ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #64 : Chapter 64

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.27K
      1
      10 ก.พ. 56

     

    งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก

     

    Chapter  64

     

    “ หมอ ช่วยพี่แทด้วยหมอ ช่วยสามีของฉันด้วยนะคะหมอ พี่แทอย่า อย่าทำแบบนี้ หายใจอีกครั้ง หายใจนะคนบ้า ”

    ทิฟฟานี่พยายามที่จะทำการปั้มหัวใจของแทยอน เพื่อให้เจ้าก้อนเนื้อที่ฝังอยู่ในอกนั้น มันกลับมาเต้นได้อีกครั้ง หลังจากที่มันได้หยุดทำหน้าที่ของมันไปชั่วขณะนึงแล้ว มือน้อยๆของคุณหมอคนสวย พยายามช่วยเหลือชีวิตของสามีอย่างเต็มที่ เธอจะไม่ยอมปล่อยให้คนที่กุมหัวใจของเธอนั้น จากไปแบบไม่มวันกลับทั้งๆที่ยังไม่หมดห่วงต่อกันเลย หากแทยอนจะจากเธอไปจริงๆแล้วนั้น อย่างน้อยก็อยากจะให้เขาได้ลุกขึ้นมาฟังคำขอโทษจากเธอบ้าง ขอให้เขาได้ฟังเธอบ้างสักคำ แค่พูดลาคำสุดท้ายก็ยังดี

    “ กลับมานะพี่แท กลับมาหาฟานี่นะ ใครกันที่สัญญาว่าจะอยู่ด้วยกันไปตลอดไง พี่แจะมาทิ้งฟานี่ไปแบบนี้ไม่ได้นะ หายใจได้แล้วที่รัก หายใจเถอะนะคนดี ”

    ไม่ว่าจะร้องเรียกยัง ไม่ว่าจะอ้อนวอนมากมายแค่ไหน ไม่ว่าเธอจะพยายามยังไง ไม่ว่าจะยอมแลกด้วยอะไรที่มีก็ตาม มันก็ไม่สามารถที่จะยื้อเอาชีวิตของคนรักไว้ได้  ยิ่งพยายามมากเท่าไหร่ ก็ยิ่งเหมือนกับเอามีดมากรีดลงบนหัวใจของตัวเองนั้น เพราะยิ่งทำก็เหมือนยิ่งไม่มีผล ยิ่งต้องการเข้าใกล้มากเท่าไหร่ ก็เหมือนกับยิ่งห่างไกลออกไปมากขึ้นเท่านั้น ยิ่งพยายามให้ความหวังกับตัวเองมากเท่าไหร่ ก็เหมือนกันยิ่งทำให้ตัวเองขาดใจตายเร็วขึ้นเท่านั้น

    “ ที่รักอย่าทำแบบนี้ กลับมาหาฟานี่ได้แล้วนะคนดี อย่าทำแบบนี้อีกเลย รักษาสัญญาที่ให้ไว้หน่อยสิที่รัก ฟานี่รักพี่แทนะคะ เพราะงั้น...กลับมาหาฟานี่นะ ”

    ไม่ว่าจะเป็นน้ำมูกหรือน้ำตา มันก็สามัคคีกันหลั่งไหลออกมาอยู่ไม่ได้หยุด ทั้งที่พยายามกลั้นเอาไว้แล้วแท้ๆนะ หากแต่ยิ่งฝืนก็เหมือนกับยิ่งกระตุ้นให้มันออกมา แม้จะรู้ว่าน้ำตากับน้ำมูกนั้นไหลออกมาอยู่ไม่ขาด เธอก็ไม่สามารถที่จะหาเวลาเอามือมาเช็ดมันออกไปได้ อย่างมากสิ่งที่เอทำแก้ขัดไว้ เห็นจะเป็นการยกแขนเสื้อขึ้นมาเช็ดน้ำตาบนใบหน้าของตัวเอง แทนที่จะใช้มือหยิบกระดาษชำราะมาซับมันเอาไว้

    “ ทิฟฟานี่ ถอยออกมา เดี๋ยวผมจัดการเอง ”

