ตั้งค่าการอ่าน

ค่าเริ่มต้น

  • เลื่อนอัตโนมัติ
    [FIC] งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก YulsiC yuri x sica

    ลำดับตอนที่ #59 : Chapter 59

    • เนื้อหานิยายตอนนี้เปิดให้อ่าน
    • 2.4K
      1
      27 ธ.ค. 55

     

    งานนี้...พี่ต้องมี...ลูก

     

    Chapter  59

     

    “ จะให้กินข้าวต้มตอนกลางวัน แล้วมันจะไปอิ่มท้องหรอกครับผู้จัดการ ”

    “ หรือนายจะไปกินข้าวกลางวันแทนล่ะนายคนขับรถ ”

    เจสสิก้ายังเชยคางของคนที่อยู่ตรงหน้าให้เชิดขึ้นมา เพื่อให้สายตาของเธอกับเขาได้มองสบกัน ไม่เคยคิดมาก่อนเลยว่าตัวเองจะทำเรื่องแบบนี้ได้ แบบว่าตอนนี้เธอกำลังให้ท่าผู้ชายก่อน เธอกำลังอ่อยสามีของตัวเอง ทั้งที่เมื่อก่อนไม่เคยเป็นแบบนี้เลย ไม่เคยที่จะให้ท่าใครหน้าไหนทั้งนั้น แต่กับชายคนนี้เธอให้เขาหมดทุกอย่าง ทำทุกวิถีทางเพื่อเอาอกเอาใจเขา ทำทุกทางที่จะเอาชนะใจของนายคนขับรถ

    “ เปล่าครับ...ผมคิดว่ามื้อกลางวันนี้ ผมอยากจะกินข้าวต้มแทนข้าวสวย รู้สึกว่าจะเริ่มเจ็บคอก็เลยอยากกินอะไรที่มันกลืนง่ายๆน่ะครับ แล้วคุณผู้จัดการล่ะครับ...คุณอยากกินอะไร ”

    มันเหมือนเป็นคำถามที่แสร้งทำเป็นไม่รู้นะ แต่เชื่อเถอะว่ายูริก็รู้อยู่แก่ใจ ว่าเจสสิก้านั้นอยากกินอะไรในตอนกลางวัน แค่มองตาก็รู้ใจกันไปถึงไหนต่อไหนแล้วล่ะ แม้จะไม่ต้องเอ่ยออกมายูริก็รู้ดี แต่ก็ยังถามออกไปเพื่อความแน่นใจอีกครั้ง เพราะอยากจะฟังความต้องการจากปากของคนที่อยู่ตรงหน้า อยากรู้ว่าสิ่งที่เขาคิดเอาไว้นั้น มันเป็นไปตามที่คาดเดาหรือเปล่า

    “ ฉันน่ะเหรอ...ฉันอยากกิน... ”

    เจสสิก้าจ้องตาของฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่วางตา ว่ากันว่า...ดวงตาเป็นหน้าต่างของหัวใจ ตอนนี้เธอกำลังค้นหาอะไรจากใจของคนที่อยู่ตรงหน้า อะไรที่เอก็รู้ดีว่าเขามีให้เธอหมดแล้ว รัก...เธอก็ได้มันไปเป็นที่เรียบร้อยแล้ว หัวใจ...เธอก็ได้มาครอบครองแล้วเหมือนกัน แม้กระทั่งร่างกายของชายคนนี้ เธอก็ได้มาแบบที่ว่าไม่ต้องไปแย่งชิงกับใคร แล้วเธอยังจะมองหาอะไรจากชายคนนี้ สิ่งเดียวที่เธอต้องการในตอนนี้ คงจะเป็นการง้อที่มีประสิทธิภาพล่ะมั้งนะ

    “ ครับ...คุณอยากกิน...อะไร ” 

    แค่สายตาที่อีกฝ่ายส่งมาให้ ก็พอจะเดาได้แล้วว่าเธอก็ต้องการเหมือนอย่างที่เขาต้องการ หากแต่ก็ยังอยากจะถามออกไปแบบนั้น มีใครบ้างล่ะไม่อยากฟังในสิ่งที่ตัวเองต้องการ และคำพูดนั้นจะต้องออกมาจากปากของคนที่ตนรักด้วย อยากให้เจสสิก้าพูดออกมาเองว่าเธอต้องการอะไร ต้องการเหมือนอย่างที่เขาต้องการจริงๆไหม

