองเป็นตุ๊กตาสำหรับพี่สาวไปแล้ว มือน้อยๆของพี่สาวยื่นเข้าไปหาแก้มป่องๆของน้องน้อย

    “ จ้ะ...น้องเหมือนตุ๊กตา เหมือนหนูตอนเล็กๆด้วยนะ ” 

    ทิฟฟานี่พูดสมทบกับความเห็นของลูกสาว ทารกน้อยที่กำลังนอนหลับใหลอยู่ในอ้อมอกคนนี้ช่างเหมือนกับผู้เป็นพี่ไม่มีผิด ตอนแรกเกิดยูบินก็เหมือนกับน้องเลยล่ะ ทารกตัวแดงๆหน้าตาจิ้มลิ้มเหมือนตุ๊กตา ทุกอย่างถอดแบบกันมาหมดได้พอมาหมดทุกคนเลยนะลูกแม่

    “ หา...เหมือนหนูตอนเล็กๆหรอ หนูเคยเป็นตัวเล็กๆแบบนี้หรอ ”

    เด็กหญิงนั่งอ้าปากหวอเพราะไม่นึกว่าตัวเองจะเคยตัวแค่นี้ กำลังสงสัยอยู่นะว่าอันตัวเรานั้นเคยเป็นแบบนี้ด้วยเหรอ ตัวแดงๆเหมือนอะไรสักอย่างแล้วก็ดิ้นด๊อกแด๊กไม่มีทิศทางแบบนี้ ทำไมจำไม่ได้เลยหนอว่าเราก็เคยเป็นทารก

    “ จ้ะ...หนูก็เคยเป็นตัวเล็กๆแบบนี้แหละ ”

    “ ใช่เลยลูกพ่อ ลูกหมาก็เคยตัวแดงๆเหมือนน้องนี่แหละ ฮ่าๆๆ ”

    แทยอนยืนหัวเราะลูกสาวของตัวเอง ไม่ว่าจะที่ไหนหรือเมื่อไหร่ยูบินก็ยังน่ารักได้เสมอ นี่ล่ะหนาที่เขาเรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว ดังนั้นยูบินน่ารักก็ย่อมเหมือนตัวของเขาเองนั่นแหละ น่ารักเนอะลูกพ่อ ฮุๆๆ

    “ เหมือนกันหรอ แล้ว...ใครน่ารักกว่ากันอ่ะป๊ะป๋า ” 

    มาแล้วความสงสัยที่ไม่อยากจะให้มีเลย ลูกหมากำลังอยากรู้ว่าระหว่างตัวเองกับน้องน้อยที่นอนออยู่ในอ้อมแขนของแม่นั้น ใครกันที่มีความน่ารักน่าชังมากกว่า งานนี้พ่อแม่และปูย่าต้องหาคำตอบดีๆมาให้เจ้าตัวป่วนนี่แล้วล่ะ ถ้าตอบไม่ดีมีหวังได้เฮกันแน่นะเออ

    “ เอ่อ...ก็...ทั้งสองคนแหละ เหมือนกันไม่ใช่เหรอ เหมือนกันก็ต้องน่ารักเท่ากันสิลูก ”

    ไม่รู้จะบอกกับลูกยังไงดี ก็คนนั้นก็เบบี๋ส่วนคนนี้ก็ลูกหมา ยูบินก็น่ารักในแบบของตัวเอง คือทะลึ่งทะเล้นเห็นอะไรเป็นต้องสงสัยไปตามวัยที่เริ่มอยากรู้ แต่ทารกน้อยก็น่ารักน่าชังในแบบไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร น่ารักสดใสในแบบใสซื่อบริสุทธิ์ ดังนั้นมันจึงเปรียบเทียบกันไม่ได้จริงๆ

    “ ไม่เอาเท่ากันอ่ะ บอกมาดิว่าใครน่ารักกว่ากัน หม่าม๊าตอบมาเลย ”

    คราวนี้กลายเป็นทิฟฟานี่ที่ต้องตอบคำถามอันแสนจะยากลำบากนี้แล้ว ในเมื่อแทยอนให้คำตอบดีๆกับลูกหมาไม่ได้ ดังนั้นทิฟฟานี่ผู้เป็นดั่งเทพีแห่งแสงสว่างจึงต้องจัดการเอง

    “ ถ้าจะหาว่าใครน่ารักมากกว่ากันแม่คงตอบหนูไม่ได้ แต่ถ้าถามว่าใครน่ารักก่อนนั้น แม่ตอบได้เลยว่าเป็นหนูนะจ๊ะลูกหมาของแม่ ”

    “ ฮ่าๆๆ...โอเคหนูน่ารักก่อนน้อง ฮี่ๆๆ ”

    ยูบินหัวเราะชอบใจกับคำตอบที่ตัวเองเพิ่งจะได้มา แม่การันตีมาแล้วว่าเด็กหญิงน่ารักก่อนน้อง ของมันก็แน่นอนอยู่แล้วล่ะ ทิฟฟานี่หาทางออกได้ดีสมกับเป็นเทพีแห่งแสงสว่างจริงๆ ก็ยูบินเกิดก่อนน้องย่อมน่ารักก่อนน้องสิจริงไหม คำตอบนี้ถ้าไม่ฉลาดแกมโกงคงคิดไม่ได้นะเนี่ย

    “ พี่น่ารัก่อนน้องนะจำเอาไว้...น้องเอ๋ย ”

    ว่าแล้วเจ้าตัวป่วนก็หันไปพูดกับน้องน้อยที่นอนหลับใหลด้วยอารามดีใจจนสุขล้น เพราะเพิ่งจะได้รับคำชมว่าน่ารักมาจากแม่หยกนี่นาเป็นใครล่ะจะไม่ดีใจ พูดกับน้องเปล่าๆก็คงไม่ใช่ยูบินแล้วล่ะ มือป้อมๆก็ยื่นเข้าไปให้แก้มยุ้ยของทารกซึ่งนอนหลับตาพริ้ม พี่สาวมองแล้วมองอีกก่อนจะเอานิ้วจิ้มลงไปที่แก้มป่องๆนั่น พร้อมกับเอามืออีกข้างบีบจมูกของน้องเบาๆแต่เจ้าตัวไม่รู้หรอกว่าน้องหายใจไม่ออก

    “ อุ๊แว๊ ”

    “ ยูบิน...หนูทำอะไรลูก ”

    “ รักน้องไงหม่าม๊า ”

    ทิฟฟานี่ตกใจที่เห็นยูบินแกล้งน้องแบบนั้น เห็นยิ้มและพูดคุยกับน้องอย่างใจดี แต่ไม่รู้ทำไมไอ้ลุกคนนี้กับทำร้ายน้องได้ลงคอ มันรักน้องยังไงของมันกันแน่นะ กรุณาอย่ารักกันแบบนี้บ่อยๆนะลูกไม่งั้นน้องได้ตายแน่ๆเลย

    “ รักน้องแบบนี้ไม่ได้นะลูกหมา เดี๋ยวน้องก็ได้นอนหลับยาวหรอกลูก ”

    แทยอนก็บอกก็สอนลูกบ้างตามสมควร ยูบินไม่รู้เรื่องอะไรมากนักเขาจึงต้องบอกให้ลูกได้ประจักษ์ว่าอะไรควรทำไม่ควรทำ แต่เชื่อเถอะว่ายูบินนั้นไม่ค่อยจะเชื่อฟังพ่อสักเท่าไหร่หรอก คนที่บอกได้และเอายูบินอยู่ก็มีแค่ทิฟฟานี่คนเดียวเท่านั้น แม่หมีเท่านั้นที่จะสั่งสอนยูบินได้อยู่หมัด

    “ หลับยาวแค่ไหนอ่ะป๊ะป๋า ”