    คิบอมรีบกลับเข้ามาให้ห้องพักของแทยอน เขาเข้ามารั้งตัวของทิฟฟานี่เอาไว้ เพราะเขานั้นได้เห็นเธอทำตัวเหมือนคนบ้าไร้สติ ในขณะที่หมอคนอื่นๆก็กรูกันเข้ามายังเตียงคนไข้ คิบอมฝากยูบินไว้กับญาติของแทยอน นั่นก็คือเจสสิก้า เขาไมรู้หรอกว่าผู้หญิงคนนั้นเป็นใคร หากแต่พอยูบินเห็นหน้าของเธอแล้วก็ร้องเรียกว่าอาเจส นั่นแหละที่ทำให้เขาปล่อยเด็กน้อยให้วิ่งไปหาผู้เป็นอา เมื่อฝากฝังลูกหมาตัวจ้อยไว้กับญาติได้แล้ว คิบอมก็รีบกลับมาดูอาการขอแทยอนอีกครั้ง ประจวบเหมาะกับเป็นช่วงเวลาหน้าสิ่วหน้าขวาน พร้อมๆกับการที่เขาเห็นทิฟฟานี่เหมือนคนบ้า

    “ พี่แท ฉันจะช่วยพี่แท ปล่อยเถอะนะหมอ ให้ฉันได้ช่วยพี่แทเถอะนะ ฉันต้องช่วยสามีของฉันนะ ฉันกับพี่แทสัญญากันเอาไว้แล้วนะ ว่าจะอยู่ด้วยกันตลอดไป อย่าปล่อยให้เค้าทิ้งฉันไปไหนนะหมอ ”

    “ ครับ...ผมรู้ครับ แต่ว่าเชิญคุณออกไปก่อนนะครับ เพื่อที่เราจะได้ช่วยชีวิตของคนไข้ แล้วผมรับปากว่า ผมจะพาเขากลับมาหาคุณให้จงได้ ผมกับหมอคนอื่นๆจะทำให้สุดฝีมือ เพราะงั้นวางใจเราเถอะนะ ไว้ใจผมนะครับ ผมจะพาคุณแทยอนกลับมาหาคุณเอง...ผมสัญญา ”

     สัญญา...คำๆนี้มันช่างฟังแล้วคุ้นหูเหลือเกินนะ สัญญา...เราเคยสัญญาอะไรกับใครเอาไว้หรือเปล่าล่ะ ทบทวนดูสิว่าเคยไปให้คำมั่นสัญญากับใครไว้ไหม เราเคยไปให้สัญญาอะไรกับใครมาก่อนหรือเปล่า ทำไมมันถึงได้รู้สึกว่าถูกเหนี่ยวรั้งเอาไว้ด้วยคำๆนี้จัง รู้สึกว่ายังไม่สามารถจากไปไหนได้เลย เพราะคำว่าสัญญานี่แหละที่ฉุดรั้งเอาไว้ ทำยังไงถึงจะไม่ให้ตัวเองเป็นแบบนี้ล่ะ ทรมานใจจังเลยนะ ทรมานอย่างบอกไม่ถูกเลยว่าเป็นเพราะอะไร มันเพราะอะไรกันล่ะ อยากรู้จริงๆเลย

    มันรู้สึกเจ็บปวดรวดร้าวไปทั้งใจ รู้สึกว่าไม่สบายใจเลยสักนิด ทั้งที่ตอนนี้ทุกอย่างมันดูว่างเปล่าแล้วนะ ทุกสิ่งทุกอย่างมันดูเว้งว้างว่างเปล่า แต่ทำไมถึงได้รู้สึกปวดร้าวทั้งๆที่ไม่มีอะไรเลยแบบนี้ล่ะ ร่างกายไม่รู้สึกเจ็บปวดหรือหนักอึ้งอะไรเลยนะ แต่ทำไมจิตใจถึงได้ทรมานอย่างไม่รู้จบแบบนี้ ต้องทำยังไงกันล่ะ ต้องทำวิธีไหนกันนะ ความเจ็บปวดหนักหน่วงทุกข์ทรมานใจนี้ มันถึงจะหายขาดจากใจสักที เพราะคำสัญญาเหรอ เพราะว่าเคยสัญญากับใครเอาไว้ แล้วยังทำไม่ได้งั้นเหรอ มันถึงได้ส่งผลออกมาทำให้เจ็บปวดแบบนี้