    “ ฉันอยากกิน... ”

    พอตอบคำถามที่ออกแนวค้างๆคากับสามีไป ใบหน้างามของคนที่อยู่เหนือกว่า ก็เลื่อนเข้าหาใบหน้าคนเข้มที่เงยขึ้นมา ดวงตาของทั้งคู่สบประสานกัน พร้อมกับริมฝีปากสวยที่กดทับลงไปที่ริมฝีปากสวยได้รูปของอีกคน ใบหน้าสวยที่ฉาบไปด้วยเครื่องสำอางค์บางๆ ค่อยๆเอียงแฉลบให้อยู่ในมุมเฉียง เพื่อที่จะได้มอบและรับสัมผัสรักกับอีกคน ขนตางอนยาวเป็นแพหนา ลอยเด่นเป็นสง่าขึ้นมาทันที เมื่อเจสสิก้าหลับตาลงไป เช่นเดียวกับอีกฝ่ายที่หลับตาลงไปเหมือนกัน

    ตอนนี้คงไม่ต้องให้บอกแล้วมั้ง ว่าคุณผู้จัดการคนสวยต้องการจะกินอะไร มื้อกลางวันนี้เธอคงจะไม่กินข้าวแล้วล่ะ แต่คาดว่าน่าจะกินคนขับรถแทน ไม่รู้สินะ...พักหลังๆมานี้ รู้สึกได้เลยว่าตัวเองหื่นมาก ไม่ใช่ว่าเธอน่ะไม่หื่นอยู่ก่อนแล้วนะ แต่ว่ามันรู้สึกหื่นยิ่งกว่าเดิมซะอีก รู้สึกว่าตั้งแต่ที่กำลังจะมีลูก เธอก็เริ่มที่จะเป็นฝ่ายรุกสามีก่อน ทั้งที่ก่อนหน้านี้จะมีแต่สามีที่รุกเธอตลอด ยูริจะหาทางเข้ามากดเธอเสมอ แต่ทุกวันนี้มีแต่เธอเท่านั้น ที่พยายามรุกใส่เขาอยู่เรื่อง เผลอเป็นไม่ได้เข้าถึงตัวตลอดเลยล่ะ

    นอกจากริมฝีปากที่กำลังกดประทับกันแล้วนั้น ร่างบางก็ค่อยๆขยับเข้าไปหาคนที่นั่งอยู่ทีละนิดๆ พร้อมกับทรุดตัวลงไปนั่งที่ตักของสามี เพื่อไม่ให้อีกคนต้องเงยหน้านานๆ เดี๋ยวจะมีอาการปวดคอเอา เธอจึงต้องขยับกายเข้ามานั่งที่ตักของเขาแทน น้ำหนักตัวทั้งหมดถูกถ่ายเทลงไปท่หน้าขาของอีกคน เจสสิก้าก็ไม่ได้ตัวเล็กเท่าไร แต่ว่ายูริกลับไม่ปริปากบ่นเลยว่าหนัก ทั้งที่เขาต้องมารับน้ำหนักตัวของผู้เป็นภรรยา

    “ ยูริ...นายรู้สึกหนักมั้ย ”

    ริมฝีปากสีสดผละออกมาจากริมฝีปากของอีกคนเพียงเล็กน้อยเท่านั้น ก่อนที่จะเอ่ยถามสามีด้วยวาจาอันหวานหู แม้ว่าเจสสิก้าจะพูดจาขวานผ่าซากแค่ไหน แต่เมื่ออยู่ในอารมณ์ร้อนรุ่มแบบนี้แล้ว น้ำเกลือจะถูกเรียกว่าเป็นน้ำตาลเลยล่ะ ไหนจะสายตาหยาดเยิ้มเหมือนน้ำเชื่อมนั่นอีกล่ะ ชอบจริงๆเลยนะเวลาที่อารมณ์ของคุณผู้จัดการมาแบบเต็มที่เนี่ย

    “ ไม่เลย พี่ไม่รู้สึกหนักเลยสักนิด ”

    นายคนขับรถเองก็ปากหวานใช่ย่อยเสียที่ไหน เวลาแบบนี้ใครกันล่ะที่จะเอ่ยออกมาว่าหนักแสนหนัก ตอนนี้มีแต่รักกับเบาอย่างกับขนนกเท่านั้นแหละ ความจริงก็รู้สึกได้นะว่าคนรักตัวหนักขึ้น ไม่รู้ว่าเจสสิก้าจะรับรู้หรือเปล่า ว่าตัวเองน่ะหนักขึ้นกว่าเดิม คงเป็นเพราะเจ้าตัวน้อยที่อยู่ในท้องนั่นด้วยหรือเปล่านะ ที่เป็นคนมาเพิ่มน้ำหนักให้กับแม่คนงาม