    กวนทีน...ลูกใครหว่ามันกวนจริงเชียว บอกมันปุ๊บมันก็ยอกย้อนกลับมาปั๊บ นี่ถ้าไม่เกรงใจพ่อกับแม่ที่มาเยี่ยมทิฟฟานี่กับลูกน้อยคนที่สองนะพ่อจะเตะลูกหมาให้กลิ้งเป็นลูกบอลเลยคอยดูสิ เตะลูกโชว์เมียเนี่ยมันน่าภูมิใจยิ่งนัก

    “ ก็ยาวเท่าไม้เรียวของแม่ไงล่ะลูก อย่าทำแบบนี้อีกนะยูบิน ไม่งั้นแม่จะดัดหลังหนูให้ดิ้นเป็นปลาขาดน้ำเลย ”

    “ เอ่อ...ปู่กับย่าว่าเราไปดูอาเจสดีกว่ามั้ยยูบิน ป่านนี้คงกำลังลุ้นกันอยู่แน่ๆเลย ”

    เพราะกลัวว่าหลานรักจะถูกลูกสะใภ้จัดหนักเข้าให้ คนเป็นปู่เป็นย่าก็คงจะทนดูไม่ได้หรอกหนา แม้ว่าความจริงแล้วยูบินจะเป็นฝ่ายที่หาเรื่องเจ็บตัวก็เถอะ ถึงกระนั้นคนแก่ก็หวงหลานสาวอยู่ดี รู้ทั้งรู้ว่าเด็กหญิงนั้นทำผิดแต่ปู่กับย่าก็ไม่คิดที่จะให้ลูกสะใภ้ลงโทษแก้วตาดวงใจของท่านๆได้






    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *






    “ ทางไหนวะเฮ้ย ”

    “ ซ้าย...ขวา ทางนี้ๆๆ ”

    ชายหนุ่มสองคนวิ่งวุ่นไปมาตามทางเดินซึ่งเน้นว่าให้เดินจริงๆ แต่คนมันรีบจึงไม่ได้ใส่ใจว่าเขาจะให้เดินหรือวิ่ง เอาเถอะไม่กลิ้งเข้ามาข้างในก็บุญแล้ว

    “ แน่นะ ไม่ใช่ว่าแกจะพาฉันหลงนะเว้ย ”

    คนที่รีบเร่งหวั่นเกรงว่าเพื่อนจะพาตนหลงทาง สารภาพตามตรงเลยว่าไม่เคยเดินผ่านแผนกที่กำลังตามหาเลยสักครั้ง หรือจะเรียกง่ายๆก็คือไม่ได้มาโรงพยาบาลนานเท่าไหร่แล้วจำไม่ค่อยได้ เพราะไม่ค่อยได้เจ็บป่วยก็เลยเห็นเป็นเรื่องธรรมดาที่เขาจะไม่รู้

    “ เออน่า...ถึงฉันจะไม่เคยมาแต่ฉันก็อ่านป้ายออกหรอกว่าทางไหนเป็นแผนกอะไรบ้าง ”

    ยุนอามั่นใจว่าตัวเองไม่ได้มองอะไรผิดไป แม้เขาจะไม่เคยผ่านมาแถวนี้แต่ก็ใช่ว่าเขาจะหามันไม่เจอเสียหน่อย วันนี้ท่านประธานบริษัทธุรกิจนำเข้าว่างพอดีจึงได้มีโอกาสมาลุ้นช่วยเพื่อน ก็นับว่าเป็นช่วงที่ดีจริงๆนะเพราะเขาจะได้ดูงานไปด้วยไง เผื่อเมียของตัวเองต้องมาจะได้ง่ายต่อการค้นหาและการปฏิบัติตัวเมื่อเจอเหตุการณ์จริง

    “ เฮ้...ไอ้ท่านประธาน ”

    “ หือ...ว่าไง...ไอ้ท่านรอง ”

    สองหนุ่มชะลอฝีเท้าลงจากที่วิ่งกันจนหอบตอนนี้ก็เปลี่ยนมาเป็นเดินคุยกันบ้าง ท่านประธานกับท่านรองเป็นตำแหน่งที่ใกล้เคียงสูสีกัน หากแต่แตกต่างด้วยที่ว่าเป็นตำแหน่งซึ่งอยู่คนละบริษัท ยุนอาดำรงตำแหน่งประธานบริษัทตามที่พ่อได้ว่ายวาน ส่วนยูริดำรงตำแหน่งรองประธานด้วยความสามารถของตัวเองเกือบจะล้วนๆ 

    เขาเริ่มจากการเป็นคนขับรถผู้ทำงานบ้างไม่ทำบ้าง เวลาทำงานก็มักจะถูกผู้เป็นแม่กลั่นแกล้งอยู่เป็นประจำ บางครั้งก็ให้ขับรถวนไปวนมาอยู่แถวๆบ้าน บ้างก็ใช้ให้ขับไปบริษัทหรือไปช้อปปิ้งบ้างตามสมควร ส่วนยุนอาก็เริ่มจากการเป็นครูชั่วคราวเขาได้เรียนรู้และได้ฝึกสอนเด็กนักเรียนไปในตัว การที่เขาได้ไปสอนหนังสือนั้นก็นับว่าเป็นโชคดี โชคดีที่ทำให้เขาได้เจอกับหญิงคนรักอยู่เป็นประจำ

    “ เมียแกจะมามั้ยอ่ะ ”

    “ มาสิ...เดี๋ยวเมียจ๋าก็มาถึงแล้ว จะมาที่นี่แหละ บอกว่าอยากจะมาเยี่ยมหลานกับพี่สาวน่ะ ”

    หลานก็หมายถึงเด็กน้อยที่กำลังจะคลอดในอีกไม่กี่อึดใจนี้ ส่วนพี่สาวก็หมายถึงเจสสิก้านั่นเอง สาวน้อยวัยละอ่อนทำใจและยอมรับได้แล้วว่าเจสสิก้ากับเจ้าหล่อนเป็นได้แค่นั้น แม้ว่าทั้งคู่จะเริ่มจากการเป็นคนรักกัน แต่แล้วทุกอย่างก็เปลี่ยนไปเมื่อต่างคนต่างก็มีใหม่ด้วยกันทั้งคู่ เจสสิก้านั้นอาจจะรู้สึกไม่ดีที่เป็นฝ่ายกระทำผิดต่อดานี่ก่อน แต่เด็กสาวก็ไม่เคยป้อนความผิดนั้นให้ไปสุมใจของอีกคนเลย เพราะอย่างน้อยทั้งคู่ก็ได้ชื่อว่าเคย...เคยเป็นคนรักกัน

    “ เฮ๊ย...นั่นไงห้องคลอด ไปเร็วไอ้เสือ ”

    ยุนอารีบลากยูริเพื่อเร่งฝีเท้าให้เร็วขึ้นเมื่อเขาได้เห็นป้ายบอกชื่อห้อง ตอนนี้สองหนุ่มมาจนถึงหน้าห้องคลอดแล้ว คุณหมอก็ถามหาญาติของคนท้องเพราะอยากรู้ว่าคุณพ่อต้องการจะเก็บภาพการทำคลอดของภรรยาบ้างไหม อีกอย่างคนไข้ต้องการจะเห็นหน้าของสามีเพื่อที่จะได้มีกำลังใจ ยูริรีบวิ่งเข้าไปในห้องๆนั้นโดยมียุนอาตามเข้าไปด้วย เพราะยูริอยากจะมีเพื่อนช่วยลุ้น และเชื่อว่าเจสสิก้าเองก็คงจะไม่อายหรอกหากจะมีตัวประกอบยืนอยู่กับพระเอก 