    แล้วเราไปสัญญาอะไรเอาไว้กันนะ สัญญาอะไรที่ทำให้เรายังอยู่ ทั้งที่ความจริงจะไปแล้วนะ ร่างกายมันเหมือนเป็นอากาศธาตุไปแล้วด้วย มันรู้สึกเบาหวิวเหมือนกับจะล่องลอยออกไปในอากาศอยู่แล้ว ทุกอย่างที่อยู่ตรงหน้ามันดูว่างเปล่า ไม่ว่าจะมองไปทางไหนก็ดูจะโล่งไปหมด ลองเดินสำรวจดูก็ไม่เห็นถึงจุดหมาย ไม่เห็นเลยว่าตรงไหนเป็นจุดสิ้นสุด หรือว่ามันจะไม่มีกันนะ จุดที่เรียกว่าสิ้นสุด ต้องทำยังไงกันล่ะ ต้องทำตามสัญญาก่อนใช่ไหมถึงจะออกไปจากที่นี่ได้ สัญญาที่ว่านั้นมันคืออะไร ต้องใช้เวลาคิดก่อนใช่มั้ย ต้องคิดให้มากๆเลยด้วยสินะ

    “ พี่แทคะ กลับกันเถอะนะ ”

    “ กลับไปไหนเหรอ ”

    เสียง...ได้ยินแต่เสียง เสียงของคนที่คุ้นเคย แต่ยังนึกไม่ออกว่าเป็นเสียงของใคร พยายามที่จะนึกแล้วนะ พยายามมองหาไปทั่วแล้วด้วยล่ะ แต่ว่าเจ้าชองเสียงอยู่ตรงไหนก็ไม่รู้ ยิ่งมองหาก็เหมือนกับว่าจะยิ่งหาไม่เจอ เธอคนนี้เป็นใครกันนะ ทำไมถึงได้รู้สึกคุ้นเคยอย่างบอกไม่ถูกแบบนี้ เหมือนกับเรารู้จักกันมานานมากแล้วล่ะ แต่นึกหน้าของเจ้าของเสียงไม่ออกเลย มันเลือนลางจางหายจนจำไม่ได้แล้วนะ เหมือนจะลืมออกไปจากใจอยู่เหมือนกัน แต่ทำไมมันกลับไม่ลืมไปเลยล่ะ ไม่ได้ลืมไปเลยแต่จำไม่ได้ แปลกๆยังไงก็ไม่รูสิ ตกลงว่านี่มันยังไงกันนะ เธอเป็นใครกัน

    “ กลับบ้านไงคะที่รัก ”

    “ บ้าน...ที่รัก คุณเป็นใครกัน ทำไมมาเรียกผมแบบนี้ เรารู้จักกันเหรอ แต่ทำไมผมจำคุณไม่ได้เลยล่ะ ”

    ที่รัก...คำๆนี้เหมือนเคยได้ยินมาก่อนนะ เคยมีคนเรียกแบบนี้อยู่บ่อยครั้งเหมือนกัน ฟังแล้วให้ความรู้สึกอบอุ่นดีจังเลย มันเหมือนกับว่าตัวเองเป็นที่ต้องการของใครอยู่ ตัวเองยังมีความหมายกับคนอื่นๆอยู่ ว่าแต่...แล้วใครกันล่ะที่มาเรียกที่รัก เสียงผู้หญิงคนนี้ฟังดูคุ้นมากเลยนะ ต้องเป็นคนที่รู้จักกันสินะ ไม่อย่างนั้นไม่เรียกคนอื่นว่าที่รักหรอก แล้วตกลงว่าเธอเป็นใครกันล่ะ แล้วเราเป็นอะไรกันอย่างนั้นเหรอ...ที่รัก

    “ กลับบ้านกันเถอะนะคะพี่แท กลับบ้านพร้อมฟานี่นะ กลับไปหาลูกหมาของพี่แทไงคะ กลับบ้านของเราเถอะนะที่รัก ”

    “ แต่ผมออกไปจากที่นี่ไม่ได้ ผมหาทางออกไปไม่เจอ แม้แต่คุณ...ผมก็ยังมองไม่เห็นเลย แล้วผมจะเจอทางออกไปจากที่นี่ได้ยังไงกัน ยิ่งเดินก็ยิ่งไกลออกไปเรื่อยๆนะ ผมเดินวนไปวนมาจนหลงทางแล้วล่ะ ไม่รู้ว่าทางไหนเป็นทางไหนแล้ว ”