    “ พูดจริงๆนะ ถ้านายโกหกฉันล่ะก็...ฉันจะไม่ปล่อยให้นายได้กินอะไรเลย ”

    “ พูดจริงๆครับ น้องเจสไม่ได้ตัวหนักอะไรเลย ให้พี่อุ้มลงไปขึ้นรถก็ยังได้เลยนะครับ ”

    เมื่อได้คำพูดที่รื่นหูดังออกมาจากปากของสามี เจสสิก้าก็เผยยิ้มอย่างมีเสน่ห์ออกมา นั่นหมายความว่าเธอพอใจกับคำตอบของอีกคน ไม่เคยคิดเลยนะว่าคนที่ไม่เป็นที่ต้องการสำหรับเธอนั้น คนที่มองยังไงก็ไม่เข้าตา ไม่เข้าท่าอะไรเลยสักอย่าง ปัจจุบันจะเป็นคนเดียวกันกับคนที่กุมหัวใจของเธอเอาไว้ งั้นการที่เธอตัดสินใจแต่งงานมันก็คงจะไม่ใช่เรื่องที่คิดผิดน่ะสินะ

    “ ปากหวานไม่เคยเปลี่ยนเลยนะนายเนี่ย อยากรู้จริงๆว่าปากของนายมันจะหวานไปได้นานแค่ไหน หากแก่ไปแล้วยังจะหวานเหมือนกับตอนนี้อยู่มั้ยนะ ”

    “ อยากรู้ก็ต้องลองพิสูจน์สิครับ ว่าปากของพี่มันจะหวานไปได้อีกนานสักแค่ไหน ”

    คนถูกท้าทายเหยียดยิ้มออกมาอย่างรู้ใจ ส่วนคนที่ส่งสารท้าทายก็ยิ้มหวานออกมาอย่างเจ้าเล่ห์ เป็นใครก็คงต้องทำแบบนี้เหมือนกันทั้งนั้นแหละ แบบว่าทำเป็นปากเก่งพูดท้าทาย ซึ่งมันจะใช้ได้ผลกับคนที่ชอบเอาชนะ แน่นอนว่าเจสสิก้าเป็นคนประเภทนั้น เธอชอบการท้าทายและการเอาชนะคนอื่น ไม่ว่าจะเป็นยังไงก็ตามแต่ เธอจะต้องได้รู้ผลทันที

    “ งั้นฉันทดสอบเลยก็แล้วกันนะ...นายคนขับรถ ”

    “ ครับ...คุณผู้จัดการ ”

    พอสิ้นเสียงเชื้อเชิญกันไปแล้ว คุณผู้จัดการก็ทำการทดสอบปากของสามีทันที ไม่ใช่ว่าไม่เคยทกสอบกันมาก่อนนะ ก็ทดสอบอยู่ทุกวันนั่นแหละ แต่ที่กำลังจะทำกันอยู่นี้มันก็แค่ข้องอ้าง ที่เอามาทำให้มันฟังดูสมเหตุสมผลก็เท่านั้นเองแหละ ใครกันล่ะที่จะมาป่าวประกาศว่าอยากจะทำลูกกันอีกน่ะ ก็ไม่มีใช่มั้ยล่ะ ดังนั้นนี่คือเหตุผลที่เหมาะสมที่สุดแล้ว

    ริมฝีปากของคนขับรถและผู้จัดการประกบเข้าหากันอีกครั้ง และแน่นอนว่าผู้จัดการเป็นคนเริ่มเกมส์ก่อน เจสสิก้ากดริมฝีปากสวยของเธอลงไปทาบกับปากที่จัดจ้านของผู้เป็นสามี ตามด้วยฝ่ามือที่เล่นเลื้อยไปตามแผงอกกว้างของอีกฝ่าย ในขณะที่ยูริก็โอบกอดกระชับร่างอรชรไม่ให้อยู่ห่าง แม้ว่าบางครั้งเขาจะทำเป็นเล่นตัวอยู่บ้างนะ แต่ว่าตอนนี้ไม่เล่นตัวแล้วล่ะ อยากจะเล่นคนที่นั่นอยู่บนตักนี่ซะมากกว่า

    ก๊อก ๆ ๆ !!!