    ยูริกับยุนอามายืนอยู่ข้างๆเตียงคนไข้และมีคุณหมอกับพยาบาลคอยให้การดูแลอยู่ข้างๆด้วย คุณหมอกับพยาบาลยืนอยู่ข้างๆเตียงคนไข้อีกฝั่ง ส่วนยูริกับยุนอาก็ยืนอยู่ข้างเตียงอีกฝั่ง นายแพทย์หนุ่มคอยให้คำแนะนำกับเจสสิก้าอยู่ตลอด เขาจะบอกและกำหนดทุกอย่างเอาไว้เพื่อให้คนไข้ได้ทำตาม 
    คุณหมอผู้เจนสนามไม่ได้มีความวิตกใดๆกับเหตุการณ์น่าตื่นเต้นที่จะเกิดขึ้นในอีกไม่ช้านี้ เพราะเคยเห็นเหตุการณ์อย่างนี้มาบ่อยครั้งจนนับไม่ถ้วน นายแพทย์หนุ่มช่วยทำการคลอดให้กับคุณแม่มาแล้วหลายท่าน มีทั้งที่คลอดเองตามธรรมชาติและกรณีที่ต้องผ่าเอาเด็กออก กรณีหลังนี้สิถึงจะน่าเป็นห่วงมาก แต่สำหรับคนไข้รายนี้คงจะคลอดเองตามธรรมชาติเพราะปากมดลูกเปิดเต็มที่แล้ว

    “ พี่ยูล ”

    เจสสิก้าเรียกหาสามีพร้อมกันนั้นเธอก็ยื่นมือออกไปไขว่คว้าหามือของเขา ณ เวลานี้เธอต้องการกำลังใจจากคนรักมากที่สุด อยากได้ความรักความห่วงใยนั้นมาช่วยบรรเทาความเจ็บปวดที่ตนกำลังเผชิญอยู่ เมื่อก่อนไม่เคยรู้จริงๆว่าการที่จะเป็นแม่คนต้องเจออะไรบ้าง เคยได้ยินแต่คนอื่นหรือแม้กระทั่งคนใกล้ชิดสนิทสนมพูดคุยกัน ว่าการอุ้มท้องนั้นช่างยากลำบากแสนเข็ญ แต่ความทุกข์ยากนั้นหาใดเปรียบได้เท่ากับการที่จะต้องให้กำเนิดหนึ่งชีวิต คลอดหนึ่งครั้งเหมือนเอาชีวิตของเรานั้นไปแขวนอยู่กับเส้นด้ายหนึ่งหน ถ้าไม่มีปัญหาอะไรก็ปลอดภัยกันทั้งแม่ทั้งลูก แต่ถ้าคนมันจะถึงที่อยากจะรอดสักคนหรือไม่รอดเลยก็ได้ นี่คือสิ่งที่ทำให้เจสสิก้ากลัวการมีลูกด้วยเช่นกัน

    “ ครับที่รัก พี่อยู่นี่แล้วนะ น้องเจสไมต้องกลัวนะ ทำใจดีๆไว้นะครับ ” 

    ยูริรีบคว้ามือของเจสสิก้าเข้ามากุมเอาไว้ เขาจับมือของเธอเอาไว้แน่น เหมือนเป็นการปฏิญาณว่าเขาจะอยู่เคียงข้างเธอ ไม่ว่าจะสุขหรือทุกข์ จะเจ็บปวดมากมายหรือสุขสบายดี ควอน ยูริ คนนี้ยินดีและเต็มใจที่จะกุมมือของเธอคนนี้เอาไว้ตลอดกาล จะอยู่กับเธอไปจนกว่าวันสุดท้ายของชีวิตจะมาถึงเลย...สัญญา

    “ พี่ยูลอยู่กับเจสนะ ”

    “ ครับน้องเจส พี่จะอยู่กับน้องเจสที่นี่นะครับ จะอยู่ไปตลอดชีวิตเลยนะ เข้มแข็งไว้นะครับเมียของพี่ ”

    เจสิก้าพยักหน้าหงึกหงักเพื่อเป็นการแสดงให้คนรักเห็นว่าเธอเข้าใจ แม้ว่าในขณะนี้หน้าตาของเธอนั้นจะเหยเกขนาดไหน แต่กำลังใจนั้นเต็มเปี่ยม มือเล็กบีบเกร็งกับมือหนาใหญ่ของอีกคน เธอจะต้องต่อสู้และอดทนไปกับความเจ็บปวดที่เพิ่มมากขึ้นทุกที แต่ความทุกทรมานนี้จะจางหายไปหากว่าเมื่อใดที่เธอสามารถให้กำเนิดทารกน้อยได้สำเร็จ

    “ ปากมดลูกเปิดมากแล้วค่ะคุณหมอ ”

    พยาบาลสาวกล่าวรายงานให้ผู้บังคับบัญชาทราบถึงผลการเปลี่ยนแปลงของคนไข้ นี่เป็นครั้งแรกของพยาบาลสาวนางนี้ เธอเพิ่งจะมาทำงานในโรงพยาบาลแห่งนี้ได้ไม่นาน อะไรๆจึงดูจะเป็นเรื่องที่ทำให้เธอตื่นเต้นได้เสมอ แม้แต่ในเวลาแห่งชีวิตใหม่นี้ก็ด้วย

    “ คุณแม่ครับ...ฟังที่หมอจะบอกนะ ”

    “ ค่ะคุณหมอ ”

    คนเจ็บตกปากรับคำของแพทย์เจ้าของไข้ คุณหมอหนุ่มพยายามที่จะทำให้คนไข้ของตนผ่อนคลายมากที่สุด การพูดคุยและให้คำแนะนำนั้นจึงเป็นอีกทางหนึ่งที่จะช่วยให้การทำคลอดในครั้งนี้ผ่านไปได้ด้วยดี ผู้เป็นแพทย์ย่อมต้องการให้คนไข้ปลอดภัยซึ่งสิ่งนี้คือเรื่องที่หมอทุกคนให้ความสำคัญ

    “ เด็กหันหัวลงแล้วนะครับ คุณแม่ต้องสูดลมหายใจเข้าลึกๆ สูดลมหายใจให้เต็มปอดเลยนะครับ แล้วก็ค่อยๆปล่อยออกช้าๆ...อย่างนั้นล่ะครับดีมาก ” 

    เจสสิก้าทำตามที่คุณหมอหนุ่มแนะนำทุกอย่าง เธอหายใจเข้าลึกจนเต็มปอด แล้วก็ผ่อนลมหายใจออกอย่างช้าๆเพื่อต้องการทำสมาธิ ซึ่งนั้นคือสิ่งที่
    คุณหมอต้องการให้เป็น ไม่ใช่แค่เพียงคนไข้เท่านั้นที่ปฏิบัติตามคำแนะนำของหมอ แต่ญาติของคนไข้อย่างยูริกับยุนอาเองก็ทำตามไม่มีขาดตก หมอให้เจสสิก้าทำอะไรยูริทำตามหมด การกระทำของชายหนุ่มสองคนช่างเป็นภาพที่น่ารักสำหรับผู้ที่พบเห็นยิ่งนัก พยาบาลสาวสองสามคนถึงกับต้องอมยิ้มไปตามๆกัน

    “ คราวนี้เอาจริงๆแล้วนะครับ หายใจเข้าลึกๆเอาให้เต็มปอดเลยนะ จากนั้นก็...เบ่งครับ ”

    “ อื๊อ.... ”

    “ อ๊า... ”

    คุณแม่มือใหม่ออกแรงแบ่งตามที่คุณหมอให้จังหวะ เจสสิก้าทำหน้าที่ของเธอได้ดีแล้ว แต่เด็กก็ยังไม่โผล่ศระออกมาแม้ว่าจะมีคนช่วยเบ่งอยู่ข้างๆก็ตามที ยูริก็เช่วยเจสสิก้าเบ่งด้วยเหมือนกัน เขาพ่นลมหายใจอย่างหนักหน่วงเพราะต้องช่วยลุ้นให้ลูกคลอดออกมาเร็วๆ และแน่นอนว่ายุนอาก็ช่วยลุ้นด้วยเหมือนกันหากแต่เขาไม่ได้ออกแรงเบ่งเท่านั้นเอง