    “ แค่คุณเดิมตามเสียงของฉันมา เดินตามเสียงที่คุณได้ยิน คุณก็จะออกไปจากที่นี่ได้แล้วล่ะ ถ้าอยากกลับไปทำตามสัญญา สัญญาที่มันทำให้คุณไม่สบายใจ ถ้าคุณอยากทำมันให้สำเร็จ ก็จงเดินตามเสียงของหัวใจคุณมานะคะ เดินตามเสียงของฉันมานะ...คิม แทยอน ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ ฟานี่ ”

    “ ยัยเจส พี่แท...พี่แท ”

    คำพูดของทิฟฟานี่มันจุกอกจนบอกออกมาไม่ได้ มันยากเกินไปเธอไม่สามารถบอกกับเจสสิก้าได้เลย คุณหมอคนสวยวิ่งเข้าไปกอดน้องของสามีเอาไว้แน่น ตามด้วยการเอาใบหน้าซบลงกับไหล่เล้กของอีกคน ก่อนที่จะปล่อยโฮออกมาอย่างลืมอาย ทิฟฟานี่ไม่ได้สนใจแล้วว่าตอนนี้จะมีพ่อกับแม่ของสามีอยู่ด้วยหรือไม่ เพราะว่าเธอเสียใจเกินกว่าที่จะมาทำตัวเข้มแข็ง มันยากเกินไปที่จะทำเหมือนว่ายังแข็งแรงทั้งที่ตัวเองนั้นอ่อนแอเหลือเกิน

    “ พี่แท พี่แทต้องปลอดภัยสิฟานี่ พี่แทต้องไม่เป็นอะไรแน่นอน ”

    ทั้งที่ก็ไม่รู้หรอกว่าพี่ชายของตังเองจะเป็นยังไง แทยอนจะปลอดภัยสมพรปากของเธอบ้างไหมนั้น เจสสิก้าไม่มีทางที่จะรู้ได้เลยสักนิด เพราะเท่าที่ดูสภาพของพี่สะใภ้ในตอนนี้แล้ว เธอก็ไม่แน่ใจเท่าไหร่หรอกว่ามันจะมีทางเป็นไปได้ ขนาดทิฟฟานี่ที่เป็นคนเข้มแข็ง ไม่หวั่นไหวไปกับะไรง่ายๆ แต่วันนี้คนเข้มแข็งที่เธอเคยเห็นจนชินตา กลับต้องมากอดเธอเอาไว้แล้วร้องไห้ฟูมฟาย พูดจาก็ฟังกันแทบจะไม่รู้เรื่องอยู่แล้ว วันนี้ทิฟฟานี่ดูอ่อนแอเหลือเกิน อ่อนแอจนดูเหมือนไม่ใช่ทิฟฟานี่คนเดิมคนที่เธอเคยรู้จักเลยสักนิด

    “ เข้มแข็งไว้นะพี่สะใภ้ เข้มแข็งไว้สิเพื่อน ”

    “ ใช่ลูก หนูต้องเข้มแข็งนะหนูฟานี่ หนูต้องเข้าแข็งเพื่อพ่อกับแม่ และที่สำคัญไปกว่าพวกเรา หนูต้องเข้มแข็งเพื่อยูบินกับเด็กที่อยู่ในท้องด้วยนะลูก ”

    แทอูเห็นสภาพของลูกสะใภ้แล้วอดสงสารไม่ไหว เขาเองก็เสียใจกับเรื่องของลูกชายเหลือเกิน ส่วนซูจีผู้เป็นภรรยานั้นพอได้รู้ข่าวของแทยอน เธอก็ถึงเป็นลมแล้วเป็นลมอีก ตอนนี้อยู่ในการดูแลของลูกเขยอย่างยูริ แทอูยืนมองลูกสาวกับลูกสะใภ้กอดปลอบใจกันแล้วก็รู้สึกเวทนาอย่างบอกไม่ถูก ไม่รู้ว่านี่มันเป็นเวรเป็นกรรมอะไรนักหนา เมียที่กำลังต้องท้องอ่อนๆต้องมาพบเจอกับการที่จะต้องสูญเสียสามี ลูกหมาตัวน้อยๆที่ยังไม่รู้เรื่องรู้ราวอะไร ก็จะต้องมาเป็นเด็กกำพร้าพ่อ ที่หนักกว่าเห็นจะเป็นหลานน้อยที่ยังอยู่ในท้องของลูกสะใภ้นี่สิ เด็กคนนี้จะไม่มีโอกาสได้เห็นหน้าพ่อผู้ให้กำเนิดจริงๆน่ะเหรอ