    “ เจสสิก้า ไปกินข้าวเที่ยงกันได้แล้วลูก สงสารหลานของพ่อบ้างนะ เด็กน่ะต้องการสารอาหารจากข้าวนะลูก ไม่ใช่ว่าจะต้องการแต่ความรักของพ่อกับแม่นะ ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ ว่ายังไงล่ะยูบิน ระหว่างพ่อกับแม่ หนูจะอยู่กับใคร ”

    ทิฟฟานี่หันมามองหน้าของลูกสาวตัวน้อยที่นั่งทำหน้าเอ่อแบบไม่เข้าใจ แม่หมีน้ำตาไหลลงมาอาบทั้งสองแก้ม แต่กระนั้นเธอก็ยังทำเป็นเข้มแข็ง พยายามปาดน้ำตาแห่งความชอกช้ำออกไปจากใบหน้า แม้ว่าเธอจะไม่สามารลบภาพที่เห็นออกไปจากความทรงจำได้

    “ หม่าม๊า...หม่าม๊าร้องไห้ทามมาย ”

    ดูเหมือนว่าหนูน้อยจะไม่ได้ใส่ใจอะไรกับคำพูดของผู้เป็นแม่เลยสักนิด หรืออาจจะรู้แต่ไม่อยากที่จะตอบเท่านั้น ลูกหมานั่งจ้องหน้าของแม่อย่างไม่วางตา ไม่เคยเห็นเลยนะภาพแบบนี้ ไม่เคยเห็นแม่ร้องไห้แบบนี้เลยสักครั้ง เท่าที่เคยเห็นจะมีแต่รอยยิ้มพิมพ์ใจ กับภาพที่แม่หัวเราะอารมณ์ดีเท่านั้น แบบที่เห็นแล้วปวดใจแบบนี้เพิ่งจะเคยได้เห็นนี่แหละ

    “ ฝุ่นเข้าตาแม่น่ะ ตอบคำถามของแม่มาสิ เลือกมาเลยว่าหนูอยากจะอยู่กับใคร จะอยู่กับพ่อหรือว่าอยู่กับแม่ ”

    ทิฟฟานี่ยังคงไม่ลดละความพยายามที่จะเค้นเอาความต้องการมาจากลูกสาว วันนี้เธอจะไม่เอ่ยปากถามหมาน้อยแบบนี้เลยนะ หากว่าเธอไม่เห็นคาตาขนาดนี้ นี่น่ะเหรอที่สามีบอกว่าไม่มีอะไร ทั้งที่เธอก็บอกไปแล้วว่ามีอะไรให้บอก มีอะไรให้พูดคุยกัน แต่ที่เขาทำวันนี้มันคือการโกหก แทยอนโกหกเธอแบบนี้ได้ยังไง ทั้งที่เธอก็ให้โอกาสเขาสารภาพความจริงมาแล้วแท้ๆ คงจะเป็นจริงอย่างที่ใครต่อใครว่าเอาไว้ล่ะมั้ง สันดอนน่ะขุดได้ แต่สันดานขุดให้ตายก็ไม่ขึ้น เคยเจ้าชู้ยังไงก็ยังคงเจ้าชู้อยู่อย่างนั้น เธอคิดว่าตลอดเวลาที่ใช้ชีวิตคู่ร่วมกันมา เธอจะสามารถเปลี่ยนสามีของตัวเองได้ แต่วันนี้เธอรู้แล้วว่าตัวเองคิดผิด เธอเปลี่ยนอะไรเขาไม่ได้เลยสักนิด เปลี่ยนความคิดและพฤติกรรมของเขาไม่ได้เลย

    “ หนูอยากอยู่กะป๊ะป๋า กะหม่าม๊าน๊า ”

    ลูกหมาก็ไม่รู้เหมือนกันว่าทำไมแม่ถึงได้ถามตนแบบนี้ แล้วทำไมต้องให้เลือกด้วยว่าจะอยู่กับใคร ก็อยากจะอยู่กับพ่อกับแม่นั่นแหละ ถึงแม้จะเคยบอกไปแล้วว่าระหว่างพ่อกับแม่ยูบินรักใครมากที่สุด หนูน้อยตอบไม่ได้ก็เลยต้องบอกไปว่ารักอาเจส คนนึงก็พ่อผู้ที่คอยเล่น คอยอยู่ดูแลกันมาตลอด ส่วนอีกคนก็แม่ผู้ที่คอยเอาใจใส่ดูแลและห่วงใยกันเรื่อยมา แล้วแบบนี้ลูกหมามันจะไปเลือกใครคนใดคนหนึ่งได้ยังไงล่ะ พวกผู้ใหญ่นี่ชอบทำอะไรที่เด็กเข้าใจยากจริงๆนะ แล้วจะมาให้เลือกฝ่ายนั้นฝ่ายนี้กันทำไม อยู่ด้วยกันหมดนี่ก็สิ้นเรื่องไม่ใช่เหรอ