    “ เอาใหม่นะครับ คุณแม่หายใจเข้าลึกๆครับ ให้ลึกกว่านี้ครับ อย่างนั้นเลยครับ...เอ๊าเบ่ง ”

    “ อื๊อ...อื๊อ... ”

    “ อ๊า...อื๊อ... ”

    คนท้องก็ออกแรงเบ่งไปตามสมควร เธอเองก็ลุ้นให้ลูกคลอดออกมาเร็วๆเพราะตอนนี้คำว่าเฉียดตายมันเข้ามาใกล้เหลือเกิน แต่ว่าแม้จะออกแรงเบ่งแล้วเบ่งเล่าเจ้าลูกน้อยก็ยังไม่ยอมคลอดออกมาเสียที คุณหมอกับพยาบาลซึ่งอยู่ในห้องคลอดนี้ก็ลุ้นจนตัวโก่งพอๆกัน แต่ก็ไม่มีใครที่จะลุ้นได้เท่ากับคนที่จะเป็นพ่อของเด็กเลยสักคน

    “ คุณพ่อครับผมบอกให้คุณแม่เบ่งนะไม่ใช่คุณ กรุณาสงบสติอารมณ์ของคุณนิดนึงนะครับ หมอกับคนไข้ต้องการสมาธิ ”

    “ เอ่อ...ครับๆๆ ผมจะสงบสติอารมณ์ไว้ครับหมอ น้องเจสสู้ๆนะครับ ”

    ดูเหมือนว่าคุณหมอจะเริ่มรำคาญยูริเต็มทีถึงขนาดที่ต้องเอ่ยปากเตือนให้เขาลุ้นอย่างเงียบๆ ก็คนมันตื่นเต้นจะให้ทำยังไง นี่ลูกคนแรกของเขาและเป็นหลานคนแรกของครอบครัวเลยนะ งานนี้คงต้องลุ้นกันให้ตัวโก่งเป็นสะพานโค้งเลยทีเดียว ทั้งหวาดเสียวทั้งตื่นเต้นเป็นอะไรที่ไม่เคยพบเคยเจอมาก่อนเลยในชีวิตนี้

    “ เอาล่ะ...อีกครั้งนะครับ คราวนี้คุณแม่เบ่งให้สุดแรงเกิดเลยนะครับ อย่าหยุดถ้าหมอไม่สั่งให้หยุดนะ ส่วนคุณพ่อ...ลุ้นได้นะครับแต่อย่าออกนอกหน้านัก...โอเค๊ ”

    “ โอเคครับหมอ...น้องเจสสู้นะครับ พี่จะเอาใจช่วย ”

    “ ค่ะพี่ยูล เจสจะสู้เพื่อลูกของเรา ”

    ทั้งคุณหมอและคนไข้ต่างก็ให้กำลังใจและตกปากรับคำของกันและกัน เป็นธรรมดาที่ความวุ่นวายนั้นย่อมเกิดเมื่อมีผู้คนมากมาย แค่หมอกับพยาบาลและคนไข้ก็นับว่าวุ่นวายมากพอแล้ว แต่คราวนี้มีญาติของคนไข้ด้วยนี่สิงานนี้ได้วุ่นวายกันหนักยิ่งกว่าเดิมแน่นอนนะเออ

    “ พร้อมนะครับ สูดลมหายใจเข้าลึกๆครับ หมอจะนับหนึ่งถึงสามนะครับ แล้วคุณแม่ก็ออกแรงเบ่งได้เลยนะ พร้อมแล้วนะครับ หนึ่ง...สอง....และ
    สาม เบ่งเลยครับ ”

    “ อือ...อื๊อ.... ”

    “ เด็กโผล่หัวออกมาแล้วค่ะ ”

    พยาบาลซึ่งเป็นผู้ช่วยหมอได้แจ้งผลของการพยายามของคนไข้และคนช่วยลุ้น เจสสิก้ากัดฟันเบ่งต่อไปเพราะคุณหมอได้สั่นเอาไว้ว่าไม่ให้หยุดถ้าหมอไม่ได้สั่ง คุณแม่มือใหม่ออกแรงเบ่งอย่างเต็มกำลัง ซึ่งเธอเองก็ไม่ได้รู้สึกว่าตัวเองเหน็ดเหนื่อยอะไร นายแพทย์หนุ่มได้ประเมินสถานการณ์แล้วว่าคนไข้ยังไหวเขาจึงได้ให้เธอออกแรงเบ่งอีก

    “ อื๊อ... ”

    “ อีกครับ ออกแรงอีกนิดครับ เด็กกำลังจะออกมาแล้วครับคุณแม่ ”

    “ น้องเจส...ลูกของเรา อื๊อ...ที่รักเบ่งอีก อื๊อ... ”

    คุณหมอเงยหน้าขึ้นไปมองคนที่ยืนอยู่ฝั่งตรงข้าม รู้สึกหมั่นไส้ญาติคนไข้นิดๆทั้งที่สั่งเอาไว้แล้วว่าปล่อยให้เป็นหน้าที่ของหมอและคนไข้ แต่ดูเหมือนว่าพ่อหนุ่มคนนี้จะไม่ได้เก็บเอาไปใส่ใจเลยสักนิด แถมยังลุ้นหนักยิ่งกว่าเดิมเสียอีก ในเมื่อทำอะไรไม่ได้นายแพทย์หนุ่มจึงต้องทำใจและหันมาให้ความสนใจกับคนไข้ตามเดิม

    “ ต่อครับๆ ดีมากครับ อีกนิดครับ ”

    “ อื๊อ...จะไม่ไหวแล้วหมอ ”

    “ อีกนิดครับ อีกนิด...ใกล้แล้วครับ ”

    “ อื๊อ...อื๊อ...อ๊าย... ”

    “ อื๊อ...ย๊า...ลูกพ่อ ”

    “ อุแว๊ๆๆ ”

    เสียงร้องของทารกแรงเกิดดังก้องไปทั่วทั้งห้องทำคลอด ทุกๆคนต่างพากันชื่นชมและยินดีกับความพยายามของเจสสิก้า ทารกตัวน้อยได้ออกมาหายใจเอาอากาศเข้าปอดเองแล้ว เจสสิก้าแสดงอาการเหน็ดเหนื่อยจากการคลอดลูกเองออกมาอย่างเห็นได้ชัด ใบหน้าและลำตัวของเธอของเธอเต็มไปด้วยเหงื่อที่หลั่งออกมาจนเปียกชื้นไปหมด การหายใจหอบถี่ก็ยิ่งบ่งบอกได้ว่าเธอหมดแรงแล้วจริงๆ

    “ เด็กแข็งแรงดีนะครับคุณแม่ ”

    “ ค่ะ...ขอบคุณค่ะหมอ ”

    เจสสิก้าตอบรับคำของนายแพทย์ผู้ทำคลอดด้วยน้ำเสียงเหนื่อยอ่อน หญิงสาวไม่เหลือแรงแม้แต่จะพยุงตัวเองให้ลุกขึ้นมานั่งได้ เธอจึงเกร็งลำคอและยกมันขึ้นมาให้สูงเหนือหมอนและชำเลืองตามองไปยังเด็กทารกตัวแดงๆซึ่งยังมีเลือดติดตามเนื้อตัวอยู่เลย เด็กทารกเพศหญิงเป็นลูกสาวคนแรกของเจสสิก้ากับยูริ เด็กคนนี้เกิดมาจากความรักซึ่งไม่ได้ออกแบบใดๆเลย ลูกของคนสองคนที่เพิ่งจะมารักกันหลังแต่งงาน