    มือใหญ่ที่แฝงไปด้วยความรักความอบอุ่นของผู้เป็นพ่อสามี ได้วางลงไปบนเรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยของผู้เป็นลูกสะใภ้ ทิฟฟานี่เงยหน้าขึ้นมามองคนที่รักและให้ความเอ็นดูเธอแวบนึง หญิงสาวฝืนยิ้มให้กับพ่อของสามีอย่างลำบากยากเย็น รอยยิ้มที่แสนหวานปานน้ำผึ้งที่เธอเคยมี บัดนี้มันมีแต่ความขมขื่นกล้ำกลืนฝืนใจ รอยยิ้มที่แสร้งทำให้มันดูหวาน กลับกลายเป็นว่ามันมีแต่น้ำตาและความบอบช้ำ ไม่ต้องบอกอะไรก็รู้ว่าทิฟฟานี่ไม่ได้ยิ้มให้ใครเหมือนอย่างที่เธอแสดงออกมาเลย

    “ ถ้ามันยิ้มไม่ออก ก็ไม่ต้องยิ้มให้พ่อหรอกลูก ไม่ต้องฝืนยิ้มออกมาหรอกนะ ”

    แทอูไม่อยากให้ลูกสะใภ้ต้องมาฝืนใจทำอะไรเพื่อเขาหรือคนอื่นๆ เพราะเท่าที่ผ่านมานั้น ทิฟฟานี่ได้ทำอะไรหลายๆอย่างให้เขากับครอบบครัวแล้ว เธอเลือกที่จะมาเป็นลูกสะใภ้ของตระกูลคิม แทนที่จะไปเป็นภรรยาหรือลูกสะใภ้ของตระกูลอื่นที่ใหญ่กว่า เธอเลือกได้นะว่าจะไปเป็นลูกสะใภ้ของมหาเศรษฐีคนไหน เพราะทั้งหน้าตาและฐานะของทิฟฟานี่นั้นก็ไม่ใช่เล่นๆเลย เธอมีสิทธิ์เลือกชะตาชีวิตและอนาคตของตัวเองได้ แต่เธอกลับเลือกพ่อลูกชายผู้ทะลึ่งตึงตังของเขาแทน  ไม่ใช่เพราะว่าทิฟฟานี่พลาดท่าให้แทยอนหรอกนะ หากแต่ว่าเธอหลงรักลูกชายของเราแล้วต่างหากล่ะ เพราะรักถึงได้ยอมมาอยู่กินกับคนที่มีนิสัยตรงกันข้ามกับตัวเอง แม้แทยอนจะไม่รู้ว่าทิฟฟานี่ยอมมาอยู่กับตัวเองนั้น เพราะว่าเธอรักเจ้าคนกะล่อนจอมหื่น แต่แทอูรู้ว่าทิฟฟานี่มาอยู่กับลูกชายของตนเพราะอะไร

    “ คุณพ่อ หนู...หนู ”

    ทิฟฟานี่พูดอะไรไม่ได้ นอกจากการที่เธอจะผละออกมาจากอ้อมกอดของเพื่อนสาว แล้วเข้าไปซบกับอกอุ่นๆของผู้เป็นพ่อสามี หญิงสาวพาร่างที่อ่อนล้าราแรงของตนเข้ามาหาคนที่ยืนปลอบใจอยู่ไม่ห่าง คุณหมอคนสวยโผพาเร่างบางของตนเข้าไปสวมกอดร่างอันสูงใหญ่ของพ่อสามี อยากบอกจริงๆว่าเวลานี้เธออ้างว้างเพียงใด แม้จะคนมากกมายอยู่รายล้อม มันก็ไม่ได้ช่วยให้เธอรู้สึกดีขึ้นมาได้เท่าไหร่เลย ถ้าไม่ใช่คนๆนั้นที่เธอต้องการ คนๆนั้นแค่คนเดียวที่เธอต้องการให้มายืนอยู่ตรงนี้ ขอแค่แทยอนฟื้นขึ้นมาแล้วลืมตามองเธอบ้าง แค่นั้นแหละที่ใจของเธอต้องการในเวลานี้