    “ แต่ว่าแม่จะไม่อยู่กับพ่อนะ ดังนั้นลองเลือกมาสักคนสิ ”

    ยูบินเอียงคอมองหน้าของแม่อย่างสงสัย ไม่เข้าใจว่าทำไมพ่อกับแม่ถึงจะไม่อยู่ด้วยกัน หนูน้อยไม่เข้าใจไม่รู้เรื่องอะไรด้วยเลยสักอย่าง แล้วยิ่งถูกผู้เป็นแม่คะยั้นคะยอคอยแต่ถาม มันก็ยิ่งทำให้ลูกหมารู้สึกอึดอัดและกดดันขึ้นมาอย่างบอกไม่ถูก ดวงตากลมโตจับจ้องอยู่ที่ใบหน้าเนียนสวยของผู้ให้กำเนิดอย่างค้นหาความหมาย แต่หนูน้อยก็หาสิ่งนั้นไม่เจอ

    “ หึ...หนูมะเลือก ”

    “ ยูบิน ”

    “ ยังเลือกอาหารกันไม่ได้อีกเหรอครับ ”

    คิบอมเดินกลับมาที่โต๊ะพอดี การสนทนาของแม่กับลูกจึงยุติลงไปทันที ทิฟฟานี่หันกลับมายิ้มหวานให้กับคนที่เพิ่งจะหยุ่นตัวลงนั่งกับเก้าอี้ ซึ่งคิบอมก็ยิ้มตอบกลับไปให้อีกฝ่ายอย่างหว่านเสน่ห์ ต่างจากยูบินที่นั่งทำหน้าบอกบุญไม่รับ หนูน้อยรู้สึกว่าแม่กำลังจะทำอะไรสักอย่าง อะไรที่มันขัดกับใจของลูกหมาเองนั่นแหละ

    “ ได้แล้วค่ะ เหลือแต่ของคุณเท่านั้นแหละ ”

    “ เหรอครับ งั้นเดี๋ยวผมขอเลือกก่อนนะครับ ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    “ ทางนี่ค่ะ นั่งตรงนี้เลยนะคะ ”

    นอกจากที่จะเดินควงสามีของคนอื่นได้หน้าตาเฉยแล้ว กยูริยังริอาจทำตัวเป็นเมียของสามีคนอื่นอีก หลังจากที่เธอเดินควงแขนของแทยอนเข้มาในร้านอาการได้แล้ว คุณลูกค้าคนงามก็ปฏิบัติการณ์ ประหนึ่งว่านางนั้นได้เป็นศรีภรรยาของชายผู้มาด้วยกันอย่างนั้นแหละ 

    “ ขอบคุณครับ แต่ให้ผลดูแลคุณน่าจะดีกว่านะ ”

    ด้วยความที่เป็นสุภาพบุรุษเต็มขั้น แทยอนจึงไม่ปล่อยให้กยูริต้องทำหน้าที่ดูแลเขา ซึ่งได้ชื่อว่าเป็นผู้ชายอกสามศอก ดังนั้นการปฏิบัติและให้เกียรติกับอิสสตรี จึงถือวาเป็นหน้าที่ของบุรุษเยื่อยงเขา เก้าอี้สีขาวถูกดึงออกมาให้ห่างจากโต๊ะอาหารพอประมาณ จากนั้นร่างอรชรก็ขยับเข้าไปด้านใน แล้วทิ้งกายลงนั่งอย่าอ้อยอิ่ง

    “ ขอบคุณค่ะ ”

    “ ไม่เป็นไรครับ ผมยินดีทำเสมอ ”