    “ เอ่อ...ไม่ทราบว่าคุณพ่อจะเป็นคนตัดสายสะดือเองมั้ยครับ ”

    หมอหมุนตัวพาเด็กทารกตัวน้อยหันมาทางยูริซึ่งกำลังยืนทึ่งกับผลงานของตัวเอง มันคงจะเป็นความทรงจำที่ดีของพ่อกับลูก หากผู้พ่อนั้นจะเป็นคนที่ตัดสายสะดือให้กับลูกของตัวเอง ยูริยืนกลืนน้ำลายเฮือกใหญ่ลงคอ พร้อมกันนั้นพยาบาลสาวก็เดินถือกรรไกรสำหรับใช้ในการแพทย์มายื่นให้กับเขา คุณพ่อลูกหนึ่งหยิบเอากรรไกรนั้นมาถือไว้ในมือ ในขณะที่หมอก็อุ้มเด็กทารกเข้ามาใกล้เขาอีกนิด

    “ ตัดเลยครับคุณพ่อ ”

    “ เอ่อคุณหมอ...ผม...ผม...จะเป็นลมแล้ว ”

    “ อ้าวเฮ๊ย...ยูริ ควอน ยูริ ”

    ยุนอาร้องเรียกชื่อของเพื่อนเมื่อเขาเห็นไอ้ดำมันทรุดฮวบลงไปนอนกองอยู่กับพื้น อะไรมันจะอ่อนแอปานนี้รู้อยู่หรอกว่ายูริกลัวเลือด แต่ไม่คิดว่ามันจะกลัวได้ขนาดนี้ แต่เลือดติดตามตัวลูกเองนะมันยังเป็นลมเลย แล้วถ้ามันเจอเยอะกว่านี้ล่ะจะไม่ต้องหามกันไปรักษาเลยเหรอ แกอ่อนมาเลยนะ ควอน ยูริ

    “ อ้าว...คุณพ่อไปซะแล้ว หมอตัดให้เองก็ได้ครับ ”

    “ คุณหมอคะ ฉันจะแจ้งเกิดเลยได้มั้ยคะ ”

    “ ได้ครับ เดี๋ยวค่อยให้คุณพ่อไปติดต่อแจ้งเกิดกับนายทะเบียนนะครับ ว่าแต่เด็กน้อยคนนี้มีชื่อว่าอะไรเหรอครับ ”

    “ ซูจองค่ะ ฉันจะตั้งชื่อให้ลูกสาวคนนี้ว่า...ควอน ซูจอง ”






    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *






    “ เมียจ๋าถึงไหนแล้วคะ ให้สามีไปรับมั้ย ”

    ( เมียจ๋ามาถึงเกาหลีแล้วนะคะ สามีไม่ต้องมารับหรอกนะ )

    หลังจากที่ได้ไปศึกษาและช่วยยูริลุ้นลูกสาวคนแรกแล้ว ยุนอาก็มานั่งเล่นอยู่หน้าห้องพักของคนที่เขาเพิ่งจะไปให้กำลังใจมาหมาดๆ คนเพื่อนมีครอบครัวที่สมบูรณ์แบบแล้วก็นึกอิจฉา เขาอยากจะมีแบบนี้บ้าง อยากจะมีเมียมีลูกอยู่ด้วยกันพร้อมหน้า แต่กว่าจะได้มีเวลาแห่งความสุขอย่างเพื่อนรักก็เห็นจะอีกนานหลายปี เพราะว่าแม่ของลูกนั้นยังไม่บรรลุนิติภาวะเลยนะเออ

    “ ไม่ให้ไปรับแล้วเมียจ๋าจะมายังไงคะ สามีเป็นห่วงนะ ” 

    ความรักความห่วงใยที่ยุนอามีต่อดานี่ไม่เคยที่จะลดน้อยลงไปเลยสักนิด เมื่อก่อนเขารักและถะนุถนอมเธอยังไง ปัจจุบันนี้ก็ยังคงความรู้สึกนั้นเอาไว้เสมอ เฉกเช่นเดียวเดียวกับความลับที่เขาเองนั้นได้เก็บไว้เรื่อยมา ความจริงที่เขาไม่เคยได้บอกดานี่เลย ถ้าเด็กสาวรู้เข้าเธอจะยังรักเขาอยู่ไหมนะ หรือว่าจะโกรธเป็นฟื้นเป็นไฟไม่มองหน้ากันเลยก็ยังต้องลุ้นอยู่

    ( เมียจ๋ามีคนมารับแล้วค่ะ สามีไม่ต้องเป็นห่วงนะคะ )

    เสียงใสจากปลายสายนั่นบอกได้เลยว่าเธอปลอดภัยและสบายดี ดานี่คงจะมีคนของท่านนายพลไปรับถึงสนามบินนั่นแหละ จะว่าไปนี่ก็เป็นส่วนหนึ่งของข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ทั้งสองฝ่ายเข้าใจกันเป็นอย่างดี ดานี่กับยุนอาจะต้องไม่ไปเจอกันที่ต่างประเทศ หากยุนอาทนคิดถึงดานี่ไม่ไหวก็ต้องมีคนของท่านนายพลติดตามไปด้วย และห้ามไม่ให้ทั้งสองคนอยู่กันตามลำพัง ยุนอาก็ปฏิบัติตามนั้นไม่ขาดตกบกพร่อง เพราะรักดานี่เขาถึงได้เชื่อฟังพ่อตาทั้งหมดก็เพื่ออนาคตที่ดีของเขาและดานี่เองนั่นแหละ

    “ ก็ได้ค่ะ สามีไม่ไปรับก็ได้ แต่สามีจะรอเมียจ๋าอยู่ที่โรงพยาบาลนะคะ ”

    ( ค่ะ มีคนมารับแล้วค่ะ แล้วเจอกันนะคะที่รัก )

    คุยกับคนรักได้ไม่กี่คำเจ้าหล่อนก็วางสายหนีเขาไปเสียแล้ว ทั้งรักและเป็นห่วงแต่ก็ต้องเชื่อฟังและเชื่อใจกันให้มากๆ ยุนอาทำได้แค่รอให้ดานี่มาหา
    เขาที่นี่ที่โรงพยาบาลแห่งนี้ ดวงตากลมใสจับจ้องไปยังช่อดอกไม้ช่อมหึมาที่วางอยู่เก้าอี้ตัวข้างๆ เพราะว่าเมียรักจะกลับมาเยี่ยมบ้านเยี่ยมใครต่อใครที่เกาหลี สามีคนนี้จึงได้ไปสั่งดอกไม้ไว้เพื่อรอต้อนรับเธอกลับมา หวังว่าดอกไม้ช่อนี้คงจะไม่เป็นหมันหรอกนะ 

    “ เดินทางปลอดภัยนะคะเมียจ๋า สามีจะนั่งรออยู่ตรงนี้ไม่ไปไหนนะคะ ”






    อีกมุมหนึ่งของเกาหลี รถยนต์คันหรูกำลังแล่นอยู่ตามท้องถนน รถคันนี้เพิ่งจะออกมาจากสนามบิน และตอนนี้ก็มีจุดมุ่งหมายคือโรงพยาบาลแห่งหนึ่ง เด็กสาววัยใสนั่งเหม่อมองออกไปภายนอกห้องโดยสาร กี่เดือนกันแล้วนะที่เธอได้เดินทางจากแผ่นดินแม่ไปศึกษาต่อยังต่างประเทศ นานแค่ไหนกันแล้วนะที่เธอไม่ได้เจอกับคนรักแบบตัวเป็นๆ คิดถึงเขาคนนั้นจังเลย อยากมาหาอยากอยู่ด้วยแต่ก็ทำไม่ได้ เพราะข้อตกลงที่ผู้ใหญ่ได้ให้สัญญากันไว้มันค้ำคอของเธอ