    “ ไม่เป็นไรนะลูก ไม่เป็นไร เดี๋ยวพี่เขาก็ฟื้นนะ แทยอนต้องฟื้นขึ้นมาอย่างแน่นอน ”

    “ หนู...ก็หวังให้มันเป็นแบบนั้นค่ะคุณพ่อ ”

    ทิฟฟานี่ก็หวังให้ทุกอย่างมันเป็นเหมือนอย่างที่ผู้ใหญ่บอกมา เธอหวังอย่างไม่ค่อยจะมองเห็นความหวังเท่าไหร่ หวังว่ายังไงสามีของเธอก็ต้องฟื้นขึ้นมา แทยอนจะต้องกลับมาหาเธอจนได้ หากว่าในใจของเขายังมีเธอกับลูกอยู่ ยังไงคนกะล่อนจอทวุ่นวายจะต้องกลับมาหาเธอแน่นอน เพียงแต่ตอนนี้เขาเหนื่อยมากไปหน่อย ก็เลยยังอยากนอนพักเอาแรงเท่านั้น แทยอนกำลังพักผ่อนเพื่อเก็บแรงมาเล่นกับลูกหมาต่างหาก มันเป็นเหมือนการพยายามหลอกตัวเองอยู่นะ หลอกว่าสามีจะต้องกลับมาหาเธอ ทั้งที่ก็รู้อยู่เต็มอกว่าโอกาสฟื้นตัวของแทยอนนั้น มันช่างมีอยู่น้อยเสียเหลือเกิน

    ระหว่างที่ลูกสะใภ้กำลังถูกพ่อของสามีกอดปลอบใจอยู่นั้น หมอและพยาบาลอีกชุดนึงก็กรูกันเข้าไปยังห้องฉุกเฉิน เมื่อเห็นดังนั้นแล้วคุณหมอคนสวยถึงกับเข่าอ่อนขึ้นมาทันที ทิฟฟานี่ทรงตัวไม่ไหว เธอไม่สามารถยืนด้วยขาของตัวเองได้ เพราะเธอรู้อยู่แก่ใจยังไงล่ะ ว่าในห้องฉุกเฉินนั้นมีใครอยู่บ้าง หมออาจจะวิ่งเข้าไปดูคนไข้รายอื่นก็ได้ คนไข้ที่ไม่ใช่สามีของเธอ ร่างบางพยายามคิดไปในทางที่ดีพยายามคิดว่ามันคงจะไม่เกี่ยวกับสามีของเธอเป็นแน่ แต่ทำไมขาของเธอถึงได้หมดแรงเอาดื้อๆ อย่าว่าแต่ให้ยันกายขึ้นมายืนเลย แค่จะนั่งลงแล้วทรงตัวไม่ให้ล้มแค่นั้นก็ยังจะไม่ไหวแล้ว

    “ หม่าม๊า ”

    ลูกหมาตัวน้อยผละออกมาจากผู้เป็นยายและอาเขย ยูบินเดินต้วมเตี้ยมเข้ามาหาทิฟฟานี่ หนูน้อยเงยหน้ามองผู้เป็นตาและอาสาว ก่อนที่จะทรุดกายพาร่างน้อยๆของตนนั่งลงบนตักของแม่ ลูกหมาตาใสมองหน้าอันเหม่อลอยของผู้เป็นมารดาอย่างใจห่วงหา ไม่รู้หรอกว่าทำไมแม่ถึงได้มีสภาพแบบนี้ แล้วทำไมคุณยายถึงได้ร้องไห้จนต้องให้อาเขยมาดูแล ตาก็เอาแต่ยืนทำหน้าเศร้าเหมือนเป็นทุกข์ ทุกคนเป็นอะไรกันไปหมด แม้กระทั่งกับอายูลและอาเจสคนที่ร่าเริงตลอดมา ตอนนี้ทุกคนเป็นอะไรกันไปนะ ทำไมทุกคนถึงดูไม่สบายกันเลย แล้วคุณหมาของหนูน้อยล่ะหายไปไหน

    “ หม่าม๊าเป็นอาไรอ่ะ ”