    แทยอนยิ้มให้อีกฝ่ายอย่างเป็นมิตร ซึ่งต่างจากกยูริที่ยิ้มหวานส่งมาให้เขาอย่างมีเลศนัย แล้วไหนจะสายตาที่ออกแนวยั่วยวนนั่นอีกล่ะ เห็นแล้วรู้สึกไม่สบายใจเอาซะเลยนะ แบบว่าวันนี้ทั้งวันรู้สึกว่าเสียวสันหลังยังไงก็ไม่รู้ ความรู้สึกนี้มันบอกไม่ถูกจริงๆ ไม่รู้ว่าเป็นเพราะอะไรกันแน่นะ แต่ที่เขารู้ก็คือมันรู้สึกใจหวิวๆ เหมือนกับว่าเขากำลังจะต้องสูญเสียอะไรไปสักอย่าง

    “ จะทานอะไรดีล่ะคะ ”

    ใบหน้างามล้ำเงยขึ้นมามองจ้องตาของอีกคน พร้อมกับโปรยความงามหว่านเสน่ห์ให้แบบไม่มีปกปิด สายตาที่เต็มเปี่ยวไปด้วยความสิเหน่หา ถูกส่งผ่านแหวกอากาศมายังอีกคน ที่กำลังวางตัวอย่างยากลำบาก แทยอนนั่งทำหน้ายิ้มแบบเจื่อนๆ แต่ถึงกระนั้นกยูริก็ไม่ได้รู้สึกสะทกสะท้านอะไรเลย เธอกลับยิ่งยิ้มให้เขามากกว่าเดิมซะอีก

    “ เอ่อ...ผมขอดูเมนูก่อนก้แล้วกันครับ ”

    ก็ยังไม่รู้ว่าจะกินอะไร แล้วก็ยังไม่รู้ว่าจะหนีเกมรุกของอีกคนได้ยังไง แทยอนก็เลยเสไปหาเมนูอาหารแทน พร้อมกันนั้นเขาก็รู้สึกกระหายน้ำขึ้นมา จึงได้ยื่นมือไปหยิบแก้วน้ำเบ้นๆที่วางอยู่ตรงหน้าขึ้นมาดื่ม เหมือนโชคชะตาเล่นตลกกับเขาโดยแท้ พนักงานเสิร์ฟที่เดินสวนกันไปมา ดันมาชนเข้ากับข้อศอกของเขา ผลก็คือน้ำหกกระเซ็นใส่เสื้อผ้าราคาแพงจนเปียกปอน

    พนักงานคนดังกล่าวได้ขอโทษขอโพยแทยอนเป็นการใหญ่ แล้วก็ขอรับผิดชอบความเสียหายที่เกิดขึ้น แต่แทยอนไม่ใช่คนคิดเล็กคิดน้อย เขาก็เลยไม่ได้เอาเรื่องอะไร แต่กยูรินี่สิออกอาการอย่างเห็นได้ชัด เธอโวยวายเป็นการใหญ่ ซึ่งแน่นอนว่าคนในร้านจะต้องหันมาสนใจเธอ ไม่เว้นแม้แต่ผู้ที่เป็นเจ้าของตัวจริงอย่างทิฟฟานี่ ที่นั่งกัดฟันอยู่อย่างเหลืออด

    “ เดี๋ยวผมขอตัวไปห้องน้ำก่อนนะครับ ”

    “ ตามสบายค่ะ งั้นฉันสั่งอาหารรอคุณก็แล้วกันนะคะ อย่าไปนานนักนะคะ รู้มั้ยว่ามีคนคิดถึง ”

    กยูริขยิบตาทำเหมือนกับสาวแรกรุ่น ที่กำลังส่งหัวใจไปให้กับคนที่ตนรัก แทยอนก็ได้แต่ยิ้มให้อย่างเป็นมิตร ก่อนที่เขาจะลุกออกไปจากโต๊ะ ชายหนุ่มเดินก้มหน้ามองสารรูปของตัวเอง แล้วเดินตรงไปยังห้องน้ำ ซึ่งแน่นอนว่ามันจะต้องเดินผ่านโต๊ะของลูกค้ารายอื่นๆ พอเดินไปได้ครึ่งทางเขาก็เงยหน้าขึ้นมา แล้วก็ไม่คิดว่าเขาจะได้เจอเข้ากับใครบางคน

    ดวงตาของชายหนุ่มเบิกกว้างเหมือนกวางเห็นแสงไฟ ขาที่เคยก้าวอย่างว่องไวตอนนี้กลายเป็นยืนนิ่งสนิท เมื่อเธอคนนั้นหันมาสบตากับเขาเข้าอย่างจัง โดยมีดวงตากลมโตของหนูน้อยที่นั่งจ้องเขาเช่นกัน แทยอนยืนขาแข็งเดินต่อไปไม่ไหว เมื่อเขาได้เจอกับทิฟฟานี่ ซึ่งกำลังนั่งกินข้าวกับชายอีกคน