    “ ดานี่...ดานี่...คิม ดานี่ ”

    “ เอ่อ...คะ พี่ยง ”

    เด็กสาวสะดุ้งเมื่อเธอถูกญาติผู้พี่ซึ่งนับถือเหมือนพี่ชายเอ่ยทัก เพราะมัวแต่ในลอยออกไปล่องลอยในอากาศ ดานี่เลยมีปฏิกิริยาแบบนี้ออกมา ยงฮวาได้แต่อมยิ้มกับอาการของน้องสาว ไม่ต้องบอกก็รู้ว่าดานี่ใจลอยไปหาใคร มีอยู่คนเดียวเท่านั้นที่เด็กสาวจะคิดถึงได้จนไม่มีสติอยู่กับพี่ชายและพี่สะใภ้แบบนี้

    “ ไปถึงไหนแล้วล่ะ ”

    “ อะไรคะ...ไปถึงไหนที่ว่า ”

    ดานี่ไม่เข้าใจกับคำถามของยงฮวาสักเท่าไหร่ เธอเคียงคอมองเขาจากด้านหลัง อยากรู้ความหมายของคำถามนั่นเหมือนกัน แต่ดูเหมือนพี่ชายจะไม่
    ตอบอะไรเธอ เพราะเขาก็ยังคงนั่งอมยิ้มแล้วขับรถต่อไป งานนี้คงต้องพึ่งพี่สะใภ้เสียแล้วล่ะ 

    “ พี่ซอบอกหนูได้มั้ยคะ หนูไม่เข้าใจจริงๆค่ะ ” 

    “ หึๆๆ ทำไมชอบแกล้งน้องนักนะคุณ ก็ใจของเราไง ตอนนี้ใจของเราน่ะลอยไปถึงไหนแล้วจ๊ะ ”

    พอพี่สะใภ้เฉลยเท่านั้นแหละดานี่ก็ถึงกับอายม้วนกันเลยทีเดียว เด็กสาวถูกทักแบบนี้ก็ออกอาการไปไม่เป็นให้พี่ชายกับพี่สะใภ้ได้อมยิ้มกันถ้วนหน้า ดานี่ยังอายได้อีกเธอหันซ้ายหันขวาหาที่พักสายตาเพื่อหนีความอาย แต่ยงฮวาก็แอบมองเธอผ่านกระจกมองหลังแล้วยิ้มให้อย่างมีเลศนัยก่อนจะหันไปยิ้มให้กับภรรยา

    “ จะอายทำไมล่ะดานี่ เรื่องแบบนี้ไม่ต้องอายหรอกน่า พี่กับพี่สะใภ้ชินแล้ว ”

    ยังมิวายที่จะเอ่ยปากแซวน้องสาวจริงๆ ยิ่งดานี่เหนียมอายมากเท่าไหร่ยงฮวาก็ยิ่งอยากจะแกล้งเธอเล่นมากขึ้นเท่านั้น ซอฮยอนเห็นสองคนพี่น้องเล่นกันเธอก็เผยยิ้มสวยออกมา นี่เป็นรอยยิ้มที่มาจาอกใจของเธอจริงๆ ไม่ใช่การแสร้งยิ้มเหมือนอย่างที่เคยทำมา นับตั้งแต่วันนั้น วันที่เธอพยายามกีดกันดานี่กับยุนอาออกจากกันด้วยแผนร้ายๆของเธอ ซอฮยอนก็ได้รู้ว่าใครกันที่รักเธอที่สุด ยุนอาคือคนที่เธอยังรักแต่ยงฮวาคือคนที่รักเธอไม่คลาย แม้ว่าเธอจะทำเรื่องเลวร้ายเกินให้อภัยเขาก็ยังรักและรับได้กับสิ่งที่เธอทำ คำพูดหนึ่งคำในวันนั้นได้เปลี่ยนทุกอย่างให้มาเป็นดังเช่นวันนี้ คำๆนั้นก็คือคือว่า...รัก ผมรักคุณไม่ว่าคุณจะเป็นยังไงก็ตาม ต่อให้คุณเป็นนางมารร้ายหรือเป็นปีศาจเลือดเย็น ใครจะมองคุณเป็นยังไงผมไม่สน เพราะผมรักคุณ และจะรักตลอดไป วันนี้คุณยังไม่รักผมก็ไม่เป็นไร แต่สักวันผมก็ยังหวังว่าคุณจะรักผมได้ในที่สุด ผมจะรอจนกว่าคุณจะรักผมนะ ซอ จูฮยอน

    “ แซวน้องไปเรื่อยเลยนะคะคุณ ”

    “ ครับผม ผมไม่แซวน้องแล้วก็ได้ งั้นผมแซวคุณแทนนะ ”

    พอไม่แซวน้องสาวแล้วยงฮวาก็หันมาแซวภรรยาที่รักของเขาแทน ด้วยความรักที่มั่นคงและความดีที่ไม่เคยจากหาย วันนี้ยงฮวาได้ใจของคนที่เขาหลงรักมาครองจนหมดแล้ว ทั้งตัวและหัวใจของซอฮยอนได้เป็นของเขาแต่เพียงผู้เดียว เวลาและความรักที่เขาเคยทุ่มเทไปไม่ได้เสียเปล่า ความรักความจริงใจของเขาได้ตอบแทนมาเป็นคำว่าครอบครัวอบอุ่นดังเช่นวันนี้ และจะอบอุ่นยิ่งขึ้นเมื่อถึงอนาคต

    “ คุณจะแซวอะไรล่ะคะคุณยงฮวา ”

    “ คุณว่าผลงานของเราจะเป็นยังไงบ้างครับ จะน่ารักเหมือนผมบ้างมั้ย ”

    ยงฮวาเริ่มจู่โจมภรรยาของเขาด้วยถ้อยคำที่ทำให้คนฟังด้วยเกิดความสงสัย ดานี่มองพี่ชายสลับกับมองพี่สะใภ้ไปมา เด็กสาวยังไม่เข้าใจว่าพี่ๆทั้งสองคนคุยเรื่องอะไรกัน ต่างจากซอยอนซึ่งนั่งยิ้มบางๆพร้อมกับสายตาที่จ้องมองไปข้างหน้า ยงฮวาเหลือบมองหญิงคนรักชั่วอึดใจก่อนที่เขาจะหันไปมองท้องถนนตามเดิม

    “ ฉันจะไปรู้ได้ยังไงเล่า ถามอะไรแปลกคน ”

    ดูเหมือนซอฮยอนจะเขินอายให้น้องของสามีได้เห็น นับว่าเป็นครั้งแรกที่ดาได้เห็นภาพน่ารักๆของชายหญิงคู่นี้ ปกติเวลาที่ทั้งคู่อยู่ด้วยกันจะมีแต่อารมณ์นิ่งเฉยหรือไม่ก็ขุ่นมัว แต่ตอนนี้ทุกอย่างเปลี่ยนไปหมดแล้ว เดี๋ยวนี้พี่ชายกับพี่สะใภ้ของเธอหวานกันให้น้องสาวได้อิจฉา ว่าแล้วก็คิดถึงยุนอาจังเลย

    “ แปลกที่ไหนกันคุณ ลูกของผมก็ต้องน่ารักเหมือนผมแน่นอน ดานี่...อีกหน่อยพี่กับพี่สะใภ้จะมีน้องให้เราล่ะ คอยเลี้ยงลูกของพี่นะน้อง ”

    “ จริงเหรอคะ พี่ซอจะมีน้องให้หนูเลี้ยงจริงๆเหรอคะ ยินดีด้วยนะคะพี่ๆ ”