    ลูกหมาถามผู้เป็นแม่ด้วยความห่วงใยด้วยใจรัก สองมือน้อยๆค่อยๆเอื้อมเข้าหาแก้มใส ที่อาบเยื้อมไปด้วยน้ำตาของผู้ให้กำเนิด มือน้อยประคองใบหน้าสวยให้หันมาหาตน ยูบินต้องการแค่ให้แม่หันมามองที่หน้าของตัวเองเท่านั้น ต้องการแค่ให้แม่หันหน้ามามองสบตากับลูกหมาที่น่ารักคนนี้ ไม่อยากให้แม่หันไปมองที่ประตูห้องใหญ่ซึ่งห่างออกไปไม่มากนัก อยากให้แม่หันมาสนใจตนมากกว่าสนใจอะไรหรือใครอื่น รู้อยู่นะว่าในห้องที่มีหมอมากมายนั้น พ่อของลูกหมาตัวน้อยตัวนี้ยังนอนอยู่ในนั้น เพราะคุณหมาคิบอมบอกแล้วว่าพ่อนอนพัก เดี๋ยวรักษาตัวอีกหน่อยก็คงจะหาย แล้วกลับไปอยู่บ้านกับลูกหมาและแม่หมีได้เหมือนเดิม

    “ หม่าม๊า มองหน้าหนูฉิ หันมามองหน้าลูกหมาหน่อยน๊า ”

    ไม่รู้ว่าด้วยความไร้เดียงสา หรือว่าด้วยความน่ารักที่ยูบินมีกันแน่ ทิฟฟานี่ค่อยๆหันหน้ามาหาลูกน้อยของตัวเอง โดยที่ยังมีมือของยูบินประคองแก้มทั้งสองข้างเอาไว้ สายตาที่เศร้าสร้อยของคุณหมอคนงามค่อยๆเอียงเลื่อนมามองตามทิศทางที่หน้าของเธอหันไป ทิฟฟานี่เห็นใบหน้าของลูกหมาตัวน้อยแล้วก็เกิดใจหาย เพราะว่าลูกน้อยที่เธอกำลังจ้องหน้าและมองสบตาอยู่นี้ ไม่ได้มีความแตกต่างอะไรไปจากผู้เป็นพ่อเลยสักนิด ยิ่งมองเห็นหน้าของยูบิน มันก็ยิ่งทำให้ทิฟฟานี่คิดถึงผู้เป็นสามีเข้าไปใหญ่ ใจหัวใจของหญิงคนนี้มีแต่สามีผู้ใกล้จะลาลับเพียงผู้เดียวเท่านั้น หากวันใดที่แทยอนได้จากเธอกับลูกไปแล้ว ยูบินนี่แหละจะเป็นตัวแทนของชายผู้เป็นที่รักของเธอ

    “ หม่าม๊าจ๋า มะร้องไห้น๊า นิ่งซะนะคนดีก๋องลูกหมา ”

    “ ยูบิน ”

    ทิฟฟานี่เรียกชื่อของลูกน้อยได้แค่นั้น เธอก็พลันหลั่งน้ำตาออกมาอีกระรอก ยิ่งยูบินเข้ามาปลอบใจเธอมากเท่าไหร่ มันก็เหมือนกับมีอะไรไปกระตุ้นใจของอีกคนให้เจ็บหนักเข้าไปอีก ยูบินจะรู้บ้างไหมว่ากำลังทำให้แม่คิดถึงพ่อ หนูน้อยคงจะไม่ได้เอะใจอะไรนอกจากห่วงใยผู้เป็นแม่ มือน้อยของยูบินแปะวางอยู่บนใบหน้างามของคุณหมอคนสวย พร้อมด้วยการใช้นิ้วเล็กๆปาดเอาน้ำตาออกไปจากแก้มเนียนของผู้เป็นแม่ ไม่รู้หรอกว่าแม่ร้องไห้ทำไม มีใครมาทำให้แม่เสียใจก็ไม่รู้ แต่ที่แน่ๆแม่ของลูกหมาดูแย่เอามากๆเลยล่ะ