    หญิงสาวนั่งยิ้มให้เขาอย่างเหยียดๆ ก่อนที่จะหันกลับไปจ้องตาของคนที่นั่งอยู่ฝั่งตรงข้าม พร้อมกันนั้นเธอก็ยื่นมือไปตักอาการแล้วส่งให้กับอีกคน และชายคนนั้นก็ยิ้มหวานส่งให้เมียของเขาอย่างได้ใจ แถมยังหันมายิ้มให้กับคนที่ยืนขาตายอย่างผู้มีชัย คิบอมเจตนายิ้มให้แทยอนแบบนั้น เพราะเขาก็ต้องการให้คุณหมอคนสวย ทิ้งกับสามีหน้าหมาคนนี้มานานแล้วล่ะ ประจวบเหมาะกับตอนนี้ยิ่งดีเข้าไปใหญ่

    แทยอนยืนมองเมียของตัวเองป้อนข้าวป้อนน้ำให้ชายอื่น เขารู้สึกฮึดอัดไม่พอใจขึ้นมาอย่างเห็นได้ชัด จากนั้นก็ยื่นมือเข้าไปคว้าของมือของทิฟฟานี่เอาไว้ เพื่อหยุดการกระทำอันแสนร้ายกาจของเธอ ข้อมือเล็กถูกฉุดรั้งเอาไว้อย่างกระทันหัน พร้อมกับร่างบางที่ต้องลุกด้วยแรงฉุดกระชากของอีกฝ่าย

    ร่างบางลุกขึ้นมาจากเก้าอี้ด้วยความไม่เต็มใจ แล้วก็พยายามยื้อยุดตัวเองเอาไว้ เพื่อไม่ให้สามีกระชากเธออกไปจากโต๊ะได้ แต่ว่าชายกับหญิงนั้นเรี่ยวแรงมันต่างกัน ทิฟฟานี่จึงรั้งตัวเองเอาไว้ไม่อยู่ จากนั้นทั้งคู่ก็ฉุดกระชากลากกันออกไปจากร้าน ตรงไปยังลานจอดรถกว้างอย่างเร่งรีบ

    คิบอมกับยูบินมองตามทิฟฟานี่กับแทยอน ก่อนที่ทั้งคู่จะลุกตามออกไป ไม่เพียงแค่สองคนนี้เท่านั้น กยูริเองก็เห็นว่าแทยอนลากผู้หญิงคนนึงออกไป คงไม่ต้องถามก็พอจะเดาได้ว่านั่นคือทิฟฟานี่ ผู้หญิงคนที่เขาบอกว่ารักนักรักหนา ตัวจริงสวยกว่าในรูปที่เธอเคยเห็นอีกนะ อยากรุ้ซะแล้วสิว่าสองคนนั้นจะไปทำอะไรกัน

    “ นี่ปล่อยฟานี่นะ ทำไมพี่แทถึงลากฟานี่ออกมาแบบนี้ ”

    พอถูกสามีลากออกมาข้างนอกได้ ทิฟฟานี่ก็สะบัดมือของแทยอนออก แต่เขาก็ไม่ยอมปล่อยมือไป แถมยังกำข้อมือของเธอไว้ให้มันแน่นยิ่งกว่าเดิมซะอีก นั่นเพราะทนมองเมียรักไปหักสวาทกับชายอื่นไม่ไหว ทั้งที่เขายืนมองอยู่ตรงหน้า เธอยังกล้าที่จะมาทำเป็นเอาใจมันใส่ อยากรุ้นักว่าเอกำลังคิดอะไร ทำไมถึงได้ทำกับเขาแบบนี้

    “ ไม่ จนกว่าพี่จะรู้ว่าฟานี่มาทำอะไรกับไอ้หน้าจืดนั่น ”

    นี่น่ะหรือที่บอกว่ารักเขานักรักเขาหนา แต่ว่าวันนี้เธอแอบมานั่งปั้นหน้าสวยใส่ชายอื่น แถมไอ้หมอนั่นยังหน้าจืดยิ่งกว่าน้ำเปล่า ซึ่งเขาน่าจะดูดีกว่ากันเป็นไหนๆ แล้ววันนี้เมียรักก็ยังเอาลูกหมามาด้วยจนได้ นี่สินะที่บอกเขาว่ากลางวันนี้มีนัด ที่แท้ก็มีนัดกับไอ้พวกผู้ชาย อยากจะถามเหลือเกินว่าทำไมต้องเอาลูกหมาของเขามาด้วย