    “ จ้ะ...พี่ท้องได้สองเดือนแล้วล่ะ พี่จะให้ดานี่เลี้ยงน้องให้นะ ฝึกเอาไว้เผื่อจะได้เลี้ยงลูกของตัวเองนะจ๊ะ ”

    “ เอ่อ...ของหนูยังอีกนานหลายปีค่ะพี่ซอ ถ้าไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลง...นะคะ ”

    มันเป็นเรื่องของอนาคตดานี่เข้าใจดี ไม่มีอะไรที่จีรังยั่งยืนได้ตลอดไป วันเวลายังผันเปลี่ยนแล้วอะไรๆก็เปลี่ยนได้เช่นกัน ระยะทางที่ห่างกันออกไปมันจะทำให้ใจของคนห่างตามไหมหนอ ที่ยังรักและยังรอก็เพราะยังไม่เบื่อหน่ายใช่หรือไม่ ตัวเธอเองก็ยังเด็กมากนักยังไม่ประสีประสากับความรักเท่าที่ควร ดังนั้นมันก็มีสิทธิ์ที่อะไรจะเปลี่ยนแปลงไปได้ กลัวทั้งใจของตัวเองและกลัวใจของอีกคน

    “ ดานี่...ยุนอาเป็นคนมั่นคงนะจ๊ะ เขารักเดียวใจเดียว เวลาที่เขารักใครเขารักจนหมดใจเลยนะ เขายอมตายเพื่อเรามาแล้วไม่ใช่เหรอ ไม่ว่าวันข้างหน้าจะเป็นยังไงอย่าไปคิด ทำวันนี้ที่มีอยู่ให้สมกับที่เรารักเถอะนะ เชื่อใจคนรักของเรานะจ๊ะแล้วเวลาจะพิสูจน์ให้รู้ว่าใจของคนบางคนก็ไม่มีอะไรที่จะมาเปลี่ยนได้เลย ”







    รอแล้วรอเล่าสาวเจ้าที่หมายปองก็ยังไม่มา ไม่รู้ว่าน้องนางจะปล่อยให้พี่คอยท่าไปอีกนานแค่ไหน มองดูนาฬิกาซึ่งมีเวลาที่เดินอย่างช้าๆแล้วก็อดเป็นห่วงไม่ได้ อยากจะไปหา อยากจะเจอหน้า อยากจะชิดใกล้ อยากอยู่ข้างกายของเธอผู้เป็นที่รัก แต่เขาไม่สามารถทำได้อย่างที่ใจปรารถนา ชีวิตนี้คงต้องรอเวลาอันสมควรเท่านั้นเอง

    “ เมียจ๋าถึงไหนแล้วนะ ทำไมเงียบหายไปแบบนี้ สามีเป็นห่วงรู้มั้ยคะ ”

    ตื๊ด...ตื๊ด...ตื๊ด...!!!

    ในระหว่างที่นั่งรอดานี่อยู่นั้นเสียงเตือนจากโทรศัพท์ก็ดังขึ้นมาขัดจังหวะความคิดถึงทันที ยุนอาเหลือบมองไปยังเครื่องมือสื่อสารที่กำลังสั่นเป็นเจ้าเข้า ไม่ใช่เบอร์ที่เขาปรารถนาและรอคอยมานานหลายชั่วโมงเลยสักนิด เขาคิดแล้วคิดอีกก่อนที่จะกดรับสาย

    “ ครับคุณกาอิน ”

    (...........)

    “ ครับ ผมทราบแล้วครับ กำลังจะไปครับ ขอบคุณครับผม ”

    ท่านประธานคุยเรื่องงานกับเลขาคนสวย มันช่วยไม่ได้จริงๆที่เธอจะต้องโทรมาตามเขา บ่ายนี้มีนัดเซ็นสัญญาร่วมทุนกับนักธุรกิจต่างประเทศ บัดนี้ อิม ยุนอา ในวันวานผู้ซึ่งไม่เคยสนใจทำการทำงานของครอบครัวก็เปลี่ยนไป จากที่ไม่ใส่ใจอะไรเลยเขาก็ต้องมารับช่วงต่อจากผู้เป็นพ่อทุกอย่าง นั่นเพราะอยากสร้างรากฐานและวางอนาคตที่ดีให้กับตัวเองและคนรัก อยากทำให้ท่านนายพลวางใจและมั่นใจในตัวเขาสักที ว่าเขาคนนี้สามารถดูแลลูกสาวที่ท่านหวงแหนได้

    “ เมียจ๋ามาช้าจังเลย ทำไงดีนะ...มีงานต้องทำซะด้วยสิ ”

    ยิ่งคิดก็ยิ่งกลุ้มนักหนาเวลาก็กระชั้นชิดเข้ามาทุกที ดานี่มัวทำอะไรอยู่ที่ไหนกันนะทำไมป่านี้ยังมาไม่ถึงอีก ช่อดอกกุหลาบสีแดงสดยังคงวางอยู่ข้างกายของเขา อุตส่าห์ซื้อมาเพื่อที่จะมอบให้หญิงคนรักเองกับมือ ตอนนี้เริ่มไม่แน่ใจแล้วว่าเขาจะได้ให้เอง อีกไม่กี่นาทีเขาก็จำเป็นต้องไปทำงานแล้ว อาจจะต้องฝากยูริให้เป็นคนมอบดอกไม้ช่อนี้แทนล่ะมั้ง

    “ เฮ้อ...ได้เวลาแล้วสิ ”

    มองเข็มนาฬิกาที่อยู่กับข้อมือแล้วก็ต้องถอนหายใจหนักๆ ไม่อยากจะไปจากสถานที่แห่งนี้เลยสักนิด แต่ก็ติดที่ตัวเองนั้นมีหน้าที่ต้องรับผิดชอบ เพื่ออนาคตที่ดีและมั่นคงในวันข้างหน้า รู้ว่าการมารับตำแหน่งนี้อาจจะมีผลกระทบกับเวลา เวลาที่จะได้อยู่กับครอบครัวและคนรักอาจจะมีน้อยลง แต่นั่นก็คงเป็นสิ่งที่เขาจำต้องทำ

    “ เจ้าช่อดอกไม้ สุดท้ายเจ้าก็เป็นหมันจนได้นะ หึๆๆ เฮ้อ...สามีต้องไปแล้วนะคะเมียจ๋า แต่ดอกไม้ช่อนี้สามีจะฝากไว้กับไอ้ยูลมันนะ ”

    “ ให้เองกับมือไม่ได้เหรอคะ ”

    เสียงใสดังแว่วมาแต่ไกล หากแต่คนที่ได้ยินนั้นรู้ทันทีว่าใครเป็นเจ้าของเสียง สาวน้อยวัยกระเตาะสะพายเป้ใบย่อมไว้ที่ด้านหลัง เธอยืนจับสายสะพายทั้งสองข้างเอาไว้มั่น พร้อมกับยิ้มหวานส่งมาให้ใครอีกคน และใครคนนั้นก็คือยุนอาที่ยังอยู่ตรงนี้

    “ เมียจ๋า ”

    “ สามีขา ”

    “ เมียจ๋า... ”

    เร็วเท่าอย่างที่ใจนึก ยุนอาทิ้งช่อดอกไม้แล้วก็วิ่งเข้าไปหาเด็กสาวผู้ซึ่งยืนอยู่ไม่ไกลมากนัก ดานี่ปล่อยให้ยุนอาวิ่งออกตัวมาหาเธอก่อน จากนั้นแม่เด็กน้อยก็วิ่งเข้าไปหาเขาเช่นกัน เสียงฝีเท้าที่ก้าวยาวของทั้งคู่ดังไม่ขาดสาย ดานี่อาจจะต้องก้าวให้เร็วกว่ายุนอาเพราะเธอขาสั้นกว่าเขาเป็นไหนๆ และแล้วเสียงฝีเท้าก็ได้เงียบลงไปเมื่อคนทั้งคู่ได้มาอยู่ด้วยกัน