    ต่อให้ลูกหมาพยายามที่จะปาดน้ำตาออกจากหน้าของแม่มากเท่าไหร่ มันก็ไม่มีท่าทีว่าจะหมดออกไปสักทีเลยล่ะ ยิ่งปาดยิ่งเช็ดก็เหมือนกับยิ่งทำให้มันไหลออกมา ลูกหมาทำตัวได้น่ารักน่าชังจนคนที่อยู่รอบข้างถึงกับทนไม่ไหว เจสสิก้ามองหลานน้อยที่ปฏิบัติกับผู้เป็นแม่แล้ว เธอถึงกับต้องหลั่งน้ำตาออกมาอย่างอดไม่ได้ สงสารเวทนายูบินกับทิฟฟานี่เหลือเกิน ลูกหมาตัวน้อยผู้น่ารักกำลังจะสูญเสียผู้เป็นบิดา แต่กระนั้นหนูน้อยก็ยังไม่ได้รู้สึกรู้สาอะไรด้วยเลยสักนิด

    “ หม่าม๊า โอ๋ๆๆ อย่าร้องไห้นะ มามะลูกหมาจะกอดน๊า กอดแบบนี้อุ่นมั้ย ”

    ว่าแล้วยูบินก็วากแขนสั้นๆของตัวเองออกไปโอบรัดที่รอบลำคอของทิฟฟานี่ ตามด้วยการยืดคอขึ้นไปแล้วเอาปากจุ๊บไว้ที่หน้าผากของแม่ ทิฟฟานี่หลับตาพริ้มเมื่อลูกน้อยแสดงความรักกับตน ไอ้นิสัยประจบช่างเอาใจนี่ไม่ต่างอะไรไปจากผู้เป็นพ่อเลยนะ แทยอนก็แบบนี้เหมือนกันนั่นแหละ ชอบที่จะประจบเอาอกเอาใจ พยายามทำให้เธอสบายใจแบบนี้อยู่เสมอ แต่วันนี้กลับเป็นยูบินที่ทำหน้าที่ปลอบใจเธอแทนเขา แบบนี้สินะที่เขาเรียกว่าเชื้อไม่ทิ้งแถว

    “ อุ่นสิลูก อุ่นที่สุดในโลกเลย กอดแม่ให้นานๆเลยนะ กอดแม่อย่าปล่อยนะลูก ”

    ทิฟฟานี่น้ำตาไหลอาบทั้งสองแก้ม พร้อมกันนั้นเธอก็กอดรับและกดหัวของลูกน้อยแนบเข้าไปที่ไหล่ มือนิ่มลูบไล้ไปที่เรือนผมสีน้ำตาลยาวสลวยของลูกหมา และใบหน้าน้อยๆของเจ้าตัวเล็กก็วางแหมะแปะลงไปตามที่ผู้เป็นแม่ต้องการ ภาพของแม่กับลูกนั่งกอดกัน มันดูสะเทือนอารมณ์ของคนที่ได้พบเห็นยิ่งนัก เจสสิก้ามองภาพตรงหน้าแล้วทนไม่ไหว เธอเดินเข้าไปกอดผู้เป็นพ่อแล้วร้องไห้ตามพี่สะใภ้และกับหลานน้อย และทันใดนั้นเองที่คิบอมเดินเข้ามาหาทิฟฟานี่ พร้อมกับกล่าวทักทายผู้สูงวัยและคนหนุ่มสาวที่เป็นญาติของแทยอน

    “ สวัสดีครับทุกคน เอ่อ...คุณทิฟฟานี่ครับ ขอเชิญที่ห้องฉุกเฉินด้วยนะครับ ”

    “ คุณหมอคิม คุณหมายความว่ายังไง ”

    “ ก็หมายความตามที่พูดนั่นแหละครับ เชิญคุณเข้าไปดูแลขคนไข้เถอะนะครับ ขอเชิญทุกคนด้วยนะครับ แต่ขอให้อยู่ในความสงบและอยู่ในกฎระเบียบด้วยนะครับ ผมเอาข่าวมาบอกแล้ว เดี๋ยวผลต้องขอตัวไปทำหน้าที่ของหมอก่อนนะครับ ”

     

    *_*_*_*_*

    *_*_*_*

    *_*_*

    *_*

    *

     

    TALK

    กลับมาแล้วนะคะ หลังจากที่หายหัวไปหลายวันมากเลย ไม่มีอะไรจะสาธยายค่ะ เอาไว้เจอกันใหม่เร็วๆนี้นะคะ สวัสดีค่ะ



    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×