    “ ก็มากินข้าวน่ะสิคะ พี่แทตาบอดเหรอคะ ถึงได้ไม่รู้ ”

    ด้วยความคับแค้นรวมทั้งน้อยเนื้อต่ำใจ มันจึงทำให้ทิฟฟานี่เลือกที่จะพูดจาประชดสามี แทนที่จะอธิบายให้เขาฟังดีๆ เพื่อที่จะได้เข้าอกเข้าใจกัน แต่เธอก็เลือกที่จะจุดไฟให้มันโหมลุกไหม้ยิ่งกว่าเดิม ไม่ใช่ว่าไม่รู้นะ ว่าสามีกำลังมีท่าทีที่บ่งบอกได้ว่า เขาหึงหวงเธอกับเพื่อนร่วมงานอยู่

     “ ฟานี่ พี่ถามดีๆแล้วนะ ทำไมถึงได้ออกมากินข้าวกับไอ้หมอนั่นกันตามลำพัง ทำไมถึงไม่มีเพื่อนคนอื่นมาด้วย ”

    “ ฟานี่ไม่ได้มากับคุณหมอคิมตามลำพัง ฟานี่พายูบินมาด้วย พี่แทมองไม่เห็นลูกเหรอคะ แล้วพี่แทล่ะ...ไหนว่ามีธุระกับลูกค้า แล้วมาทำอะไรที่นี่คะ ฟานี่ว่านั่นคงจะไม่ใช่ลูกค้าหรอก แต่เป็นคู่ขาซะมากกว่า ”

    คราวนี้เป็นแทยอนเองที่เริ่มจะรู้สึกผิด เขาบอกทิฟฟานี่ว่ามีนัดกับลูกค้า จึงมาหาเธอตอนกลางวันไม่ได้ แต่ใครจะไปคิดล่ะว่าลูกค้าชั้นดี จะพาเขามากินข้าวที่ร้านนี้ แล้วก็พามาเจอเมียรักกินข้าวอยู่กับคนอื่น แถมยังทำเหมือนว่าจะหาพ่อใหม่ให้ลูกอย่างนั้นแหละ เขาจะไม่คิดไปไกลเลยนะ ถ้าทิฟฟานี่ไม่ยิ้มหวานให้ไอ้หมอนั่น แล้วไหนจะการเอาอกเอาใจกันั่นอีกล่ะ นั่นคือสิ่งที่ทำให้เขาหึงอยู่แบบนี้

    “ นั่นไม่ใช่คู่ขาของพี่ แต่เธอคือ...”

    “ คู่นอนค่ะ ”

    เสียงแหลมดังมาจากด้านหลังของแทยอน ซึ่งมันทำให้คนที่ทะเลาะกันหยุดการกระทำลงไปในทันที กยูริเดินเข้ามาหาสองสามีภรรยา พร้อมกันนั้นเธอก็ยังทำมาเป็นวางมาดใส่ทิฟฟานี่ แบบที่ว่าใครๆก็มองสถานการณ์นี้ออก ว่าแม่คนสวยราวกับนางฟ้านางสวรรค์คนนี้ เธอมาอย่างผู้มีชัยที่ไม่มีใครเหนือไปกว่านี้แล้ว

    “ ฉันต้องฝากเนื้อฝากตัวกับคุณมั้ยคะ...คุณทิฟฟานี่ ฮวัง ฉัน ปาร์ค กยูริ เป็นเมียของคุณ คิม แทยอน ค่ะ ”

     

    *-*-*-*-*

    *-*-*-*

    *-*-*

    *-*

    *

     

    Talk…………

     

    กลับมาแล้วนะคะรีดเดอร์ เรามากินมาม่ากันดีกว่าค่ะ สุดท้ายก็ยังรักรีดเดอร์นะคะ จุฟฟฟฟฟฟฟฟฟฟ

     

     

    ติดตามเรื่องนี้
    เก็บเข้าคอลเล็กชัน

    นิยายที่ผู้อ่านนิยมอ่านต่อ ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    อีบุ๊ก ดูทั้งหมด

    loading
    กำลังโหลด...

    ความคิดเห็น

    ×