    ยุนอาย่อตัวลงไปจับที่เอวของดานี่จากนั้นเขาก็ออกแรงยกตัวของเธอให้ลอยขึ้นเหนือพื้น เด็กสาวเองก็สปริงตัวเองให้เด้งขึ้นตามจังหวะที่สามีส่งมา พร้อมกันนั้นเธอก็ใช้แขนทั้งสองข้างโอบรัดที่ต้นคอของอีกคน ยุนอากอดเอวของดานี่เอาไว้แน่น เขากอดแล้วก็เหวี่ยงให้ตัวเองกับหญิงคนรักหมุนไปด้วยกัน

    ความรักความคิดถึงที่มีมานนานวันนี้จะได้สมหวังเสียที แม้ยุนอาจะเหลือเวลาอยู่กับคนรักในตอนนี้แค่ไม่กี่นาทีก็ตาม อย่างน้อยที่สุดเขาก็ได้ทำตามที่ปรารถนาเอาไว้ อยากเจอดานี่อยากเจอหน้าคนที่ตัวเองรัก เวลาไม่กี่เดือนสำหรับบางคนมันอาจจะแสนสั้นนัก แต่เวลาของคนรักที่ต้องห่างกันมันช่างนานแสนนานเสียเหลือเกิน

    “ เมียจ๋า...สามีคิดถึงเมียจ๋าจังเลยค่ะ มาช้าจังเลยนะคะที่รัก ”

    ยุนอาออดอ้อนดานี่เป็นการใหญ่ เขาทั้งกอดทั้งหอมแก้มของคนรักอย่างได้ใจเป็นที่สุด พ่อยอดมนุษย์เจ้าเล่ห์หลายเหลี่ยมค่อยๆหย่อนตัวของอีกคนลงไปยืนบนพื้น จากนั้นเขาก็พยายามรื้อฟื้นความหลังพร้อมทั้งแสดงความเป็นด้วยการไซร้ซอกคอเล็กของอีกคน ดานี่ไม่ทันได้ตั้งตัวเธอจึงทำได้เพียงพยายามเลี่ยงให้ได้มากที่สุด แต่แรงของเธอนั้นไม่สามารถที่จะหยุดยุนอาได้ สุดท้ายก็เลยต้องไหลไปตามน้ำอยู่ดี

    “ พอแล้วค่ะ พอแล้วนะ มาช้าก็ยังดีกว่าไม่มาเลยนะคะที่รัก ไหนล่ะคะดอกไม้ที่จะให้เมียจ๋า ”

    “ ดอกไม้...จริงสิคะเมียจ๋า สามีโยนทิ้งไปเมื่อกี้เอง เดี๋ยวสามีไปเก็บก่อนนะคะ ”

    เพิ่งจะนึกได้ว่าตัวเองนั้นได้โยนของสำคัญทิ้งไป ก็มันตื่นเต้นดีใจที่ได้เห็นเมียนี่นา เพราะดีใจมากไปหน่อยเขาก็เลยปล่อยช่อดอกไม้ให้หลุดมือ เมื่อยากเชื่อก็ต้องเชื้อว่าวันนี้เสืออย่างยุนอาต้องสิ้นลายเพราะเด็กสาววัยกระเตาะคนนี้ ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะมาหยุดหัวใจไว้ที่เด็กสาววัยใกล้คุกใกล้ตารางอย่างดานี่

    “ หาไอ้นี่อยู่เหรอจ๊ะ ”

    “ อ๊ะ...ใช่เลยจ้ะหนู อาขอคืนได้มั้ยคะ ”

    ยุนอาหันกลับไปเพื่อที่จะไปเก็บเอาช่อดอกไม้ที่ตนทำหลั่นไว้ แต่พอเขาหันกลับไปก็เจอเข้ากับเด็กหยิงตัวน้อยหน้าตาน่ารักซึ่งกำลังหอบดอกไม้ช่อนั้นของเขาอยู่ ดอกกุหลาบสีสดช่อใหญ่ถูกเด็กน้อยวัยกำลังซนคนหนึ่งยึดครองไว้ เจ้าตัวน้อยคนนี้โผล่มาจากไหนก็ไม่รู้สินะ อยู่ๆมันก็มายืนหอบช่อดอกไม้ของเขาแบบนี้

    “ หึ...หนูเก็บได้แล้ว หนูจะเอาไปให้หม่าม๊า ”

    “ อ้าว...ได้ไงล่ะหนู นั่นมันดอกไม้ของอานะคะ ”

    “ หึ...ของหนูต่างหาก คนแก่ขี้ตู่เอาของเด็ก ไปหาป๊ะป๋าดีกว่านะเออ...ไปล่ะ ฮิๆๆ ”

    ว่าแล้วเจ้าตัวน้อยก็หันหลังกลับพร้อมกับวิ่งหลุนๆหนียุนอาไป ชายหนุ่มต้องการดอกไม้ช่อนั้นคืนจึงต้องวิ่งตาม ไม่ว่าจะอย่างไรยังไงเขาก็ต้องได้ดอกไม้ช่องามนั่นคืน ยูบินแอบมองแล้วก็วิ่งหนีต่อไปแต่ไปไหนไม่รอดเพราะยุนอาขายาวกว่าเด็กน้อยเยอะ ดังนั้นเจ้าตัวแสบจึงต้องตกเป็นนักโทษของคนตัวโตไปโดยปริยาย ยุนอาพยายามที่จะแย่งเอาช่อดอกไม้คืมาแต่ยูบินไม่ยอมปล่อยให้ สุดท้ายเขาจึงทำในสิ่งที่เป็นภาระนั่นคือการอุ้มยูบินมาหาดานี่ซะเลย

    “ จะเอาให้พี่สาวคนนี้เหรอจ๊ะ ”

    “ ค่ะ เอาดอกไม้ให้พี่สาวคนนี้เลยนะคะอาซื้อมาให้พี่คนนี้แหละ ”

    ยูบินแอบมองหน้าของยุนอานิดนึงก่อนที่เด็กน้อยจะหันกลับมาหาพี่สาวคนสวยซึ่งเป็นเจ้าของดอกไม้ช่อใหญ่ช่อนี้ แค่วิ่งมาเที่ยวเล่นเท่านั้นไม่คิดเลยว่าจะได้มาเจอกับพี่สาวคนสวยคนนี้เลย ไม่รู้ทำไมเหมือนกันแต่เห็นแล้วสะดุดตา คาดว่าคงจะเป็นพี่สาวผู้ใจดีเหมือนหม่าม๊าแน่ๆเลย

    “ อ่ะพี่สาว...หนูให้ ”

    “ ขอบคุณค่ะ ”

    ดานี่รับเอาดอกไม้ช่อใหญ่มาจากมือของเด็กน้อยผู้น่ารักซึ่งถูกยุนอาอุ้มไว้ด้านหน้า ชายหนุ่มมองหน้าของหญิงคนรักพร้อมกันนั้นเขาก็ยืนยิ้มหวานให้
    เธอ ยูบินเห็นยุนอายิ้มเธอก็ยิ้มตามด้วยเพราะมันเป็นพฤติกรรมอย่างนึงของเด็ก ซึ่งมักจะชอบเลียนแบบผู้ใหญ่

    “ ชอบมั้ยคะเมียจ๋า ”

    “ ชอบมากเลยค่ะที่รัก ”

    “ พี่สาวเป็นกิ๊กกับหนูป่ะ หนูไม่มีอะไรนอกจากใจปอนๆนะเออ ฮุๆๆ ”







    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×